Gintama S.Fic [Sougo x Kagura] To be Continue…


Gintama S.Fic [Sougo x Kagura]    To be Continue…

: Gintama  Fanfiction
: Okita sougo x Kagura 
: Romantic
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ (จะเตือนทำด๋อยอะไรวะ?)









เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อร่างของนายตำรวจติดอาวุธในชุดสีดำเดินเข้าไป เสียงใสของสาวเสิร์ฟร้องทักตามปกติ แต่เมื่อมองมาเห็นว่าคนที่กำลังก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนคือหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งแห่งชินเซ็นคุมิ สาวน้อยในชุดผ้ากันเปื้อนก็ถึงกับกลัวลนลานจนเผลอทำถาดในมือร่วง


ทั้งๆที่มีหน้าตาน่ารักและรูปร่างสมส่วนตามมาตรฐานของเด็กหนุ่มทั่วไป แต่ทว่ากลับไม่มีใครยอมเข้าใกล้เด็กหนุ่มคนนี้ ด้วยรู้กันดีว่า...


หน้าตากับนิสัยนั้นไปกันคนละทาง.....


และดูท่าว่า โอคิตะ โซโกะ เองก็จะพอใจให้เป็นแบบนั้น ยังคงชอบใจที่ได้ทำให้ใครๆหวาดกลัวและยังคงยิ้มรับกับตำแหน่งเจ้าชายแห่งดาวซาดิสอย่างหน้าชื่นตาบาน.....เด็กหนุ่มเดินไปนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ริมหน้าต่าง การแกล้งคนก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขา แต่นอกจากพวกผู้ก่อการร้ายหรือเป้าหมายแล้ว ก็ใช่ว่าเขาจะแกล้งใครก็ได้เสียที่ไหนกัน....กับคนอ่อนแอและไม่ควรค่าน่ะ....เขาไม่สนใจหรอก


เสียงหยดน้ำกระทบลงกับผนังกระจก ก่อนฝนจะตกซู่ลงมาอย่างหนัก  เด็กหนุ่มได้แต่นั่งมองสายฝนที่น่าเบื่อหน่าย เพราะมันทำให้การเดินตรวจตราอันเป็นหน้าที่ของเขาต้องล่าช้า นัยน์ตาสีแดงกลมโตสะท้อนเงาของกระจก ข้างนอกเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น


และเมื่อจานอาหารกลางวันของเขาถูกยกมาวางที่ตรงหน้า ก็ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจสิ่งรอบกายอีกต่อไป   มือยกตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากพรางเหลือบไปมองที่นอกหน้าต่างเป็นระยะๆ ไอเย็นไหลผ่านกระจกใสเข้ามาให้รู้สึกได้ ข้างนอกคงจะหนาวน่าดู ผู้คนถึงได้หายไปกันจนหมด


แกรก....


มือวางตะเกียบลงบนจานเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเงาสีแดงๆกระโดดไปมาอยู่ในสายฝน.....


คนบ้าที่ไหนกัน ออกไปเล่นน้ำฝนที่ตกกระหน่ำราวกับพายุเข้าแบบนี้....


และเมื่อยิ่งมองความรู้สึกที่คุ้นเคยก็ยิ่งส่งผ่านมา ทั้งใบหน้าสดใสและนัยน์ตากลมโตที่มีสีราวกับท้องทะเล ทั้งท่วงท่าที่ดูเบาเหมือนปุยนุ่นที่ลอยอย่างอิสระ คนที่จะใช้ร่างกายได้แบบนี้คงมีอยู่เพียงคนเดียว....ยัยเด็กหมวยนั่น




และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาละจากจานอาหารและร้านที่อบอุ่น มายืนหลบอยู่ใต้ชายคาเพื่อมองคนที่ยังวิ่งเล่นโดยไม่สนใจในความเปียกปอนอยู่แบบนั้น


ทั้งๆที่ท่อนแขนขาวๆนั่นก็ถือร่มอยู่แต่กลับไม่คิดที่จะใช้.....


เป็นเพราะวันนี้ฝนตกท้องฟ้าเลยมืดมัว.....


ยัยเด็กนั่นกลัวแสงอาทิตย์.....


และคงคิดมาตลอดว่าอยากจะวิ่งเล่นโดยไม่ต้องกางร่มเหมือนเด็กทั่วๆไป....


ถ้าหากไม่มีสายเลือดของยาโตะแล้วละก็......





แต่ถ้าหากยัยหมวยนั่นไม่ได้มีสายเลือดของยาโตะ ถ้าหากยัยหมวยนั่นไม่ได้แข็งแกร่งแบบนั้น ยังจะทำให้เขาสนใจได้อยู่หรือเปล่านะ....







นานแค่ไหนกัน ที่ได้แต่ยืนเฝ้ามองอยู่เงียบๆแบบนั้น....


เสียงสายฝนที่ตกกระทบชายคาดูเหมือนจะลดจังหวะและความหนักหน่วงลงเรื่อยๆ จากลานกว้างๆในสวนสาธารณะที่ไร้ผู้คน บัดนี้เริ่มมีเงาร่างภายใต้ร่มสีสันสดใสมาเดินกันประปราย และสิ่งที่ดูจะแปลผกผันกับสภาพแวดล้อมรอบกายนั่นก็คือท่วงท่าที่เริ่มจะเชื่องช้าลงของเด็กสาวในชุดสีแดง


จนกระทั่งแสงแดดอ่อนๆสามารถลอดผ่านก้อนเมฆลงมากระทบผืนดิน ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พร่างพรายไปด้วยหยดน้ำเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับมีดวงอาทิตย์มากมายรายล้อมร่างกาย ร่างเล็กๆของเด็กสาวกลับเดินสวนทางกับผู้คนที่เดินออกมาจากที่หลบฝน


ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอยู่จนถึงเมื่อครู่ดูเหมือนจะสลดลง นั่นเพราะไม่ว่ายังไง พระอาทิตย์ก็ไม่มีวันที่จะหายไปอย่างแน่นอน...


ร่างเล็กๆที่เปียกปอนเดินเข้าไปหลบอยู่ใต้ชายคา เมื่อสายฝนกลายเป็นแสงแห่งท้องฟ้าไปจนหมด นัยน์ตาสีท้องทะเลกลมโตจับจ้องมองแสงสว่างและผู้คนที่เดินอยู่ภายใต้แสงนั้นอย่างอิจฉา ใบหน้าสดใสกลายเป็นเซื่องซึม ขาที่เคยกระโดดอย่างสนุกสนานกลับค่อยๆทรุดนั่งลงที่ข้างฟุตบาท นัยน์ตาคู่นั้นยังคงมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนที่เฝ้ามองตนอยู่





ไม่ว่าเมื่อไหร่.....ยัยเด็กนั่นก็มักจะหลบอยู่ในเงามืด

มันมิใช่เพียงเป็นแค่เงาของร่ม แต่มันคือเงา......ของสายเลือด...

ที่ทำให้เธอไม่อาจหลุดพ้นจนได้รับอิสระ





นัยน์ตาสีแดงจ้องมองใบหน้าของเด็กสาวที่ได้แต่นั่งถอนหายใจ ร่างเล็กๆนั่นลุกขึ้นยืนก่อนที่ร่มในมือจะถูกยกขึ้นมา


ใบหน้าของเด็กหนุ่มก้มลงมองที่เสื้อคลุมของตัวเอง....ดูเหมือนจะเปียกไปนิดหน่อย


เด็กสาวเงยหน้ามองไปข้างหน้า มือขยับไปที่คันร่ม


มือของเด็กหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกมา


และยังไม่ทันที่ร่มจะกาง มือของใครบางคนก็คว้ามันไปเสียก่อน


ข้อมือที่เคยถือร่มถูกมือที่อบอุ่นของใครคนนั้นดึงให้ตามไปโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีท้องทะเลได้แต่ปิดลงตามสัญชาติญาณเมื่อรับรู้ว่าเงามืดของชายคากำลังจะหายไป


แต่แสงแดดกลับไม่แผดเผาอย่างที่คิด.....


แสงอาทิตย์ที่ทำให้ร่างกายแทบจะแห้งตายได้ ในวันนี้มันกลับอบอุ่น....





นัยน์ตาสีท้องทะเลข้างหนึ่งลองเปิดขึ้นมองอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่แล้วดวงตาอีกข้างก็ต้องเบิกกว้างตามมาอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ่งที่เห็นคือวงแขนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ปรับซึ่งกำลังขยับเสื้อคลุมอยู่เหนือศีรษะของตน


น่าแปลก....เงาเล็กๆที่เกิดจากเสื้อคลุมสีดำซึ่งไม่เคยชอบใจเลยนั้นกลับปกป้องเธอเอาไว้จากแสงอันร้อนแรง


โซโกะปล่อยมือออกจากข้อมือเล็ก พร้อมๆกับอีกมือที่ปล่อยเสื้อคลุมของตนลงบนหัวของเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้าน่ารักมองสวนกลับมาอย่างงงๆ


“ ละ.....ลื้อ....?”


“ อยากได้คืนไหมล่ะ...ไอ้นี่น่ะ?”        มือยกร่มของคางุระให้ดูพรางทำหน้ากวนประสาท จากใบหน้าที่ยังงงกับการกระทำของคนตรงหน้ากลับเริ่มที่จะแยกเขี้ยวใส่     “ ถ้าอยากได้คืนก็ไล่จับฉันให้ได้สิ ยัยหมวย”      ขายาวเริ่มออกวิ่ง ตามมาด้วยเสียงตะโกนด่าทอไล่หลังมาติดๆ


“ ไอ้ตี๋ไม่เต็มบาท เอาร่มอั๊วะคืงมานะ!       ร่างเล็กๆออกวิ่งตามไป....โดยไม่ต้องใช้ร่ม.....


มีเพียงเสื้อคลุมสีดำเท่านั้นที่อยู่บนหัว 


ถึงแม้จะเป็นการวิ่งไล่ล่า แต่ใบหน้าของเด็กสาวก็กำลังยิ้มอย่างสดใส ให้คนที่หันกลับไปมองยิ้มอย่างพึงพอใจ.....



แค่นี้ก็พอแล้วละ.....







แสงแดดยามเย็นฉาบไล้ไปทั่วสวนสาธารณะ ส่องกระทบร่างสองร่างที่นั่งหอบตัวโยนอยู่บนพื้น ใบหน้าของทั้งคู่มีเหงื่อเกาะพราวแต่มันกลับสดใสราวกับไม่ได้เพิ่งไปวิ่งไล่ฆ่ากันมา และเมื่อลมหายใจเริ่มจะสงบ นัยน์ตาสีท้องทะเลก็เหลือบมองคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง กลิ่นของผู้ชายคนนี้ยังคงโอบล้อมร่างกายของเธอเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมที่ยังคงอยู่บันหัว


ใช่ว่าจะเดาเหตุผลของการกระทำทั้งหมดไม่ออก...ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาก็เพียงแค่อยากให้เธอได้ออกไปวิ่งอยู่ท่ามกลางแสงตะวันอันอิสระ...


แต่ที่ไม่เข้าใจคือ....หมอนั่นจะทำไปเพื่ออะไร.....


“ นะ...นี่......อั๊วะไม่อยากจะบอกลื้อหรอกนะ...แต่ก็...........ขอบใจ”        เด็กสาวเสนัยน์ตากลมโตไปอีกด้านพร้อมด้วยใบหน้าแดงระเรื่อที่ก้มงุด ให้โซโกะเผลอมองด้วยไม่อาจละสายตาได้กับการกระทำที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย


“ ไม่ต้องหรอก.....เพราะที่จริงแล้วฉันกะว่าจะได้เห็นเธอแห้งตายกลางแดด....ก็ไม่ได้คิดว่าอากาศมันจะดีแบบนี้”        ทั้งๆที่คำพูดนั้นแสนจะยียวนแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปกลับราบเรียบราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ของอะไรบางอย่าง 


คางุระเงยหน้าขึ้นมาอย่างหาเรื่องเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด ใบหน้าเล็กทำหน้าบูดทั้งๆที่ในดวงตานั้นหามีแววแห่งความเคืองโกรธไม่


“ อะ...อาตี๋หัวเป็ด! ลื้อไปตายซ้า!!!     ลำตัวเล็กๆหมายจะพุ่งใส่ให้อีกฝ่ายหงายหลัง แต่เด็กหนุ่มก็รู้ทันก่อนจะเอี้ยวตัวหลบ ร่างแข็งแรงกระโดดลุกขึ้นยืนก่อนที่มือจะดึงเสื้อคลุมที่อยู่บนหัวของเด็กสาวไปพาดบ่าของตนเอาไว้  แล้วมืออีกข้างก็ยื่นร่มคืนมาให้


“ เอาเถอะ...ได้วิ่งเล่นกับยัยหมวยบ้าพลังอย่างเธอมันก็ไม่เลวร้ายนักหรอก....”


“ แล้วก็....ถ้าอยากจะยืมเสื้อของชั้นอีกก็ได้นะ....”          คำพูดนั้นกลืนหายไปกับสายลมเช่นเดียวกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ถูกแสงสีส้มของดวงอาทิตย์นั้นบดบัง แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็มองตรงมาด้วยดวงตาสั่นไหว


“ อืม....แต่ขอแลกกับการหักแขนของเธอเล่นซักข้างสองข้างน่ะนะ”         เสียงหัวเราะแผ่วเบาถูกทิ้งเอาไว้พร้อมกับคำพูดกวนๆ ร่างของเด็กหนุ่มเดินหายไปนานแล้ว แต่เด็กสาวก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม


“ ไอ้ตี๋บ้า...ไอ้คงซาดิส....”         คงเป็นเพราะไปวิ่งมาทั้งวัน....ใช่เพราะแบบนั้นแน่ๆ.....หน้าถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวราวกับไฟ...ใช่......มันคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก.....




















เรือรบลำใหญ่มากมายกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า ให้เหนือมหานครเอโดะยามนี้มีแต่ความมืดมิดเข้าครอบงำ


ไม่รู้ว่าเกิดขัดใจอะไรกับคนใหญ่คนโตในบาคุฟุทำให้จู่ๆกลุ่มโจรสลัดที่ร้ายกาจที่สุดในจักรวาลอย่างฮารุซาเมะก็มุ่งหน้าเข้าปะทะกับเอโดะ....ไม่มีใครรู้สาเหตุเพราะบัดนี้มีแต่เสียงหวีดร้องและผู้คนที่วิ่งกันโกลาหล ระเบิดหลายต่อหลายลูกถูกส่งลงมายังพื้นดินให้บ้านเรือนนั้นหายไปเกือบสิ้นในชั่วพริบตา


ท่ามกลางฝุ่นควันและซากปรักหักพังนั้นยังมีกลุ่มคนที่ยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องเอโดะตามคำสัตย์ปฏิญาณที่เคยให้ไว้.....เหล่าชายชาตินักรบที่อยู่ในชุดสีดำ....ตำรวจติดอาวุธชินเซ็นคุมิ!


“ ดูท่า...คราวนี้คงจะแตกหักกันจริงๆไอ้พวกสลัดอวกาศนั่นถึงได้บุกกันเข้ามาไม่หยุดหย่อนแบบนี้”       ใบหน้าขึงขังที่หาได้ยากของคอนโด อิซาโอะเอ่ยออกมาในขณะที่ยืนกอดอกบัญชาลูกน้องอยู่ท่ามกลางสมรภูมิเลือด


“ นั่นสินะครับคอนโดซัง....พวกตัวอันตรายๆถึงได้ถูกส่งเข้ามาเพี้ยบแบบนั้น....”        น้ำเสียงราบเรียบที่ใช้นั้นดูจะตรงข้ามกับรูปประโยคที่เอ่ยออกมา ถึงจะพูดเหมือนหวาดกลัวต่อศัตรูแต่ทั้งใบหน้าที่ยังไม่ทุกข์ร้อนทั้งท่วงท่าที่แค่ถือบาซูก้าพาดเอาไว้บนบ่าอย่างสบายๆก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่าหัวหน้ากองที่หนึ่งแห่งชินเซ็นคุมิคนนี้จะรู้สึกรู้สาอะไรกับ “พวกตัวอันตราย” ที่ตนพูดนัก


“ โฮ่ยโซโกะ....ระวังไว้หน่อยก็ดี นายเองก็รู้จักพิษสงของยัยหนูเผ่ายาโตะที่อยู่กับเจ้ารับจ้างสารพัดนั่นดีนี่นา....ได้ข่าวมาว่าในฮารุซาเมะเองมีกองพันที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีผู้นำเป็นคนเผ่ายาโตะเหมือนกันนะ”


“ งั้นก็ดีสิครับ....ผมจะได้เชือดมันแทนยัยหมวยแสบนั่น”


แกรก....


เสียงขยับปากกระบอกปืนบาซูก้า แต่ไม่ได้มาจากโอคิตะ โซโกะ.....กลิ่นบุหรี่ลอยเข้ามาในจมูกเมื่อร่างสูงของรองหัวหน้าแห่งชินเซ็นคุมิเดินเข้ามาใกล้สองคนที่ยืนคุยกันอยู่ก่อนแล้ว


“ โซโกะ แกไปคุมพื้นที่แถบคาบุกิโจไป...ทางนี้ฉันจะคอยดูเอง”      นัยน์ตาสีแดงกลมโตเหล่มองใบหน้าคมที่ยังคงคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก ก่อนจะพยักหน้ารับส่งๆ


“ คร้าบๆ....ผมไม่อยู่แบบนี้อย่าด่วนตายหองกันไปซะก่อนล่ะคร้าบ....คุณฮิจิคาตะน่ะต้องตายด้วยมือผมเท่านั้นนะคร้าบ”       ก่อนที่แผ่นหลังจะหายไปก็ยังไม่วายแอบกัดคู่แค้น แต่แทนที่จะโกรธ ฮิจิคาตะกลับหันไปมองด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก


“ ไอ้เด็กเปรตนี่...คนเค้าอุตส่าห์ใจดี....เหลือบมองเป็นร้อยๆครั้งแบบนั้นใครมันก็รู้วะว่าเจ้านั่นมันห่วงอะไรอยู่....เฮ๊อะ ทำมาพูดดี”


“ ฉันก็อยากไปมั่งอ่ะโทชิ....โอทาเอะซังคงกำลังขวัญผวารอฉันไปปลอบอยู่แน่ๆเยย....”      


“ ผมว่า เค้าคงรอกระซวกคุณแล้วทำเนียนเป็นว่าคุณตายในหน้าที่อยู่มากกว่า.....”










ถึงแม้ใบหน้าจะยังคงนิ่งเฉย แต่ในใจกลับร้อนรนจนน่าประหลาด ขาทั้งสองข้างวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงคาบุกิโจให้เร็วที่สุด....เจ้าพวกนั้น.....น่าจะยังคงอยู่ที่นั่น เพื่อปกป้องพวกพ้องของตนเอง


เงาดำทะมึนพาดทับลงมาที่พื้นดินให้นัยน์ตาสีแดงของเด็กหนุ่มเหลือบขึ้นไปมอง เรือรบของสลัดอวกาศลำหนึ่งลอยต่ำลงมาเหนือน่านฟ้าคาบุกิโจ ธงที่โบกสไวเต็มไปด้วยเลข 7 ....หรือว่านั่นคือกองพันที่เจ็ดแห่งฮารุซาเมะ....ที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุด


เงาร่างของใครบางคนกระโดดออกมาจากเรือ ท่วงท่าเบาสบายราวกับบินได้ของคนคนนั้นทำให้โซโกะหยุดยืนมอง ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลังแต่ก็ทำให้นัยน์ตาสีแดงถึงกับเบิกกว้าง....ร่มแบบนั้น....แล้วยังจะสีผมที่เหมือนกันราวกับแกะ....แถมรูปร่างก็แทบไม่ได้ต่างกันกับเขา....ถ้าจะให้เดาก็น่าจะมีอายุมากกว่ายัยเด็กนั่นไม่กี่ปี....เป็นไปได้ว่า.........


อาจจะเป็นญาติ....หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็อาจจะเป็น....พี่ชาย....


เลือดในกายร้อนระอุขึ้นมาทันที ความกังวลแบบนี้ไม่ได้เกิดมานานแล้วตั้งแต่ที่พี่สาวของเขาเสียไป ขาเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง....ไปยังที่ที่เด็กหนุ่มเผ่ายาโตะคนนั้นกระโดดลงไป....


กลุ่มคนที่วิ่งหนีตายสวนทางออกมาไม่ได้ทำให้เขาถอยหนี ถึงแม้จะโดนชนหลายต่อหลายครั้งแต่ร่างกายก็ยังคงวิ่งต่อไป นัยน์ตาเหลือบมองสองข้างทาง เพื่อมองหาแผ่นหลังเล็กๆของยัยเด็กคนนั้น.....ถึงจะรู้ดีว่ายัยหมวยนั่นเก่งกาจ แต่ก็คงไม่อาจเทียบได้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในฮารุซาเมะ


ท่ามกลางฝุ่นควันและเปลวไฟ เงาที่คุ้นตาของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวผ่านหน้าไป และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับชะงักก่อนจะหันหลังวิ่งตามไป





“ ฉันไม่ได้มาสู้กับคนอ่อนแออย่างเธอ....ถอยไป.....”       เสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ไม่ไกล และเมื่อโซโกะวิ่งพ้นตรอกคับแคบออกไป เงาร่างคุ้นตาก็กำลังยืนประจัญหน้ากับเด็กหนุ่มเผ่ายาโตะคนนั้นอย่างที่ตนกังวลจริงๆเสียด้วย


“ แต่อั๊วะจะหยุกลื้อให้ได้ อาเฮียบ้า”     ท้ายประโยคนั่นทำให้โซโกะถึงกับนิ่งงัน.....อาเฮีย......นั่นหมายความว่าศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาดันเป็นพี่ชายของยัยหมวยนี่จริงๆ  นัยน์ตาสีแดงได้แต่ยืนมองภาพสองคนตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก


สำหรับคางุระแล้วกำลังตั้งท่าเตรียมต่อสู้เต็มที่....แต่ฝ่ายพี่ชายกลับยังคงยืนยิ้มสบายๆโดยมิได้มีทีท่าว่าจะชักร่มออกมา


ยิ่งได้เห็นเบื้องหน้าแบบนี้ ยิ่งคล้ายกันมาก....คล้ายกันจริงๆ....พี่ชายกับน้องสาวคู่นี้.....


และมันทำให้เขานึกไปถึงพี่สาวที่ตายไปแล้วของตน....




.....คา....มุ.....อิ...!!!!”         เด็กสาวไม่รีรอ ร่มคันเล็กตรงเข้าปะทะหมายจะซัดพี่ชายให้กระเด็น


โครม!!!


แต่ทว่ากลับกลายเป็นโดนแขนแข็งแกร่งข้างนั้นซัดกลับมาแทน ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นมาจากซากตึกที่ถูกร่างของคางุระกระแทกจะแหลกเละ  ร่างของเด็กสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินโงนเงนออกมาอย่างช้าๆ


ทั้งๆที่เห็นแบบนั้น แต่คนที่ได้ชื่อว่าพี่ชายกลับไม่สนใจใยดี  ใบหน้าที่เคยยิ้มสบายๆกลับแสยะยิ้มราวกับปีศาจผู้ร้ายกาจ สายตาและจิตสังหารถูกส่งเข้าหากันนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนดูอยู่ไม่เข้าใจ.....ในเมื่อมีสายเลือดเดียวกัน.....แล้วทำไม......


ร่างทั้งสองต่างพุ่งเข้าหากัน ปลายเท้าของคางุระเสือกไปที่ก้านคอของผู้เป็นพี่ก่อนที่จะโดนสวนกลับมาเมื่อขาแข็งแรงตวัดตัดข้อเท้าอีกข้างให้ร่างเล็กๆของเด็กสาวเสียการทรงตัว


ผลั๊วะ!!!


แล้วหน้าแข้งก็เตะมาเต็มๆที่ลำตัวบางจนร่างของเด็กสาวกระเด็นออกมาด้วยความรุนแรง.....และนั่นทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มที่ยืนดูอยู่พุ่งเข้าไปรับเอาไว้ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ


โครม!!!


ทั้งความเร็วและความแรงทำให้แผ่นหลังของโซโกะฝังลงไปในผนังที่แตกร้าวจนร่วงลงมาเป็นผุยผง คนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นกำลังจุกจนตัวงอ


แค่ก...แค่ก.....      ริมฝีปากของเด็กสาวไอออกมาเป็นเลือด ท่าทางว่าลูกเตะเมื่อครู่จะไม่ได้มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย


เฮ้ๆ....หมอนั่นเป็นพี่ชายเธอไม่ใช่หรอ....แล้วทำไมซัดกันซะไม่บันยะบันยังแบบนี้ล่ะ        สองมือจับไหล่เล็กก่อนจะช่วยพยุงคนที่ยังเจ็บให้มานั่งพิงกำแพงเอาไว้


แค่ก....ละ....ลื้อ ?       นัยน์ตาสีท้องทะเลเหลือบขึ้นมามองอย่างแปลกใจด้วยไม่คิดว่าจะเห็นเขาอยู่ตรงนี้ เขาเพียงแค่มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลของคนตรงหน้าก่อนจะยืนขึ้นหันหลังให้ เพื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายยัยเด็กนั่น


คนที่ไม่เห็นคุณค่าของครอบครัว....ทั้งๆที่ตัวเองยังคงมีมันอยู่....


มือของเด็กหนุ่มกำแน่นเมื่อนึกถึงพี่สาวที่ตายไปแล้วของตน....


ฮึ....โลกเรานี่มันก็น่าสมเพช....หมอนั่นทั้งๆที่ยังมีน้องสาวแต่กลับทิ้งขว้าง....ส่วนเขา....ทั้งๆที่พยายามไขว่คว้าแทบตายแต่พี่สาวเพียงคนเดียวก็ไม่อาจหวนคืนกลับมา.....


ยิ่งคิดมันยิ่งน่าชิงชังยิ่งนัก.....กับคนแบบหมอนั่น!!!






นั่นมันน้องสาวแกไม่ใช่หรือไง ?        ใบหน้าของเด็กหนุ่มนิ่งสนิท แค่เห็นยัยเด็กนั่นโดนทำร้ายโดยคนอื่นก็ไม่พอใจจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่คนที่ทำร้ายดันเป็นพี่ชายแท้ๆแบบนี้อีก....ความโกรธเลยยิ่งทวีคูณ


เห๋ ?..... น้องสาว ?.....ไอ้เรื่องที่ทำให้อ่อนแออย่างครอบครัวน่ะ....ฉันไม่มีมานานแล้ว....ไม่ว่าใครที่มันมาขวางทางของฉัน ฉันก็จะทำลายมันให้หมดก็เท่านั้นเอง       เจ้าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปยิ้มหน้าเป็นตามเดิม แต่ดูท่าว่าจิตสังหารมันจะไม่ได้เบาบางตามหน้าตาไปด้วยเลยแม้แต่น้อย


คนแบบนี้....เขารู้จักดี......ดูภายนอกเหมือนจะไม่มีพิษสงแต่คงจะคบไม่ได้.....


นั่นเพราะ.....เขาเองก็เป็นคนแบบนั้นเช่นกัน!




โอคิตะ โซโกะ....หัวหน้าหน่วยที่หนึ่ง ชินเซ็นคุมิ....


โหว ?..........คามุอิ....กองพันที่เจ็ดแห่งฮารุซาเมะ



เคร้ง!!!!



สิ้นคำประกาศชื่อของตนตามวิถีนักรบ ดาบญี่ปุ่นเงาวับก็ปะทะกับร่มของเผ่ายาโตะทันที  


ปกติแล้วคามุอิถนัดใช้ร่างกายที่พลิ้วไหวในการต่อสู้ แต่ดูจากจิตสังหารแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าซามูไรตรงหน้านั้นไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย มือจึงคว้าร่มมาใช้ในทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ


ใบหน้าน่ารักเปลี่ยนจากแปลกใจไปเป็นถูกใจและดูเหมือนจะสนุกสนานกับการต่อสู้ มีหลายต่อหลายครั้งที่คมดาบเกือบจะตัดคอตัดแขนเขาได้ ซึ่งถือว่ามันร้ายกาจพอดู เพราะใบหน้าและท่วงท่าของคนตรงหน้าเองก็ดูเหมือนไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก


เป็นคมดาบที่เข้าขั้นอัจฉริยะ.....


แต่ยิ่งเป็นแบบนั้นยิ่งอยากจะต่อสู้ ยิ่งอยากจะเอาชนะ.....


การต่อสู้ผ่านไปหลายต่อหลายนาที ต่างฝ่ายต่างผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ....หากจะเทียบคงต้องบอกว่าฝีมือและมันสมองที่มีนั้นออกจะสูสีทีเดียว....ไม่มีหมัดที่สูญเปล่า ไม่มีคมดาบที่คาดหวังไม่ได้....นี่ถ้าคู่ต่อสู้ของแต่ละคนเป็นผู้อื่น....ก็คงจะเอาชีวิตได้ไปหลายร้อยหลายพันคนแล้ว


คมดาบผ่าลงมาเกือบจะกลางหัว ดีที่ว่าร่มนั้นช่วยรับเอาไว้ได้ทัน คามุอิแสยะยิ้มอย่างถูกใจ เพราะไม่นึกเลยว่าจะยังมีคนที่มีฝีมือขนาดนี้อยู่บนโลกนอกจากซามูไรหัวเงินนั่นอีก ปลายเท้าที่แตะลงบนพื้นถีบตัวออกอย่างรวดเร็วให้หมัดหนักๆต่อยเข้าที่หน้าท้องก่อนจะตามไปที่ปลายคางจนคนตรงหน้าถึงกับกระเด็น สปีดของร่างกายที่เปลี่ยนผันได้ตลอดเวลานั้นถือเป็นความน่ากลัวอีกอย่างของว่าที่หัวหน้าเผ่ายาโตะผู้นี้


ร่างของโซโกะลอยกระเด็น ถึงจะไปกระแทกเข้ากับกำแพงแต่ยังคงลุกขึ้นยืนได้อีก นัยน์ตาสีแดงที่มืดมนนั้นยังคงจ้องมองมาที่คู่ต่อสู้ราวกับว่าถ้าไม่ฆ่ากันให้ตายไปข้างก็จะไม่มีวันปล่อยไป....


ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของคางุระ ทั้งๆที่เด็กคนนั้นพยายามจะหยุดยั้งเขา แต่สำหรับเจ้าหมอนี่มันไม่ใช่......


คามุอิจ้องมองเจ้าคนที่เดินออกมาจากซากตึกราวกับว่าไม่มีเกิดอะไรขึ้น.....ร่างกายของหมอนั่นไม่สะทกสะท้านต่อการบาดเจ็บ หรือว่าจะมีเรื่องที่สำคัญกว่าจนประสาทการรับรู้อย่างอื่นถูกตัดไป ให้เหลือแต่การเข่นฆ่าเพียงแค่นั้น


หมอนั่นแค่ต้องการปกป้องคางุระ....โดยที่ไม่สนใจเลยว่า คางุระ อยากจะปกป้องอะไร.....




“ ถ้าแกไม่คิดที่จะไยดียัยหมวยนี่....ต่อจากนี้ไปฉันจะดูแลเอง.....”        ร่างที่ยืนโชกเลือดอยู่ตรงหน้าประกาศออกมา.....


น่าแปลก.....


ทั้งๆที่เขาบอกกล่าวย้ำเตือนกับใครต่อใครหรือแม้แต่ตัวเอง ว่าจะไม่สนใจคำว่าครอบครัว ไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าน้องสาว แต่พอได้ฟังใครสักคนมาบอกว่าจะขอเด็กนั่นไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้.....




ไม่ชอบใจ......




ไม่ชอบใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้.....



“ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ....ถ้านายเอาชนะชั้นไม่ได้.....นายไม่มีสิทธิ์”         นัยน์ตาสีท้องทะเลจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาจริงเอาจังและน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ


“ ชั้นแค่ฝากเอาไว้...กับซามูไรผมสีเงินคนนั้น.....เพราะฉะนั้นถ้าไม่ทำให้ชั้นตายไปซะ....ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์!       


ดวงตาที่ดุดันทั้งสองคู่ต่างจ้องมองกันอย่างไม่ลดละ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยกันง่ายๆ ร่มในมือถูกกระชับให้แน่นขึ้นเช่นเดียวกับดาบของอีกคน  จิตสังหารถูกปลดปล่อยออกไปรอบกายจนทุกสิ่งทุกอย่างราวกับถูกสะกดจนนิ่งงัน







และสิ่งต่างๆเหล่านั้นก็ล้วนตกอยู่ในการรับรู้ของเด็กสาว....รวมไปถึงทุกคำพูดของคนสองคนตรงหน้าด้วย








ปลายดาบถูกยกขึ้นไปให้อยู่ในระดับเดียวกับลำคอของคนที่ยืนอยู่ห่างไกล....นัยน์ตาสีแดงที่แน่วแน่จับจ้องไปที่คนตรงหน้า


ที่พูดออกมาแบบนั้น จริงๆแล้วก็ยังคงทิ้งยัยหมวยนั่นไม่ลงจริงๆสินะ


แต่ก็ช่างมันปะไร ในเมื่อไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งเขาก็จะตัดมันให้ขาด....ไม่ใช่สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพี่กับน้อง แต่เป็นเงามืดที่ครอบงำยัยนั่นอยู่ต่างหาก




ไม่ว่าเมื่อไหร่.....ยัยเด็กนั่นก็มักจะหลบอยู่ในเงามืด

มันมิใช่เพียงเป็นแค่เงาของร่ม แต่มันคือเงา......ของใครบางคน...

ที่ทำให้เธอไม่อาจหลุดพ้นจากคำว่า......สายเลือด.....



ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะดึงให้เธอออกมาวิ่งเล่นอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นให้ได้








ฝ่าเท้าทั้งสองคู่ต่างก็ขยับเข้าหากัน ทีละนิด ทีละนิด......








ยะ....อย่า...............         เสียงแหบแห้งของเด็กสาวคงไม่อาจส่งไปถึงจิตใจที่ตั้งมั่นในการทำร้ายกันของคนทั้งคู่  ถึงแม้จะพยายามร้องห้ามเท่าไร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงไม่ได้ยิน


อั๊วะบอกให้หยุดไง!”      





และแล้วฝ่าเท้าก็เริ่มขยับเข้าหากันอย่างรวดเร็ว จิตสังหารที่รุนแรงรวมไปถึงพลังกายพลังใจทั้งหมดที่ถูกถ่ายทอดลงไปในอาวุธทั้งคู่


ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยุดยั้งทั้งสองคนได้อีก....






นอกไปเสียจาก.....






ฉั๊วะ!!!!





มันมิใช่ความตาย แต่เป็นเพียงปลายนิ้วเล็กๆของเด็กสาวคนหนึ่ง



และร่มคันน้อยที่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ



“ คางุระ!!!

“ ยัยหมวย!!!



เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นมาจากชายหนุ่มทั้งคู่ เมื่อจู่ๆเงาร่างเล็กๆนี่ก็วิ่งเข้ามาแทรกกลางระหว่างการต่อสู้ มือที่จับดาบยังคงสั่นระริกเมื่อปลายดาบหยุดอยู่ที่ลำคอระหงพอดี เช่นเดียวกับเจ้าของร่มที่ยืนหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงเมื่อปลายร่มจ่ออยู่ที่หัวใจของน้องสาวที่ยืนหันหลังให้


“ แฮ่ก....แฮ่ก.....พวกลื้อ...หยุดกันซักทีได้ไหม.....ถ้าลื้อยังโง่งี่เง่าจนไม่รู้ อั๊วะก็จะบอกให้รู้.....”        เด็กสาวยืนหายใจหนักๆด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เป็นใครจะไม่กลัวบ้างที่ต้องเข้ามายืนอยู่ระหว่างกลางของอาวุธที่เฉียบคมทั้งคู่แบบนี้


“ อาเฮียบ้า...อาตี๋บอ....”           ใบหน้าของคางุระก้มลง แต่จากหัวไหล่ที่สั่นสะท้านและน้ำเสียงที่สั่นสะอื้นก็ทำให้รู้ได้ว่า น้ำตากำลังไหลลงมา...


“ พวกลื้อทั้งคู่...เป็นคนสำคัญของอั๊วะ.....อั๊วะอยากจะพูดอย่างเห็นแก่ตัว ว่าอั๊วะไม่อยากให้ใครหน้าไหนตายไปทั้งนั้น.....ได้ยินไหม!!      


เสียงตะโกนนั้นก้องอยู่ในหัว ภาพของเด็กสาวที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้อาวุธทั้งสองถูกลดปลดลง นัยน์ตาที่จ้องแต่จะเข่นฆ่ากันเมื่อครู่มีแววที่อ่อนลง


“ เข้าใจแล้ว...”         เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะเสหน้าไปทางอื่นอย่างรู้สึกผิด


“ ฉันไปฆ่าคนอื่นก็ได้....ปล่อยหมอนี่ไว้หนักโลกซักตัวคงไม่เป็นไร....”       เสียงร่มถูกกางออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังจะเดินจากไป ให้เด็กสาวรีบหันไปเรียก ถึงแม้ว่าจะไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยสนใจในคำขอร้องของเธอเลยจะยอมหยุดให้แบบนี้ก็ตาม


“ อาเฮีย....ลื้อ....อ๊ะ!!           แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร กระสุนสีเงินแวววับก็กระทบเข้ากับนัยน์ตาสีท้องทะเล เด็กสาวก้าวออกไปคว้าตัวพี่ชายเอาไว้ทันที


เปรี้ยงๆๆๆ!!!


“ คางุ....ระ.......”          เด็กสาวล้มลงภายในอ้อมแขนของผู้เป็นพี่ชาย กระสุนปืนที่ยิงกระหน่ำลงมาจากกลุ่มชาวสวรรค์ที่คงรอฉวยโอกาสอยู่นานแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่กระนั้นมันก็ถูกปัดป้องด้วยดาบของชายอีกคน


“ คางุระ...คางุระ!!!        คามุอิเขย่าตัวน้องสาวที่หมดสติไปทันที กระสุนเจาะทะลุร่างจนเลือดแดงฉาน


“ ยัยหมวย!! โธ่โว้ย!!!       เสียงตะโกนเรียกจากอีกคนที่ยังคงยืนปัดกระสุนจากรอบทิศทางให้ คามุอิเงยหน้ามองคนที่โกรธเกรี้ยวไม่แพ้ตนคนนั้น และก่อนที่โซโกะจะก้าวขาออกไปจัดการไอ้คนที่ส่งกระสุนมา มือเปื้อนเลือดของผู้เป็นพี่ชายก็จับแขนอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน


“ พาคางุระไป.....พาไปสิ....ฉันไม่รู้จักสถานพยาบาลที่อยู่บนโลก...เพราะงั้นแกช่วยพาไปที!!!       นัยน์ตาที่เคยคิดจะฆ่าแกงกันอยู่เมื่อครู่กลับมีแววอ้อนวอน โซโกะหันไปมองก่อนที่จะสะบัดมือนั้นทิ้ง


“ ชิ!         ถึงไม่บอกก็จะทำอยู่แล้ว! โซโกะตวัดตัวกลับมาแล้วอุ้มร่างเล็กๆที่ไร้สติขึ้นแนบอก นัยน์ตาสบกันอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป...ปล่อยให้มัจจุราชมันไปตามฆ่าไอ้พวกที่คิดส่งกระสุนมาฝังไว้ในร่างยัยนี่แทนก็แล้วกัน














กลิ่นยาลอยอบอวล สมกับที่เป็นโรงพยาบาล สถานที่ที่ความวุ่นวายจากภายนอกไม่อาจย่างกรายเข้ามาถึง


ชายหนุ่มผมสีเงินเดินไปตามระเบียงทางเดิน ดาบไม้ที่เหน็บไว้ที่เอวขยับไปตามแรงก้าวขา เบื้องหน้าคือห้องพักผู้ป่วยแบบห้องเดี่ยว เงาเส้นผมยุ่งไม่เป็นระเบียบตกกระทบอยู่ที่ประตูหน้าห้อง แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดที่จะเปิดประตูเข้าไป


เพราะกลิ่นไอของเจ้าคนอันตรายคนนั้นยังอยู่ข้างใน....


ไหนๆก็อุตส่าห์มาทั้งที ปล่อยให้อยู่ด้วยกันนานๆหน่อยก็คงไม่เป็นไร...


ซากาตะ กินโทกิ ผู้ที่มีชื่อเป็น “ผู้ปกครอง” ของคนไข้ที่อยู่ภายในห้อง ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ด้านนอกเงียบๆ นัยน์ตาเฉื่อยแฉะราวกับปลาตายเหม่อมองไปออกไปยังสวนกว้าง แต่ยืนอยู่ไม่นานเสียงขยับเก้าอี้จากภายในห้องก็ดังขึ้น....หมอนั่นก็คงจะรู้ตัวว่าเขามาเช่นกัน


ในเมื่อยืนอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ร่างสูงสมส่วนจึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป


“ จะไม่อยู่รอจนกว่ายัยนั่นจะตื่นหรอ”        ถึงจะพูดด้วยแต่ก็ไม่ได้มองหน้าที่จะว่าไปแล้วก็ละม้ายคล้ายกับคนเจ็บที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง


“ ไม่ละ....ฉันก็ไม่ใช่พี่ชายที่น้องสาวจะดีใจที่ได้เจอนักหรอก....อีกอย่างยัยเด็กนิสัยไม่ดีนี่คงอาละวาดซะจนแผลแตกแน่ๆ”        เด็กหนุ่มเดินผ่านเลยไปยังบานประตู


“ ฝากนี่ให้คางุระด้วยก็แล้วกัน ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ใช้ได้ดีสุดๆไปเลยละ...ไม่งั้นฉันคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”        ร่มคู่ชีพถูกส่งมาให้โดยไม่ได้หันมามอง



ชายหนุ่มยืนมองแผ่นหลังที่มีผมเปียไหวไปมาจนลับตา....... “ฉันก็ไม่ใช่ พี่ชาย ที่ น้องสาว จะดีใจที่ได้เจอนักหรอก”.....อย่างงั้นหรอ....

ฮึ....อย่างน้อยก็มีพัฒนาการขึ้นมาบ้างละนะ เจ้าของแก.....นัยน์ตาสีแดงก้มลงไปมองร่มไม้ในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าที่ยังคงหลับพริ้มอยู่บนเตียง



“ นี่ๆ คางุระจัง...กำลังฝันว่ากินอะไรอยู่ล่ะ รีบๆตื่นขึ้นมาได้แล้ว พี่ชายหล่อนเอาของกินมากองไว้เพี้ยบเลยนา”        ไม่รู้ว่านั่นจะเอามากินเองแต่พอเห็นสภาพน้องสาวแล้วก็กินไม่ลงหรือว่ามันจะเป็นของเยี่ยมอย่างปกติชนของคนเผ่ายาโตะก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้ห้องกว้างใหญ่กว่าหนึ่งในสามถูกบรรดาของกินทั้งหลายยึดครองไปเรียบร้อยแล้ว


ตัวก็เปี๊ยกเดียวแค่นั้น...ยัดอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกายไม่ทราบ....


และในขณะที่กำลังถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น เสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นก่อนที่เงาร่างคุ้นตาของเจ้าเด็กแสบอีกคนจะโผล่เข้ามาสู่สายตา


“ ไงลูกพี่....ผมเอาขยะเปียกที่เหลือกินแล้วของชินเซ็นคุมิมาฝากครับ”        จริงดังว่า....อาหารถุงใหญ่ถูกวางลงไปที่บนพื้น แต่สภาพมันก็ไม่เห็นจะเหมือนขยะอย่างที่เจ้าตัวว่าเลยสักนิด.....นี่ๆคางุระจัง....ไม่ว่าตกลงใจจะไปเป็นน้องสาวหรือจะไปเป็นนายหญิงบ้านโอคิตะ หล่อนก็ไม่อดตายแล้วละ


เด็กหนุ่มมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงใบหน้าที่หลับอย่างเป็นสุขของเด็กสาวทำให้เบาใจลงไปได้มาก


“ ทิ้งขยะเสร็จแล้ว ผมขอตัวกลับไปประจำการก่อนนะครับ”        แต่ก่อนที่จะหันหลังกลับไป นัยน์ตาสีแดงก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่ข้างกายของคางุระ


“ นี่ลูกพี่.......เคยคิดบ้างไหม....ว่าไม่อยากให้ยัยหมวยนั่นจับร่มแบบนั้นอีก”         คำพูดถูกเปรยออกมาจากคนที่หันหน้าเข้าหาประตู


“ นายถึงได้เอาร่มลายกระต่ายสีเหลืองอ๋อยแบบนั้นมาให้งั้นสิ”         กินโทกิเหลือบมองร่มคันหนึ่งที่เสียบเอาไว้ในถุงใส่อาหาร


“ ..............”


“ จริงอยู่...ทั้งฉันแล้วก็นายอาจจะอยากให้คางุระเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง......แต่กับคนที่มีสายเลือดเดียวกันเค้าอาจจะไม่ได้คิดเหมือนเรา.....หมอนั่น....เข้าใจดีถึงสายเลือดของยาโตะที่ไหลเวียนอยู่ในตัวคางุระ.....หมอนั่นรู้ดีว่าคางุระจะไม่อาจหลุดพ้นไปจากการต่อสู้....เพราะฉะนั้นหมอนั่นจึงจงใจทิ้งร่มของตัวเองเอาไว้ให้.....”


“ ไม่ใช่เพราะยอมรับในตัวคางุระ ไม่ใช่เพราะต้องการดึงยัยนั่นเข้าร่วมสมรภูมิรบ.....”


“ หมอนั่นก็แค่ต้องการให้ร่มคันนั้น ช่วยปกป้อง คางุระแทนตัวเองก็เท่านั้นเอง....”


“ ในฐานะพี่ชายที่ไม่อาจปกป้องน้องสาวได้.....แค่นั้นเอง”


“ งั้นหรอครับ.....”


“ ถ้าอย่างนั้น....สักวัน....ผมจะขโมยร่มคันนั้นแล้วเอาไปทิ้งทะเลซะ ให้ทั้งยัยหมวยทั้งพี่ชายเต้นแร้งเต้นกาตามหา....มันคงสะใจดีนะครับ”        


คำพูดทิ้งท้ายค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับแผ่นหลังที่จางหายไป  ใบหน้าของคนที่เป็นดั่งผู้ปกครองนั่งมองร่มในถุงพรางอมยิ้ม





.....จะให้ร่มสีเหลืองอ๋อยนี่ปกป้องคางุระแทนอย่างนั้นหรอ....

......น่าสนใจดีนี่....โอคิตะคุง......






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End









ปีนี้ก็ “ร่ม” อีกแล้ว...ของขวัญวันเกิดเบลทีไร เป็นอะไรกับร่มนักหนาเนี่ยตรู....อ่านะ...ยังไงก็เปลี่ยนคู่แหละน่า....(ไม่ช่วยให้คำแก้ตัวมันดูดีขึ้นมาเล้ย...) ก่อนอื่นก็...




สุขสันต์วันเกิดนะเมี๊ยว~~




ขอให้มีความุสขมากๆ มีแต่ม้าและม้าไปรายล้อม ^ ^ คิดอะไรก็ขอให้สมความปรารถนา (ยิ่งคิดว่าจะซื้อเค้กให้เรายิ่งสมความปรารถนาแบบสุดหูรูดเลยนะ) ขอให้มีแต่งเรื่องดีๆ มีเวลาพักผ่อนเยอะๆ ขอให้สุขภาพแข็งแรงสดใสไม่มีโรคภัยมาแผ้วพานนะจ๊ะ ไม่รู้จะขอพรอะไรจากดวงดาวให้แล้ว เพราะเบลเป็นคนดี ยังไงสิ่งศักดิ์ก็ต้องคุ้มครองอยู่แล้วละ อิอิ


ปีที่ผ่านๆมาก็ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและแรงสนับสนุนเด้อ ดีใจจริงๆนะที่ได้มีเพื่อนที่น่ารักอย่างนี้ >w<


ส่วนของขวัญ ปาดเหงื่อ ไม่รู้จะถูกใจเปล่านะ แบบว่าอาจจะเป็นสมการที่ผิดคาดว่าจะได้รับไปหน่อย แหะแหะ นี่ไง...บิวท์ก่อนจะไปดูเบนิซากุระในโรงกันไง ได้ข่าวว่าภาคนี้มันไม่มีเอี่ยวกะ โซโกะ คางุระ คามุอิ เลยแม้แต่น้อย = = ยะ ยังไงก็อ่านมันซักสองสามบรรทัดแล้วกันนะ แหะแหะ   วิ่งหลบหม้อไหกะละมัง



ก่อนไป....เอารูปโต๊ะดร๊าฟที่ขัดถูๆอยู่เมื่อวันก่อนมาให้ดู (กำลังสะเทือนใจเลยไปนั่งขัดโต๊ะดร๊าฟเล่น?) .....วิ้งไหม....วิ้งละเปล่า~~~





 แสงหลอกตาสุดๆ เพราะริ้วรอยแห่งเกียรติยศมันมีมากมายสุดหูรูดเลยอ่ะถ้าเข้าไปดูใกล้ๆ....จะว่าไปมันก็อยู่กับพวกเรามา 10 ปีได้แล้วหรือเปล่านะ จะบอกว่าไอ้เรารึก็คอยระวังมันอย่างดี จะจบปี 5 อยู่แล้วยังไม่เคยแตกกะเค้าซักครั้งทั้งๆที่ย้ายหอบ่อย....แต่แล้ว...แต่แล้ว!!! สายรหัสที่รักก็ฝากรอยแตกเอาไว้ให้ดูต่างหน้า จนตอนนี้มันก็ยังอยู่ให้นึกถึงหน้าไอ้คนทำอยู่เลย =”= ทำไมเคจมันแข็งแรงจังฟะ ไม่เข้าใจ ชนกระจกหนา 5 มิลซะแตกเลยเนี่ย ทำได้ไง?


นี่แหละค่ะ...ทั้งเสื้อ ทั้งกระเป๋า และอะไรต่อมิอะไรก็ทำยู่บนนี้นี่แหละค่ะ  อาวุธคู่ชีพมีอยู่สองอย่าง...โต๊ะดร๊าฟกับโฟโต้เฉาะ.....มันทำได้ทุกอย่างจริงๆนะ ถ้าคุณจะพลิกแพลง


หลังจากเริ่มจะหายเศร้า....เราก็มาปั่นฟิคกันต่อปาย......


ปล. กำลังปั่น 3 เรื่องพร้อมกันอยู่ค่ะตอนนี้......1859  TakaZura และสมการที่ใครหลายๆคนคงรอคอย อิอิ 8059 นั่นเอง.....3เรื่องไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่ปวดตับคือ....แนวเรื่องมันไปกันคนละทางเลยนี่สิ....= =”.....ดราม่าแบบเงียบงัน.....อมยิ้มแบบร้อนแรง(?).......และ....เรื่องที่มันคิดว่าตัวมันเองดราม่าแต่ทว่าจริงๆแล้วมัน “รั่ว” .....อ้า.....ขอพลังจงมาสถิตย์แด่ข้า..........




  

6 ความคิดเห็น:

  1. ว่าแล้ว เราก็ปาดก่อนใคร เดี๋ยวไปเรียนแล้วจะกลับมาอ่าน อ่าน อ่านนน
    (อีกแล้วเรอะ!)


    กลับมาแล้ววววววว เอาซะค่ำเลย (ไม่ค่ำละ สามทุ่มล่ะ) ไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็เริ่มกันเลยน่อ อ่านไปตอนแรกเป็นบรรยาย ชอบมากค่ะ มันเป็นมุมมองที่โซโกะเห็นคางุระ แล้วมันเป็นมุมมองของเราคนอ่านที่มีต่อคางุระเช่นกัน ความจริงแล้ว คางุระจังเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารจริงๆนะคะ (ถ้าไม่นับเรื่องบู๊นะ ฮา) คือ เธอก็น่าจะอยากออกมาเล่นท่ามกลางแสงแดดบ้างเหมือนกัน แต่เพราะเป็นเผ่ายาโตะนี่เนอะ ก็เลยทำให้ใครบางคนเกิดทนไม่ไหว ถอดเสื้อนอกไปคลุมให้ซะ อร๊ายยยยย!

    เป็นซะอย่างเนี้ย โซโกะ คนเขาถึงได้หลงนักหลงหนา จะอ่อนโยน อบอุ่นก็ทำได้อย่างเท่อ่ะ แล้วฉากที่วิ่งไล่จับกัน โดยบนหัวคางุระนั้นมีเสื้อโซโกะคลุมอยู่ น่ารักมากค่ะ น่ารักมากๆๆๆ มากจริงๆ นึกภาพแล้วมันสดใสอ่ะ เหมาะกับตอนที่ฝนหยุดตกแล้วแดดออกจริงๆ เรื่องฉากและอารมณ์ตัวละครสัมพันธ์พี่กวางยังทำได้ดีมากๆ ไม่เปลี่ยนเลยค่ะ

    มาต่อๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆด้วยฮารุซาเมะบุกโลก โฮกกกกก พอเห็นธงหมายเลขเจ็ดแล้วเค้าอยากกรี๊ดดดด มาแล้วสิน้าาาา พี่ชายตัวดี แอบกรี๊ดตรงที่โซโกะบอกคอนโดว่า ผมจะได้ฆ่าหมอนั่นแทนยัยหมวย กร๊าซซซซซซ ชาบูวววววว พอโซโกะเครื่องติดนี่ มันเท่ได้ใจจริงๆเลยค่ะ พับผ่า!

    มาฉากที่พี่ชายกับน้องเขยประจันหน้ากัน ฮ่าๆ ฉากบู๊พี่กวางแต่งได้ดีเลยค่ะ อ่านแล้วลื่นไหลมีจังหวะของความบู๊ที่พลิ้วเหมือนฝีมือของทั้งสองคน ยอดเยี่ยมๆค่ะ พอตอนที่คามุอิได้ยินว่า โซโกะจะดูแลน้องสาวแทนแล้วไม่ชอบใจนี่แหล่ะ กรี๊ดดับรอบสอง อร๊ายยยยยยย!!! หวงล่ะสิ หวงใช่ม้า หวงน้องสาวสุดน่ารักใช่หรือเปล่า แอบเห็นพี่กวางเปรยๆอยู่ว่า สรุปคามุอิมันแอบหวงน้องสาวบ้างมั้ย เค้าว่า มันคงหวงจริงๆล่ะพี่กวาง ฮ่าๆ ไม่งั้นในภาคคงไม่ฝากไว้กับคุณกินแล้วบอกให้ฝึกต่อให้เก่งๆอ่ะ เห็นแบบนี้แล้วปลาบปลื้มใจค่ะ น้ำตาจะไหลพร้อมคางุระจัง ดีใจด้วยนะๆ งืออออ

    ตอนสุดท้ายก็ถึงตาพระเอกของเรื่องเด่น คำพูดเท่มากๆๆ ชอบตรงที่ว่า ที่คามุอิให้ร่มไว้ก็เพื่อให้คางุระป้องกันตัว ไม่ใช่จะลากเข้าสู่สมรภูมิรบ แค่ทำตามหน้าที่พี่ชายที่ไม่สามารถดูแลน้องสาวได้เท่านั้นเอง

    มันซึ้งงงงง ซึ้งงอ้ะ

    ชอบเรื่องนี้ค่ะ ไม่ต้องอะไรมาก ไม่ต้องกินเวลาเยอะ แต่ได้อารมณ์อิ่มๆดีอ่ะ การเปรียบเทียบเหตุการณ์ต่อเหตุการณ์คมมากๆเลยค่ะ ^^b

    ช่วงนี้...ปั่นฟิคหูดับตับไหม้เหมือนกันพี่กวาง 6927 เรื่องนึง ทากาซึระเรื่องนึง 8059 อีกเรื่องนึง อ๊ากกกกกกกก เอาให้ตายกันไปข้าง!

    สู้ๆเน้ เค้าเป็นกำลังใจให้ อิอิ

    ตอบลบ
  2. มาอ่านแล้ววค่าาา คาแร็คเตอร์แต่ละตัวรู้จักแค่เพียงผิวเผินเองค่ะ เพราะงั้น พออ่านๆไปแล้วมีอะไรให้น่าแปลกใจ สงสัย ถูกใจเยอะแยะเชียวค่ะ ภาพของโอคิตะคนนั้น กับโอคิตะคนนี้มันมักจะซ้อนทับกันเสมอๆเลย ทั้งที่ไม่เหมือนกันแต่ก็หลายๆส่วนที่เหมือนกัน ยังไงก็หลงรักโอคิตะทุกๆเวอร์ชั่นเลยอ่า

    นอกจากพวกผู้ก่อการร้ายหรือเป้าหมายแล้ว
    ก็ใช่ว่าเขาจะแกล้งใครก็ได้เสียที่ไหนกัน....
    กับคนอ่อนแอและไม่ควรค่าน่ะ....เขาไม่สนใจหรอก
    ^
    ^
    เอ้ออ ยังดีนะ ที่ยังพอจะมีความคิดแบบพระเอก?แบบคนดี?อยู่บ้าง
    อ่านฟิคเรื่องนี้ทีไร มักจะมีความรั่วติดมาตลอดเลยอ่ะเค้าไม่ได้ตั้งใจนะ


    อ้าวว คางุระกลัวแสงแดดหรอกหรอ พึ่งรู้ง่ะ แข็งแรงซะขนาดน้านแต่กลัวแดด
    อันนี้เรื่องจริงหรือแค่ในฟิคคะเนี่ย อย่างที่บอกกินทามะไม่ได้รู้แบบเจาะลึก ฮะฮะ


    อ่า อ่านไปแบบสดใดอยู่ดีดี ก็เข้ามุมมืดมนของคางุระ
    บรรยายซะน่าสงสารเลยอ่า อาหมวยน้อยยยเอ้ยย
    จะเศร้าไปไยยื่นของกินให้ก็อารมณ์ดีแล้ว ^^

    แต่เหนืออื่นใดทำไมไปคิดแบบรั่วๆว่า โซโกะแกตามสโตรกสาวอยู่นะนั่น
    แอบมองเค้าทุกอิริยาบทเชียวน้าา

    ง่าาา แอบซึ้งเอาเสื้อนอกคลุมหัวแทนที่จะกางร่ม
    จะได้วิ่งไไล่จับได้สะดวกๆ ฮ่าฮ่า โซโกะแกทำเนียนจีบสาวอ่าารู้ตัวป่าวนี่ อิอิ

    ท่านรองงงงงเอ็นดูโซโกะเสมอเลยอ่าา ทั้งๆที่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายจ้องจะฆ่าตลอดอ่ะ
    คุณคอนโด้ก็นึกว่าจะโพล่มาแบบมาดเข้มสุดท้ายก็หลุดได้อีก^^

    ฉากบู้ มันส์ดีน๊า นานๆจะเห็นในฟิคพี่กวางซะทีนึง ถูกใจๆ
    คนเก่งทั้งสองคน เท่ห์มากค่า แบบนี้ท่านพี่คามุยว่าควรยกน้องสาวให้ไวไวเลย
    ประทับใจๆ สามัคคีกันช่วยเด็กสาวได้เท่ห์มากเลยค่าทั้งสองคน โฮกกก

    น่าตาน่ารัก แต่โทษทีเถอะจะเอสกันไปไหนฟร้าา
    แต่หนุ่มสองคนนี้ก็เหมาะกับเด็กสาวอย่างคางุระจริงๆนั่นล่ะ
    ผู้หญิงที่มัดใจหนุ่มสองงคนได้ก็ต้องแบบนี้ล่าาน๊าาา

    คุณกินโพล่มาเป็นผู้ปกครองทำเท่ห์ๆ ประโยคเท่ห์อีกแล้วว
    ของกินที่หนุ่มๆเอามาฝากนั่นไม่ใช่ว่าโดนคุณกินแย่งกินไปซะหมดน้าา

    อ่านจบแล้วว ก็ถึงคราวร่วม แฮปวันเกิดให้พี่เบลอีกรอบนะค๊าา
    ขอให้พีเบลมีความสุขมากๆค่าา คิดสิ่งใดขอให้สมหวัง
    สุขภาพแข็งแรงๆ ร่ำรวยๆ น่ารักๆตลอดไปค่าา
    ส่งคุณฮิ พ่อม้า ท่านรองฮิ ไปร้องเพลงHBDให้ฟังค่า ฮ่าฮ่า

    หมอนแมวนั่นน่ากอดจังเลยค่ะ >///

    ตอบลบ
  3. คุฟุฟุ...ตอบคุณเปา

    คางุระไม่ชอบแสงแดดอันนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะว่าเผ่ายาโตะเป็นเผ่าที่ไม่ถูกกับแสงแดด ทุกคนถึงได้ถือร่มและใช่ร่มเป็นอาวุธ (มิใช่เด็กแนวแต่อย่างใด 55) และที่ทุกคนในเผ่ามีผิวขาวมากจนกลายเป็นสัญลักษณ์นั่นก็เพราะว่าไม่ค่อยได้โดนแสงแดดค่ะ...ครึ ครึ.....ในมังงะจะมีหลายตอนมากๆๆเลยที่คางุระอยากออกไปวิ่งเล่นโดยไม่ต้องใช่ร่ม (อย่างตอนไปทะเลที่คางุระนั่งแกร่วอยู่บนหาดอยู่ในร่ม ขณะที่พวกคุณกินออกไปลั้ลลากันอยู่ในน้ำ คางุระอิจฉาจนเผลอเขวี้ยงหินก้อนเท่าบ้านลงไป ^ ^") และถ้าดูภาคโยชิวาระ...จะเห็นได้เลยว่าทำไมพวกยาโตะถึงไม่ชอบแสงแดด...ก็แบบว่ามันทำให้ถึงตายได้เลยอ่ะ = ="

    ส่วนหมอนจี้ (แมวตาแบ๊วๆนั่นน่ะ) อันนั้นเค้าสะสมคูปองไปแลกมานะ *w* ตอนส่งไปก็ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บสะสมคูปองเลยละ >w< กอดรัดฟัดเหวี่ยงได้มันส์มาก อร๊ายยย

    ตอบลบ
  4. ก่อนจะไปเรื่องฟิค ขอบคุณมากๆจ้ะกวาง...TwT ซึ้งใจ น่ารักโฮกกกก ฮาที่ว่า เกี่ยวกับร่มอีกแล้วเนอะ แต่ก็เข้ากับบรรยากาศช่วงนี้ดีฝนตกต้องพกร่ม^^ ขอบคุณกวางมากๆเช่นกัน สำหรับซีดี ดีวีดี แมด ฟิคและอีกหลายๆอย่าง หลายๆเรื่อง ดีใจเช่นกันที่ได้เป็นเพื่อนกับกวาง /โค้งๆ/ ฮา...แต่เราไม่ใช่คนดีหรอกนะ(ชมกันแบบนี้ก็เขิลลแย่เลย) ถ้าวันนั้นมีนัดลูกค้าจริงๆเราก็จะเลื่อนลูกค้าอ่ะนะ...ฮา คุณกินต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว ก็นะคุณกินไม่ได้มาบ่อยๆ แต่เราคาดว่า งานครั้งนี้จัดเป็นครั้งแรกใช่ม้า ถ้าเขาเห็นว่ามีคนสนใจกันเยอะ ครั้งหน้าก็ต้องจัดอีกแน่นอน ^^b (รู้สึกจนถึงเย็นแล้ววันนี้ลูกค้าก็ยังไม่โทรมา=_=" สงสัยไม่ได้เจอกันแล้วหล่ะ) ขอบคุณน้องเปาด้วยจ้ะ มากัน3คนแบบนี้ พี่ลมจับ เลือดสูบฉีดสุดๆ ขอสลบในอ้อมแขนของทั้ง3นอนฟังเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ 555

    มาที่ฟิคกันบ้างเราเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเฝ่ายาโตะไม่ชอบแสงแดด มิหน่าถึงชอบพกร่มกัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกดาวยาโตะจะฝนตกบ่อยๆป่ะ เคยเห็นในมังงะตอนแรกๆมั้ง(ถ้าจำไม่ผิดนะ=_=") แล้วก็อ่านฟิคนี้ของกวางแล้วนึกถึงตอนนึงในมังงะ ที่ฝนตกหนักแต่คางุระก็ยังออกไปวิ่งเล่น ตอนจบซึ้งมาก TwT อ๊ะจะว่าไปโซะโกะ นายซึนสินะ555 ฉากวิ่งไล่กันน่ารักมากกก>.< ฉากตอนที่คางูระอยู่ในเสื้อคลุมของโซโกะก็....อร้ายยย ชอบง่ะ กำลังหวานแหววก็เข้าสู่ความโกลาหล แอบฮาตรงที่กวางบรรยายท่าทางของคอนโด "ใบหน้าขึงขังที่หาได้ยากของคอนโด" ขีดเส้นใต้คำว่า ที่หาได้ยาก ฮาอ่ะ สุดท้ายก็ปล่อยเก็กซะแล้ว ท่านรองน่ารักเนอะ เท่ห์ซะไม่มีอ่ะ สุดยอดมากมาย ถึงแม้ว่าจะออกมานิดเดียวแต่เท่ห์อ่ะ(เวอร์ไปแล้วเพ่) ฉากต่อสู้ของพี่ชายกับว่าที่น้องเขย มันเป็นบททดสอบสินะ ต้องเข้มแข็งพอถึงจะยกน้องสาวให้สินะ>w< อารมณ์พี่ชายน้องสาวมาอีกแล้ว กรี๊ดดๆ เรื่องครอบครัวบางครั้งก็ถือเป็นเรื่องอ่อนแอของคนที่จะเข้มแข็ง แต่ก็มีหลากหลายเหตุผลเหมือนกัน ที่ทำให้คนอยากจะเข้มแข็งขึ้นเพื่อครอบครัว อืมๆ... และแล้วพระเอกของเรื่องก็โผล่มาตอนท้าย มาพร้อมคำพูดคมๆ ที่ไม่ค่อยจะเข้ากับหน้าตา (แต่เค้าก็ชอบน้าาาา>.<) สรุปสุดท้ายคามุยนายก็ซึนสินะ โซโกะนายก็ซึนจริงๆสินะ และสุดท้ายท่านรองน่ารัก(ไม่ใช่ละ) คุณกินเท่ห์เย่ยยยยย และสุดท้ายท้ายสุดคางุระน่ารักกก>.<

    ขอบคุณมากจ้ะกวาง (*w*)//

    ตอบลบ
  5. อ๊ะ ลืม โต๊ะดราฟเราให้ลูกของเพื่อนแม่เอาไปใช้แล้วหล่ะจ้ะ T^T ตอนนี้น่าจะเรียนจบแล้วหล่ะ ไม่รู้น้องเขาจะเอามาคืนหรือเปล่าแต่ก็ไม่เป็นไรใช้ของรักษ์ไปก่อน...ฮา จริงๆแล้วจอมอยากฝากรอยไว้ให้กวางประทับใจจะได้ไม่ลืมสายคนนี้แน่ๆ เก้าอี้ยังดูดีอยู่เลยนะ เรื่องฟิคสู้ๆ /โบกธงเชียร์/

    ตอบลบ
  6. คุณสายจอมน่ะหรอ....ลืมไม่ลงสักวันอ่ะ ยิ่งหันไปเจอรอยร้าวบนโต๊ะ...โฮกกกกก ขอเสียบพุงกลมๆนั่นสักทีสองทีได้มะ >[ ]< แต่ก็ตั้งใจว่าจะไม่เปลี่ยนกระจกละนะ ปล่อยมันไว้งั้นแหละจนกว่ามันจะร่วงกราวลงมาเอง (แต่ก็ยังใช้ได้ดีอยู่นะ) คึหึหึ

    ตอบลบ