Ao-Ex s.fic [Yukio x Rin] ….Kiss ME Oniisan : 02….
: Ao no Exorcist Fanfiction
: Yukio x Rin
: Warmhearted
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
โอคุมูระ ริน......
พี่ชายฝาแฝดซึ่งไม่มีอะไรเหมือนผมเลยกำลังเดินทอดน่องพรางฮั่มเพลงอย่างอารมณ์ดีไปตามระเบียงทางเดินยาวเหยียดของโรงเรียน ‘ภาคปกติ’ การลอบติดตามดูพี่ก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของผมในฐานะเอกโซซิส....แต่ถ้าถามในฐานะน้องชายแล้ว ผมบอกได้เลยว่าผมเต็มใจกับการทำหน้าที่นี้มากๆ
วันนี้พี่ก็ยังคงไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม....
ก็เพราะท่าทางเถื่อนๆไม่สมกับตัวแบบนั้นนั่นแหละที่ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กเกเร การแสดงออกมาตรงๆของพี่ก็ถูกมองว่าไร้มารยาท นิสัยใจร้อนก็ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วย...พี่ไม่เคยมีเพื่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร....แต่ถึงจะอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้น พี่ก็ยังคงยิ้มให้กับทุกเรื่องอย่างไม่ทุกข์ร้อนอยู่เสมอ
และมันก็เป็นการดีสำหรับผม....ที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามกับพี่
เลยเวลาพักกลางวันมานานแล้ว แต่ผมกับพี่ไม่จำเป็นต้องรีบไปซื้อขนมปังของโรงอาหารเหมือนเมื่อก่อน พี่ถือกล่องข้าวกลางวันมุ่งหน้าออกไปยังสวนข้างอาคารเรียนเช่นเดียวกับมือของผมที่มีกล่องข้าวติดอยู่
กล่องข้าวที่พี่เป็นคนทำ....
ถึงพี่จะทำอะไรไม่ได้เรื่องและไม่มีความอดทนกับสิ่งใด...แต่ก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่พี่ทำมันออกมาได้ดีอย่างที่สุด...นั่นคือการทำอาหาร
ผมเผลอยิ้มกับตัวเอง....หากพี่เป็นผู้หญิง คงเป็นเจ้าสาวในอุดมคติของใครหลายคนแน่ๆ เพราะผู้ชายย่อมอยากให้คนที่รักอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตัวเอง....ผมเองก็เหมือนกัน...ยิ่งพี่พึ่งพาผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น
พี่จะต้องอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีผม
ผมตั้งใจจะชวนพี่ไปกินข้าวด้วยกันจึงรีบสาวเท้าเดินตามให้เร็วขึ้น และก็ดูเหมือนพี่จะสังเกตเห็นผมพอดี ใบหน้าเนียนใสของพี่หันมาพร้อมกับดวงตากลมโตที่ส่องประกาย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เรียกพี่...
“ โอคุมูระคุง!!!”
เสียงของเด็กสาวสามคนที่มักจะตามผมอยู่เป็นประจำก็เรียกตัวผมเอาไว้เสียก่อน ผมเหลือบมองพี่ด้วยใบหน้ามีเหงื่อหยดแล้วก็ดูเหมือนว่าพี่จะแยกเขี้ยวใส่พร้อมปั้นหน้าบึ้งตึงเดินหนีไปเรียบร้อยแล้ว
บางที....ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าไอ้อาการแบบนั้นของพี่....มันคือความอิจฉาที่มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังผม....หรือว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับพี่กันแน่
“ ไปกินข้าวกลางวันกับพวกเราเถอะ”
“ อ่า...ต้องขอโทษด้วยนะครับแต่ผมนัดพี่เอาไว้แล้ว....ฮะฮะ”
ผมปฏิเสธพรางหัวเราะ รีบโค้งขอโทษแล้ววิ่งจากมาโดยไม่หันไปมองใบหน้าที่มุ่งมั่นของเด็กพวกนั้น...จริงๆนะ....ผมไม่รู้หรอกว่าใครจะรู้สึกกับผมยังไง เพราะคนที่ผมสนใจมีแต่พี่คนเดียวเท่านั้น
ผมถือกล่องข้าววิ่งตามพี่ออกมา หันซ้ายหันขวามองหาว่าพี่ไปนั่งหลบกินข้าวคนเดียวอยู่ตรงไหน
พี่น่ะ ไม่ใช่คนที่จะงอนหรือคิดมากเรื่องอะไรอยู่นานๆ เพราะเช่นนั้นถ้าผมเข้าไปง้อตอนนี้ก็คงจะกลับมาพูดกับผมตามปกติ
แต่สิ่งเหนือความคาดหมายที่ผมได้พบก็คือเสียงหัวเราะและพูดคุยอย่างสนุกสนานของพี่ที่ผมคิดว่า....น่าจะอยู่คนเดียว
ไม่ใช่...พี่ไม่ได้อยู่คนเดียว....
ผมลอบมองทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ด้านหลังต้นไม้
พี่กำลังกินข้าวพร้อมเสียงหัวเราะอยู่กับกลุ่มของซูกูโระ เรียวจิ
ถึงแม้ว่าคนปกติจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พี่....แต่บางครั้งความมีน้ำใจและความโอบอ้อมอารีที่พี่ชอบเข้าไปช่วยใครต่อใครเอาไว้มันก็ดึงดูดคนแปลกๆให้ตามพี่มาไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วอีกอย่างพี่ก็เป็นคนที่คุยด้วยง่าย เพราะฉะนั้นจะพูดคุยกับกลุ่มคนที่จะเป็นเอกโซซิสเหมือนกันแบบนั้นก็คงเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่า.....ผมไม่พอใจ.....
ถึงผมจะพร่ำสอนพวกเขาอยู่เสมอว่าเอกโซซิสจะต้องทำงานเป็นกลุ่ม...แต่ตอนนี้ผมกลับไม่มีแก่ใจจะลุกไปไหน....ภาพของพี่ที่ทั้งหัวเราะทั้งโต้เถียงกับสามคนนั้นอย่างสนุกสนานทำให้ผมรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างประหลาด....ผมอาจจะกำลังกลัว....ว่าจะถูกแย่งพี่ไป
ภายในสวนไม่มีนักเรียนหลงเหลืออยู่แล้ว ผมจึงนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง....กล่องข้าวที่วางอยู่ข้างๆยังคงหนักอึ้ง
เฮ้อ.....
ผมถอนหายใจลอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สองแขนยืดออกไปทางด้านหลังก่อนจะยันตัวเองเอาไว้กับพื้นหญ้า ใบหน้าเงยขึ้นเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เผื่อว่ามันจะช่วยทำให้สบายใจขึ้นได้บ้าง
แต่ทว่าสายตาภายใต้กรอบแว่นกลับโฟกัสไปที่จุดดำๆอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า....และมันก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ.....
“ หว๋า~~~”
ผมเผลอร้องออกมาเมื่อเจ้าจุดดำๆนั่นขยายใหญ่กลายเป็นพี่ชายนั่นเอง....กระโดดมาจากตรงไหนเนี่ย?
“ แอ่ก!!”
แล้วตอนนี้เจ้าจุดที่ว่านั่นก็กระโดดทับลงมาบนตัวผมอย่างพอดิบพอดี
อย่าเพิ่งคิดว่าจะได้เห็นภาพล่อแหลมแต่อย่างใด.....ในเมื่อตอนนี้...โอคุมูระ ริน....ที่ชาวบ้านเค้าตะโกนเรียกปาวๆอยู่นั้นกระโดดเหยงไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้เรียบร้อยแล้ว....และดูท่าว่ากลุ่มคนที่กำลังไล่ล่าอยู่นั้นก็จะมองไม่เห็นและพากันวิ่งไปอีกทาง
พี่ยังคงนั่งยองๆหันหลังให้ผม มือทั้งสองข้างแหวกพุ่มไม้เพื่อมองออกไปข้างนอก หางเจ้ากรรมไหลลงมาจากเสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้ใส่ในกางเกงให้เรียบร้อย ไม่ต้องมองหน้าก็พอจะรู้ว่าพี่คงกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่เป็นแน่
....กินข้าวกับคนอื่น....จู่ๆก็กระโดดมาทับ....แล้วยังไม่สนใจผมอีก.......
แบบนี้คงต้องจัดการกันซักหน่อยแล้วมั้ง....
“ พี่...ครับ....”
ผมเรียกออกไปด้วยเสียงนิ่งสนิท เจ้าคนที่ยังสนใจนอกพุ่มไม้อยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายกับผมอยู่เพียงเล็กน้อยค่อยๆหันกลับมาอย่างหวาดๆ....นี่เพิ่งจะรู้ตัวหรือไงว่าผมก็อยู่ตรงนี้ด้วยน่ะ...
“ ยะ...โย่...ยูคิโอะเองหรอ...”
พี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทัก ใบหน้าเนียนมีเหงื่อเกาะเล็กน้อยแบบที่ดูก็รู้ว่าคงไปทำความผิดอะไรมาแน่ๆ
“ ไปทำอะไรมาหรอครับ...พอจะบอกผมได้ไหมเอ่ย...?”
ถึงน้ำเสียงที่ผมเอ่ยออกไปจะสบายๆ แต่มือที่ยกขึ้นขยับแว่นตาจนส่งประกายแว่บวั่บนั่นก็ทำให้พี่ถึงกับยิ้มแหยๆพร้อมกับถอยหนีอย่างเริ่มจะรู้ตัว แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้เจ้าคนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ลอยนวลไปง่ายๆ ผมคลานขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกางสองขาคร่อมร่างที่ถอยจนหงายหลังของพี่เอาไว้
ตอนนี้ละ......อยู่ในท่าที่ล่อแหลมของจริง....
“ ปะ...เปล๊า....”
เจ้าคนปากแข็งยังคงไม่ยอมสารภาพผิด ใบหน้าของพี่เสไปอีกทางทั้งดวงตายังไม่ยอมสบกับดวงตาของผมตรงๆ....มีพิรุธเห็นๆ
“ หื๋มม์.....”
ผมยังคงจ้องหน้าพี่ไม่ลดละ แต่ก็ดูท่าว่าจะไม่ยอมบอกแต่โดยดี ใบหน้าของพี่มีเหงื่ออกมากขึ้นกว่าเดิม ผมจึงจับสองมือของพี่เอาไว้ก่อนที่อีกมือจะจงใจวางลงไปที่เอวบางก่อนจะลากไล้ไปข้างหลังมากขึ้นเรื่อยๆ พี่สะดุ้งโหยงเมื่อผมเน้นสัมผัสลงไปที่บั้นเอว....คว้าจับมันจนแน่น
“ ยะ...อย่านะ...ยูคิโอะ”
พี่มองมาด้วยดวงตาสั่นระริกเมื่อเห็นว่า อะไรอยู่ในมือของผม
“ จะบอกดีๆไหมครับ”
ผมส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้าที่ทำท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของพี่อ้าพะงาบๆก่อนจะละล่ำละลักเอ่ยออกมา
“ ยะ...ยอมแล้ว...บอกแล้ว............แก๊.............อย่าดึงหางชั้นนะ!”
แล้วตอนนี้พี่ก็กำลังนั่งทับส้น สองมือยันลงไปที่เข่า ก้มหน้าทำปากยื่นอยู่ตรงหน้าผม
“ ก็แค่ทำหลอดแก้วทดลองแตกนิดหน่อยเอง...”
ริมฝีปากบ่นงุบงิบ ส่วนดวงตาก็กรอกไปมาอย่างน่าสงสัยสุดๆ
“ นิดหน่อยนี่มันกี่หลอดกันครับ?”
“ อะ...เอ่อ.....สามลัง...ได้มั้ง.....”
สามลัง! สมควรแล้วละที่เค้าจะตามฆ่าเอาแบบนั้นน่ะ...ไปทำอีท่าไหนกันเนี่ย.....ผมได้แต่ถอนหายใจในความซุ่มซ่ามของพี่ ใบหน้าก้มงุดนั้นดูเหมือนจะสำนึกผิดอยู่บ้าง
“ เฮ้อ...เอาเถอะ...แล้วผมจะพาพี่ไปขอโทษอาจารย์ก็แล้วกัน”
“ เห๋....ขอโทษแล้วเค้าจะไม่ว่าอะไรหรอ???”
พี่เงยหน้ามองมาที่ผมอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับจนผมนึกหมั่นไส้
“ เค้าคงอภัยให้อยู่แล้วละ....” เจ้าหมาน้อยตรงหน้ากระดิกหางไปมา หูแหลมที่เคยตกลู่อยู่จนถึงเมื่อกี้ตั้งชันพร้อมกระดิกขึ้นลง ดวงตาคู่นั้นระริกระรี้ขึ้นทันที....ก่อนที่จะโดนผมตอกย้ำความเป็นจริงอันโหดร้ายยิ่งกว่า.... “ ถ้าพี่จะยอมโดนหักเบี้ยเลี้ยงซักสองสามเดือนน่ะนะ” แล้วร่างตรงหน้าก็กลายเป็นหินไปในที่สุด....
“ ไอ้ปีศาจ.....”
ใบหน้าทะมึนปรายตามามองผมพรางพึมพำให้ได้ยิน ก่อนจะหันหน้ากลับไปนั่งกอดเข่าอยู่ในเงามืดอีกครั้ง
น่าแปลกที่ภาพของพี่ที่เป็นแบบนี้กลับทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น....ก็น่ารักจริงๆนั่นแหละน้า.....มือจึงหยิบข้าวกล่องที่วางทิ้งไว้มาเปิดฝาออก กลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาให้ท้องเริ่มจะส่งเสียงร้อง
“ อ๊ะ แกยังไม่ได้กินข้าวหรอ?”
แต่แทนที่จะได้กินข้าวอย่างสงบสุข เจ้าคนที่ควรจะอยู่ในหลุมดำดันหันกลับมาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น......พี่เนี่ยสมาธิสั้นจริงๆนั่นแหละ
“ ครับ....พอดีมีเรื่องต้องไปหารือกับอาจารย์ผู้ใหญ่นิดหน่อย”
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องโกหก จะให้รู้ได้ยังไงว่าทั้งหมดมันก็เป็นเพราะพี่นั่นแหละ
“ งั้นหรอ.....”
พี่พูดกับผมทั้งๆที่สายตาจ้องมองข้าวกล่องไม่วางตา เหมือนผมจะเห็นน้ำลายหยดเล็กๆที่มุมปาก....เดี๋ยวสิๆ พี่เพิ่งจะกินไปไม่ใช่หรอ ?!
ผมเดินโซเซกลับมาถึงหอพักจนได้ เสียงท้องร้องโหยหวนไปตลอดทาง จะอะไรเสียอีกล่ะ...ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเจ้าปีศาจกระเพาะครากตัวนั้นนั่นแหละ....ข้าวกลางวันที่ควรจะเป็นของผมทั้งหมดกลับจำต้องแบ่งให้พี่ไปตั้งครึ่ง
“ หิวจัง...”
ผมเดินบ่นงึมงำอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ความจริงช่วงเวลานี้ผมต้องมุ่งหน้าไปยังที่เรียน “กวดวิชา” เพื่อสอนหนังสือให้แก่เหล่าเอกโซซิสตัวน้อย...แต่เพราะหิวจนเริ่มจะตาลาย ผมจึงตัดสินใจกลับมาหาอะไรรองท้องที่หอก่อนแล้วค่อยไป
เสียงกอกแกกอะไรบางอย่างดังอยู่ในห้องทำให้ผมคว้าปืนออกมาทันที หอซึ่งไม่น่าจะมีใครอยู่ทำไมถึงมีเสียงราวกับใครสักคนกำลังรื้อค้นอะไรอยู่ได้....ผมขยับเข้าหาประตูด้วยความระมัดระวัง มือวางที่ลูกบิดแล้วหมุนมันออกอย่างเงียบเชียบ
เจ้าหัวขโมยยังคงค้นนู่นค้นนี่โดยที่ยังไม่รู้ตัว หางยาวสีดำส่ายไปมาดูท่าทางหงุดหงิด........หางงั้นหรอ?
“ พี่ ?!”
แล้วใบหน้าเนียนใสที่มีส่วนคล้ายผมอยู่บ้างก็หันมามองอย่างแปลกใจ
“ ยูคิโอะ? มาทำไรที่นี่อ่ะ?”
“ ผมควรจะถามพี่มากกว่านะ...นี่คงไม่ได้กำลังจะโดดเรียนหรอกใช่ไหมครับ...”
ปลายเสียงเข้มขึ้นราวกับแม่ผู้เข้มงวดคาดคั้นลูกชายผู้ไม่เอาไหน มือใหญ่ยกขึ้นขยับแว่นตาให้ผู้เป็นพี่ชายถึงกับรีบยกสองมือยอมแพ้
“ เปล่านะ! พอดีว่าฉันหากิ๊บติดผมไม่เจอ ไม่รู้ว่าวางเอาไว้แถวนี้หรือเปล่าเลยกลับมาหาดูต่างหากเล่า”
“ อ้อ....อย่างงั้นเองหรอครับ”
ผมแอบเห็นนะว่าพี่หันหน้าไปบ่นงึมงำที่อีกฝั่ง คงกำลังบอกว่าผมไม่ใช่แม่ตัวเองอยู่ละสิ
แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้อยากเป็นแม่เสียหน่อย...แต่อยากเป็นอย่างอื่นที่ยิ่งกว่าแม่น่ะนะ
“ แล้วเจอไหมครับ?”
“ ไม่เจอ....เอาไปวางไว้ไหนน้า....”
พี่ยังคงก้มๆเงยๆมองหากิ๊บอันนั้น ถึงผมจะชอบมันเวลาที่พี่ติดเอาไว้บนผมหน้าเพราะคิดว่าน่ารักดี...แต่ผมก็แอบติดใจอยู่นิดหน่อยที่ว่าผมไม่ใช่คนที่ให้กิ๊บอันนั้น
“ มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ...”
ผมเผลอพูดออกไปด้วยสีหน้านิ่งสนิท
“ หื๋อ? สำคัญสิ”
คำตอบของพี่ทำให้ผมจมลงสู่ความมืดมิด อยากจะตรงเข้าไปบีบไหล่แล้วเค้นถามว่าของที่ได้มาจากคนอื่นแบบนั้นมันสำคัญตรงไหน
“ ก็ถ้าไม่มีมัน...ฉันจะเอาอะไรหนีบผมหน้านี่ล่ะ ยาวจนมองไม่เห็นอะไรแล้วเนี่ย...หรือว่าแกมีกิ๊บอันอื่นอีก เอามายืมหน่อยดิ๊”
......พี่เป็นพวกสมาธิสั้น....
แล้วยังพยายามยัดเยียดความรู้สึกนั้นมาให้ผมอีก!....จากเมื่อครู่ที่ทำให้ผมไม่พอใจแต่แล้วไม่นานก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้....ฮะฮะ ตกลงว่ากิ๊บนั่นมันสำคัญแค่นั้นเองใช่ไหม....เพราะแบบนั้นเองหรอกหรอ
“ กิ๊บน่ะไม่มีหรอก...แต่ว่าผมมีอย่างอื่น”
ผมยิ้มแฝงแววเจ้าเล่ห์ไปให้พี่ที่ยังคงยืนมองตาปริบๆด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะอ่านหนังสือของผมเองแล้วเปิดลิ้นชักออกมา....ริบบิ้นสีชมพูที่เคยถูกใช้มัดห่อคุกกี้วางอยู่มากมายหลายเส้น....
มือค่อยๆรวบผมหน้ายุ่งเหยิงของพี่ขึ้น ถึงผมสีเข้มนั่นจะดูรุงรังแต่มันกลับนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ มืออีกข้างจับริบบิ้นมัดไว้ที่โคนผมก่อนจะมัดทบกันจนเป็นโบว์อย่างสวยงาม....
หน้าผากของพี่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับริมฝีปากของผมพอดี...หากว่าขยับเข้าไปอีกนิดละก็....
“ เอ้า...เรียบร้อยแล้ว”
ผมตัดใจพูดออกไปอย่างเสียดายอยู่นิดๆ พี่กระพริบตาปริบๆก่อนจะหันไปส่องกระจก หันซ้ายหันขวาพร้อมกับยิ้มแฉ่งดูท่าทางจะชอบใจกับจุกที่ผมมัดให้....ผู้ชายปกติเค้าชอบแบบนี้กันหรอพี่ครับ...
“ เจ๋งไปเลยยูคิโอะ ไม่นึกว่าไอ้แว่นสี่ตาอย่างแกจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย”
“ ผมโกรธนะครับนั่น....ไปเรียนได้แล้วครับ”
พี่ยังคงนั่งเรียนอยู่ข้างๆชิเอมิซังเหมือนเดิม กับคนนี้ผมไม่ห่วงอะไรมากนัก เพราะชิเอมิซังก็เป็นคนประเภทเดียวกับพี่นั่นแหละ...ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวรู้ร้อนรู้หนาว เป๋อๆแต่ก็น่ารักเหมือนพี่นั่นแหละ
แต่กับอีกฝั่งหนึ่งสิ ที่ผมรู้สึกหวงมากกว่า
“ กับอีแค่ปีศาจระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมีให้เห็นทั่วไปแบบนี้ ทำไมแกไม่รู้จักฟ๊ะ!”
ซูกูโระ เรียวจิหรือที่กลุ่มเพื่อนสนิทเรียกกันว่า “บอน” ยื่นหน้าออกไปตะโกนด่าคู่กรณีปาวๆ และเจ้าคนที่จะไม่รู้เรื่องแม้แต่เรื่องพื้นฐานของเอกโซซิสได้ขนาดนี้ก็คงจะมีอยู่แค่คนเดียว
“ ก็มันไม่ใช่ญาติโกโหติกาชั้นนี่หว่า...แล้วทำไมจะต้องไปรู้จักมันด้วย”
นั่นก็เถียงออกมาได้หน้าไม่อายสุดๆ พี่กอดอกพร้อมเนียนไปนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มอีกคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
“ แล้ว...ตกลงว่ามันเป็นยังไงกันล่ะ โคเนโกะมารุ”
ไม่ว่าเปล่าแขนยังพาดไปที่คอของอีกฝ่ายราวกับเพื่อนสนิท...พี่เป็นคนที่เข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีใครยอมเข้าใกล้พี่เลยก็ตาม...แต่คราวนี้มันไม่ใช่....ในเมื่อกลุ่มสามคนนั่นพยายามอธิบายให้พี่เข้าใจจนได้ว่า ปีศาจที่พี่สงสัยนั้นเป็นอย่างไร
ผมเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ภายในเงามืดของหลืบเสา
ไม่ชอบใจเลยสักนิด....
ชั่วโมงเรียนนั้นหมดไปนานแล้ว ผมได้แต่เดินอย่างเหนื่อยหน่ายไปตามระเบียงทางเดินเพื่อที่จะกลับหอ สายตาเหลือบไปมองดวงจันทร์กลมโตที่ลอยเด่นเหนือฟากฟ้ายามราตรี...ดึกขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย....เพราะมัวแต่ตรวจข้อสอบจึงทำให้กว่าจะออกมาจากห้องพักอาจารย์ก็ปาไปป่านนี้
พี่จะหลับไปหรือยังนะ....?
แต่ก็เป็นเพราะพี่นั่นแหละ ที่ทำให้ผมกลับบ้านช้าแบบนี้....ข้อสอบแผ่นสุดท้ายที่กว่าจะตรวจเสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง...นอกจากจะเขียนไม่รู้เรื่องแล้วลายมือยังแย่สุดๆอีกต่างหาก....สงสัยว่าผมควรจะเริ่มฝึกพี่ตั้งแต่การคัดลายมือเลยดีกว่าไหมเนี่ย
คิดไปพรางอมยิ้ม....แต่เพราะว่าเป็น โอคุมูระ ริน นั่นแหละนะ ผมถึงได้คิดว่ามันน่ารัก
ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องด้วยความประหลาดใจ แสงไฟยังคงลอดออกมาแสดงว่าพี่ยังไม่หลับ?
“ กลับมาแล้วครับ”
“ อื้อ กลับมาแล้วหรอยูคิโอะ”
พี่หันมาตอบรับด้วยดวงตาสุกใส ผมหน้าม้าของพี่ยังคงถูกมัดเอาไว้ด้วยฝีมือของผมเหมือนเดิม
“ ทำอะไรอยู่น่ะครับ ยังไม่นอนอีก?”
ผมชะโงกหน้าไปดูด้วยความสงสัย แล้วก็มองเห็นว่าพี่กำลังตั้งหน้าตั้งตาลอกสมุดโน้ตของใครบางคนอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ....ลายมือแบบนั้น....ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นของ ซูกูโระ เรียวจิ
“ ฉันยืมสมุดโน้ตวิชาปกติของบอนมาลอกน่ะ หมอนั่นสุดยอดไปเลยน้า...ขนาดฉันยังอ่านแล้วเข้าใจเลย”
พี่ยิ้มออกมาในขณะที่พูดถึงเจ้าของสมุด ผมทำได้เพียงแค่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วถอดเสื้อนอกแขวนเอาไว้ มือยกขึ้นไปคลายเนคไทแล้วปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด
“ สมุดโน้ตของผมก็มีนี่ครับ เอาของผมไปลอกก็ได้ ไม่เห็นต้องไปรบกวนซูกูโระคุงเค้าแบบนั้นเลย”
“ เชอะ ไม่เอาหรอกของแกน่ะ...อ่านไม่เห็นจะรู้เรื่อง ชอบจดแต่เรื่องยากๆ”
ผมหยุดนิ่งยืนมองแผ่นหลังเล็กของพี่ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจดโน้ตด้วยสายตานิ่งสนิท ท่าทางกระตือรือร้นแบบนั้นมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด อยากจะตรงเข้าไปกระชากสมุดนั่นออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
“ จริงสิพี่ครับ...วันเสาร์นี้ไปซื้อของกันไหมครับ ได้ข่าวมาว่ามีร้านไอติมอร่อยๆด้วย ผมเลี้ยงเองสนใจไหมครับ”
ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของผม....จะว่าไปก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันสองคน ถ้าได้ออกไปทำอะไรที่มันผ่อนคลายร่วมกันเสียบ้างบางทีผมอาจจะเลิกคิดมากและเลิกหวงพี่ได้บ้างสักระยะ
“ เสาร์นี้หรอ? ไม่ได้หรอกต้องไปช่วยพวกบอนทำความสะอาดวัดร้างน่ะ เห็นว่าจะเอาไปทำฐานที่มั่นอะไรก็ไม่รู้ละ...น่าสนุกดีออกน้า...แกก็ปะ....เฮ้ย!!”
เป็นครั้งแรกที่พี่ปฏิเสธผม แล้วยิ่งมันเป็นเพราะคนอื่น มันยิ่งทำให้ผมทนไม่ไหวจนหลุดจากการควบคุมตัว
ผมจับแขนพี่ก่อนที่จะกระชากตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วเหวี่ยงร่างที่เล็กกว่าผมลงไปบนเตียงที่อยู่ไม่ไกล
“ เฮ้ย! ยูคิโอะ!!”
พี่โวยวายขึ้นมาด้วยใบหน้าตื่นๆ แต่ผมก็ยังคงก้าวคร่อมลงไปด้วยใบหน้านิ่งสนิทที่พี่คงไม่เคยเห็น
“ ปะ เป็นอะไรไปน่ะ ยูคิ...”
ผมอยากจะตะโกนออกไปว่า ผมหวง ผมไม่อยากให้พี่ไปไหนกับใครทั้งนั้น!
“ อื้อ!!”
ริมฝีปากประกบลงไปที่ปากขี้สงสัยอย่างฝืนบังคับ นัยน์ตาของพี่เบิกกว้างอย่างตกใจก่อนที่มือเล็กจะพยายามผลักไสร่างกายของผมที่ขยับเข้าไปบดเบียดมากขึ้น ผมกระตุกริบบิ้นที่มัดผมของพี่ออกก่อนจะย้ายมันไปมัดไว้ที่ข้อมือเล็กแทน
“ อื้อๆๆ”
หลังจากถอนริมฝีปากออกมา พี่ก็หอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าใสเต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ ผมฉีกกระชากเสื้อนอนของพี่จนกระดุมหลุดกระเด็น เผยให้เห็นแผ่นอกบางที่กำลังขยับขึ้นลงด้วยแรงหายใจหนักหน่วง
“ ยะ...ยูคิ...”
เสียงพี่สั่นจนผมรู้สึกได้ แต่ผมก็ยังคงมองใบหน้าตื่นๆนั่นด้วยสายตานิ่งสนิทดังเดิม พี่จะเข้าใจไหม...ว่าที่ผมทำลงไปแบบนี้มันเพราะอะไร
“ อึก...ยะ....”
พี่ส่งเสียงออกมาอีกเมื่อริมฝีปากของผมกดแนบไปที่ซอกคอ ร่างกายของพี่พยายามต่อต้านแต่ผมก็กดทับมันไว้ ถึงพี่จะเป็นปีศาจ แต่หากไม่มีดาบเล่มนั้นพี่ก็จะไม่อาจสู้แรงปีศาจที่อยู่ในร่างของผมได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอและใบหู มือของผมก็เลื่อนลงไปที่ขอบกางเกงของพี่ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไป
นิ้วแตะสัมผัสที่แกนกายร้อนลุ่มที่เริ่มจะอยู่ไม่สุก ใบหน้าของพี่เงยขึ้นพร้อมอ้าปากครางออกมาเมื่อมือของผมกอบกุมส่วนไวต่อความรู้สึก ผมแลเห็นปลายหางสีดำนั่นกำลังสั่นระริก
“ อึก...อ้า....กะ...แกจะ...ทำอะ...อ้า”
ผมค่อยๆรูดมันขึ้นลงอย่างช้าๆ เชื่อได้ว่าพี่คงจะไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะอายุปาเข้าไป 15 ปีแล้วก็ตาม
พี่ยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ
ถึงพี่จะไม่เคยเปลี่ยนไป....แต่ผมน่ะ.............ไม่ใช่
มือที่กอบกุมแกนกายของพี่ขยับขึ้นลงเร็วมากขึ้นๆตามเสียงครางและแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ ทั้งเสียงหอบหายใจทั้งเสียงครางปนกันไปหมด เช่นเดียวกับสายตาที่มองมาที่ผมอย่างสับสน มันเจือปนไปด้วยความสุขสมแต่ก็ระคนสงสัย ไม่เข้าใจ...
ผมจ้องมองใบหน้าและทุกท่วงท่าของพี่ไม่วางตา...ความเย้ายวนของพี่นั้นมันเหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้มากมายนัก
ไม่อยากให้ใครเห็น...ไม่อยากให้ใครได้สัมผัส....
“ อึก...อ๊ะ อ๊า....”
เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมกับของเหลวสีขาวขุ่นที่ถูกระบายออกมาเต็มหน้าท้อง
“ แฮ่ก....แฮ่ก....”
พี่หอบหายใจอย่างหนักหน่วง แต่ผมก็ไม่คิดที่จะให้พี่พัก เมื่อเรียวนิ้วเริ่มจะสำรวจไปที่ปากทางเข้าด้านหลัง
“ แฮ่ก ยะ..ยูคิ!!”
เสียงของพี่ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เมื่อผมจงใจกดนิ้วลงไป มือที่ถูกผูกติดกันของพี่พยายามผลักไสอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ ฮ่า...จะ...จะทำอะไรน่ะ....อย่าเล่นอะไร...บ้าๆนะ!”
“ ผมไม่ได้เล่น......ผมเอาจริง”
เพียงแค่ผมกระซิบลงไปที่ใบหูแดงระเรื่อ ร่างทั้งร่างของพี่ก็นิ่งค้าง ผมจับเรียวขาข้างหนึ่งพาดไว้ที่ท่อนขาของผมก่อนจะกดเรียวนิ้วให้ลึกลงไปในช่องทางคับแน่น
“ อุก....ยูคิ...เจ็บ....เจ็บ!”
เพราะฝืนบังคับจึงทำให้ร่างกายของพี่นั้นต่อต้านอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาจากดวงตาที่เคยทอประกายของพี่
นี่ผม....
กำลังทำให้พี่ร้องไห้.....
กำลังทำให้พี่เจ็บ.....
ทั้งๆที่เป็นคนบอกว่าจะปกป้องพี่เอง....
“ ขอโทษ.....”
“ ขอโทษครับ....พี่”
ผมนิ่งค้างไป ราวกับว่าเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป มือเอื้อมไปปาดน้ำตาให้กับคนที่ยังสั่นไม่หยุด
“ ขอโทษ....”
ผมกระซิบบอกด้วยใบหน้าสำนึกผิดก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของพี่ แล้วยอมละออกมาแต่โดยดี
“ นอนเสียเถอะนะครับ...”
ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้พี่ที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะลุกออกมาจากเตียงด้วยร่างกายที่หนักอึ้ง
ผมเดินโซเซออกมาจากหอพักอย่างไร้เรี่ยวแรง...ถ้าหากพี่รู้เรื่องนี้แล้ว...จะยังอยากอยู่ใกล้ๆผมอีกหรือเปล่า....จะหนีไปจากผมหรือเปล่า...แล้วผม...ควรจะทำยังไงดี
ผมไม่รู้เลย....
สายลมอ่อนๆโชยมาให้บรรยากาศยามค่ำคืนนั้นเย็นสบาย ผมยังคงนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ที่สนามเด็กเล่นอย่างที่ไม่นึกอยากกลับไปที่ห้อง....ผมยังไม่อยากมองเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของพี่...ผมยังไม่อยากรับรู้ความจริง
แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบร่างกายของผมจนเกิดเงาทอดยาวไปบนพื้น เงาร่างสั่นไหวเมื่อชิงช้าเอนไปตามแรงลมบวกกับน้ำหนักของผม
พยายามเตรียมใจให้พร้อมที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
ถึงพี่จะเกลียดผม ถึงพี่จะรับไม่ได้กับความรู้สึกของผม แต่ถึงอย่างไรผมก็จะขอปกป้องพี่ไปชั่วชีวิต
ผมก้มหน้ามองเม็ดทรายในบ่อทรายสำหรับเด็กเล่น ก่อนดวงตาจะต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาของใครบางคนพาดทับลงมายังเม็ดทรายที่กำลังถูกพัดไปกับกระแสลม....หางที่โบกสะบัดแบบนั้นไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ พี่....”
ผมถึงกับอึ้งเมื่อเงยหน้ามองคนที่มาใหม่....พี่ค่อยๆสาวเท้าเข้ามายังสนามเด็กเล่นอย่างช้าๆ ใบหน้าเนียนนิ่งสนิทไม่มีแววขี้เล่นเหมือนที่เป็นประจำ
ผมนิ่งค้างมองร่างที่เดินเข้ามาหาเรื่อยๆ....ผมยังไม่ทันเตรียมใจ....ผมยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรหรือพูดอะไรออกไป
พี่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชิงช้าที่ผมนั่งอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ...หากจะต่อว่าหากจะด่าออกมา ผมคงจะไม่อึดอัดใจเท่านี้ ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองสบประสานไปในดวงตาซึ่งอ่านไม่ออกของพี่
แล้วพี่ก็ทำให้ผมนัยน์ตาเบิกกว้างอีกครั้ง...
เมื่อขาข้างหนึ่งของพี่ก้าวขึ้นมาเหยียบอยู่บนชิงช้าตัวเดียวกับผม ก่อนที่มือจะโหนโซ่ให้ร่างทั้งร่างและขาอีกข้างก้าวคร่อมตัวผมไปเพื่อเหยียบที่แผ่นไม้พื้นชิงช้าที่อีกข้าง หน้าท้องแบนเรียบของพี่อยู่ห่างจากใบหน้าของผมแค่คืบเท่านั้น
“ ตอนเด็กๆน่ะ แกก็เล่นชิงช้าเองไม่ได้นี่นะ...เลยต้องเดือดร้อนชั้นต้องมาคอยโล้ชิงช้าให้แบบนี้ตลอดเลย”
ภาพในความทรงจำมันค่อยๆหวนคืนกลับมา จริงอยู่ที่ว่าเราสองคนมักเล่นชิงช้าด้วยกันเสมอ โดยผมจะเป็นฝ่ายนั่ง ส่วนพี่จะยืนคร่อมอยู่ข้างหน้าแบบนี้
“ ฉัน...ไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นอะไร...แต่ว่า....แกที่ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่น่ะ...ถ้าอยากมีเพื่อนเล่นกับเค้าบ้างก็บอกฉันได้ ฉันจะอยู่กับแกเสมอนะ ยูคิโอะ”
คำพูดของพี่ทำเอาผมนัยน์ตาเบิกกว้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า....นี่พี่คิดว่าที่ผมทำลงไปทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าผมโมโห ผมน้อยใจที่พี่มีเพื่อนแต่ผมไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันเพราะต้องเป็นอาจารย์ตั้งแต่ยังอายุแค่นี้อย่างนั้นหรือ...หรือว่าพี่คิดว่าผมคงจะเครียดที่ไม่ได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆอย่างนั้นสินะ
ผมหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆท่ามกลางสายตาสงสัยของพี่
ทำไมพี่ถึงได้ไร้เดียงสาแบบนี้...
แต่มันก็ดีกับผมแล้วละ เพราะว่าผมยังไม่ได้เตรียมใจ
“ พี่ครับ เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษนะครับ...และผมดีใจมากที่พี่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างผม”
ผมเงยหน้ามองคนที่ยังคงยืนคร่อมตัวผมอยู่บนชิงช้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่สองแขนจะกอดเอวของพี่เข้ามาหาตัว แล้วซุกหน้าลงไปกับหน้าท้องแบนเรียบ ได้ยินเสียงพี่หัวเราะคิกคักอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะมีสัมผัสเบาๆมาลูบอยู่ที่หัวของผม
พี่ก็ยังคงเป็นพี่ ที่ไม่เคยสงสัยในตัวผมเหมือนเดิม
แต่ว่านะ พี่ครับ....
ถึงพี่จะไม่เคยเปลี่ยนไป....แต่ผมน่ะ.............ไม่ใช่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story never END
รีบแปะแล้วรีบชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว....
นี่ตรูทำอะไรลงป๊ายยยยยย >[ ]<!!!
คือ...ไม่ได้กลัวเรื่องเอ็นซีหรืออะไรแต่อย่างใด แต่ไอ้ที่หวีดร้องอยู่นี่คือ....มัวแต่แต่งเรื่องนี้จนอีกเรื่องที่ต้องลงพรุ่งนี้มันไม่เสร็จน่ะเซ่ โฮกกกกกกกกก ขอเอาร่างกายเข้าบูชายัญต่อท่านเทพสัปป้า....
รีบจรลีไปที่อีกเรื่อง...แต่งไปปาดน้ำตาไป...ทำไมตรูเป็นคนแบบนี้...ฮึกๆๆ จะเสร็จไหม แง๊....
ไว้ค่ำๆพรุ่งนี้ค่อยมาลุ้นกันดูอีกทีนะคะ TT[]TT ว่าจะทันวันเกิดสัปป้าไหม ฮือออ
ส่วนฟิคเรื่องนี้...ใครก็ได้ช่วย QC ให้ตรูหน่อยเหอะ ไม่ผ่าน QC มาเลยนะคะ เพราะงั้นเจอคำไหนผิดก็เดาเอาเองเด้อ (โดนโบก ...ไร้ความรับผิดชอบจริงๆ)
แรงบันดาลใจของตอนนี้มันได้มาจากภาพภาพนี้ค่ะ....
น้องพี่บนชิงช้าตัวเดียวกัน น่ารักเน้ออออออ >w<
ไปละ...ว่าแต่ง่วงแล้วอ่ะสัปป้าทำไงดี...T^T
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบอ่านจบแล้ว ไม่รู้จะเริ่มสครีมตรงไหนดี แฝดน้องพี่มันช่างสุดยอดดดด
ได้อ่านโด แถมมาอ่านฟิคพี่กวางต่อ โอ๊ยๆๆ มีความสุขข กร๊าากกกกก
แต่พี่กวางดูท่าจะเป็นทุกข์นะคะ อ่ะ เอ่ออ เอาใจช่วยค่ะ
วันเกิดคุณมุทั้งที แต่ไม่เคยให้อะไรคุณมุเลย กร๊ากกกก
เอาเป็นว่าคอยแวะไปร่วมแฮปกับชาวบ้านชาวช่องเค้าแหละดีที่สุดแล้วว ฮ่าฮ่า
สแกนผ่านตาแล้ว ผิดทีเดียวค่า ..
"ผมถอนหายใจ [ลอบ] ที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้" นอกนั้นโอเคค่าา
เม้นท์เนื้อเรื่องฟิคกันดีกว่าาา
เริ่มจากกก ชอบความคิดดาร์กๆในใจของยูคิโอะมากกกกกๆๆเลยยย
อ่านเรื่องนี้ไปก็นึกถึงเรื่องอีฟไป มันช่างงอารมณ์เดียวกันเล๊ยยยยย ชอบบบ
.
.
และมันก็เป็นการดีสำหรับผม....ที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามกับพี่
พี่จะต้องอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีผม
พูดคุยกับกลุ่มคนที่จะเป็นเอกโซซิสเป็นเรื่องธรรมดาแต่ว่า....ผมไม่พอใจ...
.
.
โฮกกกกกกกกกกก ชอบบบบเมะขี้หวงงงงง (ฮาโตริ๊?)
เข้าสโลแกนเมะของน้องโต้ เมะปีนเกลียว ได้มั้ยนี่ดาร์กๆแบบนี้ กร๊ากก
ไอ้ฉากล่อแหลมนั่นก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกกก ฮ่าฮ่า
แถมอีกฉากก หน้าผากอยู่ระดับเดียวกับปาก
ทำไมไม่ขยับเข้าไปอีกเล่าาาา โธ่..
ฉากผูกริบบิ้นให้โคตรน่ารักเลยอ่ะรินเอ๊ยยยยย แน่ใจนะว่าผู้ชายจริงๆอ่ะ
ขนาดชั้นเป็นผู้หญิงยังไม่คิดจะผูกริบบิ้นเลยให้ตายสิ กร๊ากกกกก
แล้วก็กลับมาสู่ความดาร์กของยูคิโอะกันต่อ คึหึหึ
ผมเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ภายในเงามืดของหลืบเสา
ไม่ชอบใจเลยสักนิด....
อยากจะตรงเข้าไปกระชากสมุดนั่นออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
ผมหวง ผมไม่อยากให้พี่ไปไหนกับใครทั้งนั้น!
ว๊ากกกกกกกก จับกดไปเล๊ยยยยย < เฮ้ยย
ไม่คิดว่าตอนสองจะได้เห็นความคืบหน้า ดีใจอ่ะ ??
ตบะแตก แล้ววว โฮกกกกก ลุยต่อเลยยยยูคิโอะคุงงงงง โบกธงเชียร์
อร๊ายยย รินน่ารักฟร่ะ ยิ่งอ่านยิ่งน่ารักก โฮฮฮ
ในที่สุดยูคิโอะก็กลับมาสว่างเหมือนเดิมหลังจากดาร์กไปได้แปปเดียว ฮะฮะ
เจอน้ำตาของคนที่รัก?เข้าไปก็หยุดกันทั้งนั้นนน
(ยกเว้นฮาโตริกร๊ากก) ขอโทษ ผมขอโทษ
อร๊ายยยย แพ้ทาง เมะอ่อนโยน น่ารัก o///o
ตบบ่าให้กำลังใจยูคิโอะคุงของรินจัง พี่ต้องตามมาง้อ?แน่ๆ
พี่แกมันสมาธิสั้น ฮะฮะ
แต่ไม่คิดว่าจะมาด้วยความคิดแบบนั้นนน (รินซื่อๆน่ารัก) ช้านนไม่เชื่ออออ
รินนน แกร๊ แอ๊บใช่มั้ยย แกต้องรู้แน่ๆว่า ยูคิโอะเค้าคิดไม่ซื่อนะ กร๊าซซซซซ
ลุ้นให้น้องพี่เค้าสนิทสนมกลมเกลียวรักกันแนบแน่นยิ่งขึ้นๆๆ กร๊ากกกก
โฮกกกก อ่านไปด้วยความลุ้นน และสครีมมแต่ละฉากกเหนื่อยมากกกก
ชอบอ่ะ หลงรัก แบบนี้ๆๆๆ จะอ่านอี๊กกกกกก โฮฮฮฮฮฮ ลงแดง
หาฟิคคู่นี้อ่านได้ที่ไหนอีกเนี่ยยย โอมมจง แต่งตอนต่อไป ๆ ๆ ๆ ๆ
โดนเสย โดนโบก พี่กวางกำลังอาการสาหัส ?
เกือบจะเอาตัวเข้าบูชายัญต่อท่านเทพ?สัปป้า? อยู่แล้ว
ยังจะไซโคเรื่องอื่นให้ว่อกแว่ก กร๊ากกกกกก
ไม่อ่า่นโดจริงหยออ มันน่าโฮกกก มากๆเลยน๊าาา // เสยกระเด็น
อยากอ่านอีก อ่านอีกรอบ ให้ตัวหนังสือมันออกมาเป็นภาพดีมั้ยเนี่ย??!!
edit
ไปอ่านวนใหม่อีกรอบบ ฉากสุดท้ายยย ถึงแม้ความสัมพันธ์จะไม่คืบหน้า
แต่บรรยากาศแบบนั้นมันอบอุ่นอ่ะ แค่นี้ก็พอแล้วว โฮกกก
กอดเอวซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบบเรียบ ลูบหัวเบาๆ โฮกกก น่าร๊ากกกกกก >///<
สุดท้ายลืมสครีมหางง หางงงรินนน หางงงง น่ารักเฟ้ยเฮ้ยย
น่ารักโฮวกกกกกกกกก
ตอบลบชอบมากค่ะ
รินทำตัวโมเอ้สบ่อยๆงี้...อันตราย xDDD
รินโมเอ้ที่สู้ดดดดดดดดดดด เค้าจาอาวกลับบ้าน
ตอบลบแฝดคู่นี้นี่สุดยอดจริงๆ
แต่งได้ดีมากเลยล่ะเจ้าค่ะ
>o< พึ่งเข้ามาอ่าน2ตอนรวดเลยค่ะ
ตอบลบรินน่ารักไร้เดียงสามากมาย
ยูคิโอะ=[]= มีการลักหลับ !~
ตอนนี้กำลังคลั่งเรื่องนี้อย่างมากมาย
ตอบลบบุตรซาตานทำไมมันน่ารักอย่างนี้ฟร้ะ
รินแกมันจะซื่อ(บื้อ)เกินไปแล้ว
แต่ตรงนี้แหละที่มันน่ารักน่ารังแกที่สุด คลั่งค่ะคลั่ง
ความคิดยูคิโอะแต่ละอย่างช่างดาร์กได้ใจ
"พี่จะต้องอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีผม" อันนี้ได้ใจไปเต็ม ๆ
แหมฝาแฝดนี่มันช่างสุดยอดจริง ๆ
ฉากน่ารักก็น่ารักจนอมยิ้ม ฉากดาร์กก็ดาร์คจนน้ำลายหก(โฮ่ะๆๆ)
ตอบลบเนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามมากค่ะ อยากจะเอาไปเขียนโดจินได้มั้ยเนี่ย (หุๆๆ) ^q^
ตอบคุณ 194prockshat199 ... ฮ่าๆๆ เอาไปเขียนโดเลยหยอก๊ะ....ได้ค่า...แต่มีข้อแม้ว่า เขียนเสร็จแล้วต้องเอามาให้ข้าพเจ้าดูมั่งนะ *w* อยากเห็นมากๆๆๆเลยค่ะ >w<
ตอบลบชอบมากค่า
ตอบลบบรรยายความรู้สึกของตัวละครดีมากเลยค่ะ
ส่วนตัวอยากให้ยูคิโอะบอกความรู้สึกที่เก็บไว้กับรินไวๆจัง
อยากให้อัพต่อไวๆนะคะ สู้ๆค่ะ !
ชอบมากกกกกเลยค่ะะะ ส่วนตัวไม่ค่อยเก่งเรื่องฟิกแต่รู้สึกว่าใช้คำได้ดีมากเลยละค่ะะ☆〜(ゝ。∂)
ตอบลบมีติดใจเล็กน้อยตรงชื่อบอนเท่านั้นเองค่ะ บอนชื่อริวจิ และเวลารินเรียกจะเรียกว่าซูกุโระค่ะ
อาาา แต่ไงๆก็ชอบมากเลยค่ะะะ รีบมาต่อไวๆนะคะะะ。・゜・(ノД`)・゜・。
อ้าก อ่านซ้ำหลายหนมาก(ฮา)
ตอบลบรอตอนต่อนะคะะะะะ//////////