Aldnoah.Zero
Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 01
:
Aldnoah.Zero Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine
:
Romance Period
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เด็กคนนั้นชื่อสเลน...
และดวงตาที่เปิดขึ้นมาก็มีสีเขียวมรกต...
“
สเลนแผลเป็นยังไงบ้าง? ดูนี่สิ เราจัดดอกไม้มาให้ เจ้าจะได้สดชื่น สวยไหม?”
เสียงสดใสที่ดังอยู่ในห้องนอนอันหรูหราทำให้ร่างสูงใหญ่ในชุดขุนนางเข้ารูปที่กำลังเดินเข้าไปรู้สึกไม่ชอบใจ
เพราะคิดว่าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไม่ควรที่จะต้องลดตัวลงมาดูแลเจ้าหมาข้างถนนสกปรกๆที่ไปเก็บมาได้นั่นเลย
หัวนอนปลายเท้าเป็นยังไงก็ไม่รู้...
“
อ๊ะ! ยังเจ็บอยู่หรอ? ไม่ต้องขยับหรอก เดี๋ยวเราเอาไปวางเอง” เจ้าคนเจ็บพยายามยื่นมือมารับดอกไม้แต่ก็ดูท่าทางจะไม่ไหว
องค์หญิงจึงต้องขยับกายเพื่อจะเอาแจกันไปวางแทนและนั่นมันก็ทำให้มือใหญ่คว้าไปที่แจกันนั่นก่อนจะเอามันไปวางให้ที่โต๊ะข้างเตียง
“
องค์หญิง...ท่านไม่ควรจะต้องลดตัวไปทำเพื่อสามัญชนเช่นนั้น”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปพร้อมกับปรายตาที่แสดงถึงความไม่พอใจให้คนที่นอนอยู่บนเตียง
“
อื้อออ ท่านเค้าท์ละก็...อย่าทำให้เราเป็นคนใจร้ายใจดำเห็นคนเจ็บแล้วไม่ช่วยแบบนี้สิ”
ใบหน้าสวยหันมายู่หน้าให้อย่างซุกซนทำเอาคนที่ดูแลมาแต่เล็กแต่น้อยได้แต่ส่ายหน้า
“
ไม่ต้องกลัวนะสเลน ถึงเค้าท์ครูเทโอจะหน้าดุแต่ที่จริงใจดีมาก
แต่ถ้าเจ้าโดนท่านเค้าท์รังแกละก็เจ้ามาฟ้องเราได้เลย เราจะจัดการให้” องค์หญิงยังคงหยอกเย้าเขาด้วยการหันไปบอกเจ้าเด็กนั่นด้วยใบหน้าร่าเริง
ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีชาพยักหน้าน้อยๆราวกับหมาเชื่องๆ
เจ้าของปราสาทวอร์วิคยืนมองทั้งคู่อยู่ข้างๆเตียงสี่เสาอันประณีตสวยงาม
นัยน์ตาสีฟ้าหยิ่งทระนงไล่มองใบหน้ามนที่ยิ้มรับบทสนทนาขององค์หญิง มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนทว่าก็แฝงเอาไว้ด้วยความเศร้าหมองเช่นกัน
ดูท่าว่าคงจะเจอเรื่องไม่ดีมามากและการที่องค์หญิงยื่นมือไปช่วยชีวิตที่กำลังจะตายมิตายแหล่นั่นเอาไว้ก็ทำให้เด็กนั่นซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย แน่ละ
การได้เข้ามาอยู่ในปราสาทอันหรูหรา ได้ใช้ชีวิตราวกับคนชั้นสูงแบบนี้
ถึงจะเป็นเวลาเพียงชั่วครู่แต่มันก็คงเป็นความฝันของสามัญชนคนทั่วไป
เพราะฉะนั้นต่อให้นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นจะมององค์หญิงด้วยสายตาเทิดทูลขนาดไหน ถึงจะดูเป็นเด็กที่ไม่มีพิษไม่มีภัยแต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่หรอก
“
องค์หญิง...พระอาจารย์ที่จะมาสอนเรื่องการต่างประเทศคงจะมาแล้ว เชิญท่านเสด็จออกจากที่นี่ได้แล้วขอรับ” ถึงแม้ว่าองค์หญิงอัสเซลัมจะไม่ได้พักอยู่ที่นี่เป็นการถาวรแต่การเรียนการสอนก็สามารถตามไปได้ทุกที่
ใบหน้าสวยหันมาพยักหน้ารับก่อนจะบอกลาเจ้าคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“
เดี๋ยวตอนเย็นเราเอาอาหารมาให้นะ เจ้าพักผ่อนเยอะๆนะสเลน”
รอยยิ้มใจดีฉายชัดอยู่บนใบหน้าสวยก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินออกจากห้องไป
เหลือเพียงเขากับเจ้าเด็กนั่นตามลำพัง...
“
จำเอาไว้ล่ะ...เจ้ามันก็เป็นแค่หมาแมวที่องค์หญิงเมตตาเก็บมาเลี้ยง...อย่าได้คิดอาจเอื้อมหรือทำตนเสมอท่านอย่างเด็ดขาด...เจ้าคนชั้นต่ำ” นัยน์ตาที่เหยียดมองร่างขาวผ่องนั้นเต็มไปด้วยแววดูถูกและก็เหมือนเด็กนั่นเองก็คงจะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบ
ใบหน้ามนจึงพยักรับอย่างเจียมตัว
ไม่รู้ทำไม...ยิ่งเห็นใบหน้าที่ไร้ทางสู้แบบนั้นมันยิ่งกลับทำให้ฝ่ามือกำไม้เท้าแน่น
ร่างสูงใหญ่จึงสะบัดกายแล้วก้าวขาเดินออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด
ถึงแม้ว่าด้านหนึ่งปราสาทวอร์วิคจะติดกับป่าสนสูงชัน
แต่อีกสองด้านก็ติดกับส่วนที่ดูเป็นมิตรอย่างแม่น้ำเอวอนและเรือกสวนไร่นาที่กำลังเขียวชอุ่มทอดไกลสุดลูกหูลูกตา...แน่นอนว่ามันเป็นที่ดินของตะกูลครูเทโอทั้งสิ้น
พวกเขาไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวยจากงานราชการเพียงอย่างเดียว
แต่ที่ดินสีเขียวที่กำลังออกผลผลิตอยู่นี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปราสาทวอร์วิคยังคงใหญ่โตสวยงามอยู่ได้
และนอกจากที่ดินมากมายที่มีอยู่ในมือการค้าที่ต้องติดต่อกับพ่อค้าและขุนนางต่างเมืองก็ทำให้ท่านเค้าท์แห่งวอร์วิคเชียร์แทบจะไม่ได้มีเวลาว่าง
ร่างสูงใหญ่ตรวจตราเอกสารอยู่ในห้องทำงานด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
แผ่นหลังที่ตั้งตรงแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้มีพนักทำให้รู้ว่าเจ้าของปราสาทแห่งนี้เป็นคนเถรตรงขนาดไหนและนั่นก็รวมไปถึงความเจ้ายศเจ้าอย่างที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั่นด้วย
สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านหน้าต่างมาต้องเส้นผมสีทองทำให้มือใหญ่วางกระดาษลงก่อนจะขยับปลายนิ้วมานวดหัวคิ้วที่กำลังเหนื่อยล้า...บางทีเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำงานหนักแบบนี้ไปเพื่ออะไรในเมื่อลูกก็ไม่มี
คนที่จะรับทรัพย์สมบัติมหาศาลต่อจากเขาก็ยังหาไม่ได้
นัยน์ตาสีฟ้าหันกลับไปมองท้องนาเขียวขจี...มีแต่คนบอกว่าเขานั้นช่างน่าสงสาร…
หึ...นั่นมันก็แค่อิจฉา...เขาพยายามที่จะคิดแบบนั้น
เก้าอี้ถูกเลื่อนออกก่อนที่ร่างสูงใหญ่ในชุดขุนนางชั้นสูงจะลุกขึ้นยืน....เดินไปดูเจ้าหมาบาดเจ็บนั่นสักหน่อยดีกว่าเผื่อว่ามันจะโผล่หางอันไม่ชอบมาพากลออกมา
เขาจะได้ฆ่ามันทิ้งซะก่อนที่มันจะคิดร้ายต่อองค์หญิง
ร่างโปร่งบางพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก
ความนุ่มนิ่มของแพร่ไหมที่ห่อร่างกายทำให้รู้สึกราวกับว่านี่มันเป็นคนละโลกกับที่เขาเคยอยู่
นัยน์ตาสีมรกตไล่มองไปทั่วห้อง...ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่คุ้นกับความหรูหราและเครื่องเรือนที่แสนประณีตแบบนี้จริงๆ
มือแหวกผ้าโปร่งใสของเตียงสี่เสาออกเล็กน้อย...ไม่คิดเลยจริงว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้สัมผัสเตียงชั้นสูงแบบนี้
ร่างกายที่ยังเต็มไปด้วบาดแผลขยับมานั่งข้างๆเตียงก่อนจะพยายามหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับเอาไว้อย่างสวยงามมาสวมลงบนร่างกายที่มีแต่ผ้าพันแผล
ถึงแม้ว่าขยับแต่ละทีความเจ็บปวดจะยังแล่นลิ่วไปทั่วร่างแต่เขาก็ต้องการจะไปห้องน้ำจนทนไม่ไหว
ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าจึงเดินโซเซออกจากห้องไปช้าๆ
และเมื่อเปิดประตูออกมาใบหน้ามนก็ได้แต่มองซ้ายมองขวาอย่างมึนงง
ทางเดินที่ปูพรมอย่างดีนี้จะทอดยาวไปถึงที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้เพราะมันช่างยาวสุดลูกหูลูกตา
โคมระย้าที่ห้อยลงมาเป็นระยะๆก็ยิ่งทำให้รู้สึกประหม่า
บานประตูไม้สลักอย่างวิจิตรที่เรียงรายกันอยู่ตลอดสองข้างทางเดินก็มีแต่จะทำให้รู้สึกตาลาย...ห้องไหนเป็นห้องไหนก็ไม่อาจจะรู้ได้เลย...
นัยน์ตาสีมรกตมองประตูห้องต่างๆด้วยแววสั่นน้อยๆ...ทำยังไงดี...หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเมื่อคืน
เขาก็เพิ่งจะได้ออกมาเดินนอกห้องครั้งแรก...แล้วจะหาห้องน้ำเจอได้ยังไง?
มือบางจึงจำต้องค่อยๆแอบแง้มประตูห้องไปทีละบาน...ทีละบาน....
แล้วในที่สุดก็ตามหาห้องที่ต้องการเจอจนได้...ใบหน้ามนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัว
นัยน์ตาสีมรกตมองอ่างอาบน้ำเซรามิคที่ตั้งอยู่กลางห้องอย่างตื่นตา
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นห้องน้ำที่หรูหราขนาดนี้นี่แหละ ยิ่งน้ำที่ไหลซ่าลงมาบนฝ่ามือก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างสามัญชนกับคนชั้นสูงจริงๆ
ละอองน้ำที่กระทบลงมามันช่างนุ่มนวลและอบอุ่นกำลังดีไม่เหมือนน้ำเย็นเฉียบที่เขาอาบอยู่ทุกวันตอนอยู่ที่บ้านเลยสักนิด
ใบหน้ามนเงยมองหน้าของตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกเงา...เพราะมีหน้าแบบนี้ถึงได้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้นหรือไงนะ
ถ้าองค์หญิงไม่ช่วยเขาเอาไว้...ป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้เลย...
“
เฮ้อ....”
เสียงถอนหายใจดังออกไปก่อนที่ร่างโปร่งบางจะเดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ...คิดถึงไปก็รังแต่จะทำให้ตัวสั่นเปล่าๆ
ตอนนี้เขาก็แค่อยากจะตอบแทนความมีน้ำใจขององค์หญิงบาง...เท่าที่ชีวิตอันน้อยนิดของเขาจะให้ได้...
แต่ก่อนหน้านั้นยิ่งกว่า...
เขาว่าเขากำลังเจอปัญหาเข้าแล้วละ....
นั่นก็คือ...เขาจะกลับห้องของเขาได้ยังไง?
ร่างโปร่งบางยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าห้องน้ำ...จำไม่ได้เลยสักนิดว่าเมื่อกี้เดินมาจากทางขวาหรือทางซ้าย...
โธ่....ใครให้สร้างปราสาทใหญ่โตขนาดนี้เนี่ย....
ใบหน้าห่อเหี่ยวจึงตัดสินใจก้าวขาเดินไปมั่วๆ
เพราะไม่ว่าจะมองยังไงก็แยกโถงทางเดินนี้ไม่ออกว่ามันทิศไหนเป็นทิศไหนกันแน่
ข้าวของเครื่องใช้หรูหราแบบนี้เขาดูไม่เป็นหรอกว่าอะไรมันเป็นอะไร
ร่างโปร่งยังคงใช้วิธีเดิมคือค่อยๆแอบแง้มประตูดูไปเรื่อยๆ
ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเดินไปจนสุดปีกหนึ่งแต่ก็ยังไม่พบห้องนอนที่คุ้นตา มีแต่ห้องนั่งเล่น
ห้องทำงาน ห้องหนังสือ ห้องเปียโน
ห้องอะไรไม่รู้อีกมากมายแต่ดูเหมือนปีกนี้จะไม่มีห้องนอนเลยสักห้อง
โธ่...แล้วปราสาทใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีใครมาเดินไปเดินมาให้เขาถามได้เลยล่ะ
หรือว่าตึกนี้จะเป็นที่ส่วนตัวกันนะ?
ร่างโปร่งเดินโซเซกลับไปตั้งต้นใหม่ยังหน้าห้องน้ำ
ถ้าปีกนั้นไม่ใช่ มันก็ยังเหลือแค่ปีกตรงหน้านี่แหละ สองขาจึงก้าวเดินต่อไป...ทำไมกับแค่การมาเข้าห้องน้ำมันถึงได้ลำบากลำบนแบบนี้กันนะ
แล้วในที่สุด...เขาก็หาห้องนอนของตัวเองเจอจนได้...
ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเดินเข้าไปอย่างไม่ได้นึกเอะใจ
ว่ามันมีเฟอร์นิเจอร์บางอย่างถูกจัดวางไม่เหมือนเดิม...เห็นแค่เตียงสี่เสาก็นึกว่าเป็นห้องของตัวเองโดยที่ลืมไปว่า...ห้องนอนทุกห้องในปราสาทแห่งนี้ก็ใช้เตียงสี่เสาทั้งนั้นแหละ!!
เสียงประตูที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้ร่างโปร่งบางสะดุ้งน้อยๆ
สองขาที่กำลังจะก้าวเดินไปที่เตียงชะงักค้างก่อนจะหันร่างกลับไปมองคนที่เดินดุ่มๆเข้ามาด้วยใบหน้าราวกับปิศาจ
ท่านเค้าท์ครูเทโอ?
“
มะ มีธุระ อะไรหรือครับ?”
เสียงตะกุกตะกักเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นๆ
“
ชั้นต่างหากที่ต้องถามแก ว่ามีธุระอะไรในห้องนอนของชั้น?!” มือใหญ่บีบลงไปที่ต้นแขนเล็กราวกับคีมเหล็ก
มันไม่ได้เบามือเลยสักนิดจนเจ้าของต้นแขนได้แต่กัดฟันแน่นตามความเจ็บแปลบที่แผ่ออกมา
“
หะ ห้องนอน?” ใบหน้าเหวอๆหันไปมองรอบกายอีกทีแล้วก็ทำให้เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาเข้าห้องผิดจริงๆ
“
ขอโทษครับ..ผมไปห้องน้ำ...แล้วก็หาทางกลับห้องของตัวเองไม่เจอ....” ริมฝีปากสีระเรื่อพยายามบอกเหตุผลของตัวเองแต่ดูเหมือนคนที่มีสีหน้าโกรธจัดไม่คิดที่จะรับฟัง
มือใหญ่ลากร่างโปร่งบางออกไปจากห้องของตัวเอง
“
คิดว่าชั้นจะเชื่อหรือไง? แกมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ถูกซ้อมจนลอยตามน้ำมาแบบนั้นไปขโมยของหรือว่าทำเรื่องอะไรไม่ดีเอาไว้ใช่ไหม?
บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้! สารภาพมาว่าจะเข้ามาขโมยของในห้องชั้นใช่ไหม?!”
ประตูห้องปิดลงพร้อมๆกับที่มือใหญ่บีบต้นแขนเล็กเขย่าไปมาจนร่างกายที่โยกคลอนไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เอ่ยคำแก้ตัวใดๆ
“
ไม่....”
ที่ต้นแขนรู้สึกเจ็บจนน้ำตาแทบไหล แต่ที่เจ็บใจยิ่งกว่าคือการที่คนตรงหน้าดูถูกเขาเสียยิ่งกว่ามดปลวก
เขาก็แค่ไม่มีทางเลือกถึงได้ต้องเอาแต่หนี
เขาไม่ได้อยากจะมีชีวิตแบบนี้แล้วทำไมต้องมาดูถูกกันด้วย!
“
ท่านเค้าท์!” และแล้วเสียงใสขององค์หญิงที่
1 แห่งอังกฤษก็เข้ามาช่วยเขาไว้อีกจนได้...
“
ทำอะไรสเลนน่ะ ปล่อยเลยนะ!” องค์หญิงตรงเข้ามาขวาง นัยน์ตากลมโตจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงใหญ่
ฝ่ามือที่จับต้นแขนบางเอาไว้จึงยอมปล่อยแต่โดยดี
“
เจ้าเด็กนั่นลอบเข้ามาในห้องของกระหม่อม กระหม่อมว่ามันไม่น่าไว้ใจ
มันอาจจะเป็นขโมยที่ถูกตามล่าตัวอยู่ก็ได้นะองค์หญิง
ถ้ายังไงเอามันไปขังไว้ในคุกใต้ดินก่อนไม่ดีกว่าหรือ”
ใบหน้าหยิ่งทระนงเหยียดตามองไปยังเจ้าของนัยน์ตาสีเขียว
ร่างกายสั่นระริกที่กำลังหอบหายใจดูเหมือนอาการจะไม่ดีเท่าไหร่แต่ด้วยความโมโหบดบังมันจึงทำให้ร่างสูงใหญ่คิดเพียงแต่ว่าเจ้าเด็กตรงหน้าก็แค่สำออยเท่านั้น
“
ได้ไงล่ะ! ในคุกใต้ดินทั้งเหม็นทั้งอับทั้งสกปรก
สเลนมีแผลเต็มตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ติดเชื้อตายกันพอดี”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองมองไปยังใบหน้าที่เหมือนจะซีดเซียวกว่าเมื่อครู่ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
แต่เขาก็ขัดต่อความต้องการขององค์หญิงไม่ได้ ลมหายใจหนักๆจึงถูกถอนออกไป
“
ถึงองค์หญิงจะพูดแบบนั้น แต่กระหม่อมต้องให้ทหารมาเฝ้ามันเอาไว้” เขายอมให้ได้เท่านี้
องค์หญิงยิ้มรับก่อนจะพาร่างที่เดินโซเซไปมานั่นกลับห้องพักไป
นัยน์ตาสีฟ้ายังคงจ้องมองแผ่นหลังบอบบางนั่นไปอย่างไม่ไว้ใจ
“
ให้คนไปสืบเรื่องของเจ้าเด็กนั่นมา เราอยากรู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหน” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งพ่อบ้าน
ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นเพราะแค่เด็กนั่นรักษาตัวจนหายเขาก็ควรจะไล่มันไปและกลายเป็นแค่คนไม่รู้จักกันตามเดิม
ร่างสูงใหญ่กลับมายืนอยู่หลังบานหน้าต่างในห้องนอนของตัวเอง...เขาก็แค่ต้องการจะรู้หัวนอนปลายเท้าของเด็กนั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับองค์หญิง...
ไม่ได้เกี่ยว....
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใบหน้าของคนที่อยู่ในกรอบรูปนี้เลย....
ไม่เกี่ยว....
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองลงไปยังกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง
มือที่ตั้งใจจะหยิบมันขึ้นมาชะงักค้างไปเล็กน้อย...เมื่อสังเกตเห็นรอยอะไรบางอย่างที่ตกค้างอยู่บนฝ่ามือ
เลือด?
ของใครล่ะ?
สเลนงั้นหรอ?
ริมฝีปากได้แต่กัดกันแน่...เจ้าเด็กหัวขโมยนั่นจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ...ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา!
ไม่เกี่ยว....
ทั้งๆที่คิดแบบนั้น...
แต่ทำไมเขาถึงห้ามตัวเองไม่ได้....ไม่ให้มายืนอยู่ข้างเตียงของเด็กนั่นแบบนี้....
แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาฉาบไล้ใบหน้าที่กำลังหลับสนิท...ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้านี้ช่างงดงามจนละสายตาไปได้ยาก
นัยน์ตาสีฟ้าไล่มองไปยังต้นแขนบางข้างที่ตนเผลอบีบจนเลือดซิบ...ดูเหมือนมันจะถูกพันแผลใหม่จนไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว
ก็แค่นี้แหละที่อยากมาเห็น...
แล้วร่างสูงใหญ่ก็ใช้ความมืดพรางกายหายไปจากข้างเตียง...ปล่อยให้คนที่ไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มหลับใหลอยู่ในห้องตามลำพัง...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.ไหม๊ถถถถถ
อาจจะสั้นหน่อยนาคะ
ต้องแบ่งเวลาปั่น GLIDE ด้วย โฮวววววววววว
ว่าแต่เค้าท์ครูเทโอนี่อายุเท่าไหร่กันนะ?
คงไม่ใช่ว่า 40 แล้วหรอกนะ *ทรุด* นับวันตรูก็จะยิ่งโอจี้ซังเข้าไปทุกที เพราะรีไวซามะนั่นแหละฟฟฟฟฟฟฟ
(โดนดาบตัดคอข้อหาพาดพิง)
อันที่จริงคุณกวางไม่ค่อยแม่นเรื่องข้อมูลลำดับขุนนางอังกฤษอะไรงี้เท่าไหร่อ่ะนะ
ถ้าเจออะไรที่มันแปลกๆไปบ้างก็บอกได้นะคะ555 ไม่มีเวลาจะอ่านข้อมูลแบ้ว มั่วเองเลย!!
(โดนตบ) แต่ชอบจริงๆนะคะกับเรื่องราวในสมัยนั้น
มันทั้งหอมหวานและอบอวลไปด้วยความเศร้าหมอง ความโหยหา ยังไงไม่รู้ ฮืออออ
เลยแต่งไวอย่างกะผีสิงอย่างที่เห็น กร๊ากกกก
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
อะเหะๆ ^
^
จะนางทาสโดนตบอีกไหมเนี่ย สเลนคุง....ในเรื่องก็รันทดพอแล้วนะ
ตอบลบว่าแต่..ปอปล่ะพี่ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
คุณกวางแต่งฟิคเรื่องจำเลย...แค่ก A/Z ด้วย ดีจายยยยยย TwT
ตอบลบแต่ไม่ว่าจะในเรื่องหลักหรือในฟิคสเลนคุงก็อาภัพเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งก็...ดีแล้วค่ะ (อ้าววว)
จะรอติดตามนะคะ!
ปล.ท่านเคาท์อายุ 37 ค่ะ คู่นี้ความห่างของอายุหนักกว่าฝั่งรีเออีก 555
ให้ความรู้สึกจำเลย*ตึ๊ด*มาตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะ ฮา #จะเซ็นเซอร์ทำไม
ตอบลบเห็นน้องสเลนแล้วก็ฉงฉาน TuT อยากจะเอาตัวไปขวางแทน..
ท่านเคานต์นี่ก็.. แอบซึนนะคะ www สนใจน้องก็บอกมาดี--
บางทีก็ลุ้นให้องค์หญิงอยู่กับสเลนตลอด จะได้ไม่โดนท่านเคานต์โหดใส่ ;-; ท่านเคานต์ก็ซึนไปนะคะ ว่าเขาอย่างนั้นอย่างนี้แต่สุดท้ายก็แอบมาดู //อุก! ไม้เท้าฟาด
ตอบลบ