Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 12
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ถึงแม้ว่ามาราเนลโลจะเป็นเมืองเล็กๆ
แต่ก็ยังสมกับที่อยู่ในอิตาลี...อาคารที่เพิ่งสร้างมาได้ไม่นานแต่กลับใช้สีและหลังคากระเบื้องที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับผืนดินแม่ทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี...นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองระเบียงเหล็กดัดของตึกข้างทางที่ประดับประดาด้วยกระถางดอกไม้สไตล์อิตาเลียนก่อนจะกลับมามองที่ถนน...ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ...แต่บรรยากาศนั้นก็น่าอาศัยอยู่จนไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมีครอบครัวของคนใหญ่คนโตอยู่ที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
มาราเนลโลกลายเป็นที่รู้จักของโลกในฐานะบ้านของเฟอร์รารี่...ที่นี่มีทั้งโรงงาน
พิพิธภัณฑ์และสนามทดสอบส่วนตัวของเฟอร์รารี่...กว่าครึ่งเมืองจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของเจ้าม้าลำพองตัวนี้
นัยน์ตาสีขี้เถ้าละจากบรรยากาศบนถนนมามองใบหน้ามนของคนที่เดินอยู่ข้างๆ...ถึงจะไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าเดทได้หรือเปล่า
แต่พวกเขาก็กำลังเดินอยู่ด้วยกันบนถนนเส้นเล็กๆที่เชื่อมต่อมาจากวงเวียนหน้าโบสถ์ประจำเมือง
แทนที่ริมฝีปากช่างเจรจานั่นจะถามนู่นถามนี่จนน่ารำคาญเหมือนทุกที...วันนี้เจ้าเด็กนั่นกลับเงียบไปจนเขาได้แต่สงสัยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า?
ใบหน้าที่เคยแสดงออกถึงความดื้อดึงอยู่เสมอก็ดูซึมๆไม่ร่าเริงเหมือนทุกที
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยโดนเขาทำเรื่องเลวร้ายด้วยตั้งหลายอย่างแต่ก็ไม่เคยมีสีหน้าแบบนี้
ใบหน้าเฉยชาหันกลับมามองทางข้างหน้า
สองขายังคงก้าวต่อไปโดยไม่พูดอะไร
มีเพียงมือเท่านั้นที่เอื้อมไปจับมือบางจนนัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อความอบอุ่นไหลผ่านเข้ามา...แววตาที่สั่นระริกจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่เดินเยื้องอยู่ข้างหน้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหนักอึ้ง...ยิ่งก้มลงไปมองมือที่จับมือของตนเอาไว้ก็มีแต่จะยิ่งรู้สึกหน่วงๆในใจ
เพราะคำพูดของผู้เป็นพ่อยังคงดังก้องอยู่ในหัว...
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเปิดประตูเข้าไป
ร่างโปร่งบางเหลือบมองบาร์เล็กๆที่อีกฝ่ายพาเข้ามาในขณะที่สองขาก้าวไปตามแรงดึงจากฝ่ามือ...เพราะจะว่าไปร้านกาแฟหรือที่คนอิตาลีเรียกกันว่าบาร์น่ารักๆแบบนี้ก็ดูไม่ค่อยเข้ากับหน้าราวกับปลาตายของนักขับมือหนึ่งแห่งทีมม้าลำพองสักเท่าไหร่
ร่างในชุดลำลองของเฟอร์รารี่เลือกนั่งลงที่โต๊ะด้านในสุดก่อนจะสั่งนมร้อนมาให้โดยไม่ถามเลยสักคำว่าเขาอยากจะดื่มอะไร...ถึงแม้ตอนนี้ข้างในจะยังเต็มไปด้วยความหนักใจ...แต่พอได้อยู่ใกล้ๆกับคุณรีไวที่ชอบทำอะไรตามใจแบบนี้จู่ๆก็รู้สึกดีขึ้นมา
แล้วยิ่งจู่ๆคนที่นั่งจ้องหน้าเขาเขม็งก็ยื่นหลังมือมาแตะที่หน้าผาก...ความร้อนผ่าวก็พุ่งเข้าเล่นงานสองแก้มของเขาทันที
“
ตัวก็ไม่ได้ร้อนแล้วนี่?” คุณรีไวพูดออกมาด้วยใบหน้าครุ่นคิด....รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่อีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขา...ถึงแม้ว่าร่างแข็งแกร่งจะคิดว่าเป็นเพราะเขาไม่สบายก็ตาม
สองมือจึงเอื้อมไปจับฝ่ามือแข็งกระด้างนั้นเอาไว้ก่อนจะย้ายมันมาแนบกับแก้มใสของตัวเอง...ต่อให้มือข้างนี้จะไม่ได้นิ่มนวลแต่มันกลับอบอุ่นยิ่งกว่ามือของใคร...อุ่นจนอยากจะให้มันจับเขาเอาไว้ให้นานๆ...จับแต่เขาเท่านั้น
“
ยืมหน่อยนะครับ...”
เสียงงึมงำที่ดังออกมาจากใบหน้าที่ขยับคลอเคลียฝ่ามือแข็งแรงทำให้เจ้าของมันถึงกับนิ่งค้าง
ใบหน้าเฉยชามองการกระทำราวกับลูกหมานั้นด้วยหัวใจที่กระตุกแปลกๆ....เจ้าเด็กเหลือขอนั่นไม่เขินบ้างหรือยังไงนะ...
“
เป็นอะไร?...เด็กเหลือขออย่างนายมีอะไรต้องคิดด้วยหรือไง?...กลุ้มใจเรื่องของเล่น?” ถึงจะถามด้วยความเป็นห่วงแต่คำพูดคำจาก็ยังคงสมกับเป็นรีไวแห่งทีมเฟอร์รารี่...ใบหน้ามนของคนฟังแก้มป่องขึ้นมาทันที
“
รถของผมไม่ใช่ของเล่นนะครับ! คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่ามันสุดยอดแค่ไหน!”
เจ้าเด็กดื้อยอมปล่อยมือของเขาออกก่อนจะเถียงกลับมาทันที
ใบหน้าบูดๆก้มลงไปเป่านมร้อนที่ยังมีไอโชยกรุ่นก่อนจะยกมันขึ้นมาดื่ม.....แบบนี้ค่อยสมกับที่เป็น
เอเลน เยเกอร์ หน่อย...นายน่ะไม่เหมาะกับใบหน้าหงอยๆหรอกนะ
แต่ก่อนที่จะได้ซักถามอะไรไปมากกว่านั้น...เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ...นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมามองจากหลังแก้วนมแต่เบอร์ที่ขึ้นอยู่ที่หน้าจอมันก็ทำให้เขาไม่กดรับไม่ได้
“
ว่าไง?” เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย...เจ้าฮายาโตะจะไม่โทรมา...
“
ท่อแตก....” แล้วเสียงราบเรียบที่ดังมาตามสายก็ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว...
“
ห๋า?...โทรหาเอลวินสิ”
เขากรอกเสียงกลับไปอย่างนึกสงสัยว่าเจ้าเด็กนั่นไปทำอิท่าไหนให้ท่อประปาที่หนากว่าปกตินั่นมันแตกได้...อย่าบอกนะว่าขับรถไปชนมิเตอร์อีกแล้วน่ะ?
“
โทรแล้ว...แต่เอลวินกำลังประชุมเรื่อง F14 T ที่จะใช้ปีหน้าอยู่
บอกว่ากว่าจะเสร็จคงเย็นๆ”
เขาฟังเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนที่ผ่านโทรศัพท์มาพลางเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ถึงจะรู้สึกถึงความกังวลที่ส่งผ่านมาจากนัยน์ตาสีมรกตว่าไม่อยากให้เขารับโทรศัพท์
ไม่อยากให้เขาคุยกับใคร ไม่อยากให้เขาไปไหนในเวลาแบบนี้ แต่เขาก็วางใจไม่ได้จริงๆกับเจ้าเด็กที่ชอบทำบ้านพังเป็นหลังๆนั่น
“
แล้วมันแตกเยอะไหม?”
“
ไม่เยอะหรอก...”
แต่เสียงซ่าๆที่ดังอย่างกับน้ำตกที่เขาได้ยินผ่านมือถือนี่มันดูท่าจะแปลผกผันกับคำว่าไม่เยอะของเจ้าฮายาโตะอยู่นะ....เขาถึงกับถอนหายใจออกไป...ถ้าไม่กลับไปดู...สงสัยเขตอุทยานของมาราเนลโลจะได้ทะเลสาบแห่งใหม่
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนที่นั่งตรงหน้าอย่างชั่งใจ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบตกลงกับปลายสาย
“
เดี๋ยวชั้นกลับไป...”
แล้วโทรศัพท์ก็ถูกวางสายไปพร้อมกับใบหน้าหงอยๆของคนตรงหน้า...ถึงจะรู้สึกผิดนิดๆแต่มันก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่ช่วยไม่ได้...เรื่องแค่นี้คิดว่าเด็กนี่คงจะเข้าใจ...
แต่เขาไม่เข้าใจ....
ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมคุณรีไวถึงทิ้งเขาไว้แล้วกลับไปง่ายๆแบบนี้...ทั้งๆที่กำลังเดทกับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนอยู่ไม่ใช่หรือไง?
หรือว่าไม่ใช่?
ร่างทั้งร่างยังคงนั่งอยู่ที่เดิมทั้งๆที่อีกฝ่ายออกจากร้านไปนานแล้ว....ถึงจะรู้ดีว่าความรู้สึกมันเป็นคนละอย่างกันแต่ยังไงคุณรีไวก็ยังเห็น
โกคุเดระ ฮายาโตะ
สำคัญที่สุดอยู่ดี...ไม่อย่างงั้นจะเลือกที่จะกลับไปทันทีที่ถูกโทรตามแบบนี้หรอ...
ใบหน้ามนได้แต่ก้มมองสองมือของตัวเองที่บีบกันอยู่ที่หน้าตัก...ถึงจะรู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันน่ารังเกียจแต่เขาก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้...
จนบางครั้งก็อยากจะถาม...ว่าผมน่ะ...มีความสำคัญกับคุณบ้างไหม?....ที่ยอมคบด้วยเพราะสงสารหรือว่ารำคาญกันแน่...เพราะถูกเขาตามตื้อหรือว่าเพราะเอาไว้นอนด้วย?
ที่อกข้างซ้ายทั้งเจ็บแปลบทั้งอึดอัดจนแทบจะระเบิดออกมา
นัยน์ตาที่พร่าเลือนด้วยหยาดน้ำใสๆจำต้องรีบกระพริบไล่ความขุ่นมัวนั้นออกไป
เรื่องของพ่อยังไม่ทันจะหาทางออกได้
ก็ยังมีเรื่องนี้มาให้คิดมากอีก
ความรัก...มันไม่ง่ายเลยจริงๆ....
แสงแดดยามสายทอประกายสีรุ้งเมื่อตกกระทบกับละอองน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศ
ถึงแม้มันจะดูเข้ากับความเขียวขจีของผืนป่าในเขตอุทยานของมาราเนลโลแต่คนที่ทำให้เกิดละอองน้ำกลับไม่คิดอย่างงั้น
มือบางพยายามใช้ผ้าพันท่อประปาเพราะเทปกาวเอาไม่อยู่แต่น้ำก็รอดผ่านเนื้อผ้าออกมาก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าราวกับน้ำพุเหมือนเดิม
ใบหน้าสวยที่ยังนิ่งเฉยหันไปหันมาก่อนจะหยิบกะละมังมาครอบมันเอาไว้
ทว่าเพียงไม่นานแรงดันของน้ำก็ทำให้เจ้ากะละมังที่น่าสงสารทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะไปตกอยู่บนยอดไม้ไกลลิบ
ร่างบอบบางได้แต่ยืนมองน้ำที่ไหลนองอย่างไม่รู้จะทำยังไง.....ขับรถมาทับมันเอาไว้ดีไหมนะ?.....แต่จะว่าไปที่มันแตกแบบนี้ก็เพราะเขาขับรถชนมันน่ะสิ...
แล้วในขณะที่กำลังคิดไม่ตก
เงาวูบไหวของอะไรบางอย่างก็ทำให้ใบหน้าสวยหันไปมองที่ประตูรั้ว
ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาหน้าตาเฉย...ใบหน้าคมยิ้มให้เจ้าของบ้านที่ดันอยู่ตรงนั้นพอดีก่อนจะยกมือเกาท้ายทอย...นัยน์ตาสีมรกตที่มองเขาสลับกับกำแพงรั้วคงจะสงสัยว่าเขาข้ามมันมาได้ยังไงในเมื่อตอนนี้กำแพงนั่นมันมีกระแสไฟฟ้าถูกปล่อยอยู่...นะ....ก็แค่กระโดดให้สูงกว่าเดิมมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาหรอก
"
ทำอะไรอยู่น่ะโกคุเดระ?"
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความแนบเนียนทั้งๆที่เพิ่งจะทำตัวเยี่ยงหัวขโมย
ร่างบอบบางไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่หันหน้าไปมองก๊อกสนามที่มีน้ำพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
ทำท่อแตกแล้วไม่รู้จะซ่อมยังไง?
เขาได้แต่อมยิ้มกับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย...กับเรื่องบางเรื่องอย่างการใช้ชีวิตประจำวัน
เจ้านักขับแห่งพิตการาจสีแดงคนนี้ก็ติดลบได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"
มีท่อกับข้อต่อสำรองบ้างหรือเปล่า?"
เขาถอดสูทออกก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมา...ดูท่าว่าถ้าไม่ซ่อมให้มาราเนลโลคงได้มีทะเลสาปแห่งใหม่แน่
ใบหน้าสวยพยักลงน้อยๆก่อนจะเดินนำไปที่ห้องเก็บของข้างๆโรงจอดรถ
และเมื่อมือบางเปิดมันออกเขาก็ต้องอึ้งกับบรรดาอุปกรณ์ทำความสะอาดนับไม่ถ้วนที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบจากใหญ่ไปหาเล็ก
มีตั้งแต่ไม้พันสำลีไปจนถึงรถตัดหญ้า...และไม่ใช่แค่อุปกรณ์ทำความสะอาด
แต่ห้องเก็บของขนาดไม่เล็กนี่ยังเต็มไปด้วยท่อและข้อต่อขนาดต่างๆห้อยอยู่เต็มผนัง...เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าบ้านหลังนี้มีคนทำท่อแตกบ่อยขนาดไหน
"
อุปกรณ์ทำความสะอาดพวกนั้นเป็นของรีไว
ส่วนเครื่องมือซ่อมท่อนี่เป็นของเอลวิน...หยิบมาใช้ได้" เสียงเรียบเอ่ยบอกให้เขานึกขำอยู่ในใจ นอกจากดูแลทีมเฟอร์รารี่แล้วบิ๊กบอสคนนั้นยังต้องคอยมาซ่อมท่อประปาให้นักขับในทีมอีกด้วยหรอเนี่ย
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองก่อนจะหยิบท่อกับข้อต่อเส้นหนึ่งขึ้นมาแล้วเดินกลับไปยังก๊อกสนามที่กลายสภาพเป็นน้ำพุ
ร่างสูงใหญ่ก้าวขาออกไปนอกรั้วก่อนจะมองหามิเตอร์น้ำและแค่ปิดมันเท่านั้นน้ำประปาทั่วทั้งบ้านก็หยุดไหลทันที...รวมไปถึงน้ำพุจำเป็นนั่นด้วย
"
จำไว้นะโกคุเดระ ถ้าคราวหน้าทำท่อแตกอีกก็ให้มาปิดมิเตอร์ตรงนี้ก่อน...นายจะได้ไม่มีชื่อในการสร้างทะเลสาปแห่งใหม่ให้มาราเนลโล
ฮะฮะ"
ใบหน้าคมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและมันก็ทำให้ใบหน้าสวยที่นิ่งเฉยมาตลอดถึงกับงอหงิกขึ้นมาทันที
"
คะ ใครมันจะไปทำท่อแตกได้ทุกวันกันล่ะไอ้บ้า!......ก็แค่นานๆครั้ง......"
นัยน์ตาสีมรกตเสไปมองต้นไม้ใบหญ้าอย่างไม่ยอมรับผิด
ความเยือกเย็นมักจะถูกใบหน้ายิ้มร่านั่นทำลายให้กลายเป็นพายุทุกทีไป ไม่รู้ว่าทำไม
นัยน์ตาสีมรกตแอบเหลือบมองแผ่นหลังกว้างที่นั่งเปลี่ยนท่อประปาให้อย่างไม่กลัวเลอะ
ท่อนแขนแข็งแรงที่โผล่พ้นแขนเสื้อซึ่งพับอยู่ที่ข้อศอกมีคราบดินติดนิดหน่อย
ปลายเนคไทสีดำซึ่งผูกเอาไว้หลวมๆถูกตวัดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อที่หน้าอก...เห็นแบบนี้แล้วคงไม่มีใครคิดว่าหมอนี่จะเป็นถึงเพชฌฆาตมือหนึ่งของแก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลีไปได้...ภาพร่างสูงใหญ่ที่ถือดาบเต็มไปด้วยคราบเลือดเพื่อปกป้องเขานั่นราวกับเป็นคนละคน...
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามองแผ่นหลังกว้างนั่นด้วยสายตาขอบคุณ...
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขายอมเจ้าคนที่แสนจะเหม็นขี้หน้าให้เข้ามาอยู่ในสายตา...
"
หิวน้ำจัง โกคุเดระ"
ทั้งๆที่นึกอยากจะเอ่ยปากขอบคุณ
แต่พอเห็นใบหน้าเนียนๆนั่นมันก็อดที่จะสะบัดหน้าหนีไม่ได้ รอยยิ้มระริกระรี้เหมือนหมาตัวใหญ่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
ร่างบอบบางเดินกระทืบเท้าเข้าบ้านไปหยิบขวดน้ำมายื่นให้
ร่างสูงใหญ่จึงได้แต่แบมือที่เต็มไปด้วยดินโคลนให้ดู
แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมาจากใบหน้ากรุ้มกริ่มก็ทำให้คิ้วสีเงินกระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"
ป้อนหน่อยสิ...นะ...." อยากจะปาขวดน้ำใส่ใบหน้าบานแฉ่งแล้วแช่งให้มันไปตกท่อตายเลยจริงๆ...ถ้าไม่ติดที่เขายังพอจะเป็นคนดีที่รู้คุณคนอยู่บ้างละก็นะ....
มือบางบิดฝาขวดก่อนจะจ่อไปลวกๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย
เสียงอึกๆของน้ำที่ไหลผ่านลำคอลงไปทำไมทำให้รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก......มันต้องฆ่าให้ตายจริงๆนั่นแหละไอ้บ้านี่!
“
เอาละ...เดี๋ยวชั้นจะไปเปิดมิเตอร์ นายลองเปิดก๊อกน้ำดูนะ”
ร่างบอบบางหมุนปิดฝาขวดด้วยแก้มร้อนผ่าวก่อนที่จะเพิ่งสังเกตเห็นว่าก๊อกสนามกับท่อที่แตกไปได้ถูกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าสวยพยักรับให้กับคนที่กำลังเดินออกไปนอกรั้ว
มือบางหมุนปลายสายยางกับก๊อกสนามก่อนจะค่อยๆเปิดมันช้าๆ...น้ำสีดินไหลออกมาก่อนจะค่อยๆใสขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นน้ำประปาปกติ
ท่อที่แตกไปก็กลับมาทำหน้าที่ได้ดีตามเดิม
“
เป็นไงฝีมือชั้น?”
ร่างสูงใหญ่เดินกลับมายืนข้างด้วยท่าทางยืดๆ
ใบหน้าคมที่เชิดน้อยๆราวกับกำลังรอคำชมนั่นมันทำให้รู้สึกหมั่นไส้จนเกินจะทน
ปลายสายยางที่มือบางจับอยู่จึงฉีดไปที่ร่างในเสื้อเชิ้ตสีขาวทันที
“
หว๋า? โกคุเดระ~~”
“
ก็แกมันสกปรกนี่ ต้องล้างให้สะอาด ขอบใจซะด้วยล่ะ!”
น้ำจากสายยางฉีดไปตามเนื้อตัวที่เลอะดินโคลนของร่างสูงที่พยายามยกมือขึ้นมาป้องกันใบหน้าซึ่งยังคงหัวเราะร่า
มือใหญ่พยายามจะแย่งสายยางไปจากมือบาง
ร่างสองร่างจึงวิ่งไล่จับกันอยู่ในสนาม
จากที่เปียกอยู่ฝ่ายเดียวจึงเริ่มเปียกม่อล่อกม่อแลกทั้งสองคน
เสียงหัวเราะคละเคล้าไปกับรอยยิ้มจากภายในที่หาดูได้ยากของทั้งคู่
และเมื่อต่างฝ่ายต่างยังไม่ยอมปล่อยสายยางไปง่ายๆ ร่างกายจึงเปียกโชกในที่สุด
ร่างสูงใหญ่ยกมือยอมแพ้ก่อนจะก้มมองใบหน้าสวยที่ดูจะสะใจที่ฉีดน้ำเขาได้จนเผลอยิ้มออกมาตั้งหลายครั้ง...มันทำให้รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก....มือใหญ่จึงคว้าต้นแขนบางของคนที่เพิ่งก้มลงไปปิดก๊อกสนามให้เดินตามมา
มืออีกข้างควานหากล้องโพลารอยด์ในสูทที่ถอดวางเอาไว้
ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ๆใบหน้าสวยที่ยังมองกล้องอย่างงงๆ...แล้วเสียงแชะก็ดังขึ้นตามแรงกดจากปลายนิ้ว
กระดาษใบหนึ่งค่อยๆลอดผ่านกล้องออกมาช้าๆ
เสียงแกร่กๆทำให้นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองมันอย่างสนใจเพราะไม่เคยเห็นกล้องแบบนี้มาก่อน
มือใหญ่คีบมุมของกระดาษแผ่นนั้นมาให้ร่างบอบบางถือเอาไว้
“
สะบัดมันเบาๆสิโกคุเดระ” มือบางทำตามอย่างสงสัย...และเมื่อก้มลงไปมองกระดาษเปล่าที่ค่อยๆปรากฏสีต่างๆขึ้นมา...จู่ๆหัวใจดวงน้อยก็รู้สึกอุ่นวาบราวกับมันได้ฉาบแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรก
ภาพของคนสองคนที่ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้นทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังมองดูภาพของคู่รักคู่หนึ่ง...พึ่งเคยเห็น...ใบหน้าที่อมยิ้มน้อยๆแบบนี้ของตัวเอง
เพราะยามาโมโตะงั้นหรอ.....ที่ทำให้เขายิ้มแบบนี้ได้?.....
รอยยิ้ม....ที่ลืมไปนานแสนนานแล้ว....
มือใหญ่เอื้อมมาดึงรูปออกไปจากมือบาง
ก่อนที่ร่างเปียกโชกนั่นจะเดินเข้าไปในบ้านฝั่งขวาของเขาอย่างไม่สนใจว่าจะมีน้ำหยดเป็นทาง
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองตามร่างสูงใหญ่นั่นไปอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
แต่แล้วทุกคำถามก็สิ้นสุดลงเมื่อมือใหญ่ปลดกรอบรูปว่างเปล่าลงมาจากผนังข้างบันได
รูปใบเมื่อกี้ถูกใส่ลงไป...
ถึงแม้จะมอมแมมด้วยกันทั้งคู่แต่ใบหน้าก็ดูมีความสุข...
“
กรอบที่เหลือ...เดี๋ยวไว้เราค่อยๆถ่ายรูปมาใส่กันเนอะ” ใบหน้าคมหันมายิ้มให้
สองแก้มใสรู้สึกร้อนผ่าวจนต้องกลบเกลือนมันด้วยคำพูดไม่ตรงกับใจ
“
คะ ใครจะอยากได้รูปของแก?!”
ใบหน้าสวยตวัดไปอีกทางอย่างไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นรอยแดงบนแก้ม แต่กระนั้นนัยน์ตาสีมรกตกลับแอบเหลือบมองรูปที่อยู่ในกรอบซึ่งถูกติดไว้ตามเดิม...ทำไมจู่ๆหัวใจก็รู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม...
ทั้งๆที่ไม่เคยใส่ใจจะหารูปอะไรมาใส่จนได้แต่ปล่อยให้มันว่างเปล่าอยู่แบบนี้...แต่ยามที่มันมีอะไรขึ้นมากลับรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่โหยหามานานนั้นอยู่แค่เอื้อม...
ผ้าขนหนูสีแดงที่มีโลโก้ม้าลำพองบนพื้นเหลืองถูกส่งให้ร่างสูงที่นั่งน้ำหยดแหมะอยู่ที่หน้าบ้าน
เป็นเพราะบ้านของสองนักขับแห่งทีมเฟอร์รารี่ไม่มีเสื้อตัวใหญ่พอให้อีกฝ่ายยืมจึงทำได้แค่เช็ดน้ำให้แห้ง
ร่างบอบบางยืนมองท่อนแขนแข็งแรงที่ขยี้เส้นผมสั้นสีดำของตัวเองเบาๆก่อนจะตัดสินใจถามออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก
“
แล้ว...รุ่นที่สิบของแก...ว่ายังไงบ้าง....”
มือใหญ่ชะงักไปก่อนจะหันมามองใบหน้าสวยด้วยรอยยิ้ม...กำลังเป็นห่วงอยู่สินะ
ว่าระหว่างเขากับสึนะอาจจะแตกหักเพราะเรื่องที่เขาทรยศวองโกเล่ด้วยการพาตนเองหนี
“
ฮะฮะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...ก็แค่ตอนนี้โดนพักงาน
ชั้นเลยว่าจะมาอยู่กับนายซักพัก”
ใบหน้าที่มีแววกังวลแยกเขี้ยวใส่ทันทีที่เขาพูดจบประโยค
“
ใครจะให้แกอยู่ด้วย?! ไสหัวกลับรังของแกไปเลยนะ!!”
ร่างบางโวยวายอย่างไม่ต้องสงสัยและนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกเบาใจ...เขาไม่อยากให้โกคุเดระไม่สบายใจ...เพราะที่จริงแล้วเขาไม่ได้โดนพักงานอย่างที่ว่านั่นหรอก...แต่กำลังทำงานสำคัญอยู่เลยละ
“
ไม่ได้หรอก...สึนะบอกว่าไม่ให้กลับไปให้เห็นหน้าเป็นเวลาครึ่งปี...ให้ชั้นหาที่สงบๆเพื่อสำนึกผิดซะ...เค้าว่ามางั้นน่ะ
ฮะฮะ”
ใบหน้าสวยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่รู้จะไล่ไอ้หมีตัวใหญ่นี่ไปยังไง...เพราะตัวเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องถูกพักงาน
“
แต่ก็ยังดีที่ไม่ถูกโกรธมากกว่านี้...ว่าไหม?”
ร่างบอบบางหน้างอหงิกก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟา
ก่อนจะบ่นงึมงำที่ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกขึ้นน้อยๆ
“
ดูสนิทกันดีจังนะ!”
คำพูดงอนๆมันทำให้อดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“
หึงหรอโกคุเดระ?”
“
หึงบ้าอะไร!! ชั้นจะฆ่าแกแล้วจะไปหึงทำไม?!!” หมอนอิงในมือบางแทบจะปาแสกหน้าทำให้เขาหลุดหัวเราะออกไปอย่างชอบใจ
โกคุเดระ
ฮายาโตะ ที่สวยและเย็นชากลับร้อนแรงดั่งไฟเมื่ออยู่ในมือเขา…
“
ชั้นกับสึนะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น...พวกเราก็เป็นแค่เด็กญี่ปุ่นธรรมดาๆที่ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวันๆโดยที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่า...ในวันข้างหน้าจะต้องมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการมาเฟียอิตาลี...” สองแขนแข็งแรงเท้าไปที่พื้นก่อนจะเอนหลังเล็กน้อย
ใบหน้าคมเหม่อมองท้องฟ้าเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมา
“
ชั้นน่ะ...ยังจำความรู้สึกที่ฆ่าคนครั้งแรกได้อยู่เลยนะ...ว่ามันน่าหวาดผวา
น่าสะอิดสะเอียดขนาดไหน...หมอนั่นก็เคยมีเลือดเนื้อมีหัวใจแล้วจู่ๆก็กลายเป็นแค่ซากศพอยู่ตรงหน้า...ฉันกลัว...กลัวจนไม่รู้จะทำยังไงเลยละ...”
“
แต่ถึงจะกลัว
ชั้นก็ต้องฆ่า...นายคงนึกไม่ถึงหรอกว่าบททดสอบที่พวกเราได้รับมันคืออะไร...การที่เด็กหนุ่มจากแดนไกลจะมาผงาดค้ำฟ้าในวงการเลือดนี้ได้มันต้องแลกกับอะไรมาบ้างนายคงนึกไม่ถึงหรอก...”
“
แต่ไม่ทำก็ไม่ได้...วองโกเล่ยิ่งใหญ่เกินไป...ถ้าไม่ใช่สึนะ...ป่านนี้อิตาลีอาจจะลุกเป็นไฟไปแล้วก็ได้...”
“
อย่าพูดเหมือนกับว่าแกทำไปเพราะต้องการจะกู้โลกแบบนั้นนะ! มาเฟียอย่างพวกแกก็ดีแต่ทำให้คนทั่วไปเค้าเจ็บปวดก็เท่านั้นแหละ”
คำพูดทิ่มแทงดังมาจากร่างบอบบางที่นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟา...แบบนั้นแหละดีแล้ว...เขาไม่ได้ต้องการคำปลอบโยนหรือการให้อภัย...แต่สิ่งที่เขาต้องการคือคนที่จะคอยตอกย้ำให้เขารู้ตัว...ว่ามือคู่นี้มันเหม็นคาวขนาดไหน
“
ก็อย่างที่นายว่ามานั่นแหละ...เรื่องเลวๆที่ชั้นไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะทำลงไปได้...ชั้นก็ทำมาทั้งหมดแล้วละ
โกคุเดระ...”
ใบหน้าคมที่เหม่อมองไปยังฟากฟ้ากว้างทำให้คนที่ลอบมองอยู่รับรู้ได้ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายต้องเจอมา
บางทียามาโมโตะกับวองโกเล่เดซิโม่
อาจจะไม่ได้ต่างไปจากเขากับรีไวเลยก็ได้...
พวกเราต่างก็ผ่านความโหดร้ายของโลกใบนี้มาจนสามารถยอมรับกับตัวเองว่าเคยเลวมาแค่ไหน...
ที่กลายเป็นคนแบบนี้ล้วนถูกหล่อหลอมมาจากอดีตที่ไม่สามารถจะเลี่ยงได้กันทั้งนั้น...
บางที...พวกเราก็อาจจะแค่เหมือนกัน....
Ferrari
F12 Berlinetta วิ่งอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังเขตอุทยานของมาราเนลโล
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือซึ่งดังขึ้นมาจะทำให้ความเร็ว 150
กิโลเมตรต่อชั่วโมงลดลงไปนิดหน่อย
“
ว่าไง?”
นัยน์ตาขี้รำคาญยังคงมองตรงไปบนถนน ริมฝีปากขยับราวกับกำลังพูดอยู่คนเดียว
“
ไม่ต้องมาแล้วก็ได้...”
เสียงจากปลายสายทำให้คิ้วขมวดด้วยความสงสัย
“
ว่าไงนะ?” เขานึกว่าเขาฟังผิดไป แต่เจ้าฮายาโตะก็ยังคงยืนยันคำเดิม
“
ไม่ต้องมาแล้วก็ได้...พอดีมีหมีมาเดินเหยียบท่อที่แตก
มันเลยปิดสนิทตามเดิมแล้วละ”
และเขายังไม่ทันจะได้ถามอะไร
ปลายสายก็ตัดทิ้งไปเสียดื้อๆ....ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันน่านัก!
ฝ่าเท้าที่เหยียบคันเร่งยังกดลงไปในจังหวะสม่ำเสมอ...พอมาคิดดูให้ดีๆแล้วมันจะมีหมีที่ไหนว่านอนสอนง่ายไปเดินเหยียบท่อให้ปิดแบบนั้นได้?
ถึงแม้จะมีจริงๆเขาก็ไม่คิดว่าท่อมันจะปิดสนิทแต่น่าจะหักออกเป็นสองท่อนเพราะน้ำหนักของหมีมากกว่า....หรือว่า!!
“
แกเองใช่ไหมไอ้หมีวายร้าย...ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!” เสียงสบถดังอยู่ในรถ
ใบหน้านิ่งฟึดฟัดอยากจะรีบๆกลับให้ถึงบ้านแล้วลากคอมันออกไปฆ่าทิ้งจริงๆ!
แต่อีกใจก็นึกห่วงคนที่เพิ่งทิ้งมา...เพราะดูท่าทางเจ้าเด็กเหลือขอของเขาก็จะอาการไม่ค่อยดีนัก...จะกลับบ้านคนเดียวไหวหรือเปล่า?
เอี๊ยดดดด!!!
แล้วเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงที่วิ่งมาด้วยความเร็วก็กลับตัวภายในชั่วพริบตาก่อนจะวกกลับไปตามทางเดิม
สองขาก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในบาร์เล็กๆร้านเดิม
ที่โต๊ะตัวในสุดยังคงมีเงาของคนนั่งอยู่และเส้นผมสีน้ำตาลก็ทำให้รู้ว่าเด็กนั่นยังไม่ไปไหน
ร่างในเสื้อโค้ทสีดำชุดลำลองของเฟอร์รารี่จึงตั้งใจจะเดินไปหา
แต่แล้วสองขาที่ก้าวเดินด้วยความั่นใจกลับต้องหยุดชะงัก...เมื่อสังเกตเห็นว่า...เด็กนั่นไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว....
ตรงหน้าร่างโปร่งบางมีเด็กผู้หญิงผมดำที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ทีมเดียวกับเด็กนั่น...
ถึงแม้เอเลนจะเคยบอกกับเขาว่าเธอเป็นแค่เพื่อน
แต่จากสายตาที่เฝ้ามองเอเลนเหมือนกันมันทำให้เขารู้ว่า
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้คิดกับคนของเขาแค่เพื่อน
จู่ๆก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา....
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองภาพตรงหน้าพร้อมกับสองมือที่เผลอกำแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...มือของเด็กสาวเอื้อมไปสัมผัสใบหน้ามนโดยที่เจ้าของมันก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธ
ท่าทางที่สนิทสนมกันมันดูมากกว่าคำว่าเพื่อน นัยน์ตาสีมรกตก็กลับมาสดใสยามเมื่อได้พูดคุยกับเด็กสาวคนนั้น
อะไรล่ะ...ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่?
แล้วทำไมตอนที่อยู่กับเขาถึงได้ทำหน้าเหมือนคนไม่สบายแบบนั้น?
.......หรือจะเป็นเพราะเรื่องที่เวโรน่าเมื่อวันก่อน?
เด็กนั่น...กำลังกลัวเขาอยู่หรือเปล่า?
เขาลืมไปได้ยังไงว่าเด็กนั่นเห็นเขาฆ่าคนมากับตา....
สองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาคงจะทำให้เด็กนั่นหวาดผวาและไม่กล้าเข้าใกล้...
เป็นใครก็ต้องคิดทั้งนั้นแหละ...ว่ามีคนรักเป็นคนที่มีประวัติดำมืดแบบนี้มันจะดีแน่หรือเปล่า...
ต่อให้ตอนนี้จะถูกเฟอร์รารี่เอามาฟอกสีจนหมด...แต่กลิ่นคาวเลือดล้างยังไงก็ไม่มีวันหาย
ถ้าเด็กนั่นอยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ.....มีความรักที่ปกติ....
ถ้าเด็กนั่นอยากจะเลิกกันขึ้นมา.....เขาจะทำยังไง...
เขารู้...ว่าเขาไม่สามารถจะกักขังเด็กนั่นเอาไว้แล้วเด็ดปีกไม่ให้บินหนีไปไหนอย่างที่เคยพูดนั่นได้หรอก
เพราะเขารักเด็กนั่น...
รักและอยากให้มีความสุข....
จนแม้แต่หากคนที่ต้องทุกข์ทรมานจะเป็นเขาเอง
เขาก็ยอม
หึ...นี่น่ะหรออดีตราชาของพวกใต้ดินที่ชื่อรีไวคนนั้น...
น่าขำชะมัด...
ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำให้แปดเปื้อน
แต่เอาเข้าจริงก็ทำได้แค่ทะนุถนอมปีกสีขาวคู่นั้นเอาไว้ไม่ใช่หรือไง?
ทะนุถนอม...ซึ่งไม่ใช่วิถีของซาตานเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้านิ่งได้แต่ถอนหายใจก่อนจะลอบมองใบหน้ามนที่เดี๋ยวแง่งอนเดี๋ยวยิ้มแย้มให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น...ถึงจะไม่ชอบใจก็ต้องพยายามสะกดตัวเองเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าไปลากตัวเด็กนั่นออกมา......พยายามสะกดตัวเอง...ให้หันหลังแล้วเดินจากไป
ทำไมจะไม่รู้ตัวว่ากำลังหึง...
แต่ไม่อยากให้เด็กนั่นต้องลำบากใจ
ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปอาละวาดใจแทบขาด
สองขาก้าวกลับไปนั่งในรถสีแดงสด...
ยังมีอีกเรื่อง...ที่เขาพอจะทำให้เด็กนั่นได้....
เสียงแหวกอากาศของรถยนต์ที่สร้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ดังก้องอยู่ทั่ว
Fiorano
Circuit
ถึงแม้จะเป็นช่วงพักจากการแข่งเพื่อย้ายสถานที่จากประเทศหนึ่งไปยังประเทศหนึ่ง
แต่นักขับและวิศวกรของทีมก็ไม่ได้พักสักเท่าไหร่
ในเมื่ออีกไม่นานก็จะจบฤดูกาลแข่งขันของปีนี้แล้วและสิ่งที่ต้องเตรียมไว้สำหรับฤดูกาลหน้าก็คือการพัฒนารถแข่งคันใหม่
และตอนนี้เจ้ารถคันที่ว่ามันก็กำลังถูกนำมาวิ่งทดสอบอยู่ในสนามส่วนตัวของทีมเฟอร์รารี่ที่อยู่ห่างจากโรงงานผลิตรถยนต์แค่ข้ามถนน
F14
T สีแดงเพลิงพุ่งทะยานไปบนทางสีเข้มที่ไม่มีแม้แต่พื้นที่ให้ลื่นไถล
เพราะนอกจากส่วนที่เป็นถนนแล้วทั้งสนามล้วนเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวสดทั้งหมด...บรรยากาศราวกับอยู่ในชนบทของสนามฟิโอราโน่นั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลาย...จะบอกว่าเพราะมันคือ
“บ้าน” ก็อาจจะไม่ผิดนัก
รถฟอร์มูล่าวันคันใหม่แล่นเข้ามาจอดในพิตการาจก่อนที่ร่างในชุดนักขับสีแดงจะก้าวขาออกมาจากรถ
มือถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะสะบัดเส้นผมสีดำชื้นเหงื่อไปมา...นัยน์ตาขี้รำคาญเหลือบมองวิศวกรสาวประจำทีมที่กำลังถือกระดานจดค่าต่างๆอย่างระริกระรี้
ร่างสูงยาวในชุดหมีสีแดงเดินวนรอบรถก่อนจะก้มหน้าก้มตาจดสถิติที่คิดว่าคงจะทำได้ดีกว่า
F138
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนั่นถึงได้ดูดีใจจนออกนอกหน้านอกตา
ยัยฮันซี่ก็ยังคงคิดค้นระบบที่ดีเยี่ยมออกมาได้อย่างน่าทึ่งเสมอแล้วมันก็มักจะกลายเป็นต้นแบบของรถยนต์ทั่วไปที่กำลังผลิตอยู่ในโรงงานฝั่งตรงข้ามนั่น
เครื่องยนต์ที่ยุ่งยากซับซ้อนแบบนั้นยังคิดออกมาได้...แล้วถ้าเป็นเครื่องยนต์ของรถคันเท่าฝ่ามือล่ะ?
สองขาก้าวฉับๆไปหาวิศวกรสาวทันที
ก่อนที่ขาข้างหนึ่งจะยกขึ้นยัน F14 T ขวางหน้าเธอเอาไว้
ใบหน้านิ่งเฉยเงยขึ้นมองใบหน้าภายใต้กรอบแว่นด้วยสายตาดุดัน
“
นี่ยัยแว่น...สอนชั้นทำรถบังคับวิทยุที” ท่าทางเหมือนจะขู่กรรโชกมากกว่าขอร้องทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนิ่งอึ้งไป
แต่หลังจากที่จับใจความได้วิศวกรสาวก็ถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาชุดใหญ่
“
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ....”
ร่างสูงยาวที่หัวเราะจนตัวงอทำให้คนที่ความอดทนต่ำยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
มือจึงดึงหัวกระเซิงๆนั่นขึ้นมาราวกับไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
“
จะสอนให้ดีๆหรือจะให้ชั้นเอาเจ้านั่นไปเสยกำแพงก่อนล่ะ..ห๋า?”
น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยข่มขู่พลางมองไปที่ตัวประกันอย่าง F14T ที่หญิงสาวคงรักมันยิ่งกว่าลูก
“
โอ๊ยๆๆ ยอมแล้วๆๆ”
มือในถุงมือสีดำจับมือของเขาที่กำกระจุกผมสีน้ำตาลนั่นเอาไว้ก่อนจะยอมรับปากแต่โดยดี
“
จะเอาแบบไหนล่ะ? รถบังคับวิทยุมันมีทั้งแบบน้ำมันแล้วก็แบบไฟฟ้านะ?” ฮันซี่ยืนลูบหัวปรอยๆหลังจากที่เขายอมปล่อยไป
มืออีกข้างจิ้มปลายปากกาเอาไว้ที่คางพลางใช้ความคิด...จะว่าไปสิ่งที่อีกฝ่ายถามมาเขาก็ไม่รู้เลยสักนิด
“
.........รถ Tamiya
รุ่น F-104 มันใช้ยังไง ก็ทำแบบนั้นแหละ” และคำตอบของเขาก็ทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นถึงกับยิ้มกริ่ม
นัยน์ตาที่มองสวนกลับมานั้นมันดูเจ้าเล่ห์จนเขาอยากจะเสยท่อนขาเข้าที่ใบหน้ากวนๆนั่นนัก...คงจะรู้แล้วสินะ
ว่าเขาจะทำรถนั่นไปเพื่ออะไร...
“
โอเค้~~~~ ได้สิรีไว~~~
เดี๋ยววิศวกรประจำเฟอร์รารี่คนนี้จะเขียนแบบรถบังคับวิทยุคันนี้กับมือเลยดีไหม?
ข้อแลกเปลี่ยนง่ายๆก็คือนายต้องเอาแชมป์ของปีนี้มาให้ได้ ตามนี้นะ” ร่างสูงยาวยิ้มร่าเสียยิ่งกว่าตอนจดผลทดสอบของ
F14T เสียอีก
แผ่นหลังในชุดหมีสีแดงกระโดดเหยงๆจากไปอย่างอารมณ์ดีโดยไม่คิดจะรอฟังคำตอบจากเขา
“
.......นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ชั้นต้องทำอยู่แล้วละยัยแว่น”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองหน้าจอมือถืออย่างนึกสงสัย...ตั้งแต่วันที่เจอกันก็ผ่านมาสองสามวันแล้วแต่เจ้าเด็กนั่นกลับไม่โทรมาเลย...
ทั้งๆที่ปกติจะโทรมาแทบจะสามเวลาหลังอาหาร
กลัวเขางั้นหรอ?
ไม่อยากคุยกับเขาแล้วหรือไง?
หรือว่ามีใครที่อยากคุยด้วยมากกว่า?
ประตูเฟอร์รารี่สีแดงถูกปิดลงเสียงดังเพราะคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นเริ่มอารมณ์ไม่ดีเต็มที.....รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่มัวแต่มานั่งสงสัยอะไรแบบนี้ทั้งๆที่มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด....
มือกระชากเกียร์ก่อนที่เท้าจะเหยียบคันเร่งจน
Ferrari
F12 Berlinetta ทะยานออกไปราวกับม้าพยศ...เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังจากถนนในเขตของเฟอร์รารี่ไปจนถึงหน้าโรงเรียนมัธยมปลายสายวิทยาศาสตร์ประจำมาราเนลโลก่อนที่มันจะจอดรออยู่อย่างนั้น...
เสียงออดดังก้องไปทั่วโรงเรียนเพื่อบ่งบอกว่าคาบสุดท้ายของวันได้สิ้นสุดลงแล้ว
โรงเรียนในอิตาลีเรียนตั้งแต่เช้าติดต่อกันยาว
6 คาบ คาบละ 50 นาที จะมีเบรกเล็กน้อยตอนคาบที่ 3
เพราะฉะนั้นจึงเลิกเรียนตรงกันตอน 13.40 นาฬิกา
และแค่เสียงออดดังเท่านั้นบรรดานักเรียนในชุดไปรเวทต่างก็กรูกันไปที่ประตูเพื่อกลับบ้าน...ไม่มีกิจกรรมใดๆให้ทำต่อ
เพราะส่วนใหญ่จะต้องกลับไปกินข้าวกลางวันกันที่บ้าน
ร่างโปร่งบางเองก็เช่นกัน....
สองขาเดินออกมาจากห้องเรียนอย่างใจลอย...เป็นเพราะสองสามวันมานี้พ่ออยู่บ้านราวกับต้องการจะคุมความประพฤติ...เขาจึงไม่มีโอกาสไปหาหรือแม้แต่จะโทรคุยกับคุณรีไวเลย...ถึงแม้จะยังต้องคิดเรื่องพ่อและยังน้อยใจอยู่บ้าง...แต่ความคิดถึงมันก็มีมากกว่า
แล้วเขาก็ตั้งใจว่าวันนี้แหละจะไปหาคนที่อยู่ในความคิดถึงเพราะพ่อเพิ่งจะกลับโบโลญญ่าไปเมื่อเช้าด้วยงานด่วน
“
เอเลน! ไปซื้ออะไหล่ด้วยกันไหม? เห็นที่ร้านบอกว่ามีของใหม่มาละ”
อาร์มินกับมิคาสะที่อยู่คนละห้องโบกมือเรียกก่อนจะเดินมาหาเขา
“
ไม่ละ วันนี้ชั้นมีธุระ” เขาปฏิเสธไปโดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง
สองขารีบก้าวเดินออกมาจากตัวอาคารอย่างต้องการจะรีบกลับไปเอารถที่บ้าน
แต่แล้วเสียงฮือฮาก็ทำให้สองขาหยุดชะงัก
ทุกสายตาล้วนจ้องมองไปยังเฟอร์รารี่สีแดงที่จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
เฟอร์รารี่...ที่เห็นได้ทั่วไปในมาราเนลโลแห่งนี้...
แต่เฟอร์รารี่ที่ไม่คิดว่าจะมาจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมปลายก็คือเฟอร์รารี่ของชายที่ยืนกอดอกพิงรถสีแดงนั่นอยู่ต่างหาก...
“
คุณรีไว....”
ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยชื่อของชายคนนั้นออกมาเบาๆ
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยท่าทางราวกับกำลังรอใครอยู่
มาดักรอเขางั้นหรอ?
หัวใจที่แห้งเหี่ยวมาหลายวันกลับพองโตขึ้นมาทันที
แล้วยิ่งร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินตรงรี่มาหาเขาก่อนจะคว้าข้อมือแล้วลากให้เดินตามไป...ในใจมันก็ยิ่งเต้นอย่างรุนแรง
ดีใจ....
ดีใจจนคิดว่าเขาคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกไปแล้ว....
ร่างโปร่งบางถูกเหวี่ยงให้เข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ
ถึงจะไม่ได้เบามือเหมือนเคยแต่ใบหน้ามนกลับยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เป็นสุข
ประตูรถฝั่งคนขับปิดลงก่อนที่
F12
Berlinetta จะแล่นออกไป
ใบหน้าที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีทำให้เขาพอจะเดาได้ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ถามสักคำ
ริมฝีปากจึงขยับบอกออกไปเองว่า
“
พ่อผมอยู่บ้านน่ะครับ...เลยโทรไปหาไม่ได้...พ่อดุมากกกกกกกเลยละครับ” นัยน์ตาดุดันตวัดมามองหน้าเขาก่อนจะหันกลับไปมองถนน
“
คิดจะปิดเรื่องของชั้น?” เสียงทุ้มถามออกมาสั้นๆโดยไม่ได้หันหน้ามามอง
“
ก็ไม่คิดว่าจะปิดไปตลอดหรอกครับ...แต่ตอนนี้บอกไปพ่อคงไม่ฟัง”
เขาต้องพยายามพูดหลีกเลี่ยงที่จะให้คุณรีไวรู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร...ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าพ่อเขาเป็นแค่ข้าราชการหัวเก่าธรรมดาๆไปนั่นแหละดีแล้ว
“
แต่ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณมาหาผม”
ไม่ว่าเปล่าร่างโปร่งบางยังขยับไปกอดหมับที่ท่อนแขนแข็งแรงโดยไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียการควบคุมรถ
ใบหน้ามนเอนลงไปซบที่หัวไหล่ในชุดลำลองของเฟอร์รารี่ก่อนที่จะซุกหน้าถูไถไปมาเหมือนลูกหมาเจอเจ้าของ...ดูเหมือนการอ้อนของเขาจะทำให้คุณรีไวอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย?
ใบหน้ามนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ในใจนึกไปไกลว่าบ่ายวันนี้จะไปเดทที่ไหนดี
แต่แล้วหัวสีน้ำตาลที่เอนซบอยู่ที่ไหล่ในโค้ทสีดำก็ค่อยๆละออกมา....เมื่อมองเห็นว่า
F12
Berlinetta กำลังพาเขาเลี้ยวเข้าไปที่ไหน...
โรงแรม...?
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปรอบกาย
เพราะเป็นตอนกลางวันแสกๆสถานที่แบบนี้จึงแทบไม่มีรถจอดอยู่เลย...ใบหน้ามนลอบมองใบหน้านิ่งที่ยังดูไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ.....เขาไม่ได้กลัวที่จะมีเซ็กส์กับอีกฝ่าย
แต่แบบนี้มันก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่คุณรีไวมาหาเขาก็เพราะ....เรื่องนี้...
"
เอ่อ...ไปที่บ้านคุณไม่ดีกว่าหรอครับ...."
จะถามก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ ริมฝีปากจึงได้แต่เอ่ยออกไปอย่างจำใจ
“
ยุ่งยาก...กว่าจะไป กว่าจะเสร็จ กว่าจะกลับมาส่ง...เสียเวลา” คำตอบที่ได้รับกลับทำให้หัวใจรู้สึกชาแปลกๆ
ถ้อยคำทำร้ายจิตใจที่พูดราวกับว่าเวลาที่ใช้อยู่กับเขามันช่างไร้ประโยชน์ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความไร้ค่าของตัวเอง
ของที่ได้มาง่ายๆ....ก็คงจะเป็นแบบนี้สินะ...
แล้วก็...ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะบอกไป...ว่าเรื่องนี้จะให้พ่อรู้ไม่ได้...แต่คุณรีไวก็ยังพาเขาเข้าโรงแรมโดยไม่สนใจใคร...ไม่คิดว่าจะมีใครมาเห็นแล้วเอาไปบอกให้พ่อเขารู้บ้างหรือไง?
เขาไม่รู้...ว่าคุณรีไวจงใจจะท้าทายหรือไม่เคยสนใจคำพูด
ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเขาเลยกันแน่
สองมือได้แต่บีบกันไปมาอยู่บนหน้าตักก่อนที่ข้างหนึ่งจะถูกกระชากออกไป
สองขาแทบจะสาวไปตามเท้าที่ไม่ได้ยาวเท่าไหร่แต่กลับก้าวไวไม่แพ้รถที่ขับอยู่
รู้ตัวอีกทีร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงลงไปบนเตียงเรียบร้อย
“
คุณรีไว เดี๋ยว...” ยังไม่ทันจะได้พูดได้จาให้สมกับที่ไม่ได้คุยกันมาตั้งหลายวัน
มือแข็งแรงคู่นั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าเขาออก
นี่ถ้าเป็นโรงเรียนที่ต้องใส่เครื่องแบบมันก็เท่ากับว่าคุณรีไวกำลังถอดชุดนักเรียนของเขา...พรากผู้เยาว์ชัดๆ
“
เดี๋ยวครับ!”
สองมือพยายามฉุดรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้
แต่ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายรำคาญหนักกว่าเดิม
“
จะทำหรือว่าจะกลับ?”
พอถูกถามมาแบบนั้นริมฝีปากก็ได้แต่ชะงักค้างไป...จะให้ตอบได้หรอว่าไม่อยากทำ....ไม่อยากทำโดยที่อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้พร้อมแบบนี้
“.........” ใบหน้าได้แต่พยักลงช้าๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป....
ถ้าไม่ยอม...จะถูกทิ้งหรือเปล่า?...
อีกฝ่ายรักเขาบ้างไหม?...
เขาไม่แน่ใจ....
ทั้งๆที่คบกันแล้ว
แต่เขาก็ไม่แน่ใจ...ไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง....
บางครั้ง...การกระทำเพียงอย่างเดียวมันก็อาจจะไม่พอ...
เขาเรียกร้องเกินไปงั้นหรอ?
“
อึก...อะ....อื้อ!”
ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับเม้มแน่นเมื่อเสียงน่าอายถูกเปล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว
มือที่ช่ำชองกำลังล่อลวงส่วนอ่อนไหวของเขาให้ติดกับ
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ได้รุนแรงด้วย สัมผัสเปียกแฉะจากเรียวลิ้นที่ลากไล้ไปตามซอกคอ
ลาดไหล่ ไหปลาร้า หน้าอก ไปจนถึงหน้าท้องทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มระคนเสียววาบ
จะว่าไปแล้วนี่ก็แค่ครั้งที่สาม...ตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนร่างกายมีส่วนไหนบ้างที่จะทำให้ความต้องการทะยานสูงขึ้น
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ดี...ตอนนี้ถึงทำให้เขาบิดเร่าอย่างห้ามไม่อยู่
ที่ส่วนปลายของแกนกายถูกกดเอาไว้ทำให้ทรมานแทบขาดใจ
เขาได้แต่มองใบหน้าชอบใจของอีกฝ่ายด้วยลมหายใจหอบถี่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายตาที่ใช้มองไปมันจะเว้าวอนแค่ไหน
ฝ่ามือปล่อยผ้าที่ขย๋ำจนยับยู่ยี่ออกก่อนจะแตะปลายนิ้วลงไปบนมัดกล้ามอันสวยงามบนหน้าท้องของคนที่มองมาจากด้านบน
เสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกของอีกฝ่ายถูกมือเพียงข้างเดียวถอดออกไปจากร่างกายแข็งแกร่งจนท่อนบนเปลือยเปล่า
มีเพียงกางเกงสีดำเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่...ต่างจากเขา...ที่ไม่มีอาภรณ์ใดเหลือสักชิ้นบนร่างกาย
“
อ้าขาออก” อีกฝ่ายพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย
มือข้างที่ว่างจับขาเขาอ้าออกจากกันโดยไม่คิดจะรอ
ทั้งเสียงครางทั้งร่างกายที่ถอยหนีโดยอัตโนมัติเกิดขึ้นทันทีที่ปลายนิ้วฝืนสอดใส่เข้ามาในช่องทางด้านหลัง...ก็มัน...ยังไม่ชิน...
“
เอเลน...”
แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยคำซึ่งราวกับมีเวทมนต์คำนั้นออกมา
ร่างที่สั่นระริกก็ผ่อนคลายลงทันตา
“
อย่างเกร็งสิ...เอเลน...”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ จึงพร่ำกระซิบคำนั้นอยู่ข้างๆใบหู....
แล้วไม่ว่าอะไรที่ใส่ไม่เข้า..ร่างกายของเขาก็ค่อยๆรับเอาร่างกายของอีกฝ่ายเข้ามาได้ในที่สุด
“
ฮะ...อ้า...”
ริมฝีปากร้องครางเมื่อผนังภายในถูกเสียดสีอย่างรุนแรง
ถึงแม้จะยังเจ็บอยู่บ้างแต่ความรู้สึกดีก็มีมากกว่า
นัยน์ตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาพยายามเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่าย...สีหน้าแบบนั้น...คุณรีไวเองก็รู้สึกดีสินะ?
แรงขยับเข้าออกยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงฝั่งเต็มที
เสียงครางสอดประสานไปกับเสียงลมหายใจหอบถี่
“
อะ อ๊า....” จนกระทั่งทุกอย่างไปถึงจุดสูงสุด
แรงกระแทกหนักหน่วงที่เบื้องล่างก็ทำให้ร่างกายกระตุกเฮือก
ฝ่ามือแข็งแรงยอมปล่อยส่วนอ่อนไหวของเขาให้ปลดเปลื้องความต้องการออกมาพร้อมๆกับที่ช่องทางด้านหลังต้องรองรับอารมณ์ของอีกฝ่ายที่ฉีดพุ่งเข้ามา
เขาทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจถึงแม้ว่าช่วงล่างจะยังเชื่อมต่อเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมถอนกายออกไป
ต้นขาทั้งสองข้างยังคงพาดอยู่บนท่อนขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ...แล้วทั้งๆที่คิดว่าอีกเดี๋ยวคุณรีไวคงจัดการร่างกายของเขาให้แล้วก็จบไปในวันนี้
ทว่า...
ดูเหมือนครั้งเดียวจะยังไม่พอ...
มือแข็งแรงจึงปลุกเร้าเขาต่อ
ข้างในเองก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ขยายตัวขึ้นมาอีก
“
เดี๋ยว?....อะ....” ยังไม่ทันจะได้ห้าม
รอบใหม่และอีกหลายๆรอบก็เริ่มขึ้นโดยที่เขาทำได้แค่คราง
ถึงจะสุขสมแต่ก็เหนื่อยแทบขาดใจ
เหนื่อย...จนหัวสมองที่เอาแต่คิดอะไรวุ่นวายดูเหมือนจะเบาโหวง…
เหนื่อย...จนไม่รู้ตัวว่ากลับมาถึงบ้านได้ยังไงและตั้งแต่เมื่อไหร่...
เปลือกตาเปิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ลูบไล้อยู่ที่ไรผม
ใบหน้านิ่งขยับมาจูบเขาเบาๆที่ขมับก่อนที่จะขับรถจากไป
ตกลงว่า...จะเอายังไงกับเขากันแน่นะ...คุณรีไว....
Ferrari
F12 Berlinetta แล่นเข้าไปในบ้านในเขตอุทยานของมาราเนลโลเมื่อความมืดรายล้อมอยู่รอบกาย
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาลงมาจากรถก่อนจะเหลือบตามอง
Ferrari
California ที่จอดนิ่งอยู่ข้างๆ.....เจ้าฮายาโตะอยู่บ้านสินะ...ว่าแต่ไอ้หมีวายร้ายนั่นมันยังอยู่หรือเปล่า?
อยากจะเดินไปดูอยู่เหมือนกันแต่วันนี้ก็ใช้พลังงานไม่ใช่น้อยแล้ว
คงไม่มีแรงไปไล่ฆ่าหมีอีก...จะละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้ซักวันก็แล้วกัน
‘
เอามีดไปไว้บนที่นอนด้วย ถ้ามีหมีบุกรุกยามวิกาลก็เชือดมันทิ้งซะ ’ ปลายนิ้วโป้งกดส่งข้อความไปหาเจ้าเด็กในปกครองก่อนจะเดินแยกไปที่บ้านฝั่งซ้ายของตัวเอง
มือเลื่อนประตูออกและเมื่อกดเปิดสวิตซ์...โคมไฟในห้องนั่งเล่นก็ส่องสว่างให้เห็นสิ่งของที่กองอยู่เต็มพื้น
มันคืออุปกรณ์ของรถบังคับวิทยุ....
ก็เพราะแบบนี้แหละ...เลยพาเด็กนั่นมาที่นี่ไม่ได้....
ยังไม่อยากให้รู้...ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...
ยังไม่อยากให้รู้...จนกว่าเขาจะทำมันสำเร็จ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
จะได้ให้ไหมเนี่ยอิรถคันนี้
= =””
ปะ
เปล่านะ...มี๊ไม่ได้ลำเอียงรักก๊กมากกว่านะ แต่ว่าเอเลนที่โดนรังแก ชอกช้ำระกำทรวง
น้ำตาปริ่ม ร้องไห้กระซิกๆ โดนกด มันเร้าใจมี๊จนอดที่จะแต่งออกมาแบบนี้ไม่ได้อ่ะ
^
^a (โดนไททันเอเลนเหยียบ)
แล้วก็สำหรับตอนนี้จะอยู่ในมาราเนลโลเป็นส่วนใหญ่เลยอ่ะเนอะ
คือเชื่อไหมว่าตอนเสริจหาข้อมูลของเมืองนี้ปรากฏว่าขึ้นมาแต่ข้อมูลของเฟอร์รารี่ =[ ]=!! เออ! ตรูรู้แล้วว่ามันเป็นฐานของเฟอร์รารี่
แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ คือแทบจะทั้งเมืองมีแต่สัญลักษณ์ม้าพยศของเฟอร์รารี่อ่ะ
สุดยอดดดดด คือส่วนตัวแล้วคิดว่าเจ๋งดีค่ะ
คุณท่านนึกอยากจะตั้งโรงงานก็ไปหาเมืองเล็กๆโนเนมตั้งเลยไม่ต้องสนใจใครว่าที่นั่นมันจะเป็นเมืองโรงงานหรือเปล่า
แล้วก็ทำให้เมืองที่แทบจะชนบทกลายเป็นแหล่งผลิตขนาดใหญ่
กลายเป็นสถานท่องเที่ยวไปซะงั้น
เพราะเค้าจะมีทัวร์ของเฟอร์รารี่ค่ะ พาเข้าไปชมโรงงาน
พิพิธภัณฑ์แล้วก็สนามฟิโอราโน่ ซึ่งเป็นสนามทดสอบส่วนตัวของเฟอร์รารี่ก็มีทั้งรถเฟอร์รารี่ปกติและรถฟอร์มูล่าวันที่วิ่งอยู่ที่นี่
แล้วอิสนามนี้นะคะ สวยมากอ่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟ คือรอบๆมันจะเป็นทุ่งหญ้า
ตัวสนามเองก็เป็นทุ่งหญ้า คือมีแต่ถนนกับหญ้าเขียวๆอ่ะ
อย่างกะวิ่งอยู่ในถนนชนบทอะไรอย่างงั้น คือใครอยากดูรูปก็ลองเสริจ Fiorano
Circuit ก็ได้ค่ะ คือไม่อยากแปะที่นี่ ไปขโมยรูปชาวบ้านเค้ามา
กร๊ากกกก
ส่วนตัวเมืองเองจะเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีแม้แต่รถไฟวิ่งผ่าน
=[
]=!! ถ้าจะไปต้องนั่งรถไฟไปลงที่ Modena แล้วนั่งรถบัสต่อไป
= =”” แต่เท่าที่ดูในกูเกิลที่มันซูมเห็นรูปด้านอ่ะ
เป็นเมืองที่น่ารักมากๆเลยค่ะ >////< กลางเมืองมันจะเป็นวงเวียนอ่ะ
แล้วก็มีโบสถ์เล็กๆอยู่ที่มุมนึง
จริงๆอาคารเป็นอาคารที่ไม่ได้เก่าเท่าเมืองอื่นๆของอิตาลีนะ
แต่การตกแต่งมันก็ทำให้ดูน่าอยู่อ่ะ คือดูแล้วรู้ว่านี่แหละ อิตาลี 555
นอกจากเรื่องของเมืองมาราเนลโลแล้วคุณกวางยังเพิ่งรู้เกี่ยวกับเวลาเรียนของนักเรียนอิตาลีด้วยค่ะ
โรงเรียนเค้าเลิกตอน 13.40น.ค่ะ =[ ]=!!
แถมโรงเรียนม.ปลายยังแยกสายอย่างชัดเจนแล้วด้วยอ่ะ คือจะมี 5 ประเภท
มีรร.สายวิทย์
รร.สายศิลป์(คือศิลปะและวิธีคิดอะไรพวกนี้เลยอ่ะ =[ ]= สมเป็นดาวแม่(?)แห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมจริงๆ) ที่เหลือก็สายช่าง ภาษา
อะไรอีกอย่างฟ๊ะ คืออ่านชื่อมาแล้วงงว่าตกลงมันยังไงกันแน่เลยไม่ได้จำ(โดนตบ)
ใครอยากรู้ก็หาในกูเกิลเอาเด้อ
แหะแหะ
สำหรับ GLIDE ก็ต้องขอกราบประทานอภัยจริงๆค่ะที่ดองไว้นานขนาดนี้ T^T
ก็...ตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเนื้อเรื่องอ่ะนะ...คือกลัวจะยืดเยื้อไป...แต่จนแล้วจนรอดก็อยากเขียนตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกโดยคิดว่าคงไม่ตัดอะไรออกแล้วอ่ะนะ
เพราะงั้นน่าจะยาวได้ที่เลยเรื่องนี้ *ทรุด*
ก็...ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะค้า ^ ^
ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆเลยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
แอบแปะรูปยามะก๊กกับ
Ferrari
California สเกล 1:12 >/////< น่าร้ากกกกกกกก *ฟัดๆๆๆ*
โอ้ยยยยย คู่นี้ พ่อแง่แม่งอนคิดมากกันไปเองจริงๆ
ตอบลบคงจะจริงอย่างที่ว่าเวลามีความรักมักจะคิดมากขึ้น จินตนาการไปล้านแปด
ตอนอื่นๆ ยังพอว่า แต่ตอนพาเข้าโรงแรมแล้วอเลนคิดอย่างนั้นมันทำให้ปวดใจแทนมากกก ฮื้อออ
รีไวซามะ จะประดิษฐ์รถก็ต้องหลบๆ ซ้อนๆ อีกเนอะ โถ่ กลัวจะเห็น เลยทำให้เด็กเข้าใจผิดไปเองเลย
แล้วตกลง.....ทุกคนมองเนียนเป็นหมีกันไปหมดแล้วสินะ 5555555555
คำพูดคำจา หมีมาเดินเหยียบท่อบ้าง เอามีดเผื่อไว้เชือดหมีบ้าง โถ่ เนียน ถึงจะเป็นหมีแต่ก็เป็นหมีที่หล่อที่สุด (?)ตั้งแต่ได้พบเจอมานะแกเอย 55555 แล้วนี่เจ้าตัวรู้เปล่าว่าคนอื่นเค้าเห็นแกเป็นหมีไปหมดแล้ว
ชอบรูปมากเลอออ น่าร๊ากอ่ะ ><
เอลวิน!! นายนี่มันรับจ๊อบเบ็ตเลดรึ!!??
ตอบลบตอนนี้ความดราม่าก็ยังคุกอยุ่ใต้เตียงต่อไป ถถถถ
พี่กวางรำเอียงอ่ะ(เอียงจนตกเวทีเลย) ไหงคู่ก๊กมุงมิง แต่เอเลนดราม่าอ้าาาาาาาาาาาาาาา ลำเอี้ยงงงง(ตกเวทีผมไม่รับนะ55)
ถึงจะได้เฮียรีไวพาเอเลนขึ้นสวรรค์ไปหลายรอบ....แต่พี่กวางไปต้มมาม่าใต้เตียงเขาทำม้ายยยยยย
ขอเชียร์ให้เคลียกันได้เร็วๆเถอะ ถถถ
ส่วนยามะกลายเป็นมีโค้ดเนมว่าหมีไปซะแล้วถถถ หมีควายบ้างล่ะ...หมีวายร้ายบ้างล่ะ ...หมีมาเหยียบบ้างล่ะ ถถถถ
ติดตามอยู่ครับพี่.... ผมจะค่อยส่งกระทะเทฟล่อนไปให้พี่...(ถ้ามีเวลา) เพื่อที่พี่จะได้ไม่หมักดองนะครับ
กลั่นแกล้งเอเลนแบบนี้แลใช่เลย~~♡,,♡ กว่ารถบังคับจะเส็ดเอเยงคุงคงเส็ดรีไวอีกหลายรอบ5555 ส่วนคู่ยามะก๊กก็หวานนนซะ อิอิ
ตอบลบปล.อยากเห็นรูปถ่ายใบนั้นจัง
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบกวางซาม๊าาาาา ไอ้อาการเป็นห่วงที่ออกนอกหน้าแบบไม่รู้จะแสดงออกยังไงของท่านท่อนขานี่มันก๊าวใจมากกกกกกกกกก แล้วไหนจะที่เอเลนเอามือท่านท่อนขามาแนบแก้ม !!!!!
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แค่นี้คนบ้าก็ลงไปดิ้นม้วนแล้วค่ะ มันน่ารักมากกกกกกอ่าาา น่ารักมากจริงๆนะคะ คือด้วยความบ้าส่วนตัว จะชอบคิดอยู่เสมอว่าการเอามือคนรักมาแนบแก้มคือการชาร์ตแบตที่ดีมากๆทางนึง มันเหมือนว่าแค่ได้สัมผัส ได้รู้สึกว่ายังได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกดีมากแล้วจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเรท(?) เพราะยังไงเดี๋ยวก็เรท(?) ไอ้หลังจากแนบแก้มแล้วถ้าสถานการณ์มันอำนวยยังไงก็คงไม่พ้นโดนโดนลากเข้าโซน(?)อยู่ดี #เดี๋ยวๆ #หล่อนปูทางมาดีแล้ว หล่อนแหกโค้งทำไม 555555
และด้วยความที่ว่าช่วงที่ผ่านมา คนบ้าวุ่นวายกับชีวิตกองกระดาษเอกสารมาก T _ T มากแบบที่เครียดสุดๆเลยล่ะค่ะ แต่ในความเครียดก็มีได้เจอความฮาๆเพราะมีรับสายลูกค้าที่โทรเข้ามาผิดแผนก แถมเป็นเรื่องเดียวกับหนูก๊ก(?)ในตอนนี้เลย คือในจุดที่เรารับผิดชอบไม่ได้เกี่ยวกับการซ่อมเครื่องหรือซ่อมอะไรก็ตามแต่โดยสิ้นเชิง แต่พี่แกคงตกใจมากถึงได้เอาแต่ตะโกนว่าท่อแตกๆๆมาซ่อมด่วน แล้วไม่มีช่องว่างให้ตูได้บอกว่าจะโอนสายไปให้แผนกช่างให้ คืออีกนิดก็ว่าจะถามที่อยู่แล้วไปซ่อมให้แล้ว(?)นั่น #จบเรื่องนอกทะเลไปดีกว่านะคะ T _ T
คือจะบอกแค่ว่า ตอนอ่านถึงตรงคำว่า “ท่อแตก” เราค้างเติ่งเลยล่ะค่ะ 555555555555 คือ แม่เจ้าตอนนี้อยากกลับไปซ่อมท่อให้อีตาแตกตื่น(?)นั่นมาก เผื่อรอบถัดไปจะมีหนูก๊กโทรมาแจ้ง(?)ด้วยเสียงราบเรียบ #หล่อนอาการหนักแล้วววว
และไม่เข้าใจตัวเองอย่างแรงว่าทำไมกะอีแค่ หนูก๊กพูดแค่ว่า ท่อแตก ถึงได้อยากคว้ามาฟัดขนาดนั้นนนนน > ___ < แม่เจ้าคนอะไรทำท่อแตกได้น่ารักขนาดนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ถึงจะสงสารเอเลนที่ถูกขัดจังหวะการเดทและยิ่งอยู่ในอารมณ์หม่นๆแบบมีเรื่องให้กลุ้มใจหนักแบบนี้ด้วยอีก แต่มันก็อดจะขำรีแอคชั่นของท่านท่อนขาไม่ได้จริงๆ คือพี่แกบอกปัดการซ่อมท่อ(?)ไปให้เอลวินแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดหรือช่างใจเลยด้วยซ้ำซักวินาที เอเลนหนูมองไม่เห็นจุดนี้หรือลูกกกกกกกก จุดนี้หนูควรจะโกรธไปที่เอลวิน(?)นะคะที่ดันไม่ว่างมาซ่อมท่อน่ะ 555555555555 โอ่ยยยย ชอบตำแหน่งเอลวิน(?) #ลงไปดิ้นจนหัวโขกพื้น(?)
แล้วคือ หนูก๊กน่ารักมากกกกกกกก ฮือออออออ น่ารักมากจริงๆๆ มันน่าอัดวีดีโอ(?)การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ายามที่ตัวเองทำท่อแตกเองของ โกคุเดระฮายาโตะ จริงๆๆให้ตาย!!!!!! อะไรคือการเอากาละมังไปครอบให้ถูกดีดด้วยแรงดันน้ำจนลอยพุ่งทะยายขึ้นฟ้าไปติดที่ยอดต้นไม้!!!!!!!!!!!!!!!!!! แล้วไหนจะความคิดที่ว่าจะขับรถมาทับอีก แม่เจ้าถ้าทำจริงจนรถลอยกระเด็น(?)เข้าไปกระแทกตัวบ้านฝั่งขวา(?)ล่ะได้เรื่องเลยนะ 5555555555
จริงๆไม่ได้คิดว่าจะมีหมีผ่านมาช่วยซ่อมท่อเลยด้วยซ้ำ ใจกำลังง่วนฮา(?)และลุ้นรอท่านท่อนขาสุดใจว่าจะมาทันก่อนที่เขตอุทยานมาราเนลโลจะกลายเป็นทะเลสาปแห่งใหม่ไปก่อนแล้วหรือเปล่า แต่พอหมีบุก(?)เท่านั้นล่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มาแล้วสินะ มาแล้วสินะ(?) คู่นี้มาแล้ว > _ < และคือพ่อหมีพิรุณสมเนียน (คือมันจะเพิ่มให้ยาวไปไหน) ก็ซ่อมท่อได้อ่ะ(?) 555555555555 จุดนี้เชื่อได้เลยว่า เอลวินพึงพอใจ(?)และให้ผ่าน 80 แต้ม(?) # เอลวินมาเกี่ยวอะไรค๊าาา
กวางซามะบรรยายยามะตอนซ่อมท่อได้เท่โฮกกกกกก แม่เจ้าตูชักเริ่มอยากทำท่อแตก(?) #จะหาเรื่องเสียค่าน้ำให้บานหฤทัย(?)เพื่ออ? แล้วคือฉากอ้อนขอน้ำของยามะนี่ก็ว่าตายแล้ว มันยังเนียนอ้อนให้ป้อน!!!! และเพราะหนูก๊กเค้ารู้คุณคน(?)นั่นละนะ คนบ้าเลยตายสนิทเบยยย ฮือออออ > __ <
ลบฉากหมีมาซ่อมท่อแตก(?)ทำเราฟินมากจริงๆค่ะกวางซามะ ฮืออออ ปริ่มปลาบปลี้มจิตมากๆๆ ฮือออ ซ่อมท่อเสร็จแล้วมีเล่นฉีดน้ำใส่กัน(?) ถ่ายรูปโพลาลอยด์กัน(?) พากันเอารูปไปใส่ที่กรอบว่างเปล่า พร้อมคำพูดที่บ่งบอกว่าหลังจากนี้จะมีคนๆนี้อยู่ข้างกันไปตลอดจนไม่มีกรอบรูปว่างเปล่าอีกต่อไป ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แบบนี้ไม่ให้ฟินตายก็ไม่ใช่ เอฟซี 8059(?)แล้ว โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฮือออ รักกวางซามะ กอดแน่นๆเบยย
แต่คู่นี้ก็ยังไม่ยอมรับกันจริงจังว่าชอบกันแล้ว(?)แบบอีกคู่เนาะค่ะ เพราะไอ้อีกคู่พอดีคนนึงมันความอดทนต่ำเกิน(?) #แหม่ กระหน่ำกระทืบมาไม่ยั้งเลยนะคะ 55555
ขำที่หนูก๊กโทรไปบอกผู้ปกครองว่ามีหมีมาซ่อมท่อให้แล้วมากด้วยค่ะ 55555 และก็ถูกใจมากๆด้วยที่ท่านท่อนขาเลือกที่จะกลับไปหาเอเลนแทนที่จะไปล่าหมี(?) แถมไม่อยากจะบอกว่ามันเกิดความคาดคิดจริงจัง!!!!!! ท่านท่อนขาจะประกอบรถทามิย่าให้เอเลน!!!!!!!! คนที่แสนจะขี้รำคาญไปทุกสิ่ง คนที่แสนจะไม่เคยสนใจอะไรใคร แม้แต่ชีวิตตัวเองก็ยังไม่ยี่หระในการมีอยู่ แต่กลับลงทุนทำขนาดนี้ โอ่ยยยยย กระอักความสุขนำ(?)แทนเอเลนจริงจัง T __ T แค่นี้ก็บ่งบอกมากมายว่าท่านท่อนขารักเอเลนมากแค่ไหน แต่ถ้าเลิกนิสัยพิกุลจะร่วง(?)ด้วยได้ จะทำให้เจ้าหมาน้อยไม่ต้องหงอยติดกันบ่อยๆๆแบบนี้นะรู้มั้ยยค๊า
จริงๆก็ถูกใจกับโรงแรม(?)นะคะ 55555555555 แต่มันก็อดจิ้นไปสถานที่อื่น(?)บ้างไม่ได้จริงๆ เก๊าสงสารเอเลนง่าาาาา เพราะเอเลนยังคงไม่มีความมั่นใจกับการถูกรัก ไม่รู้ว่ามันอยู่ในระดับไหน ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วรักหรือสงสารด้วยซ้ำ ท่านท่อนขาเอะอะก็โรงแรมยันเลยจะให้เด็ก(?)เค้าคิดไงเล่า #ตัดพ้อแทนเพื่อ? 55555
เค้าฟินกับพาร์ทนี้มากๆค่ะ > __ <
และรูปตอนท้าย!!!! โอ่ยยยยยยยย ถ้ามันจะพอเหมาะพอเจาะกันขนาดนี้!!!!!!!!!
ฮืออออออ ชอบบบบมากๆเลยค่ะ ปริ้นท์แปะเพิ่มความจรรโลงใจให้ตัวเองที่โต๊ะรกๆ(?)เรียบร้อยเลย
------จรลีไปอ่านพาร์ทต่อไป
ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
ตอบลบการเดทถูกขัดขวางเพราะท่อแตกหรือคะรีไวล์ซัง
เฮ้ออออออออ
มีก๊กเป็นเด็กในปกครองก็แบบนี้แหละ
นอกจากจะครองสถิติการทำรถพังบ่อยที่สุดแล้ว
ยังสามารถทำท่อแตกได้อีก
แต่ทีเด็ดคือช่างซ่อมท่อประจำคือบอสของทีมอย่างเอลวินนี่แหละ
คงจบวิศวะโยธามาสินะ//โดนเสยปลายคาง
ดีนะมีพี่หมีตีเนียนมาซ่อมให้
ไม่งั้นคงมีทะเลสาปแห่งใหม่เกิดขึ้นจริงๆแน่
ฉากเล่นน้ำกันน่ารักมุ้งมิ้งมากค่ะ
นี่ถ้าไม่ติดว่ารีไวล์เป็นห่วงเอเลน
คิดว่าคงมีการไล่กระทืบหมีอีกรอบก็เป็นได้
ฮ่าๆๆๆ
ท่านคะ
ถึงจะแอบทำของเซอร์ไพรส์เอเลน
แต่ความดิบก็ยังไม่ลดลงเลยนะคะ
ช่วงนี้น้องเขากำลังสับสนอยู่
ทั้งเรื่องหัวใจและเรื่องฐานะที่ไม่กล้าบอก
แทนที่จะดีขึ้นเอเลนอาจจะคิดมากกว่าเดิมก็เป็นได้นะคะรีไวล์ซามะ