สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ One-Shot.Fic [เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน] หงส์ขาวกับจิ้งจอกเก้าหาง : 01

สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ One-Shot.Fic [เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน]  หงส์ขาวกับจิ้งจอกเก้าหาง : 01

: สามชาติ สามภพ ป่าท้อสิบหลี่ Fanfiction 
: เจ๋อเหยียน x ไป๋เจิน
: Warmhearted Romantic
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
     
    


...พวกเราเผ่าจิ้งจอกเก้าหางหากปักใจต่อใครแล้วก็จะดื้อดึงรักแต่คนผู้นั้นจนกว่าลมหายใจจะหาไม่...และข้า...ก็ปักใจรักท่าน...ตั้งแต่แรกเห็น...


ตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก เขาก็รบเร้าให้พ่อพาไปป่าท้อสิบหลี่อีกหลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่นั่นทีละหลายๆวันแต่มันก็ยังรู้สึกว่าเวลาช่างสั้นนักอยู่ดี...

เขาอยากจะอยู่ที่นั่น อยู่กับเจ๋อเหยียนทั้งวันทั้งคืน ยิ่งช่วงนี้ท่านแม่กำลังท้องน้องห้าและคงกำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกไม่นาน ท่านพ่อก็ยิ่งปลีกตัวพาเขาไปไหนไม่ได้ไปกันใหญ่

เขาก้มมองสองมือเล็กๆของตัวเอง เขายังเป็นแค่จิ้งจอกน้อยอายุไม่กี่พันปี ยังเหาะเหินเดินอากาศใช้อิทธิฤทธิ์หายตัวเองไม่เป็นจึงยังไปไหนมาไหนเองไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น...เขาก็รักใครสักคนเป็นแล้ว

มือหยิบก้อนหินโยนลงไปในสระบัวอย่างหน่ายๆ วงน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลงสะท้อนใบหน้าอ่อนวัยใสหมดจดของเขา เครื่องหน้าที่รวมกันอยู่ในนั้นราวกับสวรรค์บรรจงสร้าง เขาไม่ได้ยกหางตัวเองขึ้นมาหรอกแต่ใครๆก็เฝ้าบอกว่าเขาเกิดมาหน้าตาดีที่สุดในครอบครัวจิ้งจอกขาวเก้าหางซึ่งเดิมทีก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงามที่สุดของทุกเผ่าพันธุ์เทพอยู่แล้ว  บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยยินดียินร้ายที่เกิดมามีรูปโฉมแบบนี้...จนกระทั่งวันที่ได้พบกับเจ๋อเหยียน เทพหงสาแห่งป่าท้อสิบหลี่...

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาดีใจ...ที่ได้ใบหน้าแบบนี้มาครอบครอง...

เพราะมันทำให้เจ๋อเหยียนเองก็มองมาที่เขาไม่วางตาเช่นกัน


แต่มองแล้วอย่างไร รู้จักแล้วอย่างไร หากไม่ได้อยู่ใกล้มีหรือที่ความรักของเขาจะผลิบาน


เขามองทะลุผ่านเข้าไปในถ้ำจิ้งจอก พ่อของเขากำลังสาละวนกับการดูแลแม่ที่ท้องแก่จนดูอุ้ยอ้ายขยับไปไหนทีก็ลำบาก...เห็นแบบนั้นแล้วจะไปขอให้พาไปป่าท้อสิบหลี่ก็คงไม่ดี

เดิมทีท่านแม่จะเป็นคนดูแลเขาซึ่งยังเด็ก แต่ตอนนี้ท่านแม่เองก็กำลังต้องการคนดูแล พี่ใหญ่กับพี่รองก็ออกจากถ้ำจิ้งจอกไปปกครองดินแดนของตนไปแล้ว ส่วนพี่สามก็กำลังอยู่ระหว่างกักตนเพราะด่านสวรรค์ของพี่สามใกล้จะมาทดสอบเต็มที เพราะฉะนั้นท่านพ่อที่เป็นถึงราชาจิ้งจอกแห่งชิงชิว มีฐานะเทียบเท่าเทียนจวินแห่งเผ่าสวรรค์เชียวนะ จึงต้องมาดูแลท่านแม่เสียเอง

ช้าก่อน...หากพูดถึงคนที่ต้องการการดูแล...ก็ไม่ได้มีแต่ท่านแม่คนเดียว เขาเองก็ต้องการคนดูแลเช่นกัน!

เขาก้มลงมองสองมือเล็กๆของตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เขายิ้มอย่างดีใจที่ตัวเองยังเป็นแค่เด็กน้อยที่ยังเหาะเหินเดินอากาศหรือหายตัวเองไม่เป็น เพราะนั่นหมายถึงงานบ้านเอย การทำอาหารเอย หรือแม้แต่การดูแลตัวเองเอย เขาก็ทำไม่เป็นด้วย

ใช่แล้ว เขาเองก็ต้องการคนดูแลและในเมื่อพ่อกับแม่ไม่อาจจะดูแลเขาได้ คนที่พ่อกับแม่ไว้ใจจนสามารถพาเขาไปฝากไว้ได้ก็คงมีแต่...เจ๋อเหยียน...

เขารีบลุกขึ้นก่อนจะตบฝุ่นที่ก้นออกเบาๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลืนหายลงไปในใบหน้าใสๆของเด็กดีที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา สองขาเดินตรงดิ่งไปยังห้องครัวก่อนจะกวาดตามองคร่าวๆว่ามีอะไรใช้ในแผนการหนีตามเจ๋อเหยียนอย่างเนียนๆของเขาได้บ้าง

แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับของสิ่งหนึ่ง...นี่แหละ! สร้างความตื่นตระหนกกำลังดีและไม่มีอันตรายต่อเขามากนัก!

มือหนึ่งจึงเปิดฝาหม้อต้มน้ำที่กำลังส่งไอลอยกรุ่นขึ้นมา ก่อนจะเอาหลังมือข้างที่ไม่ถนัดแตะลงไปบนน้ำที่ร้อนระอุ

“โอ๊ย!!”   เขาแกล้งอุทานเสียงกำลังพอดีพอที่พ่อกับแม่จะได้ยิน


เคร้ง!!!


แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหม้อที่ถูกโยนลงไปนอนแอ้งแม้งน้ำหกกระจายอยู่เต็มพื้น

“เจินเจิน?! เกิดอะไรขึ้น?!”   ท่านพ่อรีบวิ่งมาดูส่วนท่านแม่ก็เดินอุ้ยอ้ายตามมา เขารีบทำทีเป็นซ่อนมือเอาไว้ข้างหลัง แต่พ่อผู้หลงกลก็ตามมาคว้ามันไปดู แผลน้ำร้อนลวกเล็กๆ ย้ำว่าเล็กมาก แต่พอเขากัดฟันเข้าหน่อย น้ำตาปริ่มอีกเล็กน้อย ท่านพ่อท่านแม่ที่ประคบประหงมลูกชายคนเล็กที่น่ารักมากของตัวเองมาอย่างดีก็แทบจะหันไปทำสงครามกับหม้อต้มน้ำทันที ราชาและราชินีจิ้งจอกแห่งชิงชิวตื่นตระหนกตกใจจนเห็นแผลเท่าขนแมวกลายเป็นแผลฉกาจฉกรรจ์จนลูกชายอาจจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวล้มตายไปก็เป็นได้ เขาจึงต้องรีบใส่ไฟในขณะที่มันยังลุกโชนอยู่

“ข้าเห็นน้ำแกงหมด ข้าก็เลยจะต้มน้ำแกงให้ท่านแม่กินบำรุง น้องห้าจะได้แข็งแรงๆ แต่ว่าข้า...แต่ว่าข้าก็....”   เขาแสร้งมองน้ำร้อนที่หกเต็มพื้นด้วยสายตาละห้อย

“โถ...เจินเจินเจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ”   ท่านแม่เข้ามาลูบหน้าลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดูอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรเลยสักนิด จนบางครั้งเขาก็คิดนะว่าพ่อกับแม่ของเขานี่เป็นจิ้งจอกจริงๆหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูๆไปแล้ว เจ้าเล่ห์อย่างเขาต่างหากถึงจะสมควรเรียกว่าจิ้งจอก

“จริงด้วยสิ น้ำแกงหมดเลยนี่นะ เจ้าเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหมเจินเจิน?”   ท่านพ่อทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“อื้อ...”  เขาแสร้งลูบท้องของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองทั้งสองคน

“ไม่เป็นไรหรอก ข้ายังไม่หิว แต่ถ้าข้าหิว ข้าก็ไปเก็บลูกผีผามากินได้”   ท่านพ่อกับท่านแม่ต่างมองหน้ากัน

“ไม่ได้นะ เจ้าจะเอาแต่กินลูกผีผาไม่ได้ หากมันส่งผลต่อหน้าตาที่งดงามของเจ้าจะทำยังไง? ข้าอุตส่าห์คลอดเจ้ามาเป็นหนึ่งในใต้หล้าขนาดนี้ จะมาทำให้รูปโฉมเจ้าลดทอนลงด้วยอาหารการกินที่ไม่สมบูรณ์พวกนั้นได้อย่างไร”   เอาเถอะ...ถึงท่านแม่จะยอมไม่ได้กับเรื่องแปลกๆแบบนั้นแต่มันก็กำลังจะทำให้อุบายของเขาดำเนินผ่านไปด้วยดี

“ข้าก็มัวแต่ดูแลแม่เจ้ากับน้องห้า...บกพร่องต่อเจ้าแล้วจริงๆเจินเจิน”   ท่านพ่อลูบหัวเขาอย่างรู้สึกผิด

“ข้าว่าเราควรหาคนมาดูแลเจินเจินเพิ่มอีกสักคนนะ ข้ายอมไม่ได้หรอกถ้าเขาไม่ได้รับการดูแลที่ดีจนมีผลต่อรูปร่างหน้าตา”   นั่นแหละท่านแม่...บอกท่านพ่อไปแบบนั้นแหละ

“แต่เราจะไว้ใจคนอื่นได้ยังไง เจินเจินน่ารักขนาดนี้อาจจะโดนล่อลวงไปทำเรื่องไม่ดีก็ได้”   อย่างนั้นแหละท่านพ่อ...สร้างความคลางแคลงใจให้ท่านแม่แบบนั้นแหละ ถึงแม้ข้าจะคิดว่าคงไม่มีใครอยากตายจนกล้ามาทำอะไรลูกชายสุดรักสุดหวงของราชาจิ้งจอกเก้าหางอย่างท่านก็ตาม

“จริงด้วยสินะ ถ้าเขาเลี้ยงเจินเจินไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง?”   ใช่ๆ ยังไงเขาก็เป็นถึงองค์ชายของเผ่าจิ้งจอกเก้าหางเชียวนะ มีอนาคตที่จะต้องไปปกครองดินแดนหนึ่งในห้าของชิงชิวเหมือนพวกพี่ชายเลยด้วย ถ้าถูกเลี้ยงแบบลูกชาวบ้านไม่ได้รับการศึกษาก็แย่สิ

“เราต้องหาคนที่เหมาะสมและไว้ใจได้...อืม...แล้วจะมีใครที่เข้าข่ายบ้างล่ะ...”   ท่านพ่อทำท่าคิดหนักแต่เขาก็ไม่รอให้ท่านพ่อมีตัวเลือก ริมฝีปากเล็กรีบเอ่ยออกไปอย่างไว้ที

“ถ้าเป็น...เจ๋อเหยียน แห่งป่าท้อสิบหลี่ล่ะ...”   แล้วท่านพ่อกับท่านแม่ก็ดีดนิ้วเป๊าะอย่างนึกขึ้นได้และเห็นดีเห็นงามกับเขาทันที

“จริงด้วย เรายังมีคนที่เหมาะสมและไว้ใจได้อย่างเจ๋อเหยียนอยู่นี่นะ ยังไงเจ้านั่นก็ว่างแสนว่างอยู่แล้วด้วย ลูกเมียก็ไม่มี เอาเจินเจินไปฝากไว้สักคนคงดูแลให้ได้อยู่แล้ว”

“ข้าก็เห็นด้วยกับท่านนะ”   ท่านแม่เองก็พยักหน้าหงึกๆ

“ดีเลย! ถ้างั้นเจ้าก็ไปเก็บของเถอะเจินเจิน เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปฝากไว้ที่ป่าท้อสิบหลี่วันนี้เลย”  เขาละชอบที่ท่านพ่อของเขาเป็นคนที่คิดจะทำอะไรก็จะลงมือทำทันทีแบบนี้จริงๆ

เพราะงั้นไม่นานเกินรอเขาก็มายืนอยู่หน้ากระท่อมในป่าท้อสิบหลี่จนได้...


....ถือว่าอุบายที่จะได้หนีตามเจ๋อเหยียนไปอย่างเนียนๆของเขาก็สำเร็จไปด้วยดีละนะ...












...หงสาคือเผ่าพันธุ์ที่รสนิยมสูง ความงามชั้นธรรมดาจึงไม่อาจทำให้ข้าชายตาแล...แต่ว่า...ข้ากลับมองเจ้าราวกับถูกสะกด...ตั้งแต่แรกเห็น...


วันนี้เจินเจินจะมาที่ป่าท้อสิบหลี่...

มือใหญ่จึงร่ายมนต์ทำความสะอาดห้องไม่ได้หยุด ที่สะอาดอยู่แล้วก็ยิ่งสะอาดขึ้นไปอีก เขาอยากให้เจินเจินชอบที่นี่ คิดถึงใบหน้าเล็กที่เอาแต่ร้องเรียกเจ๋อเหยียนๆแล้วก็ทำให้เขาอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี

เขาเคยหลงรักแม่ของเจินเจิน รักจนถึงขั้นต่อสู้กับราชาจิ้งจอกเพื่อแย่งชิงนางอยู่หลายวัน แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเขาดันถูกใจนิสัยซื่อบื้อๆของไป๋จื่อมหาเทพจิ้งจอกเก้าหางแล้วก็เป็นเพื่อนกันไปเสียแบบนั้น

ส่วนนางในดวงใจในเมื่อนางไม่ได้สมัครรักใคร่เขา เขาก็ยินดีปล่อยนางไป แต่การกระทำของเขาในครั้งนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดเพราะไม่กี่หมื่นปีให้หลัง การที่เขายอมปล่อยนางไปมันก็ทำให้เขาได้สมบัติล้ำค่าที่ชื่อว่า ไป๋เจิน มาในที่สุด

เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยตัวนี้หน้าตาดีกว่าแม่ของตนเสียอีก เขากักตนบำเพ็ญเพียรอยู่นานเพราะฉะนั้นตั้งแต่ที่ถ้ำจิ้งจอกมีทายาทสืบสกุลคนแรก เขาก็ไม่ได้ไปที่นั่นเป็นเวลาหลายหมื่นปี จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าราชาจิ้งจอกบุกมาหาเขาที่ป่าท้อสิบหลี่เพื่อลากเขาไปร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่ถ้ำจิ้งจอกเขาถึงได้ยอมออกไป

แล้วก็ได้เจอกับเจินเจิน...

เขายังจำสายตาตื่นตะลึงที่มองมายังเขาของเจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวที่สี่ตัวนั้นได้เป็นอย่างดี และเขาเองก็มองกลับไปด้วยสายตานิ่งงันเช่นกัน...เราต่างจ้องมองกันและกันโดยไม่พูดอะไรแบบนั้นอยู่หลายนาที

“ไงเจินเจิน...ตามศักดิ์แล้วข้าควรจะเป็นลุงของเจ้า แต่เจ้าเรียกข้าว่าเจ๋อเหยียนเฉยๆก็ได้”

“เจ๋อเหยียน...”   คำแรกที่เด็กคนนั้นพูดกับเขาก็คือชื่อของเขาและมันก็ราวกับเป็นมนต์สะกด เป็นมนต์มหาเสน่ห์ของจิ้งจอกขาวเก้าหางที่เขาโดนเข้าไปเต็มๆและไม่ว่าจะอีกกี่แสนปีให้หลัง เขาก็ไม่เคยคลายมนต์นี้ได้เลย

เด็กน้อยติดเขาแจเช่นกัน ต้องขอบคุณที่เขาเกิดมาในเผ่าหงสา เพราะความสง่างามของเขาทำให้เจินเจินเอาแต่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่ได้ห่าง

หลังจากงานเลี้ยงครั้งนั้นเลิกลา เขาก็มีอันต้องไปสะสางธุระหลายอย่างที่กองสุมไว้ในช่วงที่เขากักตนอยู่...รีบไปอย่างตั้งใจว่าจะรีบกลับมาที่ถ้ำจิ้งจอกโดยไว

เขารู้ตัวดีว่าตนเองเกิดติดใจลูกชายคนที่สี่ของราชาจิ้งจอกแห่งชิงชิวเข้าให้เสียแล้ว เคยคิดอยากจะขอมาเลี้ยงเป็นลูกชาย แต่สุดท้ายความคิดนั้นก็พังทลายทันทีที่ริมฝีปากของเขาถูกขโมยจุมพิตไป...ด้วยกลีบปากน้อยๆของเจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนั้น...

ในวันหนึ่งที่เขากลับไปยังถ้ำจิ้งจอกอีกครั้ง เจินเจินราวกับรู้ว่าเขาจะมา เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยนั่งรอเขาอยู่หน้าถ้ำ รอยยิ้มน่ารักน่าชังทำให้สองแขนอุ้มลำตัวเล็กๆขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหว แล้วในขณะที่คิดว่าอยากจะขอเด็กคนนี้ไปเลี้ยงเป็นลูกชาย...เจินเจินกลับกอดคอเขาไว้...แล้วขโมยจูบไปจากเขา...

จะทำด้วยความไร้เดียงสาหรือว่าอะไรก็ตาม แต่นั่นก็คือมนต์มหาเสน่ห์ชั้นที่สองของเจ้าจิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนี้ที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุดอีกต่อไป...

เขากลับป่าท้อสิบหลี่มาด้วยอาการไม่สู้ดีนัก...มันเป็นอาการของคนที่พ่ายแพ้ต่อความรัก ขนาดตอนที่หลงรักคนแม่ยังไม่เคยเป็นแบบนี้เลย คงเป็นเพราะเจินเจินเป็นเด็กผู้ชายแถมยังอายุน้อยกว่าเขาเป็นแสนปี ความรู้สึกที่ว่าจะทำอย่างไรกับความไม่เหมาะสมนี้ดีจึงทำให้พญาหงส์อย่างเขาถึงกับคิดไม่ตกอยู่เป็นปี แล้วก็พอดีกับที่ไป๋จื่อจะเอาเจินเจินมาฝากให้เขาดูแลในช่วงที่แม่ของเด็กคนนั้นกำลังครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มที


“ข้าเตรียมห้องนี้ไว้ให้เจ้า ถ้ายังต้องการอะไรอีกก็บอกข้าแล้วกัน”  เขาพาเจินเจินเข้ามาในห้องที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จหลังจากที่พ่อของเด็กคนนี้กลับไปแล้ว

“เจ๋อเหยียน...”   ใบหน้าเล็กๆแต่ก็มีเค้าโครงที่บ่งบอกว่าโตไปต้องงดงามหาใดเปรียบแน่ๆเอ่ยเรียกเขาด้วยท่าทีไว้ตัวนิดๆ เจินเจินจะไม่แสดงออกหรอกว่าอยากมาอยู่กับเขา แต่การที่เด็กคนนี้ไม่เคยรบเร้าให้พ่อพาไปที่อื่นนอกจากที่นี่ก็แทนทุกคำพูดได้เป็นอย่างดี

“หื๋อ?”

“ห้องของท่านล่ะอยู่ตรงไหน?”

“อะไรกัน จะแอบมาลักหลับข้าหรือไงเจ้าเด็กน้อย”   เขาหัวเราะในลำคอ เปลือกนอกเจินเจินนั้นดูเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่เขากลับรู้สึกว่าเจ้าลูกจิ้งจอกตัวนี้ที่จริงแล้วร้ายไม่เบา แผลน้ำร้อนลวกที่หลังมือนั่นก็ด้วย...ทำขึ้นมาเองหรือเปล่าก็ไม่รู้?

“ห้องข้าอยู่ตรงข้ามห้องของเจ้านี่แหละ มาให้ข้าดูมือของเจ้าหน่อยซิ พ่อเจ้านี่ไม่ไหวเลย เป็นถึงราชาจิ้งจอกแต่แผลแค่นี้ยังรักษาไม่เอาไหน มือเจ้ามีแผลเป็นขึ้นมาจะทำยังไง”   มือใหญ่เอื้อมไปดึงมือเล็กๆนั่นมาพลิกดูเบาๆ แผลน้ำร้อนลวกไม่ได้ใหญ่โตนักอย่างที่คาด แต่พ่อแม่ที่รักลูกก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่จนหลงเชื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้จนต้องพามาฝากให้เขาดูแล

แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธ


เป็นเด็กผู้ชายแล้วอย่างไร...เทพเซียนที่ไหนใครถือสา

อายุมากกว่าแล้วอย่างไร...มันก็แค่เขาอยู่มานานกว่าก็เท่านั้น


ถ้าเจินเจินไม่เอาตัวเข้ามาพัวพันกับเขาเอง เขาอาจจะพยายามมองดูอยู่ห่างๆ แต่ท่าทางเด็กคนนั้นก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นคงไม่เป็นไรหากเขาจะเลี้ยงดูให้เด็กคนนี้รักแต่เขาคนเดียวตลอดไป

ยังไงตระกูลไป๋ก็มีลูกชายถึง 4 คน  ไม่มีทางสิ้นทายาทแน่แท้...จะยกเจินเจินให้เขาสักคนคงไม่เป็นไร

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นพลังรักษาบาดแผลจึงถูกร่ายลงไปบนมือเล็ก แผลน้ำร้อนลวกค่อยๆเลือนหายไปในพริบตา




ราตรีมาเยือนป่าท้อสิบหลี่เช่นเดียวกับที่อื่นๆในดินแดนตะวันออกของทะเลบูรพา เขาหันไปเป่าเทียนให้ดับลงก่อนจะล้มตัวลงนอนหลังจากอ่านหนังสือจบไปผูกหนึ่ง ดูเหมือนเทียนในห้องฝั่งตรงข้ามเองก็จะดับมาได้พักใหญ่แล้ว เขาควรจะลุกไปดูดีไหมนะว่าเจินเจินห่มผ้าดีแล้วหรือเปล่า

แต่ยังไม่ทันได้ลุกออกไป บานประตูไม้หน้าห้องก็ค่อยๆแง้มเปิดอย่างแช่มช้า...นัยน์ตากลมโตจ้องมองมาที่เขาราวกับจะขออนุญาติอยู่ในที และเมื่อเขาพยักหน้าให้ เจ้าลูกจิ้งจอกขาวเก้าหางก็เดินเข้ามาทันที

เจินเจินปีนขึ้นมาบนเตียงของเขา ซุกตัวเข้ามาในผ้าห่มพร้อมกับพูดงึมงำว่า

“ตั้งแต่เกิดจนโตข้าก็นอนในถ้ำจิ้งจอกมาตลอด...พอต้องมานอนในห้องที่มีหน้าต่างมองเห็นท้องฟ้าข้างนอกแบบนี้ข้าเลยนอนไม่หลับ...”  แพขนตาของนัยน์ตาที่หลุบลงต่ำทำให้เขาต้องเงยหน้าออกมาจากผ้าห่ม เจ้าลูกจิ้งจอกน้อยซุกเข้าหาตัวเขาก่อนจะเอ่ยต่อไป

“นี่เจ๋อเหยียน...ท่านช่วยทำให้ข้ารู้สึกเหมือนนอนอยู่ในถ้ำหน่อยได้หรือไม่...”   เขาทอดสายตามองเข้าไปในความมืดก่อนจะพยายามนึกว่าจะสร้างผนังห้องอย่างไรโดยไม่ต้องใช้มนตราของทวยเทพ แล้วริมฝีปากก็อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้

มือเอื้อมออกไปก่อนจะกอดเจินเจินเอาไว้ ใช้อ้อมแขนของตัวเองแทนผนังถ้ำ กีดกันร่างเล็กๆจากความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของภายนอก ความคิดร้ายกาจอย่างหนึ่งแว่บเข้ามาในหัว...ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขังเจินเจินไว้ในถ้ำแห่งนี้ตลอดกาล


แล้วจากนั้นทุกคืน...เจินเจินก็มานอนที่ห้องของเขา...ทำเอาห้องที่อุตส่าห์ทำความสะอาดไว้เป็นหมันไปเลย









ลูกชายคนที่สี่ของราชาจิ้งจอกแห่งชิงชิวนั่งเล่นอยู่ที่ริมสระน้ำท่ามกลางต้นท้อที่กำลังชูช่อสีชมพูบานสะพรั่ง...แต่จะว่าไปดอกท้อของที่นี่ก็บานมันทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้วนี่นะ...

ริมฝีปากเล็กๆสีแดงสดกัดผลท้อรสชาติดีที่เจ๋อเหยียนไปเก็บมาให้ สองขาแกว่งไปมาอยู่เหนือสระน้ำที่มีกลีบดอกท้อลอยละล่อง เขาเหลือบตามองห้องของตัวเองที่เจ๋อเหยียนเตรียมไว้ให้แต่กลับไม่เคยได้ไปนอนเลยสักครั้งพลางอมยิ้มเจ้าเล่ห์

เทพระดับเจ๋อเหยียนเสกแค่พริบตาเดียวจะให้ผนังไม้กลายเป็นผนังหินแบบในถ้ำก็ย่อมทำได้ หรือหากคิดอยากทำให้เขาค่อยๆปรับตัวแค่ปิดหน้าต่างไปหรือหาม่านมากางขึงไว้ก็ย่อมทำได้ แต่นี่เจ๋อเหยียนกลับไม่หาทางทำอะไรกับห้องกว้างโล่งของเขานั่นเลย...แล้วก็ไม่เคยคิดจะผลักไสให้เขากลับมานอนคนเดียวด้วย

...หรือเจ๋อเหยียนเองก็กำลังคิดไม่ซื่อเหมือนเขากันเล่า?

น่าสนใจ...น่าสนใจจริงๆ



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End



รีบแปะแล้วรีบหนี เรื่องนี้เป็นวันช็อตนาคะ ถือว่าจบในตอนอาจจะมีต่อหรือไม่มีก็ได้ ฮ่าๆๆๆ แต่งสนองนี้ดตัวเองโดยเฉพาะ TvT จริงๆชอบเยี่ยหัวพ่อสามีแห่งชาติมากกกกกกค่ะ แต่คู่ของนางก็แบบไม่ต้องจิ้นอัลไลมากมาย เราได้เห็นความรักที่นางมีให้นางเอกอย่างเต็มเปี่ยมในซีรี่ย์ไปแล้ว ก็ยังเหลือแต่คู่พี่เจินเจินนี่แหละที่ผลุบๆโผล่ๆ เรียกว่าปล่อยเป็นช่องว่างเอาไว้ให้สาววายจิ้นกันกระจายได้อีกมากค่ะฟฟฟฟฟฟ >/////<

กลับไปปั่นดอกไม้กับมังกรต่อ orz. ตรูทำพล็อตที่พิมพ์ไว้หายไปไหนไม่รู้ถถถถถ มีเพียงความทรงจำอันเลือนรางมาก พราก....

ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆนะคะ จากเม้นต์ของดอกไม้กับมังกรดูเหมือนจะมีคนถือมีดรอฟิคคะชูยามะตันอยู่ด้วยสินะถถถถ กลัวแบ้ว ฮ่าๆๆๆ




5 ความคิดเห็น:

  1. พี่สี่ท่านช่างร้ายกาจจจจจ

    ตอบลบ
  2. ดีงามมม

    #ถือมีดรอใกล้กับglideด้วยคน(?)

    ตอบลบ
  3. น้องสี่ ร้ายกาจ(เสียงแบบรอน)

    ตอบลบ
  4. เร้นกายในสายหมอก3 มีนาคม 2561 เวลา 22:44

    สมเป็นพี่สี..สง่างาม ชาญฉลาด และ....น่ากดมาก

    ตอบลบ
  5. เจ้าเล่ห์แบบนี้ต้องรักให้อยู่หมัดนะคะท่านหงสา // เอ็นดูน้องป๋ายเจินน

    ตอบลบ