Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 07


Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word: 07

: Aldnoah.Zero Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine
: Romance Period
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
         
 
         



ตัวอักษรสุดท้ายผ่านเข้ามาในสายตา...ในที่สุดงานชิ้นใหญ่ที่ตั้งใจทำมาหลายเดือนก็เสร็จสิ้นเสียที...

นี่คือการตรวจทานรอบสุดท้ายแล้วสำหรับเอกสารการยื่นประกวดราคาขอสัมปทานการเป็นผู้ค้าไวน์ของภาคกลางแต่เพียงผู้เดียว มือใหญ่วางแผ่นกระดาษลงไปบนโต๊ะ ตัวเลขราคาแว่บเข้ามาทางหางตา...ถ้าไม่ได้งานนี้ คงต้องไปวุ่นวายขอต่อรองกับคนที่ได้สัมปทานไปซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะปราสาทวอร์ริคเคยได้สัมปทานมาตลอดแต่ช่วงหลังๆมานี้ก็มีพ่อค้าคนกลางผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดและคนพวกนี้ก็ยินดีเขียนตัวเลขให้มากเข้าไว้โดยไม่สนใจเลยว่าหลังจากได้สัมปทานมาแล้วพวกผู้ผลิตจะต้องโดนโขกราคาแค่ไหนเพื่อให้ตัวเองได้กำไรเท่าที่ลงทุนไป

ร่างสูงใหญ่ละจากโต๊ะทำงานมายืนอยู่หลังบานหน้าต่าง นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองลงไปในซุ้มกุหลาบซึ่งสเลนมักจะไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ในนั้นโดยที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามีสายตาของเขาจ้องมองอยู่


อีกแล้ว...วันนี้เด็กนั่นก็นั่งเหม่ออีกแล้ว....


ภาพตรงหน้าย้อนกลับไปซ้อนทับภาพของใครอีกคนในอดีตและมันก็ทำให้เขานิ่งเฉยอยู่ไม่ได้

“ ไปบอกสเลนซะว่าเราจะออกไปข้างนอก ให้ไปเตรียมตัวแล้วไปกับเรา”   หัวหน้าพ่อบ้านโค้งรับก่อนจะเดินออกจากห้อง

หมู่นี้เขาไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวหรือลงไม้ลงมืออะไรกับเด็กนั่นมากนัก แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากตรงๆเช่นกันว่าสิ่งที่ทำลงไปทุกๆคืนนั้นหมายความว่าอย่างไร

จากที่คิดว่าพอได้ร่างกายมาเขาคงจะหมดความสนใจในตัวเด็กนั่นแต่มันกลับตรงข้าม...


เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ...

อยากได้...อยากได้ทั้งหมดของร่างกายเล็กๆนั่น...

มันหอมหวานราวกับเป็นสารเสพติด...


และเขารู้ดีเพราะเคยมีประสบการณ์...ว่าหลังจากนี้ไปความรู้สึกที่มีให้เด็กนั่นจะเป็นยังไง

มันอาจจะสายเกินไปแล้วที่จะถอนตัว....


มีแต่คงต้องยอมรับกับสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง...คงต้องยอมรับว่าเขา........



เสียงเคาะประตูทำให้หันกลับไปมอง ร่างโปร่งบางยืนตัวลีบอยู่ตรงนั้น ใบหน้ามนที่ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆแต่กลับคอยช้อนสายตามองอย่างกล้าๆกลัวๆนั่นมันช่างกระตุ้นสัญชาตญาณบางอย่างในร่างกายเสียจริงๆ เจ้าเด็กนี่จะรู้ตัวบ้างไหมว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วมันอันตรายกว่ามองเขาตรงๆหลายเท่า

“ ห้ามไปทำท่าทางแบบนี้กับใครนะ มันเสียมารยาท”  ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยออกไปซึ่งมีแต่จะทำให้ร่างโปร่งงงงวย

“ .....?...ครับ?”   ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสินะว่าตัวเองน่ารังแกแค่ไหน เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้จะพูดออกไปยังไง ได้แต่ปล่อยให้เด็กนั่นทำหน้างงพลางคิดไปเองว่ามารยาทตรงไหนที่ยังไม่ดีต่อไป

“ ตามมา”   ท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์ก้าวขาเดินนำหน้าโดยมีร่างโปร่งบางเดินตามหลังกลายเป็นภาพที่คุ้นตาของคนในปราสาทไปเสียแล้ว บางทีเจ้าของปราสาทหลังนี้เองก็คงจะไม่รู้ตัวว่ามีอีกคนอยู่ข้างกายมากขนาดไหนในแต่ละวันเช่นกัน

“ จะไปไหนหรอครับ?...”   เสียงนุ่มเอ่ยถามในขณะที่นั่งลงที่เบาะฝั่งตรงข้ามของรถม้า นัยน์ตาสีฟ้าเหยียดมองร่างโปร่งบางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงดังฟังชัด

“ ในเมือง”   ตั้งแต่สเลนมาอยู่ที่นี่ก็พาออกไปแค่ที่ไร่กับโรงบ่มไวน์ เป็นเพราะเด็กนี่ไม่เคยเรียกร้องอะไรเขาเลยลืมไปว่าควรจะหาอะไรมาให้บ้าง แต่นอกจากหนังสือแล้วเขาก็ไม่รู้เลยว่าเด็กนี่ชอบอะไร


ก็มีแต่ต้องพาไปเลือกด้วยตัวเองเท่านั้น....


“ เดือนหน้าจะถึงวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิง เจ้ารุ่นราวคราวเดียวกันน่าจะเลือกของขวัญได้ดีกว่าเรา”   แต่ก็ใช้ข้ออ้างบอกออกไปแบบนั้น ไม่อยากให้เด็กนั่นรู้ตัวว่ามีความสำคัญ ไม่อยากให้คิดว่าใครๆก็ต้องการ จะได้ไม่คิดหนีไปจากเขา


หึ...ใครว่าเคาท์ครูเทโอเป็นสุภาพบุรุษ...กับคนที่ชอบแล้วเขาคงเป็นปิศาจร้ายเสียมากกว่า


“ วันเกิดองค์หญิง?”   ใบหน้ามนยามที่พูดถึงคนที่เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตมักจะอมยิ้มอย่างมีความสุข จนเขาอดไม่ได้ที่จะฟาดไม้เท้าลงไปที่ต้นแขนบาง

“ ยิ้มอะไร? อย่าได้คิดทำตนเสมอท่านนะเจ้าสัตว์เลี้ยง”  ก็รู้หรอกว่าสเลนมีแต่ความจงรักและภักดีแต่มันก็อดที่จะไม่ชอบใจไม่ได้....ปิศาจร้ายจริงๆนั่นแหละ เขาน่ะ


ใบหน้ามนนั่นถึงได้ดูอมทุกข์นักเวลาที่อยู่กับเขา...





รถม้าจากปราสาทวอร์ริควิ่งเข้าไปในย่านร้านค้า ถนนปูหินคลาคล่ำไปด้วยบรรดาขุนนางและผู้มีอันจะกินที่กำลังจับจ่ายใช้สอย สุภาพบุรุษในชุดสูงศักดิ์สุภาพสตรีในชุดกระโปรงยาวหรูหราต่างเดินเข้าเดินออกร้านรวงที่ประดับตกแต่งอย่างมีรสนิยม

นัยน์ตาสีฟ้าปรายมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนเด็กนั่นจะไม่ได้มาจากบ้านนอกคอกนา นัยน์ตาสีมรกตถึงได้ดูไม่ตื่นเต้นกับภาพที่เห็นนัก คงจะเคยเดินผ่านย่านการค้าแบบนี้มาบ้าง แต่ยังไงเสียก็คงไม่เคยเข้าไปในร้านที่ติดป้ายราคาแพงระยับขนาดนี้ 

ร่างโปร่งถึงได้ยืนตัวแข็งเมื่อรถม้าจอดลงหน้าร้านเครื่องประดับที่ชนชั้นสามัญไม่มีโอกาสแม้จะได้เฉียดใกล้

อันที่จริงเขาสั่งให้รถม้าวิ่งวนอยู่รอบๆถนนสองสามเส้นนี้อยู่หลายรอบแต่ก็ดูท่าทางว่าเจ้าเด็กตรงหน้าจะไม่ได้สนใจร้านไหนเป็นพิเศษ...จนแล้วจนรอดก็เลยมาจบลงที่ร้านซึ่งตระกูลของเขาใช้บริการมาหลายชั่วอายุคนร้านนี้


ร้านที่เป็นคนทำแหวนกุหลาบแห่งวอร์ริคให้แก่ตระกูลครูเทโอ...


ประกายระยิบระยับของเครื่องประดับส่งมาจากชั้นวางอย่างดีที่อยู่ภายในร้าน ของแทบทุกอย่างเป็นของทำมือที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆมองดูพวกมันทีละอันๆโดยมีเขาเฝ้ามองอยู่ห่างๆ

ที่จริงแล้วทุกๆปีของขวัญที่เขามอบให้องค์หญิงจะต้องเป็นของที่สั่งทำเป็นพิเศษ แต่ปีนี้เพราะมีจุดประสงค์อื่นพ่วงมาด้วยเลยยอมให้เป็นของที่อย่างน้อยก็จะไม่ซ้ำกับใครในร้านนี้

ร่างโปร่งบางเดินดูเครื่องประดับจนทั่วร้าน สายตาของเด็กนั่นไม่ได้มีแววว่าจะอยากได้อะไรให้กับตัวเองเลย สิ่งที่ดวงตาสีมรกตมองหาก็มีเพียงของที่จะให้องค์หญิงเท่านั้น

“ อันนี้ดีไหมครับ?”   ปลายนิ้วเรียวชี้ลงไปที่ต่างหูเล็กๆคู่หนึ่ง ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตอลังการแต่ความเรียบหรูของมันก็แสดงออกมาด้วยวัสดุล้ำค่าอย่างแพลททินั่มกับเพชร เขาเดินตามไปดูแล้วก็ต้องชื่นชมว่าเด็กนี่รสนิยมดีเหมือนกัน

“ ถ้างั้นก็เอานี่แหละ”   ใบหน้ามนยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขาสั่งของที่ตัวเองเลือกให้ ร่างโปร่งละจากหน้าที่ที่สำเร็จลุล่วงของตนไปมองรอบๆร้านอีกครั้ง จากที่เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย...ในที่สุด...เขาก็ได้บรรลุจุดประสงค์ที่พาเด็กนั่นออกมาในวันนี้เสียที

เมื่อนัยน์ตาสีมรกตไปหยุดลงที่ตลับเซรามิควงรีอันหนึ่ง ลายเขียนสีรูปดอกกุหลาบสไตล์วิกตอเรียนโดดเด่นอยู่บนพื้นสีขาว ที่ฝาของมันมีกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นสิ่งของที่จะอยู่ข้างในได้โดยไม่ต้องเปิดตลับออกมา

และขนาดของมันทำให้นึกถึงแหวนที่เขาเคยให้ไป


จะเอาไปใส่กุหลาบแห่งวอร์ริคงั้นหรอ?

ก็น่าจะเหมาะดีนะ


ใบหน้าหยิ่งทระนงลอบหัวเราะในลำคอ ขนาดของที่ตัวเองอยากได้ก็ยังไม่พ้นของที่เขาเคยให้ไปเลยนะเจ้าเด็กนั่น....ทั้งๆที่ในร้านมีแก้วแหวนเงินทองสวยสดตระการตามากมาย แต่สเลนกลับต้องการเพียงแค่กล่องที่จะเอาไปใส่แหวนของเขาราวกับมันคือของสำคัญที่ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้อีก

คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเด็กนี่....


“ เจ้าออกไปรอเราข้างนอกก่อนไป จะไปเดินดูรอบๆก็ได้”  เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนที่ยังจ้องตลับนั่นตาไม่กระพริบ ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆก่อนจะยืดตัวขึ้นมาพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

“ เอาตลับนั่นให้เราอีกใบด้วย”   เจ้าของร้านยิ้มรับก่อนจะเดินไปหยิบมันมาห่อให้ด้วยความประณีต  กว่าจะจ่ายเงินกันเรียบร้อยเลยกินเวลาไปอีกหลายสิบนาที


ร่างสูงใหญ่ก้าวขาออกมาจากร้าน นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองหาร่างโปร่งที่คุ้นเคยก่อนจะเห็นว่าสเลนยืนอยู่กับผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้า ข้อมือบางถูกหมอนั่นจับเอาไว้ด้วยท่าทางคุกคาม ใบหน้าหวาดๆของเด็กนั่นบ่งบอกว่าน่าจะรู้จักชายผู้นั้น...


ใครกัน?


“ นั่นใคร?”   ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปถามพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“ เซอร์ทริลแรมขอรับ...เป็นพวกพ่อค้าคนกลางหัวใหม่ที่ทำการค้าไม่ค่อยบริสุทธิ์ใจนัก...รู้สึกว่าการประกวดราคาขอสัมปทานไวน์ในครั้งนี้ก็จะยื่นซองประมูลด้วยขอรับ”  นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองภาพตรงหน้าอย่างสงสัย แล้วเจ้าผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจนั่นมาเกี่ยวอะไรกับสเลนด้วย ดูจากท่าทางเหมือนกำลังข่มขู่คนของเขาอยู่?

เจ้าของปราสาทวอร์ริคจึงเดินเข้าไปขวางทันที

“ มีอะไรกับคนของเรา?”   และเมื่อเซอร์ทริลแรมเงยขึ้นมาเห็นว่าเขาเป็นใคร ท่าทางที่คุกคามก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมทันที....ช่างน่ารังเกียจนัก ไม่มีความเป็นผู้ดีเอาเสียเลย

“ อ้อ...กลายเป็นคนของท่านเคาท์แห่งปราสาทวอร์ริคอันเลื่องชื่อไปแล้วหรือเนี่ย? ดีจังน้าสเลน”   นัยน์ตาหลุกหลิกมองมาที่เขาทีเด็กนั่นที ร่างโปร่งบางหลบเข้ามาอยู่ข้างหลังเขาราวกับไม่อยากจะอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้อีก

“ ถ้าไม่มีอะไรเราขอตัวก่อน ไปสเลน”   เขาตัดบทแล้วปลีกตัวออกมาทันทีโดยไม่คิดจะสนทนากับชายผู้นั้นต่อไม่ว่าเรื่องอะไร นัยน์ตาสีฟ้าดุดันเหยียดข่มว่าให้ถอยห่างออกไปและไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต่อต้านอำนาจที่แผ่จากร่างกายสูงใหญ่ได้ สองขาก้าวเดินผ่านหน้าเจ้าพ่อค้านั่นไปโดยมีร่างโปร่งบางเดินก้มหน้าก้มตาตามมาติดๆ

“ คนรู้จักของเจ้ารึไง? ท่าทางใช้ไม่ได้เลยนะ”   นัยน์ตาสีฟ้าเหยียดมองคนที่เดินเยื้องอยู่ข้างหลัง เด็กนั่นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆโดยไม่ยอมบอกเขาว่ารู้จักกันในฐานะอะไร ซึ่งเขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ซักไซ้ในเรื่องที่คนอื่นไม่อยากให้รู้


และนั่นมันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลยทีเดียว...



ร่างทั้งสองกลับมานั่งอยู่บนในรถม้าตามเดิม แรงขยับโยกของมันบ่งบอกว่ารถม้ากำลังเคลื่อนที่อีกครั้ง

นัยน์ตาสีฟ้าลอบมองใบหน้ามนของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากสีหน้าหงอยๆที่มีให้เห็นเป็นปกติดูเหมือนตอนนี้มันจะมีความกังวลกับเรื่องอะไรบางอย่างเคลือบอยู่ด้วย....เพราะผู้ชายคนนั้นงั้นหรอ?

มือใหญ่ยื่นถุงกระดาษเรียบหรูออกไปตรงหน้าร่างโปร่งบาง

“ เอาไปสิ...เราให้...ตอบแทนที่เจ้าช่วยเราเลือกของขวัญ”  นัยน์ตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยความกังวลมองมันนิ่งค้างก่อนจะยื่นมือมารับถุงไป กล่องกระดาษที่ห่อมาอย่างดีค่อยๆถูกแกะออกอย่างเบามือ

แล้วใบหน้าหมองๆก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นของที่อยู่ในกล่องกระดาษนั่น รอยยิ้มเผยอยู่บนใบหน้ามนด้วยความดีใจ นัยน์ตาสุกใสเงยขึ้นมามองเขาก่อนที่จะเอ่ย

“ ขอบคุณครับ....”   มือบางประคองตลับเซรามิกยุควิกตอเรียอันนั้นราวกับมันเป็นของมีค่า ทั้งๆที่มันไม่ได้มีราคาอะไรมากมายเลยสำหรับเขา จะซื้อให้อีกเป็นร้อยอันก็ยังทำได้

หากมันจะทำให้สเลนยิ้มให้เขาแบบที่กำลังยิ้มอยู่นี่....

เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนหัวใจที่เย็นชารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...






รถม้ากลับมาถึงปราสาทวอร์ริคยามที่พระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลง

ยังมีเวลาจนกว่าจะถึงอาหารเย็นแต่ดูเหมือนท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์จะไม่ได้ว่างเสียแล้วเมื่อหัวหน้าคนงานมายืนรออยู่ที่หน้าปราสาท

“ มีอะไรรึ?”   ใบหน้าหยิ่งทระนงถามออกไปในขณะที่ก้าวขาลงจากรถม้า

“ ผมเอาไวน์สูตรใหม่มาให้ลองชิมขอรับ”  ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองพยักน้อยๆก่อนจะก้าวขาเดินตามหัวหน้าคนงานไปทิ้งให้ร่างโปร่งบางยืนอยู่ตามลำพัง

ใบหน้ามนที่ยังอมยิ้มน้อยๆมองตามแผ่นหลังในชุดขุนนางไปจนลับสายตา....แผ่นหลังของท่านเคาท์ไม่เพียงแต่จะกว้างใหญ่มันยังแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเขาจากอันตรายได้...

ถึงแม้ว่าการได้พบกับชายคนนั้นในวันนี้จะรบกวนจิตใจจนอดที่จะกังวลไม่ได้ แต่หากเขายังอยู่ในอ้อมแขนของท่านเคาท์ก็คงไม่มีอะไรจะต้องกังวล

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองของที่อยู่ในถุงกระดาษด้วยหัวใจเป็นสุข ถึงจะถูกเลี้ยงเอาไว้ทำเรื่องแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสียสายตาของท่านเคาท์ก็ยังเฝ้ามองมาที่เขา  ทั้งๆที่ไม่เคยบอกแต่ท่านเคาท์กลับรู้ว่าเขาอยากได้ตลับเซรามิกอันนี้....หากไม่มองดูเขาอยู่ตลอดก็คงจะไม่รู้หรอก...

ใบหน้ามนหันไปยังสวนกุหลาบที่อยู่เบื้องล่างอย่างคิดอะไรออก ร่างโปร่งจึงก้าวเดินลงไปตามขั้นบันไดหินเพื่อแวะไปหยิบอะไรบางอย่างจากซุ้มไม้สีขาวก่อนจะตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านเคาท์

ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่เป็นไร...ท่านเคาท์คงจะชิมไวน์อยู่ที่ห้องโถงกลางชั้นล่าง...คงจะไม่รู้หรอกว่าเขาแอบเข้ามา....

มือบางหยิบของบางอย่างขึ้นมาจากโต๊ะไม้สีเข้มก่อนจะก้าวขาออกมาจากห้อง...โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำป้ายขอบคุณที่อยู่ในถุงกระดาษของร้านเครื่องประดับตกเอาไว้ที่พื้น....









ไวน์สูตรใหม่รสชาติยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เจ้าของโรงบ่มไวน์ของไร่ครูเทโอจึงสั่งให้กลับไปแก้ใหม่ ร่างสูงใหญ่กลับขึ้นไปที่ห้องทำงานหลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ถึงใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองจะยังหยิ่งทระนงตามเดิมแต่อะไรหลายๆอย่างก็บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดีจนสาวใช้ที่เดินสวนไปมาต่างอดที่จะหันมายิ้มให้กันไม่ได้

นานแค่ไหนกันแล้วนะที่ปราสาทสีทึมๆหลังนี้ไม่มีสีที่สดใสมาเยี่ยมเยือน....


แต่แล้ว...


สีของฤดูใบไม้ผลิแห่งการเริ่มต้นกลับดำมืดลงไปในชั่วพริบตา เมื่อท่านเคาท์ครูเทโอมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วพบว่า....เอกสารเกี่ยวกับการประกวดราคามันหายไป........

เขาจำได้ว่าวางไว้ตรงนี้แน่ๆ แล้วแผ่นที่หายไปคือแผ่นบนสุดซึ่งสำคัญยิ่งกว่าทั้งปึกที่เหลืออยู่นี่ตั้งไม่รู้กี่เท่า เพราะมันคือแผ่นที่เขียนราคาประมูลเอาไว้ อันที่จริงจะเขียนใหม่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร...เพียงแต่ว่า....ถ้าใครรู้ราคานั่นเข้า...แล้วให้ราคาแข่งกับเขา...มันอาจจะส่งผลจนงานนี้หลุดมือไปเลยก็ได้


หล่นอยู่ใต้โต๊ะหรือเปล่า?


ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงไปมองรอบๆโต๊ะแต่ก็ไม่พบแผ่นกระดาษอะไรเลยสักแผ่น แต่สิ่งที่มองเห็นกลับเป็น...


แผ่นป้ายขอบคุณจากร้านเครื่องประดับ?


นี่มันเป็นของตลับเซรามิกที่เขาซื้อให้สเลน? เด็กนั่นเข้ามาในห้องนี้งั้นหรอ?

แล้วภาพที่ร่างโปร่งบางยืนคุยอยู่กับเซอร์ทริลแรมก็ลอยเข้ามาในหัว...ผู้ชายคนนั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่จะเข้าร่วมประกวดราคาในครั้งนี้เช่นกัน แล้วถ้าหมอนั่นให้สเลนมาเอาราคาของเขาไปให้เพื่อจะเสนอราคาตัดหน้าเขาล่ะ?


ใบหน้าชาวาบเช่นเดียวกับความรู้สึกที่ฉาบอยู่บนร่างกาย


สเลนทรยศเขางั้นหรอ?


จากอารมณ์ที่กำลังผ่องใสกลับมืดมัวราวกับพายุเข้า!!

ไม่จริง...เด็กนั่นจะกล้าทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาอย่างงั้นหรอ?! ทั้งๆที่เลี้ยงดูมาอย่างดีแล้วทำไมทำกับเขาแบบนี้!


เลี้ยงไม่เชื่อง....

คนชั้นต่ำยังไงมันก็คงเลี้ยงไม่เชื่อง!!


ถึงจะไม่ใช่เรื่องเงินแต่หากโดนขู่นิดหน่อยก็คงจะยอมหักหลังเขาได้ง่ายๆเลยแบบนั้นสินะ ใบหน้าใสซื่อนั่นมันคือหน้ากากชั้นที่เท่าไหร่ของเจ้ากัน?!


สองขาก้าวพรวดๆออกไปจากห้องทันที สองมือกำแน่นอย่างเจ็บแค้น...คนอื่นจะหลอกลวงเขามันก็ไม่เท่าไหร่ แต่คนที่ไว้ใจมาทรยศกันแบบนี้เขาทนไม่ได้!


หากไม่รู้สึกอะไรด้วยก็คงจะไม่เจ็บปวดที่หัวใจขนาดนี้ ไม่โกรธ ไม่แค้นจนแทบจะคุ้มคลั่งแบบนี้!


หากไม่รักก็คงจะดี....




ประตูห้องของร่างโปร่งถูกกระชากออกโดยไม่มีการเคาะใดๆ ใบหน้าของคนที่เดินเข้ามาใหม่มีแต่จะทำให้คนที่อยู่ในห้องได้แต่หวาดผวา

“ ท่านเคาท์....?”   มือใหญ่จับลงไปที่ต้นแขนบางก่อนจะกระชากร่างทั้งร่างขึ้นมาจากขอบเตียงที่นั่งอยู่

“ เจ้าเป็นคนทำใช่ไหม? เจ้าเอาเอกสารการประกวดราคาของเราไปใช่ไหม? บอกมา! ว่าเจ้าเอามันไปไว้ที่ไหน? เอาไปให้ไอ้ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม? สเลน!!”   ไหล่บางถูกเขย่าเสียจนไม่มีโอกาสจะตอบ ความโกรธที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมีแต่จะทำร่างบางยิ่งสั่นระริก


เพล้ง!!!


ด้วยแรงเขย่าทำให้ตลับเซรามิกในมือบางตกลงไปแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  กุหลาบแห่งวอร์ริคที่อยู่ข้างในก็ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกัน....


“ ผมไม่รู้...ผมไม่ได้เอาไป....”    เสียงสั่นๆเอ่ยออกไปด้วยความกลัวและเพราะแบบนั้นคนที่โดนไฟแห่งความพิโรธบดบังก็ยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม

“ เจ้าเข้าไปในห้องทำงานของเรา นี่คือหลักฐาน”   แผ่นป้ายขอบคุณของร้านเครื่องประดับที่อยู่ในมือใหญ่ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง

“ เจ้าเข้าไป...แล้วก็เอาเอกสารของเราไป! บอกมาว่าเอามันไว้ที่ไหน! คายออกมาเดี๋ยวนี้!!”   ต้นแขนถูกบีบจนแน่น...มันเจ็บ...จนน้ำตาเอ่อคลอ

“ ไม่รู้...ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น....”   ใบหน้ามนส่ายปฏิเสธ แต่ยิ่งแสดงออกว่ากลัวมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ยิ่งไร้ความปรานีด้วยเท่านั้น

“ ไม่รู้? ไม่รู้งั้นหรอ? ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร ตอบมาว่าเอามันไปไว้ที่ไหน?!!”   เสียงตะคอกใส่ทำให้คนทั้งปราสาทต่างวิ่งขึ้นมาดูด้วยความตกใจ

“ ผม...ไม่รู้....”   ใบหน้ามนก้มหน้าหลบแรงเขย่าด้วยร่างกายที่สั่นระริก เกิดอะไรขึ้นตนก็ยังไม่รู้เลยสักนิด เรื่องตรงหน้าพาเอามึนงงไปหมด

“ ก็ได้....เราจะดูซิว่าเจ้าจะปากแข็งได้อีกสักกี่น้ำ!”   แล้วร่างสูงใหญ่ก็ลากร่างโปร่งบางออกไปจากห้อง

“ ถอยไป!!”   เสียงตะโกนก้องทำให้ข้ารับใช้ที่ยืนดูอยู่ต่างหลบกันตัวสั่นงันงก...ตั้งแต่อยู่ที่ปราสาทนี้มาชั่วชีวิตก็เพิ่งจะเคยเห็นท่านเคาท์ผู้สุขุมเยือกเย็นคนนั้นโกรธจัดขนาดนี้เป็นครั้งแรก ทำเอาไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าไปขวาง


สองขาเรียวเล็กแทบจะถูกลากไปกับพื้นเพราะยังไงก็ก้าวตามร่างสูงใหญ่ไม่ทัน จากตัวปราสาทร่างโปร่งถูกลากไปที่ปีกด้านหนึ่งซึ่งเชื่อมต่อกับหอคอยซีซาร์ส  ก่อนจะถูกลากให้เดินลงบันไดวนไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ

จากที่ที่มีแสงแดดสู่ที่ที่มืดมิด...


เคร้ง!


ลูกกรงเหล็กสนิมเคร่อะถูกเปิดออกก่อนที่ร่างโปร่งบางจะถูกเหวี่ยงเข้าไป ร่างทั้งร่างเซถลาล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นอันชื้นแฉะและเมื่อเปิดตามองให้ดีจึงเพิ่งรู้ว่าตนนั้นถูกลากลงมายังคุกใต้ดิน....

“ ท่านเคาท์....”   ใบหน้ามนมองรอบกายอย่างหวาดๆก่อนที่สองมือจะหันไปจับลูกกรงที่ปิดลง

“ ถ้าเจ้าสารภาพออกมาว่าเอากระดาษนั่นไปไว้ที่ไหน เราอาจจะยอมปล่อยเจ้าออกมา...เพราะฉะนั้น...ตอบ!”   แต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาก็ยังคงส่ายหน้า ถึงจะทำน้ำตาปริ่มแต่ยามนี้ความโกรธที่โดนทรยศหักหลังมันก็ทำให้ร่างสูงใหญ่ได้แต่กำมือแน่น

ท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์กัดฟันกรอดก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเหยียดมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา...หากสัตว์เลี้ยงมันเลี้ยงไม่เชื่องก็ไม่จำเป็นต้องปรานีมันอีก...

ร่างสูงใหญ่สะบัดกายเดินออกไป ทิ้งให้ร่างโปร่งอยู่ในคุกใต้ดินที่ไม่มีแม้แต่แสงใดๆส่องลอดมาถึงตามลำพัง

“ ท่านเคาท์! ท่านเคาท์!!”   ต่อให้ร้องเรียกจนเสียงแหบแห้ง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันหลังกลับมา...


นี่มันอะไรกัน...


ร่างโปร่งบางทรุดนั่งลงที่พื้น รอบกายนั้นทั้งเหม็นอับ ทั้งชื้นแฉะ ทั้งมืด....มันน่ากลัว...น่ากลัวจนอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีตัวอะไรโผล่ออกมา  สองแขนได้แต่กอดเข่าให้แนบชิดลำตัวด้วยความหวาดกลัว


เขาทำอะไรผิด...ทำไมต้องจับมาขังแบบนี้ด้วย....

เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ได้เอากระดาษอะไรนั่นไปด้วย....

สิ่งที่เขาไปเอาออกมาจากโต๊ะของท่านเคาท์ก็คือโถใส่ถุงดอกไม้หอมที่ตั้งใจจะเอามาเปลี่ยนให้ใหม่ก็เท่านั้นเอง....


น้ำตาไหลลงมาบนสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ไหล่บางได้แต่สั่นสะท้านไปกับเสียงสะอื้นที่อีกฝ่ายคงไม่มีวันได้ยิน....


ท่านเคาท์ไม่ได้เชื่อใจเขาเลย...ทั้งๆที่เขาไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว ต่อให้โดนเซอร์ทริลแรมขู่เข็ญยังไงเขาก็ไม่มีวันทรยศต่อท่านเคาท์แน่

ไม่มีวัน...



เจ็บที่ใต้แผ่นอกซ้ายอีกแล้ว....




จะทำร้ายหัวใจของเขาไปถึงไหนกันนะ...เจ้าของกุหลาบแห่งวอร์ริคคนนั้น....






เสียงแซ่กๆทำให้ใบหน้ามนเงยจากหัวเข่าขึ้นมามอง


แล้วสองตาก็ต้องเบิกกว้าง...






เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืองูพิษตัวใหญ่....







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.ไหม๊ถถถถถ



ไม่พูดพร่ำทำเพลง แปะรูปแฟนอาร์ตที่มีคน (ชื่อน้องเมย์) วาดมาให้ก่อง แอร๊ยยยยยยยยยย มาทีสามภาพติดแถมเป็นภาพจากฉากนั้น(?)ของตอนที่แล้วล้วนๆ อิ๊อิ๊อิ๊ โฮกกกกกกกกกกกก คือน้องเมย์วาดมาให้ไวมาก คุณกวางลงฟิคไปไม่ถึงชั่วโมงได้ ภาพก็มาอย่างกะอ่านไปวาดไปเลยง่ะ ปลื้มปริ่มสุดๆ งื้ออออ ขอบคุณนะคะ >/////<




เริ่มจากสเก็ตแรก





แบ้วก็......*q*....ชีวิตนี้ไม่คิดจริงๆค่ะว่าจะมีคนวาดแฟนอาร์ตจากฉาก NC ให้ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ กรี๊ซซซซซซซ





 อันนี้เพิ่งมาเมื่อคืน คือหน้าน้องสเลนน่ากระทำเรามากค่ะคุณแม่ขรา *q*…..สีสวยมากเบยอ่ะรูปนี้ชอบๆๆ >////<


ยังคงต้องขอกราบขอบพระคุณฝ่ายกระตุ้นกันอีกครั้งนะคะ หน้าเฟสคุณกวางก็ยังคงมีแต่สเลนและสเลนและสเลนต่อไป5555 ขอบคุณทุกการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์ด้วยนะค้า  แบ้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^

รีบปั่นให้จบก่อนที่ PP ซีซั่น2จะมา คือคุณกิโนะขราโฮกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ไหวจะทนจริงๆ งื้ออออออออออ >////<


ปล.คุณกวางว่าจะเปลี่ยนไปเรียกชื่อปราสาทว่า วอร์ริค ค่ะ เพราะมีผู้รู้แจ้งมาว่าคนที่อังกฤษเค้าก็ออกเสียงเรียกแบบนี้เหมือนกัน คือไม่ว่าจะอ่านรีวิวไหนก็ไม่มีชาวบ้านชาวช่องคนไหนเค้าเรียกเหมือนในหนังสือเลยถถถถถถถ อีกอย่างมันก็ฟังแล้วเพราะว่ายังไงไม่รู้ อะฮิ๊ง >////<





6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 กันยายน 2557 เวลา 21:51

    จบตอนค้างอีกแล้ววววววววว คุณกวางทรมานใจคนอ่านอีกแล้ววววววววว//โดนตบ
    ปล.ท่านเคาท์ใจร้ายยยยยยยย
    ปล2.สเลนหนีมาอยู่กับเราก็ได้ เราจะดูแลและปกปัองเธอเอง//หลบไม้เท้า

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 กันยายน 2557 เวลา 23:50

    แอร๊ยยยยยย ท่านเคาท์ใจร้ายยย นุงสเลนของเค้า//ใครของคุณกันครับ#สเลน.
    ใจนึงกะอยากให้เข้าใจกันแต่อีกใจก็อยากดู sm =//=
    2 จิตสองใจดีแท้ รอลุ้นต่อนะคะ (. .)/
    ปล.จบค้าง(อีกแล้ว...)

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ19 กันยายน 2557 เวลา 00:26

    ตามอ่านมาเงียบๆสองสามวันละ เหตุเกิดเพราะ ลองหาฟิค กะโดคุ่นี้เล่นๆจนมาเจอ

    คุณกวางจบตอนแบบบีบหัวใจมา สามสี่ตอนแล้ว โอ๊ย ลุ้นนนน

    สเลนจิเป็นไรมั้ยเนี่ยยยย ท่านเคาท์ใจร้ายง่าาาาาา

    มาต่อตอนต่อไปไวไวนะคร๊าาาาา

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 กันยายน 2557 เวลา 05:43

    ลุ้นนนนนนน อยากอ่านต่อมากๆเลย เอาใจช่วยนะสเลนนนนน ///><

    ตอบลบ
  5. อย่างลุ้นเลย
    ท่านเคาท์อย่าใจร้ายกับหนูสเลนซิคะ
    กระซิกๆ รอตอนต่อไป

    ตอบลบ
  6. ตอนนี้ทำร้ายจิตใจมากค่ะ ;-; แรกๆ เบาๆ สบายๆ มุ้งมิ้งน่ารัก
    ท่านเคานต์เริ่มแสดงความใจดีกับสเลนออกมาบ้างแล้ว

    แต่พอมาตอนท้าย . . . พูดได้คำเดียวค่ะ สเลนนนนน !?

    ตอบลบ