Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : 08
:
Attack on Titan Fanfiction AU
:
Levi x Eren
:
Dark Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ร่างกะทัดรัดเดินขยับคอเสื้อที่ปราศจากผ้าพันคอด้วยย่างก้าวเร็วๆออกจากปราสาทไปยังเก้าอี้ในสวนซึ่งมีทหารจากทีมสำรวจรออยู่
“
หัวหน้ารีไว? มีอะไรหรือเปล่าครับ รู้สึกหมู่นี้หัวหน้าจะตื่นสาย?”
นายทหารถามออกมาอย่างรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นหัวหน้าในเมื่อหลายวันมานี้คนตรงหน้ามักออกมาจากปราสาทช้ากว่าปกติอีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่ดูราวกับไม่ใช่หัวหน้าทหารรีไวผู้เนี้ยบเสมอคนนั้น
จากที่เคยออกมาพบตนในสภาพเครื่องแต่งกายทหารครบชุดถึงแม้จะอยู่ในปราสาทที่แทบจะเรียกได้ว่าบ้าน....หมู่นี้ก็ออกมาด้วยเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวเท่านั้น
“
ไม่มีอะไร” เจ้าของใบหน้านิ่งสนิทนั่งลงไปที่เก้าอี้ก่อนจะหยิบเอกสารที่วางรอเอาไว้อยู่แล้วขึ้นมาอ่าน
และเพราะว่าไม่มีผ้าพันคอ
จากมุมของคนที่ยืนอยู่จึงเห็นรอยแดงที่ต้นคอได้อย่างชัดเจน....ที่บอกว่าชัดเพราะว่ามันมีรอยไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว....
นายทหารได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย....จากข่าวลือที่รู้ๆกัน
รอยพวกนั้นคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก......
“
หมู่นี้....ไม่ค่อยเห็นเอเลนเลยนะครับ ปกติจะเห็นแว่บๆในปราสาทบ้าง” นายทหารถามพรางเกาแก้ม
เหมือนจะพอรู้สาเหตุของการที่หัวหน้าทหารรีไวอยู่ในสภาพแบบนี้ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้....ก็นะ....ถ้าตัดเรื่องที่ว่าเด็กนั่นเป็นไททันแล้ว
ทั้งรูปร่างหน้าตานิสัยก็นับว่าน่าเอ็นดูอยู่ไม่ใช่น้อย
“
หลับอยู่....รายงานไปว่าปกติดี...มีอะไรอีกไหม?”
น้ำเสียงนิ่งส่งมาพร้อมกับสายตาดุดันทำให้นายทหารถึงกับสะดุ้งเฮือก
“
ไม่มีอะไรแล้วครับ....” ได้แต่หัวเราะแห้งๆกับความหวงของคนตรงหน้า...จงใจบอกว่า
“หลับอยู่” นี่ก็คงไม่มีอะไรต้องถามแล้วละครับ
มือแข็งแรงโยนเอกสารลงไปบนโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ในห้องนอน....วันนี้ก็ยังไม่มีรายงานว่าจะหาเบาะแสของไททันอีกตัวนั่นพบ...นัยน์ตาไม่สบอารมณ์มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแผ่นหลังของนายทหารกำลังขี่ม้าจากไปอยู่ไกลๆ
"..........หัวหน้า?....." น้ำเสียงงัวเงียดังออกมาจากใต้กองผ้าห่ม
ใบหน้ามนสลึมสลือค่อยๆโผล่มาให้เห็น....หลายวันมาแล้วที่เอเลนไม่ได้ลุกออกไปจากเตียงนอกเสียจากเขาจะพาไปอาบน้ำ
ขาขยับก้าวเดินเข้าไปหาพร้อมกับฝ่ามือที่ปลดกระดุมเสื้อไปด้วย
ก่อนที่เตียงจะยุบยวบลงเมื่อเขาก้าวขาคร่อมร่างที่ยังอยู่ใต้ผ้าห่มเอาไว้
"
หัวหน้า...."
ไหล่เปลือยเปล่าต้องแสงแดดยามเช้าเมื่อเขาดึงผ้าห่มออก
ต้นคอที่ว่ามีแต่รอยแดงของเขายังเทียบไม่ได้กับรอยมากมายบนตัวของเจ้าเด็กตรงหน้า สะโพกมนถูกจับยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ความเป็นชายของเขาจะสอดใส่เข้าไปได้โดยง่ายเพราะของที่ตกค้างอยู่ข้างใน
"
อึก....หะ...หัวหน้า?!" นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกเมื่อช่องทางที่เพิ่งจะว่างได้ไม่นานกลับถูกเติมเต็มเข้าไปอีก
"
ว่าไง?" ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอ
ว่าจะกอดให้...ทั้งวันทั้งคืน
"
อะ ออกไปเดินทั้งๆที่มันยัง........ไม่ได้นะครับ เอ๊ะ
ไม่ใช่....ผมหมายถึงวันนี้พอก่อนได้ไหมครับ" ตกลงเป็นห่วงเรื่องอะไรกันแน่?
เจ้าเด็กลามกนี่....ริมฝีปากก้มลงไปจูบแผ่นหลังที่มีแต่รอยกัด
เบื้องล่างก็ขยับเรียกเสียงครางจากคนที่บอกให้พอ
"
ไม่ล่ะ"
สองแขนกางคร่อมร่างที่สั่นระริกด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า
ก่อนที่เขาจะยันตัวออกมามองใบหน้ามนซึ่งหันตะแคงซุกอยู่ในหมอน...ใบหน้าแดงระเรื่อที่เต็มไปด้วยความปรารถนา....จะบอกว่าใบหน้าแบบนี้น่ะหรอเป็นไททัน.....ถ้าไอ้พวกชาวบ้านได้มาเห็นคงจะไม่มีใครคิดแบบนั้นอีกแน่
"
หัวหน้า....อ๊ะ....." น้ำเสียงอ่อนแรงเหมือนจะอ้อนนิดๆถูกหยุดเอาไว้ด้วยเสียงคราง
ร่างสองร่างเริ่มจะหลอมรวมกันอีกครั้งอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วในสองสามวันมานี้
ก็....หยุดพักแค่เวลากินกับเหนื่อยจนหลับไปเท่านั้นแหละ
"
อะ....อึ๊ก!!" เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมๆกับน้ำสีขาวขุ่นฉีดพุ่งออกไป ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงหอบหายใจอยู่บนเตียงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
ถึงจะยังเด็กแต่ถูกทำติดต่อกันนานขนาดนี้มันก็ต้องมีไม่ไหวอยู่แล้วละ
มือแข็งแรงจับปลายคางมนให้หันกลับมาหาก่อนจะจูบลงไปให้เรียวลิ้นแลกเปลี่ยนความหอมหวานให้แก่กันและกัน
ปล่อยร่างกายให้จมอยู่กับความลุ่มหลงจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น
แล้วก็ดูเหมือนสีหน้าของเอเลนจะดีขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยๆในดวงตาสีมรกตมันก็ไม่ได้หดหู่เหมือนเมื่อตอนก่อนหน้านี้
หากหัวใจมันยังสื่อไปไม่ถึงก็คงมีแต่จะต้องใช้ร่างกายช่วยแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ฝ่ามือลูบไล้ไปที่บั้นท้ายตึงแน่น
นัยน์ตาสีมรกตมองมาด้วยสายตาเว้าวอนนิดๆ
คงคิดจะขอร้องให้เขาหยุด....แต่ว่ามันกลับได้ผลตรงข้าม....เพราะความต้องการของเขามักจะสูงขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าแบบนั้น
แต่ก่อนที่จะได้เริ่มรอบต่อไป...
"
หัวหน้า....หัวหน้าครับ...."
เสียงใสเอ่ยเรียกเขาซึ่งยังคงฝังใบหน้าอยู่ที่ซอกคอระหง
เสียงม้าสองสามตัวกำลังวิ่งเข้ามาใกล้จนได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
"
มีม้ามานะครับ....อะ ออกไปดูก่อนไหม...?"
เขาละใบหน้าออกมาจากต้นคอก่อนจะสบถออกมาเล็กน้อย
ใครกันมาเอาตอนนี้....ทหารเพิ่งจะกลับไปเองไม่ใช่หรือไง?
สองมือจับสองขาแยกออกจากกันก่อนจะสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปด้วยความรวดเร็วจนคนถูกกระทำถึงกับกระตุกเฮือก
ร่างกายขยับอย่างหนักหน่วงโดยไม่รอให้ร่างข้างใต้ไปพร้อมกัน สองมือบางขย๋ำผ้าปูที่นอนจนแทบจะขาดติดมือ
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเช่นเดียวกับเสียงครางที่ร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ที่จู่ๆเขาก็แทรกกายเข้าไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
สะโพกมนมีแต่ต้องขยับสอดรับไปตามสัญชาตญาณ....และไม่นานคลื่นอารมณ์ที่บุกจู่โจมราวกับพายุก็สงบลงพร้อมกับการปลดปล่อยของเขาเพียงคนเดียว
“
แฮ่ก...แฮ่ก....แฮ่ก.....คุณนี่มัน.....”
ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีมรกตมองมาแบบค้อนให้น้อยๆ
เขาเพียงแค่ก้มหน้าลงไปซบเอาไว้ที่ไหล่บาง
ข้างล่างยังคงกระตุกเกร็งเพื่อปลดปล่อยความต้องการออกไปให้หมด
ผิวเนื้อนิ่มที่ซบอยู่ทำให้รู้สึกหิวกระหาย
ลิ้นร้อนจึงแล่บเลียไปที่ลาดไหล่บอบบางก่อนจะกัดฝังเคี้ยวลงไปให้เจ้าของไหล่ถึงกับสะดุ้ง
“
หัวหน้า...”
เสียงเง้างอดดังออกมาก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะหลับแน่นเมื่อจู่ๆเขาก็ดึงเอาส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย
แล้วขยับกายออกมาจากเตียง กางเกงถูกหยิบมาสวมใส่ก่อนที่เสื้อเชิ้ตจะตามไป
"
ก็นายบอกเองไม่ใช่หรือไง ว่าไม่ให้ออกไปเดินทั้งๆที่มันยังตั้งอยู่น่ะเอเลน?" ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังนิ่งเฉยเหมือนเดิมแต่เจ้าเด็กนั่นก็คงรู้ว่าเขากำลังหยอกเย้า
ใบหน้ามนถึงได้ยู่นิดๆก่อนจะก้มลงไปด้วยแก้มใสที่แดงระเรื่อ
"
มะ มันก็ใช่อยู่หรอก....." แต่เห็นสภาพที่ค่อยๆดีขึ้นแบบนี้ก็ทำให้เขาพอจะเบาใจไปได้บ้าง
ว่าอย่างน้อยคงพอจะละสายตาไปจากเจ้าเด็กตรงหน้าได้สักชั่วโมงสองชั่วโมง
“
รี~~~ไว~~~!!!!......เอ~~~เลน~~~~!!!!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าปราสาทเป็นเสียงที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น
เป็นเสียงที่ทำให้คิ้วของเขากระตุกขึ้นมาทันที....นี่มันเสียงของ
“
คุณฮันซี่นี่ครับ?”
ยัยแว่นบ้ามาโวยวายอะไรอยู่หน้าปราสาทของเขา?!
และเมื่อชะโงกหน้าลงไปมองเขาก็ถึงกับต้องผงะไป
เพราะคนที่มาไม่ได้มีแค่ยัยคลั่งไททันที่กำลังโบกไม้โบกมือให้ แต่อีกคนที่มาด้วยกันมันทำให้น่าสนใจยิ่งกว่า.....เพราะหัวหน้าหน่วยของทีมสำรวจไม่น่าจะทิ้งศูนย์บัญชาการไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ
เอลวินมาที่นี่....หรือจะมีอะไร?
“
นายอยู่นี่แหละเอเลน”
หันไปสั่งคนที่ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง
น้ำสีขาวขุ่นที่ไหลลงมาทำให้รู้ว่าข้างในนั้นรับมันเอาไว้ไม่ใช่น้อยๆเลย
“
เอ๋?....แต่ว่าคุณฮันซี่มา.....”
ใบหน้ามนยังไม่ทันจะพูดจบ
ร่างแข็งแกร่งก็ยันสองมือคร่อมร่างบางให้ติดอยู่กับหัวเตียง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเจ้าเล่ห์เหลือบมองลงไปที่เบื้องล่างก่อนจะกระซิบแผ่วเบาทำเอาใบหน้ามนถึงกับแดงเถือก
“
ชั้นว่านายเองก็ไม่ควรจะออกไปเดินทั้งๆที่มันยังไหลลงมาไม่หยุดแบบนี้หรอกนะ” แล้วร่างกะทัดรัดก็เดินลอยชายออกไปทิ้งให้อีกคนนั่งหน้าร้อนผ่าวอยู่ตามลำพัง
“
ก็นี่มันของใครกันเล่า....”
เสียงบ่นเบาๆดังอยู่เบื้องหลัง
จากสีหน้าอมยิ้มน้อยๆค่อยๆเปลี่ยนกลับมานิ่งเฉยตามเดิม สองขาก้าวเดินลงบันไดมา
นัยน์ตามองเห็นสองคนที่เข้ามานั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกข้างในเองเรียบร้อย
“
เอเลนล่ะ?”
ผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าทักขึ้นมาโดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง
“
ยังหลับอยู่
ไม่ได้เป็นไรมากหรอกแค่ออกแรงเยอะไปหน่อยน่ะ”
ร่างกะทัดรัดนั่งลงไปบนโซฟาตัวตรงข้ามก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว่ห้างตามปกติ
“
ถ้างั้นไว้นายค่อยบอกเอเลนเองก็แล้วกัน....นั่นคือ
ชั้นให้สิทธิ์นายตัดสินใจว่าจะพาเค้าไปด้วยหรือไม่”
เรื่องที่ใบหน้าภายใต้เส้นผมสีทองพูดออกมาด้วยความจริงจังทำให้เขาต้องฟังด้วยความตั้งใจ
“
มีเรื่องอะไร?....หรือว่า.....” เมื่อนึกตามความสำคัญว่าเรื่องอะไรกันที่ทำให้คนอย่างเอลวินต้องมาถึงนี่ด้วยตัวเองแล้ว
หัวใจมันก็เริ่มจะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“
ใช่.....เรารู้เบาะแสที่แน่ชัดแล้ว...ว่าใครคือไททันตัวนั้น....เพียงแต่เราจำเป็นต้องไปจับให้ได้คาหนังคาเขาอย่างที่พวกเราเคยทำๆกันมา” นัยน์ตาของเขาถึงกับเบิกกว้างก่อนที่ริมฝีปากจะแสยะยิ้ม....
ในที่สุด....ก็เจอตัวจนได้นะไอ้วายร้าย....
แผนการถูกนัดแนะกันระหว่างหัวหน้าทั้งสามคน....จนผ่านไปครึ่งวัน......หัวหน้าหน่วยและผู้บังคับหมู่แห่งกองทหารทีมสำรวจจึงได้กลับไป
ร่างกะทัดรัดเดินขึ้นบันไดไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้บอกเจ้าเด็กในปกครองว่าหาตัวคนร้ายได้แล้ว....ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้สึกดีใจขนาดนี้
เพราะนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องของตัวเขาเองเหมือนกัน
บานประตูถูกเปิดออกก่อนจะพบว่าเอเลนยังคงนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่บนเตียงโดยไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินเสียงที่เขาเดินเข้าไปเลยแม้แต่น้อย
ยังคงเป็นแบบนี้ทุกทีที่อยู่คนเดียว....
“
เอเลน”
เสียงเรียกทำให้ใบหน้ามนหันกลับมา
“
หัวหน้า คุณฮันซี่กลับไปแล้วหรอครับ?”
“
ใช่...เพราะฉันบอกว่านายยังไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาตอนนี้หรอก ยัยแว่นนั่นเลยยอมกลับไปด้วยฝ่าเท้าของฉัน”
ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆก่อนจะมองกลับมาด้วยสายตาละเหี่ยใจในความหวงของของเขาซึ่งเจ้าตัวน่าจะรู้ดี
“
แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะจ้องใบหน้ามนตรงๆ
“
เรารู้ตัวคนที่ใส่ร้ายนายแล้ว....และกำลังวางแผนออกไปจับมัน
โดยการหลอกล่อให้มันกลายร่างเป็นไททันแล้วจัดการมันซะ....แล้วนายก็จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์”
ฝ่ามือยกขึ้นไปประคองใบหน้าที่นัยน์ตาเบิกกว้าง
ประกายแห่งความดีใจวูบไหวอยู่ในนั้น
แต่มันก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น....
เมื่อในที่สุดแล้ว....นัยน์ตาสีมรกตก็กลับมาเศร้าหมองดังเดิม
"
งั้นหรอครับ....แต่ถึงจะจับไททันตัวนั้นได้....สายตาผู้คนที่มองผมอย่างหวาดกลัวมันก็คงไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี...."
“
เอเลน!”
ฝ่ามือเผลอบีบปลายคางมนจนนัยน์ตาสีมรกตปิดลงข้างหนึ่ง
“
นี่พวกเราทีมสำรวจ กำลังทำทุกอย่างเพื่อแกอยู่นะไอ้เด็กเหลือขอ!”
เขาอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ที่คนตรงหน้าไม่ยอมลุกขึ้นสู้....นัยน์ตาสีเขียวที่เด็ดเดี่ยวดวงนั้นมันหายไปไหน?! นัยน์ตาที่ทำให้เขาหลงรักดวงนั้นมันหายไปไหนกัน!
แบบนี้ดูท่าทางจะไม่ไหวแน่....
หากเอาไปด้วยคงมีแต่จะเป็นอันตรายเพราะเอเลนยังคงคิดมากเรื่องสายตาของคนอื่นมากเกินไป
ในใจที่ยังไม่สงบพอมีแต่จะยิ่งทำให้เรื่องที่ควรจะจบโดยไวกลับยืดเยื้อออกไป....ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการจะให้เอเลนแปลงเป็นไททันไปจัดการกับไททันอีกตัวนั่น
เพราะสภาพแบบนี้....ไม่ไหวแน่ๆ....
เขาปล่อยมือจากปลายคางมนก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งตัวในชุดทหารที่ไม่ได้ใส่มาหลายวัน
โดยมีสายตาที่สับสนของคนที่นั่งอยู่บนเตียงมองตามตลอด
“
หัวหน้า....”
เขาเหลือบมองนัยน์ตาสีมรกตที่มันยังคงเต็มไปด้วยความสั่นไหว...แม้แต่เพื่อนร่วมทีมสำรวจเจ้าเด็กนี่อาจจะยังไม่กล้าเผชิญหน้าเลยด้วยซ้ำ
คงจะให้ไปด้วยไม่ไหวแน่
ดูท่าว่าแผลในใจของเอเลนจะลึกเกินไปและคงต้องใช้เวลาเยียวยาพอสมควรทีเดียว
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาตามใจเจ้าเด็กนี่....ยังไงก็ต้องออกไปจัดการกับไททันตัวนั้นให้ได้ก่อน
อย่างน้อยข้อกล่าวหาจะได้ลดลงไปบ้าง
สายหนังถูกรัดพันที่ต้นขาและตามลำตัวจนครบทั้งหมด
ก่อนที่แจ็คเก็ตสีน้ำตาลจะถูกสวมทับลงไปเป็นลำดับสุดท้าย
“
หัวหน้า.....ผม......ไม่เอาผมไปด้วยหรอครับ?.....”
น้ำเสียงที่ยังสับสนเอ่ยถามออกมาทำให้ขาที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้องชะงักลง
“
นายอยู่ที่นี่แหละ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
เขาหันไปบอกคนที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้อยู่บนเตียง
“
คุณจะโกรธผมหรือเปล่าครับหัวหน้า?....ถ้าผมบอกว่าอย่าไป....เรื่องไททันนั่นจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ
ขอแค่คุณอยู่กับผม......”
ฝ่ามือถึงกับกำแน่น.....ถึงจะรู้ว่าไม่ควรไปถือสาหาความอะไรกับสภาพของเจ้าเด็กตรงหน้า
ทว่า...คำพูดเอาแต่ใจนั่นมันกลับทำให้เขาหงุดหงิด
“
นี่ฉันกับลูกน้องอีกมากมายกำลังทำเพื่อนายอยู่นะ”
เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินจากมาโดยไม่หันหน้าไปมองใบหน้ามนนั่นอีกเลย
“
หัวหน้า....” เสียงเรียกอย่างอ่อนแรงดังอยู่เบื้องหลัง
ทั้งๆที่เด็กนั่นไม่เคยพูดจาเอาแต่ใจแบบนั้นแต่เขากลับไม่ได้สนใจมัน....ไม่ได้สนใจแม้แต่ลางสังหรณ์ที่เขากับเด็กนั่นมักจะมีตรงกันเสมอ....
ลางสังหรณ์.....ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย....
ที่เขาจะได้เห็นใบหน้าของคนที่ยังเพรียกหาเขาไม่หยุด....
“
แน่ใจนะรีไว....ว่าจะไม่ให้ใครไปอยู่เป็นเพื่อนเอเลนน่ะ”
ผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าเอ่ยถามออกมาในขณะที่ขี่ม้ามายืนข้างๆ
ความอึมครึมที่เขาปล่อยออกไปมันคงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขานอกจากเอลวิน
“
ไม่ต้องหรอก เด็กนั่นน่าจะอยู่คนเดียวได้....สักวันสองวัน...ยังไงก็รีบๆไปจัดการให้จบเถอะ” ปลายเท้าเตะไปที่สีข้างม้า
ขบวนกองทัพย่อยของทีมสำรวจจึงเริ่มออกเดินทางจากกองบัญชาการ
ก็เพราะเป็นห่วงยิ่งกว่าอะไรถึงต้องการจะล้างมลทินให้
ต้องการให้เด็กนั่นกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เพราะเป็นห่วงถึงได้ต้องจากมาเพื่อจัดการเรื่องตรงหน้าให้จบไปโดยไว
เพราะเป็นห่วง....
มือได้แต่กำบังเหียนแน่น
เพราะเสียงเรียกของเอเลนยังคงดังก้องอยู่ในหัว
ทำไมตอนนั้นเขาไม่เดินกลับไปแล้วบอกอีกฝ่ายให้ชัดๆ
ว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน....
หัวหน้ารีไวออกไปสามวันได้แล้ว.....
ใบหน้ามนเกยอยู่ที่ขอบหน้าต่างเหม่อมองทางที่เชื่อมต่อเข้ามายังตัวปราสาทอย่างมีความหวังว่าจะได้เห็นร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่นั่นขี่ม้ากลับมา
ทว่า...ไม่ว่าจะเฝ้ารอเพียงใดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย
“
ฮึ....”
เสียงหัวเราะในลำคอฟังดูเหมือนจะเยาะเย้ยตัวเอง
เขามันช่างไร้ประโยชน์จริงๆ.....ไร้ประโยชน์
ไร้ค่า ไม่ควรที่จะให้หัวหน้ารีไวมาสนใจด้วยซ้ำ
ทั้งๆที่เรื่องเดียวที่ทำได้คือการต่อสู้ในฐานะอาวุธของกองทัพ
แต่เขากลับละทิ้งมันไป....แล้วปล่อยให้คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตต้องไปเผชิญกับอันตรายตามลำพัง
ทำไมเขาไม่ตามไป
ทั้งๆที่เป็นห่วงอีกฝ่ายมากมายขนาดนี้....จะมัวไปกลัวกับสายตาของใครต่อใครทำไม
จะกลัวไปทำไม.....
จะกลัว....ไปทำไม......
ทั้งๆที่คิดได้
แต่ทุกครั้งที่ลุกยืนขึ้นมา สองขากลับสั่นระริก....
กลัว....ว่าถ้าแปลงเป็นไททันอีก....เขาจะไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว
ลางสังหรณ์....มันบอกเอาไว้แบบนั้น
ว่าการแปลงเป็นไททันครั้งนี้....อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำ….
ตูม!!!!
เสียงล้มดังสนั่นหวั่นไหวและก่อนที่ฝุ่นควันตลบอบอวลจะหายไป
ลวดสลิงขนาดใหญ่มากมายหลายร้อยเส้นถูกยิงออกไปตรึงร่างขนาดใหญ่เอาไว้จนไม่อาจขยับไปไหนได้อีก
ลวดสลิงเส้นเล็กพุ่งออกมาจากอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติก่อนจะปักลงไปที่ต้นคอของไททันขนาด
15 เมตร ที่ยังคงพยายามจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุม
เสียงคำรามดังออกมาพร้อมๆกับไอร้อนที่พ่นจากปากขนาดใหญ่
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านิ่งของคนที่โหนตัวไปยืนอยู่บนต้นคอของไททันนั่นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหยียดมองผิวหนังที่สองเท้าของตนเหยียบอยู่
เจ้านี่เองสินะ...ที่ทำให้เอเลนต้องเป็นทุกข์ขนาดนั้น....
เจ้านี่เองสินะ....ที่เกือบจะพรากคนสำคัญของเขาไป....
สองมือกำมีดแน่นอย่างพยายามห้ามใจไม่ให้เผลอฆ่ามันไป
ใบหน้าของเขาตอนนี้คงจะน่ากลัวจนแม้แต่ทหารในทีมเองก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไร
ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาจะออกไปกำจัดไททันด้วยใบหน้าราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องที่ช่วยไม่ได้
เป็นเพียงแค่หน้าที่
แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่.....
“
รีไว!!!”
เอลวินตะโกนเรียกอยู่ข้างล่างทำให้เขาสบถออกไป สองมือยกมีดขึ้นมาก่อนที่จะตวัดลงบนต้นคอของไททันที่ดิ้นพล่านทันที
เนื้อที่ถูกเฉือนออกไปทำให้มองเห็นร่างที่คว่ำหน้าอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
มือเอื้อมลงไปจับหัวของมันดึงขึ้นมาให้ทุกๆคนเห็นว่า...ไททันที่ถล่มหมู่บ้านทางใต้
คือหมอนี่....ไม่ใช่ เอเลน เยเกอร์!!
ไอจากตัวไททันค่อยๆลอยขึ้นไปเมื่อร่างยักษ์กำลังสลายเหลือเพียงร่างจริงที่ถูกพวกเขาจับกุมเอาไว้ได้
ในที่สุดภาระกิจก็จบลงเสียที
และฝูงม้าก็กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังกองบัญชาการ....
เป็นอีกครั้งที่ทีมสำรวจประสบความสำเร็จในการจับกุมไททันที่มีสติปัญญาและคำสารภาพของมันก็ทำให้ความสงสัยในหลายๆเรื่องเริ่มจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น....ทั้งเรื่องที่ว่ายังมีพวกมันหลงเหลืออยู่อีกและพวกมันถูกส่งมาจากที่ไหน....ใคร...เป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง
แต่จะเรียกว่าคำสารภาพก็ไม่เชิง
ในเมื่อมันถูกหัวหน้าทหารรีไวซ้อมเกือบตายถึงได้ยอมคายความลับออกมา
ม้าสีดำแยกตัวออกจากฝูงตามลำพัง
ทหารในทีมต่างก็รู้ดีว่าม้าสีดำตัวนั้นคงจะไม่ได้วิ่งกลับไปกองบัญชาการด้วยกันแต่มันมุ่งหน้ากลับไปหาคนที่กำลังรออยู่
ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะยังคงนิ่งเฉย
แต่ภายในใจนั้นกังวลจนแทบจะเป็นบ้า
เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นขนาดไหน.....รักเอเลน....มากขนาดไหน...ก็ต่อเมื่อต้องอยู่ห่างกันหลายวันแบบนี้
เพราะปกติจะอยู่ด้วยกันตลอด
ไม่ว่าจะยามที่อยู่ในกำแพงหรือนอกกำแพง....อยู่ด้วยกันมากว่าห้าปี....
เพราะงั้น
เวลาสามวันกว่าๆที่ไม่ได้เห็นหน้า มันจึงทำให้เขารู้ว่า เด็กนั่นมีความสำคัญกับตัวเองยังไง
แค่สามวัน....ยังแทบทนไม่ได้ขนาดนี้....
แล้วพันปีที่ผ่านมา....คงไม่ต้องบอกว่าเขาทรมานขนาดไหน....
ม้าสีดำควบทะยานด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้
ถึงแม้ในใจจะยังคงเต็มไปด้วยความกังวลแต่ในหัวก็กำลังครุ่นคิดถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์ในครั้งนี้
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ....
ไททันตัวที่เขาจับได้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกระดับสูงที่อยู่ใน
Wall
Sina อย่างที่คิดจริงๆ
ไอ้พวกสารเลวที่ดีแต่ซุกหัวอยู่ในที่ที่ปลอดภัยโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง
ทุกอย่างทำไปเพื่อสร้างกระแสให้เกิดการต่อต้านในตัวเอเลน....ต้องการให้เด็กนั่นกดดัน
ถูกบีบคั้นจนไม่มีทางเลือก ทำให้หนีไปไหนไม่ได้ ไม่มีใครให้พึ่งพา
สุดท้ายก็จะไร้แรงขัดขืน ไร้แรงต่อต้าน....อย่างที่กำลังเป็นอยู่
เอเลน
เยเกอร์ ในสภาพอ่อนแอ
ไร้เรี่ยวแรงที่จะอยู่ต่อไปแต่ก็ไม่อาจจะตายได้.....คงจะเป็นสิ่งหอมหวานสำหรับพวกสันดานต่ำช้าทว่าเบื้องหน้ากลับดูสูงส่งพวกนั้น
เขาที่เคยอยู่ใต้ดินของที่นั่นมา....ทำไมจะไม่รู้.....
ว่ามนุษย์แบบพิเศษที่มีอะไรบางอย่างแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปจะถูกส่งไปที่นั่น....ที่ที่ใครๆต่างอิจฉาเพราะเห็นว่าคือที่ที่ปลอดภัย
คือที่ที่สะดวกสบาย ทว่าข้างในกลับเน่าเฟะจนใครคงคาดไม่ถึง
แล้วอย่างเจ้าเด็กนั่นที่เป็นไททันซึ่งหาได้ยากทั้งยังไม่เชื่องกับใครยิ่งทำให้เร้าใจ รูปร่างหน้าตาเองเขาก็ยืนยันได้ว่าเอเลนนั้นต้องตาทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ดูจากที่ทำถึงขนาดนี้แปลว่าเด็กนั่นคงจะเป็นลิสในลำดับสูงมากทีเดียวที่คนพวกนั้นอยากจะได้ตัว
เอาไปเป็นของเล่น
เอาไปเป็นสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่....เครื่องระบายอารมณ์
เพียงแต่ว่า
เอเลน เยเกอร์
ยังมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติและถูกจับตามองเกินกว่าจะเอามาได้ง่ายๆ....พวกนั้นจึงได้แต่เฝ้ารอ....รออยู่อย่างเงียบเชียบ......รอจนกว่าเวลานี้จะมาถึง
เขาควรจะบอกเจ้าเด็กนั่น
มันจะได้เลิกคิดมากแล้วลุกขึ้นมาป้องกันตัวเองได้สักที....นั่นสิ....บางทีถ้ารู้ว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะมีคนหวังจะครอบครองร่างกายของตัวเองอยู่
อาจจะลุกขึ้นสู้มากกว่านี้ก็ได้
แค่เอเลนได้รู้...ว่าผู้คนไม่ได้ชิงชังตนจากก้นบึ้งของหัวใจ....บางที...อาจจะอยากลุกขึ้นมาทำให้ใครต่อใครเห็น...ว่าตนก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นก็ได้
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับปลายเท้ากระทุ้งสีข้างของม้าให้วิ่งเร็วขึ้นไปอีก
ยังไงตอนนี้ก็ขอไปเห็นว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยดี
ยังคงรอที่จะยิ้มให้เขาอยู่ที่ปราสาทให้ได้เสียก่อน
เรื่องอื่นค่อยๆบอกไปก็คงไม่เป็นไร
อยากเจอ....
ทำไมถึงได้อยากเจอจนใจแทบจะลุกไหม้ได้ขนาดนี้.....
เอเลน.....นายยังรอฉันอยู่ใช่ไหม?
ยังปลอดภัยดีอยู่....ใช่ไหม?
เสียงกีบเท้าม้าที่วิ่งฝ่าถนนดินอัดแน่นเข้ามาใกล้ทำให้ใบหน้ามนละออกมาจากขอบหน้าต่าง
ผืนป่าที่แผ่กิ่งก้านสาขาทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นใครที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ทว่า
ความโหยหาก็พาให้สองขาวิ่งออกไปจากห้อง
ทั้งระเบียงทางเดินและบันไดช่างดูยาวไกลเหลือเกินในเวลานี้.....คนที่ขี่ม้ามาตามลำพังอาจจะเป็นคนที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดคนนั้นก็ได้
อาจจะเป็นหัวหน้ารีไวก็ได้....
ฝ่าเท้าวิ่งออกไป
ใบหน้าที่เศร้าหมองกลับยิ้มออกมาได้แค่คิดว่าจะได้เห็นหน้าของอีกฝ่าย....
คิดถึง....คิดถึงเหลือเกิน....
ผืนหญ้าถูกเหยียบย่ำไปตามรอยฝ่าเท้าที่วิ่งลัดสนามมา
ร่างโปร่งบางหยุดลงที่ใต้ต้นแอปเปิ้ลก่อนจะชะเง้อคอมองด้วยความหวัง
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าเพื่อต้อนรับการกลับมาของคนที่มองเห็นอยู่ไกลๆ...
ทว่า.....
ยิ่งมันใกล้เข้ามาเท่าไหร่
รอยยิ้มก็ยิ่งค่อยๆหายไปเรื่อยๆ....
จากฝีเท้าม้าที่ได้ยินว่ามันมาเพียงตัวเดียวกลับกลายเป็นฝูงม้าขนาดย่อม....
ร่างกายที่คิดจะถอยหนีเพิ่งรู้ตัวว่าถูกล้อมอยู่!!!
“................”
ใบหน้ามนได้แต่หันไปหันมาด้วยสายตาหวาดระแวง
กลุ่มคนที่ล้อมตนอยู่นั้นมีมากกว่าร้อยคน
และทุกคนล้วนแต่งกายที่ทำให้รู้ว่าเป็นเพียงชาวบ้านมิใช่ทหาร!
นี่มันอะไรกัน....?
คนพวกนี้มาจากไหน
มาได้ยังไง?
มาล้อมเขาไว้ทำไม....?
หัวใจเต้นระรัวอย่างตื่นกลัว
เพราะสายตาที่มองมามันไม่ได้มีคำว่าเป็นมิตรแม้แต่นิดเดียว
เรียวขาก้าวถอยหลังจนชนกับโคนต้นแอปเปิล.....ไม่มีที่ให้ถอยหนีได้อีกแล้ว....
ฝูงม้าหยุดลงตรงหน้า
ตรารูปดอกกุหลาบที่หัวไหล่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทหารกลุ่มนี้สังกัดอยู่กับกองกำลังรักษาการณ์
“
เอเลน เยเกอร์....ไปกับพวกเราซะดีๆ....ไปทำหน้าที่สุดท้ายของนายซะ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหน่วยพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร....นี่เป็นคำสั่งหรือว่าทหารพวกนี้ก็กลัวเหมือนๆกับชาวบ้าน?
แล้วหน้าที่สุดท้ายอะไรกัน?
แต่ดูจากสีหน้าของพวกชาวบ้านที่ห้อมล้อมอยู่ด้วยอาวุธครบมือแบบนี้มันก็อธิบายได้เป็นอย่างดี...ว่าหน้าที่สุดท้ายของเขาคืออะไร
ทำไมไม่พูดออกมาให้ตรงๆไปเลยล่ะว่า.....ช่วยไปตายให้ใครๆได้สบายใจทีเถอะ....
เจ็บจัง.....ทั้งๆที่ยังไม่ทันจะถูกทำอะไรเลยแท้ๆ
ใต้แผ่นอกด้ายซ้ายมันเจ็บ....
ใบหน้าของเขาได้แต่ส่ายน้อยๆ
นัยน์ตาที่สั่นระริกกวาดมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง
ทำไมกัน....ทั้งๆที่มีดวงตาที่มองมายังเขาเป็นร้อยคู่....แต่ไม่มีเลยสักคู่ที่จะมีแววสงสารหรือปราณีในตัวเขาบ้าง
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนตอนนี้ไม่ใช่เด็กผู้ชายคนหนึ่งหรือยังไงกัน....
ก็เคยคิด....ว่าเรื่องแบบนี้มันอาจจะเกิดขึ้นมาได้ในที่สุด
เมื่อความกลัวของทุกคนเลยจุดที่จะทนได้...ชาวบ้านอาจจะไปกดดันกองทัพให้ยอมคายความลับว่าเขาถูกซุกซ่อนอยู่ที่ไหน....และใช้เวลาที่ทีมสำรวจไม่อยู่...ใช้เวลาที่หัวหน้ารีไวไม่อาจคุ้มครองเขาได้บุกเข้ามาเอาตัวเขาไป
เอาไปประหารต่อหน้าสาธารณะชน
ให้คนทั่วไปได้รับรู้....
ว่าในที่สุด
ไททัน ก็ถูกกำจัดจนหมดไปจากโลกใบนี้
ทั้งๆที่เคยคิดเอาไว้....ว่าจะรับมือกับมันยังไง....ทว่า
พอมันเกิดขึ้นมาจริงๆ สองขากลับไม่อาจจะก้าวหนีไปได้พ้น
สายตาชิงชังราวกับจะกักขังเขาเอาไว้ในมนต์สะกด
ขังเอาไว้ให้อีกฝ่ายฆ่าแกงได้ตามแต่ใจ
“
......ไม่...........”
ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบาแต่เขาจะต้องพยายามหนี....จะต้องหนี....เพื่อรอคนที่จากไปให้กลับมาหา
ร่างทั้งร่างพลิกตัวก่อนจะตัดสินใจออกวิ่ง....วิ่งออกไป
ทั้งๆที่ไม่มีที่ไหนจะให้หนีได้อีก
ภาพที่เห็นเป็นราวกับภาพสโลโมชั่น.....
ท่อนแขนของใครสักคนคว้าเอวของเขาเอาไว้ก่อนที่ร่างกายจะถูกยกขึ้นพาดบ่า
สองมือพยายามไขว่คว้าหาปราสาทที่ตั้งอยู่ด้านหลังก่อนที่มันจะถูกรวบมัดเอาไว้ด้วยกัน…..
เสียงร้องเรียกหา
“หัวหน้าทหารรีไว” ยังคงดังออกมาทั้งน้ำตา….
หัวหน้า.....
หัวหน้า.........
หัวหน้า..............!!!!
คุณอยู่ที่ไหน.....ช่วยรับฟังเสียงของผมที....
ไม่อยากจากกันไปทั้งๆอย่างนี้....อยากเห็นหน้า.....อยากเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี.....
อย่างน้อยก็อยากจะขอโทษ....กับคำพูดเอาแต่ใจที่พูดกับหัวหน้าเอาไว้ก่อนที่เราจะจากกันในวันนั้น….
หัวหน้าครับ.......
หัวหน้า.....
ถ้าเป็นไปได้....ขอให้ผมได้บอกรักคุณเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม.....
ถ้าเป็นไปได้....ก็อยากจะได้ยินคำว่ารักจากปากของคุณ...เป็นคำสุดท้ายที่จะได้ยิน.....จะได้ไหม.....
“
หัวหน้า....”
ประตูปราสาทถูกกระแทกเปิดออกอย่างเร่งรีบ
ร่างกะทัดรัดของหัวหน้าทหารแห่งทีมสำรวจก้าวขาเข้าไปด้วยหัวใจที่หาความสงบแทบไม่ได้
เงียบ....
มันเงียบเกินไป.....
ทั้งๆที่เสียงม้าก็น่าจะทำให้เอเลนได้ยินได้ แล้วทำไมยังไม่ออกมาหาเขาอีก?
“
เอเลน!!”
เสียงตะโกนก้องดังไปทั่วปราสาทแต่กลับไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาเลย
ไม่มีแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวใดๆและมันก็ทำให้หัวใจของเขายิ่งเต้นระรัว
สองขาออกวิ่งขึ้นบันไดก่อนจะผลักประตูห้องเข้าไปก่อนจะพบกับความว่างเปล่า...
ไม่มี.....
ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ไม่มี....
ไม่มีร่างโปร่งบาง....ไม่มีใบหน้ามนที่จะหันมายิ้มให้เขา.....
ไม่มี.....
ประตูห้องแล้วห้องเล่าถูกเปิดออกจนหมด
ถึงแม้ลมหายใจจะหอบถี่ ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนล้าที่ต้องมาตามหาทั้งยังไม่ได้พักมาหลายวันติดกัน
แต่ขาก็ยังคงก้าวต่อไป
ตราบใดที่ยังหาตัวเอเลนไม่เจอ
หัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่นี้คงไม่อาจสงบลงได้
ฝ่าเท้าก้าวลงไปตามบันไดชั้นใต้ดิน
ถ้าที่นี่ก็ยังไม่มีอีกแล้วเขาจะทำยังไง....
จะทำยังไงดี.....
ฝ่ามือได้แต่กำแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ
ความกังวลใจจนทำให้ความเยือกเย็นหายไปแบบนี้คงมีแต่เอเลนเท่านั้นที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้
เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดินที่มืดทึบ
มือดึงประตูห้องที่คุ้นเคยออกมาด้วยความหวัง
แต่แล้วมันก็เป็นเพียงห้องที่มีแต่ความว่างเปล่า....
ไม่มี....
แม้แต่ที่นี่ก็ยังไม่มี....
ใบหน้านิ่งค้างหันไปมองด้านหลังช้าๆ.....สองขายังคงวิ่งต่อไปอย่างไม่ยอมตัดใจ
ก่อนจะเปิดประตูห้องขังที่มีอยู่ทั้งหมด
แต่มันก็ไม่มีคนที่เขาเฝ้าตามหา.....
ร่างทั้งร่างได้แต่กลับมายืนตัวชาอยู่ที่หน้าเตียงในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของเอเลน....เป็นห้องที่เกิดทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นในนี้
นัยน์ตานิ่งค้างมองไปยังสายหนังและโซ่ที่เคยล่ามข้อมือของเด็กนั่นเอาไว้
ในใจของเขาตอนนี้มันกำลังจนมุมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก
ต่อให้จะไร้ซึ่งหนทางแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยหมดแรงหมดกำลังใจเท่านี้มาก่อน
ไม่เคยรู้สึกกลัว.....เท่าครั้งนี้มาก่อน
เจ้าเด็กนั่น....
คงไม่ได้หนีไป
เพราะคิดมากเรื่องที่จะทำให้เขาเดือดร้อนหรอกนะ
แต่กรณีเลวร้ายก็ยังมีให้เขาคิดได้อีก
คงไม่ใช่ว่า.....
สันกรามกัดฟันกรอด
ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะหันตัวแล้ววิ่งออกไป สองมือได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บใจ.....
ว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง....
ทำไมถึงปล่อยเด็กนั่นเอาไว้ตามลำพัง....
ทำไมถึงได้กล้า.....ปล่อยหัวใจให้อยู่ห่างจากร่างกายของตัวเอง....
ทำไม.....
ทำไม........
ทำไมถึงได้รู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองแบบนี้.....มันเป็นครั้งแรก....ครั้งแรกเลยจริงๆ
เอเลน....นายอยู่ที่ไหน.....
นาย....เกลียดฉันหรือเปล่า......
เสียงอื้ออึงดังอยู่รอบตัวจนหัวเริ่มจะชา
ใบหน้าทำได้แค่ก้มลงไปมองที่พื้นอย่างไม่อาจจะมองตรงไปข้างหน้าได้อีก....เพราะข้างหน้ามันมีแต่สายตาชิงชังที่ส่งมาให้....มันฆ่าเขาได้ทั้งๆที่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
สองมือถูกมัดเอาไว้ด้วยโซ่เส้นหนา
เช่นเดียวกับลำตัวที่ถูกตรึงเอาไว้กับหลักในลานกลางเมือง
แต่ถึงจะไม่ถูกมัดเอาไว้
เขาก็ไม่อาจจะหนีหรือขัดขืนได้อีก....
ในเมื่องร่างกายไร้แรงยืน
ข้างในก็ถอดใจไปแล้ว....
ชีวิตของเขาคงมาได้แค่นี้....
อย่างน้อยๆ....ต่อไป....ผู้ชายที่เขารักที่สุดก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
ไม่ต้องถูกเขาผูกมัด ไม่ต้องทนอยู่แต่ในกำแพงเพื่อคอยดูแลตัวปัญหาอย่างเขาอีก
ช่วยมองท้องฟ้าที่กว้างไกลโดยไม่มีอะไรมาล้อมกรอบแทนผมทีนะครับ....หัวหน้ารีไว
คำสัญญาที่ว่าจะออกไปนอกกำแพงด้วยกัน....ผมคงทำให้มันเป็นจริงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว.....
ผู้คนที่ยืนล้อมรอบลานกว้างแห่งนี้อยู่น่าจะมีไม่ใช่น้อย
ทุกสายตาต่างก็จับจ้องมองมาที่เขา บางคนก็ทำหน้าเบาใจที่เขาจะตายได้เสียที
ที่ด้านหลังมีกองทหารรักษาการอยู่....ดูเหมือนที่หลังเสื้อของคนพวกนั้นจะปักตราดอกกุหลาบแทบทั้งสิ้น
อย่างน้อยเขาก็ยังมีเรื่องให้ดีใจ....ที่ไม่มีคนในทีมสำรวจเห็นด้วยกับการตายของเขาในครั้งนี้
“
หัวหน้าครับ...กองสารวัตรทหารมาแล้วครับ....เอ่อ....แน่ใจหรอครับที่ว่าจะให้พวกนั้นรับตัวเด็กนั่นเข้าไปประหารใน
Wall
Sina กว่าจะเดินทางไปถึงมันจะไม่อันตรายหรอครับ?”
เสียงพูดคุยที่ได้ยินจากด้านหลังไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรขึ้นมา.....เอาเถอะ....จะให้ไปตายที่ไหน
ยังไงเขาก็ต้องตายวันนี้อยู่ดี
“
ก็พวกนั้นขอมาแบบนี้....จะปฏิเสธได้ยังไง”
พวกนั้น?....พวกกองสารวัตรทหารที่อยู่ในกำแพงชั้นสุดท้ายนั่นน่ะหรอ?
นั่นสินะ....เป็นใครก็คงสงสัยว่าทำไมต้องลากเขาเข้าไปฆ่าถึงในนั้นด้วย....พวกชนชั้นสูงที่อยู่ในนั้นก็อยากเห็นเขาตายหรือยังไง?
ต่อให้อยากรู้อยู่บ้างแต่เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะสงสัยอะไรอีก....
แต่แล้ว.....
ทั้งๆที่คิดว่าถอดใจได้แล้วแท้ๆ
แต่เสียงทหารที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยท่าทางรีบร้อนก่อนจะเอ่ยรายงานออกมา
มันก็ทำให้เขารู้สึกตัวชายิ่งกว่าเดิม
“
แย่แล้วครับหัวหน้า! พวกกองทหารทีมสำรวจกลับมาถึงกองบัญชาการพร้อมกับไททันที่จับได้เป็นๆแล้วครับ....แล้วก็หน่วย20รายงานมาว่า....หัวหน้าทหารรีไวกำลังกลับไปที่ปราสาทที่เด็กนี่เคยอยู่ครับ!!”
นัยน์ตาสีมรกตถึงกับนิ่งค้าง.....หัวหน้ารีไวกลับมาแล้วอย่างงั้นหรอ
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกไม่อยากตายขึ้นมา....
“
บัดซบ! ถ้ารีไวตามมาท่าจะยุ่งยากแน่.....ส่งหน่วยที่ 15 16 17
ไปที่ปราสาท....สะกัดมันเอาไว้....แล้วก็ถ้ามันขัดขืนมากๆก็รุมฆ่าได้เลย”
คราวนี้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน
ว่าไงนะ.....จะให้ฆ่าหัวหน้ารีไวงั้นหรอ?
ฆ่า.....งั้นหรอ?
เสียงหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้....สิ่งที่ได้ยินนั้นก้าวพ้นคำว่ากลัวมาแล้ว.....เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้
มันอยู่เหนือคำว่ากลัวไปแล้ว.....
ไม่นะ.....ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรหัวหน้ารีไวได้
ไม่ยอมให้หัวหน้ารีไวต้องมาตายเพราะเรื่องของเขา.....
ไม่ยอม....
ไม่ยอม!!!
จากดวงตาที่ราวกับคนตายกลับมีประกายแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง
จะทำกับเขายังไงก็ช่าง
แต่หากแตะต้องคนที่เขารัก เขาจะไม่มีวันยอม
สันกรามได้แต่กัดฟันกรอด
นัยน์ตาเหลือบขึ้นมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ที่จู่ๆก็มีท่าทีหวาดผวา
ไม่สน.....เขาจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
หัวหน้า.....ขอแค่หัวหน้ารีไวเพียงคนเดียวเท่านั้น
ต่อให้ต้องกลายเป็นไททัน
เขาก็จะปกป้องหัวหน้าให้ได้!!
สองมือขยับให้โซ่บาดจนเลือดอาบและจิตใจที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
ทำให้เสียงราวกับฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วลานกลางเมือง
เปรี้ยง!!!!!
แล้วจากที่ที่ไม่มีอะไรก็กลายเป็นร่างกายขนาดมหึมา...จากเด็กผู้ชายที่ถูกมัดเอาไว้ก็กลายเป็นไททันอย่างสมบูรณ์
“
โฮกกกกกกกก”
เสียงคำรามกู่ก้องทำให้ผู้คนกรีดร้องก่อนจะวิ่งแตกหือ
ต่างคนต่างกระเสือกกระสนหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต
ฝ่ามือใหญ่กวาดอาคารบ้านเรือนที่อยู่แถวนั้นจนพังลงมา
ก่อนจะเริ่มอาละวาดจนแม้แต่ทหารก็ไม่มีใครหยุดได้
“
โฮกกกกกกก”
เสียงกรรโชกยังดังอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนเขาจึงควบคุมร่างกายนี้ได้เป็นอย่างดี.....ไม่ใช่ไททันเสียสติอย่างที่ใครๆคิดกัน
“
หยุดมันเอาไว้!! ฆ่ามันให้ได้!!”
มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวายท่ามกลางความโกลาหล
เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะอาละวาดขึ้นมาอีก
คงไม่มีใครคิด...ว่าเด็กผู้ชายที่มีสีหน้าราวกับตายไปแล้วทั้งเป็นนั่นจะลุกขึ้นมาสู้อีก
ตูม!! ตูม!!
กองทหารรักษาการณ์ต่างพยายามใช้ทั้งปืนใหญ่และอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติที่จะเข้ามาเล่นงานต้นคอเขา
แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้...มีเพียงแผลที่ไม่นานก็จะสมานตัวเองกับไอร้อนที่ลอยคลุ้งอยู่ทั่วร่างกาย....ไม่มีใครทำอะไรเขาได้หรอกนอกจากพวกทีมสำรวจที่จะรู้ดีถึงวิธีการรับมือกับไททันที่มีปัญญาแบบเขา
ฝ่าเท้าขนาดใหญ่เริ่มก้าวเดินออกไปทั้งๆที่มีแผลตามร่างกายเพราะในใจนึกห่วงอยู่เพียงเรื่องเดียว
หัวหน้า....
หัวหน้ารีไว.....
คุณจะต้องปลอดภัย.....
จะต้องปลอดภัย....แม้จะแลกด้วยลมหายใจของผมก็ตาม
ร่างกะทัดรัดตั้งใจจะวิ่งไปยังม้าที่เพิ่งจะได้หยุดพัก
ขาที่ก้าวออกมาพ้นปราสาทหยุดชะงักลงทันทีที่สายตารับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ใบหน้าเฉยชาเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อมองเห็นม้าฝูงใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะมาจากกองทหารทีมสำรวจของเขา
ถ้างั้นพวกนี้มีจุดประสงค์อะไรกัน? แล้วดันมาในช่วงเวลาที่เขาร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้าแบบนี้เสียอีก
“
ชิ!”
นัยน์ตารีขวางได้แต่จ้องเขม็งไปยังเหล่าทหารของกองทหารรักษาการณ์ที่กระโดดลงจากม้ามายืนล้อมอยู่ข้างหน้าปราสาท
“
มีอะไร?!”
น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามโดยไม่คิดจะมีมารยาทกับใครทั้งนั้น
“
ขอโทษนะครับหัวหน้าทหารรีไว...คงต้องขอให้คุณรออยู่ที่นี่อย่างสงบด้วยครับ...อีกไม่นานหัวหน้าของพวกเราจะเข้ามาพบ”
พวกนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นี่.....หรือว่า.....จะรู้แม้กระทั่งเรื่องที่เขาซุกซ่อนเอเลนเอาไว้ที่นี่....
ใบหน้าที่เคยเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลากลับสบถออกมา
เวลาที่เขาใจร้อนขึ้นมาใครหน้าไหนก็เอาไม่อยู่ แล้วคราวนี้ก็ด้วย
“
ชั้นมีเรื่องต้องทำ
ถ้าพวกแกอยากจะอยู่ที่นี่ก็เชิญ ถอยไป!”
ร่างกะทัดรัดถึงแม้จะตัวเล็กแต่ก็ไม่เคยเกรงกลัวใคร
ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ
เรียวขาจั้งใจจะเดินฝ่าออกไปโดยไม่สนใจคำทัดทาน
ทว่า....ใบมีดที่เคยใช้จัดการกับไททัน
กลับถูกชักขึ้นมาขวางทางเขาเอาไว้
และคมมีดทุกเล่มมันก็หันเข้าใส่เขา
สันกรามได้แต่กัดฟันกรอด....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปยังคนที่ขวางอยู่
พวกมันจะรู้บ้างไหมว่าตอนนี้ในใจของเขามันกำลังลุกไหม้ขนาดไหน
และเขาก็ไม่สามารถจะหยุดความร้อนใจนี้เอาไว้ได้ด้วย
ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่น....
มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ.....
“
บอกให้ถอยไปยังไงล่ะ.....”
เสียงทุ้มกดต่ำออกไปจากลำคอ แต่แทนที่กลุ่มคนตรงหน้าจะเชื่อฟัง
พวกมันกลับเดินเข้ามาหาเขามาขึ้นกว่าเดิม
ใบมีดถูกดึงออกมาจากกล่องเช่นกัน....ที่พวกมันกล้าโอหังใส่เขาแบบนี้เพราะคิดว่าเขาไม่กล้าลงมือกับมนุษย์ด้วยกันงั้นสินะ....คิดผิดมหันต์เลยล่ะ!
“
ขอโทษด้วยนะครับ พวกเราไม่อาจทำตามคำสั่งคุณได้
เพราะเราได้รับคำสั่งมาว่าถ้าคุณขัดขืน ก็ให้จับตายได้เลย”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมายิ่งทำให้ใบหน้าของเขามืดมน
ถ้าลงทุนขวางกันขนาดนี้แสดงว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
และเขาก็ไม่ใจเย็นพอด้วย
ถ้าเป็นเรื่องของ เอเลน เยเกอร์!
“
บอกให้....ถอย!!”
สองขาก้าวเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่สนใจอะไรอีก
เสียงการต่อสู้จึงเกิดขึ้นทันที
แล้วมันก็สมชื่อที่ใครต่อใครยกให้หัวหน้าทหารร่างเล็กคนนี้มีกำลังเทียบเท่าทหารร้อยคน
ในเมื่อด้วยตัวคนเดียวยังสามารถเรียกเสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหารที่บุกเข้ามาให้ดังลั่นไปรอบปราสาท
“
อ๊ากกกกกก” คมมีดตวัดตัดแขนและขา
เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่อาวุธที่จะเอาไว้ใช้ฆ่าคนด้วยกัน
สองขาพยายามจะวิ่งฝ่าออกไป
แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมารับมือกับเขาดีกว่าที่คิด
ในเมื่อรู้ว่าเขามีกำลังเทียบเท่าทหารร้อยคน
พวกนั้นจึงยกกันมามากกว่าร้อยอยู่ไม่น้อยเลย
การต่อสู้เริ่มจะใช้เวลาที่ยาวนานขึ้น
เคร้ง!!
สองแขนแข็งแรงรับใบมีดที่ปราดเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
เป็นเพราะร่างกายที่ไม่ได้พักติดต่อกันมาหลายวันทำให้เหนื่อยล้าไวกว่าที่คิด อีกทั้งในใจยังลุ่มร้อนดั่งไฟ
ทำให้ร่างกะทัดรัดถึงกับต้องกลิ้งตัวหลบใบมีดที่ตวัดเลียดพื้นมา
แผ่นหลังชนเข้าที่โคนเสาจนรู้สึกชา
ทว่าสองมือก็ยังคงกำมีดแน่น
“
แฮ่ก....แฮ่ก.....”
พยายามลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ยังหอบแฮ่ก
นัยน์ตารีขวางจ้องเขม็งไปที่กลุ่มคนตรงหน้าที่มีมากมายเกินกว่าที่คาดเอาไว้
แต่จะให้ยอมแพ้ง่ายๆก็คงจะไม่ใช่
หัวหน้าทหารรีไว!!
ลวดสลิงถูกยิงออกไปจากอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติก่อนจะปักเข้ากับผนังปราสาท
แก้สถูกพ่นออกไปทำให้ร่างแข็งแกร่งขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศได้อย่างรวดเร็ว....หากคู่ต่อสู้เยอะขนาดนี้เขาดึงดันต่อไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ
ยังไงก็หาทางหนีไปจากที่นี่....ไปหาตัวเอเลนให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทว่า...
ในขณะที่กำลังจะก้าวพ้นหลังคาของปราสาทไปได้
ปัง!!!
เสียงปืนก็ดังลั่นขึ้นมา.......
ก่อนที่หน้าท้องของเขาจะรู้สึกเจ็บจนชา.....
โครม!!!!
ร่างกะทัดรัดร่วงลงมายังพื้นหน้าปราสาททันที
“
อุก.....”
ปืนนี่มีกฎห้ามอย่างเด็ดขาดที่จะเอามาใช้กับมนุษย์ไม่ใช่หรือไงกัน?!
ร่างของเขาร่วงลงไปนอนหอบหายใจอยู่ที่พื้น
เลือดไหลอาบที่หน้าท้องอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เสื้อที่เคยเป็นสีขาวสะอาดกลับย้อมไปด้วยสีแดง
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้านิ่งสนิทก็ยังคงเงยมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมใบมีดมือ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งอย่างไม่กลัวเกรงและไม่คิดจะร้องขอชีวิตหรืออ้อนวอนใดๆ
สันกรามยังคงกัดฟันกรอด
สองแขนยังคงพยายามยันตัวเองขึ้นมา
ตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงใบหน้าของเจ้าเด็กนั่นเท่านั้น
จะต้องไป....
จะต้องไปหาเอเลน.....
เด็กนั่นอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้.......
จะต้องไป.....
ต้องก้าวขาออกไป.....
ฉั้วะ!!!!
มันช่างเป็นเสียงที่คุ้นเคย.....เพราะมันคือเสียงคมมีดตัดผ่านเนื้อหนังของมนุษย์
ร่างทั้งร่างค่อยๆทรุดลงกับพื้น.....
ที่แผ่นหลังรู้สึกชาจนไม่อาจขยับไปไหนได้อีก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
แก้มแนบไปกับพื้นที่ค่อยๆชื้นแฉะไปด้วยสีแดง......
ไม่.....
ลุกขึ้นสิ.....
จะหลับตาลงตรงนี้ไม่ได้.....
แล้วเด็กนั่นจะอยู่ได้ยังไง.....
อย่างน้อย.....
ก็อยากจะบอก.....อยากจะบอกออกไปจากปากของตัวเอง
ว่า
“รัก” สักครั้ง......
ครั้งเดียว......
แค่ครั้งเดียว......
เขาจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ....ที่ต้องมาจากกันไปแบบนี้.....
เอเลน........
ภาพในหัวราวกับถูกคลื่นแทรก
มันทั้งซ่าทั้งพร่ามัว......
ความทรงจำของหัวหน้ารีไวขาดๆหายๆไป
ราวกับว่ามันมีอยู่แค่นี้.....
แต่ก็เป็นไปได้
เพราะร่างกายที่จมกองเลือดอยู่นั้นดูเหมือนจะไม่มีสติอีกต่อไปแล้ว
แต่กับเขาแล้วไม่ใช่.....
ภาพยังคงไหลเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำ.....
ภาพที่ขาดๆหายๆกลับค่อยๆสมานจนกลายเป็นภาพที่ชัดเจนอีกครั้ง....ราวกับมันเป็นภาพที่ฝังอยู่ในร่างกาย
ฝังอยู่ในจิตใจ ในดวงวิญญาณของเขาเองไม่ใช่ของหัวหน้ารีไว
ภาพที่เป็นดั่งจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายที่หายไปตั้งแต่เมื่อพันปีก่อน.....
และตอนนี้.....มันก็กำลังหวนกลับคืนมาพร้อมๆกับตัวเขา.....
มันจะทำให้เราทั้งคู่ได้รู้ว่า.....มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่....
ในช่วงสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมด.....ช่วงที่หัวหน้ารีไวหมดสติไป....ทำให้ไม่รู้....ว่าร่างกายของตัวเองอยู่ที่ไหน....
และภาพต่อจากนี้ไป.....แม้แต่หัวหน้ารีไวเอง....ก็คงจะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
ละ
ลงพร้อมกันสองตอนค่ะ สำหรับตอนที่ 8กับ9 คือจริงๆแม่งเป็นตอนเดียวกันแหละ
แต่ว่ายาวไปจนบลอคสปอตมันลงไม่ได้
= =””
เพราะงั้นตามไปอ่านตอนที่
9 กันได้เลยค่า
โอเอ็มจี มาสองตอนรวดเลย ดีใจจจจ >[]<
ตอบลบข...เข้ามลอ่านแอบตะลึงลงพร้อมกัน2ตอน! แถมยังยาวด้วย!!! นับถือจริงๆค่ะ
ตอบลบตอนี้เศร้ามากมาย โธ่ หัวหน้า เอเลน
อ้ากกกกกกกกกกกก
ตอบลบสนุกมาก คุณพระ
55555+
อยากจะร้องไห้
ตอบลบตอนนี้เศร้าโฮกเลยค่ะ
ไม่นะเฮย์โจวววววว
สุดยอดทุกตอนอ่าตั้งแต่ที่ผมอ่านมา
ตอบลบยิ่งตอนนี้ยิ่งปวดหนึบ
อุปสรรคมันเยอะมากมาย
คาดว่าพอเอเลนตาย
พวกชั้นสูงคงหมดอาลัยตายยาก
เลยสั่งยกเลิกไททันชัวร์