KHR AuS.Fic [8059] --- Shiki : เลือดหยดที่สอง ---


KHR AuS.Fic [8059]    --- Shiki : เลือดหยดที่สอง ---

: KHR feat. Shiki Fanfiction
: 8059 
: Horror Romance 
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ











ไอหมอกเย็นเยือกค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในความสงบสุขของหมู่บ้านโซโตบะอย่างช้าๆ ทั้งๆที่เป็นฤดูร้อนแต่ร่างเล็กบางที่นอนหลับอยู่กลับรู้สึกกระสับกระส่าย


ราวกับกำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาที่มองไม่เห็น....


จากแสงแดดอบอุ่นที่สว่างเจิดจ้าอยู่ตรงหน้ากลับมีเงาดำทะมึนมาซ้อนทับจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก เสียงหริ่งเรไรนั้นหายไปมีแต่เพียงเสียงลมหายใจของตนแต่เพียงผู้เดียว...ขาเรียวภายใต้กิโมโนสีดำค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เสียงจ๋อมๆราวกับว่าที่ใต้ฝ่าเท้าคือหนองน้ำทำให้เรียวขานั้นหยุดเดิน กลิ่นของอะไรบางอย่างทำให้ร่างบางนั่งลงไปแล้วยื่นมือไปแตะที่พื้นใต้ฝ่าเท้า สัมผัสเปียกแฉะทำให้แน่ใจได้ว่าสิ่งที่ตนกำลังย่ำอยู่นั้นคือของเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย...นัยน์ตาสีมรกตพยายามจ้องมองลงไปในความมืด...กลิ่นคาวราวกับเหล็กลอยคละคลุ้งจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดจมูก....กลิ่นยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนคนที่นั่งอยู่ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป...


โผล๊ะ...


ฝ่าเท้าเหยียบลงไปที่อะไรบางอย่าง สัมผัสลื่นเละทำให้ชักเท้ากลับขึ้นมาอย่างขยะแขยง เสียงของเหลวเหนียวหนืดไหลร่วงจากฝ่าเท้าลงไปได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าสวยค่อยๆก้มลงไปมองที่เท้าของตนอย่างช้าๆ....


แล้วนัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆภาพที่มืดมัวมาตลอดกลับค่อยๆมองเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...ของเหลวสีขาวคละเคล้าไปกับสีแห่งชีวิตที่ปลายเท้านั้นส่งกลิ่นเน่าเหม็นโชยแตะจมูก...ที่ใต้ฝ่าเท้าที่ยกค้างเอาไว้คือหัวกะโหลกของใครบางคนที่แตกยับราวกับเพิ่งถูกกดทับด้วยอะไรบางอย่าง....เนื้อสมองสีขาวยังคงหยดไหลจากเท้าบางลงไปเป็นทาง


อุบ....


ภาพน่าสะอิดสะเอียนทำเอาสองมือเล็กยกขึ้นปิดปากแล้วออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต เสียงจ๋อมๆยังคงดังเข้ามาในหูอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าที่แห่งนี้นั้นเจิ่งนองไปด้วยทะเล...สีเลือด


ฝ่าเท้าสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนลำตัวบางกลิ้งล้มลงไป...ใช่...มันไม่เจ็บ...เพราะร่างทั้งร่างถูกรองรับเอาไว้ด้วยของเหลวที่นองอยู่ทั่วพื้น มือบางยกขึ้นปาดน้ำที่กระเด็นมาติดใบหน้าก่อนจะพบว่าทุกหยาดหยดล้วนมีแต่สีแดง...นัยน์ตาสีมรกตเหลียวมองไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนก...ก่อนจะไปหยุดลงที่ตรงปลายเท้า....


ร่างของใครบางคนนอนคว่ำจมกองเลือดที่นองพื้นอยู่ตรงนั้น และเมื่อมองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆตามสีผิวที่ขาวซีดกลับมีเพียงจุดสีแดงสองจุดที่ต้นคอที่เด่นชัดขึ้นมา ใบหน้าที่หันตะแคงมาทางนี้ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง สองมือยกขึ้นอุดปากอย่างยากเย็นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเคราแต่ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกลับไร้ชีวิต...หมอโอซากิตายแล้ว


อึก..    ร่างบางผวาก่อนจะขยับถอยหลังอย่างหวาดกลัว มือที่คลำไปที่พื้นสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง....เส้นผม?......และเมื่อก้มลงไปมอง ร่างที่สั่นระริกของตนกลับนิ่งงัน...เมื่อใบหน้าที่ปรากฏเข้ามาในสายตานั้นคือใบหน้าที่รู้จักดีอย่างที่สุด...ใบหน้าหล่อเหลาที่จมอยู่ในกองเลือดไปกว่าครึ่ง...ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มให้กัน....ใบหน้าที่ไร้ซึ่งลมหายใจอีกต่อไปแล้ว.....ใบหน้าของ...ยามาโมโตะ.....


อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!”


ฮายาโตะ!!”


ฮายาโตะ!!”


แรงเขย่าคละเคล้าไปกับเสียงเรียกให้นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง ใบหน้าสวยมีเหงื่อเกาะพราว ร่างเล็กบางลุกขึ้นนั่งพรางหอบหายใจ ไหล่บางยังคงสั่นระริกกับภาพที่ยังติดตา และเมื่อเงยหน้าขึ้นไป ใบหน้าของรองเจ้าอาวาสก็มองเห็นอยู่ไม่ไกลในแสงสลัวๆของโคมไฟหัวเตียง สายตาอ่อนโยนที่จ้องมองมานั้นแสดงออกว่าเป็นห่วง


ฝันร้ายอย่างนั้นหรือครับ ?      เสียงนุ่มนวลเอ่ยปลอบประโลม ร่างกายที่ยังคงหวาดผวาโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างหาที่พึ่ง มือเรียวของรองเจ้าอาวาสยกขึ้นลูบหัวของคนที่ยังกอดตนแน่นอย่างเบามือ


ไม่เป็นไรแล้วนะครับ....เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จะอยู่ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจะไม่ทอดทิ้งฮายาโตะอย่างแน่นอน...      ถ้อยคำนุ่มนวลกับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ร่างเล็กบางคลายความหวาดกลัวลง เสียงหอบหายใจค่อยๆเงียบหายไปจนเข้าสู่สภาวะปกติ ร่างเล็กผละออกจากอ้อมแขนก่อนจะก้มหน้าลงราวกับกำลังครุ่นคิด


ฝันว่าอะไรบอกได้ไหมครับ     


มันน่ากลัวมาก...มีแต่เลือดนองเต็มไปหมด...แล้วฉันก็เห็นด้วยว่า...หมอโอซากิกับยามาโมโตะ...ตายแล้ว....      สองมือเล็กกำมือที่เปียกชุ่มเอาไว้ที่หน้าตัก


.........อย่างนั้น.....หรือครับ.....        ใบหน้าที่สงบนิ่งกลับมีแววกังวลขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปที่ประตูเลื่อนอย่างเหม่อลอย.....












เสียงหึ่งๆของหมู่ผึ้งที่บินมาดอมดมดอกไม้ในสวนนั้นช่างชวนง่วงนอน....แต่กระนั้นนัยน์ตาสีมรกตก็ไม่ยอมหลับลง ทั้งๆที่ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงจนต้องเอาไปพาดไว้กับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย คางมนเกยอยู่บนโต๊ะ มือที่พาดเลยขอบโต๊ะออกไปตกลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างไม่คิดที่จะฝืนเอาไว้


ง่วงก็ไปนอนสิครับ      ร่างโปร่งบางอีกคนที่นั่งทับส้นอยู่ในห้องหันมามองด้วยรอยยิ้ม มือหยุดดินสอเอาไว้ก่อนจะหันมาสนใจเด็กในปกครอง


ไม่เอา...นายบอกว่า...ถ้าหากหลับตาลงพระเจ้าจะมองไม่เห็นแล้วก็จะถูกทอดทิ้งใช่ไหมล่ะ?     ถึงแม้จะเป็นพระแต่ มุโรอิ เซอิชิน ก็เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง และเรื่องราวที่เขามักหยิบยกมาเล่ากลับกลายเป็นเรื่องราวของพระเจ้าและปรัชญาซึ่งเข้าใจได้ยาก


หึหึ...ถึงพระเจ้าจะทอดทิ้งไป แต่ผมยังอยู่ตรงนี้นะครับ       รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ ใบหน้าสวยจ้องมองก่อนจะหันหนีไปอีกทาง...ใบหน้าแบบนั้นเขาไม่อยากเห็น....เพราะมันคือใบหน้าที่ทำให้เซอิชินเจ็บปวด หมอนั่นอาจจะไม่เคยรู้ตัวว่าทุกครั้งเขามองเห็น...ทุกครั้งที่หมอนั่นยิ้มให้ผู้อื่นทุกครั้งที่ทำเพื่อผู้อื่นตามหน้าที่ที่ได้รับ แต่ในดวงตาของหมอนั่นกลับเศร้าหมอง....เพราะหมอนั่นเกิดมาในตระกูลมุโรอิและมีหน้าที่ที่จะต้องสืบทอดวัดนี้ต่อไป เพราะเช่นนั้นจึงไม่อาจทำอะไรตามใจตัวเองได้...ไม่อาจละทิ้งหมู่บ้านแห่งนี้ไปที่ไหนได้ดั่งใจ


เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากลานวัด ทำให้ใบหน้าสวยยกจากโต๊ะขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันไปมอง


เฮ้...โกคุเดร้า...       ไอ้ครูพละไร้จรรยาบรรณนั่นมันมาทำอะไรที่นี่ทั้งๆที่ยังอยู่ในเวลาสอนแบบนี้เนี่ย


เห็นพ่อว่านายอาการไม่ค่อยดีเพราะหวัดหน้าร้อนงั้นหรอ ?       ร่างสูงใหญ่ในชุดวอร์มเดินมานั่งลงข้างๆโดยไม่ต้องเชื้อเชิญ


ไม่ใช่ซักหน่อย...      ใบหน้าสวยบ่นงึมงำก่อนจะหันไปอีกทาง….เพราะแกนั่นแหละที่เข้ามาในความฝันบ้าๆนั่น


ต้องระวังหน่อยนา...เพราะว่าคุณตาข้างๆบ้านฉันก็เพิ่งตายไปเพราะไข้หวัดฤดูร้อนนี่แหละ       คำว่า ตาย กลับทำให้ใบหน้าของพระทั้งสองถึงกับเปลี่ยนสี คนหนึ่งยังคงขวัญผวาอยู่กับฝันร้าย...แต่กับอีกราย....มือเรียวกำดินสอเอาไว้แน่น....


การตายที่เกิดติดต่อกันในช่วงนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ...ไม่เช่นนั้นจะมีคนตายติดๆกันถึงเจ็ดคนภายในสองอาทิตย์ได้อย่างนั้นหรือ


ยามาโมโตะคุงมาก็ดีแล้ว...เดี๋ยวผมจะไปหาโทชิโอะสักหน่อย ฝากฮายาโตะหน่อยนะ      รองเจ้าอาวาสร่างโปร่งลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งก่อนจะหยิบกระดาษสองสามแผ่นติดมือไป


รองเจ้าอาวาสก็ไม่สบายหรอ? ถึงต้องไปหาหมอโอซากิน่ะ       ยามาโมโตะถามขึ้นมาด้วยใบหน้าหรอหร๋า


เจ้าบ้า! ก็สองคนนั่นเป็นเพื่อนกัน จะไปหากันมั่งมันจะแปลกตรงไหน...แกเองยังเสนอหน้ามานี่ทุกวัน  ไม่เห็นมาสอนหนังสือชั้นเลย    แล้วใบหน้าเอ๋อก็หัวเราะออกมาตามปกติ แต่แล้วจู่ๆกลับทำหน้าราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้


ถ้าอย่างงั้น...เราไปเรียนพละกันดีกว่า!”      ข้อแขนแข็งแรงรวบเอวเล็กบางของพระผมเงินที่ยังคงพาดตัวเองเอาไว้กับโต๊ะให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ


หว๋า....ปล่อยชั้นนะไอ้บ้านี่!”       ดิ้นไปก็ต่อต้านอะไรไม่ได้ ในเมื่อจนแล้วจนรอดพระร่างเล็กก็ถูกนำมาปล่อยเอาไว้ที่เบาะหลังของสกูตเตอร์สีชมพู ก่อนที่คนซึ่งหิ้วออกมาจะนั่งลงตรงข้างหน้า เสียงเบาๆของเครื่องยนต์ทำงานและไม่นานเจ้ายานพาหนะแสนน่ารักก็เคลื่อนที่ออกไป


“ ฉันเกลียดเจ้ารถคันนี้ชะมัด”      หัวสีเงินที่ถูกจับสวมหมวกกันน็อคบ่นงึมงำอยู่ข้างหลัง


“ ฮะฮะ ชั้นว่านายน่าจะล้มเลิกการพยายามจะขี่จักรยานแล้วมาขับเจ้านี่แทนดีกว่านะ รองเจ้าอาวาสอุตส่าห์หามาให้นายโดยเฉพาะ มันน่ารักดีออกนา”      นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองลงไปที่เจ้าสกูตเตอร์ตัวปัญหา...สีชมพูแหววแบบนี้...รับรองว่าคนที่เลือกมาให้เขาต้องเป็นเจ้าหมอโอซากิแน่ๆ อย่างเซอิชินไม่มีทางที่จะกลั่นแกล้งเขาทางอ้อมแบบนี้หรอก


“ น่ารักบ้านย่าแกสิ! ขืนขับเจ้านี่ร่อนไปร่อนมา ภาพพจน์สุดแสนจะห้าวหาญที่ชั้นอุตส่าห์สร้างเอาไว้ได้ป่นปี้หมด”       มีภาพพจน์อะไรแบบนั้นกะเค้าด้วยหรอนั่น...ใบหน้าคมได้แต่แอบอมยิ้ม...เขาว่าถ้าเจ้าพระตัวเล็กนี่ขับเจ้ารถคันนี้ชาวบ้านคงไม่ค่อยแปลกใจ เพราะมันออกจะเหมาะเจาะยิ่งกว่าอะไรซะอีก


สกูตเตอร์สีชมพูเลี้ยวเข้าสู่โรงเรียนประถมประจำหมู่บ้านก่อนจะไปจอดลงที่ข้างๆสนามหญ้าหน้าอาคารเรียนเก่าแก่เพียงหลังเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ เด็กๆที่นั่งรอคุณครูของตนต่างวิ่งกรูกันออกมาจากที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เสียงทักทายเจื้อยแจ้วถูกตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มของร่างสูง


“ วันนี้คุณครูก็พาไปพี่สาวมาเล่นด้วยกันอีกแล้วหรอครับ”      เสียงสดใสเอ่ยออกมาจากใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กชายที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงนั้น


“ นี่แก...เห็นไหมเนี่ยว่าชั้นใส่ชุดอะไรอยู่ ?!


“ พระไง!


“ แล้วพระบ้านแกเป็น “พี่สาว” ได้รึไงฟะ ไอ้เด็กกวนประสาทนี่!      เสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กๆดังออกมาก่อนจะวิ่งหนีไป ทำเอาใบหน้าสวยบูดสนิท...ใช่ว่าจะไม่รู้จักกัน แต่เด็กพวกนั้นมักจะชอบหยอกล้อพระร่างเล็กแบบนี้เสมอๆ


“ ไม้เรียวอยู่ไหน ชั้นจะหวดพวกมันเอง!


“ น่าๆ โกคุเดระ...นายเป็นพระนะ ต้องใจดีกับเด็กๆสิ”     ใบหน้าคมยิ้มพร้อมเหงื่อหยด ไม่รู้ใครเป็นพระไม่รู้ใครเป็นมารกันแน่นะแบบนี้


“ ฮึ!      ใบหน้าสวยสะบัดไปอีกทางอย่างงอนๆ แต่แล้วผลกลมเกลี้ยงของอะไรบางอย่างก็ถูกหย่อนลงมาตรงหน้า นัยน์ตาสีมรกตส่งประกายวิ้งวับเมื่อหันมาเห็นว่ามันเป็นอะไรกันแน่


“ แตงโม! 


“ ใช่...ร้อนๆแบบนี้มันก็ต้องแตงโมนี่แหละนะ...คุณแม่ของเด็กๆเพิ่งเอามาให้เมื่อเช้านี้เองละ”


“ โอเค! งั้นแกไปสอนไป...เดี๋ยวชั้นจะนั่งเฝ้าแตงโมให้แกตรงนี้แหละ”      ไม่ว่าเปล่าพระร่างเล็กยังเดินเข้าครัวแล้วออกมาอีกครั้งพร้อมมีดเรียบร้อย...นั่งเฝ้าภาษาอะไรกันน่ะ?


เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังไปทั่วสนามกว้าง หลังจากสอนวิธีการเล่นที่ถูกต้องให้แล้ว ร่างสูงก็ออกมาเป็นเพียงกรรมการให้เท่านั้น ลูกบอลสีขาวลอยคว้างอยู่กลางอากาศก่อนจะถูกหวดด้วยไม้เบสบอลออกไปให้คนตีวิ่งไปตามเส้นสีขาวที่พื้น ชั่วระยะเวลาที่ลูกบอลลอยออกไปทำให้เขามีเวลาที่จะหันไปมองร่างของใครอีกคนที่นั่งอยู่ที่ข้างสนาม


หลังจากจัดการกับแตงโมจนดูท่าว่าอาการห่อเหี่ยวจะหายไปแล้ว ไม่นานเด็กประถมต้นตัวเล็กๆก็หอบสมุดวาดรูประบายสีมานั่งอยู่ข้างๆ ถึงใบหน้าสวยจะทำเหมือนไม่เต็มใจที่จะให้ใครมาวุ่นวาย แต่กระนั้นมือเล็กก็ยังคงจับสีเทียนขีดๆเขียนๆลงไปในกระดาษกับเด็กๆ


“ นี่ตัวอะไรน่ะ...?”

“ พี่สาววาดงูหรอฮะ งูใช่ไหม?”      เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากข้างสนามดังมาให้ร่างสูงได้ยิน

“ ฮึ! อย่างพวกแกคงไม่รู้จักหรอก นี่น่ะ! แมวเปอร์เซียเชียวนะ!      ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ วาดแมวให้เป็นงูได้ก็สมกับที่เป็นนายแล้วละโกคุเดระ

“ เห๋...แมวเปอร์เซียหน้าตาเป็นแบบนี้หรอ? ไม่เห็นเหมือนแมวบ้านเราเลยเน้อ”       และดูท่าทางเด็กๆก็จะรู้เท่าไม่ถึงการณ์เสียแล้ว





“ ครูคร้าบบบ บอลไปแล้วนะ!      เสียงตะโกนเรียกจากในสนามทำให้เขาจำต้องละสายตาจากร่างเล็กบาง


รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงขับขานเคียงข้างไปกับหมู่บ้านโซโตบะที่สงบสุข...หากเป็นไปได้เขาก็อยากที่จะปกป้องมันเอาไว้ให้นานแสนนาน....อยากให้สิ่งเหล่านี้ คงอยู่ที่นี่ตลอดไป...













สกูตเตอร์สีเขียวอ่อนจอดลงที่หน้าอาคารไม้สีเขียวเก่าแก่หลังใหญ่ ป้ายบริเวณทางเข้าเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “คลินิกโอซากิ”   สถานที่ที่เขาเข้าออกมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่จำความได้ ไม่ใช่ว่าเพราะเจ็บป่วย แต่เป็นเพราะเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาคือเจ้าของคลินิกแห่งนี้


ร่างโปร่งบางของรองเจ้าอาวาสเดินเข้าไปในคลินิกก่อนจะเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องห้องหนึ่ง


“ เชิญ”     เสียงห้วนๆดังรอดออกมา และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจ้าหมอใหญ่ของที่นี่กลับนั่งสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆอยู่ที่โต๊ะทำงาน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครานั้นดูเคร่งเครียดในขณะที่สายตายังคงจ้องมองผลการตรวจที่อยู่ในมือ


“ โทชิโอะ....”       เสียงนุ่มที่คุ้นเคยทำให้ใบหน้าคมเข้มละออกมาจากผลการตรวจได้ในที่สุด


“ ลมอะไรหอบนายมาล่ะเนี่ย”      ทั้งสองคนย้ายออกไปนั่งอยู่ที่ศาลาไม้เล็กๆด้านหลังอาคารผู้ป่วย


“ ผมแค่มีเรื่องสงสัย เกี่ยวกับจำนวนคนตายในหมู่บ้านของเราที่มันดูจะมากจนผิดหูผิดตา”


“ นายรู้ด้วยหรอ?”       บุหรี่อีกมวนถูกยัดใส่เข้าไปในปาก ก่อนจะพ่นควันลอยนิ่งพรางเอนแผ่นหลังกว้างพิงไปกับผนังของศาลา


“ ก็ผมเป็นพระนี่ ก็ต้องรู้อยู่แล้วละ”


“ นั่นสินะ”       ยามที่ได้อยู่ใกล้จิตใจกลับสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาสีน้ำตาลลอบมองผู้เป็นเพื่อนซึ่งยังคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็น....เราเป็นเพื่อนกันมานานและต่างก็รู้กันดีว่า เพราะนิสัยที่แตกต่างกันถึงได้คบกันมาได้ยืดยาวขนาดนี้ อีกฝ่ายราวกับจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กับส่วนที่ขาดหายไปของกันและกัน....เซอิชินนั้นสงบเยือกเย็นและรักสันติมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนคนนี้มักจะปกป้องทุกๆอย่างด้วยรอยยิ้มและความอ่อนโยน...แตกต่างจากเขาซึ่งใจร้อนและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนสิ่งที่ต้องการพิสูจน์ให้รู้ชัดเขาก็ไม่มีความลังเลที่จะลงมือ สิ่งที่ต้องการปกป้องไม่ว่าต้องใช้วิธีรุนแรงแค่ไหนก็ไม่เคยเกี่ยง...เพราะแบบนี้เขาถึงมาเป็นหมอ ผู้ซึ่งเห็นเลือดและความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่ายังไงก็จะหาทางรักษาได้เอง...และเซอิชินถึงได้เป็นพระ ผู้ซึ่งจะใช้รอยยิ้มปลอบโยนผู้คนให้หายหวาดกลัว


“ พอจะบอกได้ไหม...ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง...”     สิ่งที่เซอิชินถามออกมาทำเอาเขาอึ้งไป ขี้บุหรี่ที่มอดไหม้ร่วงหล่นลงไปยังพื้น


“ ไม่รู้...”      และคำตอบของเขาก็ทำเอาใบหน้าที่สงบเยือกเย็นเป็นนิจนั่นถึงกับอึ้งไปเช่นเดียวกัน


“ จริงอยู่ที่ฉันเขียนสาเหตุการตายว่า เป็นหัวใจล้มเหลวหรือไตวาย...แต่ที่จริงแล้วยังไม่รู้เลยสักรายว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่....”


“ .........หมายความว่า.....”


“ ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากอาการโลหิตจาง แต่ที่น่าแปลกคือเป็นอาการโลหิตจางชนิดที่เกิดจากการเสียเลือดไปมาก แต่เท่าที่ตรวจดูตามร่างกายกลับไม่พบบาดแผลขนาดใหญ่พอจะให้เป็นโลหิตจางชนิดนี้ได้”        ใบหน้าของเราทั้งคู่ต่างนิ่งงันอยู่แบบนั้น


“ เป็นไปได้หรือไม่ว่า....มันอาจจะเป็นโรคระบาด....สายพันธ์ใหม่.....”       ในที่สุดเซอิชินก็พูดขึ้นมาและมันก็คือสิ่งที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวของเขามานานหลายวันแล้ว



หมู่บ้านโซโตบะ....อาจจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคที่ยังไม่เคยค้นพบ!!!


สมมติฐานแรกนั้นทำเอาแผ่นหลังทั้งคู่นั้นเย็นวาบ....นัยน์ตาได้แต่จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเหม่อลอย...







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



เลือดหยดที่สาม.....
To be continue….





งึมงำ...ดูท่าทางจะไม่สั้นซะแล้วสิฟิคนี้...= =”...เมื่อกลางวันยังคุยกันอยู่เลยนะว่าน่าจะ 5 ตอนจบ

แต่พอแต่งตอนนี้แล้วแบบว่า...ด้วยสภาพเต่าคลานขนาดนี้ 5 ตอนมันจะจบแน่หรอฟะ?

เอาน่ะ...ไอ้เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นฟิกยาวเพราะงั้นเลยไม่ได้ละเมียดละไม ลงกันทุกวันราวกับฟิกสด (ก็สดจริงๆแหละ กร๊ากก)

เพราะงั้น ยังคงปักหัวกระทู้ว่าเป็นฟิกสั้นไปก่อนละกัน คึหึหึ (โดนโบก!ฟิกสั้นบ้านมันนี่หาตอนเดียวจบยากยิ่งกว่าพลิกแผ่นดินหาเข็มเย็บผ้าซะอีก)

และ...หลายๆคนอาจจะสงสัยและแอบตะหงิดๆกับการใช้สรรพนามในการเรียกหรือการพูดจากับพระในฟิกเรื่องนี้ ต้องขอแจ้งให้ทราบก่อนว่าข้าพเจ้าใช้ให้ใกล้เคียงกับในเรื่อง ชิกิ มากที่สุดน่ะค่ะ พระในเรื่องนี้การดำเนินชีวิตจะใกล้เคียงกับคนทั่วๆไปมาก หากใครที่ดูน่าจะพอรู้ว่ามันก็ประมาณนี้แหละ(หรือเปล่า?)




ปล. ฮี่ๆ ไว้คราวหน้าจะรวบรวมของขวัญที่ได้มามาให้ชมกันนะค้า แต่ละอันน่ารักๆทั้งนั้นเลยอ้า...^ ^...ดีใจมากมาย เหะเหะ



4 ความคิดเห็น:

  1. คึหึหึ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็ดีสิ ออกแนววิทยาศาสตร์ // พี่กวางเสย
    ฮายาโตะต้องสนใจสิ่งแปลกประหลาดพวกนี้แน่ๆ

    แต่ฮายาโตะเรื่องนี้กลัวผีป่าวว อิอิ
    ฝันแบบนั้นไม่ดีเลยน๊าาา ลางร้ายกำลังใกล้เข้ามาแว้วว

    เด็กๆน่ารักจัง แซวพระน้อยว่าพี่สาวด้วย ^^
    สกูตเตอร์สีชมพู อร๊ายยเข้ากั๊นเข้ากัน

    รออ่านเลือดหยดที่สามต่อไปค่าา << ชื่อตอนแอบหลอนอ่ะ -[]-

    ตอบลบ
  2. ทีแรกนึกว่าสกูตเตอร์สีชมพูเป็นของยามะ
    แอบหมั่นไส้ว่าใช้อะไรไม่ดูน่าตาตัวเอง ฮ่าๆๆ
    แต่พอบอกว่าเป็นของหนูก๊กแล้วแอบเห็นด้วยว่ามันช่างเข้าก๊าน เข้ากัน

    ช่วงต้นเรื่องหลอนดีค่ะ โดยเฉพาะตอนเหยียบกระโหลกสมองไหล
    จิ้นตามได้อารมณ์มากค่ะ หึหึ

    ตอบลบ
  3. อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพี่กวางโหดจังค่ะ๕๕๕ สมองเสมิงไหลเลยT_T

    แต่พอถึงช่วง8059นี่ แหม น่ารักซะดูเหมือนว่าลำเอียง???? พระก๊กดูเข้ากับเด็กๆได้ดีจัง

    ตอนนี้งานยังไม่เข้า ไปแอบดอดอ่านตอนที่สามต่อดีกว่า

    ขออภัยที่ตามมาอ่านช้าอีกครั้งนะคะ (มาช้าดีว่าไม่มานะ)

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ2 สิงหาคม 2566 เวลา 06:38

    ลุ้นตามมากแม่

    ตอบลบ