KHR AuFic HBD.YamaGoku [8059 1827] Ryuusei : 18



KHR AuFic HBD.YamaGoku [8059 1827]   Ryuusei : 18

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ






คมดาบสีดำถูกซับด้วยผ้าสีขาวจนเงาวับ....

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนมองไล่ไปตามคมดาบด้วยแววเย็นชา เวลาได้นั่งเช็ดดาบแบบนี้มันทำให้จิตใจสงบแต่ก็ดำดิ่งลงไปในความมืดยิ่งกว่ายามปกติด้วยเช่นกัน

เสียงฝีเท้าฟังดูเร่งรีบใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งทับส้นด้วยท่าทางสง่างามต้องหันไปมอง


ครืด!!!


ประตูเลื่อนถูกเปิดออกพร้อมๆกับร่างบอบบางที่พุ่งพรวดเข้ามา ใบหน้าสวยดูตื่นๆ ถึงแม้ว่าริมฝีปากสีแดงนั่นจะยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลมันก็บอกได้เป็นอย่างดีว่ามีอะไรเกิดขึ้น

ร่างสูงใหญ่ใส่คมดาบเข้าไปในฝักก่อนจะลุกขึ้นเดินตามร่างบอบบางออกไป

ในห้องโถงใหญ่ของบ้าน บรรดาพี่ชายต่างยังอยู่กันครบ และเมื่อร่างสูงใหญ่นั่งลงไป...

“ มีสายรายงานมาว่า พบน้องชายต่างมารดาของพวกเรากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เพียงลำพัง....เจ้าจะเอายังไง?”       พี่ชายคนโตเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งสนิท...ตนเป็นเพียงคนเดียวที่ล่วงรู้มานานแล้วว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องชายต่างแม่ ต่างจากพี่น้องคนอื่นๆที่เพิ่งจะมารู้เอาเมื่อไม่นานมานี้ว่ายังมีน้องชายอย่างสึนะโยชิอยู่อีกคน

เพิ่งจะรู้....ว่าเจ้าเด็กอ่อนแอที่เอาแต่เล่นดนตรีไปวันๆนั่นจะกลายมาเป็นอาวุธสุดท้ายของอิสุ


“ จับตัวสึนะให้ได้แล้วขังเอาไว้ที่นี่....”       ใบหน้าคมของยามาโมโตะยิ้มร้ายที่มุมปาก


เท่านี้....แผนการของเขาก็จะสำเร็จลงด้วยดี

เพราะคนที่เขาต้องการหลอกล่อให้มาติดกับนั้นไม่ใช่สึนะโยชิ

แต่เป็น ฮิบาริ เคียวยะ....ที่จะต้องตามหัวใจของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน


“ ขังสึนะเอาไว้ที่รังลับนี่....ส่วนกองทัพของคามาคุระที่จะตามมา....เราจะไม่รอให้พวกนั้นบุกประชิดตัวเมืองอิสุเหมือนที่พวกเจ้าเคยทำๆกันมา...แต่เราจะไปตั้งรับพวกมันที่โอดะวาระ...บอกทหารให้ไปตั้งค่ายที่นั่นซะ.....ไม่ต้องกลัว....เพราะทัพของฮิบาริ เคียวยะที่จะตามมานั้นจะไม่ใช่ทัพใหญ่ที่น่ากลัวอะไรเลย”


ใช่....ฮิบาริ เคียวยะ จะไม่น่ากลัวเลย...หากเรามีตัวประกันชั้นดีอย่างสึนะโยชิอยู่ในมือ!


“ ไปรับพี่ของเจ้ากันเถอะโกคุเดระ”       เสียงทุ้มหันไปเรียกร่างบอบบางที่ดูเหมือนจะกลัวกับการพบหน้า นัยน์ตาสีมรกตถึงได้สั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด มือใหญ่จึงจับกระชับลงไปบนมือบางให้ใบหน้าสวยหลุดออกมาจากภวังค์

พวกเราจะถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว....ต่อให้ในใจจะรู้สึกผิดแค่ไหนก็ตาม....










ร่างเล็กบางนั่งลงที่ชายน้ำของบึงใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตทอดมองออกไปอย่างนึกขึ้นได้ว่า เขาเคยเห็นบึงนี่มาก่อนเมื่อครั้งยังอยู่ที่อิสุ....แสดงว่าอีกไม่ไกลก็คงใกล้จะถึงกำแพงเมืองเต็มที

ถึงเขาจะเกิดและเติบโตมาที่นี่  แต่เขาแทบจะไม่รู้พื้นที่ของอิสุเลย เป็นเพราะว่าไม่เคยได้ออกจากบ้านไปไหน จะมีก็แต่ตอนที่ย้ายมาอยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลโกคุเดระแล้วนั่นแหละที่ได้ออกไปเล่นซนเหมือนเด็กทั่วๆไป.....ก็น้องชายคนเล็กของเขาเคยอยู่นิ่งซะที่ไหน

ฮายาโตะน่ะ...เป็นเด็กที่ถูกรักถูกทะนุถนอมมาตั้งแต่เกิด แต่ด้วยความเอ็นดูที่ใครๆก็มีให้ ไม่ว่าใครจึงไม่กล้าแตะต้อง พวกพี่ชายเองก็พยายามกันฮายาโตะไม่ให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายด้วยกันเพื่อไม่ให้เล่นซนจนได้รับบาดเจ็บ เด็กคนนั้นจึงถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นแค่ตุ๊กตาตัวสวยอยู่แต่ในบ้านเพียงลำพัง และเมื่อเขาถูกรับเข้าไปในบ้านด้วยฐานะนักดนตรี เขาจึงถูกจัดให้อยู่เคียงข้างฮายาโตะทันที....แต่เจ้าน้องชายคนเล็กก็ไม่ได้เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้อย่างที่ใครๆตั้งใจให้เป็น  ฮายาโตะยังคงซุกซนและอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็ก เพราะงั้นจึงหนีออกไปเล่นข้างนอกอยู่เสมอ และเขาเองก็คือคนที่ถูกลากไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

“ หึ...”      ใบหน้าน่ารักเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงวันคืนเก่าๆ....ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเจ้าเด็กจอมแก่นเมื่อวันนั้นจะกลายมาเป็นชนวนสงครามในวันนี้ได้

มือเล็กยกขึ้นไปลูบแผงคอของเจ้าม้าตัวสีน้ำตาลที่กำลังก้มลงดื่มน้ำ ถึงจะสงสารมันอยู่บ้างที่ต้องวิ่งมาไกลขนาดนี้โดยที่ไม่ได้หยุดพัก แต่เวลาก็ไม่คอยท่า...ฮายาโตะกับยามาโมโตะอาจจะโดนประหารไปเมื่อไหร่ก็ได้

ใบหน้าน่ารักก้มลงไปมองข้าวปั้นง่ายๆที่ไปขอซื้อมาจากชาวบ้านด้วยเงินจากการเอาฮาโอริชั้นดีที่ตนสวมอยู่ไปแลกมา....น่าแปลก...ที่ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องที่ยามาโมโตะจะถูกประหารกันอย่างออกรส ทว่า กลับไม่มีใครยืนยันได้ตรงกันเลย ว่าแท้ที่จริงแล้ว ยามาโมโตะกับฮายาโตะถูกจับขังเอาไว้ที่ใดกันแน่

เขาจึงทำได้แค่มุ่งหน้าเข้าเมืองอิสุอย่างไร้จุดหมาย....

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยสองคนนั้นได้ยังไง....

หัวใจรู้เพียงว่าจะปล่อยให้ฮายาโตะตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้!


ในขณะที่กำลังเคี้ยวข้าวปั้นในปาก สันกรามที่ขยับในจังหวะปกติก็ต้องค่อยๆขยับช้าลงๆ เมื่อเสียงอะไรบางอย่างแว่วเข้ามาในหู นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ค่อยๆแลกลับไปมองที่ด้านหลัง....เสียงใบไม้ที่ถูกเหยียบย่ำยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

มือเล็กวางข้าวปั้นลงช้าๆก่อนจะคว้าไปที่ดาบข้างกาย


เคร้ง!!!!


คมดาบที่ไม่ได้มีราคาขยับไปรับคมดาบอันดับหนึ่งของอิสุ ร่างเล็กบางตวัดตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่โจมตีมา ก่อนที่ใบหน้าเล็กจะต้องชะงักค้างเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร

“ นายน้อย....”       ริมฝีปากสีระเรื่อครางเรียกยศคนตรงหน้าออกไปด้วยความเคยชิน...เป็นเพราะว่าตอนอยู่ที่อิสุเขาไม่เคยได้เรียกอีกฝ่ายว่า “พี่ชาย” เลยสักครั้ง

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตกวาดมองอีกสี่คนที่ยืนล้อมตนอยู่ ถึงแม้ทุกคนจะเติบใหญ่จนไม่เหลือเค้าเจ้านายตัวน้อยที่คอยจะมากลั่นแกล้งน้องเล็กด้วยความเอ็นดูจนบางครั้งเขาก็โดนลูกหลงไปด้วยเลยสักนิด แต่เขาก็ยังจำได้ดีว่าทั้งห้าคือพี่ชายต่างมารดาของเขาไม่ผิดแน่

“ หึ....”     กับแค่น้องชายนอกกฎหมายอย่างเขา....ท่านชายแห่งตระกูลโกคุเดระถึงกับต้องออกมารับกันครบเลยน่ะหรอ?

“ อย่าขัดขืนแล้วยอมไปกับพวกข้าแต่โดยดี....สึนะโยชิ”       พี่ชายคนโตเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่ง นัยน์ตาไล่มองน้องชายต่างแม่ที่ไม่ได้พบกันมานาน จากเด็กตัวเล็กๆที่ดูอ่อนแอและไม่สู้คน....กลับมีนัยน์ตาที่เข้มแข็งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ถึงจะไม่ได้ห่วงใยเท่าฮายาโตะ....แต่พอเขาล่วงรู้ความลับที่ท่านพ่อพยายามปิดบังเอาไว้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของเจ้าเด็กนักดนตรีที่อยู่ๆก็หายตัวไป มันก็ทำให้อดกังวลใจไม่ได้....เพราะดูจากสิ่งที่ยามาโมโตะ ทาเคชิต้องมาเผชิญในอิสุ....เด็กคนนั้นที่ต้องถูกส่งตัวไปคามาคุระก็น่าจะลำบากไม่แพ้กัน

อย่างน้อยก็อยากจะขอโทษ....ในเรื่องที่เคยทำไม่ดีด้วยเอาไว้

“ ข้าคงยอมทำตามที่ท่านบอกไม่ได้...ขอโทษด้วย”      ถึงแม้จะถูกล้อมอยู่และกลุ่มคนพวกนั้นก็เป็นถึงเหล่าว่าที่เจ้าเมืองอิสุ แต่ร่างเล็กบางก็หาได้กลัวเกรงไม่ ดาบในมือยังคงชี้ตรงไปที่พี่ๆด้วยความมั่นคง....หากเทียบกันแล้ว....บรรยากาศของพวกพี่ๆยังน่ากลัวน้อยกว่า ฮิบาริ เคียวยะเป็นไหนๆ

“ สึนะโยชิ.....”       พี่ชายคนโตเหมือนจะพูดอะไรแต่ปลายเสียงกลับเงียบหายไปในลำคอ มีเพียงดวงตาที่แสดงออกมาว่าสงสารเท่านั้นที่รู้สึกได้ ใบหน้าคมถอนหายใจก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้เตรียมจับกุม

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กวาดมองใบหน้าหมองๆของพวกพี่ชายด้วยความงุนงง....ทำไมถึงต้องทำหน้าราวกับว่าไม่อยากจะจับเขากลับไปแบบนั้นด้วย....ในเมื่อตอนนี้ก็คงจะรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว....ว่าเขามาที่นี่เพื่อช่วยยามาโมโตะกับฮายาโตะ

“ หากเจ้ามาเพื่อช่วยสองคนนั้น ข้าคงต้องบอกว่ามันไร้ประโยชน์....สึนะโยชิ”      สิ้นประโยคพี่ชายต่างรุมเข้ามา ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่า “ไร้ประโยชน์” ของพวกพี่ชายนั้นมันหมายความว่ายังไง....

ตอนนั้น....

เขาเข้าใจไปว่า....พวกพี่ชายคงจะมั่นใจว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยสองคนนั้นให้หนีไปได้สำเร็จ

คงจะไม่มีทางช่วยเหลือยามาโมโตะกับฮายาโตะได้อย่างแน่นอน



จนกระทั่ง.....



เสียงการปะทะที่ดังสนั่นลั่นป่าได้หยุดลงในเวลาเพียงไม่นาน....

ร่างเล็กบางถูกจับกุมได้และตอนนี้ข้อมือทั้งสองก็ถูกมัดไพล่หลังเอาไว้


ใบหน้าเล็กนิ่งค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาจะถูกจับกุมเอาไว้ได้ง่ายๆขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะ “ไร้ประโยชน์” อย่างที่พี่ชายบอกจริงๆ


เปล่าเลย.....เพลงดาบสายตระกูลยามาโมโตะที่เขาใช้อยู่มันไม่ได้ด้อยไปกว่าการรุมกันเข้ามาของเพลงดาบอิสุทั้งห้าเลย เขายังคงเหนือกว่าและคิดว่าจะหนีรอดไปได้

ทว่า...

สิ่งที่ทำให้เขาพ่ายแพ้และถูกจับกุมในเวลาอันสั้นขนาดนี้....มันกลับเป็นเพราะเพลงดาบสายตระกูลยามาโมโตะเอง!


ร่างเล็กบางยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติ่งราวกับถูกสะกดเอาไว้ เพราะยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพในหัววนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งที่เห็นเป็นความฝันหรือเปล่า


ไม่จริง.....

มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง......


อย่างแรกคือ เพลงดาบขั้นสูงของสายตระกูลยามาโมโตะที่เขาใช้อยู่ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะถูกทำลายลงได้ง่ายๆด้วยเพลงดาบสายเดียวกันแต่มันกลับเหนือกว่ามาก....เหนือกว่าเพลงดาบที่ฮายาโตะเคยใช้ในการประลองกับเขาด้วย


แต่มันคือเพลงดาบสายตระกูลยามาโมโตะอย่างแน่นอน...


เพราะคนที่ใช้มันมาจัดการกับเขานั้นไม่ใช่ใครอื่น...


แต่เป็น ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!!


เสียงดาบถูกเก็บเข้าฝักทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเบิกขึ้นราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์ ทั้งใบหน้าทั้งร่างกายต่างยังนิ่งงันเพราะมันตามเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้าไม่ทัน


ทำไมกันล่ะ?

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?


ทำไมคนที่เขาจะมาช่วยถึงได้กลายมาเป็นคนหยุดเพลงดาบของเขาซะเองแบบนี้?


“ ขอโทษนะสึนะ”      เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อยๆหันกลับมา เรียวขาใต้ฮากามะสีดำค่อยๆสาวเท้าราวกับมัจจุราชเลือดเย็นออกมาจากเบื้องหลังของบรรดาพี่ชายที่ยืนล้อมเขาอยู่

“..............”     ใบหน้าเล็กได้แต่เงยมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก....ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะต้องพูดอะไร....ถึงแม้ร่างกายจะยังนิ่งค้างแต่ข้างในใจกลับกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อให้อยากจะคิดแค่ไหนแต่สมองกลับไม่แล่นไปตามที่ต้องการ

ใบหน้าคมของยามาโมโตะที่เห็นอยู่นั้นมันไม่ได้มีแววของนักโทษประหารเลยสักนิด ทุกอย่างบนใบหน้ายังคงนิ่งสนิท นัยน์ตาสีเปลือกไม้เองก็ยังคงมืดมนไม่ได้มีแววหม่นเศร้าอย่างที่ควรจะเป็น

มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

ทำไม.....ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?


“ คงต้องให้เจ้าอยู่กับพวกเราที่นี่สักพักละ.....อยู่จนกว่าข้าจะฆ่าพี่ชายของข้า....ที่คงจะตามมาช่วยเจ้าได้สำเร็จ”      เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากใบหน้าคม ให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบิกกว้าง ร่างทั้งร่างชาวาบไปกับคำพูดไร้เยื้อไยของอีกฝ่าย....ทั้งน้ำเสียงทั้งคำพูดมันช่างเย็นเฉียบราวกับลิ่มน้ำแข็งที่กรีดแทงเข้าไปกลางหัวใจของเขา


อะไรนะ?.....ฆ่าพี่ชายของเจ้า?...

หมายถึง ฮิบาริ เคียวยะ ของเขาน่ะหรอ?


“ ทำไม....ทำไมเจ้า....”      ใบหน้าเล็กยังคงสับสนอย่างจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก....เพราะไว้ใจ เพราะห่วงใยจึงไม่เคยคิดในแง่ร้ายเลย....ไม่เคยคิดเลยว่ายามาโมโตะจะกลายเป็นฝ่ายอิสุไปได้

“ เจ้าจะถามว่าทำไมข้าที่น่าจะถูกจับกุมตัวถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้น่ะหรอ?”

“ พี่ชายผู้แสนดีอย่างเจ้าอาจจะยังคิดเข้าข้างข้า..ว่าข้าคงถูกบีบบังคับให้ร่วมมือด้วย....แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่หรอกสึนะ....เพราะว่าข้า....คือคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด...”     คำพูดที่ออกมาจากใบหน้าคมมีแต่จะทำให้ร่างเล็กบางแทบจะทรุดลงไปกับพื้น ร่างกายรู้สึกไร้แรงยืนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

ทุกเรื่องราวในหัวเริ่มถูกจัดวางใหม่ในมุมที่ต่างไปจากเดิม แล้วนัยน์ตาก็ต้องนิ่งค้างอย่างพอจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว....

แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ ยามาโมโตะทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง.....ถึงจะเคยรู้มาว่าผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างได้เพื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ....เคยถึงขนาดทำลายเมืองทั้งเมืองมาแล้ว....แต่กับคนที่หวังดีอย่างเขาก็ยังทำได้....

ทั้งๆที่เขาเฝ้าเป็นห่วง ทั้งๆที่เขายอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง....ยอมหักหลังคนที่ตนรักนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อช่วยทั้งสองคนให้มีชีวิตรอด

แล้วทำไม....ทำไมถึงยังกล้าใช้ความหวังดีของเขาเพื่อทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ

ทรยศหักหลังต่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขามีให้ได้ลงคอ......

ทำให้เขาราวกับเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า



นัยน์ตากลมโตสั่นพร่าเงยมองใบหน้าคมก่อนจะก้มลงไปมองที่พื้นดิน



เจ้ามันช่างไร้หัวใจ....



ไม่หรอก....หากจะบอกว่ายามาโมโตะไม่มีหัวใจก็คงไม่ใช่

ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปก็ทำเพื่อหัวใจเพียงดวงเดียวของตนนั่นแหละ....



ที่หางตารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของชายกิโมโนสีขาว....ใบหน้าน่ารักจึงค่อยๆเงยขึ้นมา....เพื่อมองให้เห็นเต็มตา....

ว่าหัวใจของร่างสูงใหญ่นั้น....ก็ยืนอยู่ข้างๆกันนั่นเอง



“ ฮายาโตะ....”      ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์ค่อยๆเดินออกมาจากเบื้องหลังของยามาโมโตะช้าๆ ใบหน้าสวยของผู้เป็นน้องชายนั้นหม่นเศร้า

ทว่า....นัยน์ตาสีมรกตกลับแข็งกร้าวราวกับว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว...ว่าจะช่วยเหลือยามาโมโตะให้ถึงที่สุด


ต่อให้มันจะเป็นการทำร้ายหัวใจของพี่ชายอย่างเขาก็ตาม....










ร่างเล็กบางของพี่ชายต่างมารดาถูกพากลับมาขังไว้ในคุกภายในรังลับของตระกูลโกคุเดระ

ลูกกรงไม้แน่นหนาที่นัยน์ตากลมโตมองเห็นถึงแม้จะไม่ได้สวยงามเท่าลูกกรงของคุกชั้นสูงในคามาคุระ....แต่ยังไงมันก็คือลูกกรงเหมือนกัน....มันคือสิ่งที่กำลังขวางกั้นเขาออกจากคนที่อยู่อีกฝั่ง....ขวางเอาไว้จนแม้แต่เสียงเพรียกจากหัวใจก็ส่งไปไม่ถึง

พวกพี่ชายต่างแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ของตน ตรงหน้าเขาจึงมีเพียงแค่ยามาโมโตะกับฮายาโตะเท่านั้นที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลูกกรง

ใบหน้าเล็กก้มลงมองที่พื้นห้องขังอย่างไม่คิดที่จะต่อสู้ดิ้นรนอะไรอีก ถึงแม้ในใจจะเจ็บแปลบจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่เพราะถูกคนทั้งคู่มาทรยศหักหลังกันแบบนี้....แต่พอได้เห็นดวงตาสีมรกตที่ยังคงมองตรงมาที่เขาอย่างไม่คิดจะหลบเลี่ยงสายตา....นัยน์ตาที่สื่อออกมาถึงคำขอโทษ....

แล้วจะให้เขาโกรธลงได้ยังไง

ในเมื่อฝ่ายที่คิดจะเอาชีวิตทั้งสองคนก่อนก็คือฮิบาริ เคียวยะเอง


ร่างเล็กบางเดินไปนั่งลงที่แคร่ไม้ภายในกรงขัง ในหัวยังคงทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา.....ยามาโมโตะคงคิดที่จะยึดครองคามาคุระเอาไว้เอง เพื่อที่จะไม่ให้ใครมาออกคำสั่งฆ่าตนและฮายาโตะได้อีก เพราะถ้าไม่ใช่เพราะฮายาโตะ...ผู้ชายคนนั้นคงไม่แม้แต่จะสนใจแผ่นดินสีดำผืนนั้น......จึงคิดที่จะใช้ความเชื่อใจเป็นห่วงเป็นใยของเขา....หลอกล่อให้เขาออกมาจากคามาคุระเพื่อให้ฮิบาริ เคียวยะตามมา....ยามาโมโตะคงจะคิดเอาไว้ก็ได้ ว่าคนอย่างพี่ชายของตนคงจะรู้ทันจนไม่ยอมปล่อยให้เขามาช่วย....จนเขาต้องหนีออกมาเอง....และเมื่อเขาหนีออกมา....คราวนี้ฮิบาริ เคียวยะ ก็จะร้อนลนตามมาช่วยเขา....ซึ่งความใจร้อนนั้นมันก็จะนำพาให้กองทัพคามาคุระพังพินาศแน่นอน.....

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือการที่ยามาโมโตะปล่อยให้คนของตระกูลโกคุเดระรอดตายแถมยังช่วยปกปิดเอาไว้อีก....ใบหน้าเงยจากพื้นขึ้นไปมองน้องชายคนเล็กที่ยืนอยู่ด้านนอก.....


เจ้าช่างน่าอิจฉาจริงๆฮายาโตะ....เพราะคงจะไม่มีใครที่จะรักและทำเพื่อใครได้มากเท่า...ที่ยามาโมโตะทำเพื่อเจ้าอีกแล้ว


ใบหน้าเล็กหม่นเศร้ายิ้มเฝื่อนให้ตัวเอง.....เพราะมันช่างต่างกับเขาเหลือเกิน.....

นี่ยามาโมโตะคงจะไม่รู้สินะ....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง....คงจะไม่รู้....ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์คามาคุระมานานแล้ว แต่ถูกขังเอาไว้ที่คุกของตระกูลฮิบาริ

ถึงได้คิดว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะตามมาช่วยเขา......

บางที...เขาอาจจะไม่ต้องกังวลใจอะไรเลยก็ได้.....เพราะสิ่งที่ยามาโมโตะคิดมันคงไม่มีวันเป็นจริง

สงครามคงไม่มีวันเกิดขึ้น  กองทัพของอิสุคงจะตั้งรอกองทัพของคามาคุระที่จะไม่มีวันมาถึง


“ เจ้าทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก...คนคนนั้นไม่ได้สนใจข้าอีกต่อไปแล้วและคงจะไม่ตามมา.....”         เสียงเศร้าหมองเอ่ยออกไปเบาๆ ในหัวใจเจ็บแปลบครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจะรู้ตัวดีแต่ก็พูดไม่ออก.....ว่าฮิบาริ เคียวยะ ไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว....

อย่างเขาคงจะไม่มีค่าในสายตาคมกริบคู่นั้นอีก.....ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำทัพคามาคุระมาแลกกับชีวิตที่ไร้ค่าของเขาหรอก

นัยน์ตากลมโตได้แต่เหม่อมองไปที่พื้น ถึงจะเศร้าแค่ไหนแต่น้ำตาก็ไม่ไหลลงมา


เพราะหัวใจมันด้านชาไปจนหมดแล้ว.....


“ ท่านพี่......เกิดอะไรขึ้น......หลังจากวันที่ท่านช่วยข้าออกมา....”        ร่างบอบบางขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่ยังคงเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ ไม่มีอะไรหรอก.....”      ใบหน้าเล็กเพียงแค่เงยหน้าขึ้นไปยิ้มฝืนๆให้ เพราะคงยิ้มจากใจจริงไม่ได้ ในเมื่อมันไม่ได้ “ไม่มีอะไร” อย่างที่ว่านั่นจริงๆ   นัยน์ตาสีมรกตยังคงมองมาที่เขาด้วยความกังวลเหมือนทุกครั้งที่เป็นมา เวลาที่เห็นฮิบาริ เคียวยะ บังคับขู่เข็นเขาให้ทำนู่นทำนี่

“ ท่านพี่....ข้า.......ขอโทษนะ”       สองมือของผู้เป็นน้องชายเกาะอยู่ที่ลูกกรงไม้ก่อนที่ริมฝีปากสีระเรื่อจะเอ่ยออกมา  ใบหน้าสวยของฮายาโตะเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด.....ต่างจากใบหน้าคมของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

ใบหน้าของยามาโมโตะยังคงนิ่งเฉย นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เขาเอ่ยบอกออกไป.....ราวกับเชื่อจนหมดใจว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะมาจริงๆ



เวลาค่อยๆเดินผ่านไปช้าๆท่ามกลางความเงียบงัน

ร่างสูงใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในความคิดของตนเองและคงจะไม่มีใครเข้าใจสองพี่น้องแห่งคามาคุระได้เท่ากับตัวของทั้งสองคนเอง



จนกระทั่ง


“ ท่านยามาโมโตะ....”       ทหารคนหนึ่งเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาหาก่อนจะทำหน้าลังเลเมื่อมองเห็นตัวประกันที่ถูกขังอยู่หลังลูกกรงไม้ ใบหน้าคมจึงพยักบอกว่าให้พูดออกมาได้


เจ้าจะได้รู้ตัว....ว่าเจ้าไม่ได้ไร้ราคา แต่ยังมีค่ายิ่งกว่าอะไรในสายตาของ ฮิบาริ เคียวยะ


“ ทหารสอดแนมแจ้งเข้ามาว่ามีการเคลื่อนพลมาจากคามาคุระและสายลับยังรายงานมาพร้อมกันอีกว่า เมื่อคืนมีการเรียกระดมพลด่วนจากคฤหาสน์คามาคุระ....คาดกันว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะมากับกองทหารนี้ด้วยขอรับ”    ใบหน้าคมลอบยิ้มอย่างพึงพอใจกับข่าวที่ได้รับ

“ ตอนนี้กองทัพของคามาคุระเดินทางมาถึงไหนแล้ว”

“ คาดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะมาถึงที่ค่ายที่โอดะวาระแล้วขอรับ....เพราะกองทัพที่เคลื่อนพลมาเป็นกองทัพม้าทั้งหมดขอรับ”        นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด....ใช้กองทัพม้าแบบนี้แปลว่าคงจะรีบมากละสิ....บางทีพี่ชายของเขาอาจจะกำลังคิดว่าจะเอาชนะกองทัพของอิสุได้ง่ายๆสินะ ถึงได้นำกำลังพลมาแค่นั้น

หรือไม่บางทีก็ยังไม่รู้.....ว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดคือเขาเอง....

ไม่สิ....อย่าง ฮิบาริ เคียวยะ ต้องรู้แน่ๆ....คนที่ทันเขาทุกเรื่องแบบนั้นไม่มีทางตกบ่วงที่เขาล่อลวงแน่นอนหากไม่ใช่เพราะ....

ใบหน้าคมยิ้มร้ายที่มุมปาก....จะยังไงก็ช่าง แต่สิ่งที่เห็นตอนนี้มันทำให้เขารู้ดีว่าผู้เป็นพี่ชายกำลังสูญเสียความเยือกเย็นไป....เพราะสึนะโยชิอย่างที่คาด


และ ฮิบาริ เคียวยะ ที่เป็นแบบนั้นก็จะไม่มีวันชนะเพลงดาบคู่ของเขากับโกคุเดระได้อย่างแน่นอน....


“ ไปกันเถอะโกคุเดระ”       ใบหน้าคมพยักให้ร่างบอบบางก่อนที่จะเดินนำออกไป เหลือทิ้งเอาไว้เพียงสองพี่น้องแห่งอิสุ


ใบหน้าเล็กของสึนะโยชิชาวาบกับเรื่องที่ได้ยิน....ร่างทั้งร่างราวกับจะแข็งเป็นหิน.....หัวใจเต้นรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก....

ฮิบาริ เคียวยะ ออกมาจากคามาคุระ....

และดูจากคำสั่งสายฟ้าแล่บโดยไม่มีการเตรียมการใดๆซึ่งผิดวิสัยของคนคนนั้น มันก็ทำให้คิดได้เพียงอย่างเดียว....ว่าผู้ชายคนนั้นออกมาเพื่อช่วยเขา

ถึงมันอาจจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกแล้วที่จะทำให้คนที่เย็นชารีบเร่งออกมาขนาดนี้


ไม่ควรเลยที่หัวใจจะรู้สึกอุ่นวาบเอาในเวลาแบบนี้....แต่เพียงรู้แค่ว่า ฮิบาริ เคียวยะ ยังรักเขาอยู่....แค่นี้น้ำตามันก็ราวกับกำลังจะไหลลงมาด้วยความสุขใจ....ช่วงเวลาแห่งการรอคอย ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ใจที่ได้แต่คิดไปว่าคนคนนั้นหมดรักตนไปแล้วดูเหมือนจะมลายหายไปในทันใด


เจ้ายังรักข้าอยู่จริงๆใช่ไหม? ข้าไม่ได้ฝันไป? ข้าไม่ได้หูฝาด?


เจ้ายังรักข้าใช่ไหม ฮิบาริ เคียวยะ......


ร่างเล็กบางยกสองมือขึ้นมาปิดใบหน้า ไหล่ที่เคยรู้สึกหนักอึ้งค่อยๆผ่อนคลายลง เช่นเดียวกับหัวใจที่เคยด้านชาก็กลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง

โล่งใจ....อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน....



แต่ทว่า....



มันก็คงจะสุขใจอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเงยหน้าไปเห็นนัยน์ตาสีมรกตที่มองมาด้วยสายตากังวลก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเฉย

นัยน์ตาที่เคยสดใสของผู้เป็นน้องชายกำลังถูกย้อมให้กลายเป็นสีที่มืดมนจนใกล้เคียงกับนัยน์ตาของยามาโมโตะ....


จริงสิ....จะมัวมาดีใจที่ฮิบาริ เคียวยะ ยังรักเขาอยู่ไม่ได้....เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น ก็จะเท่ากับว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่ยามาโมโตะวางเอาไว้

หากฮิบาริ เคียวยะ ยังรักเขาอยู่ สงครามก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


และฮิบาริ เคียวยะ ก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน.....


“ ฮายาโตะ....”         ร่างเล็กบางที่นั่งอยู่บนแคร่ลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะถลามาที่ซี่ลูกกรง  สองมือเกาะกรงไม้ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าสวยด้วยสายตาอ้อนวอน....อ้อนวอน.....ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิที่จะร้องขอชีวิตให้กับคนใจร้ายที่ออกคำสั่งฆ่าฮายาโตะได้

หากคนที่เคยต้องหนีจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอย่างยามาโมโตะกับฮายาโตะจะมาทวงคืนคำสั่งฆ่านั้นด้วยตัวเอง....เขาจะไปมีสิทธิห้ามได้อย่างไร

“ ข้าจะสู้กับเขาอย่างสมเกียรติ.....เพราะเขารักและให้ความสำคัญกับเจ้า....เพียงแค่นั้นท่านพี่”        ใบหน้าสวยส่งยิ้มจางๆมาให้ก่อนที่ใบหน้าละมุนละไมจะกลับไปเอาจริง นัยน์ตาสีมรกตเพียงแค่แลมาที่เขาแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้ร่างของเขาทรุดลงอยู่หน้ากรงขังอย่างหมดแรง


สองคนนั้นตั้งใจจะฆ่า ฮิบาริ เคียวยะ แล้วเอาคามาคุระมาอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของตนจริงๆ

ที่ผ่านมาถึงแม้เขาจะรู้และเคยเห็นฝีมือของทั้งสองคนมาก่อน...แต่ก็อย่าลืมว่าช่วงเวลาที่เขาเห็นนั้นทั้งสองคนไม่ได้ต่อสู้ร่วมกัน.....เขายังไม่เคยเห็น....ตอนที่ทั้งสองคนประสานดาบแล้วสู้ด้วยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไม่ธรรมดาแน่ๆ.....ในเมื่อสองคนนี้อยู่ด้วยกันมากว่าแปดปี หากวิชาดาบของยามาโมโตะผสมผสานกับหัวสมองของฮายาโตะได้เมื่อไหร่....ใครจะไปสู้ได้....

อีกทั้งที่ผ่านมาฮายาโตะยังมีจุดอ่อนอยู่ที่ความใจอ่อน....แต่ในยามนี้ที่ความแค้นเข้ามาหล่อเลี้ยงจิตใจให้เย็นชาขึ้นมา....ทางยามาโมโตะนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่ฮายาโตะเองก็คงจะลงดาบกับ ฮิบาริ เคียวยะ ได้อย่างแน่นอน

หัวใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวลขึ้นมาทันที....ฮิบาริ เคียวยะ ในยามนี้เพียงคนเดียวคงสู้สองคนนั้นไม่ได้แน่ๆ....ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะโหดร้ายเย็นชาแค่ไหน ต่อให้เป็นคนออกคำสั่งฆ่าน้องชายของตัวเองยังไง ต่อให้ฆ่าใครต่อใครได้อย่างเลือดเย็น.....แต่ ฮิบาริ เคียวยะ ก็ยังเป็นคนที่เขารัก

แล้วเขาจะปล่อยให้คนที่ตัวเองรักมาตายไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง....

ที่เรื่องมันบานปลายมาจนถึงขนาดนี้ เขาเองก็มีส่วนผิด....เพราะฉะนั้นถ้าจะมีใครต้องรับผิดชอบ คนคนนั้นจะต้องไม่ใช่ ฮิบาริ เคียวยะ เพียงคนเดียว

ร่างเล็กพลิกกายกลับมาหาลูกกรงไม้พรางมองมันอย่างครุ่นคิดถึงวิธีที่จะหลุดออกไปจากที่นี่....แต่ดูเหมือนกรงขังนี้จะแน่นหนาเกินกว่าแค่กำลังของเขาจะเอาชนะมันได้....หันไปมองรอบกายก็ไม่มีใครอยู่เลยสักคน....ไม่มีทหารยามที่จะมาหลงกลแล้วปล่อยให้เขาหนีไปได้สักคน

คงจะเป็นคำสั่งของฮายาโตะ....เด็กคนนั้นคงจะรู้ดีถึงวิธีการที่จะใช้หนีออกไปจากกรงขัง....

หึ....ทั้งๆที่มีอาวุธที่หลักแหลมขนาดนี้อยู่ หากอิสุยอมใช้มันตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมาดิ้นรนจนถึงตอนนี้หรอก


“ ทำยังไงดี......”       เสียงครางเบาๆหลุดออกไปจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ตอนนี้ในหัวใจมันเต็มไปด้วยความร้อนลนเพราะเป็นห่วงคนที่ยังมาไม่ถึง

เพราะข้า....ที่เจ้าต้องมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้มันเป็นเพราะข้าเอง....

สองมือได้แต่เขย่ากรงไม้ที่ไม่แม้แต่จะขยับด้วยใบหน้าสิ้นหวัง

และในขณะที่หันแผ่นหลังไปพิงลูกกรงอย่างหมดแรงอยู่นั้น เสียงอะไรบางอย่างก็ลอยเข้ามาในหู


พั่บๆๆ.....


ปีกสีน้ำตาลไหม้ของเหยี่ยวที่เขาเลี้ยงเอาไว้ดังอยู่ที่นอกห้องขัง ใบหน้าเล็กจึงหันกลับไปด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

เพราะรู้ดีว่าเหยี่ยวสื่อสารตัวนี้ นอกจากตัวเองแล้วคนที่ยังสามารถใช้มันได้ก็มีอีกเพียงแค่คนเดียว


.....ฮิบาริ เคียวยะ.....


ท่อนแขนยื่นออกไปให้เหยี่ยวสีน้ำตาลเกาะ ก่อนที่มือเล็กสั่นระริกจะค่อยๆแกะเอาจดหมายที่ถูกผูกเอาไว้ที่ปลายขาของเหยี่ยวออกมา

และเมื่อกระดาษแผ่นเล็กถูกคลี่ออก....ลายมือที่คุ้นตากับประโยคสั้นๆเพียงประโยคเดียวกลับทำให้ทำนบที่ปิดกั้นหัวใจไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมาพังทลายลงทันที


'...เจ้าอยู่ที่ไหน?...'


น้ำใสๆร่วงกราวลงไปจากนัยน์ตากลมโตทันที....หัวใจในยามนี้ไม่อาจจะบ่งบอกได้ว่ามันมีความรู้สึกอย่างไรกันแน่ รู้แต่ว่ามันช่างมากมาย...มาก....จนเก็บเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

กระดาษแผ่นเล็กถูกกุมเอาไว้ก่อนจะแนบมันลงที่หน้าอก น้ำตายังคงไหลลงไปไม่หยุด  ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ประโยคที่หวานซึ้งอะไรเลย แต่มันกลับเต็มไปด้วยคำว่า “รัก”

เต็มไปด้วยความห่วงใย  จนไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน  เสียงสะอื้นดังออกมาจากใบหน้าเล็กอย่างต่อเนื่อง....ที่ผ่านมาด้วยหน้าที่และความตั้งใจทำให้เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือแม้แต่จะร้องไห้ต่อหน้าใคร.....แต่คราวนี้มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

ไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บช้ำน้ำใจอย่างเมื่อครั้งก่อน แต่ตอนนี้เขาหลั่งน้ำตาเพราะว่าสิ่งที่แน่นอยู่ในหัวใจมันกำลังล้นทะลักออกไป.....ดีใจ

กระดาษแผ่นเล็กถูกแบออกมาอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักยิ้มทั้งน้ำตายามเมื่อก้มมองลงมา

“ เจ้าทำให้ข้าร้องไห้อีกแล้วนะ ฮิบาริ เคียวยะ”          เจ้าเพียงคนเดียว....มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำให้ข้าร้องไห้ออกมาได้แบบนี้

ร่างเล็กบางเดินกลับไปนั่งลงบนแคร่ ปลายนิ้วชี้ถูกกัดจนเลือดไหลเป็นทางก่อนที่มันจะถูกทำหน้าที่ต่างพู่กันเขียนบอกแผนที่ของรังลับแห่งนี้

เหยี่ยวสีน้ำตาลถูกส่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาที่มองตามไป

ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกของฮายาโตะแล้วว่ามันเป็นยังไง เพราะเขาเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักของตัวเองมีชีวิตรอดเช่นกัน











ร่างสูงสง่าของเจ้าเมืองคามาคุระยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นอยู่บนเนินตามลำพัง ใบหน้าคมเหม่อมองท้องฟ้าใสราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง

ค่ายทหารของอิสุที่ทุ่งโอดะวาระมองเห็นอยู่ลิบๆ นัยน์ตาคู่คมกริบมองมันอย่างครุ่นคิด....ดูท่าว่าพวกอิสุจะเตรียมตัวมาอย่างดี หากเขาผลีผลามบุกเข้าไปคงได้เอาชีวิตไปทิ้งเป็นแน่

เสียงตีปีกพั่บๆดังอยู่เหนือหัว  ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นให้เหยี่ยวสีน้ำตาลไหม้โผลงมาเกาะ  กระดาษแผ่นเดิมที่เขาเป็นคนส่งไปยังคงถูกผูกอยู่ที่ขาของเหยี่ยว แต่ทว่ามันกลับไม่ได้มีด้านเดียวอย่างตอนที่ส่งไป

มือใหญ่พลิกอีกด้านขึ้นมาดู แผนที่ที่ถูกเขียนด้วยเลือดแทนทุกคำพูดได้เป็นอย่างดี.....ว่าสึนะโยชิอยากจะกลับไปกับเขา

แผ่นกระดาษถูกพับเก็บเข้าไปในอกเสื้อ ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมามองค่ายโอดะวาระด้วยรอยยิ้มเหี้ยม

คิดว่าเจ้าจับสึนะโยชิเอาไว้เป็นตัวประกัน แล้วจะทำให้ข้าร้อนลนจนไม่คิดหน้าคิดหลังงั้นสิ.......


อย่าดูถูกพี่ชายของเจ้าให้มากนัก ยามาโมโตะ ทาเคชิ....


เพราะไม่ได้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะเข้าใจความคิดของข้า แต่ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าจะทำอะไรต่อไปเหมือนกัน

หึ.....เจ้าคงจะคิดว่าข้าจะบุกเข้าตีทัพของอิสุตรงๆแบบทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างนั้นสินะ เจ้าคงจะคิดว่าข้าจะขาดสติจนไม่มีการวางแผนอะไรเลยอย่างนั้นละสิ.....ก็ดี.....เพราะข้าจะใช้สิ่งที่เจ้าคิดไปเองนั่นแหละ ย้อนกลับไปเล่นงานเจ้า....

“ พวกเจ้าสิบคนตามข้ามา.....ข้าจะบุกไปรังลับของตระกูลโกคุเดระ.....ส่วนที่เหลือให้เข้าตีค่ายโอดะวาระของพวกอิสุ....ถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าข้าจะกลับมา”        เสียงประกาศก้องทำให้ทหารคามาคุระถึงกับทำหน้างง เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่แม่ทัพแห่งคามาคุระคนนี้จะไม่อยู่ในทัพหน้าที่จะบุกทะลวงค่ายของศัตรู

ใช่....เขาจะปล่อยให้ยามาโมโตะสู้กับกองทัพของเขาไป เพราะเจ้านั่นจะต้องคิดว่าเขาอยู่ในกองทัพนี้อย่างแน่นอน.....แต่แท้ที่จริงแล้วเขาจะไปกับกองทัพย่อยเพื่อไปช่วยสึนะโยชิออกมา


เพราะว่าศึกในครั้งนี้จุดประสงค์ของเขามีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น......นั่นก็คือ สึนะโยชิ


คามาคุระจึงไม่มีแม้แต่การตั้งค่ายทหารอย่างที่ผ่านมา เพราะคิดว่าจะทำศึกอยู่เพียงไม่นานเท่านั้น....ขอแค่ได้ตัวประกันคนสำคัญคืนมาก็พอ

ร่างสูงสง่ากระโดดขึ้นหลังม้า ใบหน้าคมพยักให้รองแม่ทัพก่อนจะแยกกันไป กองทัพย่อยมุ่งหน้าลงใต้เข้าใกล้เมืองอิสุต่อไป ส่วนกองทัพใหญ่ที่เป็นเพียงนกต่อก็มุ่งตรงเข้าไปหากองทัพของอิสุที่รอรับอยู่ที่โอดะวาระ

ทหารคามาคุระยังคงหึกเหิมถึงแม้จะไม่มีแม่ทัพใหญ่คอยสั่งการ เพราะต่างก็รู้กันดีว่าที่ฮิบาริ เคียวยะ ออกมาจากคามาคุระในครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และทุกคนต่างก็เห็นดีเห็นงาม ไม่มีใครคิดจะคัดค้านการทำสงครามที่เอาแต่ใจนี่เลยสักนิด

เพราะช่วงเวลาเพียงไม่นานที่ไม่มีนายหญิงอยู่ที่คฤหาสน์คามาคุระมันก็นรกพอแล้วสำหรับพวกตน

หากไม่อาจพาร่างเล็กบางนั่นกลับมา....คฤหาสน์คามาคุระคงไม่มีวันหลุดพ้นความมืดมนนี้ไปได้











ประตูไม้ไผ่ของค่ายทหารเปิดออกรับม้าสองตัวเข้าไป ร่างสูงใหญ่กับร่างบอบบางกระโดดลงมาจากหลังม้าก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในกระโจมหลังใหญ่ที่อยู่กลางค่าย

" พวกคามาคุระมาถึงกันแล้ว และฟังจากเสียงแตรสงคราม....ข้าคิดว่าพวกนั้นคงบุกเข้ามาเลยโดยไม่คิดแม้แต่จะตั้งค่ายหรือพักเหนื่อย"       พี่ชายคนโตที่อยู่ในชุดเกราะเต็มยศเอ่ยออกมาเมื่อเห็นทั้งสองคนที่เดินเข้าไป

" ดี....ยิ่งพวกมันหุนหันพลันแล่นมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีกับเรา ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก บอกทหารของเจ้าให้เตรียมพบกับชัยชนะได้เลย"       ยามาโมโตะเอ่ยออกไปด้วยใบหน้ามั่นใจและนั่นก็ยิ่งทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารอิสุเพิ่มมากขึ้น

" ถ้าเช่นนั้นข้าจะออกไปบอกทหารให้แยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งได้....แล้วเจ้าสองคนล่ะ?"       พี่ชายคนโตลุกขึ้นยืนพร้อมกับพี่ชายคนอื่นๆ ดาบถูกเหน็บเข้าที่เอวเช่นเดียวกับธนูประจำกายที่ถูกถือไว้ในมือ

" เราสองคนจะลงไปที่สนามรบด้วย....ใช้เพลงดาบของข้ากับยามาโมโตะจะได้ช่วยร่นระยะเวลาการต่อสู้...ข้าอยากจะจบศึกครั้งนี้ให้ไวและเด็ดขาดที่สุด "       ใบหน้าสวยของน้องชายคนเล็กเอ่ยออกมาและมันเป็นใบหน้าในแบบที่พี่ชายต่างไม่เคยเห็น ไม่คิดว่ามันจะเป็นใบหน้าของคนที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินคนนั้น

เพราะพวกเขาต่างลืมไป....ว่าโกคุเดระ ฮายาโตะ ก็เป็นคนของตระกูลนักรบเช่นกัน

พี่ชายคนโตพยักหน้าให้ก่อนจะเตรียมเดินออกไป....ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงไม่มีทางยอมให้เจ้าน้องคนเล็กได้เฉียดเข้าใกล้สนามรบแบบนี้แน่....แต่ตอนนี้ฮายาโตะเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถป้องกันตัวเองได้จนพวกเขาไม่ต้องห่วงอะไร อีกทั้งยังมีตัวอันตรายอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิ อยู่ใกล้ๆ คงจะไม่มีใครมาทำร้ายน้องชายของพวกเขาได้แน่นอน

" เกราะของพวกเจ้าเพิ่งถูกส่งมาเมื่อเช้า อยู่ในกระโจมของข้า"       พี่ชายคนโตเอ่ยบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นมาได้ นอกจากธนูแล้ว ชุดเกราะเองก็ถูกสั่งทำขึ้นมาใหม่เช่นกัน เพราะทั้งยามาโมโตะทั้งฮายาโตะต่างก็ไม่เคยมีชุดเกราะของอิสุเป็นของตัวเอง.....ไม่เคยมีชุดเกราะที่ประดับตราประจำตระกูลโกคุเดระเป็นของตัวเอง

" จะให้ทหารไปช่วยใส่ไหม?"      ใบหน้าสวยได้แต่งงงวยกับคำถามของพี่ชายคนโตเพราะไม่เคยใส่ชุดเกราะ อีกทั้งยังไม่เคยล่วงรู้ประเพณีการสวมชุดแบบนี้ด้วย

" ไม่ต้อง....ข้าจัดการเอง"        แต่ร่างสูงใหญ่ก็เอ่ยปฏิเสธไปในทันที ใบหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้พี่ชายคนโตที่ได้แต่เดินหงุดหงิดออกไป

“ พี่ข้าหมายความว่าไงน่ะ?”       ร่างบอบบางหันหน้าสงสัยกลับมาหา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพาไปยังกระโจมที่อยู่ไม่ห่างกัน ใบหน้าคมลอบยิ้มน้อยๆกับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า...แต่ก็อย่างว่าละนะ เรื่องนี้ไม่ได้มีเขียนเอาไว้ในตำรา....แถมเจ้าพวกพี่ชายคงไม่ได้คิดจะให้เจ้าน้องเล็กนี่ไปช่วยสวมเกราะให้ใครจึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

ชุดเกราะโยะโรยสองชุดถูกวางเอาไว้คู่กัน ตัวที่ใหญ่กว่าเป็นเกราะสีดำที่ถูกร้อยด้วยไหมสีขาว ส่วนตัวที่เล็กกว่าเป็นเกราะสีแดงที่ร้อยด้วยไหมสีขาวเช่นกัน....ชุดเกราะของอิสุไม่ว่าตัวแผ่นเหล็กจะเป็นสีอะไรก็ตามแต่ไหมที่ใช้ร้อยจะเป็นสีขาวต่างจากของคามาคุระที่จะถูกร้อยด้วยไหมสีแดง....เพราะสีของไหมคือสิ่งที่เอาไว้แยกมิตรหรือศัตรู

“ มันเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติ....อืม....จะเรียกว่าพิธีกรรมของการสวมชุดเกราะก็ได้”       ใบหน้าคมเอ่ยออกไปในขณะที่จับร่างบอบบางหมุนไปหมุนมาเพื่อเช็คกิโมโนตัวในว่าแน่นหนาดีแล้วหรือไม่

“ เจ้าก็เห็นใช่ไหมว่ามันคงลำบากน่าดูถ้าจะต้องสวมเกราะพวกนี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นนะนักรบเราเวลาที่จะออกรบจึงต้องมีคนช่วยสวมเกราะให้....”     มือใหญ่เริ่มแกะชิ้นส่วนของเกราะโยะโรยออกมาจากหุ่นแล้วย่อตัวลงไปก่อนจะสวมเกราะที่ขาให้กับคนที่ยืนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โกคุเดระได้สวมชุดที่น่าภาคภูมิใจชุดนี้

“ ......สำหรับชนชั้นผู้นำที่ยังไม่มีครอบครัว คนที่จะมาช่วยสวมเกราะคือข้ารับใช้หรือไม่ก็ทหารในสังกัด.....แต่สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว หน้าที่นี้จะเป็นของภรรยา....และเจ้าก็จะต้องช่วยข้าสวมเกราะด้วยนะโกคุเดระ เพราะฉะนั้นก็ดูให้ดีล่ะว่าแต่ละส่วนใส่ยังไง”        ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีมรกตที่เบิกกว้างขึ้นน้อยๆเมื่อได้ฟังจนจบประโยค แก้มใสขึ้นสีระเรื่อทันที ใบหน้าสวยเอียงอายแต่สายตาก็ยังต้องจับจ้องอยู่ที่เกราะทำให้ใบหน้าคมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

ถึงแม้ว่าเกราะของโกคุเดระจะถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบามากเมื่อเทียบกับเกราะทั่วไป แต่ยังไงทั้งหมดนั่นมันก็คือแผ่นเหล็ก เพราะฉะนั้นร่างสูงจึงผลัดกันช่วยสวมเกราะทีละชิ้นๆ จากท่อนขาของโกคุเดระย้ายมาที่ท่อนขาของร่างสูง จากนั้นจึงกลับไปที่ท่อนแขนบางก่อนจะย้ายกลับมาที่ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

ร่างบอบบางกำลังตั้งอกตั้งใจสวมเกราะที่ท้องแขนให้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงได้แต่จ้องมองใบหน้าสวยที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ เสี้ยวใบหน้าที่งามสง่าราวกับรูปปั้นนั้นทำให้จิตใจรู้สึกสงบ ขวัญและกำลังใจราวกับจะหลั่งใหลอยู่ทั่วร่างกายจนไม่คิดว่าศึกในครั้งนี้เขาจะพบกับความพ่ายแพ้แม้แต่นิดเดียว

ทั้งๆที่เคยสวมเกราะมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ความรู้สึกแบบนี้เพิ่งมีเป็นครั้งแรก

เพราะมันคือครั้งแรก....ที่เจ้าเป็นคนสวมให้ข้า โกคุเดระ

เกราะชิ้นสุดท้ายถูกสวมลงไปบนร่างกาย ก่อนที่สายตาของทั้งคู่จะสบประสานกัน เสียงโห่ร้องที่ดังมาจากด้านนอกทำให้รู้ว่าคงใกล้เวลาที่จะต้องออกไปยังสนามรบเต็มที

“ กลัวหรือเปล่า?”       เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆ ให้ใบหน้าสวยได้แต่ส่ายไปมา มือบางจับลงไปที่ข้อมือใหญ่ราวกับกำลังจะบอกว่าเป็นเพราะมีอีกฝ่ายอยู่....การลงสนามรบครั้งแรกจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป

ใบหน้าคมยิ้มน้อยๆ สองมือยกขึ้นรวบเส้นผมสีเงินให้ ก่อนที่หมวกคาบุโตะประดับขนนกจะถูกสวมลงไป ตราประจำตระกูลโกคุเดระนู้นขึ้นมาจากแผ่นเหล็กให้เห็นอย่างชัดเจน

คาบุโตะประดับเขาสัตว์ของร่างสูงก็มีตราประจำตระกูลโกคุเดระอยู่เช่นกัน

“ ไปกันเถอะ.....ไปเอาคามาคุระคืนมา”        สายตาแข็งกร้าวที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่สบประสานกันอีกครั้งก่อนที่ร่างทั้งคู่จะเดินออกไปพร้อมๆกัน แสงแดดสว่างจ้าที่ฉาบไล้ลงมาราวกับจะบอกว่าอนาคตบทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า







เสียงแตรสัญญาณถูกเป่าจนดังไปทั่วท้องทุ่ง ทหารของทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งกรูเข้าหากัน

แต่ยังไม่ทันจะได้ปะทะ ห่าธนูของอิสุก็พุ่งออกไปจัดการกับแนวหน้าของคามาคุระจนล้มตายไปไม่ใช่น้อย และเมื่อพลทหารของอิสุวิ่งไปจนถึงปลายวิถีลูกธนูก็หยุดลงทันที

เสียงดาบปะทะกันจึงดังตามมา ทหารม้าต่างโอบล้อมเข้าห้ำหั่น แต่ดูเหมือนแม่ทัพสองคนของอิสุจะจงใจทิ้งม้าไปแล้วกระโดดลงมายืนหยัดบนผืนดินคู่กันแทน

และทหารคามาคุระที่ชะล่าใจคิดว่าอีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจนถลำเข้าไปหมายจะเด็ดหัวแม่ทัพอิสุทั้งคู่กลับต้องเป็นฝ่ายที่ต้องล้มตายลงไปเอง ด้วยเพลงดาบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเพราะแน่นอนว่าคนที่เคยเห็นมันมาล้วนไปนรกกันหมดแล้ว......มันทั้งแข็งแกร่งและไร้ช่องโหว่....แต่กระนั้นทหารคามาคุระกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด....คุ้นเคย.....เพราะมันก็คือดาบสายตระกูลยามาโมโตะนั่นเอง

เวลาล่วงผ่านไปนานพอดูจนสนามรบค่อยๆถูกย้อมไปด้วยสีแดง ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีดำขยับดาบไปรับดาบที่ฟาดลงมาก่อนจะตวัดตัดคออีกฝ่าย สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วอย่างสงสัย....ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของทหารคามาคุระจะเป็นเรื่องจริงแต่ทว่ารูปขบวนของกองทัพกลับดูแปลกๆ....ความดุดันของ ฮิบาริ เคียวยะ ที่น่าจะแฝงอยู่ในกองทัพนี้มันเหมือนจะหายไป ความหิวกระหายในชัยชนะ ความกลัวตายหากพ่ายแพ้....มันหายไป

ถึงจะบอกว่ามันอาจจะเป็นที่สภาวะจิตใจของผู้นำ แต่กองทัพสีดำยามเมื่อเข้าสู่สนามรบมันก็ไม่ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนไปได้ง่ายๆ....ถึงแม้ว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะร้อนลนเพียงใด แต่ทหารในสังกัดจะไม่มีวันลดความดุดันลงแน่ ถ้าฮิบาริ เคียวยะยังอยู่ในสายตา

จะว่าไป......

“ นี่! ยามาโมโตะ!”        เสียงเรียกดังมาจากแผ่นหลังที่หันชนกันอยู่ เพราะเพลงดาบคู่ของพวกเขา นรกของคามาคุระจึงขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว

“ ข้ากำลังคิดว่า....พี่ชายของเจ้าไม่ได้อยู่ในกองทัพนี้!”     โกคุเดระตะโกนในสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่เช่นเดียวกันออกมา.....หรือว่า.....

“ ฮิบาริ เคียวยะ ตลบหลังพวกเรา! เขาต้องกำลังมุ่งหน้าไปช่วยพี่ข้าอยู่แน่ๆ ถึงแม้ว่าข้าจะคิดไม่ออกก็เถอะว่าเจ้านั่นจะรู้ได้ยังไงว่าพี่ข้าถูกขังอยู่ที่ไหน!!”       ร่างบอบบางในชุดเกราะสีแดงตะโกนบอกออกมาเป็นชุด....หัวไวสมกับที่เป็นโกคุเดระจริงๆ

“ หึ......”       ใบหน้าคมหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ.....เพราะอีกฝ่ายก็สมกับที่เป็นพี่ชายของเขาจริงๆ ใครจะไปคิดว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะใช้แผนทำทีเป็นบุกประจันหน้าเข้ามา แต่ที่จริงแล้วตัวเองกลับตลบหลังไปช่วยสึนะ.....ใครจะไปคิด....ว่าคนอย่างฮิบาริ เคียวยะ จะทิ้งกองทัพไปเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน.....ถ้าเป็นเมื่อก่อนตัวประกันคนนั้นจะเป็นจะตายยังไงก็คงไม่สนใจ ขอเพียงตนได้บดขยี้กองทัพของศัตรูเป็นพอ

หึ.....ยังไงก็เป็นพี่น้องกันจริงๆนั่นแหละ ข้ากับเจ้า...


ร่างสูงใหญ่กับร่างบอบบางกระโดดขึ้นหลังม้าอีกครั้ง ก่อนจะฝากฝังเรื่องที่สนามรบเอาไว้กับพวกพี่ชาย ส่วนม้าทั้งคู่ก็ตรงดิ่งกลับไปยังรังลับของตระกูลโกคุเดระทันที











ฝูงม้าควบฝ่าผืนป่าสูงใหญ่ของชายแดนอิสุเข้ามา นัยน์ตาสีดำเหลือบมองแผนที่ในมือครั้งแล้วครั้งเล่า

เป็นเพราะไม่ชำนาญพื้นที่ ไม่คุ้นทาง กว่าจะหาเจอเลยกินเวลากว่าที่คิด

ก็สมกับที่ได้ชื่อว่ารังลับ.....

ฝูงม้าหยุดลงที่ริมแม่น้ำ มือใหญ่เก็บแผนที่เข้าไปในอกเสื้อก่อนจะตวัดผ้าคลุมสีดำให้เข้าที่เข้าทาง นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองท่อที่เชื่อมต่อจากโรงรหัสวิดน้ำก่อนที่ปลายมันจะหายเข้าไปในป่าที่อยู่สูงขึ้นไป ใบหน้าคมเงยขึ้นมองเห็นหลังคาของบ้านไม้หลังใหญ่ที่ถูกซุกซ่อนอยู่รำไร

ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าเจอสักที.....สึนะโยชิ











ม้าสองตัวควบผ่านเส้นทางในป่าด้วยความชำนาญ ทำให้มาถึงบ้านรังลับได้อย่างไม่เสียเวลามากนัก

ร่างสีดำกับร่างสีขาวที่ถอดชุดเกราะออกแล้วกระโดดลงจากหลังม้าข้างๆชิงช้าที่อยู่หลังบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผิวปากเรียกทหารยามที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆออกมา

“ ฮิบาริ เคียวยะ กำลังจะมาที่นี่ พวกเจ้าจงเตรียมรับมือให้ดี”         คำสั่งถูกเอ่ยออกไปให้ทหารทั้งหมดพยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนจะแยกกันกลับไปประจำที่เดิม 

ปล่อยให้ร่างของทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ขังตัวประกันคนสำคัญเอาไว้













ใบหน้าเล็กเริ่มจะกระสับกระส่ายอย่างหาทางออกไม่ได้....ทำยังไงดี....ฮิบาริ เคียวยะ อาจจะกำลังมาถึงในไม่ช้านี้....แล้วเขาจะหลุดออกไปจากที่นี่ยังไงดี.....บางทียามาโมโตะกับฮายาโตะอาจจะระแคะระคายแล้วก็ได้ว่าฮิบาริ เคียวยะ ติดต่อกับเขาสำเร็จและอาจจะกำลังมุ่งหน้ากลับมาที่นี่

สองมือยกขึ้นมาบีบกันอย่างกังวล

ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นระรัว ทั้งหวาดกลัวทั้งไม่รู้จะทำยังไง......เสียงฝีเท้าหนึ่งก็เดินใกล้เข้ามาและเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป.....

“ นายหญิง....”        ร่างระหงของนายหญิงแห่งตระกูลโกคุเดระยืนอยู่ที่ด้านนอกของลูกกรงไม้ ใบหน้าสวยที่คล้ายกับฮายาโตะยิ้มอ่อนโยนมาให้ เขาเคยเจอกับนางหลายครั้งทั้งๆที่พยายามหลบเลี่ยงมาตลอดตอนที่อยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลโกคุเดระ

ไม่ใช่ว่านางเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย.....แต่เพราะความใจดีของนางต่างหากที่เขาไม่อยากจะยอมรับ

มันคงจะเป็นทิฐิของลูกนอกกฏหมายอย่างเขาก็เท่านั้น

“ กับฮายาโตะเจ้ายังคิดว่าเขาเป็นน้องชาย แล้วทำไมทีกับข้า...เจ้ากลับไม่เคยเห็นว่าข้าเป็นแม่ของเจ้าบ้าง สึนะโยชิ”       ใบหน้าเล็กได้แต่ก้มลงอย่างรู้ดีว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดต่อนางมาโดยตลอด

“ เจ้า....อยากออกไปช่วยคนรักของเจ้าไหม?”        และเมื่อคำพูดหลุดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ ใบหน้าเล็กก็ต้องเงยขึ้นไปมองใบหน้าอ่อนโยนด้วยสายตาตกตะลึง

“ ท่านหมายความว่า....ท่านจะยอมปล่อยข้าออกไป?”       เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

“ ใช่”

“ ทะ ทำไมล่ะ?....ท่านไม่อยากให้อิสุเป็นอิสระ....ท่านไม่อยากได้คามาคุระมาครอบครองอย่างนั้นหรือ?”

“ ข้าไม่คิดว่าสงครามที่ได้แต่สร้างความแค้นต่อกันไปมาแบบนี้....จะทำให้อิสุสงบสุขได้จริงๆ.....สายสัมพันธ์ต่างหากที่จะเป็นรากฐานของความสงบที่แท้จริง....”       สิ่งที่นางพูดออกมามีแต่จะทำให้เขาเต็มตื้นในหัวใจ....ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกชายที่คล้ายกับนางถึงได้กลายเป็นที่รักของใครๆ

“ อิสุคิดมาตลอดในเรื่องนี้....พวกเราจึงยินดีตอนที่คามาคุระเสนอมาเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวประกัน....พ่อของเจ้าส่งเจ้าไปก็เพราะคิดว่าสายเลือดคามาคุระครึ่งหนึ่งในกายเจ้า จะทำให้สายสัมพันธ์อันดีนั้นเกิดขึ้นได้ไม่ยาก....และถึงแม้จะมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แต่ยามาโมโตะก็ทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าสายสัมพันธ์มันเกิดขึ้นได้จริงๆ...ถึงแม้จะเป็นในตระกูลที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตลอดก็ตาม”

“ ข้ารู้ว่า ยามาโมโตะ ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อฮายาโตะของข้า เขาตั้งใจจะเอาคามาคุระคืนมา ตั้งใจจะเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ก็เพื่อไม่ให้ใครมาออกคำสั่งประหารฮายาโตะได้อีก เขาทำไปเพราะความรัก....ไม่ได้มีความแค้นจนถอนตัวไม่ขึ้นกับพี่ชายของเขา....และข้ารู้ว่ายังมีคนที่จะหยุดความคลางแคลงใจหยุดความชิงชังในครั้งนี้ได้....สึนะโยชิ....ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำได้”

“ ไปบอกสิ่งที่เจ้ารู้กับทุกคนซะสิ....เพราะคนที่เปลี่ยน ฮิบาริ เคียวยะที่โหดเหี้ยมจนกลายมาเป็นแบบนี้ได้ คนที่เข้าใจเขามากกว่าใครก็คือเจ้าไม่ใช่หรือไงกัน”

แม่กุญแจที่คล้องโซ่เส้นใหญ่ที่หน้าประตูถูกเปิดออก และร่างเล็กบางก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ใบหน้าเล็กหันไปมองนายหญิงแห่งตระกูลโกคุเดระก่อนจะก้มหัวลงไปคำนับ

“ หากเจอกันครั้งหน้า ข้าจะขอเรียกท่านว่า ท่านแม่....”

“ แล้วข้าจะรอวันนั้นนะ สึนะโยชิ”






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




เตรียมพบกับตอนจบของเรื่องนี้ได้ในตอนหน้าค่า คิดว่าจบแน่ๆอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ จะใส่ไว้ในตอนเดียวกันก็จะยาวเกินเลยขอตัดตอนนี้แค่นี้แล้วกันนะ ลุ้นดี อิอิ(โดนโบก!)

เหมือนจะยังไม่เคยลงแผนที่ของเรื่องนี้ที่นี่? แปะซะ.....





ทีนี้ก็น่าจะเห็นภาพมากขึ้นอ่ะเนอะว่าเมืองไหนอยู่ตรงไหนยังไง ^ ^

แล้วก็กราบขอประทานอภัยสำหรับใครที่รอรีปริ๊นท์แฝด  "ความหวังครั้งสุดท้าย"  อยู่นะคะ ตอนนี้อาจจะต้องขอเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดค่ะ สำหรับแฝดกับรัตติกาลฯสอง,สาม (สรุปเมิงทำตามแผนได้แค่สองเรื่องเองสินะ ทำไมเป็นคนอย่างงี้ >[ ]<) นั่นก็เพราะว่า.....จะขอรวมเล่ม "ดาวตก"  ก่อนค่ะ เหะเหะเหะ

คือเท่าที่ลองเรียงหน้าดูคร่าวๆ มันหนากว่าแฝดไปแล้วอ่ะ เกิน500หน้าไปแล้ว =[ ]=!! ทั้งๆที่ยังไม่ได้รวมตอนที่ 18-19และตอนพิเศษ = ="" และด้วยความที่มันหนาปานดิกชันนารี เล่มนี้เลยคาดว่าค่าพิมพ์น่าจะสูงพอๆกับแฝด....อือ....เพราะงั้นเลยต้องขอเก็บเงินทุนไว้ให้มันก่อนแล้วกัน *ปาดเหงื่อ* น่าจะเสร็จราวๆเดือน 7 มั้งนะ(แต่อาจจะเลทตามประสาคุณกวางมันแหละ ฮือออออ)


แล้วก็......  "Satsuki"  




Satsuki เป็นตอนพิเศษของ Ryuusei ค่ะ ที่ตั้งชื่อตอนให้ใหม่ก็เพราะว่ามันน่าจะยาวพอสมควรและเป็นเรื่องราวของ ยามาโมโตะ ทาเครุ กับ โกคุเดระ ฮายาโนะ ค่ะ....ส่วนสองคนนี้เป็นใครก็ติดตามได้ในตอนหน้า ฮี่ๆ


ส่วนฟิคตอนนี้นี่....กว่าจะคลอดออกมาได้ก็ต้องขอขอบคุณหลายๆท่านที่ขยันเอาอะไรต่อมิอะไรมาล่อลวงสร้างแรงบันดาลใจมากๆเลยค่ะ5555 ทั้งโด1827ของ 7menZippo จากน้อง M1.....ทั้งโดฝั่ง8059จากคุณกิต....ทั้งเพลง Yume to Hazakura จากน้องริยา พูดถึงเพลงนี้ขอแปะลิ้ง MAD หน่อยเหอะค่ะ เป็นMAD 1827 ที่ทำโดย Enreiซัง มันโฮกมากกกกกกกกกกกกกกกกก ดูแล้วจิเพ้อออกนอกโลกเลยอ่ะ โฮวววววววว

จิ้ม>>   1827 Yume to Hazakura by Enrei



ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆเสียงทวง มากๆเลยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^// 

ปล.ตอนนี้ติดคุณชายหมอกับไททัน(Attack on Titan)อยู่ค่ะ แง~~~ เสาร์อาทิตย์นี่ไม่ต้องทำอะไรกันแระ ตื่นมา(?)ก็ต้องดูคุณชายหมอ พอจบก็รอไททันต่อ =[ ]= หากฟิคจะล่าช้าไปบ้างก็โปรดอภัย 5555

ปล.2 อัพเอนทรีรวมภาพ (อันหาสาระมิได้) ครั้งที่ 1 เอาไว้ ไปดูกันยางงงงง =3=

ปล.3 อือ...ยังไม่ได้ลงบอกเอาไว้ เพราะขี้เกียจ สำหรับรวมเล่มฟิค Psycho Pass ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม [สัญญาที่เขียนบนน้ำ] จะมีเล่มจิ๋วทำมือติดไปให้ด้วยอีกเล่มนึงนะคะ มันคือไกด์บุคสำหรับคนที่ยังไม่เคยดูอนิเมะเรื่องนี้ค่ะ ก็เป็นคำอธิบายศัพท์เฉพาะที่เวิ่นโดยข้าพเจ้าเอง 555 รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็น่าจะดีกว่าแหละเนอะ ^ ^ 



8 ความคิดเห็น:

  1. ค้างงงงงงงงงงงงงงง ค้างง่าาาาาาาาาาา ง๊ากกกกกกกกกกกกกส์


    สมกับเป็นลูกสาว ฉลาดได้โล่จริงๆ ไม่น่าละเนียนถึงไปไหนไม่รอดนะก๊ก!


    ส่วนคุณฮิ จะมาเอาทูน่ากลับไปอย่างเดียวใช่มั้ยค้า คงไม่มีการตบตีระหว่าง 8059 กับ 1827 ใช่มั้ยค้าา ดีกันซักทีเถอะพ่อคุณทั้งสองหน่อ คนอ่านลุ้นเหนื่อยตับแล้วนะเออ


    พี่กวาง~~~~จะเอาตอนต่อไปอ้า;; w ;;/ ฮึ่ยยยยยยย //เข้าไปบีบๆนวดๆไหล่ให้

    ตอบลบ
  2. โฮกฮาก!! ท่านแม่ขาน่ารักมาก มีเหตุผล ฉลาด ..สมกับที่เป็นแม่ของหนูก๊กจริง ๆ
    ยามะกับหนูก๊กในตอนนี้ดาร์กมาก ที่บอกว่านรกของคามาคุระนี่แบบเห็นภาพเลยค่ะ
    มันคงจะเต็มไปด้วยสีแดงเข้มเต็มไปหมดเลยสินะ (0[]0)
    ส่วนทั่นฮิกับทูน่ารีบ ๆ หากันเจอและพากันกลับไปได้เร็ว ๆ นะ
    ไม่อยากเห็นสองพี่น้องฆ่ากันเอง TT
    ใจหายอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ยว่ามันจะจบอ่ะ
    นึกว่ามันจะยาวเป็น epic เป็นไตรภาคแบบ The Lord of The Rings..
    จะยังไงก็แล้วแต่ ...สู้ ๆ นะคะพี่กวาง (((^_^)))

    ตอบลบ
  3. ลุ้นสุดขั้ว อ่านแล้วน้ำตาซึม ทุน่าน่าสงสารอ่าT^Tท่านฮิตอนนี้เท่มาก
    ก๊กติดความดาร์กมาจากยามะแอบสวยเหมือนกันนะ เธอนิ่งมากดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ
    ชอบตอนใส่เกราะอ่ะ หวานเชียวน้า ก๊กน่ารัก

    สุดท้ายจะได้เห็นพี่น้องประดาบกันไหมนะ
    ติดตามลุ้น........สู้ๆค่ะพี่กวางแค่เอื้อมก็ถึงฝั่งแล้ว(รึเปล่า?)

    ตอบลบ
  4. สนุกมากค่ะ

    อร๊ายยยยย

    >______________<

    ชอบท่านแม่จัง 5555+

    ตอบลบ
  5. กรี๊ดกร๊าดกับตอนนี้ หนุกโฮกกกก ซึ้งทูน่าสุดๆ ชอบท่านแม่ของฮายาโตะคุงมาก แบบ ท่านช่างเป็นคนดีราวกับนางฟ้าจริงๆๆๆ>///< //แต่ความรู้สึก ท่านแม่ชอบปรากฎตัวในคุก(?) บ่อยอยู่แฮะ= =" 55555555

    อัพอัพอัพ มุกรออยู่ >< ตอนต่อไปคงจะมันส์พ่ะยะค่ะแน่นอน ฮาาาาา

    น้ำตาแทบไหลตอนทูน่าในคุก แบบ รันทดมากลูกเอ้ยยยT^T ท่านฮิมาเร็วๆเข้า!!!! =w=~

    สู้ๆนะค้าาา พี่กวางง>////<

    ตอบลบ
  6. ///ทุบโต๊ะคอม ฟัดโรด้า หลั่งน้ำตา ทำไมตัดได้ค้างคาเช่นนี้กัน...//มาเป็นกลอน

    กร๊าซซซซซซซ กร๊าซค่ะพี่กวาง=[]=!!!! มันเป็นอะไรที่โฮรกฮรากจริงๆนะตอนนี้ เเบบบอกได้คำเดียวว่า ขนาดเป็นเเม่ยกดีสิบเเปด อ่านฉากตอนที่เหยี่ยวมาส่งจดหมายเเล้วทูน่ารับยังรู้สึกเเบบ ว๊ากกกกกกกกกก เฮ้ย เกือบพรากอะ ขนลุก=[]= เป็นอะไรที่มันเหนือคำบรรยาย ...ไม่รักไม่ตามมาหาหรอกทูน่าเอ๊ย

    สงสารทูน่ามากอะไรมากค่ะตอนนี้ เเบบ อุตส่าห์บึ่งมาช่วย สรุปพอมาถึงที่กลายเป็นเเผนซ้อน=[]= เจอเเบบนี้มันจึ้กจริงๆนะคะเนี่ย โดนคนที่ไว้ใจทรยศน่ะเจ็บซะยิ่งกว่าอะไรดีค่ะ...

    พออ่านมาถึงตอนนี้เเล้วเเบบยังไงอะ เออเนอะ หนูเคียวกับยามะก็ไม่ต่างกัน ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก พออ่านไปเรื่อยๆถึงได้เข้าใจว่า ที่ยามะตัดสินใจสู้กับพี่ชายของตัวเองก็เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาสั่งฆ่าตัวเองกับหนูก๊กได้อีก เออเนอะ พอมาคิดๆดูเเล้วก็ไม่มีใครอยากให้สงครามเกิดขึ้นหรอกค่ะ

    เเละเเม่น้องก๊กซึ้งอีกเเล้ว =[]= !! เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดจริงๆอะ ตั้งเเต่รอบยามะเเล้ว โอยย ว่าเเต่ทูน่ามันจะเป็นยังไงต่อหว่า? ตายๆๆ ริยาตับเจ๊งหมดเเย้ววว=[]= โอ๊ยยย

    เเละ ยามะก๊กตอนนี้ยังเป็นอะไรที่ฟินเเละเศร้าในเวลาเดียวกันเหมือนเดิมค่ะ >////< ชอบตอนใส่ชุดเกราะอะ มันดูเเบบ ภรรยาใส่ให้สามี สามีช่วยใส่ให้ภรรยา เฮ้ยย เขินเเทน=////= ยามะละก็ เเกนี่มันจริงๆเลยเชียวนะ++

    ยังไงก็สู้ๆเค้านะค้า พี่กวาง
    =^=// ริยาเอาใจช่วยน้าาาาาาา

    //ปูเสื่อรอทั้งน้ำตา

    ตอบลบ
  7. //น้ำคาไหลออกมาด้วยความค้างคาใจกับฟิค

    มันค้างมากเลยค่ะพี่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง=[]=!! กรี๊ดดด ทำร้ายตับไตริยเกินไปเเล้วค่ะ

    อ่านตอนนี้เเล้ว เริ่ม...สงสารทูน่าอีกครั้ง (ฮา) คือเข้าใจความรู้สึกเลยอะ อุตส่าห์บึ่งมาช่วยถึงที่ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะถูกประหาร เเต่ไอ้คนที่จะมาช่วย ดันเดินลอยหน้าลอยตา(?)เเถมยังไม่มีสีหน้าเหมือนคนโดนประหารเลยสักนิด ก็โคตรงงพอเเล้วนะ มิหนำซ้ำ ดันมารู้ทีหลังว่าเเบบ ตัวเองโดนใช้เป็นเหยื่อล่อหนูเคียวอีกอะ ตายๆๆ

    โดนคนที่ตัวเองเชื่อใจหลอกนี่มันเจ็บไม่ใช่เล่นเลยอะ

    เเต่ก็เเบบเข้าใจความรู้สึกยามะนะ ที่ทำไปก็ไม่ได้ต้องการจะล้างเเค้นอะไร เเค่ไม่อยากให้ใครมาสั่งฆ่าตัวเองกับก๊กได้อีกก็เท่านั้น (ที่ทำไปก็เพื่อก๊กอีกเเล้วอะ TT[]TT ) เเล้วเเบบ ก๊กเองก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้นี่เนอะ? จริงไหมเอ่ย

    ชอบฉากสวมชุดเกราะค่ะ =//////= เเบบ ก๊กใส่ชุดเกราะให้ยามะมันเป็นอะไรที่อิย๊ามากค่ะ!!! เตรียมพร้อมรบในอนาคตเลยทีเดียว(?) ภรรยาใส่ให้สามีล่ะ !! เเฮก เเฮก เเฮก ...//จิ้นไปไหนเเล้ว

    อีกฉากที่ทะลวงตับไตเลยคือ ฉากที่หนูเคียวส่งเหยี่ยวไปหาสึนะอะ...เเล้วเเบบ เจ้าอยู่ไหน ว๊ากกกกกกกกกกก=[]= อ่านเเล้วน้ำตาจะร่วงเเทนทูน่า เลิกนอยด์ได้เเล้วค่ะคุณซือ ถ้าหนูเคียวไม่รักหนูเคียวเค้าไม่มาพาเเกกลับเมืองหรอก นี่อะไร ลงทุนตามมาถึงที่เชียวนะ!!! โอยๆๆ

    เเละ...คารวะคุณเเม่ของน้องก๊กมากเลยค่ะ เธอเป็นยอดหญิงจริงๆ=_= สุดยอดดด ตั้งเเต่รอบยามะเเล้วอะ นี่เล่นเปิดประตูให้ตัวประกันตามเเผนของยามะออกไป เเต่เห็นด้วยนะ วิธีที่ดีที่สุดคือความสัมพันธ์ พอทั้งสองเมืองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สงครามก็จะไม่เกิด ยอดไปเลยค่ะ!!! TTwTT b เเละที่ดีไปกว่านั้นคือ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ถูกบังคับ เเต่ทั้งคู่สมัครใจ ฮิ้วๆๆ (เเต่ถ้าตอนเเรกไม่เกิดสงครามก่อนเเล้วค่อยใช้วิธีเเลกเปลี่ยนตัวประกัน สี่คนนี้ก็คงจะไม่ได้เจอกันหรอกเนอะ)

    ตอนหน้าจะเป็นยังไงฟระTTWTT อ๊ากกก ลุ้นๆๆๆ นังริยาลุ้นค่ะ

    ปล.จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหลอนกับฉากที่ยามะบอกจุดออกของเพลงดาบตระกูลตัวเองให้ก๊กรู้มากๆเลยอะ เเบบ กลัวก๊กจะใช้จุดอ่อนนั้นฆ่ายามะเข้าสักวัน ทำไมก็ไม่รู้ =____=;;;; มันดูมีรังสีอะไรสักอย่างกับประโยคนี้มากกก

    ตอบลบ
  8. ร้องไห้หนักมากกกกกกกกกกก
    ซึ้งง่า ท่านแม่

    ตอบลบ