สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ One-Shot.Fic [เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน] หงส์ขาวกับจิ้งจอกเก้าหาง : 02


สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ One-Shot.Fic [เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน]  หงส์ขาวกับจิ้งจอกเก้าหาง : 02

: สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ Fanfiction 
: เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน
: Warmhearted Romantic
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ






...ครั้งแรกของจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนั้น...ล้วนเป็นของข้าทั้งสิ้น...


ยามนี้ใบหน้าสุขุมของเทพเจ๋อเหยียนแห่งป่าท้อสิบหลี่กำลังจ้องมองไปที่ร่างเล็กๆของเจ้าเด็กเผ่าจิ้งจอกเก้าหางด้วยแววตาชื่นชม

ถึงมหาเทพไป๋จื่อพ่อของเด็กนั่นจะซื่อบื้อไปบ้างและเผ่าจิ้งจอกเก้าหางก็ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนพวกเผ่าสวรรค์บนชั้นฟ้า แต่ก็นับว่าราชาจิ้งจอกเพื่อนของเขาเลี้ยงลูกมาดีไม่เบา เจ้าเด็กที่นั่งแทะลูกท้ออยู่ริมสระนั่นถึงได้มีความน่ารักน่าเอ็นดูและสง่างามตามธรรมชาติ ไม่ได้เย่อหยิ่งในความเป็นเทพเหมือนพวกเผ่าสวรรค์แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำตัวติดดินจนดูไร้ราศีเหมือนพวกเซียนชั้นล่าง เจินเจินมักจะแสดงออกมาตรงๆว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แต่ในความตรงไปตรงมานั้นก็ยังมีความไว้ตัวอยู่ในที เรียกว่าสมกับที่เป็นองค์ชายของเผ่าจิ้งจอกเก้าหางที่จะต้องดูแลคนของเผ่าจิ้งจอกต่อไปในอนาคต

เขาเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงบนลานหินริมสระดอกท้อไม่ได้ห่างจากตรงที่เจินเจินนั่งอยู่มากนัก มือใหญ่วาดผ่านอากาศธาตุที่ว่างเปล่าก่อนจะก่อเกิดเป็นโต๊ะเขียนหนังสือขนาดพอเหมาะพอดีตัวหนึ่ง จากนั้นทั้งพู่กัน แท่นวางพู่กัน แท่นฝนหมึก ผูกไม้ไผ่หรือแม้แต่กระดาษก็ค่อยๆปรากฏโฉมครบครันบนโต๊ะตัวนั้น

เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะมองดูด้วยความสนใจและมันก็ทำให้เขาอดที่จะยิ้มกริ่มไม่ได้

“ท่านทำอะไรน่ะ?”   ใบหน้าที่ไม่ว่าเขาจะมองกี่ทีก็หาตำหนิใดๆไม่ได้เลยเอ่ยถามออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาจ้องมองใบหน้าเล็กนั่นด้วยความพอใจ...โตไปเจินเจินจะต้องมีความงามเป็นหนึ่งในใต้หล้าและสวรรค์ชั้นฟ้าแน่นอน เช่นนั้นแล้วทำไมเขาจะไม่พอใจล่ะที่จะได้ครอบครองความงดงามนี้ไว้กับตัว เขาซุกซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้ภายใต้ใบหน้าอมยิ้มที่กำลังก้มลงมองผูกไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ

“ข้ากำลังรวบรวมข้อมูลของเผ่าปักษาสวรรค์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าปักษาสวรรค์นั้นมีมากมายเพียงใดและแต่ละเผ่าทรงพลังขนาดไหน”

“หื๋ม...ข้าไม่รู้หรอก...ไว้ข้ารออ่านสิ่งที่ท่านรวบรวมมาดีกว่า ท่านกำลังจะเขียนเป็นหนังสือใช่หรือไม่?”   แววตาแวววับของเจินเจินทำให้เขาเผลอยิ้มรับ อันที่จริงเขารวบรวมข้อมูลพวกนี้เป็นงานอดิเรกเพราะความอยากรู้ส่วนตัว ไม่เคยคิดจะเขียนเป็นหนังสือเลย

“มีรูปวาดด้วย ท่านวาดเองเหรอ?”   ใบหน้าเล็กยื่นเข้ามาดูรูปที่เขาวาดปักษาสวรรค์เผ่าหนึ่งเอาไว้เมื่อครั้งพบมันที่เขาซีซานในปีก่อน ลำตัวของมันมีสีน้ำเงินเหลือบแดงสวยสดตระการมากในเวลาโผบิน

“ใช่แล้ว ข้าวาดเอง...ปักษาสวรรค์เผ่านี้น่ะ หากเอาชนะเขาได้ เขาจะยอมเป็นพาหนะให้ พวกเขาบินได้ไกลเป็นหมื่นลี้แถมใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา”

“เห๋...ถ้านกนี่มีความสามารถขนาดนั้นคงใช่ว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆสินะ?”

“หึ...เจ้าอยากได้สักตัวไหมล่ะ?”

“.......”   เจินเจินไม่ได้ออดอ้อนงอแงว่าอยากได้ แต่ดูจากดวงตาที่เป็นประกายกับริมฝีปากรูปกระจับที่กำลังเม้มน้อยๆเขาก็รู้แล้วว่า...เขามีหนึ่งพันธะสัญญาที่จะให้ไว้กับเด็กคนนี้

“ไว้สักวันข้าจะจับมาให้เจ้า”

“ขอบคุณ....”   เจินเจินก้มหน้าพลางอมยิ้มน้อยๆ ถึงจะไม่ได้เป็นรอยยิ้มกว้างหรือกระโดดโล้ดเต้นอย่างเด็กทั่วไป แต่รอยยิ้มกับแก้มใสที่แดงระเรื่ออย่างเขินอายในยามนี้ของเจินเจินกลับทำให้หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำ เขารู้ว่าเจินเจินกำลังดีใจ เจ้าเด็กตรงหน้าไม่ได้ดีใจจนออกนอกหน้าแล้วก็ไม่ได้สงวนท่าทีจนดูน่ารำคาญ แต่กลับมีความน่ารักตามธรรมชาติและมีความสง่าสมกับที่มีสายเลือดของชนชั้นปกครองอยู่ในตัว

เขาสะบัดหน้าเล็กน้อยก่อนจะพยายามตั้งสมาธิกับผูกไม้ไผ่ตรงหน้า มือจรดพู่กันลงไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าปักษาสวรรค์กลบเกลื่อนความคิดชั่วร้ายในหัวให้สงบลง...แต่เจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวดีก็ยังจู่โจมเขาไม่เลิก

“ลายมือท่านสวยจัง...”   นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่ปลายพู่กันในมือเขา ดูท่าเจินเจินจะสนใจมันมากทีเดียว

“เจ้าเขียนหนังสือเป็นหรือยัง?”

“ท่านแม่สอนข้าเขียนอ่านบ้างแล้ว แต่ไม่เคยฝึกข้าเขียนอักษรที่งดงามเช่นนี้”   เขามองเจินเจินอย่างชั่งใจ จะปล่อยให้เด็กคนนี้มีแต่รูปโฉมที่งดงามแต่ไม่มีสมองคงไม่ได้ ถึงแม้ว่าเจินเจินจะฉลาดตามสายเลือดของจิ้งจอกเก้าหางอยู่แล้วแต่ถ้าไม่ได้รับการขัดเกลา เชื้อสายที่อุตส่าห์ดีเลิศกว่าใครคงด้อยค่าลงอย่างน่าเสียดาย

“งั้นมานี่สิ ข้าจะสอนให้”  เขาผายมือออกไป หากเจินเจินได้รับการสั่งสอนจากหงสาเช่นเขา เชื่อมั่นได้เลยว่าในอนาคตคงจะหาคนที่คู่ควรกับเด็กคนนี้ได้ยากเต็มที...ซึ่งนั่นก็คงดีต่อเขาไม่น้อย เพราะเจินเจินจะไม่ไปไหนและจะไม่มีใครที่ดีพอจะอยู่ในสายตาของเจินเจินได้

“อื้ม”   ใบหน้าเล็กพยักรัวๆ เขายิ้มให้ก่อนจะดึงร่างเล็กมานั่งบนตักอย่างตั้งใจว่านอกจากการเขียนอักษรแล้ว ไม่ว่าจะการวาด หมาก พิณ ศิลปะขั้นสูงทั้งหมดทั้งมวลในโลกนี้หรือแม้แต่การต่อสู้ก็ดี...เขาจะเป็นคนสอนให้เจินเจินเอง

มือใหญ่กุมมือเล็กที่จับพู่กันเอาไว้ก่อนจะจับลากเป็นตัวอักษร...เริ่มจากชื่อของเจินเจินก่อน...แล้วก็ตามด้วยชื่อของเขา...

เขาเหลือบมองแก้มใสของคนที่อยู่ในอ้อมแขน มันส่งไอร้อนออกมาจนเขาอมยิ้มแล้วจับมือเล็กนั่นเขียนตัวอักษรต่อไป การที่เจินเจินเป็นเด็กผู้ชายอาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะถ้าใครมาเห็นพวกเขาเข้าก็คงไม่น่าเกลียดเท่าการที่เจินเจินเป็นเด็กผู้หญิงแน่...นั่นคือเขาสามารถใกล้ชิดเจ้าลูกจิ้งจอกน้อยนี่ได้เท่าที่ใจต้องการ

“ตัวท่านหอมจัง...นี่กลิ่นอะไร? ดอกท้อรึ?”   จมูกของจิ้งจอกนั้นดีกว่าจมูกของเทพเซียนทั่วไปอยู่หลายส่วน ยิ่งเจินเจินอยู่ใกล้เขาขนาดนี้จะไม่ได้กลิ่นประจำตัวของเขาก็คงแปลก เจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางหันมาทำจมูกฟุดฟิดไปตามเสื้อของเขาเมื่อเขียนอักษรได้พักหนึ่ง

“ใช่ เป็นดอกท้อเจ็ดส่วนกับบัวหิมะสวรรค์อีกสามส่วน...เจ้าชอบรึ?”   เขาก้มลงไปมองใบหน้าหมดจดซึ่งกำลังดมแขนเสื้อของเขาอยู่ กลิ่นดอกท้อนั้นหอมหวานเขาจึงผสมบัวหิมะสวรรค์ซึ่งมีกลิ่นเย็นๆเข้าไปทำให้กลิ่นกายของเขาออกหอมเย็นๆ

“ใช่ ข้าชอบ”   เจินเจินแทบจะฝังใบหน้าเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าด้วย...อืม...เป็นดอกท้อเก้าส่วนกับบัวหิมะอีกหนึ่งส่วนน่าจะดี”

“ทำไมถึงเป็นดอกท้อเก้าส่วนล่ะ?”   เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยเงยหน้าถามเขาอย่างสงสัย


เพราะข้าชอบให้ตัวเจ้าเต็มไปด้วยกลิ่นดอกท้อ...เพราะข้าชอบให้ตัวเจ้ามีแต่กลิ่นของข้า...


เขาไม่ได้พูดออกไปจึงได้แต่กระแอมเบาๆหนึ่งทีก่อนที่จะบ่ายเบี่ยงไปว่า

“ข้าว่าเจ้าน่าจะชอบ...”   และเขาก็คิดว่ากลิ่นหอมหวานน่าจะเหมาะกับเจินเจินด้วย



หลังจากนั้นพวกเราก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนอยู่ด้วยกัน เขาสอนทั้งการเดินหมาก การวาดรูป การเขียนอักษร การดีดพิณให้เจินเจิน สอนการเดินลมปราณ สอนการต่อสู้ สอนแม้แต่วิชาแพทย์พื้นฐานให้ด้วย

เรียกว่าครั้งแรกของเจินเจิน ล้วนเป็นเขาสอนให้ทั้งสิ้น

นั่นอาจจะรวมไปถึง...รักแรกของเจินเจินด้วยก็เป็นได้...
















...ครั้งแรกของจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนี้...ล้วนเป็นของท่านทั้งสิ้น...


เขามาอยู่ที่ป่าท้อสิบหลี่เป็นเวลาเกือบปีแล้ว...

ทั้งวันทั้งคืนที่เขาเอาแต่ขลุกตัวอยู่กับเจ๋อเหยียน เรื่องที่เจ๋อเหยียนสอนให้เขานั้นล้วนน่าสนใจ ไม่ว่าจะการเดินหมาก การวาดรูป การเขียนอักษร การดีดพิณเจ๋อเหยียนก็เป็นคนสอนให้เขา สอนการเดินลมปราณ สอนการต่อสู้ สอนแม้แต่วิชาแพทย์พื้นฐานให้ด้วย

เรียกว่าครั้งแรกของเขา ล้วนเป็นเจ๋อเหยียนสอนให้ทั้งสิ้น

และมันก็รวมไปถึง...รักแรกของเขาด้วย...ที่เจ๋อเหยียนเป็นคนสอนมันให้เขา


สองมือยกขึ้นมาลูบแก้มของตัวเองเบาๆก่อนจะพยายามไล่ความรู้สึกที่ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวออกไป เขาเดินออกจากห้องนอนพลางกวาดสายตามองหาเจ๋อเหยียนแต่กลับไม่เห็นอีกฝ่ายแม้แต่เงา จะว่าไปวันนี้ในกระท่อมก็เงียบผิดปกติ?

หลังจากที่แน่ใจว่าเจ๋อเหยียนไม่ได้อยู่ในกระท่อมเขาจึงก้าวขาออกมาตามหาด้านนอก ก่อนจะหลบเร้นกายเข้าไปหลังผนังแทบไม่ทันเมื่อคนที่เขาตามหาอยู่นั้นกำลังเดินคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนสะพานข้ามลำคลองที่ทอดยาวเข้าไปในป่าท้อ

เขาแอบชะโงกหน้าออกไปมองเป็นระยะๆ เซียนสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราคนนั้นเป็นใครกัน? จากปราณเซียนที่เขาสัมผัสได้น่าจะเป็นคนเผ่าหงสา...เผ่าเดียวกับเจ๋อเหยียน

เจ๋อเหยียนมอบลูกท้อสามสี่ผลให้กับนาง ท่าทางเอียงอายของแม่หงส์สีเทาคนนั้นทำให้เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย!

สงสัยว่านางคงจะมาขอลูกท้อจากเจ๋อเหยียนโดยอาศัยว่าเป็นคนเผ่าเดียวกัน แต่ถึงนางจะเป็นหงส์เหมือนเจ๋อเหยียนแต่ก็เป็นแค่หงส์สีเทาไม่ได้ถูกยกย่องใดๆ เพราะฉะนั้นคงอยากจะก้าวกระโดดไวๆเสียละมั้งถึงได้มาเข้าใกล้เจ๋อเหยียนแบบนี้

เขาจ้องมองนางเขม็งก่อนจะตัดสินใจเลิกซ่อนกายแล้วก้าวขาฉับๆออกไปเป็นก้างขวางคอมันเสียเลย!

พวกเราเผ่าจิ้งจอกมีเส้นแบ่งความรักที่ชัดเจนและจะไม่ยอมให้มีเม็ดทรายเข้าตาแม้เพียงนิด คนที่เขาปักใจใครก็อย่าได้คิดมาแย่งเป็นอันขาด พวกเขาไม่เหมือนเผ่าสวรรค์ที่วังหลังจะมีสนมมากมาย แต่เผ่าจิ้งจอกเป็นพวกผัวเดียวเมียเดียว คู่ของเขาก็ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!

เขาก้าวขาออกไปประจัญหน้ากับแม่หงส์สีเทา ใช้สายตากดดันให้นางออกห่างจากเจ๋อเหยียนซะ

“ตายจริง...เด็กน้อยที่ไหนกันท่านเทพเจ๋อเหยียน หน้าตาน่ารักน่าชังจริงๆ โตไปต้องงดงามมากแน่ๆ”   แต่นางกลับยกมือขึ้นมาป้องปากก่อนจะมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย...แหงละ โตไปข้าต้องงดงามกว่าเจ้าแน่ๆ เพราะฉะนั้นจงไสหัวไปซะ อย่ามายุ่งกับเจ๋อเหยียนของข้า!

เขาทำหน้างอหงิกส่งให้หญิงสาวแต่นางก็ไม่เข้าใจแถมยังหัวเราะคิกคักอีกต่างหาก น่าโมโหจริงๆ! ใช่ น่าโมโหทั้งตัวนาง น่าโมโหทั้งตัวเขาเองที่ยังเป็นแค่เด็ก ไม่มีกำลังพอจะยึดเจ๋อเหยียนเอาไว้คนเดียว!

“บุตรคนที่สี่ของราชาจิ้งจอกแห่งชิงชิวน่ะ ไม่ใช่เด็กที่เจ้าจะแตะต้องได้ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ”   เจ๋อเหยียนขยับเข้ามาขวางระหว่างเขากับแม่หงส์สีเทา หึ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะลดตัวลงไปตีกับนางหรอก

“บุตรของราชาจิ้งจอกแห่งชิงชิว? สมคำร่ำรือจริงๆ สมคำร่ำรือจริงๆ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”   นางมองมาที่เจ๋อเหยียนตาละห้อยก่อนจะเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนจะตัดใจเดินจากไป จนตอนนั้นแหละเขาถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าเจ๋อเหยียนจับมือเขาเอาไว้เสียแน่น?

“เห็นทีช่วงที่เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าน่าจะปิดป่าท้อสักพักนะว่าไหมเจินเจิน?”   ใบหน้าหล่อเหลาแต่ก็เหลี่ยมจัดก้มลงมามองเขา เขาจึงสะบัดมือที่จับอยู่นั่นออกไป

“นางตั้งใจมายั่วยวนท่านชัดๆยังจะไปคุยด้วยตั้งนานสองนาน คราวหลังถ้านางมาอีกก็รีบๆไล่ไปเลยนะ”  เจ๋อเหยียนยังมีหน้ามาหัวเราะในลำคอกับท่าทางของเขา ทำให้เขายิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ที่พูดออกไปนี่ก็เพราะหวังดีหรอกนะ กลัวว่าหงส์เฒ่าอย่างท่านจะถูกหงส์สาวนั่นหลอกจับเอาแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน!

เขาสะบัดกายหนีมือใหญ่ๆข้างนั้นอย่างแง่งอนก่อนจะวิ่งหายเข้ามาในป่าท้อ

ก้อนหินถูกโยนลงไปในสระดอกท้ออย่างไม่สบอารมณ์ เงาที่สะท้อนผืนน้ำกลับมาทำให้เขารู้ว่าเขาเติบโตกว่าตอนแรกที่มาอยู่ที่นี่นิดหน่อย จากเด็กน้อยกำลังจะกลายเป็นวัยแรกแย้ม ใบหน้าที่เคยกลมมนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเรียวสวยตามแบบอย่างของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง พี่น้องในบ้านล้วนหน้าตาเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่กระนั้นทุกคนต่างยกย่องว่าไป๋เจินลูกชายคนที่สี่ของราชาจิ้งจอกนั้นรูปงามที่สุด เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางแพ้แม่หงส์สีเทานั่นแน่นอน!

เอาเป็นว่าเรื่องหน้าตาเขามั่นใจว่าชนะแน่แต่ทีนี้จะทำยังไงให้เจ๋อเหยียนหลงเขาหัวปักหัวปำได้กันเล่า?

อันที่จริงพวกเราเผ่าจิ้งจอกเก้าหางนั้นมีมนต์แห่งรักที่เรียกว่ามนต์มหาเสน่ห์อยู่  ไม่ว่าใครที่โดนมนต์นี้เข้าไปล้วนถอนตัวไม่ได้ทั้งสิ้น...แต่ก็นั่นแหละ คนที่เขาปักใจดันเป็นมหาเทพที่เก่งสาระพัด อย่างเจ๋อเหยียนย่อมรู้แน่หากเขาใช้มนต์มหาเสน่ห์ด้วย...อีกอย่าง...เขาก็ถือคติที่ว่าเขามีหน้าตาเป็นอาวุธร้ายที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวมองอยู่แล้ว ใยจะต้องใช้มนต์มหาเสน่ห์ไปทำไม 

แล้วเช่นนั้นจะทำยังไงดี?...ทำอย่างไรให้เจ๋อเหยียนหลงใหลในตัวเขาจนไม่อาจมีสายตาไปมองใครได้อีก? 

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดสองขาก็เดินผ่านห้องบ่มเหล้าของเจ๋อเหยียนเข้า กลิ่นดอกท้อที่ทำให้มึนเมาทำให้เขาถึงกับตบสองมือเข้าด้วยกัน

ใช่แล้ว! ใช้เหล้านี่แหละ! ไม่มีอะไรจะทำให้เขายั่วเย้าอีกฝ่ายได้เนียนไปกว่าเหล้าอีกแล้ว

ก็แค่ดื่มนิดหน่อยให้พอมีกลิ่นแล้วแกล้งเมา จากนั้นก็ไปหว่านเสน่ห์ใส่เจ๋อเหยียนจนอีกฝ่ายหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น! แบบนั้นแหละ!

คิดได้แล้วก็จัดการกรอกเหล้าเข้าปากอึกๆทันที...แต่เนื่องจากนี่เป็นการดื่มเหล้าครั้งแรกในชีวิต น้ำใสๆหมดไปยังไม่ถึงครึ่งกาภาพตรงหน้าก็พร่าๆเลือนๆ สติเหมือนจะลอยอยู่เหนือเมฆยังไงชอบกล?

ร่างทั้งร่างโอนไปเอนมา จากที่คิดจะไปยั่วเย้าเจ๋อเหยียนตามแผนที่วางไว้...เขากลับทรุดลงแล้วหลับคอพับอยู่ใต้ต้นท้อนั่นเอง...


ไม่สิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้!!!














จะเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เจ้าของป่าท้อสิบหลี่กำลังทอดสายตามองเจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางที่กำลังหลับปุ๋ยอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ใต้ต้นท้อก่อนจะอมยิ้มบางๆ

มือใหญ่ปัดกลีบสีชมพูของดอกท้อที่ร่วงอยู่บนชุดสีขาวของเจินเจินออกไปก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะช้อนลำตัวเล็กนั่นขึ้นมา สองขาก้าวเดินกลับไปที่กระท่อม กลิ่นเหล้าอ่อนๆโชยออกมาจากร่างในอ้อมแขน...ปล่อยให้เขาตามหาจนทั่วป่าท้อแต่ตัวเองกลับแอบมาดื่มเหล้าของเขาแล้วเมาคอพับไปเสียนี่เจ้าเด็กขี้งอนคนนี้

เขาส่ายหน้าเบาๆก่อนจะอมยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าแง่งอนยามหึงหวงของเจินเจิน...มันน่ารักเกินจะห้ามใจเลยจริงๆ

แล้วก็เพราะว่ามัวแต่หวงเขาแบบนี้ไง เจินเจินถึงได้ไม่รู้ตัวว่าเป้าหมายที่แท้จริงของหญิงสาวคนนั้นคือตัวเองต่างหาก ดูจากสายตาที่จ้องมองเจ้าลูกจิ้งจอกน้อยของเขาตาเป็นมันแล้วเขาจึงต้องรีบไล่นางไป ให้ตายเถอะนี่ขนาดยังตัวแค่นี้นะ ถ้าโตเป็นหนุ่มเต็มตัวเขาไม่ต้องเอาผ้าพันไว้เวลาจะพาไปไหนมาไหนหรือไง? รูปโฉมของเจินเจินดูท่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขาในอนาคตไม่น้อยเลยจริงๆ

เขาวางร่างสีขาวลงไปบนเตียงก่อนจะตั้งใจไปต้มยาสร่างเมาให้ ทว่าท่อนแขนเล็กทั้งสองข้างกลับกอดคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย จากที่กำลังจะลุกขึ้นยืนจึงเสียหลักล้มลงไปคร่อมอยู่บนลำตัวบางเสียได้

นัยน์ตาของเขาเบิกค้างน้อยๆเมื่อปลายจมูกแทบจะแตะกับแก้มใสที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์เหล้า กลิ่นดอกท้อที่โชยออกมาจากร่างกายของเจินเจินในยามนี้ช่างหอมหวานจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งๆที่เป็นกลิ่นที่เขาผสมให้แท้ๆแต่มันกลับย้อนมาทำร้ายให้เขากลายเป็นฝ่ายใจเต้นเสียเอง เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยนี่ช่างอันตรายจริงๆ

“อือ...”   นัยน์ตากลมโตลืมขึ้นน้อยๆอย่างสลึมสะลือ สองแขนเล็กยังไม่ยอมปล่อยลำคอของเขาแต่ดูท่าเจินเจินคงไม่มีสติพอจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้

เจ้าลูกจิ้งจอกที่กำลังเมามายทอดสายตาเชื่อมปรอยมองเขาอย่างไม่รู้ว่ามันยั่วเย้าขนาดไหน เขารับรู้ถึงแรงกดที่ลำคอ ท่อนแขนเล็กๆนั่นกำลังดึงตัวเขาให้ลงไปทาบทับมากกว่าเดิม แย่แน่...ปล่อยไว้แบบนี้ต้องแย่แน่ๆ...ถึงเขาจะเป็นพญาหงส์ที่อยู่มานานแสนนาน ผ่านการล่อลวงของหญิงสาวมามากมายหลากหลายรูปแบบแต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาตกบ่วงได้สักราย แต่เขากลับเริ่มจะควบคุมตัวไม่ได้เพราะเสน่ห์เหลือร้ายของเจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนี้

“เจ๋อเหยียน...”   เสียงใสที่มีมนต์สะกดยิ่งกว่ามนต์มหาเสน่ห์เรียกเขาเบาๆ ริมฝีปากสีแดงรูปกระจับขยับเข้ามาหาริมฝีปากของเขาทำเอาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เขาเคยตั้งใจว่าจะไม่มีสัมพันธ์ทางกายกับเจินเจินจนกว่าอีกฝ่ายจะโตพอและมั่นใจในความรักที่มีต่อเขามากกว่านี้ ให้เจินเจินได้พบเจอกับผู้คนมากกว่านี้ แล้วหากเจินเจินยังยืนยันว่าต้องเป็นเขา เมื่อนั้นค่อย...

แต่แล้วความตั้งใจก็แทบจะพังทลายในพริบตา เมื่อริมฝีปากเล็กๆนั่นแตะมาที่ริมฝีปากของเขา ความนุ่มนวลของมันอันตรายกว่าระฆังตงหวงเป็นร้อยเท่าพันเท่าและมันก็ทำให้เส้นความอดทนของเขาขาดผึงออกจากกัน เขากดริมฝีปากกลับไป บดเบียดกลีบปากกลิ่นดอกท้อจนกว่าจะพอใจ เขาขยับเปลี่ยนมุมครั้งแล้วครั้งเล่า จุมพิตริมฝีปากเล็กๆนั่นจนแดงช้ำ ความหอมหวานอบอวลอยู่รอบกายจนต้องละออกมาผ่อนลมหายใจ

และบัดนี้สองแขนที่เคยกอดคอเขาไว้ก็ตกลงที่ข้างกาย เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยที่เคยยั่วเย้าเขากลับหลับปุ๋ยไปเสียแบบนั้น....

เขาทอดสายตามองกลีบปากแดงช้ำนั่นพลางหัวเราะในลำคอ...แล้วถ้าเจินเจินไม่หลับไป เขาจะหยุดตัวเองได้หรือไม่กันเล่า

เขานั่งรวบรวมสติอยู่บนเตียงหลายนาที...ไม่ได้การ...แบบนี้อันตรายเกินไป...เขาจะปล่อยให้เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยนี่เมามายบ่อยๆไม่ได้...ทางที่ดีคงต้องฝึกดื่มเหล้าให้คอแข็งๆไว้ก็คงดี เพราะจะห้ามไม่ให้เจินเจินดื่มเหล้ามันก็คงเป็นไปไม่ได้ ในวันหน้าหากต้องไปดื่มเหล้ากับคนอื่นแล้วขืนเมาแบบนี้คงแย่แน่

คืนนั้นทั้งคืนเขาจึงใช้เวลาหมดไปกับการคิดค้นสูตรเหล้าใหม่ๆที่จะให้เจินเจินฝึกดื่ม เริ่มจากที่ฤทธิ์น้อยไปจนถึงฤทธิ์มาก เอาเถอะ ก็ขนาดดื่มเหล้าก็ยังเป็นเขาที่ต้องสอนให้เลย


ครั้งแรกของเจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนั้น...ล้วนเป็นของเขาทั้งหมดจริงๆ







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End





โอ๊ยปิดหน้า > < คือว่าคู่พี่สี่นี่ตอนดูซีรี่ย์ก็จิ้นได้เรื่อยๆแล้วนะ พอดูจบทำไมยิ่งจิ้นหนักกว่าเดิมฟ๊ะถถถถถ // เอาหัวโขกกำแพง

ถึงขนาดตามไปดูอีกซีรี่ย์นึงที่พี่สี่แสดงเป็นองค์ชายเก้า เรื่อง Go princess Go น่ะค่ะ เรื่องนั้นพี่สี่ก็โคตรน่ารัก แต่ยังดูไม่จบค่ะ กลับมาเพ้อเวิ่นเว้อในป่าท้อต่อ ฮ่าๆๆๆ แอบแปะ MV ประกอบการจิ้น งื้อออออออออ >////<



คงเป็นเพราะในเรื่องออริจินัลไม่ได้กล่าวถึงคู่นี้ละเอียดนัก แบบทิ้งไว้ให้ตรูจิ้นเองได้มากมาย ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้เลยนั่งคิดว่า อย่างพี่สี่นี่ผ่านด่านสวรรค์มายังไงกันนะ ต้องมีเจ๋อเหยียนคอยช่วยอยู่แน่ๆ ดูจากการที่เจ๋อเหยียนคอยดูแลพี่สี่แบบริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมในซีรี่ย์แล้วมันก็อดจิ้นไม่ได้จริงจริ๊งงงง แง๊

ยะ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆนะคะ ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านฟิคเพ้อๆเรื่องนี้ของคุณกวางมันด้วย ฮ่าๆๆๆ >//////< แล้วเจอกันตอนหน้าน้า




2 ความคิดเห็น:

  1. คู่นี้เค้าตุนาหงันกันมา555 เห็นว่าช่วงถามตอบของผู้เขียนท้ายเล่มภาคนิยาย มีคนถามเรื่องเจ๋อเหยียนกับเจินเจิน ผู้เขียนตอบว่า...พวกเขาอยู่กินร่วมกันแล้วค่าาา...ปริ่มมมม

    ตอบลบ
  2. หูยยยย น่ารักกกกกก ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ ฮืออออ เจินเจินน่ารักขนาดนี้ เจ๋อเหยียนเกือบอดใจไม่ไหวแล้วไง

    ตอบลบ