:
Psycho Pass
Fanfiction
:
Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
:
Erotic Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เสียงฉีดน้ำจากฟล็อกกี้ดังเป็นจังหวะตามแรงนิ้วที่กดลงไป
ละอองน้ำแผ่กระจายไปเกาะอยู่ตามใบและกิ่งก้านของไม้กระถางเล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของผู้สังเกตการณ์หน่วยสืบสวนคดีพิเศษแห่งกรมความปลอดภัย
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววอบอุ่นยามที่มองไปยังใบสีเขียวชุ่มน้ำ
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าเรียว....จนกระทั่งเสียงประตูเลื่อนเปิดอัตโนมัติบ่งบอกให้รู้ว่ามีใครสักคนกำลังก้าวเข้ามาในห้องซึ่งแต่เดิมเขายืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตามลำพัง
เสียงคอมพิวเตอร์เปิดโดยไม่มีการทักทายแบบนี้ทำให้เขารู้ได้ในทันทีโดยไม่ต้องหันไปมองว่าคนที่เดินเข้ามานั้นเป็นใคร.....คงจะมีอยู่คนเดียวที่มารยาทแย่พอที่จะไม่ยอมทักหัวหน้าอย่างเขา
โคงามิ
ชินยะ....
ร่างแข็งแกร่งนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองก่อนจะหมุนมันให้หันกลับไปยังโต๊ะของคนที่กำลังยืนหันหลังรดน้ำต้นไม้
ยังคงมีแต่เสียงพัดลมหมุนหึ่งๆโดยไม่มีเสียงพูดคุยทักทายอย่างอื่นอีก นัยน์ตาสีดำจับจ้องไปที่แผ่นหลังโปร่งของ กิโนะสะ
โนบุจิกะ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์น้อยๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆไล่มองไปตามร่างกายของคนที่พยายามรดน้ำต้นไม้ต่อไป
จากเส้นผมสีดำขลับดูนุ่มลื่นน่าจับไล่ลงไปถึงท้ายทอยที่หากไม่ยกปกเสื้อขึ้นมาบังคงได้เห็นรอยสีแดงๆที่เขาฝากเอาไว้แน่
จากลาดไหล่ไล่ลงมาที่แผ่นหลังโปร่ง
ลงมาเรื่อยๆก็จะเป็นเอวคอดที่เวลากอดแล้วจะรู้สึกดีสุดๆ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่สะโพกได้รูป
ฟื้ด!!
แต่ก่อนที่นัยน์ตาสีดำที่จ้องเอาๆราวกับจะให้มันทะลุลงไปในชุดสูทจะได้จินตนาการบรรเจิดไปถึงไหนต่อไหน
ละอองน้ำจากฟล็อกกี้ที่หันมาอย่างรวดเร็วก็ฉีดใส่ใบหน้าคมจนต้องยกมือขึ้นมาบัง
“
ฉันรู้สึกได้ว่าค่าไซโครพาสของแกกำลังสูงขึ้นนะ เจ้าอาชญากร!” ใบหน้าเรียวหันมามองด้วยสายตาจิกกัด
ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ
ใบหน้าคมที่ยังมีละอองน้ำติดอยู่ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงดิ่งเข้าไปเอาใบหน้าเกยไหล่บางเอาไว้
“
น่าอิจฉาจังน้า นายรดน้ำให้มันทุกวันเลย ทีฉันละปล่อยให้เหี่ยวแห้ง” มือใหญ่เริ่มนัวเนียอยู่แถวๆหน้าท้องแบนเรียบของคนที่เริ่มจะหน้านิ่วคิ้วขมวด
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นพยายามปิดลงอย่างระงับอารมณ์ไม่ให้หันไปจับไอ้หมอนี่ทุ่มซะ
“
โคงามิ! กลับไปทำงานของแกได้แล้ว!” มือเรียวพยายามผลักหัวสีดำยุ่งๆออกไปให้พ้นไหล่ตัวเอง
ดีนะที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่
ความจริงเวรบ่ายวันนี้เป็นหน้าที่ของผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริที่กลับมาทำงานได้แล้ว....แต่ก็อย่างที่เห็นแหละ...ว่าร่างเล็กๆนั่นยังไม่โผล่หน้ามาสักทีทั้งๆที่นี่มันก็เลทไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
หวังว่า....คงจะไม่ได้ไปเก็บอะไรกลับมาด้วยอีกนะ?
เจ้าโคยะเองเขายังไม่ได้ไปรับกลับจากโรงพยาบาลสัตว์เพราะยังไม่ค่อยจะหายดีเลย
แล้วบานประตูก็เปิดออกพร้อมๆกับร่างเล็กที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
และแน่นอนว่าสิ่งที่ทำเอาริมฝีปากสีระเรื่ออ้าค้างก็ไม่ใช่ใบหน้าของผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริแต่เป็น....
“
ขะ ขอโทษค่ะที่มาช้า แล้วก็ขอโทษค่ะที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ” ใบหน้าเล็กหอบฮั่กในขณะที่พูด
ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อพึ่งจะนึกออกว่าเจ้าหมาขนดำมันยังกอดเอวเขาอยู่
มือบางผลักจนร่างแข็งแกร่งเซถลาก่อนที่ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นจะปรับกลับมาวางมาดตามเดิม
“
นั่นอะไรน่ะผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริ?”
มือบางขยับแว่นในขณะที่เดินกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองก่อนจะจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ดูเหมือนผู้สังเกตการณ์ร่างเล็กจะเผลอหิ้วติดมือมาด้วย
“
เด็กค่ะ”
ใบหน้าน่ารักยังคงตอบกลับมาฉะฉานและนั่นมันก็ทำให้ขมับเขากระตุกเล็กน้อย....เขาก็ดูออกว่านั่นคือเด็ก...แล้วก็เป็นเด็กผู้หญิงด้วย!!
“
ฉันหมายความว่าเธอเอาเด็กคนนั้นมาทำไมต่างหาก?”
ประโยคแบบนี้มันช่างคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น....คราวที่แล้วเป็นเจ้าหมาโคยะเขายังพอจะเลี้ยงได้
แต่ถ้าคราวนี้เป็นเด็กผู้หญิงนี่ ยังไงเขาก็เลี้ยงไม่ไหวแน่!
“
คือ...ฉันเห็นเด็กคนนี้ยืนอยู่ที่หน้ากรมไม่กระดุกกระดิกไปไหนมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วน่ะค่ะ
ก็เลยเข้าไปถาม...เลยได้ความว่ามาหาพ่อที่ทำงานอยู่ที่นี่”
ใบหน้าเรียวลอบถอนหายใจก่อนจะตวัดสายตาจิกกัดส่งไปอย่างเข้มงวดตามเดิม....นี่ตกลงว่าที่มาสายจนเขาเกือบจะโดนไอ้หมาขนดำนั่นเขมือบเพราะมัวแต่ยืนจ้องเด็กนี่อยู่ตั้งครึ่งชั่วโมงน่ะหรอ?
จะว่ายังไงดีล่ะเนี่ย??
“
แกยังเล็กอยู่เลย จะปล่อยไว้ตรงนั้นก็น่าสงสารนะคะ
เลยพาขึ้นมาด้วย...เผื่อว่าเราจะช่วยแกหาพ่อได้”
ใบหน้าเล็กยิ้มสดใสอย่างไม่คิดอะไร....แต่ไอ้ “เรา” ที่ว่านี่มันรวมเขาเอาไว้ด้วยหรือเปล่า?
ไม่ต้องสงสัยเลย...ว่ายังไงงานนี้ก็ต้องตกเป็นหน้าที่เขาแน่เพราะคนที่กำลังจะออกเวรและกำลังจะว่างงานไม่มีอะไรทำเนี่ย
มันก็มีแต่เขา และเขา และเขาเท่านั้น!!
“
อ้า...โทษทีๆมาสายซะได้นะวันนี้”
ประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับเสียงทักทายที่ดังออกมาจากปากของมาซาโอกะ
โทโมมิ....อีกคนที่ต้องเข้าเวรในบ่ายนี้
“
เกิดอะไรขึ้นน่ะ? เด็กหลงงั้นหรอ?”
ใบหน้าสูงวัยจ้องมองไปที่เด็กน้อยอายุยังไม่ถึงห้าขวบดีด้วยสายตาอ่อนโยน
“
ค่ะมาซาโอกะซัง เขามาหาพ่อน่ะค่ะ และเราก็กำลังจะตามหาพ่อให้เขา” แล้วสายตาของคนที่มีงานทำต่างก็จับจ้องมาที่
“เรา” ซึ่งว่างงานอย่างพร้อมใจโดยไม่ต้องนัดหมาย
ให้มันได้แบบนี้สิ!
ร่างสูงโปร่งของกิโนสะ
โนบุจิกะเดินจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไปตามทางเดินเงาวับของกรมความปลอดภัย...และไม่ว่าจะกี่คนที่เดินสวนมาต่างก็ถึงกับต้องหันกลับมามองก่อนจะอมยิ้มกับภาพแปลกตาที่หาดูได้ยาก
โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อกระฉ่อนในเรื่องความเข้มงวดอย่างคนที่ต้องดูแลหมาล่าเนื้อของกรมฯอย่างร่างสูงโปร่งคนนี้ด้วยแล้ว
ยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นภาพตรงหน้า
ใบหน้าเรียวลอบถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ....จะบอกว่าให้เอากลับไปวางไว้ที่เดิมเหมือนตอนเจ้าหมาโคยะก็ไม่ได้
ยังไงนี่ก็เป็นเด็ก เขาคงไม่ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น
แล้วถ้างั้นทำไมเขาถึงต้องมาเดินไล่หาไปทีละห้องทีละชั้นแบบนี้ด้วยน่ะหรอ?
นึกย้อนกลับไปเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้วก็ให้เครียดจนต้องเผลอขยับแว่น....
“
ไหนลองบอกมาซิ ว่าพ่อเธอชื่ออะไร”
ใบหน้าเรียวที่พยายามจะทำหน้านิ่งหันไปพูดกับเด็กหญิงตัวเล็กที่ถูกจับให้มานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
ท่ามกลางสายตาอมยิ้มของอีกสามคนที่เหลือที่ลอบมองมา....มันน่าโมโหที่สุด!
“
ปาป๊า....”
เสียงใสตอบกลับมาทำเอามือที่เตรียมจะพิมพ์ชื่อเพื่อหาดูจากระบบของกรมฯถึงกับชะงัก
“
ชื่ออะไรนะ?” ใบหน้าเรียวหันกลับไปหาเด็กหญิงอย่างเริ่มจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง
“
ชื่อปาป๊า....” มันใช่ที่ไหนล่ะ?! ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะแว่วเข้ามาทำให้ต้องตวัดสายตาดุๆส่งไปให้เจ้าหมาล่าเนื้อสองตัวที่นั่งอยู่ฝั่งไกลๆ
ใบหน้าเรียวถึงกับถอนหายใจพรางปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ต้องคิดอะไรอีก....เด็กขนาดนี้ก็คงจะถูกสอนให้เรียกพ่อว่าอย่างนั้นโดยไม่รู้ชื่อจริงนั่นแหละ....เพราะงั้นที่พึ่งได้ตอนนี้ก็คงจะมีแต่คอมพิวเตอร์ของคารานาโมริเท่านั้น
มือบางจับมือเล็กจิ๋วก่อนจะพาเดินออกไปจากห้องท่ามกลางสายตาและรอยยิ้มกริ่มของอีกสามคนที่เหลือ
มันจะยิ้มอะไรกันนักหนากะอีแค่คนอย่างเขาเดินจูงเด็กตัวเล็กๆเนี่ย?! ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน?!!
ประตูห้องแล็บปิดอยู่ตรงหน้า...และเมื่อเปิดเข้าไปข้างในก็มีแต่ความมืด....
มืดและห่อเหี่ยวพอๆกับในใจของเขาตอนนี้เลย....
คารานาโมริไม่อยู่.....ตอนที่อยากจะเจอตัวแบบนี้ก็ดันไม่อยู่ซะอีก!
แรงบีบที่มือเล็กส่งมาพร้อมกับนัยน์ตาใสแจ๋วทำเอาร่างโปร่งอยากจะหมดแรงยิ่งกว่าเดิม...เพราะยังไงก็คงล้มเลิกภารกิจนี้ไม่ได้แล้วสินะ
และก็นั่นแหละ...คือสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงต้องมาใช้วิธีการที่มันแมนน่วลขนาดนี้ในการตามหาใครสักคนในกรมความปลอดภัยที่แค่มีชื่อหรือเค้าโครงใบหน้าก็จะสามารถหาเจอได้ภายในห้าวินาทีแบบนี้น่ะ!
และยังไม่ทันจะเดินได้เกินห้าห้อง....
โครก.....
เสียงท้องร้องของใครบางคนก็ทำเอาใบหน้าเรียวถึงกับต้องก้มลงไปมอง
นัยน์ตาใสแจ๋วเงยขึ้นมาก่อนจะยกมือลูบท้อง...ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่านี่มันได้เวลาอาหารแล้ว....ช่วยไม่ได้ละนะ
คงต้องหาอะไรให้เด็กนี่กินก่อน
จากเป้าหมายในการตามหาพ่อจึงต้องถูกพักแล้วก้าวขาย้อนกลับไปยังโรงอาหารของกรมฯแทน
“
นั่งรออยู่นี่ก่อนล่ะ ห้ามลุกไปไหนเลยนะ”
ถึงจะทำเหมือนรำคาญแต่ร่างโปร่งกลับสั่งอย่างเข้มงวดราวกับคนเป็นแม่
เด็กหญิงถูกทิ้งให้นั่งอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง
และเมื่อเงาร่างโปร่งหายไปไม่ทันเท่าไหร่ เงาร่างของใครบางคนก็ขยับเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเด็กน้อย….
และเมื่อกิโนสะ
โนบุจิกะเดินถือถาดอาหารกลับมา นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นก็ต้องเบิกขึ้นน้อยๆ
“
โคงามิ? ทำไมแกมานั่งอยู่นี่?”
“
บอกลุงมาซาโอกะกับผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริเอาไว้แล้วละว่าจะไปห้องน้ำ”
จะบอกว่าไปไหนมันก็ไม่ใช่ประเด็น...ที่เขาสงสัยคือทำไมหมอนี่ไม่ทำงานต่างหาก!
“
กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย”
ถึงจะออกเวรแล้วแต่ยังไงเขาก็ยังเป็นหัวหน้าของหน่วยสืบสวนนะ
คิดว่าจะโดดงานออกมานั่งเล่นอยู่ตรงหน้าหัวหน้าอย่างเขาได้งั้นหรอ?!
“
ถ้าเป็นรายงานละก็ เขียนเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วละ
ตอนนี้งานของฉันก็มีแค่นั่งรอว่าจะมีไอ้เดนมนุษย์ตัวไหนจะก่อเรื่องให้ออกไปวิ่งไล่จับเท่านั้นแหละกิโนะ”
ไม่ว่าเปล่าเจ้าของใบหน้าซังกะตายยังยกมือขึ้นเท้าคางกับโต๊ะข้างหนึ่ง
ส่วนอีกข้างก็ผายออกไปอย่างหน่ายๆ
ร่างโปร่งได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่รู้จะเถียงยังไง
มือวางถาดอาหารที่เพิ่งจะไปบังคับพ่อครัวให้ทำชุดอาหารเด็กที่ไม่น่าจะมีในโรงอาหารของกรมความปลอดภัยมาให้ลงกับโต๊ะ
ก่อนจะตามลงมานั่งข้างๆเด็กหญิงตัวน้อย
โดยมีดวงตาสีดำของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองตามมาตลอดเวลา
“
กินซะสิ”
ใบหน้าเรียวเอ่ยกับเด็กน้อยที่เงยมองขึ้นมาด้วยสายตาใสซื่อ
มือเล็กๆยังคงกำอยู่บนขอบโต๊ะ....อย่าบอกนะว่า....
“
เด็กตัวแค่นั้นคงกินเองไม่เป็นหรอกมั้ง”
แล้วไอ้แผนกเสี้ยมก็ทำงานทันที
เจ้าโคงามิมองมาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มทำให้เขาจำต้องสะบัดหน้าหนีอย่างหงุดหงิด
ทำไมชายหนุ่มอายุ
28 อย่างเขาต้องมาป้อนข้าวเด็กที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ด้วย!!
โครก......
แล้วเสียงที่ดังออกมาจากกระเพาะน้อยๆนั่นมันก็ทำให้มือเรียวจำต้องจับช้อนอย่างช่วยไม่ได้
เผลอถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะตักข้าวเป็นคำเล็กๆแล้วไปจ่อเอาไว้ที่ริมฝีปากของเด็กน้อย
“
กินสิ”
แต่ริมฝีปากเล็กก็ยังไม่ยอมอ้าออกจึงได้แต่จ่อช้อนเอาไว้แบบนั้น
“
ไม่ได้นะกิโนะ...มันต้อง...อ้าม~~สิ”
แล้วคำแนะนำด้วยเสียงระรื่นซึ่งดังมาจากเจ้าคนที่ยังนั่งเท้าคางมองก็ทำให้ใบหน้าเรียวถึงกับแดงขึ้นมาทันที....ให้ตายเขาก็ไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก!!
โครก.......
คราวนี้ถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ
และเมื่อพยายามมองหน้าโคงามิเพื่อหาตัวช่วย
หมอนั่นกลับทำเป็นมองอย่างอื่นไม่รู้ไม่ชี้ไปซะแบบนั้น แกนะแก!
“
อะ....อั้ม”
เสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมาเบาๆ
แต่แค่นั้นก็ทำให้ริมฝีปากเล็กเจ้าปัญหานั่นยอมอ้าปากกินข้าวลงไปจนได้
ให้ตายเถอะ
ดีจริงๆที่เขามีลูกไม่ได้!!
นัยน์ตาสีดำหันกลับมาจ้องมองสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาอบอุ่นอย่างที่ใครๆคงคาดไม่ถึงว่าอาชญากรที่มีค่าไซโครพาสเกือบจะแตะ
300 อย่างเขาจะมีสายตาแบบนี้ได้
เพราะคนตรงหน้า....เพราะกิโนสะ
โนบุจิกะ ทำให้เขายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่
ใบหน้าเรียวนั่นถึงจะทำหน้าไม่ชอบใจแต่มือกลับป้อนข้าวให้เด็กคนนั้นอย่างนิ่มนวล
ถึงจะพยายามแสดงออกมาว่าไม่ได้เต็มใจแต่อาหารในจานกลับเต็มไปด้วยความใส่ใจ
นี่คงจะไปบังคับพ่อครัวให้หั่นผักจนเป็นชิ้นเล็กๆขนาดนี้เพื่อให้เด็กกินได้ล่ะสิ....แม้แต่เม็ดข้าวที่ติดแก้มใสอยู่
มือของกิโนะก็เช็ดมันออกให้อย่างอ่อนโยน
ภาพตรงหน้า
ทำเอาอยากจะมีลูกขึ้นมาเลยแหะ
“
นายต้องเป็นแม่ที่ดีได้แน่ๆเลยกิโนะ”
และแน่นอนว่าคำที่สวนกลับมาคือคำด่าอย่างไม่ต้องสงสัย...
เวลาทั้งบ่ายหายไปกับการเดินจูงมือเด็กน้อยไปตามหาพ่อจนทั่วทั้งกรมฯ
แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววว่าจะมีใครที่เด็กนั่นจะร้องเรียกว่า “พ่อ” เลยสักคน
“
กิโนะ...ชิอองกลับมาแล้วล่ะ ลองไปให้ช่วยไหม?” เสียงทุ้มของโคงามิดังมาจากข้างๆ
ใบหน้าคมเงยขึ้นมาจากจอเสมือนที่ข้อมือหลังจากลองติดต่อไปที่คารานาโมริอีกรอบ
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นพยักหน้าอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
จนเย็นป่านนี้แล้วถ้าไม่รีบหาตัวพ่อเด็กให้เจอคงจะยุ่งยากแน่
แล้วประตูห้องแล็ปก็เปิดออกอีกครั้ง
แต่คราวนี้ข้างในโชยไปด้วยกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นบุหรี่
พี่สาวใจดีเดินมารับตัวเด็กน้อยไปนั่งไว้ที่เครื่องสแกน
แล้วข้อมูลทุกอย่างก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ...ว่าทำไมพวกเขาถึงได้หาพ่อของเด็กคนนั้นไม่เจอ....
ผู้ชายคนนั้นกลายเป็นอาชญากรแอบแฝงไปแล้ว....
หลังจากที่เป็นตำรวจมาสิบกว่าปี
ค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมก็สูงขึ้นเรื่อยๆ....จนเมื่อเดือนที่แล้วมันสูงมากจนเกินที่จะเยียวยา....ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจึงถูกกักกันตัวเอาไว้ในสถานบำบัด
เพราะแบบนั้นเองสินะ....เด็กน้อยคนนี้จึงมาตามหาพ่อ....ที่ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือน
“
เด็กคนนี้ตอนนี้อยู่กับแม่เพียงสองคนที่อพาทเม้นต์ในเขตมินาโตะ....คนแม่รู้เรื่องของสามีแล้ว
แต่ดูท่าว่าเด็กคนนี้จะยังเล็กเกินไป เลยไม่ได้บอกว่าพ่อไปไหน” คารานาโมริเอ่ยออกมาหลังจากกวาดสายตาไปตามข้อมูลที่ขึ้นอยู่ในหน้าจอของเธอ
“
เอาไงดีผู้สังเกตการณ์?”
ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีแดงสด
ทำให้คนที่ยังเหม่อลอยกลับมาขยับแว่นอีกครั้ง
“
บอกที่อยู่มา เดี๋ยวฉันจะไปส่งให้ที่บ้าน”
น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยออกมาจากใบหน้าภายใต้กรอบแว่น และนั่นก็ทำให้นัยน์ตาสีดำของคนที่เฝ้ามองจากทางด้านข้างวูบไหวไปเล็กน้อย....มีหรือคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างเขาจะไม่รู้
ว่าตอนนี้ในใจของกิโนสะรู้สึกยังไง
ปกติถึงแม้ว่าจะปากร้ายแต่ก็ใจดี...แต่กับกรณีนี้
นอกจากความใจดีแล้วมันยังมีสาเหตุอื่นด้วยสินะ
ที่ทำให้กิโนะละสายตาไปจากเด็กคนนั้นไม่ได้
เพราะเป็นเด็กที่ต้องมีชะตากรรมเหมือนตัวเอง....
“
กิโนะ เดี๋ยวชั้นออกไปด้วย รออยู่ที่รถนะ
จะเข้าไปบอกลุงกับผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริก่อน” ริมฝีปากรสบุหรี่เอ่ยออกมาในขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
“
เดี๋ยวสิโคงามิ! แล้วงานของแก....”
“
นายก็มองว่ามันเป็นงานซะสิ
อย่าลืมว่าหมาล่าเนื้ออย่างพวกฉันต้องคอยเฝ้าเจ้านายอย่างนายตอนออกไปข้างนอกนะ”
ไหล่หนายักให้น้อยๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆอีก....หลังจากที่เกิดคดีของ
มาคิชิม่า โชโงะขึ้นมา ทำให้จำต้องใช้ข้อตกลงนี้อย่างหนีไม่ได้
“
ยังห่วงแต่เรื่องของคุณคนเดียวเหมือนเดิมเลยน้า
ชินยะคุงเนี่ย....น่าจะพิจารณาเรื่องการคืนดีได้แล้วมั้งผู้สังเกตการณ์?...เอะ เหะ
เหะ...หรือว่ากลับไปคืนดีกันแล้ว?”
คารานาโมริแซวพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่สมกับใบหน้าสวยๆนั่นมาให้
ทำให้ร่างสูงโปร่งสะบัดหน้าหนีก่อนจะจับมือเด็กน้อยเอาไว้แล้วจ้ำอ้าวออกมาจากห้องทันที
“
จะพาไปหาปาป๊าหรอ?”
เสียงเล็กที่เอ่ยถามออกมาในขณะที่ขาเริ่มก้าวเดินอีกครั้งทำให้ใบหน้าเรียวถึงกับผงะไป
คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี
ร่างสูงโปร่งจึงย่อตัวลงตรงหน้าเด็กน้อยที่ยังคงมองมาอย่างไร้เดียงสา
“
จะพากลับบ้านน่ะ กลับไปหาแม่นะ....พ่อของเธอเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
เขาต้องไปทำงานในที่ที่ไกลแสนไกล”
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองตรงไปที่ดวงตาใสแจ๋วของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ในใจรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อคิดถึงอนาคตอันใกล้....วันที่เด็กคนนี้จะต้องรู้....ว่าพ่อของตัวเองเป็นอะไร
เธอจะเผชิญหน้ากับมันได้หรือเปล่านะ?
“
ไกลหรอ?”
“
ใช่....ไกลมาก....แต่ก็จงจำเอาไว้...ว่างานของพ่อเธอนั้นมันคืองานที่น่าภาคภูมิใจที่สุด” รอยยิ้มจริงใจถูกส่งให้เด็กน้อย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธออาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
แต่เขาเชื่อว่าสักวันเธอจะต้องเข้าใจมันอย่างแน่นอน
เหมือนที่เขาเป็น...
ร่างสูงโปร่งเดินจูงเด็กหญิงตัวน้อยออกจากลิฟท์
และยังไม่ทันจะเดินไปถึงลานจอดรถเสียงลิฟท์อีกตัวก็ดังขึ้นไล่หลัง โคงามิที่มีเสื้อโค้ทสีดำตัวนั้นพาดบ่าเดินตามออกมา
รถยนต์สีดำที่ไม่ได้ใช้โฮโลสูทให้กลายเป็นรถตำรวจแล่นออกไปตามถนนโดยมีโคงามิเป็นคนขับและเขานั่งอยู่เบาะข้างๆโดยมีร่างน้อยๆอยู่บนตักเพราะทำยังไงเด็กนั่นก็ไม่ยอมไปนั่งคนเดียวที่เบาะหลัง ใบหน้าเล็กหลับปุ๋ยเอนซบอยู่กับแผ่นอกของเขา....เดินมาทั้งวันแบบนี้ก็คงจะเหนื่อยเป็นธรรมดา
มือบางเกลี่ยเส้นผมละเอียดให้พ้นใบหน้าที่ยังหลับพริ้มอย่างแผ่วเบา
ทุกครั้งที่ก้มลงไปมองก็ต้องสงสัยว่า
แล้วเด็กคนนี้มาถึงที่กรมความปลอดภัยได้ยังไง? ทั้งๆที่ตัวก็มีอยู่แค่นี้
การกระทำของคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้ใบหน้าคมลอบยิ้ม
นัยน์ตาสีดำแอบแหล่มองกิโนสะที่ถึงแม้ว่าปากจะบ่นนู่นบ่นนี่แต่มือกลับประคองร่างน้อยๆให้นั่งหลับอยู่บนตักของตัวเองอย่างนุ่มนวล
น่ารัก....
เพราะน่ารักแบบนี้เขาถึงละสายตาไปจากใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนั่นไม่ได้สักที.....ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
ในที่สุดรถยนต์สีดำก็แล่นมาจอดลงที่หน้าอพาทเม้นต์หลังหนึ่งในเขตมินาโตะ
และเมื่อผู้เป็นมารดาได้เห็นหน้าลูกสาว
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลก็แทบจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“
อัย!!!”
หญิงสาวคุกเข่าลงไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น
“
ขอบคุณมากๆเลยนะคะคุณตำรวจ เด็กคนนี้หายตัวไปตั้งแต่เช้า
หายังไงก็หาไม่เจอจนฉันเกือบจะแจ้งความอยู่แล้ว ดีที่พวกคุณติดต่อมาเสียก่อน” หญิงสาวลุกขึ้นมาก้มหัวให้พรางขอบคุณยกใหญ่
พวกเขายืนส่งสองแม่ลูกเดินขึ้นอพาทเม้นต์ไปจนลับสายตาแต่ทว่าใบหน้าของกิโนะกลับยังเต็มไปด้วยความกังวล
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นดูหม่นหมองจนเขาต้องถอนหายใจ
“
กิโนะ...ก่อนกลับฉันมีที่ที่อยากจะไปหน่อย”
ใบหน้าเรียวเลิกคิ้วน้อยๆก่อนจะโดนหิ้วขึ้นรถ
สวนสาธารณะที่คุ้นตาตั้งอยู่ตรงหน้า...
จะไม่ให้คุ้นได้ยังไง
ก็เขาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆสวนนี่มาตั้งเกือบยี่สิบปี....มันเป็นสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นที่อยู่ห่างจากบ้านของเขาแค่นิดเดียว....ใบหน้าจึงหันไปมองโคงามิด้วยความสงสัย
ว่าพาเขามาที่นี่ทำไม?
“
ฉันแค่อยากจะบอกกับนายว่า
นายไม่ต้องกังวลเรื่องของเด็กคนนั้นหรอก...ถึงแม้ว่านายจะเข้าใจความเจ็บปวดนั้นดี
แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่นายพบเจอมามันจะไม่มีเรื่องอะไรดีเลยเสียเมื่อไหร่”
ริมฝีปากที่คาบบุหรี่อยู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นัยน์ตาสีดำเหม่อมองไปยังสนามเด็กเล่นผ่านกระจกหน้ารถ
“
ที่นายเข้มแข็งได้ขนาดนี้มันเป็นเพราะสิ่งที่นายเจอมาไม่ใช่หรอกิโนะ? นายเองน่าจะเข้าใจได้ดีถึงความภาคภูมิใจในฐานะลูกของตำรวจและเด็กคนนั้นก็คงจะมีความภาคภูมิใจในตัวพ่อของเธอเช่นกัน”
นัยน์ตาสีดำหันมามองใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความหวั่นไหวซึ่งหาดูได้ยากของคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆ
เขารู้ดีว่าที่จริงแล้วกิโนสะรักพ่อของตัวเองมาก
ทั้งรักและภาคภูมิใจในตัวของลุงมาซาโอกะ....ถึงปากจะบอกว่าเกลียด
จะบอกว่าไม่ยอมรับ....แต่กลับเลือกทางเดินที่แทบจะตามรอยพ่อที่ตัวเองบอกว่าไม่ชอบนั่น.....ถ้าเกลียดกันขนาดนั้นทำไมถึงยังคิดที่จะเป็นตำรวจอยู่อีกล่ะ
มือใหญ่ขยับไปกุมมือบางเอาไว้หลวมๆ
“
แล้วก็นะ....ฉันไม่เคยบอกนายเลยสินะว่า...ทำไมฉันถึงได้รักนาย
ทำไมฉันถึงได้จีบผู้ชายปากร้ายนิสัยโหดอย่างนาย...อยากฟังไหมกิโนะ?” ใบหน้าเรียวชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนที่นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นจะเหลือบมามองด้วยแววสั่นไหวน้อยๆ
ปฏิกิริยาขี้กังวลจนน่าแกล้งแบบนั้นของพวกปากไม่ตรงกับใจมันช่างเย้ายวนเขาโดยที่อีกฝ่ายก็คงจะไม่รู้ตัว
รถยนต์สีดำกระชากตัวออกไปจากสนามเด็กเล่นและสวนสาธารณะ
ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่คอนโดของร่างโปร่งบาง
“
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันได้เจอกับนายก็เป็นเพราะลุงมาซาโอกะนั่นแหละ” นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกขึ้นน้อยๆกับประโยคที่ได้ยิน
จริงๆก็สงสัยมานานแล้วว่าทำไมโคงามิถึงได้เลือกเขา
ทั้งๆที่วันๆนอกจากเรื่องานแล้วก็ไม่เห็นว่าหมอนั่นจะมีทีท่าสนใจเรื่องอะไรอีก
อยากรู้มานานแล้ว....แต่ปากก็แข็งพอที่จะไม่เอ่ยถาม
“
ฉันน่ะ....หลงรักนายมานานกว่าที่นายคิดเยอะเลยนะกิโนะ” เสื้อโค้ทสีดำถูกโยนเอาไว้บนโซฟาหลังจากขาทั้งสองคู่ก้าวเข้ามาในห้อง
ข้อมือบางถูกยึดกดติดไว้กับผนังเช่นเดียวกับแผ่นหลังโปร่งที่ถูกร่างหนาบดเบียดจนไร้ซึ่งทางหนี
ริมฝีปากรสบุหรี่พูดไปด้วยกดจูบซุกไซร้ที่ซอกคอระหงไปด้วยจนใบหน้าเรียวจำต้องเอียงหลบให้
ถึงแม้ว่าร่างกายจะเริ่มกลับมาเคยชินแต่ว่าคนดื้อก็ยังดื้ออยู่วันยังค่ำ
เพราะงั้นจึงมีแรงขัดขืนน้อยๆอยู่ตลอดเวลาจนโคงามิยิ่งต้องกดข้อมือบางเอาไว้กับผนังมากกว่าเดิม
“
มันนานมาก...แล้วนายก็ไม่เคยรู้สึกตัวเลย”
“
อ่ะ” ลิ้นร้อนแล่บเลียสัญลักษณ์ของความเป็นชายที่กลางลำคอ
ทำให้ริมฝีปากสีระเรื่อที่พยายามปิดมาตลอดเผลอครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“
สมัยที่ชั้นยังเป็นเด็กประถม ชั้นมีคู่อริเป็นเด็ก
ม.ต้นอยู่คนหนึ่ง...เรียกว่าโดนหมอนั่นแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวเลยล่ะ
เพราะว่าฉันเด็กกว่าเยอะเลยไม่เคยสู้ได้...บางทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าชั้นไปทำอะไรให้หมอนั่น....”
ใบหน้าคมละจากซอกคอมาจ้องมองใบหน้าภายใต้กรอบแว่นก่อนที่ริมฝีปากรสบุหรี่จะค่อยๆขยับไปทาบทับริมฝีปากสีระเรื่อ
“
อื้อ...อืม....”
เรียวลิ้นค่อยๆสอดแทรกเข้าไปก่อนที่เสียงจูบจะดังขึ้นมาให้ใบหน้ายิ่งร้อนผ่าว
ลิ้นที่ช่ำชองไม่ได้บุกรุกเข้ามากวาดต้อนแค่ความหอมหวานเท่านั้นแต่มันยังขโมยเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านไปจนไม่เหลือหรอ
“
ผู้ใหญ่รอบๆตัวก็พยายามทำเป็นมองไม่เห็นเพราะกลัวว่าหากเข้ามาพัวพันจะทำให้ค่าไซโครพาสของตัวเองสีขุ่นขึ้น” เรียวลิ้นถอนออกไปเมื่อร่างโปร่งกำลังจะหมดอากาศหายใจ
ข้อมือที่พยายามขัดขืนน้อยๆดูเหมือนจะผ่อนแรงลง
เช่นเดียวกับแผ่นหลังที่พิงผนังอยู่ก็ดูเหมือนจะทรุดลงเรื่อยๆตามกำลังขาที่เริ่มจะอ่อนแรง
“
อึก”
ใบหน้าที่ละออกมาขยับเข้าไปกดจูบที่ซอกคอระหงอีกครั้งและมันก็ทำให้ดวงตาภายใต้กรอบแว่นปิดลงอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งริมฝีปากทั้งเรียวลิ้นที่ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอนั้นอันตรายอย่างร้ายกาจ
“
ไม่ว่าจะครูคนไหนหรือใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็ทำเป็นไม่สนใจ
มีแต่คนส่งยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะ....”
กระดุมเสื้อสูทถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ทันรู้ตัวจนกระทั่งสูทสีดำทั้งตัวนั้นลงไปกองอยู่ที่พื้นนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นถึงได้ลืมขึ้นมามองดูกลุ่มผมยุ่งๆที่ยังคงไม่เลิกปลุกเร้าเขาที่ซอกคอ
เนคไทยิ่งถูกดึงลงไปมากกว่าเดิมจนในที่สุดมันก็ลงไปกองเป็นเพื่อนเสื้อสูท
“
ฮะ อึก”
ริมฝีปากที่เผลอครางออกมาพยายามปิดลงอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้คนที่ยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบยิ้มที่มุมปาก
มือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางก่อนจะใช้ปลายนิ้วกดขยี้ที่ยอดอกจนคนถูกกระทำถึงกับครางออกมาอย่างทนไม่ไหว.....ไอ้นิสัยขี้แกล้งแบบนี้ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อก่อนเคยถูกแกล้งมาอย่างที่บอกน่ะ!
“
อ่ะ อื้อ!” มือบางยกขึ้นมาปิดปากตัวเอง
ยังไงก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ยินเสียง
ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าคมจะก้มลงไประดมจูบตามแผ่นอกที่เผลอแอ่นรับ
“
ตอนนั้นตัวชั้นเลยมีแต่แผลฟกช้ำ
บางทียังคิดอยู่เลยว่าค่าไซโครพาสมันจะเป็นยังไงก็ช่าง
ถ้าหากมีมีดละก็ขอกระซวกไอ้หมอนั่นซักทีก็พอแล้วชีวิตนี้...หึ...อาชญากรแอบแฝงของจริงเลยละว่าไหม” รอยยิ้มร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าคมที่เงยขึ้นมามอง
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นสั่นพร่าก้มลงไปประสานสายตาด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันน้อยๆ
“
อะ!” ใบหน้าเรียวสะบัดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ๆมือใหญ่ก็สอดเข้าไปใต้หว่างขาพร้อมทั้งขย๋ำมันเบาๆ
ได้ยินเสียงเข็มขัดถูกปลดออก และเมื่อมือนั่นละออกไป ทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นในก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น....ทำไมหมอนี่ถึงได้เชี่ยวชาญในการถอดเสื้อผ้าเขาขนาดนี้!
“
อื้อ!!!” เสียงครางในลำคอหลุดออกมาพร้อมๆกับหน้าท้องแบนเรียบที่เกร็งเขม็ง
เมื่อริมฝีปากรสบุหรี่ตรงเข้าครอบงำความเป็นชายที่เริ่มจะขยายตัวของร่างโปร่ง
“
ฮะ อ้า...”
ทั้งความชื้นแฉะของโพรงปากทั้งเรียวลิ้นที่ไม่ได้อยู่นิ่งทำเอากิโนสะแทบจะบ้าคลั่ง
แผ่นหลังค่อยๆครูดลงมาตามผนังเพราะยืนไม่อยู่
“
ฮ้า...อึก....”
ร่างทั้งร่างสั่นระริกไปกับความรู้สึกดีที่ได้รับ
ริมฝีปากของโคงามิกำลังทำให้สติที่พยายามจะรั้งไว้แตกกระเจิงอย่างฉุดไม่อยู่
ใบหน้าเรียวสะบัดเงยขึ้นก่อนจะหอบหายใจ
แต่แล้วปลายทางที่เหลืออยู่อีกไม่ไกลก็ไปไม่ทันถึง ริมฝีปากรสบุหรี่ก็ถอนออกไปอย่างรู้จังหวะ
“
คะ โคงามิ...”
เสียงสั่นพร่ามาพร้อมๆกับดวงตาที่เว้าวอน แต่ร่างแข็งแกร่งก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...จะไม่ยอมให้เขาปลดปล่อยก่อน....
“
อ่ะ?”
ร่างที่ทรุดลงเพราะเข่าอ่อนถูกอุ้มไปวางลงที่โซฟาสีดำ
ได้ยินเสียงเข็มขัดของอีกฝ่ายถูกปลดออก โคงามิไม่ได้สนใจที่จะถอดกางเกงของตัวเอง
แค่เอาแกนกายออกมาได้ก็พอแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นร่างแข็งแกร่งกลับถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดแล้วตามลงมาบดเบียดผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นกับร่างกายของเขา
ราวกับอยากให้รับรู้ถึงอุณหภูมิของกันและกัน
ท่อนแขนแข็งแรงดึงรั้งลำตัวที่นอนอยู่บนโซฟาเข้าไปกอดเอาไว้
ใบหน้าคมซุกลงมาที่ซอกคอก่อนที่น้ำเสียงราบเรียบจะพูดต่อ
“
แต่ก่อนที่มันจะเป็นแบบนั้น...วันหนึ่งชั้นโดนหมอนั่นอัดอยู่แถวๆสนามเด็กเล่นข้างบ้านนาย
แน่นอนว่าชั้นไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยเพราะงั้นถึงจะสู้ไม่ไหวแต่ชั้นก็ยังพยายามจะสวนกลับไป
แต่ก่อนที่หมัดของชั้นจะโดนหน้าหมอนั่น จู่ๆก็มีมือของผู้ชายคนนึงมาจับเอาไว้” ริมฝีปากรสบุหรี่กดจูบลงไปที่ลาดไหล่
ถึงแม้ว่าเวลามีเซ็กซ์กันโคงามิจะดูดิบเถื่อนแต่ลึกๆมันก็แฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน
ขี้อ้อน และเอาแต่ใจ...เป็นอีกด้านที่คงไม่เคยมีใครได้เห็น
“
จับมือของชั้นไม่ให้ต่อยหมอนั่น แต่ตัวเองกลับต่อยหมอนั่นซะคว่ำเอง หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นมาก่อนที่อ้อมแขนแข็งแกร่งจะกอดกระชับลำตัวของเขาให้เข้าไปแนบชิดมากยิ่งขึ้น....กอดเอาไว้ราวกับว่ามันคือสิ่งสำคัญที่ได้มาเพราะคามทรงจำที่กำลังเล่าให้ฟังนั่น
“
เป็นคนแรกที่เข้ามาช่วยชั้นโดยไม่กลัวว่าค่าไซโครพาสของตัวเองจะสูงขึ้น แผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นชั้นยังจำได้ดีเลยล่ะ” ใบหน้าคมละออกมาจ้องมองใบหน้าเขาก่อนจะยิ้มให้
ร่างกายแข็งแกร่งขยับออกไปพร้อมกับจับเรียวขาของเขาแยกออกมากขึ้น
“
อื้อ!”
นิ้วยาวถูกจ่อมาที่ริมฝีปากของเขาก่อนจะดึงดันมันเข้ามา
คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อสายตาของหมอนั่นบ่งบอกว่าให้เขาเลียมัน
“
ส่วนไอ้เจ้าคู่อริที่ดีแต่กลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า
พอเจอหมัดหนักๆแบบนั้นเข้าไปมันกลับกลัวลนลานแล้วก็วิ่งหนีไป....ไม่มาแกล้งชั้นอีกเลย” น้ำเสียงเปียกแฉะได้ยินอยู่ในหู
ลิ้นค่อยๆโอบรอบนิ้วยาวที่อยู่ในปากก่อนจะไล้เลียมันจนในที่สุดน้ำลายก็ห่อหุ้มมันเอาไว้ทุกส่วน
“
ฉันมัวแต่ตะลึง ก็เลยยังไม่ได้ขอบคุณผู้ชายคนนั้น....นั่นน่ะ ฮีโร่ เลยนะ” โคงามิดึงนิ้วที่อยู่ในปากเขาออกไป
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหมอนั่นจะยังราบเรียบแต่นัยน์ตาสีดำกลับเต็มไปด้วยความต้องการที่สื่อผ่านออกมา
“
ฮึก....”
คิ้วจำต้องขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นที่ปิดลงกะทันหันเมื่อนิ้วที่เคยอยู่ในปากเมื่อครู่ตอนนี้กลับถูกดึงดันเข้าไปในช่องทางคับแน่นด้านหลัง
ถึงจะมีน้ำลายช่วยหล่อลื่นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ใบหน้าคมเหลือบสายตาลงไปมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
นิ้วถูกดึงออกมาและคราวนี้กลับเป็นปลายลิ้นของหมอนั่นเองที่แล่บออกมาเลียปลายนิ้วทั้งสองจนชุ่มโชกแล้วสอดใส่มันเข้าไปใหม่
ถึงจะรู้ว่าที่ทำไปนั่นเพราะว่าต้องการจะช่วยเขาไม่ให้เจ็บแต่ด้วยท่วงท่าและสายตาของเจ้าหมาล่าเนื้อตัวนี้มันก็มีแต่จะทำให้รู้สึกอาย
“
มานึกได้อีกทีก็ตอนที่ผู้ชายคนนั้นหายไปจากตรงหน้าแล้ว....แต่ฉันน่ะยังติดใจแล้วก็อยากจะขอบคุณมาโดยตลอด....เค้าไม่ได้แค่ช่วยชั้นเอาไว้แต่เพียงร่างกาย
แต่เค้าช่วยฉุดหัวใจที่กำลังจะจมลงสู่ความมืดของชั้นขึ้นมาด้วย” แล้วก็ทั้งๆที่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้นอยู่แท้ๆแต่ทำไมหมอนี่ถึงยังพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งๆแบบนี้ได้อีก
มันน่าโมโหนัก!
ทั้งๆที่เขาสติแทบจะกระเจิงไปไหนต่อไหนอยู่แล้ว!
“
จากวันนั้นฉันก็มาดักรออยู่ที่สนามเด็กเล่นนั่นตลอดเลย
แต่ก็ไม่เคยได้เจอเลยสักครั้ง ประกอบกับฉันขาหักเลยต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆกว่าจะได้กลับออกมาอะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนไปแล้ว....” เรียวนิ้วชุ่มโชกถูกขยับเข้าออกช้าๆ
ผนังภายในที่เสียดสีกับสิ่งแปลกปลอมมีแต่จะทำให้ต้องนิ่วหน้า
รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่หมุนวนไปมาจนร่างกายสะดุ้งน้อยๆ
“
ฮะ...อ้า...”
จะว่ารู้สึกดีก็ไม่เชิง จะว่าเจ็บแสบก็ไม่ใช่
ถึงจะโดนทำแบบนี้มาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไงกันแน่
“
ชั้นทนดักรออยู่แบบนั้นไม่ไหว เลยถามจากคนแถวนั้นจากลักษณะที่ค่อนข้างจะโดดเด่นของผู้ชายคนนั้นละนะ”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นช้อนขึ้นมองใบหน้าคมที่ก้มลงมามองด้วยรอยยิ้ม
เรียวนิ้วถูกถอนออกไปก่อนที่แกนกายร้อนผ่าวของโคงามิจะมาจ่ออยู่ที่ปากทางแทน
“
ก็เลยได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชื่อว่า...มาซาโอกะ
โทโมมิ....เป็นตำรวจในหน่วยสืบสวนของกรมความปลอดภัย”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างเพราะไม่เคยคิดเลยว่าโคงามิจะรู้จักพ่อของเขามาก่อน
แล้วนัยน์ตาที่เบิกกว้างอยู่นั้นก็ต้องกระตุกวูบเมื่อแกนกายใหญ่สอดใส่เข้ามารวดเดียวอย่างหมดความอดทน
“
อึ๊ก!!
อ๊า!!! ชะ ช้าๆโคงามิ!!”
ผนังภายในที่ถูกบดเบียดและเสียดสีด้วยความแข็งแกร่งที่ร้อนราวกับไฟทำให้ร่างกายเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างทั้งร่างหอบฮั่กทันที เช่นเดียวกับหยาดเหงื่อที่เกาะพราวไปทั่วใบหน้า
“
ฮะ อ๊า~”
ร่างกายของคนข้างบนขยับเข้าออกโดยไม่ฟังสิ่งที่บอก
นัยน์ตาสีดำที่มองลงมายังคงเต็มไปด้วยความปรารถนา ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะสั่นพร่าเล็กน้อยแต่ใบหน้าคมก็ยังกัดฟันพูดต่อไปด้วยความอดทน
“
ที่ฉันบอกว่าอะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนไปแล้วนั่นก็คือ....ช่วงหลังจากที่ชั้นออกมาจากโรงพยาบาล....ผู้ชายคนนั้นทั้งๆที่เป็นตำรวจแต่กลับถูกกักตัวในฐานะอาชญากรแอบแฝงไปซะแล้ว...” และถึงแม้ว่าสติที่พยายามจะรั้งเอาไว้จะเหลืออยู่น้อยเต็มที
แต่ทว่าหากเป็นเรื่องนี้นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นก็มักจะฉายแววเหงาหงอยออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
“
ฮ๊ะ?!
คะ โค?”
และเมื่อได้เห็นแววตาแบบนั้นมันก็อดไม่ได้ที่มือใหญ่จะยื่นเข้าไปหา
เอวบางถูกรวบขึ้นมาก่อนที่ร่างโปร่งจะถูกจับให้พลิกกายขึ้นมานั่งอยู่บนหน้าตักแข็งแกร่ง
“
ชินยะต่างหาก”
เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ใบหูแดงระเรื่อ
น้ำหนักของร่างกายทำให้รู้สึกว่าร่างของตัวเองจะถูกกดลงไปทำให้รับเอาแกนกายของโคงามิเข้ามาลึกยิ่งกว่าเดิม
มือใหญ่ดึงคอเสื้อเชิ้ตออกให้พ้นไหล่บางก่อนจะกดจูบลงไปจนขึ้นสีแดง
“
ถึงจะรู้ว่าคงไม่ได้เจอแต่ชั้นก็เลิกไปดักรออยู่ที่สนามเด็กเล่นนั่นไม่ได้
จนกระทั่งมีใครสักคนบอกฉันว่าบ้านของผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน....ฉันก็แค่เปลี่ยนที่ดักรอจากสนามเด็กเล่นไปเป็นแถวบ้านของผู้ชายคนนั้นแทน” ใบหน้าคมเงยขึ้นมองใบหน้าเรียวของคนที่นั่งอยู่บนหน้าตัก
ส่วนของร่างกายที่สอดประสานกันอยู่รู้สึกได้ถึงความร้อนระอุของเส้นเลือดที่เต้นตุบๆอยู่ภายใน
“
ฮ้า....ฮ้า.....” ริมฝีปากสีระเรื่ออ้าออกน้อยๆอย่างช่วยผ่อนลมหายใจ
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นในยามนี้มันช่างหวานเยิ้มจนน่าหลงใหล
ริมฝีปากรสบุหรี่ขยับยื่นเข้าไปใกล้ก่อนจะสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไป
“
อื้อ...อืม....”
จุมพิตที่หวานล้ำยิ่งทำเอาความต้องการที่เบื้องล่างพุ่งสูงขึ้น
และเมื่อใบหน้าคมละออกมา ลำตัวบางก็ถูกดันลงไปนอนกับพื้นโซฟาอีกครั้ง
เพราะถ้าอยู่ในท่านั่งคงจะไม่ทันใจคนกระทำ
“
แล้วชั้นก็ได้เจอ” นัยน์ตาสีดำจ้องมองลงไปในดวงตาภายใต้กรอบแว่นด้วยแววตาลึกซึ้ง
“
แต่คนที่ชั้นเจอไม่ใช่มาซาโอกะ โทโมมิ.......แต่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อายุน่าจะเท่าๆกับชั้น
หมอนั่นมักจะเดินออกมาจากบ้านด้วยใบหน้าเหงาๆ
ถึงแม้จะมีแว่นบดบังแต่ก็ซ่อนดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั่นไม่มิดหรอก....คนที่ฉันเจอคือนาย....มาซาโอกะ
โนบุจิกะ”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงกับคำพูดที่ได้ยิน
“
ฮ๊ะ อ๊า!
อะ....ชะ ชินยะ....”
ร่างกายแข็งแกร่งขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง
ราวกับจะยืนยันว่าทุกอย่างที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริง
โคงามิที่เฝ้ามองเขามานานแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง....
“
ครอบครัวของนายเป็นที่พูดถึงกันมากในย่านนั้น
เพราะงั้นฉันเลยได้ฟังเรื่องของนายมาจากพวกป้าๆนั่นเยอะทีเดียว” เรียวขาถูกจับแยกออกมากว่าเดิมเพราะแกนกายใหญ่ต้องการจะสอดใส่เข้ามาให้ได้ลึกที่สุด
แรงเสียดสีทำให้อารมณ์พุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกับเสียงคราง
“
อะ...อ้า....ฮะ....”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นลอยไปไกลเช่นเดียวกับสติที่เริ่มจะขาวโพลนไปตามแรงกระแทกจากเบื้องล่าง....โคงามินั้นช่างร้ายกาจ....หมอนั่นตั้งใจจะแกล้งเขาโดยการมาเล่าเรื่องที่เขาอยากรู้ขนาดนี้ตอนกำลังมีเซ็กซ์
เพราะนั่นมันทำให้เขาต้องพยายามรั้งสติเอาไว้เพื่อรับรู้ทุกคำพูด....และแน่นอนว่ามันจะต้องรับรู้ทุกเสียงทุกสัมผัสของร่างกายที่สอดประสานซึ่งกันและกันอยู่นี่ด้วย
“
ฮึ....น่าแปลกไหมล่ะ? จากที่เคยไปดักรอพ่อของนายเพื่อจะกล่าวคำขอบคุณสักครั้ง
จู่ๆกลับกลายเป็นว่าคนที่ชั้นไปดักรอกลายเป็นนายเฉยเลย” น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ร่างกายที่เบื้องล่างเองก็ยังคงกระแทกแทรกกายเข้ามาไม่ได้หยุด
“
อะ.....ชะ ชินยะ....”
จังหวะดึงออกที่เชื่องช้าก่อนจะกระแทกกลับมาด้วยความรวดเร็วนั้นมันช่างแสดงออกได้ดีถึงนิสัยดิบเถื่อนของอีกฝ่าย
เพราะคนที่ต้องรองรับอารมณ์นั้นอย่างเขาแทบจะขาดใจตายให้ได้....จุก...แต่ทุกความอัดแน่นนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกดี
“
นายชอบไปนั่งอยู่ที่ชิงช้าในสนามเด็กเล่นตอนพลบค่ำ
แล้วก็ทำท่าเหมือนรอใครบางคนกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าใครๆนายกลับทำเป็นเย็นชา
ทำเป็นไม่สนใจเสียงครหานินทา นัยน์ตาของนายมันแข็งกร้าวจนชั้นเกิดสนใจขึ้นมาเลยละโนบุจิกะ” สิ่งที่หมอนั่นพูดออกมาทำให้เผลอนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ
มันเป็นเรื่องจริงที่เขากับแม่มักจะโดนใครต่อใครเอาไปนินทา
เพียงเพราะว่าพ่อกลายเป็นอาชญากร....ตอนนั้นเขาทั้งโกรธทั้งตั้งใจจะเกลียดพ่อที่ทำให้เขากับแม่ต้องเป็นแบบนั้น....แต่เอาเข้าจริงตัวเองกลับไปนั่งรอคนที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับออกมาอีกหรือไม่อย่างไร้จุดหมายโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
“
จากใบหน้าเหงาๆ
นายทำยังไงมันถึงได้กลายเป็นใบหน้าที่มีแต่ความมุ่งมั่นได้...มันทำให้ฉันสนใจและละสายตาไปไหนไม่ได้ ทั้งๆที่ฉันตั้งใจจะคอยแอบดูแลนายแทนพ่อของนาย
แต่กลับกลายเป็นว่า นายทำให้แรงบันดาลใจของชั้นชัดเจนขึ้น”
“
ตอนนั้นชั้นตั้งใจแล้วว่าจะเป็นตำรวจ”
“
ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ
แต่นายกับชั้นก็มีความฝันร่วมกัน....ซึ่งมันเป็นเพราะพ่อของนาย....คนที่ถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากร”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นได้แต่มองไปที่ใบหน้าคมด้วยแววตาสั่นพร่าราวกับว่าน้ำตามันกำลังจะไหลออกมา
ทั้งร่างกายที่ยังคงเสียดสีกันอย่างหนักหน่วง
ทั้งหัวใจที่มันกำลังได้รับการเยียวยา....โคงามิกำลังบอกกับเขาว่า....การที่พ่อของเขาเป็นอาชญากรไม่ใช่เรื่องที่มีแต่อะไรแย่ๆ....ในความโหดร้ายนั้นมันก็ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่
เพราะอย่างน้อย.....ถึงแม้ว่าในตอนเด็กเขาไม่มีพ่อที่จะคอยอยู่เคียงข้าง
แต่กลับมีใครอีกคนที่พ่อส่งมาให้อยู่เคียงข้างเขา
จากคนที่ไม่มีใครรักกลับกลายเป็นคนที่ถูกรัก....
“
และถึงแม้ว่าจะมีตัวเลือกที่เลือกได้มากมายขนาดไหน แต่ชั้นก็ตัดสินใจเลือกที่จะเข้ากรมความปลอดภัยอย่างไม่ลังเล” ร่างกายแข็งแกร่งขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง
เช่นเดียวกับเสียงครางที่สอดรับอย่างบ้าคลั่ง
สองแขนบางโอบไปรอบลำคอเช่นเดียวกับท่อนแขนแข็งแรงที่สอดเข้ามาใต้ร่างแล้วโอบกอดมันเอาไว้จนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างร่างกายของเราเหลืออยู่อีก
“
อะ....อา....”
จุดสูงสุดของอารมณ์กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
มือใหญ่รั้งสะโพกมนเอาไว้ก่อนจะดึงแกนกายออกไปจนเกือบสุดแล้วกระแทกมันกลับเข้ามารวดเดียว
น้ำอุ่นร้อนฉีดพุ่งอยู่ภายในร่างกายเช่นเดียวกับที่มันกำลังไหลเลอะอยู่ที่หน้าท้อง
ร่างทั้งร่างกระตุกรับ ก่อนจะหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“
แฮ่ก....แฮ่ก......แล้วก็ต่อ.....ให้มีตัวเลือกมากมายขนาดไหน....ฉันก็จะเลือกนายอย่างไม่ลังเลเช่นกัน....โนบุจิกะ”
โคงามิทิ้งตัวลงมาทาบทับร่างของเขาที่แทบจะจมหายไปในโซฟา
อุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นค่อยๆปรับระดับลดลง
ลมหายใจหอบถี่ค่อยๆผ่อนจนกลับกลายมาเป็นปกติ
เขาได้แต่เหม่อมองกลุ่มผมสีดำยุ่งๆที่เกยอยู่ที่หัวไหล่ของเขา
สิ่งที่ซาบซ่านอยู่ในร่างกายและหัวใจดวงนี้ คือสิ่งที่ไม่คิดจริงๆว่าจะได้มาจากพ่อที่ทิ้งเขาไป
“
ตั้งแต่วันรายงานตัววันแรก ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นแผ่นหลังที่ฉันได้แต่เฝ้ามองของนาย
ชั้นก็สาบานกับตัวเองเอาไว้” เสียงทุ้มนั้นยังคงกระซิบอยู่ที่ใบหู
“
ว่าถ้าฉันพูดกับนายคำแรกได้เมื่อไหร่
นั่นคือวันที่ฉันจะเริ่มจีบนายอย่างจริงๆจังๆเสียที” เสียงสบายๆนั้นมันทำให้เขาเผลอหัวเราะน้อยๆ
ในใจรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
ร่างแข็งแกร่งขยับออกมาก่อนจะเท้าแขนจ้องมองใบหน้าของเขาจนรู้สึกอายต่อสายตาของหมอนั่น
“
ลุงน่ะ รักนายมากนะ” มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ชื้นเหงื่อให้พ้นใบหน้า
ก่อนจะจูบลงมาเบาๆที่หน้าผาก
“
หึ....รักยังไง ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายตัวเองคลุกคลีอยู่กับอาชญากรอย่างแกกันล่ะ?” ถึงจะประชดแต่ใบหน้าเรียวกลับมองกลับไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“
ก็เพราะรู้น่ะสิ....ว่าฉันจะดูแลลูกชายของเค้าได้” ใบหน้าคมยิ้มอย่างมั่นใจจนเขานึกหมั่นไส้
ริมฝีปากรสบุหรี่จูบลงไปที่กลีบปากสีระเรื่อเบาๆก่อนจะกอดกระชับลำตัวบางเข้ามาแนบอก
ใบหน้าคมฝังอยู่กับเส้นผมสีดำขลับที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
“
ถ้าลุงมาซาโอกะไม่รักนายมาก
คงไม่มีพ่อที่ไหนยอมทำใจปล่อยให้ลูกชายตัวเองอยู่กับอาชญากรที่ตัวเองก็เห็นกับตาว่ามีค่าไซโครพาสถึงขนาด
282 แบบฉันหรอก” เพราะรักกิโนะมาก
จึงพร้อมที่จะรักใครก็ตามที่ลูกชายรัก.....ใบหน้าคมค่อยๆเนียนกดจูบไปเรื่อยๆ
“
เดี๋ยวโคงามิ! นี่แกค่าไซโครพาสสูงขนาดนั้นเลยหรอ?!”
“
อื้อ....แล้วตอนนี้ก็อาจจะสูงกว่านั้นอีกก็ได้นะ...เพราะว่าฉันน่ะ....อยากจะกลืนกินนายเข้าไปทั้งตัวเลยละกิโนะ”
ใบหน้ายิ้มกริ่มทำเอามือบางยันออกไปแทบไม่ทัน
และแน่นอนว่าค่ำคืนนั้นคงไม่มีวันจบลงง่ายๆ
ตอนนี้กิโนสะ
โนบุจิกะ ชักจะไม่เชื่อในความรักที่คนที่ได้ชื่อว่าพ่อมีให้
จะให้เชื่อลงยังไงล่ะ?!
จะมีพ่อที่รักลูกคนไหนบ้างที่จะส่งเจ้าอาชญากรที่ชอบทำอาชญากรรมกับเขามาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.(ละมั้ง กร๊ากกก)
เอิ้ก...ใครตามเฟสอยู่คงจะรู้ว่าแรงบันดาลใจของตอนนี้มันมาจากไหน
ฮ่าๆๆ ก็เวปเรดิโอของ Psycho Pass นั่นแหละ ตอนที่ 8 อ่ะ น่าร้ากกกกกกกก แอบก๊อปมาแปะ
(ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากมันเดามั่วมาค่ะ555)
ก็เค้าเปิดรายการวิทยุด้วยบทพากย์น่ารักๆ(??)ของคุณโคกิโนะ
แล้วก็ชิออง...คือ...มันคือ มีเด็กผู้หญิงมาหาพ่อหรือหลงทาง?ที่กรม
ซึ่งชิอองกับคุณโคไปเจอเข้า คุณโคก็เลยถามเด็กว่าพ่อเป็นใคร?
รู้สึกว่าเด็กจะจำชื่อพ่อไม่ได้
แต่บอกได้แค่ว่าพ่อใส่แว่น...แล้วก็บอกลักษณะเฉพาะอะไรอีกซักอย่างมั้ง(ฟังไม่รู้เรื่องค่า)
ซึ่งมันทำให้คุณโคกับชิอองคิดว่า...นี่ต้องเป็นลูกสาวของกิโนะแน่ๆ!! (กร๊ากกกกกกก คือบอกว่าเป็นพ่อนี่ขอเถียง แต่ถ้าเป็นแม่ก็ว่าไปอย่าง555)
จากนั้นมีโทรศัพท์มาทำให้ชิอองต้องออกไป ก็พอดีกับที่กิโนะมาตาม(?)คุณโคพอดี เลยได้อยู่กันแบบพ่อแม่ลูก(ผิด!!) เอ่อ...คุณโคเลยถามกิโนะว่านี่ลูกนายกับชั้น?ไม่ใช่หรอ? ฮ่าๆๆๆ
กิโนะเลยโวยไปยกใหญ่ว่าไม่ใช่ว้อยยยย โอยยยย น่ารักอ่า >/////<
นั่นแหละค่ะ....เลยได้ออกมาเป็นหมายเลขยี่สิบหกแบบงงๆอย่างที่เห็น
^ ^”
ขะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วด้วยนะคะ แหะแหะ ดีใจ >////<
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
ปล.ขออนุญาติถมชมพู(?) เพราะตอนนี้ไม่ได้ติดเรทที่บลอคแล้ว กลัวคนดีจะเปิดมาเจอเข้าเดี๋ยวจะผงะไป555 ใช้ Ctrl A เอาแล้วกันเด้อ ทำไมมันถมสีเดียวกับสีพื้นไม่ได้ฟร๊าาาา
"เพราะว่าชั้นน่ะ อยากจะกลืนกินนายเข้าไปทั้งตัวเลยล่ะกิโนะ"
ตอบลบอ้ากกก สกรีม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อ่านแล้วม้วน จนกลมเป็นลูกเบสบอลได้แล้ว >_<
สู้ ๆ ค่ะ ขออีกทีได้มั๊ย อ๊าาากกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!
><
Zzz31 เองค่า
เปลี่ยนนามปากกาใหม่ อิอิ
.....เขิน...เอิ่ม จนด้วยคำพูดค่ะเพราะมันเขินมาก ตอนนี้กิโนะน่ารักขึ้นเรื่อยๆ อ่ะแพ้ทางโคจังแบบสุดๆ ชอบตอนที่บรรยายฉากที่โคกะกิโนะอยู่ด้วยกัน โดนมองด้วยสายตาสุดเร่าร้อนแบบนั้นมันก็..แต่ไม่ใช่แค่กิโนะที่เขินหรอกค่ะคนอ่านก็บิดไปบิดมาแทบจะตกเก้าอี้เลยทีเดียว แล้วถ้าได้สบตากับคุณโคแถมได้ยินเสียงเซ็กซี่ๆ ข้างหูจริงๆ ล่ะก็ โอ๊ยยยย ฟินค่ะฟิน ณ จุดนี้ สำหรับเราอะนะถึงไม่ได้สบตา แค่คุณโคผ่านแวบเข้ามาในสายตาหรือโฟกัสไปเจอเข้าจิตใจคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว(ว่าไปนั่น...หุหุ) แต่งคู่นี้ต่อนะคะสนุกมากๆ เลยถ้าแทรกโชโกะคุงมาเป็นมือที่สามอีกคงมันส์น่าดู แอ้ก... โดนกระบองไฟฟ้าจี้
ตอบลบเป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่าลืมมาแต่งต่ออีกนะคะ
“ ฉันรู้สึกได้ว่าค่าไซโครพาสของแกกำลังสูงขึ้นนะ เจ้าอาชญากร!” ใบหน้าเรียวหันมามองด้วยสายตาจิกกัด ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ <<///<
ตอบลบอ่านๆไปกิโนะนี่เรียกได้ว่าเป็นโลกทั้งใบเลยนะคะเนี่ย แบบว่าเป็นเป้าหมายในการทำงานด้วยอะไรด้วย
ว่าแต่...แอบไปสู่ขอลูกชายคุณลุงตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี่ยคุณโค! ฮาาา
ปล.ยังไม่ได้ฟังเรดิโอสักอันเลยค่ะ สงสัยต้องไปหามาฟังโดยด่วนละ
อะเร๊ะ ทำไมที่พิมหายไปนิดนึง เอาใหม่ๆ
ตอบลบ“ ฉันรู้สึกได้ว่าค่าไซโครพาสของแกกำลังสูงขึ้นนะ เจ้าอาชญากร!” ใบหน้าเรียวหันมามองด้วยสายตาจิกกัด ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ - อ่านตอนนี้แล้วขำก๊ากเลยค่ะ กิโนะราชินีน่ารักมากกกกกกก