Attack on Titan. Au Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง TYL : 13
: Attack on Titan Fanfiction AU
: Levi x Eren
: WarmHearted Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
" บอกว่าไม่ทำไง...แล้วก็ยังไม่เรียนต่อตอนนี้ด้วย!" น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นมาพร้อมๆกับประตูที่เปิดออก ขาเรียวยาวก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงไปที่โซฟา ใบหน้ามนยังคงแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์มือถืออย่างที่ไม่ต้องบอกก็เดาออกว่าคงจะทะเลาะกับคนที่คุยอยู่ด้วยนั่นแหละ
" ถ้าจะโทรมาเรื่องนี้อีกละก็ ไม่ต้องโทรมาแล้ว!! ก็คุยกันที่บ้านไปแล้วไงว่าไม่ทำๆๆๆ!" นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองร่างโปร่งบางที่นั่งขยี้หัวสีน้ำตาลอยู่ที่โซฟา...ดูท่าว่าปลายสายจะเป็นแม่ของเอเลนเองนั่นแหละ
เพิ่งกลับมาจากบ้านไม่ใช่หรือไง? ยังคุยกันไม่จบก็หนีออกมาอีกแล้วหรือไงนะไอ้เด็กเหลือขอนั่น
" บอกว่ายังไม่เรียนไง! แล้วก็ถ้าจะเรียนก็จะไม่ต่อบริหารด้วย!!......ไม่เอา!..." เขาปล่อยให้เอเลนทะเลาะกับคนในโทรศัพท์ต่อไป นัยน์ตาละจากใบหน้ามนงอหงิกที่เริ่มจะมีน้ำตาปริ่มออกมาตามประสาคนไม่ได้ดั่งใจ เพื่อหันมาจ้องมองคราบสีขาวที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนก่อนจะยัดมันเข้าไปในเครื่องซักผ้า นัยน์ตาเป็นประกายเมื่อมองขวดผงซักฟอกที่เรียงอยู่ตรงหน้า...โลกพันปีให้หลังนี่มันดีจริงๆ ขนาดของที่เอาไว้ใช้ซักผ้าก็ยังมีให้เลือกตั้งมากมายหลายสีหลากกลิ่นแบบนี้
แต่ก็นะ...ทั้งๆที่มีน้ำยาทำความสะอาดให้เลือกใช้ไม่หวัดไม่ไหว...แล้วทำไมห้องของไอ้เจ้าเด็กนี่ถึงได้โสโครกขนาดนี้กันนะ!
ใบหน้านิ่งหันไปมองกองหนังสือที่เจ้าตัวดีรื้อเอาไว้ หางคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ....ก็รู้อยู่ว่าเขาจะเก็บมันขึ้นชั้นทุกวัน ไอ้เด็กเหลือขอนั่นก็รื้อมันออกมาดูแล้วก็ไม่เก็บอยู่ได้ทุกวันเหมือนกัน!
สั่งสอนไปก็ได้แต่คราง...ช่างไม่จำเอาซะเลยนะ
" แม่นั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง! บอกว่าไม่ทำไง! วางแล้วนะ!!" แล้วทั้งมือถือทั้งกุญแจรถก็ไถลไปบนโต๊ะหน้าโซฟา ยังดีที่มันหยุดได้ก่อนจะร่วงลงไปอีกฝั่ง แล้วยังไม่ทันจะได้ทักได้ถามอะไร มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาทันที
พ่อของเอเลน?
เขากดรับก่อนจะคุยกับปลายสายสองสามคำแล้วก็วางสายไป
" โฮ่ยเอเลน..." เขาเดินเข้าไปใกล้คนที่ยังนั่งฟึดฟัดอยู่ที่โซฟา ใบหน้างอหงิกเมื่อเห็นเขาเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ซบลงมาที่เอวของเขาทันที ก่อนที่มันจะถูไถส่ายไปมาเหมือนลูกหมาที่กำลังหาที่ระบายความหงุดหงิด
“ แม่น่ะจ้ำจี้จ้ำไช อยากจะให้เรียนต่อบริหาร...ถึงแม้จะเป็นทางสถาปัตยกรรมก็เถอะ...แล้วก็รับช่วงต่อโรงพยาบาลจากพ่อ...ใครจะไปสนกันเล่า ยังไงผมก็จะเป็นสถาปนิก!” ทะเลาะกับแม่มาจริงๆด้วยสินะ...มือของเขายกขึ้นไปจับหัวสีน้ำตาลให้อยู่นิ่งๆ...เขาก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทางเลือกทางไหนมันจะดีกว่ากัน...เพราะไม่มีใครรู้ผลลัพธ์ของสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น...แต่ในเมื่อเอเลนตั้งใจจะเลือกทางที่จะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจในภายหลัง....เขาก็อยากจะสนับสนุน
“ พ่อนายโทรมาแน่ะ...บอกว่าให้ชั้นไปพบ”
“ เอ๋?” ใบหน้ามนเงยขึ้นมาทั้งนัยน์ตาทั้งริมฝีปากสั่นระริก...ดูน่าสงสารเหมือนลูกหมาถูกทิ้งยังไงไม่รู้
“ สงสัยจะโดนแม่กล่อมแน่ๆเลย หัวหน้าต้องช่วยผมนะครับ...” แล้วใบหน้าของเด็กนั่นก็ซุกลงมาที่เอวของเขาอีก สองแขนบางๆกอดรอบเอวเขาไว้อย่างหาที่พึ่ง เขาได้แต่ก้มมองเพราะในหัวมันกำลังครุ่นคิด
ถ้าแค่เรื่องโรงพยาบาลมันก็ไม่น่าหนักใจเท่าไหร่หรอก...
ถ้าไม่ใช่เรื่องระหว่างเขากับเอเลนก็คงจะดี....เพราะจะมีพ่อแม่ซักกี่คนที่จะยอมได้...หากลูกชายคนเดียวจะรักกับผู้ชายด้วยกัน
และถึงแม้ว่าเอเลนจะเป็นคนดื้อดึง...กล้า...ที่จะขัดคำสั่งพ่อแม่ขนาดไหน แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะดูแลเด็กนั่นได้...เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าทหารอีกต่อไปแล้ว
แต่เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งก็เท่านั้น....
ชีวิตที่ต้องเริ่มต้นใหม่ในโลกที่ไม่รู้จัก...มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนักหรอกนะ
“ แล้วพ่อให้ไปเมื่อไหร่ครับ?” อ้อมแขนบางยอมละออกไปจากเอวเขาก่อนที่ใบหน้าเอาแต่ใจจะเปลี่ยนกลับมายิ้มให้เขาเหมือนเดิม
“ เดี๋ยวนี้แหละ” บางครั้งเขาก็แปลกใจเหมือนกันนะ...ตั้งแต่ในอดีตมาแล้ว...ทั้งๆที่เด็กนี่ดื้อและไม่คิดหน้าคิดหลังขนาดไหนใครๆก็รู้ดี...แต่เวลาอยู่กับเขากลับว่าง่ายและคิดมากยิ่งกว่าอะไร...เอเลนเป็นแบบนี้กับเขาตั้งแต่ก่อนที่เราจะรู้จักกันด้วยซ้ำ
“ ผมไปด้วย”
“ แต่พ่อนายบอกว่าให้ชั้นไปคนเดียว”
“........อะไรล่ะ มีเรื่องอะไรที่ให้ผมรู้ไม่ได้หรือไงกัน ฮึ่ม” ใบหน้ามนกลับมางอหงิกอีกครั้งเมื่อนึกถึงคนที่บ้าน สองมือยกขึ้นมากอดอกอย่างไม่สบอารมณ์...ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่บังคับเขามากมายแต่ก็ไม่เคยจะขัดใจแม่ได้เหมือนกัน
“ อยากรู้ๆๆๆ” ร่างโปร่งบางถูกทิ้งให้งอแงอยู่ตามลำพังบนโซฟา ส่วนหัวหน้ารีไวเดินเข้าไปในห้องก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดสุภาพที่ทำเอานัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกค้างริมฝีปากอ้ากว้าง
เชิ้ตสีขาวเข้ารูปน่ะมันไม่แปลกหรอกสำหรับยุคนี้ แต่ไอ้ผ้าผูกคอสีขาวที่หัวหน้ากำลังพันรอบคออยู่น่ะดูยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ!!
“ หะ หัวหน้าครับ..เดี๋ยวก่อน!” มือบางรีบจับผ้าผูกคอเอาไว้ก่อนที่มันจะถูกผูกจนเสร็จ คือจะบอกว่ายุคนี้ไม่มีใครเค้าพันไอ้นี่กันแล้วก็ไม่กล้า นัยน์ตาสีมรกตจึงเริ่มหาตัวช่วย
อ๊ะ! ถ้าเป็นเนคไทละก็...
“ มีอะไรเอเลน? มีปัญหากับการแต่งตัวของชั้นหรือยังไง?” มากเลยละครับ....
“ เปล่าครับ...คือว่า พอดีซื้อเสื้อมาให้ใหม่ อยากให้ลองใส่น่ะครับ” แล้วร่างโปร่งบางก็รีบพุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูปออกมา ถึงหัวหน้าจะขมวดคิ้วหน่อยๆแต่ก็ยอมใส่มันลงไปแต่โดยดี
จะว่าไปจากความทรงจำในอดีต...เขาก็ไม่เคยเห็นหัวหน้ารีไวใส่เสื้อเชิ้ตสีดำเลยนี่นะ
ทั้งๆที่มันออกมาดูดีขนาดนี้....
“ ปล่อยชายแบบนี้แหละครับ...แล้วก็ผูกนี่ไว้ที่คอแทนผ้านั่น” เนคไทสีขาวถูกยื่นเข้าไปให้ นัยน์ตารีขวางได้แต่เหลือบมองมันอย่างสงสัย เพราะเมื่อพันปีที่แล้วยังไม่มีเนคไท
“ เดี๋ยวผมผูกให้นะครับ” ใบหน้ามนยิ้มให้ก่อนจะขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ คอเสื้อเชิ้ตถูกจับให้ตั้งขึ้นก่อนที่เนคไทจะพันรอบลงไป มือบางตั้งอกตั้งใจผูกเนคไทสีขาวโดยมีสายตาที่อยู่ใกล้แค่คืบมองอยู่ตลอดเวลา ลมหายใจที่แทบจะเป่ารดกันทำเอาใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าว
“ โฮ่ยเอเลน...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาผูกเนคไทให้ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมามองด้วยความสงสัยว่าเรียกทำไม?
“ ผูกเป็นรึเปล่าเนี่ย?” ร่างโปร่งบางสะดุ้งโหยงก่อนจะหัวเราะแหะๆ
“ เป็นครับ...แต่ผมไม่เคยผูกให้ใคร พอกลับด้านแล้วมันเลยงง” แถบผ้าสีขาวพันกันได้อย่างน่าพิศวง จนคนผูกได้แต่หัวเราะแห้งๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง
ใบหน้านิ่งเฉยถึงกับคิ้วกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา นัยน์ตาสีขี้เถ้าหันไปมองโซฟาพลางครุ่นคิด
“ นั่งลงไป” มือจับแขนบางก่อนจะดันตัวร่างโปร่งให้นั่งบนโซฟา ก่อนที่ตัวเองจะนั่งหันหลังให้ลงไปที่พื้น
“ แบบนี้พอจะหายงงรึยัง?” ใบหน้ามนแดงระเรื่อกับภาพตรงหน้าก่อนจะพยักลงช้าๆ สองแขนโอบไปรอบคอของคนที่นั่งหันหลังให้ ร่างกายที่โน้มลงไปผูกเนคไททำให้แผ่นอกแนบชิดไปกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย ใบหน้าก็แทบจะเกยอยู่บนไหล่และพอหันไปนิดก็มีใบหน้าของหัวหน้ารีไว้อยู่ข้างๆ
ร่างโปร่งบางจึงต้องตั้งสมาธิในการผูกเนคไทให้มากกว่าทุกทีถึงจะอยู่ในมุมที่คุ้นเคยแล้วก็เถอะ...และกว่าจะผูกเสร็จก็ทำเอาใบหน้าร้อนเป็นไฟ
“ สะ เสร็จแล้วครับ....” เขาได้แต่ซบใบหน้าร้อนฉ่าเอาไว้ที่ไหล่แข็งแกร่งอย่างรู้สึกหมดแรง กะอีแค่ผูกเนคไทหัวหน้าก็ยังทำให้เขาเขินได้ขนาดนี้
“ มันยากตรงไหนเนี่ย?” ดูท่าว่านัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มองมือของเขาอยู่คงจะเรียนรู้ได้ไม่ยาก...ยังไงซะหัวหน้าก็คุ้นเคยกับการผูกผ้าที่คออยู่แล้วนี่นะ
“ ยากตรงที่ต้องผูกให้คุณนี่แหละครับ” เสียงบ่นงึมงำดังออกมาจากหัวไหล่ ใบหน้ามนตั้งใจจะละออกไป ทว่า ริมฝีปากของหัวหน้ากลับแตะลงมาที่ข้างแก้ม...รวดเร็ว...แผ่วเบา...แต่ก็ทำเอาเขาถึงกับนิ่งค้างไปก่อนที่ใบหน้าจะแดงหนักกว่าเก่า
“ หะ หัวหน้า....” ขี้โกงนี่นา...
“ รีบไปได้แล้ว นายต้องขับรถไปส่งชั้น วันนี้มีเรียนไม่ใช่หรือไง?” ใบหน้านิ่งยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง ร่างแข็งแกร่งเดินไปรออยู่ที่ประตูก่อนที่เขาจะเดินหน้าแดงเถือกออกไปพร้อมๆกัน
หัวหน้าจะเป็นยังไงบ้างนะ.....
นัยน์ตาสีมรกตไล่มองกระดาษแผ่นใหญ่พลางครุ่นคิดถึงคนที่เขาเพิ่งจะขับรถไปส่ง...ที่จริงวันนี้เขาไม่ได้มีเรียน แต่ที่ต้องมามหาวิทยาลัยก็แค่มาซื้อของเตรียมเอาไว้สำหรับใช้ตัดโมเดลของโปรเจคที่กำลังจะส่ง
กระดาษที่ทั้งหนาทั้งหนักทั้งใหญ่กว่าตัวเขาถูกดึงออกมาสองสามแผ่น พอรวมกับอุปกรณ์ตัดโมเดลอย่างอื่นแล้วมันก็ทำให้พะรุงพะรังไม่ใช่น้อย
ร่างโปร่งบางจ่ายเงินก่อนจะแบกมันออกมาโดยที่มองแทบจะไม่เห็นทางข้างหน้า...เพราะงั้นมันจึงไม่ยากเลยที่จะ
ตุ้บ!!!
แรงปะทะเข้ากับอะไรสักอย่างทำเอาทั้งร่างโปร่งบางทั้งกระดาษล้มหงายหลังไปพร้อมๆกัน กระป๋องสเปรย์กาวกลิ้งเคร้งๆไปเหมือนๆกับใบมีดเอย กาวเอย และอะไรต่อมิอะไรที่กระจัดกระจายไปรอบทิศ
มือบางยกขึ้นไปลูบสะโพกปรอยๆ ยิ่งหงุดหงิดๆอยู่เพราะงั้นใบหน้ามนจึงเตรียมจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ใครก็ตามที่บังอาจเดินมาชนตน
“ เดินระวังๆหน่อยสิฟ๊ะ นี่แกตื่นยังเนี่ยเอเลน?” แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ทำเอาใบหน้าที่กำลังหาเรื่องเต็มที่ถึงกับยิ้มกระตุก ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าทันที
“ แกเองเร๊อะแจน! ก็ถ้าแกเห็นว่าชั้นเดินมาก็ไสหัวหลบไปสิวะ”
“ นี่แกเป็นคนผิดนะ” อีกคนก็เถียงกลับมาทันทีเหมือนกัน แล้วการทะเลาะแบบรายวันที่ใครต่อใครก็ชินตาก็เริ่มขึ้นมาทันที
“ ชั้นไม่เห็น เพราะงั้นไม่ผิด!” ปากก็เถียงกันไปมือก็เก็บของที่กระจัดกระจายโดยมีอีกฝ่ายช่วย
“ หนอย...คิดว่าชั้นชอบแกแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นใช่ไหมไอ้เด็กขี้อิจฉานี่?!”
“ อะไรฟ๊ะ? หาเรื่องเร๊อะ?!!”
“ เออ! เอากระดาษมา!”
“ เอาไปแล้วก็ถือไปส่งที่คณะด้วย!”
“ รู้แล้ว!”
แล้วก็กลายเป็นว่าร่างโปร่งบางเดินนำหน้าโดยมีคนถูกด่าเดินแบกกระดาษตามมาส่งซะแบบนั้น
แต่ความโชคร้ายของแจนที่แสนจะบังอิญไปเจอร่างโปร่งบางนั่นเข้าก็ไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้
“ นี่แก....คิดจะซื้ออีกซักกี่รอบกันห๊ะ?” ในเมื่อไม่รู้จับพลัดจับผลูอีท่าไหนร่างสูงยาวถึงได้ต้องตามมาช่วยขนกระดาษที่ยังซื้อไม่เสร็จซักทีนั่น
“ ก็มันใหญ่แล้วก็หนัก รอบเดียวขนไหวที่ไหนเล่า ถามโง่ๆนะแจน” แล้วก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวดีนี่จะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรในการจิกหัวใช้อีกฝ่ายเลยสักนิด ทำเอาใบหน้ายาวได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างทำอะไรไม่ได้อยู่แบบนั้น
“ แกนี่มัน....ใครก็ได้ช่วยเอาใบหน้าแบบนั้นออกไปจากไอ้ปิศาจนี่ที” มีเพียงเสียงครางเบาๆที่หลุดรอดออกมา และถึงแม้ว่าใบหน้าจะไม่ได้เต็มใจแต่มือกลับยื่นไปรับกระดาษหนักๆนั่นเอาไว้อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
“ เอ้า! ขนไป!” หนอย.....
“ อย่าคิดว่าน่ารักแล้วจะจิกหัวใช้กันได้นะโว้ยยยย” ถึงจะเอ่ยปากด่าแต่ขาไม่รักดีก็เดินกลับไปกลับมาระหว่างร้านค้ากับตึกสถาปัตย์ซะงั้น...ให้ตายเถอะ นี่มันรักคนผิดคิดจนตัวตายจริงๆ!
ในที่สุดคนที่แค่บังเอิญเจอก็ดูเหมือนจะถูกปล่อยเป็นอิสระเสียที ร่างสูงยาวนั่งหอบแฮ่กอยู่ที่เชิงบันไดในตึกสถาปัตย์ ในขณะที่ร่างโปร่งบางเข้าไปนับกระดาษอยู่ในสตู
สายตากวาดมองเด็กปีหนึ่งซึ่งวิ่งไปวิ่งมาในชุดแปลกๆ...ไอ้พวกซอมบี้นี่แต่งแฟนซีกันอีกแล้วสิ?
“ หึหึ....” แล้วเขาก็หลุดขำออกไปเมื่อนึกถึงภาพตอนที่เขาอยู่ปีหนึ่ง...เขาเองก็เจอกับเจ้าเอเลนครั้งแรกตอนที่มันแต่งแฟนซีอยู่เหมือนกัน...
ยังจำได้อยู่เลยว่าเจ้าเอเลนที่แต่งเป็นนางฟ้านั่นมันน่ารักขนาดไหน...เขาเจอมันตอนที่ร่างโปร่งบางนั่นมาสลบสไลอยู่ที่หน้าคณะของเขา
ตอนนั้นเขาถึงกับคิดว่านางฟ้าตกสวรรค์มันมีอยู่จริงๆเลยนะ
กว่าจะรู้ตัวว่าคนที่เขาช่วยเอาไว้มันเป็นผู้ชาย แล้วมันก็ไม่ได้สลบ แต่มันแค่ง่วงจนหลับไปก่อนจะเดินถึงคณะตัวเอง ก็ต่อเมื่อเขาดันมอบรักแรกให้มันไปเสียแล้ว
นะ...เล่นเอาฝันสลายไปหลายวันจนเกิดอาการแค้นมันจนอดไม่ได้ที่จะคอยตามหาเรื่องอยู่แบบนี้นี่แหละ
“ โอเค...ครบแล้ว...ไปกันยัง?” เสียงน่าหมั่นไส้ที่คุ้นหูดีดังมาจากข้างหลัง ใบหน้าเรียวยาวจึงได้แต่หันไปถามด้วยความสงสัย
“ ....ไป?”
“ ก็ต้องไปขนฐานโมเดลที่สั่งทำไว้ไง ฝั่งตรงข้ามมหาลัยนี่เอง” ใบหน้ามนตอบกลับมาก่อนจะเดินนำออกไปอย่างไม่ถามความเห็นกันเลยสักนิด ทำเอาใบหน้ายาวได้แต่อ้าปากค้างในความเกรียนของไอ้เด็กนี่
“ นี่แกคิดว่าชั้นเป็นข้าทาสของแกรึไงวะ?!! แล้วไอ้ฝั่งตรงข้ามน่ะ มันข้ามแม่น้ำนะไม่ใช่ข้ามถนน!” ชั้นจะไม่ทนแกอีกต่อไปแล้ว!
“ บ่นเสร็จยัง? ไปกันได้แล้ว! ชั้นไม่ได้มีเวลาว่างแบบแกนะแจนจะได้มาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้เนี่ย” ดูมัน....ดูม๊านนนนน
“ กีซซซซ ไอ้คนอย่างแกนี่มัน...” ต้องจับกด....แบบนี้มันต้องจับกดเท่านั้น!
“ เออ...ว่าแต่แกไม่มีเรียนหรอ?” ร่างโปร่งบางชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาถามอย่างเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้
“ ทำไมไม่ถามเอาตอนจะกลับบ้านไปเลยละฟ๊ะ กำลังจะบอกอยู่นี่ไงว่าชั้นต้องไปเข้าเรียนแล้วน่ะ!” เขาก้มลงมองนาฬิกาแล้วก็พบว่ามันเลยเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายมาหลายนาทีแล้ว!
“ เอ๋???...แล้วฐานโมเดลชั้นล่ะ?” น่าน...มันยังมีหน้ามาทำหน้าราวกับว่าเขาเป็นคนผิดอีกนะ สองมือได้แต่กำแน่นก่อนจะกัดฟันพูดออกไป
“ แกก็โทรเรียก..........ฮึ่ย!!!....เรียก..........อ๊า!!!....เรียก..........อ๊ากกกกก!! นี่แกคิดว่าตอกย้ำชั้นว่าแกมี ‘แฟน’ อยู่แล้วแล้วจะชนะใช่ไหมวะ?! ฝากไว้ก่อนเลยนะ!!” แล้วร่างสูงยาวก็วิ่งซับน้ำตาจากไป ปล่อยให้ร่างโปร่งบางยืนงงอยู่ที่เดิม
“ อะไรของมัน? พูดอะไรไม่เคยรู้เรื่อง!” นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งจะวิ่งจากไปด้วยความเสียดาย...แล้วทีนี้ใครจะไปช่วยเขายกฐานโมเดลได้ล่ะ?!
“ ให้ผมไปช่วยไหมครับ....รุ่นพี่” แล้วจู่ๆก็มีเสียงทุ้มมากระซิบอยู่ที่ข้างหู และเมื่อหันไปดู
“ อ่ะ...นาย....” ร่างสูงใหญ่ของน้องรหัสปีหนึ่งของเขาก็เข้ามายืนอยู่ในสายตา
“ เอ่อ...ค่ากาแฟ” แล้วมันก็เป็นอย่างที่ป้าร้านกาแฟบอก เพราะเขาเพิ่งจะนึกออกในอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังว่ายังไม่ได้ให้ค่ากาแฟเจ้าเด็กนี่เลยนี่นา...แล้วยิ่งเขาเป็นพี่ว้ากที่แทบจะไม่ได้เจอกับเด็กปีหนึ่งในเวลาปกติ...หวังว่าเจ้าเด็กนี่มันคงไม่ได้คิดว่าเขาพยายามจะชักดาบค่ากาแฟหรอกนะ
“ ไม่ต้องหรอกครับ...แล้วว่าไงครับ? ให้ไปช่วยไหม?” ใบหน้ามนทำท่าคิดอยู่นิดหน่อย...คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะอีกไม่นานก็จะหมดซ่อมแล้ว แล้วไอ้เด็กนี่ก็จะรู้ว่าเขาเป็นพี่รหัสของมัน
“ งั้นก็...รบกวนด้วยแล้วกัน” พอนึกถึงความใหญ่ของฐานโมเดลเขาก็ตอบตกลงไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากอีก
แล้วร่างโปร่งบางก็เดินนำน้องรหัสที่ตัวสูงใหญ่จนน่าอิจฉาไปที่เบนซ์สปอร์ตสีขาวที่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
“ อาทิตย์นี้ได้แต่งเป็นอะไรล่ะ?” ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆในขณะที่นัยน์ตาสีมรกตก็ยังคงมองตรงไปที่ถนน
“ ฟิกเกอร์ขาซ้ายของ Colossal Titan ตอนกำลังเตะกำแพง...ครับ”
“ อุ๊บ ฮ่าๆๆ” น้องรหัสปีสามของเขานี่มันก็แสบใช่เล่นนะ....ที่คณะของเขาทุกๆวันศุกร์นอกจากจะซ่อมหนักที่สุด มีปาร์ตี้ มีเฉลยพี่รหัสของแต่ละชั้นปี มันก็ยังมีการให้น้องปีหนึ่งแต่งแฟนซีด้วย...โดยพี่รหัสปีที่จะเฉลยรหัสของตัวเองนั่นแหละจะเป็นคนคิดให้ว่าจะให้น้องรหัสตัวเองแต่งเป็นอะไร ในคอนเซปต์เดียวกันทั้งชั้นปี
ดูท่าคอนเซปต์แฟนซีของปีสามคงจะเป็น Attack on Titan อนิเมะที่กำลังดังอยู่ตอนนี้สินะ
“ ไม่ขำเลยนะครับเนี่ย....ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะแต่งยังไง....” ก็นะ...จริงๆก็ไม่ได้เน้นสวยงามหรือเหมือนจริงอะไรมากนัก เน้นให้ครีเอทจากสิ่งของเหลือใช้ใกล้ๆตัว ให้ทำออกมาแล้วดูออกว่าเป็นอะไรแบบนั้นมากกว่า
“ ว่าแต่รุ่นพี่ล่ะ เคยแต่งเป็นอะไรมาบ้างครับ?” เขาหรอ?....หลังจากที่นึกอยู่สักพัก ริมฝีปากสีระเรื่อก็เอ่ยตอบออกไป
“ ....นางฟ้า...ลิตเติ้ลเมอเมด...เตี้ย แบน ซึน ทวินเทล...แล้วก็...เอเลนสาย C คัพ D...” เฮ้ย...จะว่าไปทำไมมีแต่ผู้หญิงวะ? นี่ไอ้พวกพี่รหัสของเขามันยังไงกัน?!! ตอนนั้นก็ง่วงจะตายเลยไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาคิดดูตอนนี้ก็เล่นเอาใบหน้าร้อนผ่าวแปลกๆเหมือนกันนะ
ปรี๊นนนนนน....!!!
เสียงบีบแตรยาวดังมาจากรถคันข้างหลังเมื่อจู่ๆเบนซ์สปอร์ตสีขาวก็ปาดหน้ารถคันนั้นก่อนจะเร่งความเร็วแซงรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้า ไมล์ที่ไม่เคยตกจาก 120 ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆเริ่มเหงื่อตก
แต่ใบหน้ามนของคนขับกลับยังไม่สะทกสะท้าน เบนซ์สปอร์ตสีขาวยังคงพุ่งผ่านไฟเหลืองก่อนจะเปลี่ยนเป็นไฟแดงแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ทำเอารถที่เริ่มออกตัวเพราะไฟเขียวถึงกับเบรคกันหัวทิ่ม...เป็นเพราะปกติอยู่กับคนที่ขับรถแข่งกับเครื่องบิน...ตัวเองเลยดูเป็นเลเวลธรรมดา ทั้งๆที่ความจริงแล้วร่างโปร่งบางเองก็ขับรถได้ชั่วร้ายไม่ได้แพ้กันเลย
ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่เหลือบมองใบหน้ามนที่ยังจ้องอยู่ที่ถนน...ถึงจะทึ่งในความใจร้อนอยู่นิดหน่อยแต่มันกลับเร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าคมคายถึงได้ลอบยิ้มอย่างถูกใจ
ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับไปมองถนนก่อนจะพยักหน้าขอโทษรถคันข้างๆที่รุ่นพี่ที่น่ารักเพิ่งจะปาดหน้าเรียกหาแตรรถเสียงยาว
เคยได้ยินแต่คำกล่าวเอาไว้ว่า...เมาไม่ขับ...แต่สำหรับคนนี้นี่ไม่ต้องเมาก็ไม่ควรจะขับยังไงก็ไม่รู้นะ...
“ รุ่นพี่...เคยโดนจับบ้างไหมครับเนี่ย”
“ ห๋า?”
หลังจากผ่านการขับรถแบบถนนนี้พี่ครองมาได้ ร่างสูงใหญ่ก็ต้องกลายเป็นเบ๊ชั่วคราวให้กับร่างโปร่งบางที่กำลังยืนเถียงกับเจ้าของร้านทำกรอบรูปที่รับทำฐานโมเดลให้กับพวกเด็กถาปัดด้วย...ดูเหมือนจะตัดผิดไป 5 ซม.?
มือใหญ่ยกฐานโมเดลใส่ท้ายเบนซ์สปอร์ตที่ดูยังไงก็ใช้งานผิดประเภทชัดๆก่อนจะมัดให้แน่นหนา จากนั้นจึงก้าวขาไปนั่งที่เบาะข้างคนขับเหมือนเดิม
ร่างโปร่งบางกลับมานั่งหน้าบูดอยู่หลังพวงมาลัยนานแล้ว และเมื่อเข็มขัดนิรภัยถูกคาดเรียบร้อย เบนซ์สปอร์ตสีขาวจึงทยานกลับไปที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“ เอานี่ไปที่สตูแล้วรุ่นพี่มีอะไรต้องทำต่อหรือเปล่าครับ?” มือใหญ่ชี้นิ้วโป้งกลับไปที่ฐานโมเดลข้างหลัง นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมามองนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ
“ มีธุระต้องทำนิดหน่อยน่ะ...อ่ะ" แล้วโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา มือที่จับพวงมาลัยอยู่กดรับสายก่อนจะยกมันขึ้นแนบใบหน้าโดยไม่คิดจะใช้สมอลทอล์คเลยสักนิด...มันน่าโดนตำรวจซิวจริงๆนั่นแหละ...
" ฮัลโหล ครับหัวหน้า...กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ...ครับ” ...ธุระที่ว่านั่นสินะ....
“ เฮย์โจวงั้นหรอ.....” เสียงพึมพำดังมาจากเบาะข้างๆแต่ดูเหมือนร่างบางจะไม่ได้สนใจมากนัก เพราะมือยังคงหักพวงมาลัยราวกับกำลังเล่นเกมแข่งรถอยู่ในเกมเซ็นเตอร์ก็ไม่ปาน
ฐานโมเดลถูกขนขึ้นไปวางไว้ในสตูปีสี่ คนที่ไม่ได้ออกแรงอะไรมากยืนปาดเหงื่ออยู่ข้างๆร่างสูงใหญ่
“ นายนี่ช่วยได้เยอะเลยนะ ไว้วันหลังชั้นจะเลี้ยงข้าวตอบแทน”
“ ยินดีครับ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองใบหน้ามนของคนที่ยังก้มๆเงยๆดูความเรียบร้อยของฐานโมเดล
“ รุ่นพี่เนี่ย...น่ารักที่สุดในชั้นปีจริงๆด้วยนะ” คำพูดลอยๆถูกเอ่ยออกมาทำเอาร่างโปร่งบางชะงักน้อยๆ
“ หื๋อ?” ใบหน้ามนหันไปมองข้างหลังเพราะคิดว่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดถึงตัวเอง
“ งั้นผมไปก่อนนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งให้คนที่ยังไม่รู้ตัวยืนงงต่อไป.....ไม่เห็นมีใครอยู่เลย?
ดูเหมือนเสื้อสีดำนี่จะไม่เข้ากับบรรยากาศของโรงพยาบาลจริงๆด้วยสินะ เพราะไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมอง...
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งที่สุดในมวลมนุษยชาติเดินเลี้ยวไปตามทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวอย่างคุ้นเคย...จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงในเมื่อเขาอยู่ที่นี่มาสองเดือนเต็มๆ...เมื่อตอนที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาใหม่ๆ...
ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ เท่าที่รู้มาจากเอเลน ดูเหมือนกับว่าจะเป็นโรงพยาบาลชื่อดังทีเดียว
เรียวขาก้าวผ่านระเบียงทางเดินซึ่งเชื่อมต่อไปยังสวนที่เต็มไปด้วยผืนหญ้าเขียวขจี ที่นี่เขาก็เคยออกมานั่งเล่นอยู่บ่อยๆเพราะบรรยากาศมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ม้านั่งไม้ในสวนจึงมีคนไข้จับจองอยู่ประปราย
แล้วนัยน์ตาสีขี้เถ้าก็มองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาในขณะที่ขากำลังจะก้าวผ่านไป ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็หันกลับมาพอดี
“ อ่ะ...คุณรีไว?” ขอบตาแดงที่ยังมีน้ำตาไหลลงมาของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ขาของเขาชะงักลง
เขาไม่ใช่คนที่จะแพ้น้ำตาของผู้หญิง เพียงแต่ว่าคนตรงหน้าเคยเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลเขามาตลอดสองเดือน...แล้วจะไม่ให้สนใจ เขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น
“ ไม่สบายหรือเปล่าคะ? มาหาหมอหรอคะ?” เธอยังมีกะใจมาถามเขาในขณะที่ตัวเองยังยกมือขึ้นปาดน้ำตาปรอยๆ ไหล่เล็กดูห่อเหี่ยวไม่สดใสเหมือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคุณหมอที่เรียบร้อยบอบบางจนดูน่าทะนุถนอม แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ได้ง่ายๆแบบนี้
“ เปล่า...ฉันมาหาพ่อของเอเลน...เธอเป็นอะไรรึเปล่า?” หญิงสาวเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างอายๆ
“ มาหาผู้อำนวยการหรอคะ...ท่านน่าจะอยู่ที่ห้องนะคะ” ไม่มีใครในโรงพยาบาลนี้ที่จะไม่รู้จักเอเลน เพราะงั้นแค่เขาบอกออกไปแบบนั้นคุณหมอก็รู้ได้ทันทีว่าเขามาหาใคร
เขาแค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินจากมา...ดูเหมือนหญิงสาวก็คงไม่ได้อยากให้เรื่องของตัวเองไปสร้างความลำบากใจให้ใคร เพราะงั้นเขาจึงไม่ถามต่อไป ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สองขาก้าวมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องผู้อำนวยการของโรงพยาบาล...ยอมรับว่าหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใดกลับเต้นแรงกว่าปกติเล็กน้อย
นี่เขากำลังตื่นเต้น?
มือเคาะประตูสองสามทีก่อนจะได้ยินเสียงอนุญาตจากข้างในให้เข้าไปได้
ร่างสูงโปร่งที่ไว้ผมยาวถึงกลางหลังดูไม่ค่อยเหมือนหมอทั่วไปยืนรอเขาอยู่ที่กลางห้อง ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เหมือนกับวันแรกที่เขาลืมตาขึ้นมา
คนคนนี้รู้เรื่องของเขาดีทั้งหมด....
รู้ว่าเขาเป็นใครและมีความสัมพันธ์ยังไงกับลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง...
มือใหญ่ที่ทำการผ่าตัดให้ใครต่อใครมาไม่รู้กี่พันคนผายให้เขานั่งลงไปที่โซฟา แล้วบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นทันที
“ คุณบอกกับผมตอนที่ลืมตาขึ้นมาสินะ...ว่าจะดูแลเอเลนไปชั่วชีวิต” เขายังคงรักษาใบหน้าให้นิ่งเฉยทั้งๆที่ในใจมันกำลังเต้นระรัวเพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรถึงได้เริ่มต้นด้วยเรื่องนี้
“ ใช่..ผมเคยเอ่ยปากขอ...ลูกชายของคุณ” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นระบายยิ้มออกมา จะบอกว่าท่าทางที่ดูสบายๆถึงแม้จะต้องเอ่ยเรื่องร้ายๆ นั่นคือบุคลิกของคนเป็นหมอก็ได้หรือเปล่านะ? เขาถึงได้ไม่ไว้ใจท่าทางของอีกฝ่ายเลย
“ เฮ้อ...คุณคงรู้เรื่องที่เด็กคนนั้นทะเลาะกับแม่ของเค้าไปบ้างแล้วใช่ไหม? คงต้องบอกว่าดื้อเหมือนกันทั้งคู่ถึงได้ไม่ยอมกันสักที...คนเป็นพ่ออย่างผมเลยต้องคอยไกล่เกลี่ย...พูดกันตรงๆเลยนะ พวกเราน่ะตามใจเอเลนมามากพอแล้ว...สำหรับเรื่องโรงพยาบาล...”
“ ถ้าเอเลนไม่ยอมทำ คุณก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาตรงๆทำเอาเขานิ่งค้างไป แต่ยังไม่ทันจะได้ถามว่าต้องรับผิดชอบยังไง พ่อของเอเลนกลับยื่นข้อเสนอมาให้...
“ เลือกเอา...ว่าระหว่างให้ผมใช้คุณเป็นข้ออ้างให้เด็กคนนั้นยอมรับ...กับ...คุณดูแลโรงพยาบาลนี้แทนเอเลน”
ข้อแรกคือจะให้เอเลนยอมรับช่วงต่อโรงพยาบาลด้วยการใช้เขาเป็นข้ออ้าง...ถ้าไม่รับก็จะบังคับให้เลิกกับเขา? ข้อที่สองคือจะให้เขาเป็นคนดูแลโรงพยาบาลแทนเอเลน...ทั้งๆที่รู้ว่าแม้แต่เรื่องชีวิตประจำวันเขาก็ยังต้องเรียนรู้อยู่อีกมาก
ไม่ว่าทางไหนมันก็ยากสำหรับเขาอยู่ดี
“ ผมเลือกอย่างหลัง” แต่ริมฝีปากกลับตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
ถึงจะรู้ว่ามันยากแต่หากว่าพ่อของเด็กนั่นยอมเสี่ยงยื่นข้อเสนอนี้มาให้ เขาก็ยินดีจะลำบากเพื่อให้เอเลนได้ทำตามใจ....เพราะคำว่า ‘ผมจะเป็นสถาปนิกให้ได้’ นั่นมันยังก้องอยู่ในหัวเขา
“ ดี...จากนี้ไปคุณคงต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยละ...แต่ผมก็เชื่อนะว่า ตำแหน่งหัวหน้าทหารของคุณ...ไม่ได้ใช้แต่กำลังให้ได้มาเท่านั้น” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นยิ้มให้ ถึงแม้เขาจะโล่งใจแต่ความรับผิดชอบก็ใช่ว่าจะทำให้หายใจได้คล่องเสียเมื่อไหร่
เอาเถอะ...ถ้ามันจะทำให้ปีกสีขาวคู่นั้นโบยบินได้อย่างเป็นอิสระ
“ ผมจะได้บอกภรรยาผมว่าไม่ต้องห่วงเรื่องคนรับช่วงต่อโรงพยาบาล แม่ลูกจะได้เลิกทะเลาะกันซักที เวลาเอเลนกลับบ้านมาผมนี่หูจะชาเอา...เอ...แต่แม่เค้ายังไม่รู้ใช่ไหม เรื่องของคุณกับเอเลน?” เขาพยักหน้าให้ผู้เป็นพ่อที่เอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ เอาเข้าจริงคนที่เขาต้องกังวลยิ่งกว่าใครก็คงไม่พ้นแม่ของเอเลนที่ดูจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน
“ รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปหยิบเอกสารเกี่ยวกับสโคปงานกว้างๆของโรงพยาบาลมาให้คุณอ่าน” แล้วร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามก็ลุกขึ้น เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังที่กำลังรื้อค้นเอกสารในตู้ด้วยความสงสัย...ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ไว้ใจเขาขนาดนี้
“ ทำไม...ถึงได้ไว้ใจผมขนาดนั้น” ทำไมถึงกล้ายกลูกชายเพียงคนเดียวให้เขาดูแล...เขาเพียงแค่สงสัยแล้วก็ถามออกไป
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหันกลับมาก่อนจะเฉลยความจริงกับเขา...ว่าแท้ที่จริงแล้วคนตรงหน้าไม่ได้เชื่อใจเขา...แต่เชื่อใจลูกชายของตนเองยิ่งกว่าใคร...
“ เพราะคุณเป็นคนเดียว...ที่เด็กคนนั้นเชื่อฟังด้วยความสมัครใจ คุณรีไว”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
มีคนสงสัยว่าน้องรหัสปีหนึ่งคนนั้นเป็นใคร ใช่เอลวินไหม...คำตอบคือ...เป็นตัวละครออริที่ยังไม่มีแม้แต่ชื่อเลย ฮ่าๆๆ (โดนโบก!) ส่วนเอลวินเป็นอาจารย์ของเอเลนค่ะ ถ้าได้แต่งไปจนถึงตอนเอเลนอยู่ปีห้า ก็น่าจะได้ฉะกันละ เฮย์โจวกับดันโจว ^ ^” เพราะกะไว้ว่าจะให้เอลวินเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา Thesis ของเอเลน *w* คิดไปไกลถึงนั่นแต่จะแต่งถึงหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ555(โดนตื้บ) อ่ะ...คุณหมอในตอนนี้ก็เป็นตัวละครออริที่ยังไม่มีชื่อเหมือนกันค่ะ ^ ^”
สำหรับฟิคตอนนี้ แอบแฮปล่วงหน้าให้ใครบางคน *w*
นะ นี่เป็นประวัติศาสตร์ชาติคุณกวางเลยนะที่แฮปล่วงหน้าเนี่ย =[ ]=!! ปกติมีแต่เส้นยาแดงผ่าแปด ไม่ก็เลทแล้วเลทอีก 55
สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องพิ้งค์ (ชื่อเจ้าเขียนแบบนี้หรือเปล่า?) Chinji Yu >w<
มีความสุขมากๆนะจ๊ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีพละกำลังมากเหลือมาคอยปากระทะเทปล่อนเวลาคุณกวางมันอู้ 555 (โดนทุ่ม//คำอวยพรหรือแซะฮะพี่) เอาน่า รักหรอกจึงหยอกเล่น เคี๊ยกกก ขอให้เป็นปีที่ดีๆนะคะ ได้พบได้เจอแต่เรื่องที่สมหวังน้า ^ ^v
ก็นะ...ที่ลงไว เพราะจากนี้ไป เก๊าต้องตั้งหน้าตั้งตาปั่น Sugarplum and Tuberose , DEEP KiSS ให้เสร็จโดยไว เพราะโปรเจคฟิควันที่ 9 เดือน 9 มันต้องเริ่มแล้วว้อยค่า *เริ่มรู้สึกถึงวิกฤตขั้นMAX* แล้วยังมีคน(ชื่อคุณมิน)มาล่อลวงให้แต่ง เอเลนสาย C ด้วยแหละ แล้วคุณกวางก็ตกบ่วงไปเต็มๆเลยด้วยแหละ แย่แล้ววว จิ้นเป็นวรรคเป็นเวรมากตอนนี้แถมมีชื่อเรื่องแล้วด้วย โฮวววว
สำหรับเรื่องรวมเล่ม “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” มีหลายคนถามมาว่าจะเปิดจองเมื่อไหร่....เอางี้...ถ้าเห็น Sugarplum and Tuberose ลงที่โกดังนี่เมื่อไหร่ก็เตรียมตัวได้เลยค่ะ หลังจากนั้นไม่นานอ่ะนะ ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้เพราะสองตอนนี้มันยังไม่เสร็จ *ทรุด*
ก่อนไป...แอบแปะภาพที่แคปไว้ แบบเห็นแล้วมัน งี๊ดๆๆ >////<
อย่างกับองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงเลยเนอะคะ เอเลนน่าร้ากกกกก
แล้วก็ภาพนี้ แคปเอง ฟินเอง ตายเองค่ะ....โอยยยย ถ้าจะพริ้มขนาดนี้ มี๊ลักหลับซะดีไหม? (หนูก๊กเอายัยมี๊ไปเก็บที)
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆนะค้า ^ ^ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า (ฝาก QCด้วยตอนนี้แทบจะไม่ได้อ่านทวนเบยค่ะ TAT)
อีกนิด (ไปได้แล้วหล่อน!!) แอบแปะเพลงที่มีคน(ชื่อM1)แนะนำมาและเก๊าก็กำลังติดมากตอนนี้ 555 แบบว่าเอาไว้ฟังตอนแต่งภาค TYL นี่เข้าดีทีเดียวอ่ะ >////< ที่สำคัญมิวสิคนี่เล่นเอานึกถึงดาวตกขึ้นมาตะหงิดๆเลยค่ะ กังหันสีแดงเต็มท้องทุ่งนั่น!!! โฮกกกกกกกกกกกกกก เรียกว่าล่อลวงหนึ่งได้ถึงสองเบยนะคะน้อง M1 ฮ่าๆๆ
นานเท่านาน ของ หนุ่ม kala ค่ะ
อีดิทแบบด่วนจี๋ เพราะมีคนวาดแฟนอาร์ตจากฟิคเรื่องนี้ให้ด้วยค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น้ำตาจะไหลพรากมากเลยค่ะ ปลื้มสุดหูรูดอ่ะ >////< ที่นี่เบยค่ะ >> [Fanart Attack on titan]จากฟิคในห้องที่แสงส่องไม่ถึง
ขอบคุณ คุณ DarkSwon มากๆๆๆนะคะ ปลื้มจนจะลอยไปดาวอังคารอยู่แล้วอ่ะ เอเลนน่ารักมว๊ากกกกกกกกกกกกกก เห็นรูปแล้วรู้เลยว่าวาดให้ฟิคเรื่องนี้ โฮววววววว ดีใจ >w< ขอเอาไปใส่ในรวมเล่มด้วยนะคะ *w* ส่งสายตาวิ้งๆ
#ลงไปดิ้นให้กับฉากผูกเนคไทห้าล้านตลบ
ตอบลบโฮกฮากกกกกกกก > ____ <
ในขณะที่เอเลนกำลังจะใจเต้นตายกับการใกล้ชิดเฮย์โจว
คนอ่านก็กำลังจะตาย(?)เพราะโดนดาเมจจจจจจจคู่นี้ > __<
มันน่ารักมากกกกกกกกกกก การผูกให้จากด้านหน้าก็ว่าดาเมจแล้ว
นี่มีให้ผูกจากข้างหลัง!!!!! (เราจะข้ามประเด็นเรื่องการนั่งโซฟาและพื้นไป เพื่อป้องการออกกำลังกายท่อนขาของคุณคนแข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษย์ชาติ 5555 = __, =)
ในขณะที่เอเลนกำลังใจเต้นตึกตัก ไอ้คนอ่านก็คิดว่าหันไปหอมซักฟอดเซ่(?)
แล้วเหมือนจะสั่งได้(?) 555555 แดดิ้นกลับไปอ่านใหม่สองรอบ > <
แล้วก็ชอบบบบบบบ T ___ T ชอบเอเลนอ้อนนนน
เอะเอะกอดเอวเฮย์โจวเอาหัวถูไถยันเลย ชอบฉากแบบนี้มากๆเลยค่ะ
มันให้ความรู้สึกแม้ว่าไอ้การเอาหัวถูไถถากหน้าท้องเฮย์โจวจะไม่ได้ทำให้แม่เลิกบ่น
แต่มันทำให้สบายใจ ผ่อนคลาย จริงจัง 555555 คนอ่านมันเพ้อ
#ฉากเนคไท(ขออีกนิด555) นี่.....พาให้คิดถึงก๊กยามะจริงๆนะ
คู่นั้นคนนึงก็เนียนจงใจไม่อยากผูกเป็น(?)
ต้องให้คนสวยด่า(?)ชีวิตถึงจะเป็นสุข(?) 5555
#ฉากชุดสุภาพของเฮย์โจวที่พี่แกเล่นจะผูกผ้าพันคอระบายนั้นมันมีปัญหามากจริงๆนะ
มีปัญหามากจนตอนนี้เรายังหยุดหัวเราะไม่ได้เลย กวางซามะ 5555555555555 โอ่
ยยยยย 5555555
#แจนมาได้ถูกจังหวะ(?)เสมอในเรื่องการใช้งาน(?) 55555 อ่านแล้วก็ชอบเวลาแจนไม่มีทางออกให้ตัวเอง(?)นอกจากเถียงไม่ขึ้น(?) และเหนือสิ่งอื่นใดคือ แจนคะ(?)เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าคนอย่างเอเลนต้องจับกด แบบนี้ต้องจับกดเท่านั้นจริงจัง โฮกกกกกกก > _ <
#คุณน้องรหัสปริศนาทำตัวให้คนอ่านอิจฉา(?)ด้วยการได้นั่งข้างเบาะคนขับของเจ้ารถที่ขยันเรียกเสียงแตร(?)จากคันอื่น ฮา > <
ตอนนี้เป็นตอนที่จริงจังในเรื่องอนาคตของสองเรา(?) ฮา
จริงๆก็จะหมายถึงเรื่อง การเป็นอยู่ของเฮย์โจว ที่คงจะน่าเสียดาย(?)
ถ้าเป็นแค่พ่อศรีเรือน(?)อย่างเดียว
ดีใจ(?)ที่ได้เห็นเฮย์โจวจะได้อยู่ในมาดพนักงานทำความสะอาด(?)ที่โรงพยาบาล ที่เอาแต่ถือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดินไปมา(?)
#โดนเฉาะกบาล(?) 555555
#เพราะรักถึงแซะ(?)
#แต่ขยันแซะเพราะรักเอเลนมากกว่า(?)
#โดนเสยอีกรอบจนน่วม = __ =
เอาเป็นเค้าดีใจที่ได้อ่านตอนต่อแบบนี้มากๆๆเลย
แล้วก็เป็นกำลังใจให้กวางซามะเสมอ
ถึงแม้ว่า จะเห็นว่าตอนนี้กวางซามะกำลังหมุนติ้ว(?)อยู่มรสุมปั่นโปรเจคก็ตาม(?)
เราก็ยังหน้าชื่นตาบาน(?) ส่งกำลังใจให้อยู่ห่างๆเสมอน้า ^ [ ] ^
ปล. อย่าลืมเก็บหนังสือให้เค้าด้วยน้า เค้าจองงงน้า T _ T 55555
ปล. อีกรอบ.
[words: ปีศาจ / สลบไสล / ใจไม้ไส้ระกำ / ใบหน้ามนกลับมางอหงิกอีกครั้ง--แม่--นึกถึงคนที่บ้าน] ....ให้คนถนัดมาคอนเฟิร์มอีกทีกันเหนียว(?)ดีกว่า เราก็อ่อนแอ(?)เป็นต่างด้าว(?) ~~
http://darkswon.exteen.com/20130805/fanart-attack-on-titan
ตอบลบให้ค่ะ(อาย -////-) ไม่รู้จะให้ยังไงเลยฝากด้วยวิธีนี้ละกัน ซุ่มอ่านซุ่มติดตามมาตลอดเพราะอ่านในโทรศัพท์มันไม่สะดวกจะคอมเม้น พอเปิดคอมก็ดันลืม!!!
แฟนอาร์ตเล็กๆน้อยๆพอเป็นกำลังใจค่ะ ชอบบบบ!!!
ตามไปสครีมใส่บลอคมาแล้ว มาขอบคุณอย่างเป็นทางการที่นี่อีกทีค่ะ โฮกกกกก ขอบคุณค่ะๆๆๆ ดีใจมากๆๆๆเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนวาดให้ด้วย แง~~~ ปลื้มสุดๆไปเลยค่ะ >///< เป็นกำลังใจได้มากสุดๆเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะค้า ^ ^
ลบตอนแรกเห็นฟิคแล้วแบบ...อ่ะ อัพแว้วดีจัง
ตอบลบฟินมากกะตอนผูกเนคไทแล้วก็ตอนที่เอเลนเอาหัวไถอ้อนเฮย์โจว นึกภาพตามแล้วแบบ
อาาาาา
ราตรีนี้ผมจะไปฟินแล้นนนนนนนนนน
แอบตกใจกะเซอร์ไพล์นี่มาก
พึงครั้งแรกเลยนะครั้บเนียที่มีคนแต่งฟิคให้เป็นของขวัญวันเกิด ดีใจสุดๆเลยครับ^w^ แถมเป็นเฮย์โจวเอเลน.....
พี่กวางจะทำผมลอยแล้วเนี่ย5555+
ขอบคุณมากๆพี่กวาง..ชอบจังเลย
ขอบคุณสำหรับของขวัญ(ฟิคนี้)
และคำอวยพรครับ ผมจะค่อยไซโคแล้วตามผลงานพี่ตลอดไปครับ
ส่วนเรื่องกระทะเทปล่อน ไม่ต้องห่วงฮะ ผมจะค่อยเขวี้ยงกระทะม่วงๆไปกระตุ้นพี่ฮะ
พอนึกภาพรีไวกะเอลวินฉะแย่งเอเลนมันก็อืมมมมมม หึๆๆๆๆ
จะค่อยกระตุ้นพี่ให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้5555555555
แล้วก็จะรอร่วมเล่มฮะ
ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคร้าบบบ(โค้ง)
เอเลนผูกไท กะกอดเอวเฮย์โจวสินะ....................//แสยะยิ้ม
อ้อ...เกือบลืม ชื่อผมเขียนแบบนั้นแหละครับ
ลบปล. รู้วันเกิดผมได้ไง??
เหะ เหะ ดีใจที่ชอบนะค้า >3< วันเกิดรู้มาจากเฟสค่ะ ส่วนชื่อก็รู้จากคนแถวๆนี้แหละ =3=
ลบคิดถึงฉากพูดเน็คไทแล้วละลาย เอเลนทำไมน่ารักแบบนี้
ตอบลบเราก็คาใจว่ารุ่นน้องคนนั้นคือใคร ทำไมดูทำตัวลึกลับมาก5555555
อยากเห็นรีไวตอนพูดเน็คไทมาก #แง
เอเลนในฟิคนี้น่ารักมาก #เราตายค่ะ..
อิย๊าาาาาา เฮย์โจวตอบแมนมากค่ะ เฮย์โจวทำได้อยู่แล้วววววว
ตอบลบในขณะที่เอเลนกำลังตกเป็นเหยื่อของรุ่นน้องผู้ไม่น่าไว้วางใจ รีไวเองก็ตกเป็นเหยื่อของคริช่าเช่นกัน
ตอบลบอ่านพ่อเอเลนในฟิคนี้แล้วชั่วร้ายดีแฮะ ฮึๆๆ มีขู่หัวหน้าด้วย >_<! นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังต้อยลูกของเขาอยู่นี่หัวหน้าจะลงไม้ลงมืออะไรบ้างก็ไม่รู้น้าาาาาาา 555
อดีตหัวหน้าทหารรีไวอายุ 1,03X ปี ยังต้องมานั่งเรียนนั่งศึกษาหนังสือและเอกสาร!!!
จากนิยายโชกเลือด(กำเดา)เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การศึกษาไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆค่ะ อิๆๆ
แจนเอ๊ย วงจรความคิดของลูกนี่มันมีพายุทอร์นาโดหมุนวนอยู่รึไงน้อ เดี๋ยวเจ็บใจที่รู้ว่านางฟ้าตกสวรรค์คนนั้นที่เป็นรักแรกเป็นผู้ชายที่มีนามว่าเอเลน เยเกอร์ ก็หาเรื่องกัดเขา แล้วจะกดเขานี่มันยังไงชอบกลนา 555
ชอบตอนแจนนั่งทะเลาะกับเอเลนทั้งๆที่การกระทำมันขัดแย้งอย่างสุดๆมากมาย ปากด่าไปแต่ก็ยังแบกไป ส่วนเอเลนก็ไม่สะทกสะท้าน เล่นเอาปวดหัวแทนคนหลงรักแฟนชาวบ้านเขาเสียจริงๆ
ปล.ชอบภาพแฟนอาร์ตมากเลยค่ะ วาดสวยมาก คุณ DarkSwon วาดรอยยับได้เก่งจริงๆค่ะ
อยากวาดได้มั่งจัง ฮุๆ เอเลนสำหรับเรานี่ถ้าไม่นั่งวาดลอกเลียนแบบคนอื่นแล้ววาดนี่ ผลงานที่ออกมาไม่ใช่เอเลนแน่ค่ะ โฮๆ
แง่มๆ สวยๆ วาดได้สัดส่วนดีจัง =W=
ปลล.ถึงหนูเอเลนในภาพแฟนอาร์ตคะ ถ้ายังรักตัวกลัวลุกไม่ขึ้นล่ะก็ ไอเจ้าเครื่องบินกระดาษในมือน่ะ อย่าปาเล่นดีกว่านะคะ ถ้ารีไวมาเห็นล่ะก็.............................................คนหน้าจอคอมทางบ้านมิต้องเสียเลือดกันอีกเหรอคะ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ!
นึกภาพเฮย์โจวคู่กับโรงพยาบาลไม่ออกเลยค่ะ
ตอบลบถึงเป็นแค่ผู้บริหาร ไม่ใช่หมอก็เถอะ...
เพราะนิสัยเฮียแกเหมาะกับการตื๊บและเชือดมากกว่า
หวังว่าจะไม่เปลี่ยนรพ.พ่อตาเป็นค่ายทหารหรอกนะ
ปล.ฮันซี่จะมีบทมั้ยอ่ะ
ว้าว เพิ่งได้เข้ามาส่อง ตอนใหม่ก็มาอีกแล้ว ดีใจสุดๆ(ข่าวว่าเอ็งจะสอบมะรืนนี้ =___=; >> ใครจะสนจะตามเฮย์โจว ๕๕)
ตอบลบเปิดอ่านมาตอนแรก กระแทกใจอย่างแรก ทางเดินชีวิตสินะ อ่านๆมาเพิ่งมานึกได้ว่าบ้านเอเลนมีรพ. แลดูร่ำรวยนะ ๕๕๕
ขอให้ได้เป็นสถาปนิกสมใจนะเอเลน(ถ้ามีเป้าหมายมีเรื่องที่อย่างทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ดีกว่าไม่รู้ว่าจะทำอะไรนะ T^T) ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกเฮย์โจว เดี๋ยวคุณแม่ก็ยอมรับเองแหละ ลูกชายหัวดื้อมีคนคอยดูแล ห่วงหวง ขนาดนี้ แถมยังเอาอยู่ด้วยนะ แต่ก็เข้าใจความกังวลของรีไวเลยเนอะ แต่ก่อนตัวเองเป็นถึงหัวหน้าทหารเชียวนะ ทั้งยศ ตำแหน่งหนาที่การงานอำนาจ เขามีทุกอย่างเลย แต่ปัจจุบันก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนนึงแถมยังต้องมาเรียนรู้ทุกอย่างในปัจจุบันที่แทบจะใหม่หมดเลยด้วย (แอบกังวลแทน๕๕)
แต่ความอึนของเราหมดไปเมื่อ เจอกับสิ่งนี้ เฮย์โจวในเชิ้ตดำ!!!! อุ ไม่ไหวนะแบบนี้ นึกภาพตามแล้วไม่ขอทน มันเข้าสุดๆไปเลยนะนั่น เฮย์โจวเหมาะกับสีดำนะ อิมเมจดูดาร์คๆด้วย เข้าสุดๆ แล้วตอนผูกเนคไทให้นี่มัน วุ้ยยย แค่ผูกเนคไทให้กันแค่เนี่ย แต่ทำไมทางนี้อ่านแล้วฟินอ่ะ เอาง่ายๆเลยนะเฮย์โจวเฮียสามสิบ(เอ..จริงๆมันต้องอายุพันกว่าปี..?)แล้วนะครับยังมาแอบขโมยหอมแก้มเป็นวัยรุ่นวุ่นรักงี้ น่ารักไปเปล่าเฮีย ๕๕๕
แต่ตอนนี้บุคคลน่าสงสารประจำตอน ยกให้แจน ๕๕ น่าสงสาร น่าเห็นใจสุดๆ ทำใจเหอะ ก็มันรักไปแล้วนี่นะ ตลกดีอ่ะ ปากก็บ่นๆๆๆ แต่ก็ช่วยตลอดเนอะ คนดีศรีไททันนะนายเนี่ย ว่าแต่คุณน้องรหัสบทชักเยอะ กลัวเฮย์โจวงานเข้าสุดๆเลยเนี่ย ปกติคนเล็งเอเลนก็เยอะแล้วนะ แต่น้องคนนี้มันดูมาเนียนๆ เงียบ แต่อาจตายได้นะเนี่ย เอเลนก็ใสซื่อสุดๆเลย
แต่สุดๆสำหรับตอนนี้ก็คือนับถือการตัดสินใจของเฮย์โจวมากๆเลยที่เลือกที่จะรับช่วงต่อแทนเอเลน ทั้งๆที่เจ้าตัวก็คิดว่ามันยากลำบากแท้เลยๆนะ แต่ก็ตอบออกมาแทบไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะทำ เพื่อให้เอเลนได้มีอิสระที่จะทำอะไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเมื่อพันปีที่แล้วที่เอเลนโดนกักขังไว้ ถูกกจำกัดอิสรภาพน่ะ เฮย์โจวคงอยากให้มันกับเอเลนมากๆเลย อิสระ น่ะ มันเหมาะกับอเลนสุดๆเลยเนอะคำนี้ เพื่อแค่ให้เอเลนได้ทำตามใจ ถึงจะลำบากก็ยอม อย่างหล่ออ่ะเฮย์โจว ไม่แปลกใจเลย เพราะเฮียเป็นคนแบบนี้แหละเอเลนถึงยอมเชื่อฟังด้วยความสมัครใจ(ถึงบางทีจะมีบังคับขืนใจกันบ้างก็เถอะ ๕๕๕) พ่อเอเลนก็เป็นคุณพ่อตัวอย่างเลยนะ เชื่อใจลูกสุด
ชอบอ่าา ฟิคเรื่องนี้มันสนุกจริงๆนะ อ่านแล้วติด คิดถามแล้วหลง ลงเอยด้วยการติดตามตลอด เอาใจช่วยนะขอรับ รอรวมเล่ม ฮิ้วววว ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆ ดีๆ อ่านเพลินๆก่อนสอบครับ^^
นึกภาพเอเลนใส่ชุดผู้บริหารเดินไปเดินมาในรพ. แล้วรู้สึกแปลก ๆ ยังไงชอบกล
ตอบลบฮีแมนมากอะ ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเพื่อความฝันของคนที่รัก มันต้องอย่างนี้ซี่ป๋าเฮย์ขา
ชอบฉากผูกไท อยากให้มีภาพปลากรอบจริง ๆ เลย /// อรั้ย เขิลแทน
เฮย์โจวในชุดคุณหมอกับเอเลนหนุ่มมหาลัย โอ้ยยยยยย ฟินนนนนนนโฮกฮาก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก =q=/เก็บอาการไว้หน่อยลูก
ตอบลบพูดถึงคุณหมอแล้วนึกถึงละครหลังข่าวเรื่องนึงเลยนะคะ แถมต้อยเด็กเหมือนกันด้วย ฮาาา..
จะว่าไปเฮย์โจวของเราก็มีเงินไปต้อยเด็กแล้วด้วยน่าจะพาเอเลนของเราไปเดทหน่อยนะคะ อยากเห็นฉากเดทคู่นี้ที่คุณกวางแต่งจริงๆ >///<
แล้วก็ๆๆๆฟินกับฉากผูกเนคไทมากค่ะ ฮจ.จุ๊บแก้มเอเลนด้วยง่าา นึกภาพแล้วเขินตามเลย
อา..สุดท้ายอยากสารภาพว่า..จริงๆติดตามฟิคของคุณกวางมาตั้งแต่ออกตอนแรกเลยค่ะ ตามมาจากในเฟสพอเห็นรู้ว่าคุณกวางแต่งคู่รีเอด้วยรีบดิ่งเข้ามาอ่านเลยค่ะ ตามมาตั้งแต่โกดังเก่าแล้วชอบภาษาของคุณกวางมากๆๆ แต่เพิ่งมาเม้นครั้งแรกรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ตลอดมาก็ซุ่มอ่านในโทรศัพท์ตลอดเลย เพิ่งมีโอกาสมาเปิดคอม ยังไงก็ยกโทษให้ด้วยนะคะ/กราบรัวๆ
นึกภาพเฮย์โจวตาเป็นประกายแล้ว...น่ารักอ่ะ!!!
ตอบลบเชื่อว่าเฮย์โจวมีความสามารถทางงานบ้านมากกว่าแม่บ้านทั่วไปอีกนะ
....คราบสีขาวที่ติดบนผ้าปูที่นอน.... *ทำหน้าอินโนเซ้นท์* มันคืออะไรเหรอ? *วิ่งหลบพี่กวาง*
...สั่งสอนไปก็ได้แต่คราง... >>>> วิธีสั่งสอนของเฮย์โจวหรือคะนั่น! เป็นวิธีที่เร้าใจมากเลยค่ะ ให้ตายเหอะ! อยากเข้าไปติดกล้องในห้องสองคนนี้จริงๆ
คือตอนนี้พ่อของเอเลนยอมรับเฮย์โจวได้สนิทใจแล้วสินะ แอบสงสัยนิดนึง...เฮย์โจวไปทำยังไงให้แม่เอเลนสนิทใจขนาดมาอยู่กับลูกชายเค้าแบบนี้ล่ะเนี่ย แอบสงสัยจริงจัง
ชอบเวลาที่เอเลนอ้อนเฮย์โจวมาก มันดูเหมือนหมาตัวโตอ้อนเจ้าของ
แบบ..อบอุ่นมากเลย ฮือออออ น่ารักอ่ะ
มาอ้อนเราแบบนี้บ้างสิเอเลน *เฮย์โจวสปินหลังคอ*
สำหรับเฮย์โจวในตอนนี้เอเลนคือสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ยอมที่จะรับช่วงต่อบริหารโรงพยาบาลแทนแบบนั้น
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะต่อให้คนที่เรียนมาทางนั้นก็เหอะ ยิ่งเฮย์โจวเพิ่งฟื้นมาในโลกใหม่นี่อีก มันยิ่งกว่าคนทั่วไปอีกนะ
แต่เฮย์โจวคือเฮย์โจว ทำได้อยู่แล้ว ><
ตอนผูกเนคไท...เขินค่ะ เขินมากกกกกกกกกกกกกก ฮือออออออออ ทำไมคู่นี้น่ารักอย่างเน้!!
ฮืออออ ชอบอ่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ไม่สิ รักเลยยยยยยยย
ทำไงดี รักคู่นี้จัง ><''
พอตอนมาเจอกับแจน.....ไม่ใช่แค่แจนที่พูดไม่รู้เรื่อง เอเลนก็เหมือนกันนั่นล่ะ อันที่จริงหาเรื่องคุยกันตลอดสินะ...
แล้วไอ้ที่คุยหาเรื่องกันตอนแรกแล้วไปถือกระดาษให้เขานี่มันอะไรกันห๊า! แจน!!!
เวลาอยู่กับเพื่อนไอ้เด็กตาเขียวนี่เกรียนได้ใจมากเลย
แจนเอ๊ย... ถูกใช้งานแบบนี้ก็เพราะแพ้ความน่ารักของเขาไม่ใช่เหรอ
ชอบประโยคนี้อ่ะ รักคนผิดคิดจนตัวตาย ..ช่ายยยย แถมไปรักคนมีเจ้าของแล้วอีกตะหากนะ
สงสารแจนนะ แต่... 555555555555555555555555555555
มันอดไม่ด๊ายยยยยยย
...ง่วงจนหลับไปก่อนจะเดินถึงคณะตัวเอง.... เอเลน ลูกเป็นงี้บ่อยเหรอลูก ไม่ได้นะ!! อันตรายมาก ใครมาฉุดทำไงเนี่ย โอ๊ย เป็นผู้ชายก็จริงแต่หน้าตาดันน่ารักแบบนั้นแถมสลบอีก มันจะไม่รอดจากปากเหยี่ยวปากกาเอานะลูก
แต่ยังไงก็ยืนยันคำเดิม เอเลนเกรียนมาก
โดยเฉพาะเวลาอยู่กับแจน เกรียนได้อีกจริงๆ
รุ่นน้องปริศนานั่นใครคะ อยากรู้มาก ที่แน่ต้องน่าตาดีชัวร์! ทำไมคนรอบข้างเอเลนถึงหน้าตาดีไปหมดแบบนี้เนี่ย อิจฉา!!!
ว่าแต่...ฟิกเกอร์ขาซ้ายนั่นจะแต่งยังไงหว่า หรือแต่งเฉพาะเป็นขามาอย่างนั้นเหรอ?
แล้วแต่ละอย่างที่เอเลนโดนรุ่นพี่จัดให้แต่งนี่ ให้ตายสิ แค่นึกภาพกำเดาจะไหลเอา มันต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย ยิ่งลิตเติ้ลเมอเมดอ่ะ ฮือออออออออออออ อยากเห็น!!
มาเรื่องขับรถ ชอบการขับรถของคู่รักคู่นี้นะ หวาดเสียวได้อีกจริงๆ นี่พวกเธอกะจะเอาใบสั่งให้ได้สินะ เล่นขับรถแข่งกับเครื่องบินแบบนั้นอ่ะ
"เพราะคุณเป็นคนเดียว...ที่เด็กคนนั้นเชื่อฟังด้วยความสมัครใจ คุณรีไว"
ประโยคนี้ตอบทุกคำถามจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความรักที่พ่อแม่มีให้เอเลนจริงๆ ถ้าไม่รักมากก็คงไม่ยอมให้ขนาดนี้ นับถือครอบครัวนี้ยิ่งนัก
ไปอ่านตอนต่อไปต่อละจ้า ^^