KHR AuFic HBD.YamaGoku [8059 1827] Ryuusei : 17



KHR AuFic HBD.YamaGoku [8059 1827]   Ryuusei : 17

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ก่อนจะรู้สึกว่าร่างทั้งร่างนั้นช่างหนักราวกับหิน ดวงตาสั่นพร่าเหลือบลงไปมองฝ่ามือที่พยายามจะยกขึ้นมาด้วยความสั่นระริก

มันยังเป็นมือของเขา...

ลมหายใจและชีวิตนี้....ก็ยังเป็นของเขา

ฮิบาริ เคียวยะ ยังไม่ได้ฆ่าเขาอย่างที่ปากว่าเอาไว้...

ยังคงจำได้ดี ว่าร่างกายที่ปวดระบมไปหมดนี้มันเกิดจากอะไร...ในเมื่อครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป เขากำลังต่อสู้กับ ฮิบาริ เคียวยะ เพื่อถ่วงเวลาให้คนคนนั้นตามไปฆ่ายามาโมโตะกับฮายาโตะที่หนีไปไม่ทัน

ร่างเล็กบางลุกขึ้นนั่งช้าๆก่อนจะหันมองไปรอบตัว สิ่งแรกที่สะดุดสายตาคือแผงลูกกรงไม้ที่กั้นระหว่างข้างในห้องกับชานไม้ด้านนอก ถึงแม้ไม้ที่ดูแข็งแรงนั้นจะถูกเหลาจนเท่ากันอย่างสวยงาม ทว่า...ดูยังไงมันก็คือ....คุก....ดีๆนี่เอง

มือขยับคอกิโมโนตัวในให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะกระชับฮาโอริที่ตกไปอยู่ที่ต้นแขนให้มันกลับมาคลุมไหล่อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินโซเซไปเกาะอยู่ที่ลูกกรงไม้ ปลายนิ้วสัมผัสลงไปบนเนื้อไม้ชั้นดีก่อนที่นัยน์ตากลมโตจะทอดมองออกไปภายนอกอย่างเหม่อลอย

เขาไม่ได้ถูกฆ่า....แต่ถูกขังอยู่ในคุกชั้นสูงที่ไหนสักแห่งของคามาคุระ....

ควรจะยินดีที่ยังมีลมหายใจ หรือควรจะร้องไห้ที่ไม่ตายๆไปซะจะดีกว่า

ในเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วกลับรู้สึกได้แต่ความเย็นชา จนอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงความรู้สึกตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆไม่ได้.....ตอนที่ ฮิบาริ เคียวยะ ยังไม่ได้รักเขา

ร่างเล็กบางทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ได้แต่พิงไหล่เอาไว้กับลูกกรงไม้ ข้างนอกถูกล้อมรอบด้วยป่าโมมิจิที่ต้นสูงใหญ่และเต็มไปด้วยใบสีเขียว มีอาคารหลังนี้เพียงหลังเดียวเท่านั้นที่ตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางป่าครึ้ม มันคงจะสวยมากหากเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง...มันทำให้เผลอคิดถึงช่วงที่เขาหอบเอาโกโตะเข้าไปเล่นอยู่ในป่าโมมิจิแบบนี้ขึ้นมาทันที

จากนี้ไปคงไม่ได้แตะมันอีกแล้วสินะ โกโตะสีดำตัวนั้น...


“ ท่านสึนะโยชิ?! ฟื้นแล้วหรือขอรับ?”          เสียงทักดังมาจากที่พื้นดินด้านล่าง และเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้แลไปมองก็เห็นทหารยามสองคนก้มหัวมาให้

ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่....มีทหารยามและคงจะมีพ่อครัวกับข้ารับใช้

ทว่าคงจะไม่มีผู้ชายที่ชื่อ ฮิบาริ เคียวยะ.....

“ หากท่านต้องการสิ่งใดก็บอกข้าสองคนได้เลยนะขอรับ”         ทั้งสองคนยิ้มแย้มมาให้อย่างไม่ใส่ใจว่าเขาไม่ใช่นายหญิงของคฤหาสน์คามาคุระอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเพียง...นักโทษ..ที่ถูกคุมขังเอาไว้ เพราะคนคนนั้นอาจจะยังตัดใจฆ่าไม่ลงหรือไม่ก็อาจจะยังไม่ว่าง

ที่ทหารยามกล้ายิ้มให้เขาแบบนี้ แสดงว่า ฮิบาริ เคียวยะ ไม่ได้อยู่ที่นี่หรือแม้แต่จะอยู่ในละแวกใกล้ๆนี้จริงๆ

ใบหน้าเล็กยิ้มน้อยๆกลับไปให้ทหารยามก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับมานั่งที่ด้านในของเรือน แผ่นหลังพิงเอาไว้กับผนังด้านหนึ่ง ก่อนจะไล่มองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถึงแม้ว่ามันจะกว้างใหญ่พอสมควรแต่กับสถานที่ที่เรียกว่าคุกแล้ว ต่อให้กว้างใหญ่แค่ไหนมันก็ไม่เท่าอิสระที่จะได้อยู่ภายนอกนั่นหรอก

สองด้านของเรือนเป็นผนังทึบ ส่วนอีกสองด้านติดกับชานไม้ซึ่งด้านหนึ่งเป็นสวน ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นระเบียงทางเดิน ทั้งสองด้านนี้มีประตูเลื่อนและสามารถเปิดออกได้จนหมด แต่ถึงจะเปิดได้มากแค่ไหนแต่เขาก็ออกไปไหนไม่ได้ ในเมื่อมันมีลูกกรงไม้กั้นอยู่

ใบหน้าเล็กก้มลงไปซบที่เข่าซึ่งตั้งชันขึ้นมากอดไว้ด้วยสองแขน ในหัวใจรู้สึกแปลกประหลาดระคนสับสน.....เพราะไม่คิดว่าคนอย่าง ฮิบาริ เคียวยะ จะจับตนมาขังเอาไว้เฉยๆแบบนี้

ไม่มีการทรมาน...ไม่มีการบังคับให้นอนด้วย...ไม่ฆ่า....ไม่ทำอะไรเลย...

ทั้งๆที่น่าจะยินดีกับสภาวะแบบนี้ แต่หัวใจของเขากลับว้าวุ่น....กลับรู้สึกกลัวมากกว่าการที่คนคนนั้นจะเก็บเขาเอาไว้ข้างๆกายเพื่อเอาไว้แกล้งเล่น เอาไว้ทรมาน.....กลัว....ว่าจะถูกเมินเฉย....กลัว....ว่าจะถูกไม่สนใจ....กลัว....ว่าจะไม่เป็นที่รักอีกแล้ว

นัยน์ตากลมโตได้แต่เหม่อลอยอย่างหม่นเศร้า.....แต่อย่างเขายังจะไปมีสิทธิเรียกร้องอะไรได้....ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฮิบาริ เคียวยะ มีให้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง....คนคนนั้นจะระอาขึ้นมาสักวันมันก็ไม่แปลกเลย....

“ นี่....ข้าสลบไปกี่วันแล้ว?”       ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยถามทหารยามที่ยังคงยืนคุยกันอยู่ที่ด้านล่างของเรือน

“ สามวันได้ขอรับ....แต่หมอหลวงมาดูแล้วบอกว่าท่านไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องห่วงขอรับ”

“ แล้ว.......”        จู่ๆเสียงก็หายไปเมื่อตั้งใจจะถามเรื่องที่อยากรู้

“ อ่า....ถ้าจะถามถึงท่านทาเคชิกับสินสงคราม….สองคนนั้นหนีไปได้ขอรับ...ทหารที่ตามไปถูกฆ่าหมดเลยขอรับ”

“ ท่านเคียวยะก็ไม่ได้มีคำสั่งให้ใครไปตามล่าต่อ เรื่องก็เลยดูเหมือนจะเงียบไปขอรับ”

น่าแปลกที่เรื่องของสองคนนั้นมันกลับไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุด เพราะคิดว่ายังไงซะ ยามาโมโตะก็น่าจะพาน้องชายของเขาหนีไปได้....แต่เรื่องที่อยากจะรู้กลับเป็นเรื่องของ ฮิบาริ เคียวยะ ต่างหาก....อยากจะรู้ว่าคนคนนั้นมาหาเขาที่นี่บ้างไหม....ยังสนใจ.....กันอยู่หรือเปล่า....

“ งั้นหรอ....”       เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกไป....ถึงจะรู้ไปก็คงไม่มีประโยชน์

“ แต่ก็น่าแปลกนะ ที่ท่านเคียวยะสั่งทหารให้ไปตามฆ่าสองคนนั้นแค่กองเดียว....ก็รู้ทั้งรู้ว่าท่านทาเคชิกับสินสงครามเก่งกาจขนาดไหน ทหารกองเดียวจะไปเอาอยู่ได้ยังไง....แถมยังเป็นทหารลูกน้องของท่านพ่อของท่านหญิงมิซึโกะอีกต่างหาก....พวกนั้นน่ะพูดกันตามตรง ฝีมือยังห่างชั้นจากท่านทาเคชินัก”       ทหารทั้งสองคนหันไปคุยกันต่อ แต่เพราะความเงียบของผืนป่า ทำให้เสียงเหล่านั้นมันลอยมาเข้าหูร่างเล็กบางอย่างช่วยไม่ได้

“ ทำอย่างกับไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าให้ตายจริงๆอย่างงั้นแหละท่านเคียวยะน่ะ.....ยังไงก็น้องชายนี่นะ”

“ จะใช่หรอ? คนคนนั้นโหดขนาดไหนก็รู้กันดี แต่ที่ดูเหมือนไม่เอาจริงเพราะอีกคนก็เป็นน้องของท่านสึนะโยชิหรือเปล่า? ข้าได้ยินพวกสาวๆในคฤหาสน์ว่ามาอีกที”

“ จะยังไงก็ช่างเถอะ ข้าคิดแค่ว่าดีแล้วล่ะ ที่ไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหรือข้าต้องออกไปตามล่าสองคนนั้นต่อ....บอกตรงๆว่าสยองว่ะ”       ทหารทั้งสองคนยังคงคุยกันต่อในเรื่องสัพเพเหระ  แต่ทว่าใบหน้าเล็กของคนที่บังเอิญได้ยินกลับนิ่งค้างไป

ทั้งๆที่มันก็ฟังดูแสนจะปกติ...แต่ทำไมเหมือนมีอะไรค้างคาใจแปลกๆ....มันอะไรกันนะ?  ต่อให้คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก....จะบอกว่า ฮิบาริ เคียวยะ เลิกตามล่าสองคนนั้นเพราะคำขอร้องของเขามันก็ไม่น่าใช่....ไม่งั้นเขาคงไม่โดนเล่นงานจนสลบไปสามวันสามคืนแบบนี้หรอก.....

การกระทำกับคำสั่งที่ดูไม่จริงจังแบบนั้นมันอะไรกัน?....ดูไม่สมกับที่เป็นมัจจุราชอย่าง ฮิบาริ เคียวยะ เลยสักนิด....เพราะถ้าคนคนนั้นคิดจะฆ่าขึ้นมาจริงๆ ต่อให้หนีไปไกลแค่ไหนก็คงจะตามไปเอาลมหายใจของทั้งคู่อย่างไม่ลดละแน่นอน

....เป็นไปได้ไหม....ที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะสั่งฆ่าน้องชายของตัวเองมาตั้งแต่แรก?

รวมไปถึงฮายาโตะ....น้องของเขาด้วย.....














ร่างสูงใหญ่นั่งห้อยขาอยู่ที่ชานไม้เล็กๆด้านนอกห้องนอนซึ่งถูกแบ่งไว้ให้เขากับโกคุเดระ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ห้องเล็กๆที่อยู่ด้านหลังของบ้าน แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เช่นเดียวกับชิงช้าเก่าๆสองอันที่มองเห็นจากชานไม้นั่นด้วย

บ้านหลังนี้ถูกสร้างเลียนแบบบ้านของชาวนาเพื่ออำพรางไม่ให้ใครที่หลงมาพบเจอเข้ารู้ถึงซึ่งความจริงว่ามันคือรังลับของตระกูลผู้ปกครองของอิสุ ให้ใครต่อใครเข้าใจว่ามันคือบ้านของชาวนาธรรมดาๆที่ไม่มีใครอยู่

เพราะฉะนั้นมันจึงมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่บ้านชาวนาทั่วไปพึงจะมี....ทั้งโรงเก็บฟืน ทั้งคอกสัตว์ โรงเก็บอุปกรณ์ รวมไปถึงชิงช้าแบบง่ายๆนี่ด้วย


ครืดดดดด....


เสียงประตูเลื่อนเปิดออกให้ใบหน้าคมหันไปมอง ร่างบอบบางกำลังหอบฟูกที่จะใช้นอนเข้ามาแล้ววางมันลงที่กลางห้อง

“ เอ๋?....ยังอยู่อีกหรอ ชิงช้านั่นน่ะ?”       ร่างบอบบางเดินเข้ามาใกล้เพื่อมองชิงช้าสองอันนั้นให้เต็มตา....ที่เขาบอกว่าคุ้นเคยกับมันนั่นก็เพราะว่าตอนเด็กๆเขาสองคนหนีมาเล่นด้วยกันที่นี่หลายครั้ง และส่วนใหญ่ก็จะเล่นอยู่ที่ชิงช้านั่นแหละ

“ เก่าลงไปเยอะเลยละ”     มือใหญ่เอื้อมไปดึงลำตัวบางให้นั่งลงข้างๆ ใบหน้าสวยอมยิ้มน้อยๆเมื่อนัยน์ตาสีมรกตทอดมองไปยังชิงช้าที่ยังคงขยับตามสายลม

“ นอกจากเจ้า....ข้ายังเคยหนีมาเล่นชิงช้านี่กับพี่ของข้าด้วยนะ”      แต่แล้วจู่ๆใบหน้าสวยก็หม่นหมองลง เขาจึงได้รู้....ว่าพี่ชายคนที่พูดถึง....คือสึนะโยชิ

ใบหน้าของเราทั้งคู่ต่างยังเหม่อมองไปที่ชิงช้าตัวนั้น แล้วเขาก็ตัดสินใจเอ่ยออกไป

“ ถ้ามันเป็นไปตามแผนที่ข้าวางเอาไว้....เราจะได้ตัวสึนะมาอย่างแน่นอน....เพียงแต่ว่า....”

“ หัวใจของเขาอาจจะไม่ได้ตามร่างกายมาด้วยก็เป็นได้...”

“ .........”       ใบหน้าสวยเงียบไปอย่างที่เขาก็ดูออกว่าโกคุเดระคงจะรู้สึกผิดต่อผู้เป็นพี่ชาย นัยน์ตาคู่สวยจึงหม่นเศร้าราวกับหาทางออกไม่เจอทุกครั้งที่พูดถึงสึนะโยชิ

เพราะต่อให้เป็นคนใจร้ายแค่ไหน แต่ยังไงฮิบาริ เคียวยะก็ยังเป็นคนที่สึนะรัก

และใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจ....ว่าความรู้สึกของการที่คนรักโดนทำร้ายมันเป็นยังไง....ในเมื่อเขาก็กำลังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องไม่ให้คนที่เขารักต้องถูกทำร้าย

“ เดี๋ยวข้า....จะไปดูท่านแม่หน่อย....”       ร่างบอบบางเอ่ยตัดบทก่อนที่จะลุกออกไป ถึงแม้ว่าภายในใจของโกคุเดระจะยังหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ยังไงเสียร่างบอบบางกลับไม่ยับยั้งเขาไม่ให้ฆ่าฮิบาริ เคียวยะ

ใบหน้าคมได้แต่เหม่อมองไปยังชิงช้าทั้งสองอัน....เคยมีสักครั้งบ้างไหมนะ....ที่เขากับพี่ชายเคยเล่นเจ้าสิ่งนี้ด้วยกัน.....


คำตอบคือ.....ไม่มี





“ ท่านแม่....ทำอะไรอยู่น่ะ?”     ใบหน้าสวยยื่นเข้าไปในห้องครัว ถึงแม้ว่าจะมีข้ารับใช้ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าแต่ก่อน เพราะฉะนั้นนายหญิงของบ้านจึงต้องลงมาสั่งการเองถึงในห้องครัว

“ กำลังจะทำอาหารเย็นจ้ะ แต่น้ำมันไม่ไหลเลยกำลังสงสัยว่ารหัสวิดน้ำมันไม่ทำงานหรือเปล่านะ....บางทีอาจจะมีกิ่งไม้ไปติดอยู่”     นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วห้องที่มีแต่ผู้หญิง ข้างนอกเองก็ดูเหมือนว่าพวกพี่ๆของเขาจะไปหารือกับพวกทหารเรื่องการเตรียมรบ

เพราะฉะนั้นตอนนี้ คนที่ว่างอยู่ก็คงมีแต่เขากับยามาโมโตะที่กำลังพักเหนื่อยจากการเดินทางเพียงเท่านั้น

“ ให้ข้าลงไปดูให้ไหมท่านแม่?”       ใบหน้างดงามหันมามองอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะพยักหน้าลงมาด้วยรอยยิ้ม

“ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าโรงรหัสวิดน้ำอยู่ที่ไหน?”      มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายจอมซนคนนี้แอบหนีมาเล่นที่นี่บ่อยๆ

“ ฮึ มีอะไรในอิสุที่ข้าไม่รู้บ้าง?!”      ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และความสดใสของลูกชายคนเล็กนั้นมันก็ทำให้ข้ารับใช้ต่างยิ้มกันออกมา....ความอึมครึมที่ปกคลุมบ้านหลังนี้อยู่จู่ๆก็เหมือนมีสายลมมาพัดพามันออกไป

นายน้อยตัวเล็กๆที่ทั้งน่ารักทั้งซุกซน ถึงแม้จะเติบใหญ่ขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้สายตาเอ็นดูที่พวกเธอมีให้ลดน้อยลงไปเลย....

“ แล้วเจ้าก็ควรจะอาบน้ำมาซะด้วยเลยนะฮายาโตะ ดูสิ...เนื้อตัวมอมแมมเป็นเด็กๆเชียว”      ผู้เป็นมารดาเอ่ยหยอกเย้าให้ใบหน้าสวยงอง้ำก่อนจะเดินออกมาตามร่างสูงใหญ่ให้ลงไปด้วยกัน






“ โรงรหัสวิดน้ำ? คือโรงไม้ที่มีกังหันใหญ่ๆติดอยู่ ที่ตั้งอยู่ข้างๆแม่น้ำนั่นใช่ไหม?”        ร่างสูงใหญ่เอ่ยถามหลังจากเดินตามร่างบอบบางออกมา

“ นั่นแหละ....แล้วแม่ข้าก็บอกว่าให้เจ้าอาบน้ำอาบท่าซะบ้าง ข้าเลยไปตามเจ้าลงมาด้วยกันไงล่ะ!”      ใบหน้าคมลอบมองใบหน้าสวยเอาแต่ใจอย่างรู้ทัน ในเมื่อรอบกายตอนนี้กำลังใกล้จะพลบค่ำเต็มที เจ้าคนกลัวผีกลัวความมืดก็คงจะกลับขึ้นมาเองคนเดียวไม่ได้แน่ๆ แล้วอีกอย่างคนที่ควรจะต้องอาบน้ำก็ไม่น่าจะใช่เขาแค่คนเดียว

ใบหน้าคมลอบยิ้มกับความปากไม่ตรงกับใจของร่างบอบบาง....พอกลับมาพูดคุยกันได้แบบนี้ก็รู้สึกราวกับว่าบรรยากาศเดิมๆเหมือนตอนที่อยู่อิสุจะกลับคืนมา....มันคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด...

รหัสวิดน้ำไม่หมุนจริงๆดังที่คาด ร่างสูงใหญ่เดินตามสะพานไม้เข้าไปใกล้ก่อนจะมองเห็นกิ่งไม้มากมายขวางฟันเฟืองอยู่

“ ดึงมันออกมาสิ!”       เจ้าน้องเล็กตัวดียืนสั่งการอยู่บนฝั่ง ใบหน้าคมหันไปมองอย่างนึกหมั่นไส้ก่อนจะใช้มือดึงกิ่งไม้ออกทีละอัน กังหันของรหัสวิดน้ำจึงกลับมาหมุนตามปกติ

น้ำใสค่อยๆถูกวิดขึ้นไปตามรางและอีกไม่ช้ามันก็คงจะไหลไปจนถึงบ้านไม้หลังนั้น....เป็นอันว่าภาระกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นไปด้วยดี

“ โกคุเดระ...ลงมาอาบน้ำสิ”      ร่างสูงหันไปเรียกคนที่ยังยืนมองแก้มป่องอยู่บนฝั่ง นัยน์ตาสีมรกตมองมาอย่างครุ่นคิด

“ งั้นเจ้าก็ขึ้นมาสิ! แล้วก็ห้ามมาแอบดูข้าตอนอาบน้ำด้วย!”      นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งอย่างหาเรื่องทั้งๆที่แก้มใสนั้นแดงระเรื่อ ใบหน้าคมได้แต่ลอบยิ้มก่อนจะยอมเดินขึ้นฝั่งแต่โดยดี....ไม่รู้จะอายอะไรอีกในเมื่อเขาเห็นมาหมดแล้วทุกซอกทุกมุม

“ หันหน้าไปทางนู้น!”      เสียงใสเอ่ยสั่งออกมาให้อดีตแม่ทัพแห่งคามาคุระผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้

ถึงแม้ว่าใบหน้าคมจะหันไปทางอื่นแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็แอบเหลือบมองร่างบอบบางที่นั่งลงที่ชายน้ำก่อนที่กิโมโนจะค่อยๆถูกดึงออกไปจนพ้นไหล่ ทุกกิริยาท่าทางมีแต่จะทำให้เขาเผลอมองอย่างหลงใหล ผิวขาวนวลเนียนเผยออกมาต้องแสงจันทร์แบบนั้นช่างเร้าอารมณ์จนแทบจะห้ามตัวเองไม่ไหว โกคุเดระค่อยๆหย่อนร่างกายลงไปในสายน้ำใสก่อนจะวักมันขึ้นมาชำระล้างใบหน้า....โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาหันกลับมามองเต็มสองตาอยู่บนชายฝั่ง

ใบหน้าคมลอบยิ้มให้กับร่างบอบบางที่ไม่เคยระวังตัวยามเมื่ออยู่กับเขา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ มือถอดฮากามะสีดำออกลงไปกองอยู่ข้างๆกิโมโนสีขาวแล้วก้าวขาลงน้ำตามไป

“ อ๊ะ?! เจ้า!! ข้าบอกให้รออยู่บนฝั่งไง?!”       ใบหน้าสวยหันมาผงะเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็มีมือใหญ่มากอดกระชับเอวบางเอาไว้ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลกระเพื่อมอยู่แค่หน้าท้อง แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสัมผัสผิวใสจนใบหน้าสวยถึงกับแดงระเรื่อ

“ อาบทีละคนมันช้า....อาบพร้อมๆกันไปเลยดีกว่าน่าโกคุเดระ”     พูดจบใบหน้าคมก็ก้มลงไปกดจูบที่หลังลำคอระหงจนคนที่ถูกกอดจากทางด้านหลังเริ่มดิ้นไปมา

“ อาบกับเจ้านี่แหละจะยิ่งช้า ปล่อยข้านะ!!”        ลำตัวบางพยายามสะบัดให้หลุดจากอ้อมแขนที่กอดรัดเอาไว้ ยิ่งขัดขืนก็มีแต่จะยิ่งทำให้ใบหน้าคมพึงพอใจ....ก็เจ้าน้องเล็กจอมดื้อแบบนี้มันน่ารักน้อยซะที่ไหน

“ โกคุเดระ....ยอมข้าดีๆสักวันไม่ได้หรือไงกัน....ตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้เกลียดข้าแล้วนี่?”      ใบหน้าคมเกยหน้าเอาไว้บนไหล่บางก่อนจะกระซิบที่ใบหูแดงระเรื่อเบาๆ

“ ถึงจะไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่เห็นว่าข้าจะต้องยอมเจ้าดีๆเลยนี่?! ถอยไปนะ ข้าจะอาบน้ำ”      ใบหน้าแง่งอนเสมองไปทางอื่น....ก็นั่นแหละ....ถ้ายอมกันง่ายๆก็คงไม่ใช่ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระ

ร่างสูงใหญ่ยังคงไม่ยอมปล่อยร่างบอบบางให้เป็นอิสระ แต่กลับดันลำตัวบางให้หันหน้ามาหากัน ริมฝีปากก้มลงไปแตะที่ริมฝีปากสีระเรื่อก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปช้าๆ นัยน์ตาที่อยู่ใกล้กันแค่คืบต่างจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายหาได้ปิดตาลงไม่

อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบรัดลำตัวบางเอาไว้แนบอก จุมพิตแสนหวานยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางสายน้ำที่ยังคงไหลระเรื่อย เสียงหอบหายใจในจังหวะถี่กระชั้นกว่าปกติดังขึ้นเมื่อริมฝีปากละออกจากกัน อ้อมแขนแข็งแรงยกลำตัวบางขึ้นเล็กน้อยและเพราะว่าอยู่ในน้ำมันจึงลอยขึ้นไม่ยาก

“ ดะ เดี๋ยว....เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า.....”        เสียงห้ามตะกุกตะกักดังผสมผสานมากับเสียงครางในลำคอเพราะใบหน้าคมยังคงปลุกเร้าด้วยริมฝีปากไปจนทั่วแผ่นอกแบนเรียบ

“ ไม่มีหรอกน่า...ปล่อยให้ข้าทำที่นี่ดีกว่าในบ้านที่ฝากั้นห้องบางๆแบบนั้น จริงไหม? ฮายาโตะ”        นัยน์ตาสีมรกตเสมองไปทางอื่นอย่างจนใจจะเถียง ยิ่งได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเองด้วยแล้ว ร่างกายมันก็เหมือนจะยิ่งอ่อนระทวย

ใบหน้าคมเงยขึ้นไปกดจูบตามร่างกายบอบบางจนผิวขาวละเอียดขึ้นสีแดง ใบหน้าสวยสะบัดเงยขึ้นพยายามกักเก็บเสียงครางให้อยู่ภายในลำคอ นัยน์ตาสีมรกตหวานฉ่ำเหลือบมองหัวสีดำที่ซุกไซร้ไปตามร่างกายของตนอย่างหลงใหล ก่อนที่มันจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนไหวสัมผัสที่เบื้องล่างถูกจับกุมเอาไว้

แต่ทว่า...มือใหญ่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น....เสียงแซกๆดังแหวกกอหญ้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆก็มีแต่จะทำให้ร่างทั้งสองร่างแข็งเกร็ง

อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับเอวบางของคนที่กำลังหันไปหันมาอย่างตื่นตระหนกหากใครจะมาเห็นภาพน่าอายแบบนี้เข้า ร่างสูงใหญ่ขยับกายฝ่าน้ำไปหลบอยู่ที่ฐานของอาคารโรงรหัสวิดน้ำ ใช้สะพานไม้ที่พาดไปมากับความมืดสลัวบดบังร่างกายเอาไว้

“ ยามาโมโตะ...กิโมโนล่ะ?”      เสียงครางอย่างหวาดๆของร่างบอบบางหาได้ทำให้ร่างสูงใหญ่ตกใจไม่ แต่มันกลับจะทำให้ยิ่งเร้าใจกว่าเดิมที่ต้องหลบๆซ่อนๆแบบนี้

“ ชู่ว....”       ใบหน้าคมส่งสัญญาณให้ใบหน้าสวยเงียบก่อนจะช่วยคลายความกังวลด้วยริมฝีปากที่แนบลงไปก่อนจะจุมพิตเอาแต่ใจ

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน พยายามห้ามเสียงครางในลำคอไม่ให้ดังออกมา ยิ่งเสียงเดินใกล้เข้ามามากเท่าไหร่ ลิ้นร้อนที่สอดอยู่ในปากก็ยิ่งเร่าร้อนมากขึ้นเท่านั้น....กำลังแกล้งกันอยู่งั้นหรอ?....นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้อย่างคาดโทษ

แผ่นหลังบอบบางสัมผัสไปที่ก้อนหินของฐานโรงรหัสวิดน้ำก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเพราะความลื่นของตะไคร้ ทำให้ฝ่ามือใหญ่กอดกระชับแผ่นหลังเนียนให้ขยับห่างออกมาก่อนจะโดนคมของหินบาดเอา

“ อ้าว? มันก็ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอเนี่ย?”      เสียงไม่คุ้นเคยที่น่าจะเป็นของทหารดังขึ้นมาจากบนสะพานที่อยู่เหนือหัว

“ สงสัยใครคงลงมาดูก่อนหน้าพวกเรามั้ง?”        ร่างบอบบางได้แต่เงี่ยหูฟังด้วยความลุ้นระทึก ว่าสองคนบนหัวนั่นจะไม่ทันมองเห็นกิโมโนที่พวกเขาถอดกองเอาไว้ที่ริมน้ำ....ต่างจากร่างสูงใหญ่ที่ยังคงซุกไซร้ไปทั่วลำตัวบาง จนมือเล็กต้องบิดไปที่ท่อนแขนแข็งแรงก่อนจะส่งนัยน์ตาเขียวปั๊ดไปให้

“ จะอาบน้ำก่อนไหม?”      คำถามของคนบนหัวทำเอาหัวใจดวงน้อยหล่นวูบ ต่างจากใบหน้าคมที่แค่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“ ไม่ละ หิวจะตายอยู่แล้ว ขึ้นไปกินข้าวกินปลาก่อนเถอะ”      แล้วอีกเสียงที่คัดค้านออกมาก็ทำให้ใบหน้าสวยถึงกับถอนหายใจ

เสียงฝีเท้าค่อยๆก้าวจากไป....และเมื่อความสงบเข้ามาครบงำริมน้ำอีกครั้ง ร่างสูงก็เริ่มภารกิจของตนต่อทันที

อ้อมแขนแข็งแรงดึงร่างบอบบางออกไปจากใต้สะพาน ปล่อยให้แสงจันทร์ฉาบไล้ไปทั่วไหล่นวลเนียน เส้นผมสีเงินที่เปียกชื้นน้อยๆยิ่งทำให้ใบหน้าสวยดูมีสเน่ห์เย้ายวนชวนให้ยิ่งหลงใหล ใบหน้าคมก้มลงไปกดจูบตามผิวใสเรียกเสียงครางออกมาจากร่างบอบบาง

ถึงแม้จะถูกทำด้วยความอ่อนโยนมาหลายครั้ง แต่ความรัญจวนใจที่ไม่เคยรู้จักแบบนี้มันก็ไม่เคยชินได้สักที

ใบหน้าใสแดงระเรื่อ หยดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วใบหน้าจนนึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้ตนกำลังแช่อยู่ในน้ำมิได้อยู่ในกองไฟที่ร้อนระอุ

“ อื้อ....ยามะ...อ่ะ.....”     มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบกระชับอยู่รอบเอวบางเพื่อช่วยพยุงตัว ส่วนอีกข้างยังคงกอบกุมแกนกายของร่างบอบบางแล้วขยับขึ้นลงเพื่อล่อลวงให้เจ้าคนไร้เดียงสาตกบ่วง ร่างสูงใหญ่ยังคงฝังใบหน้าเอาไว้ที่แผ่นอกแบนเรียบ ผิวเนียนนุ่มของโกคุเดระนั้นต่อให้สัมผัสมาแล้วกี่ครั้งก็ไม่มีทางเบื่อ ยิ่งสีของน้ำนมที่แดงระเรื่อขึ้นเพราะมือของเขามันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ เสียงครางน้อยๆดังอยู่ที่ข้างหู ให้ใบหน้าคมลอบยิ้มเจ้าเล่ห์

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปที่บั้นท้ายเล็กก่อนจะยกลำตัวบางขึ้นอีก ความเป็นชายฝืนสอดใส่เข้าไปในช่องทางคับแน่นจนอ้อมแขนของโกคุเดระจำต้องกอดกระชับลำคอของเขาอย่างช่วยไม่ได้

“ อึก....เจ็บ....”       ใบหน้าสวยนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะฝังมันลงมาที่หัวไหล่หนา ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจอย่างพยายามจะปรับร่างกายที่สั่นระริกให้ชินกับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

“ ฮายาโตะ....”     เสียงทุ้มพร่ำกระซิบอยู่ที่ใบหูแดง เพราะมีกระแสน้ำช่วยทำให้การสอดใส่ไม่ได้ยากเย็นนัก ใบหน้าสวยสะบัดเงยขึ้นมองดวงจันทร์นวลผ่องด้วยสติที่เริ่มจะขาวโพลนเมื่อสะโพกมนถูกจับขยับขึ้นลงรับความเป็นชายของอีกฝ่าย ถึงแม้ว่ามันจะอ่อนโยน เชื่องช้าและเต็มไปด้วยความรักขนาดไหน แต่ในที่สุดความรุ่มร้อนเรียกร้องก็ค่อยๆเข้ามาครอบงำเมื่ออารมณ์ต่างพลุ่งพล่านจนถึงขีดสุด

ใบหน้าสวยก้มลงมาหาใบหน้าคมเมื่อบทรักที่หอมหวานเพิ่งจะจบลง ร่างกายต่างยังคงฝังแน่นอยู่ภายใน ลมหายใจยังคงหอบถี่ ความละมุนละไมของบรรยากาศและแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าต่างขยับเข้าหากันก่อนที่จูบแสนหวานจะดำเนินต่อไป....


กว่าจะได้ขึ้นจากน้ำ ร่างบอบบางก็สลบไสลไปในอ้อมแขน  ใบหน้าคมก้มลงมองใบหน้าหลับปุ๋ยด้วยรอยยิ้ม....

ถ้าอุ้มกลับไปทั้งอย่างนี้พวกพี่ๆของโกคุเดระจะไล่ฆ่าเขาไหมเนี่ย?




ร่างบอบบางถูกวางลงอีกทีบนฟูกที่ปูเอาไว้อย่างดีด้วยฝีมือของอดีตแม่ทัพอย่างเขา

ร่างสูงใหญ่นอนตะแคงลงไปข้างๆก่อนจะยกมือขึ้นมาเกลี่ยไล้ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับสนิท....อาจจะนับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่โกคุเดระยอมให้เขาทำด้วยความเต็มใจ มิได้ถูกบีบบังคับ

มันถึงได้เป็นบทรักที่เต็มไปด้วยความหอมหวานจนเหนือกว่าที่เคยจินตนาการไว้ไปหลายเท่า

ริมฝีปากขยับไปกดจูบบนขมับด้วยความรัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียน

เปลวไฟถูกเป่าให้ดับไป ภายในห้องจึงมืดสนิท ร่างสูงใหญ่ขยับมานอนลงข้างๆร่างบอบบาง สองแขนกอดกระชับเอวบางเข้ามาหาตัว ก่อนจะปล่อยให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าจมดิ่งลงไปในนิทราที่แสนสุข


แต่ทว่า.....


ต่อให้อยู่ในสภาวะสงบสุขเพียงใด แต่ชายชาตินักรบอย่างเขาก็ไม่อาจจะหลับลึกลงไปได้....เพราะฉะนั้น....หูมันจึงได้ยิน...ทุกๆเสียงที่เดินอยู่รอบๆห้องของเขา

มือขยับไปจับดาบคู่กายที่วางอยู่ไม่ไกลก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้เย็นชาจะเปิดขึ้นมาในความมืด....

หึ....กับคนที่ทำลายบ้านเมืองจนย่อยยับแบบเขา....คงจะไม่มีทางได้รับการยอบรับง่ายๆ...อย่างนั้นสินะ


เคร้ง!!!!


ดาบสีดำขยับไปรับคมดาบที่ฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่ร่างสูงใหญ่กระโดดออกไปนอกชานเพื่อไม่ให้ร่างบอบบางได้รับลูกหลงไปด้วย ฝ่าเท้ากระโดดลงไปที่สวนด้านหลังก่อนจะตวัดสายตามองหน้ากลุ่มคนที่ล้อมตนเองเอาไว้

ทหารของอิสุงั้นหรอ?

ที่เขาไม่แน่ใจเพราะว่าเขาไม่เคยเห็นหน้า....แต่จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยรู้จักทหารของอิสุอยู่แล้ว....อีกอย่าง....พวกคนที่เขารู้จักดีอย่างคนของบ้านใหญ่ตระกูลโกคุเดระก็ไม่มีอยู่ในวงล้อมนี้ซะด้วย

“ ถึงแม้ว่าพวกนายน้อยจะยอมรับเจ้า  แต่พวกข้าก็ไม่อาจเชื่อใจไอ้คนที่ทำลายบ้านเมืองของเราจนพินาศแบบเจ้าได้!!”        เสียงประกาศกร้าวเอ่ยออกมาจากใบหน้าดุดัน สายตาของทุกคนที่ล้อมรอบเขาเอาไว้นั้นเต็มไปด้วยความแค้นอย่างเห็นได้ชัด

และถ้าเขาไม่จัดการความรู้สึกชิงชังคลางแคลงใจแบบนี้ออกไป กองทหารที่ไม่มีความสามัคคี ไม่มีความเชื่อใจในตัวแม่ทัพ ก็จะไม่อาจเอาชนะใครได้

“ พวกเจ้า!”       คงเป็นเพราะเสียงดังเอะอ่ะ ทำให้พวกพี่ชายของโกคุเดระตื่นขึ้นมาดู และในขณะที่พี่ชายคนโตกำลังจะตะโกนห้ามทหาร....มือของเขาก็ยกขึ้นห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ เข้ามาสิ....ลงดาบกับข้าอย่างที่พวกเจ้าต้องการ....เพียงแต่....ข้าไม่คิดจะยืนนิ่งๆเพื่อแสดงความรับผิดชอบหรอกนะ”      ใบหน้าคมยิ้มร้ายด้วยสายตามืดมน ปลายดาบสีดำยกขึ้นในท่าเตรียมพร้อม

“ เจ้า!!       คนที่ล้อมเขาอยู่คงจะยิ่งโกรธจัด เพราะหลังจากนั้นทุกคนต่างก็รุมกันเข้ามา

เสียงการประดาบดังลั่นไปทั่วป่ายามค่ำคืน ข้ารับใช้และนายหญิงของบ้านต่างก็ตื่นขึ้นมามองดูด้วยสายตากังวล....อาจจะเหลืออยู่แค่คนเดียวแหละที่ยังหลับสนิท

แต่เพราะแบบนั้นมันเลยยิ่งทำให้ร่างสูงสามารถขยับร่างกายได้ตามแต่ใจ เพราะไม่ต้องกลัวว่าโกคุเดระจะมาเห็นด้านชั่วร้ายของตัวเองมากไปกว่าที่เคยเห็น ใบหน้าคมยังคงแสยะยิ้มรับทุกคมดาบ

และในเวลาไม่นานสันดาบก็ฟาดไปตามลำตัวของเหล่าทหารจนลงไปกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าเจ็บใจนั้นเงยมองขึ้นมาอย่างรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้

“ หากข้าจะแสดงความรับผิดชอบต่อพวกเจ้า สิ่งที่ข้าจะทำไม่ใช่การรอรับความตาย....แต่เป็นการชิงเอาอิสุกลับมาให้ได้เท่านั้น”       เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยท่าทางสบายๆ ถึงแม้ว่านัยน์ตาที่เจ็บแค้นจะไม่สามารถทำให้หายไปได้ง่ายๆ แต่การให้ทุกคนพุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวย่อมดีกว่าให้เก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ข้างใน เพราะบ่อเกิดแห่งการทรยศหักหลังมันก็ล้วนมาจากความไม่พอใจเล็กๆพวกนี้ทั้งนั้น

“ หากเจ้าอยากแก้แค้นข้า...เจ้าก็บุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ....ข้าจะไม่หนีและจะต่อสู้กับเจ้าอย่างเต็มกำลังแน่นอน”        ใบหน้าคมเอ่ยออกไปด้วยสายตาเยือกเย็น นั่นไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นคำสัตย์ปฏิญาณที่จะยืนหยัดรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนได้ก่อขึ้น

“ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน กลับไปรักษาตัวของพวกเจ้าให้ดี แล้วจะมาอีกเมื่อไหร่ก็ตามใจ”




จากนั้นอีกหลายต่อหลายคืน.....ที่เสียงประดาบดังขึ้นที่สวนด้านหลัง

ดังขึ้นจนคนอื่นๆในบ้านล้วนชินหูจนไม่มีใครลุกขึ้นมาดูอีก....จะมีก็แต่....

“ ไสหัวไปนอนกันได้แล้ว!!! ข้าจะหลับจะนอนมาสู้กันอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ!”       เจ้าลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระเปิดประตูเลื่อนออกมาตะโกนด่าด้วยใบหน้างอหงิก หัวสีเงินยุ่งเหยิงน้อยๆมีแต่จะทำให้ทหารยอมล่าถอยกลับไปด้วยรอยยิ้มมากว่าจะไม่พอใจ

“ อะไรกันนักกันหนานะ! ข้าไม่เห็นว่าเจ้าพวกนั้นคิดจะฆ่าเจ้าจริงจังสักครั้ง!”    ร่างบอบบางบ่นพรางล้มตัวลงบนฟูก

“ ท่านพี่ก็ไม่คิดจะห้ามปรามกันบ้างเลยหรือไง ให้ข้าต้องตื่นมาด่าทุกวันเนี่ย มันน่าหงุดหงิดนะ!”      มือบางดึงผ้าห่มขึ้นไปจนถึงคอก่อนที่ดวงตาสีมรกตจะปิดลงไปอีกครั้งอย่างง่วงจัด

ร่างสูงใหญ่นั่งลงข้างๆฟูกทอดสายตามองดูคนที่หลับไปอย่างรวดเร็ว....จริงดังที่โกคุเดระว่า....เพราะหลังๆมานี้จิตสังหารมันลดลงจนแทบจะไม่มีเหลือ....ส่วนที่พี่ชายของโกคุเดระไม่คิดจะห้ามก็คงเป็นเพราะรู้เจตนาของเขา อีกทั้งมันยังเป็นการฝึกทหารไปในตัวด้วย

ก็การจะได้สู้กับคนระดับเขา....มันหาโอกาสได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่....




















นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตลืมตาขึ้นมาช้าๆกับห้วงเวลาที่นิ่งสนิท...

ลูกกรงไม้มากมายยังคงล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ ร่างกายค่อยๆขยับลุกขึ้นจากฟูกขาวสะอาดที่ปูอยู่กลางห้อง กิโมโนหลายต่อหลายชั้นถูกสวมทับลงไปบนกิโมโนชั้นใน มือเล็กเกาะไปที่ลูกกรงก่อนจะค่อยๆนั่งลงไปด้วยใบหน้าเหม่อลอย

ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างนิ่งงัน เช่นเดียวกับเวลาที่ไหลผ่านไปเรื่อยๆ....ภาพที่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้สะท้อนกลับมาก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม....วนซ้ำไปซ้ำมา....จนไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ตนยังมีชีวิตอยู่ในโลกแน่หรือเปล่า


มันช่างเป็นการลงโทษที่เลือดเย็นสมเป็น ฮิบาริ เคียวยะ


ขังตัวของเขาเอาไว้ให้อยู่อย่างสุขสบายราวกับนกน้อยในกรงทอง....ขังร่างกายเอาไว้แต่ปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระ....ปลดปล่อยพันธะโดยการไม่มาให้เห็นหน้าอีก

ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา ฮิบาริ เคียวยะ ก็ไม่เคยโผล่มาที่นี่เลย ไม่เคยมีข่าวคราวใดของผู้ชายคนนั้นหลุดออกมาจากปากของทหารยามที่มักจะคุยเรื่องสัพเพเหระกันตลอด ทั้งๆอย่างนั้นทั้งสองคนกลับไม่เคยพูดถึงเจ้าเมืองของตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ราวกับว่าถูกห้ามเอาไว้....



หมดรักกันไปแล้วหรือยังไง....

ไม่รักเขาแล้วใช่ไหม.....

แบบนี้มันเลือดเย็นยิ่งกว่าจับเขาไปทรมานเสียอีก....

ทั้งๆที่ไม่รักแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป....

ทั้งๆที่ไม่ให้หัวใจแต่ก็ยังกักขังร่างกายของเขาเอาไว้.....


สมกับเป็นเจ้าจริงๆ ฮิบาริ เคียวยะ


นัยน์ตาที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำเหลือบมองที่มือของตัวเอง ร่างกายทิ้งไปพิงเอาไว้กับลูกกรงไม้อย่างทอดอาลัย....คงไม่ใช่เขาที่คิดไปเอง....ในเมื่อมันผ่านมานานมากแล้ว

นาน...จนบนร่างกายไม่มีรอยแผลใดๆเหลืออยู่อีก

นาน....จนคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากอีกฝ่ายเอือมระอาจนอยากจะเลิกลาจากกันไป

ใบหน้าน่ารักได้แต่ยิ้มสมเพชตัวเอง....จะไปโทษฮิบาริ เคียวยะได้ยังไง

ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทรยศต่อหัวใจอีกฝ่ายเอาไว้ขนาดนี้ ก็สมควรแล้วละ ถ้าจะถูกทิ้งขึ้นมาจริงๆ


















มือใหญ่รับผ้าสะอาดจากมือบางขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตา หยาดเหงื่อยังคงไหลลงไปตามกล้ามหน้าท้อง ร่างสูงใหญ่ของยามาโมโตะสวมเพียงฮากามะโดยที่ท่อนบนของร่างกายนั้นเปลือยเปล่า เพราะพวกเขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการฝึกซ้อมดาบประจำวัน

“ ข้าเช็ดให้ไหมโกคุเดระ?”       ใบหน้าคมหันไปหยอกเย้าร่างบอบบางที่ยังคงยืนปรับลมหายใจหอบถี่ให้เข้าที่ ใบหน้าสวยที่หน้าบูดนิดๆเป็นกิจวัตรหันมาแยกเขี้ยวใส่

“ ข้าไม่ได้เป็นง่อยนะ! แค่เช็ดหน้าข้าทำเองได้!”       มือบางดึงผ้าในมือใหญ่ไปซับหน้าต่อ ร่างบอบบางนั้นถูกเขาบังคับให้ใส่ฮากามะและกิโมโนตัวบนจนครบ....เพราะฉะนั้นโกคุเดระจึงเป็นคนเดียวในลานฝึกซ้อมที่ไม่ได้เปลือยท่อนบน

เสียงดาบไม้ปะทะกันยังคงดังต่อเนื่อง เพราะหลายๆคนเพิ่งจะได้ลงมือซ้อมจริงๆจังๆก็หลังจากที่เขากับโกคุเดระซ้อมกันเสร็จแล้ว....ไม่ใช่ว่าเพื่อหลีกทางให้พวกเขาซ้อมก่อนหรอก เพราะลานซ้อมกว้างใหญ่นี้ก็คือพื้นดินกับผืนป่า ไม่ได้มีขอบเขตใดๆ แต่ที่ทหารส่วนใหญ่ยังไม่ลงมือซ้อมกันนั่นก็เป็นเพราะต่างก็เฝ้าจับตาดูเขากับโกคุเดระอยู่ต่างหาก

เขายังจำใบหน้าตกตะลึงของพวกพี่ๆของโกคุเดระกับเหล่าทหารอิสุที่ได้เห็นพวกเขาซ้อมด้วยกันครั้งแรกได้เป็นอย่างดี

อย่างแรกคือพวกนั้นไม่เคยรู้เลย....ว่าน้องชายคนเล็กของบ้านจะเก่งกาจขนาดนั้น....ไม่เคยรู้เลยว่า โกคุเดระ ฮายาโตะ มีฝีมือดาบที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเขา

เป็นเพราะตอนยังอยู่ในอิสุ พวกเขาสองคนถูกจับให้แยกซ้อมจากคนอื่นๆ จึงไม่เคยมีใครได้เห็น....ว่าฝีมือที่แท้จริงของพวกเขานั้นอันตรายเข้าขั้นไหน


“ ข้าจะให้ช่างธนูทำธนูให้พวกเจ้าสองคน บ่ายนี้เขาจะมาวัดช่วงแขนของพวกเจ้า”       พี่ชายคนโตเดินเข้ามาบอกด้วยใบหน้าที่ยังคงเย็นชาใส่ร่างสูงใหญ่เหมือนเดิม แต่ยามาโมโตะเองก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่างที่บอกแหละ....ว่าเขาไม่เคยญาติดีกับพี่ชายคนไหนของโกคุเดระได้ ขนาดสึนะเองก็ยังไม่ละเว้น

“ แล้วธนูของข้าล่ะ? เจ้าไม่ได้เอามาจากบ้านใหญ่ให้ข้าหรอท่านพี่?!”       แต่กับเจ้าน้องเล็ก...พี่ชายคนโตกลับยิ้มอ่อนโยนให้ไม่ว่าจะถูกพูดจาเอาแต่ใจแค่ไหนใส่

“ ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะต้องเปลี่ยนธนูแล้วนะ ฮายาโตะ....ถึงแม้จะเห็นไม่ค่อยชัด แต่ข้าก็คิดว่าเจ้าน่าจะโตขึ้นนิดหน่อย”       คำพูดหยอกเย้าทำเอาใบหน้าสวยบูดสนิท

“ นิดหน่อยของเจ้านี่มันหมายความว่าไงห๊ะ?! ข้าโตขึ้นตั้งเยอะนะ!”       เสียงใสเถียงออกมาทันที บรรยากาศการเย้าแหย่ตรงหน้าพาให้คิดถึงวันคืนเก่าๆที่เคยอยู่ด้วยกัน ถึงจะเป็นที่รัก แต่เจ้าน้องเล็กก็มักจะโดนพี่ๆแกล้งเล่นด้วยความเอ็นดูอยู่เสมอ

“ เจ้ายอมให้ข้าใช้ธนูได้แล้วหรอ?”      ร่างสูงใหญ่เอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก....เขาเองก็ยังเลิกยั่วโมโหพวกพี่ชายของโกคุเดระไม่ได้สักทีเหมือนกัน

“ ฮึ....เจ้าเสี้ยมสอนน้องชายข้าจนเพลงดาบไม่มีใครเทียบได้แบบนั้น...ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสอนมันให้ฟรีๆหรอกนะ....คนชั่วช้าอย่างเจ้าคงจะบังคับให้น้องชายข้าสอนวิชาธนูของตระกูลเราให้ด้วยล่ะสิ....ในเมื่อก็ใช้เป็นแล้วนี่....ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหวงห้ามอะไรเจ้าอีก”       ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มร้ายรับคำพูดคำจาที่ไม่ได้น่าฟังจากพี่ชายคนโต ระหว่างพวกเขาสองคนก็ยังคงๆไม่ลงรอยกันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือความเชื่อใจที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนั่นเอง

อีกอย่าง พี่ชายคนโตก็เคยเห็นฝีมือธนูของยามาโมโตะในสนามรบมาแล้ว....การจะคำนวณวิถีธนูของอิสุได้ขนาดนั้น หากใช้ธนูของตระกูลโกคุเดระไม่เป็นก็จะไม่มีทางทำได้

“ นี่....เจ้าเคยวางแผนการรบเอาไว้บ้างหรือเปล่า?....เคยคิดไว้บ้างหรือยังว่าเจ้าจะทวงอิสุคืนมาจากพี่ชายข้ายังไง?”      หลังจากการจิกกัดกันจนหอมปากหอมคอ ร่างสูงใหญ่ก็เอ่ยถามเรื่องเป็นการเป็นงานกับพี่ชายคนโตเสียที

“ ไม่มีหรอก....เจ้าก็เห็นอยู่ว่ากำลังพลของพวกเรามีอยู่แค่พันกว่านาย....จะไปสู้กองทัพคามาคุระที่มีคนหลายหมื่นได้ยังไง...ข้าจึงยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ได้แต่ซ่องสุมกำลังพลรอโอกาสไปก่อน”       พี่ชายคนโตหันหน้าไปเหม่อมองเหล่าทหารที่กำลังฝึกซ้อมก่อนจะเอ่ยความจริงที่แสนปวดใจออกมา

“ บอกตามตรงว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสชนะได้เลย....เพราะคามาคุระมีทั้งฮิบาริ เคียวยะ....มีทั้งตัวอันตรายอย่างเจ้าอยู่....ข้าคิดว่าขืนบุกเข้าไปก็มีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น”

“ ฮึ.....แต่ข้าว่า.....อิสุต่างหาก....ที่มีอาวุธที่อันตรายมากอยู่”        คำพูดที่ออกไปจากใบหน้าคมทำให้พี่ชายคนโตกันมามองอย่างสงสัย

“ เจ้าหมายความว่ายังไง?”

“ ทำตามแผนที่ข้าบอก....แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของอิสุคืออะไร.....มันควบคุมข้าได้เจ้าก็เห็น...แล้วเจ้าคิดว่ามันจะควบคุมพี่ชายของข้าไม่ได้เลยงั้นหรือ?”        ใบหน้าของพี่ชายคนโตเหม่อมองอากาศที่ว่างเปล่าพรางคิดตาม....รู้อยู่ว่าสิ่งที่ควบคุมยามาโมโตะ ทาเคชิได้คืออะไร.....แต่กับฮิบาริ เคียวยะที่โหดเหี้ยมคนนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าจะมีสิ่งใดที่สั่นคลอนหัวใจราวกับน้ำแข็งดวงนั้นได้

มันจะใช่หรือ.....ชื่อของน้องชายคนหนึ่งซึ่งลอยก้องอยู่ในหัวคนนั้น....





ห้องโถงของบ้านไม้ซึ่งกว้างใหญ่พอที่จะจุคนได้เป็นร้อย บัดนี้ทุกพื้นที่ต่างเต็มไปด้วยเหล่าทหารซึ่งนั่งอย่างเป็นระเบียบ

ความจริงแล้วแผนการรบควรจะประชุมลับเฉพาะหัวหน้า

แต่ทว่ากองทัพของอิสุในตอนนี้ยังเล็กเกินไป...เพราะฉะนั้นความเชื่อใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ

และการที่จะทำให้ทหารรู้สึกว่าถูกให้ความสำคัญ ถูกเชื่อมั่น นั่นก็คือการให้เข้ามาร่วมรับรู้ทุกขั้นตอน....

ลูกหลานตระกูลโกคุเดระซึ่งเป็นผู้นำของอิสุต่างนั่งเรียงกันอยู่ด้านหน้า และตอนนี้คนที่กำลังเอ่ยแผนการออกมาก็คือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ

“ ก่อนอื่น....เราต้องยึดฐานที่มั่นของเราคืนมาให้ได้ก่อน...จะต้องเอาอิสุกลับคืนมาอยู่ในมือพวกเจ้าก่อน.....ตอนนี้ทหารคามาคุระกำลังฟื้นฟูอิสุและสร้างท่าเรือเพื่อทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจของคามาคุระ....เราจะไม่ทำลายมัน...แต่จะบุกเข้าไปแบบกองโจรเล่นงานเฉพาะทหารของคามาคุระที่ไม่มีวันรู้พื้นที่ดีกว่าพวกเจ้า....”      ไม่รู้ว่าทำไมแต่เสียงทุ้มที่ออกมาจากใบหน้าคมล้วนทำให้อยากจะเชื่อใจทั้งๆที่ร่างสูงใหญ่นั่นคือคนที่ทำลายอิสุลงด้วยมือ

และเพราะว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ สามารถทำลายอิสุได้อย่างง่ายดาย....พวกเขาจึงต้องยอมรับ....ว่าคนคนนี้รู้เรื่องของอิสุเป็นอย่างดี

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่อิสุที่ยามาโมโตะรู้ดี.....แต่จะมีเรื่องอะไรของคามาคุระที่ยามาโมโตะจะไม่รู้บ้าง....ในเมื่อนั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนของร่างสูงใหญ่เอง


“ ทหารคามาคุระที่อยู่ที่นี่มีฝีมือก็จริง.....แต่ก็ใช่ว่าพวกเจ้าจะเอาชนะไม่ได้”       ภายในห้องโถงล้วนเงียบเชียบเพราะทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังเสียงที่ออกมาจากใบหน้าคมนั่น

“ แต่จงจำเอาไว้ว่าศึกในครั้งนี้พวกเจ้าต้องทำกันเอง....จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าข้ากับโกคุเดระอยู่ที่นี่กับพวกเจ้า....เพราะความลับข้อนี้คือหัวใจสำคัญของแผนต่อไป...”

“ แต่ข้าจะคอยบอกพวกเจ้าให้...ว่าจะต้องไปเล่นงานตรงส่วนไหนก่อน ตรงส่วนไหนทีหลัง....หากเจ้าฟังที่ข้าบอก รับรองว่าทหารคามาคุระจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”

“ ทหารคามาคุระไม่ได้เหนือกว่าเจ้า ไม่ได้เก่งกว่าเจ้า แต่ที่พวกเขาชนะเป็นเพราะว่ามีข้าอยู่เท่านั้นเอง”       ใบหน้าคมยิ้มที่มุมปากด้วยสายตามืดมนเมื่อพูดจบ

ขนทั่วร่างของพี่น้องตระกูลโกคุเดระถึงกับลุกชัน....ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้นำคามาคุระชนะอิสุได้.....เพราะแค่ได้ฟังสิ่งที่ยามาโมโตะ ทาเคชิพูด....ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ชนะไปกว่าครึ่ง

หากเมื่อปีก่อนพวกเขาไม่มีทิฐิกับชายผู้นี้แล้วละก็....อิสุคงไม่ต้องพบกับความล่มสลายอย่างที่เป็นอยู่แน่นอน

หากท่านพ่อผู้ล่วงลับ ยอมยกน้องชายคนเล็กให้แล้วใช้งานผู้ชายคนนี้ อิสุคงไม่ต้องไปสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าคามาคุระแน่









แผนการค่อยๆถูกดำเนินไปด้วยความใจเย็น....ทั้งเส้นทางที่ถูกตัดขาด ทั้งแหล่งเสบียงและอาวุธที่ถูกขโมยมาทีละน้อย ไม่ได้ทำให้ทหารคามาคุระที่ยังปักหลักอยู่ในอิสุรู้ตัวเลย

แผนที่ถูกกางเอาไว้บนโต๊ะ มันมีทั้งเส้นทางลับและลำดับขั้นตอนว่าต้องไปจัดการเก็บกวาดตรงไหนก่อน ตรงไหนหลัง


เริ่มจากบ้านพักทหารชั้นสูงที่ถูกปล้นสะดมพร้อมฆ่าทิ้งยกบ้าน....ทหารของคามาคุระก็เพียงแค่พุ่งเป้าไปที่โจรซึ่งคงเป็นแค่ชาวบ้านอดอยาก....ไม่ได้มีใครรู้ตัวเลยว่าแท้จริงแล้ว...บรรดาผู้นำของตระกูลโกคุเดระนั้นยังมีชีวิตอยู่

เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในเมืองอิสุไม่เว้นแต่ละวัน  นายทหารคนสำคัญของคามาคุระถูกลอบฆ่าไปทีละคนสองคนอย่างแนบเนียน ซึ่งทุกครั้งมองเบื้องหน้าก็คงจะเห็นว่าเป็นแค่การปล้น ไม่ก็การทะเลาะเบาะแว้งธรรมดาๆ

ไม่มีใครรู้ตัว ไม่มีใครเอะใจเลย....ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมดมันคือฝีมือของคนที่พวกตนคิดว่าตายไปแล้ว




จนกระทั่ง.....




วันหนึ่งซึ่งทุกอย่างก็ดูปกติดีแต่แล้วจู่ๆ ทหารของอิสุก็ลุกหือขึ้นมาราวกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!


เปลวไฟจากปลายธนูล้อมอยู่โดยรอบอาคารว่าการชั่วคราวของคามาคุระ และเสียงฝูงม้าที่ไม่รู้ว่ามาจากทางไหนก็ทำให้คนที่กำลังทำงานอยู่ข้างในถึงกับมือไม้สั่นเมื่อเห็นธงชัยที่ปักอยู่ไม่ไกล

“ พวกอิสุ!!! ทหารอิสุ!!!”      เสียงตีฆ้องร้องป่าวประกาศรวมพลลั่น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันการเมื่อห่าธนูพุ่งเข้าไปแบบไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอ

เสียงตระหนกตกใจยังคงดังมาจากสถานที่สำคัญที่ทหารคามาคุระสร้างเอาไว้ในอิสุ....ดังขึ้นมาพร้อมๆกัน

“ บุกเข้าไป!! ขับไล่พวกคามาคุระออกไปให้หมด!!”       เสียงดังก้องกังวานจากหลังม้าสีดำทำให้แตรสงครามดังขึ้น และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งควันไฟทั้งเสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน

“ พวกอิสุมาได้ยังไง?!! รีบส่งม้าเร็วไปแจ้งท่านเจ้าเมืองเร็ว!!”     ทหารคามาคุระต่างตะโกนโหวกเหวกอย่างตื่นตระหนก และไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทหารของอิสุอยู่ทั่วไปหมด

ชาวบ้านที่เคยจับจอบจับเสียมก็เปลี่ยนมาถือดาบแล้วพุ่งเข้าใส่ทหารของคามาคุระที่แตกกระเจิง จะหันหน้าไปพึ่งพาผู้นำก็ทำไม่ได้....ในเมื่อตอนนี้ทหารชั้นผู้ใหญ่ที่จะสั่งการได้ถูกฆ่าตายไปจนหมด

เหตุการณ์มันเหมือนจะไม่มีอะไรแต่มันก็ผ่านไปไวจนทางคามาคุระเองก็ยังส่งคนมาไม่ทัน ตอนนี้พวกนั้นจึงเพิ่งรู้ตัว....ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นมันถูกจัดฉากขึ้นมาโดยฝีมือของทหารอิสุที่เหลือรอดอยู่ทั้งหมด

“ นั่นมันพวกคนของตระกูลโกคุเดระไม่ใหรอ? ทำไมยังมีชีวิต?!! อ๊ากกกก!!”     ถึงจะสงสัยไปก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อลูกธนูพุ่งจากคนที่ตนสงสัยมาปักยังกลางหัวใจจนร่างทั้งร่างล้มลงไปไม่หายใจอีก

“ ต้องบอกท่านเคียวยะ รีบพาม้าเร็วออกไป!!”       เสียงตะโกนขาดๆหายๆดังมาได้แค่นั้น

เสียงปะทะที่เคยกระจายตัวกลับค่อยๆไปรวมอยู่เพียงไม่กี่จุด ซึ่งทหารของคามาคุระนั้นแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตนถูกไล่ต้อนไปอยู่รวมกันตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

และเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการ ปลายธนูนับร้อยก็พุ่งไปยังอาคารสำคัญของคามาคุระ เปลวไฟที่ปลายธนูเผาผลาญทุกอย่างจนวอดวาย เช่นเดียวกับทหารของคามาคุระที่อยู่กับความสงบจนเคยชินและไม่ได้ตั้งตัวว่าจะต้องทำศึกต่างโดนฆ่าตายหรือไม่ก็หนีหายกระเจิดกระเจิง

ควันไฟลอยกรุ่นอยู่ทั่วน่านฟ้าของอิสุอีกครั้ง ทั้งเสียงม้าที่วิ่งกันแตกตื่น ทั้งเสียงโกลาหลของคนที่กำลังหนีตาย ความวุ่นวายเกิดขึ้นจนทั่วไปหมด

แต่ทว่าคนที่ถูกเล่นงานล้วนเป็นทหารของคามาคุระทั้งสิ้น 

ชาวอิสุต่างรู้กันดีและลูกเด็กเล็กแดงต่างถูกอพยพออกไปนานแล้ว

ทำให้การปิดล้อมเมืองเพื่อฆ่าทหารคามาคุระและยึดเอาอิสุกลับคืนมา....สำเร็จลงได้ในไม่กี่อึดใจ



ในที่สุดแผ่นดินของอิสุก็กลับคืนสู่มือของตระกูลโกคุเดระอีกครั้ง!















เสียงข้าวของแตกกระจายดังลั่นคฤหาสน์คามาคุระ เท่านั้นยังไม่พอ เสียงร้องขอชีวิตที่ดังโหยหวนตามมาก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มกลุ่มเมฆสีดำที่ปกคลุมบ้านหลังนี้ให้อึมครึมหนักกว่าเดิม

ทหารที่หนีตายกลับมาจากอิสุถูกลากออกไปประหารตามคำสั่งอำมหิตของ ฮิบาริ เคียวยะ ที่ไม่มีใครคัดค้านได้ ไม่มีใครเอาอยู่

ตั้งแต่วันที่นายหญิงของคฤหาสน์คามาคุระถูกจับไปขังเอาไว้ บ้านหลังนี้ก็ดูไร้ซึ่งอนาคต....ไม่มีแสงสว่างใดๆ ไม่มีความสดใส ไม่มีความอ่อนโยนที่จะช่วยปลอบประโลมจิตใจที่หวาดผวาของคนในบ้านได้อีก

รวมทั้งผู้ปกครองของบ้านเองก็ดูจะอารมณ์ร้ายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว คำว่าหัวจิตหัวใจดูเหมือนจะไม่มีอยู่ในร่างกายของฮิบาริ เคียวยะอีกต่อไปแล้ว

ข้ารับใช้ต่างหลบอยู่ตามซอกหลืบเพื่อมองดูเหล่าทหารที่น่าสงสารถูกลากออกไปจนหมด ตอนนี้ต่อให้ในห้องว่าการนั่นจะดังสนั่นขนาดไหนก็ไม่มีใครกล้ายื่นหน้าเข้าไปดูแม้แต่คนเดียว

ร่างกายที่สั่นงันงกของพวกเธอได้แต่เฝ้าภาวนาว่าผู้เป็นนายหญิงจะกลับมาโดยไว เพราะหากปล่อยเอาไว้แบบนี้ สักวันคฤหาสน์คามาคุระคงจะกลับมาถูกปกครองด้วยความกลัวอีกครั้งเป็นแน่


ทอนฟาถูกกำแน่นอยู่ในมือใหญ่ ร่างแข็งแกร่งหอบน้อยๆเมื่อร่างกายหยุดลงจากการอาละวาด ข้าวของพังพินาศอยู่รอบๆตัวจนไม่เหลือชิ้นดี สันกรามของใบหน้าคมกัดฟันกรอดอย่างโมโหสุดขีด

ทำไมพวกลูกชายของตระกูลโกคุเดระถึงยังไม่ตาย....และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเขาไม่ระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว....ไม่ระแคะระคายจนปล่อยให้มันมายึดเอาอิสุคืนไปได้ต่อหน้าต่อตา!!

ทอนฟาถูกเก็บเข้าที่พร้อมกับใบหน้าคมที่พยายามระงับอารมณ์ นัยน์ตาสีดำดุดันนั้นเต็มไปด้วยความโมโห

ไม่อยากจะสงสัยหรอกนะว่ามันจะเป็นฝีมือของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่ปล่อยให้พวกนั้นรอดตายมาได้แบบนี้...แต่มันก็คิดเป็นอื่นไปไม่ได้อีกในเมื่อผู้เป็นน้องชายมีฝีมือดาบที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคามาคุระ....ไม่มีทางที่ใครจะรอดจากคมดาบสังหารของเจ้านั่นไปได้....ถ้ามันไม่ได้จงใจปล่อยให้รอดเอง!

เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่รู้....ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิมีความเกี่ยวข้องกับการทวงอิสุคืนของพวกตระกูลโกคุเดระหรือเปล่า....เพราะตั้งแต่เจ้านั่นหนีไปได้ เขาก็ไม่ได้ข่าวของสองคนนั้นอีกเลย

“ ทะ ท่านเคียวยะ....จากนี้จะเอาอย่างไรดีขอรับ....”        นายทหารระดับสูงเอ่ยถามมาจากที่หน้าประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ

นัยน์ตาสีดำคู่คมมองออกไปยังนอกชานอย่างใช้ความคิดก่อนจะตอบออกไปว่า

“ รอดูท่าทีของพวกมันไปก่อน....จะรีบร้อนบุกเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย”       แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องการจะรอดูให้แน่ใจไม่ใช่พวกพี่น้องของตระกูลโกคุเดระว่าพวกมันจะทำอะไรต่อหลังจากที่ยึดเอาอิสุคืนไปได้แล้ว

แต่ที่เขาอยากจะรู้คือ....คนของเขาเองต่างหาก

เจ้าตัวอันตรายอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิ....มันอยู่ที่ไหนกันแน่?!!















เสียงฝูงม้านับสิบใกล้เข้ามายังรังลับของตระกูลโกคุเดระ ก่อนที่เสียงฝ่าเท้าจะเหยียบย่ำใบไม้แห้งก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าประตูบ้านด้วยความเร่งรีบ

ประตูไม้เก่าๆถูกเลื่อนเปิดออกก่อนที่คนซึ่งนั่งอยู่ด้านในจะเห็นใบหน้าโทรมไปด้วยเหงื่อของลูกชายคนโตแห่งตระกูลโกคุเดระ  และร่างสูงใหญ่ก็ทรุดลงไปคุกเข้าลงที่หน้าประตูทันทีที่ผู้เป็นมารดาเดินเข้าไปใกล้

“ ท่านแม่....ข้าเอาอิสุกลับคืนมาให้ท่านได้แล้ว!”       น้ำเสียงแห่งความตื้นตันใจที่เอ่ยออกไปสั่นไหวไม่แพ้ใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่ดวงตาสั่นพร่าเลยสักนิด

เพราะถึงแม้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะสวยงามเสมอไป....มีหลายต่อหลายครั้งที่คนซึ่งอยู่ข้างหลังต้องลุ้นต้องเป็นห่วง....ว่าแนวหน้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาคนที่รอคอยอยู่ในบ้านหลังนี้ก็มีหลายครั้งที่นอนแทบจะไม่หลับ

“ ลุกขึ้นเถอะจ้ะ  เข้ามาข้างในก่อน”       มือเรียวจับลงไปที่ไหล่ของลูกชายก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้น

“ แล้วน้องๆของเจ้าล่ะ?”      ร่างของทั้งสองเดินเข้าไปในตัวบ้าน จึงได้เห็นยามาโมโตะกับน้องชายคนเล็กนั่งรออยู่ด้านใน

“ ข้าสั่งให้พวกนั้นคอยอยู่ดูทหารเก็บกวาดในเมืองให้เรียบร้อย....กว่าข้าจะปลีกตัวมาได้ก็ข้ามไปหลายวัน ข้าอยากจะแน่ใจที่สุดว่าเราทำสำเร็จแล้วจริงๆถึงจะมาบอกท่าน...ขอโทษที่ทำให้ลำบากและเป็นห่วงมานานนะท่านแม่”       ใบหน้าสวยส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะยกชามาให้

ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนโตนั่งเผชิญหน้าอยู่กับคนที่บงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังตัวจริง ถึงแม้จะไม่มีคำขอบคุณหรือรอยยิ้มส่งมาให้ แต่สายตากลับสื่อทุกอย่างออกมาทั้งหมด

“ แล้วแผนต่อไป เจ้าจะเอายังไง?”        พี่ชายคนโตเอ่ยถามยามาโมโตะ ทาเคชิ ทั้งๆที่ยังไม่ทันจะได้พักหายใจหายคอ

ใบหน้าคมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชายคนโตไปว่า.....

“ ปล่อยข่าวออกไป....ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิ กับ โกคุเดระ ฮายาโตะ ถูกพวกอิสุจับตัวมาได้.....และกำลังจะถูกประหารในข้อหาที่เป็นทั้งต้นเหตุและเป็นคนทำลายอิสุ”

“ กระจายข่าวให้ได้มากที่สุด และยิ่งล่ำลือไปในแง่ร้ายเท่าไหร่ยิ่งดี!









ข่าวที่สร้างขึ้นมานั้นแพร่กระจายไปยังทุกหัวระแหงอย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงแค่ในอิสุกับคามาคุระเท่านั้น แต่แว่นแคว้นโดยรอบต่างก็สนใจในข่าวนี้

แค่เรื่องที่ผู้นำตระกูลโกคุเดระยังมีชีวิตอยู่และนำพากองทัพใต้ดินเล็กๆนั่นเอาชนะกองทัพของคามาคุระที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าแล้วยึดเอาอิสุคืนไปได้....แค่ข่าวนั้นก็ทำเอาทั่วบ้านทั่วเมืองแตกตื่นกันไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว

และในขณะที่เมืองอื่นๆต่างก็จับตาดูอิสุที่คิดว่าไม่มีพิษภัยกลับร้ายกาจขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืนอยู่นั้น  แล้วจู่ๆก็มีข่าวว่าคนพวกนั้นยังสามารถจับตัวยามาโมโตะ ทาเคชิ แม่ทัพผู้เก่งกาจถึงขนาดทำลายอิสุลงด้วยมือของตน กับโกคุเดระ ฮายาโตะ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาได้อีก ก็ยิ่งทำให้ใครต่อใครสนใจและข่าวลือก็แพร่สะพัดไปไกลอย่างรวดเร็ว


แพร่ไปไกล......ไม่เว้นแม้แต่ที่คุกชั้นสูงของตระกูลฮิบาริ


ร่างเล็กบางยังคงนั่งเหม่อลอยเหมือนทุกวัน  นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ยังคงมองไปบนฟากฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ทั้งๆที่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีคุณค่าใดๆเหลืออยู่อีก แต่พอเสียงพูดคุยกันของทหารยามสองคนลอยเข้ามาในหู ใบหน้าเล็กก็หันไปหาโดยอัตโนมัติ

ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องของฮิบาริ เคียวยะ แต่ทว่ามันก็เป็นเรื่องของคนที่เขายอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อช่วยให้รอดปลอดภัย

“ ฮื้อ....ข้าว่าเป็นข่าวลือมากกว่าละมั้ง...อย่างท่านทาเคชิน่ะนะ จะถูกจับตัวไปได้ง่ายๆขนาดนั้น”        เรื่องที่ได้ยินมีแต่จะทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบิกกว้าง จากดวงตาราวกับคนที่ไร้วิญญาณค่อยๆแปลเปลี่ยนมาเป็นดวงตาที่มีประกายอีกครั้ง....ถึงแม้ว่าประกายที่เปล่งออกมานั้นมันจะมีแต่ความกังวลก็ตาม

“ ข่าวลือบ้านเจ้าสิ! มีคนเห็นมากับตาว่าท่านทาเคชิกับสินสงครามถูกจับขึ้นรถม้าไปจริงๆ อีกอย่าง....ถ้าเป็นคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนข้าก็คงไม่เชื่อหรอก แต่นี่คนที่จับตัวสองคนนั้นได้เป็นถึงคนของตระกูลโกคุเดระที่รอดตายมาได้ มิหนำซ้ำยังบุกยึดอิสุคืนมาจากทหารคามาคุระได้ภายในวันเดียวด้วยนะ ถ้าร้ายกาจขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อใช่ไหมละว่าจะจับท่านทาเคชิได้จริงๆน่ะ”      ทหารยามสองคนยังคงคุยกันอย่างออกรส โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบฟังอยู่....สองมือเล็กกำซี่ลูกกรงไม้จนแน่น

เมื่อวันก่อนเขายังตกใจกับข่าวการมีชีวิตอยู่ของบรรดาพี่ชายไม่หาย ทั้งๆที่น่าจะตายไปแล้วแต่กลับยังรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ตอนที่ได้ยินจากทหารยามทั้งคู่เขาก็แทบจะไม่เชื่อหู แต่สิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าพวกพี่ๆยังมีชีวิตอยู่ก็คือการที่พวกนั้นบุกยึดเอาอิสุคืนมาได้

ป่านนี้ ฮิบาริ เคียวยะ คงกำลังโกรธจัด อีกทั้งจะส่งน้องชายไปจัดการเหมือนทุกครั้งที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในอิสุก็ทำไม่ได้แล้วด้วย  เพราะไม่ใช่แค่น้องชายจะหนีหายไป แต่ยังมาถูกจับตัวได้แบบนี้

ตามความคิดของเขา....ยามาโมโตะ ทาเคชิ คงจะไม่รอดแน่....พวกพี่ชายคงจะแค้นจนแทบจะฉีกร่างของยามาโมโตะเป็นชิ้นๆกับเรื่องที่หมอนั่นทำเอาไว้กับอิสุและฮายาโตะ

แต่ทว่า....มันก็ยังมีเรื่องเกินคาดที่ทำเอาใบหน้าเล็กถึงกับชาวาบเมื่อได้ยินสิ่งที่ทหารยามพูดตามมา

“ เค้าว่ากันว่าจะประหารทั้งคู่เลยนะ....ทั้งท่านทาเคชิและสินสงคราม”        ราวกับมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจ...มันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อพวกพี่ๆนั้นทั้งรักทั้งหวงฮายาโตะยิ่งกว่าอะไร

“ เห็นเค้าว่ากันว่า สินสงครามพยายามจะช่วยท่านทาเคชิให้หนีไปอีก พวกพี่ชายก็เลยไม่พอใจ เพราะตอนไปตามจับกลับมาดูเหมือนจะมีพี่ชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยนะ!”     ร่างที่เกาะลูกกรงอยู่แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น....ในใจรู้สึกสงสารในโชคชะตาของทั้งคู่จับใจ ทั้งๆที่อุตส่าหนีไปจากเงื้อมมือของฮิบาริ เคียวยะ ได้ แต่กลับหนีไม่รอดไปจากมือของพี่ชายในอิสุ

บางทีพวกนั้นอาจจะไม่รู้....ว่าพวกพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ เลยหนีเข้าไปใกล้อิสุจนโดนจับตัวได้ในที่สุด

มือเล็กกำลูกกรงแน่นอย่างเจ็บใจ....ทั้งๆที่เขาต้องกลายมาเป็นแบบนี้เพราะช่วยสองคนนั้นให้รอด...แล้วจะให้มาฟังข่าวสองคนนั้นถูกประหารจากในคุกแบบนี้อีกน่ะหรอ

ไม่เอาด้วยหรอกนะ....

สองมือละจากลูกกรงมายันพื้นเอาไว้ ใบหน้าเล็กก้มลงไปอย่างพยายามกักเก็บความคับแค้นใจเอาไว้....

ยังไงก็จะต้องช่วยให้ถึงที่สุด....

หากชีวิตของเขามันไม่มีค่าในสายตาของฮิบาริ เคียวยะอีกต่อไปแล้ว....เขาก็ยินดีที่จะทิ้งมันไปเพื่อช่วยให้ยามาโมโตะกับฮายาโตะรอดได้อีกครั้ง


นัยน์ตาที่เคยอ่อนแสงจนแทบจะไร้แววกลับมาแข็งกร้าวด้วยความมุ่งมั่น

ไม่ใช่ว่าเขาจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้

แต่ที่ยังยอมถูกขังมาตลอดนั่นก็เพราะยังแอบหวัง....ว่าคนคนนั้นจะยังรักเขาอยู่ จะยังมาหาเขาบ้าง

เขารอ....รอมาตลอด....วันที่ฮิบาริ เคียวยะ จะเดินกลับมาหา....

แต่ทว่าในเมื่อเป็นแบบนี้....


“ นี่....ข้ารู้สึก...ปวดหัวมาก อึก...พะ พวกเจ้า...ช่วยตามหมอมาให้ข้าที.....”       ร่างเล็กบางทรุดลงไปกับพื้น ทั้งกิโมโนที่ยาวรุ่มร่ามทั้งลูกกรงที่ขวางกั้นอยู่ทำให้ทหารยามไม่รู้เลยว่าสีหน้าที่แท้จริงของนายหญิงของพวกตนนั้นเป็นเช่นไร แต่แค่ดูท่าว่าจะอาการไม่ดี ทั้งสองคนก็ตาลีตาเหลือกวิ่งไปตามหมอกันให้จ้าละหวั่น

มือเล็กกำเชิงเทียนที่ซุกซ่อนอยู่ในแขนกิโมโนแน่น....

และเมื่อเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ รวมทั้งประตูถูกไขเปิดออก....


ผลั๊วะ!!!!


ก้านเชิงเทียนก็ฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของทหารยามทั้งคู่และคุณหมอที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาดู....ร่างทั้งสามสลบกองอยู่ที่พื้นเสื่อทาทามิในห้องทันที

นัยน์ตากลมโตได้แต่มองทั้งสามคนด้วยสายตาขอโทษ

มือเล็กหยิบดาบออกมาจากเอวของทหารคนหนึ่งแล้วรีบวิ่งหนีออกไปโดยไม่ลืมหันมาลงกุญแจที่ห้องขัง  ถ้าพวกนั้นตื่นขึ้นมาอย่างน้อยก็จะได้ออกไปบอกใครไม่ได้จนกว่าคนนอกจะมาเจอเข้า เพื่อให้เขาหนีไปได้ไกลกว่าเดิมอีกนิดก็ยังดี

ม้าสีน้ำตาลถูกก้าวขึ้นคร่อม พร้อมทะยานออกไปในทันที ถึงจะไม่รู้ว่าตนนั้นถูกขังอยู่ที่ส่วนไหนของคามาคุระ แต่ทว่าอิสุนั้นอยู่ทางใต้....แค่มุ่งหน้าลงไปทางใต้ก็พอ








และข่าวลือก็ไม่ได้ไปถึงแค่คุกชั้นสูงของคามาคุระเท่านั้น เพราะแม้แต่ในคฤหาสน์คามาคุระเองก็รู้กันไปทั่ว

ข้ารับใช้หลายคนดูจะเสียดายหากทั้งสองคนนั้นถูกจับได้และจะต้องตายไปทั้งๆอย่างนี้ เพราะอย่างน้อยพวกเธอก็ยังจำภาพของคฤหาสน์ที่เคยสดใสขึ้นมาได้เพราะสินสงครามคนนั้น

ผิดกับใบหน้าคมของ ฮิบาริ เคียวยะ ที่ดูจะนิ่งเฉยเมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่ถูกเล่าขานกันมา ภายในหัวสีดำกำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในหลายๆอย่าง

ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดจะเป็นยามาโมโตะ ทาเคชิหรือนั่น?

ทั้งคนของตระกูลโกคุเดระที่รอดตายจากคมดาบสังหารของเจ้านั่นได้ ทั้งแผนการยึดเอาอิสุกลับไปที่เขาไม่คิดว่าคนที่ยังมีกำลังน้อยและเพิ่งพ่ายแพ้สงครามอย่างพวกโกคุเดระจะกล้าเสี่ยงทำอะไรแบบนี้ นอกเสียจากจะมีคนที่รู้เรื่องของทหารคามาคุระที่ปักหลักอยู่ในอิสุเป็นอย่างดีคอยเสี้ยมสอน

แล้วถ้าอย่างนั้น...ทำไมยามาโมโตะ ทาเคชิถึงไม่ประกาศตัวตั้งแต่แรกว่าอยู่กับฝ่ายนั้น?

ทั้งๆที่ถ้าประกาศออกไป ทหารคามาคุระก็น่าจะกลัวและทำให้ยึดอิสุกลับไปได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่......

ทำไมถึงเพิ่งมาประกาศเอาตอนนี้ว่าตนอยู่ที่อิสุแถมยังปล่อยข่าวลือว่าถูกจับเป็นตัวประกันที่กำลังจะโดนประหารชีวิตอีก....

พยายามจะหลอกล่อให้เขาไปช่วยอย่างนั้นหรือ?

ไม่สิ....

ไม่ใช่เขา....ที่พวกนั้นต้องการหลอกล่อให้ออกไป.....


ใบหน้าคมถึงกับชาวาบเมื่อนึกมาถึงตรงนี้....หัวใจแทบจะหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม


คนที่พวกนั้นต้องการหลอกล่อให้ออกไปช่วย....ต้องการให้ออกไปจากคามาคุระเพื่อจับกุมตัวเอาไว้....คือสึนะโยชิ!!


ร่างสูงในฮากามะสีดำตวัดตัวเดินไปตามทางเดินด้วยรังสีอำมหิต ฝ่าเท้าที่ก้าวลงไปนั้นแทบจะเรียกได้ว่าวิ่งมากกว่าเดิน

ม้าคู่ใจถูกบังคับให้ออกวิ่งไปยังคุกชั้นสูงของตระกูลฮิบาริที่ตั้งอยู่กลางป่าโมมิจิบนภูเขาที่อยู่ทางใต้ของคามาคุระ

หัวใจได้แต่เต้นระรัวด้วยความกลัวว่าข่าวนี้จะแพร่สะพัดไปถึงยังภูเขาห่างไกลนั่นและอย่างสึนะโยชิที่เป็นห่วงน้องชายมากกว่าอะไรก็คงจะตกหลุมพรางของยามาโมโตะ ทาเคชิได้อย่างง่ายดาย

ม้าสีดำวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด และหยุดลงตรงหน้าเรือนเดี่ยวที่ดูเงียบเชียบกว่าปกติ

ร่างสูงใหญ่ตรงรี่เข้าไปยังเรือนที่ถูกปิดล้อมด้วยลูกกรงไม้ทั้งที่ยังหอบหายใจ แล้วร่างกายก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อมองเห็นว่าคนที่อยู่ในนั้นไม่ใช่คนที่เขาตั้งหน้าตั้งตามาหา


สึนะโยชิไม่ได้อยู่ในนั้น....

ร่างเล็กๆนั่นคงจะหนีออกไปแล้ว....เพื่อไปช่วยผู้เป็นน้องชาย โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเดินเข้าสู่แผนของยามาโมโตะ ทาเคชิด้วยตัวเอง



ร่างแข็งแกร่งได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้ากรงขังด้วยอกซ้ายที่ปวดแปลบจนแทบจะหายใจไม่ออก



เขามันโง่เอง....ที่ปล่อยให้หัวใจอยู่ห่างจากร่างกายจนเกินไป

เขามันโง่เอง....ที่ไม่ขังสึนะโยชิเอาไว้ใกล้ๆตัว



ทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงได้สายเกินไปแบบนี้....








“ เตรียมทหารเท่าที่มี! ข้าจะบุกไปอิสุเดี๋ยวนี้!!

แล้วเสียงประกาศกร้าวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์คามาคุระทันทีที่ร่างแข็งแกร่งกลับมาถึง


ให้มันรู้กันไป....ว่าใครกันแน่ที่สมควรจะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินผืนนี้

ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหัวใจของข้าได้


เช่นเดียวกับที่เจ้าเป็นนั่นแหละ ยามาโมโตะ ทาเคชิ!





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




วิ่งหลบกระทะเทปล่อน....เดี๋ยวนี้แอดวานซ์กันจริงๆนะพวกเธอว์ เขวี้ยงอะไรมาแต่ละอย่างนี่หม้อไหกะละมังชิดซ้ายเบย 5555

คิดว่าอาจจะจบตอนหน้าหรือไม่ก็ตอนที่19นะคะ เย้.....จุดพลุฉลองกันหน่อย รอนานเหลือเกินเรื่องนี้ แหะแหะแหะ ^ ^””” ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และทุกเสียงทวงอีกครั้งจริงๆค่ะ ลุ้นกันอีกอึดใจเดียวเนอะ >w<

มาดูอิมเมจภาพปลากรอบของสถานที่กันบ้าง





อันนี้ป่าไผ่ที่คามาคุระค่ะ (ถ่ายที่อาราชิยามะ // เกียวโต)




 ป่าที่อิสุ (ถ่ายที่ ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)




รังลับตระกูลโกคุเดระ (ถ่ายที่ ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)




ทางเข้าบ้าน (ถ่ายที่บ้านอาราอิ  ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)




 หลุมเตาไฟ (ถ่ายที่บ้านอาราอิ  ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)




 ชิงช้าหลังห้องนอนยามาก๊ก (ถ่ายที่ ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)




 โรงรหัสวิดน้ำ (ถ่ายที่ ฮิดะ โนะ ซาโตะ // ทาคายามะ)






แล้วก็แปะรูปของขวัญ(?)วันเกิดเนียนอีกรูป เหะเหะ  “ของขวัญ” อะไรถึงต้องไปเอาถึงบนเตียงน่ะหนูก๊ก *q*







9 ความคิดเห็น:

  1. กรีดร้องแง้วๆ ข่วนขาพี่กวาง//โดนสอย ค้าง ค้างคามากถึงมากที่สุด แงT^T ยามะแผนเยอะนะจ๊ะ คุณพ่อตาไม่หน้าเลย 1827นี่ตอน13-14นี่หวานมดขึ้น แล้วไมตอนนี่ดาร์กเข้ากระดูก ส่วนคู่หลักราบรื่นพี่เขยยอมรับน้องเขยแล้ว เย้ จะรอต่อไปค่ะ สู้สู้ค่ะ พี่กวาง

    ตอบลบ
  2. ตอนนี้อ่านมาราธอนสะใจมากกก แอบกรี๊ดตอนมีฉากให้กำเดาไหลล -..-

    พี่กวาง รีบมาอัพด่วน สุดยอดเลยอ่ะ ยามาโมโตะ หากจะฉลาดขนาดนี้ แบ่งเซลล์สมองมาให้เค้าใช้สอบบ้างไรบ้างก็ได้นะ - - //โดนตรบ

    ท่านฮิยังไงก็ยังรักทูน่าชิมิล่าา ฮี่ๆๆ แอบกรี๊ดรูป หนุก๊กจะให้อะไรรอจ้าา -..-

    รีบๆๆๆมาอัพด่วนเลยนะคะก่อนคนทางนี้จะลงแดงง+[]+5555

    ตอบลบ
  3. อ้ากกกกกกกก ยามะ ไหนสมองแกมีแต่เบสบอลไง (เห? ในนี้ต้องเปลี่ยนเป็นดาบสิ)จะฉลาดเกินไปแล้ว ติดก๊กมาสินะ อิอิ
    อรั้ยยย เค้าอยากเห็นฉากอาบน้ำอ๊ะ!//เลือดพุ่ง >_<
    อ่านตอนนี้แล้วสงสารทั่นฮิ ฉลาด แต่ลืมเฉลียว เหอ ๆ
    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ^_^

    ปล.อยากตามไปส่องของขวัญตาเนียนจริง ๆ อิอิ -;

    ตอบลบ
  4. พี่กว๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    ตอนนี้มัน...โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ให้ตายๆๆๆๆๆ

    ยามะมันรุกแล้วววววววววววววววววววววว

    อ่านแล้วแบบยามะมันมีดีเยอะมาก สิงโตสวมหนังหมาป่าชัดๆ จะว่าหมาป่าห่มหนังแกะไม่ได้ เพราะมันก็ร้ายพอดูอยู่
    แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายได้ขนาดนี้ห์

    ขยันกวนพี่เขยจริงนะยามะ ชิๆ เห็นว่าเค้ายอมรับเข้าหน่อยก็ทำเป็นได้ใจนะ

    พวกทหารที่มันมาสู้กันน่ะ..แรกๆ ก็อยากฆ่ายามะหรอก แต่หลังๆ นั่นน่ะ เพราะได้สู้กับคนเก่ง+ได้เห็นหน้าคนงามใช่มั้ย หาาาา

    อยากเห็นหน้าพวกพี่ชายตอนรู้ว่าโกคุฝึมือเทพกว่าจัง จะตะลึงขนาดไหนนะ

    อ่านไปนี่ตบเข่าไป ให้ตายสิ ก็ถ้ายึดไม่ได้ให้มันรู้ไป ในเมื่อคนยึดมันบัญชาการออกมาเองแบบนี้

    เอาท่านฮิกับยามะตอนนี้มาเทียบกันแล้ว บอกไม่ได้จริงๆ ว่าใครเหนือกว่า

    แผนการแต่ละอย่างนี่ร้ายมาก ก็จะไม่ให้ได้ไงในเมื่อไอ้ตัวร้ายกาจโคตรๆ คนนึงมานั่งแท่นบัญชาเองแบบนี้ ให้ตายสิ ยามะตอนนี้นี่โคตรเท่อ่ะ

    //คารวะพี่กวางสิบจอก ท่านสุดยอดมาก คิดแผนการรบได้โคตรน่าตะลึงอะไรเช่นนี้ อ่านไปยังกะดูหนังสามก๊ก โคตรมันส์อ่ะ เห็นภาพชัดมากกกกกกก

    สงสารท่านฮินะ เพราะตอนนี้เหลือตัวคนเดียว แล้วท่านจะทำยังไงต่อ เรื่องนี้จะเป็นไงต่อเนี่ย โอ้ยยยยยย ลุ้นมากกกก

    พี่กวางติดวิธีเขียนของจอมมารมาแล้วใช่มั้ย เดาตอนต่อไปไม่เอาเลยจริงๆ

    รีบๆ มาต่อน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

    ตอบลบ
  5. *ซับเลือดกับฉากอาบน้ำแร่แช่น้ำนม(?)*

    อิเนียนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ทำไมแกหล่อแบบนี้ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ไหนว่าเป็นเจ้าบ้าเบสบอลสมองซูชิไงห๊าาา ทำไมฉลาดแบบนี้ โฮกกกกกก

    ชอบเวลาเนียนมันกัดกับพี่เขยมากอะพี่กวาง ยังไงเรื่องก๊กนี่ก้ไม่ยอมลงให้กันสินะเจ้าพวกนี้ 555+

    ไงละ เห็นความสามารถของมือขวารุ่นที่สิบ...เอ๊ย.. ของก๊กน้อยรึยัง ไม่ได้แค่สวยไปวันๆแต่เด่งด้วยนะพี่ๆ!=w=

    แต่สงสารสึนะมาก ทำไมแสนดีแบบนี้ รีบๆมาให้อิสุจับตัวเถอะนะ อย่างน้อยก้ได้อยู่กับน้องชายนะ//โดนทอนฟานฟาด//

    พี่กวางแต่สนุกมากเลยคะ เก่งขั้นเทพ พยายามเข้าน้า~~~~

    ตอบลบ
  6. (กรี๊ดร้องคว้ากระทะเทปล่อนที่หล่นอยู่แถวนั้น(?)มาแทะ(?))
    ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(?) ไม่ไหวแล้ว > <
    เนียนกดต่อลูก กดอีก กดเยอะๆลูก(?)
    เอ่อ รู้สึกจะมุ่งเน้นตรงนี้เกินหน้าเกินตา 5555

    ตอนที่เข้ามาเพราะตั้งใจจะกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง
    ด้วยความคิดถึงแต่ตาหายดีแล้ว(?) จริงๆมัวไปหมกมุ่นกับหนังสือที่ได้มาอยู่ห้าตลบ
    > _________ <

    แต่พอเห็นว่ามีมาต่อถึงสองต่อแล้วก็ออกไปเซิ้งรอบหมู่บ้าน(?)อย่างสุดขั้ว
    (แล้วจะเสียเวลาการอ่านไปเซิ้งทำไมรอบหลาย(?)ฟ่ะนั่น - _ -)
    เอาเป็นเราดีใจสุดๆเลย ที่ได้อ่านตอนต่อ
    ชอบมากจริงๆนะ ชอบมากๆ T __ T

    ในขณะที่ตอนที่แล้วก็รู้สึกดีใจซาบซึ้งและในที่สุดความลับ
    ของยามะก็ได้รู้สักที คาใจมานานว่าที่เก็บไว้ทั้งหมดคืออะไร
    ถึงแม้จะรู้ว่ายังไงก็ทำให้โกคุจังแน่ๆ แต่นี่มันทำให้เกินเสียจน
    แกจะหล่อ(?)เกินไปแล้ว~~~~~~ 555555
    คนที่ยอมทั้งหมดให้ก๊กแบบนี้
    มันจะ.....ไปหาได้ที่ไหนอีก~~~~~~
    ไม่ว่ายังไงตาเนียนก็ยอมทุกอย่างยกเว้นเรื่องก๊กจริงๆ
    นี่แหละ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ! ตาเนียนของหนูก๊ก

    ถึงแม้ว่าจะซาบซึ้งกับความหล่อ(?)ของตาเนียนที่ช่วยครอบครัวก๊ก
    แต่ในใจนี่บีบมากเลยกับความรู้สึกของสึนะ
    ทั้งๆที่ดีใจและประทับใจ แต่ความรู้สึกบีบหัวใจมันกลับมาเยอะกว่าอย่างงงๆ
    กลับรู้สึกอยากรู้ อยากอ่านความรู้สึกของคู่นี้มากกว่านี้อีกหน่อย
    อยากให้ฮิบาริเจ็บกว่านี้อีก (หือ(?)) เอาให้ช้ำ (ห่ะ(?))
    โดนความเย็นชาฮิบาริครอบงำจนกลายเป็นความสุขใจของคู่ 8059เป็นรอง(?)
    แต่....พออาบน้ำเท่านั้นละ......จ๊ะ ยามะ ทำแบบนี้ก็พอดีไม่ต้องคิดถึงสึนะแล้วละ 55555
    ตอนนี้เลยกลายเป็นเฮ้ย กดอีก(?) เอาอีก(?) (บิดกระทะเทปล่อนด้วยความเขิน(?))
    > _____ < ชอบอ่าาา ไม่ใช่ว่าเพราะเรท แต่เพราะว่ามันสวยงาม(?)มากจริงๆ
    ไม่รู้สิ อย่างที่ยามะว่ามันเป็นครั้งแรกที่ทั้งอ่อนโยนและ......นั่นแหละ //////////////
    ประเด็นไม่ได้จะมาบรรยายอะไรตรงนั้นนะเฮ้ย 5555

    เนื่องสิ่งอื่นใด รักคนแต่งมากนะคะ > <
    ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอ จะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลย
    จะรอรวมเล่มด้วย เพราะฉะนั้น (ลากเข่งกำลังใจ(?)มาให้เป็นดง(?))

    ปล. ชอบตอนที่บรรยายตอนก๊กจังยิงธนูมากๆเลยล่ะ(ตอนที่16) ถึงแม้ว่าท่าดาบคู่ก็เป็นอะไรที่ประทับใจ.... แต่สำหรับเรา การที่เห็นโกคุเดระง้างธนู ภาพมันก็ผุดเข้ามาในหัวแบบทันที และมันก็สวยงามมาก T _ T คลั่งก๊กกับธนูและอาบน้ำ (ห่ะ!(?))




    ตอบลบ
  7. กรี๊ดดดดด ภาพตอนสุดท้ายเหมือนยามะจะจับก้น

    55555555555+ ไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆๆเลยค่ะ

    เพิ่งเคยใช้บัญชีกูเกิ้ลคอมเม้นบล็อคนี้ครั้งแรก 55555

    ยามะนี่ฉลาดเป็นกรดเลยนะคะเนี่ย

    เนื้อเรื่องสุดยอดมากเลยค่ะ มีอะไรแอบซ่อนไว้เยอะแยะ อร๊ายยย

    ก๊าวใจ -0- อยากเอาหนูก๊กไปออกรบจริงๆ เก่งนะเราเนี่ย

    สงสารคู่ 1827 จัง แต่ก็ฟินไปอีกแบบ 555+

    รักใครก็อย่าซึนสิฟระ หันมาพูดกันดีๆคู่ 1827 เนี่ย คริคริ

    ปล. เป็นกำลังใจให้นะคะ เข้ามาเจอบล็อคนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง แถมเรื่องรีบอร์นพอจบไปแล้วคนไม่ค่อยแต่งฟิค กระแสเริ่มจางหาย โฮฮฮฮฮฮ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ T___T จะคอยติดตามผลงานเรื่อยๆนะคะ

    กระโดดจูบไรเตอร์ 55555+

    ตอบลบ
  8. เป็นตอนที่ยาวมากอะไรมากกก (ฮา) อ่านกันหูดับตับไหม้เลยเชียว=w=;;

    อันดับเเรกเลยก็คือ...ทูน่า คุณพี่ทูน่า =___= อ่านมาถึงตอนนี้สงสารไหมก็สงสาร ทำเพื่อน้องนี่นะ เเต่เเบบ วันหลังฟังให้จบก่อนสิ เเล้วค่อยไปทำ(?) ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดเเบบนี้มันใช่ไม่ได้นะรู้ป่าวๆ

    อันดับต่อมาเลยคือ...

    ไอ้เนียนน ไอ้คุณเนียนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!=___+ ไม่รู้จะพ่นใส่ว่ายังไงดี ก๊กเขาก็บอกว่าห้ามเเอบดู เเกเล่นจ้องไม่จ้องเปล่า ลงไปขัดสีฉวีวรรณ(?)ให้ด้วยเป็นของเเถม

    //ข่วนหน้าหน่อยเหอะ ไม่ไหวเเล้ว #หลบเอฟซีเนียน


    เเต่เนียน...สุดยอดอะ เเผนการเฉียบคม เเละหลักเเหลมมาก เเอบขนลุกเบาๆตรงที่วางเเผนทำร้ายคนบ้านเกิดเดียวกันกับตัวเองเพื่อที่จะช่วยบ้านเมืองของคนรัก เเกมันสุดยอดเกินไปเเล้ววว={}= โฮร่วว

    เเผนล่อทูน่าก็สุดๆเลย ={}+ ไร้คำบรรยาย จะบอกว่าโหดร้ายกับหนูเคียวหรือโหดร้ายกับทูน่ามันดี

    เป็นลมเเป๊บค่าา //ตาย


    ปล.ชอบโลเกชั่นในฟิคกับของขวัญวันเกิดยามะล่ะค่ะ =///=/

    ตอบลบ
  9. ไม่รู้จิเชียร์ใคร ทำใจยากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ตอบลบ