Touken Ranbu Au.Fic [Kashu x Yamato] ใกล้ : 02


Touken Ranbu Au.Fic [Kashu x Yamato]    ใกล้ : 02

: Touken Ranbu Fanfiction Au
: Kashu Kiyomitsu x Yamato no kami Yasusada
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
       
  




ปอยผมยาวสีดำเหลือบแดงถูกมัดรวบเอาไว้ที่ท้ายทอยก่อนจะปัดมันมาด้านหน้า มือหยิบกระเป๋านักเรียนเบาโหวงขึ้นมาสะพายบ่าก่อนที่มืออีกข้างจะยกปิดปากที่กำลังหาวหวอด...ทำไมนักเรียนถึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียนด้วยนะ อย่างเขาถึงจะไม่เข้าเรียนเลยก็ยังทำข้อสอบได้ เพราะงั้นไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องไปโรงเรียนตรงไหน

ซ่า...

แต่คนที่ชอบไปโรงเรียนมันก็มี...อย่างเช่นเจ้าคนที่กำลังล้างกระทะอยู่ที่อ่างล้างจานนั่นไง

เขาก้าวขาเข้าไปในห้องครัวด้วยใบหน้าที่ยังไม่ค่อยจะตื่นดี ยาสึซาดะที่อยู่ในชุดนักเรียนเหมือนกับเขาแต่ต่างกันตรงที่อีกฝ่ายมีผ้ากันเปื้อนสีขาวคลุมอยู่อีกชั้นปิดก๊อกน้ำแล้วคว่ำกระทะทอดไข่ลงไปบนชั้นวางก่อนหันมามองเขาด้วยสายตาเข้มงวด

“คิโยมิตสึ นั่นของนาย กินซะให้หมดด้วยล่ะ”   นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบมองไข่ดาวและไส้กรอกในจานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปอย่างเกียจคร้าน

“ฮ้าว~~ แค่กาแฟแก้วเดียวก็พอแล้วแท้ๆ~   ใบหน้าสวยยังคงหาวไม่หยุด

“ได้ไงล่ะ ร่างกายมันจะไปเอาสารอาหารมาจากไหน รู้ไหมว่าอาหารเช้านั้นสำคัญ เพราะไม่ค่อยจะยอมกินไงตัวนายถึงได้ผอมแห้งแบบนี้”   อย่างกับตัวเองกินแล้วจะตัวใหญ่กว่าเขามากมายงั้นแหละ เทียบกันแล้วน้ำหนักเขายังมากกว่ายาสึซาดะเลย...แน่นอนว่าเขาได้แต่บ่นในใจ ถ้าไม่อยากถูกเทศน์จนหูชาแต่เช้าก็จงหุบปากไว้

นัยน์ตาสีแดงเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในขณะที่ตักไข่ดาวเข้าปาก จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่รู้จะบอกเรื่องที่ต้องไปช่วยคาเนะซังแสดงละครได้ยังไง...เพราะสำหรับเขากับยาสึซาดะแล้วเรื่องนี้มันไม่ง่ายที่จะพูดออกไป...

คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรนักหนาแต่เขากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก...

เพราะที่ผ่านมาพวกเรามีความฝันร่วมกันมาตลอด ว่าจะสืบทอดโรงฝึกเคนโด้แห่งนี้ ถึงแม้สองปีที่ผ่านมาเขาจะทำตัวเหลวไหลลอยไปลอยมา แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้ว่ายาสึซาดะยังรอให้เขากลับไปจับดาบไม้แล้วช่วยกันดูแลโรงฝึกอยู่...ยังรอให้เขากลับไปอยู่ข้างๆ...

ยาสึซาดะถึงได้พยายามประคับประคองโรงฝึกที่เกินกำลังของเด็กม.ปลายอย่างพวกเขาให้อยู่รอดมาจนถึงวันนี้ แล้วก็ที่ไม่คิดจะว่ากล่าวอะไรเขา อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่คิดจะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ยังคงลอยชายไปวันๆและยาสึซาดะคงคิดว่าไม่นานเขาก็คงจะกลับไปหาเคนโด้เอง

แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง...แล้วมันไม่ใช่เคนโด้อย่างที่ยาสึซาดะหวัง...อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าถูกเขาหักหลังก็ได้...


“มีอะไรรึเปล่า?”   ยาสึซาดะเงยหน้าจากจานอาหารเช้าขึ้นมามองเมื่อรับรู้ถึงสายตาของเขา

“เปล่า ก็แค่คิดว่าไข่ดาวนี่มันจืดไปหน่อย”   แล้วเขาก็ได้แต่น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกตามเดิม...อ้า~~ ช่างมันแล้วกัน! ยังไงก็คงช่วยคาเนะซังแสดงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่แหละ ปิดเป็นความลับกับยาสึซาดะไปซะก็คงไม่เป็นไรหรอก

“ไข่ดาวบ้านไหนก็รสชาติแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ถ้าจืดก็ใส่โชยุลงไปสิ”   มือบางเลื่อนถาดเครื่องปรุงมาให้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว และเขาก็คงทำได้แค่เก็บเงียบเอาไว้...คงต้องแวะไปบอกเจ้าปากโทรโข่งคาเนะซังด้วยสินะเรื่องนี้...เฮ้อ...









แล้ววันนี้คะชู คิโยมิตสึก็ยังโดดเรียนตามปกติ

อากาศช่วงปลายฤดูร้อนก่อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงทำให้เขาต้องย้ายที่นอนจากบนดาดฟ้าลงมาอยู่ในอาคาร จะว่าไปช่วงนี้เขาก็ย้ายที่นอนไปเรื่อยไม่มีหลักแหล่งเพราะเพิ่งจับได้ว่ามีคนแอบถ่ายรูปตอนหลับของเขาไปขายใต้ดินแบบลับๆกันอยู่...โธ่~ ถ้าสภาพมันสวยๆก็จะไม่ว่าอะไรอยู่หรอกนะ แต่ตอนนอนเขาควบคุมได้เสียที่ไหน เผลอน้ำลายยืดขึ้นมาจะทำไง? น่าเกลียดตายชัก!

และวันนี้เขาก็เลือกห้องคหกรรมที่ไม่มีใครใช้เป็นที่นอน ยาสึซาดะชอบเรียกเขาว่าเจ้าแมวจอมขี้เกียจ ตอนนี้เขาก็ชักจะเห็นด้วยยังไงไม่รู้เพราะจะว่าไปตัวเองนอนวันละกี่ชั่วโมงก็นับไม่ถ้วนเหมือนแมวพวกนั้นเลย

เปลือกตาทำท่าจะปิดลงอยู่รอมร่อ...ถ้าไม่มีเสียงพูดคุยลอยมาเข้าหูนี่อยู่น่ะนะ

“ชั้นชอบนาย กรุณาคบกับชั้นเถอะ ยามาโตะโนะคามิคุง!”   ห๋า?! นามสกุลแบบนั้นไม่มีคนอื่นแน่นอน ความง่วงงุนปลิวหายไปอย่างกับโดนพายุพัด เขาเด้งตัวขึ้นจากกองผ้าปูโต๊ะทันที ตอนต้นประโยคก็ว่าจะไม่สนใจแล้วเชียวนะฉากสารภาพรักของคนอื่น แต่พอได้ยินชื่อว่าใครถูกสารภาพรักเท่านั้นแหละ...ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น!!

ร่างโปร่งขยับไปยืนหลบอยู่หลังหน้าต่างเพื่อไม่ให้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกรู้ตัว นัยน์ตาสีทับทิมลอบมองฝ่ายคู่กรณีว่าใครกันที่กล้าดีมาสารภาพรักกับกัปตันชมรมเคนโด้ที่ทุกคนในโรงเรียนต่างยกย่องให้เป็นดอกฟ้า ถ้าไม่ใช่เทวดาละก็อย่าบังอาจ!

หมอนั่นมัน...รุ่นพี่ปีสาม กัปตันชมรมบาสเกตบอล?

เขามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ายาสึซาดะตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่รู้จักก็เพราะเคยคบกับเขามาช่วงหนึ่ง นอกจากรูปร่างสูงใหญ่กับหน้าตาคมคายแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี ไม่มีทางดูแลยาสึซาดะได้หรอก!

นัยน์ตาสีทับทิมตวัดไปมองคนของตัวเองที่ยังยืนอ้ำๆอึ้งๆ ก็อย่างที่บอกแหละว่าคนอื่นๆเห็นยาสึซาดะเป็นดอกฟ้า เพราะงั้นหมาวัดทั้งหลายเลยเจียมตัวและไม่มีใครกล้ามาสารภาพรัก เจ้านั่นเลยไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้...อ้า~~ ปฏิเสธไปซะสิ! จะมายืนอึ้งทำไม! เขาได้แต่ส่งกระแสจิตไปให้...คอยดูเถอะ ถ้าคิดจะตอบตกลงละก็ พ่อจะกระโดดทะลุหน้าต่างออกไปขวางเลย!

“เอ่อ...คือผม....ดีใจและขอบคุณแต่ว่า....”   เยส! เขากำมือดีใจอย่างไม่มีเสียงอยู่อีกฝั่งของผนัง...และแล้วยาสึซาดะก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ประโยคแบบนั้นมันคำปฏิเสธชัดๆ

“ยังไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้ก็ได้! ช่วยเก็บเอากลับไปคิดดูก่อน นะ”   แต่เจ้ากัปตันชมรมบาสจอมตื้อนั่นก็ไม่ยอมแพ้ ร่างสูงใหญ่รีบเข้ามาขวางการปฏิเสธเพราะคงคิดว่ายาสึซาดะอาจจะเปลี่ยนใจหากมีเวลาคิดมากขึ้น

“แต่ผมว่า...ผมบอกคุณไปเลยน่าจะดีกว่า...”   ยาสึซาดะเองก็พยายามที่จะปฏิเสธอีกฝ่ายไปเลยให้ชัดเจน แต่เจ้าลิงยักษ์นั่นก็ยังคะยั้นคะยอตื้อไม่เลิก

“ยังไม่ต้องหรอก! ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้จักชั้นมาก่อน แต่ตอนนี้ก็รู้ความรู้สึกของชั้นแล้ว เพราะงั้นก็อยากให้ทำความรู้จักตัวตนของชั้นก่อน เธออาจจะชอบชั้นก็ได้!   ร่างสูงใหญ่นั่นถึงกับก้มหัวขอร้อง

“เอ่อ....”   แน่นอนว่าคนใจดีอย่างยาสึซาดะย่อมไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง ร่างบางๆนั่นยิ้มแห้งพลางยกนิ้วขึ้นมาเกาแก้ม

“นะ! ไว้ชั้นมาฟังคำตอบวันหลัง”   แล้วเจ้ากัปตันชมรมบาสนั่นก็รีบวิ่งจากไป ทำเป็นโบกมือให้

“.....อ่า...ฮะฮะฮะ.....”   ยาสึซาดะจึงทำได้แค่หัวเราะแหะแหะก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วเดินหายไปจากตรงนั้นอีกคน

เขาทอดสายตาเย็นชามองตามทางที่เจ้ากัปตันชมรมบาสนั่นวิ่งไป...

เห็นทีคงต้องทำอะไรสักอย่าง...










ร่างโปร่งบางเดินทอดน่องถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามเดินให้ช้ายังไงมันก็ยังมาถึงจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยอยากจะมานักอยู่ดี

เรื่องของยาสึซาดะน่ะเขาไม่หนักใจเท่าไหร่เพราะแผนการร้ายถูกคิดคำนวณเอาไว้ในหัวหมดแล้ว...แต่ไอ้เรื่องที่ทำให้เขาต้องมายืนถอนหายใจทิ้งอยู่หน้าโรงละครอิสึมิโนะคามิก็คือเรื่องที่ต้องมาช่วยแสดงแทนนี่แหละ!

“เฮ้อ...”   ไอ้ครั้นจะไม่มาก็โดนคำขู่ผูกมัดไว้ซะจนแน่นหนา ถ้ารู้ว่าโตแล้วจะโดนแบล็กเมล์แบบนี้ละก็ ตอนเด็กๆเขาไม่คบกับลูกบ้านนี้เสียก็ดี เพื่อนที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้บ้างฟ๊ะ?!


ครืด!


จู่ๆประตูเลื่อนหน้าโรงละครก็เปิดออกราวกับคนข้างในรับรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ ไหล่บางของคนที่กำลังก่นด่าอยู่ในใจสะดุ้งโหยงทันทีที่มองเห็นร่างสูงใหญ่ของว่าที่เจ้าของโรงละครคนต่อไป

“ชั้นรู้สึกได้ว่านายมาถึงแล้ว”   มีตาทิพย์เร๊อะ?ท่อนแขนแข็งแรงล็อคคอเขาก่อนจะลากเข้าโรงละครไปจนได้

“อ่านบทมาแล้วใช่ไหม? ถึงจะพูดแค่ไม่กี่ประโยคแต่บทนินจาที่นายต้องแสดงแทนเนี่ยก็ต้องใช้ร่างกายโหดเอาเรื่องเหมือนกัน แน่นอนว่าชั้นคิดมาอย่างดีไม่มีที่ติแล้วว่านายทำได้!”   ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกันฟ๊ะ?! เขาได้แต่วางกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยใบหน้าหน่ายๆ นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบมองนักแสดงคนอื่นๆที่ยืนซ้อมกันอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าจริงจัง...จะไม่ไปทำงานเค้าล่มแน่ใช่ไหมเนี่ยกับนักแสดงมือใหม่สุดๆแบบเขา...

“จะวอล์มร่างกายก่อนไหม? เพราะเดี๋ยวจะให้นายซ้อมพวกฉากตีลังกาพวกนั้นก่อนเลย น่าจะยากเอาการสำหรับคนไม่เคย”   อ่า...ก็ยังดีที่อย่างน้อยเจ้ายักษ์คาเนะซังก็ยังรู้อยู่บ้างละนะว่าเขาเป็นมือใหม่! ใบหน้าสวยพยักรับก่อนจะจะวอล์มอัพร่างกายเล็กน้อย

“เริ่มเลยเถอะ ไม่อยากกลับบ้านดึก”  สองมือประสานกันก่อนจะเหยียดออกไปข้างหน้า เขาเพียงแค่ขยับข้อต่อตามร่างกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อนิดหน่อยก็พอ เป็นเพราะถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆทำให้ร่างกายแทบจะเรียกใช้ได้ทันที ไม่ต้องวอล์มมากเท่าคนอื่นเขา

“เห๋~ กลายเป็นพวกติดบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่นายน่ะ? เอ้า ลองตีลังกาสามตลบตั้งแต่ตรงนี้ไปถึงตรงนั้น”  มือใหญ่ชี้จุดเริ่มไปจนถึงจุดสุดท้ายให้สายตาของเขามองตาม  แล้วก็เพราะไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรทำให้แม้แต่ชุดฝึกซ้อมที่จะเปลี่ยนยังไม่ได้เอามา เขาเลยต้องตีลังกาตามที่คาเนะซังบอกทั้งชุดนักเรียน...แต่ก็ช่างเถอะ ถึงเสื้อจะเปิดไปถึงไหนต่อไหนเขาก็มั่นใจในรูปร่างของตัวเองอยู่แล้ว~

นัยน์ตาสีทับทิมทิ้งแววขี้เล่นยั่วเย้าก่อนจะเข้าแววจริงจังขึ้นมาในชั่วพริบตาที่มองตรงไปข้างหน้า สองขาออกวิ่งเล็กน้อยก่อนจะเทคตัวขึ้นแล้วตีลังกาอยู่ในอากาศสามรอบ ท่อนแขนที่ดูบอบบางกลับยันพื้นด้วยท่วงท่าที่แข็งแรงก่อนจะเทคตัวกลับมายืนตรงด้วยความมั่นคง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า? ที่จู่ๆนักแสดงทั้งโรงละครก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว?

“เยี่ยม ร่างกายนายนี่ยังยืดหยุ่นสุดยอดเหมือนเคยเลยนะคิโยมิตสึ”   เพราะมีพื้นฐานทางด้านเคนโด้ซึ่งเป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งต้องใช้ทั้งทักษะ ไหวพริบ สมาธิ และร่างกายให้สอดประสานกัน เพราะงั้นเขาจึงเล่นกีฬาได้ดีไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนก็ตาม แค่ตีลังกาน่ะเรื่องกล้วยๆ

“งั้นเริ่มจากฉากเปิดตัวของนายก่อนแล้วกัน นายต้องตีลังกาจากเวทีฝั่งนู้นมาถึงตรงนี้ แล้วก็ตีลังกากลับไปกลางเวที คนดูจะได้ตื่นเต้นเร้าใจ”   ทำให้แข็งแรงๆด้วยล่ะ...เจ้าของโรงละครอิสึมิโนะคามิก็อยากจะพูดอยู่หรอกแต่ก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องบอก ใบหน้าหล่อเหลาที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวถึงกลางหลังจึงปิดปากเงียบแล้วมองดู คะชู คิโยมิตสึเดินไปที่อีกฝั่งของเวที...ไม่จำเป็นต้องบอกเพราะเขารู้ดีว่าเด็กคนนั้นมีการจัดองค์ประกอบของร่างกายที่ดีและทุกครั้งที่ออกกำลังกายหรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันคิโยมิตสึก็จะแสดงมันออกมาโดยไม่รู้ตัว ทุกท่วงท่าจะแฝงไว้ด้วยความแข็งแรงทะมัดทะแมงตามธรรมชาติอยู่แล้ว 

เสียงฟึ่บๆดังตามจำนวนรอบที่ร่างโปร่งบางนั่นเท้าแขนตีลังกา แล้วมันก็สวยงามเด็ดขาดอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด

ถึงจะดูเป็นพวกขี้อ้อนรักสวยรักงามแล้วก็อารมณ์แปรปรวนไม่น่าจะทำอะไรได้เรื่อง แต่เวลาที่เอาจริงเอาจังขึ้นมาเด็กคนนั้นกลับงามสง่าจนสะกดทุกสายตาได้ไม่ยากเลย...เขายังจำได้...ตอนที่ได้เห็นคิโยมิตสึจับดาบไม้ในชุดเคนโด้เป็นครั้งแรก...มันสวยจนทำเอาตะลึงจนตาค้าง ทั้งสวย ทั้งสง่า ทั้งแข็งแรงและเด็ดขาด ทั้งดุดันและโหดเหี้ยม ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นมันยังอยู่ในร่างกายและสายตาของคิโยมิตสึอย่างเต็มเปี่ยม

น่าเสียดายออกนะถ้าจะปล่อยให้มันหลับใหลอยู่ในร่างกายที่เอาแต่ลอยชายไปวันๆ...เพราะงั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลากเด็กนั่นเข้ามาช่วยการแสดง

“คาเนะซังแล้วยังไงต่อ?”    เสียงคนที่ยืนพร้อมอยู่กลางเวทีเรียกให้เขาหลุดออกจากภวังค์

“อ่า...ต่อจากตรงนี้ก็เป็นบทพูด....”   มือใหญ่เปิดเล่มบทที่อยู่ในมือก่อนจะเดินไปหาร่างโปร่งที่ยืนอยู่กลางเวที เรื่องการเคลื่อนไหวและใช้ร่างกายคงไม่ปัญหาอะไร ที่เหลือก็แค่การแสดงออกทางสีหน้า การรับส่งบทกับคนอื่นๆและการสื่ออารมณ์ของตัวละครออกไปให้ผู้ชมเข้าใจ



การฝึกซ้อมดำเนินผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว มือเรียวปาดเม็ดเหงื่อออกจากใบหน้าหลังจากที่เพิ่งปีนกำแพงขึ้นไปแล้ววิ่งลงบันไดมา อาจจะเป็นเพราะการแสดงละครเวทีเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามีอะไรที่คาดไม่ถึงให้ต้องเรียนรู้มากมาย ถึงได้ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อจนลืมเวลาไปเลย

นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบไปเห็นสายตาของรุ่นพี่นักแสดงที่แอบมองมาอย่างชื่นชม ใบหน้าสวยจึงหันไปส่งยิ้มให้พร้อมโบกไม้โบกมือโดยไม่มีเคอะเขิน เล่นเอาคนมองเองนั่นแหละที่ถึงกับหลุดขำกับความเป็นมิตรกับคนทั่วไปได้อย่างง่ายดายของเขา...นะ...มันก็คือการบริหารเสน่ห์อย่างหนึ่งนั่นแหละ~

และเพราะได้รับความสนใจแบบนั้นมันก็เลยเริ่มรู้สึกสนุก

บางที...การแสดงละครเวทีอาจจะไม่เลวนักก็ได้...


พรุ่งนี้...ลองเอาชุดวอล์มมาเปลี่ยนซักหน่อยดีไหมน้า~












แกร่ก...

มือเรียวไขกุญแจบ้านเมื่อนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มไปแล้ว...แค่วันแรกก็โดนเคี่ยวซะดึกดื่นปานนี้ เจ้ายักษ์คาเนะซังนี่จริงๆเลย! บอกไว้แท้ๆว่าไม่อยากจะกลับบ้านดึก!

ฝ่าเท้าในถุงเท้านักเรียนสีขาวก้าวแผ่วเบาไปตามทางเดินมืดสลัว...แล้วทำไมเขาจะต้องมาทำตัวเหมือนสามีหนีเที่ยวแบบนี้ด้วยเนี่ย?...พอคิดได้ก็ปล่อยกายให้เดินตามปกติ...

จริงๆแล้วเขาจะไม่สนใจยาสึซาดะเลยก็ได้และอีกฝ่ายก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องจ้ำจี้จ้ำไชอะไรกับเขาขนาดนี้ เพราะยังไงเสียเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่น้องกันก็ไม่ใช่ สายเลือดเดียวกันก็ไม่มี ยิ่งผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าพ่อไม่อยู่แล้วแบบนี้...พวกเราจะทำเหมือนเป็นคนไม่รู้จัก ไม่สนใจไยดีว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงไปเลยก็ได้

แต่ยาสึซาดะก็ยังคงเอาใจใส่เขาไม่เคยเปลี่ยน ขี้บ่นยังไงก็ยังบ่นเขาได้ทุกวี่ทุกวันอยู่อย่างงั้น ยุ่งเรื่องของเขา ดูแลและห่วงใยเขา

เช่นเดียวกัน...เขาเองก็ไม่เคยมองข้ามความทุกข์ใจของยาสึซาดะ...และถ้าเขาช่วยอะไรได้ เขาก็จะทำ


ประตูห้องนอนของยาสึซาดะเปิดออกแผ่วเบาก่อนที่เขาจะขยับไปยืนพิงขอบประตูเอาไว้

“เห๋~ นอนดึกจังนะวันนี้”   เสียงทักที่ฟังดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเรียกให้ใบหน้าของคนที่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเงยขึ้นมาส่งสายตางอนๆ

“เคาะประตูด้วยสิ! แล้วก็ผมรอบ่นนายนั่นแหละ ไปเที่ยวเล่นมาอีกแล้วใช่ไหม? คราวนี้คนที่คบด้วยเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ?”   น้ำเสียงห้วนๆพูดประชดประชันออกมาแต่เขากลับไม่ใส่ใจแล้วเดินหัวเราะเบาๆเข้าไปในห้อง

“คิก...”   ร่างโปร่งบางนั่งลงบนเตียงเคียงข้างคนที่นอนอยู่ นัยน์ตาสีทับทิมกวาดมองห้องของยาสึซาดะที่ยังคงเต็มไปด้วยสารพัด “โอคิตะ โซจิ” ไม่มีเปลี่ยน...ใช่แล้ว...ยาสึซาดะชอบเจ้าคนในประวัติศาสตร์คนนี้มาก เรียกว่าคลั่งไคล้ก็น่าจะได้ เพราะไม่ว่าโอคิตะ โซจิจะไปปรากฏตัวที่ไหน ในหนังหรือละครหรือแม้แต่อนิเมชั่นเรื่องอะไร ยาสึซาดะก็จะตามไปดูทุกเรื่อง เพราะงั้นในห้องนี้ถึงได้มีทั้งโปสเตอร์ ตุ๊กตา ฟิกเกอร์และสารพัดของสะสมที่เกี่ยวกับโอคิตะ โซจิอยู่เต็มไปหมด

เขาหยิบตุ๊กตายัดนุ่นโอคิตะตัวใหญ่ที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมา...เจ้านี่น่ะเขาเป็นคนไปคีบจากตู้เกมเครนมาให้เองแหละ...น่าจะช่วงม.ต้นมั้ง...นึกถึงหน้ายาสึซาดะที่เหมือนจะร้องไห้แล้วยอมขอร้องเขาเป็นครั้งแรกนั่นมันก็อยากจะยิ้มขึ้นมาทุกที...ก็ยาสึซาดะน่ะกับเรื่องที่วัยรุ่นปกติเค้าทำกันได้กลับไม่เอาอ่าวเลยสักนิด เพราะงั้นพอเจ้าโอคิตะยัดนุ่นนี่ลงไปอยู่ในตู้เกมเครน ก็เลยถึงกับลงทุนมายืนรอหน้าที่เรียนพิเศษของเขาเพื่อขอร้องให้ช่วยเชียวนะ น่ารักซะไม่มีล่ะ

“นายนี่ก็ชอบจังเลยน้า~หมอนี่น่ะ”   มือเรียวจิ้มปลายนิ้วสีแดงไปที่แก้มของโอคิตะยัดนุ่นก่อนจะโยกหัวของมันไปมา

“ก็โอคิตะคุงน่ะเป็นนักดาบฝีมือดีที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแห่งยุคเลยนะ! นักดาบรุ่นหลังอย่างพวกเรามีใครบ้างจะไม่นับถือ นี่ถ้าไม่ป่วยตายตั้งแต่อายุยังน้อยละก็ ป่านนี้คงจะมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมากกว่านี้แน่ๆ!   ใบหน้าน่ารักที่ยังมัดผมเอาไว้ตวัดนัยน์ตาแข็งกร้าวมามอง เวลาที่พูดถึงโอคิตะ โซจิทีไรนัยน์ตาสีไพลินคู่นั้นมักจะเปล่งประกายสวยงามอยู่เสมอ

“คร้าบๆ....”   เขารับคำส่งๆไป ก่อนจะใช้มือเล่นกับเจ้าโอคิตะยัดนุ่นทั้งๆที่ในหัวกำลังครุ่นคิด จังหวะการพูดคุยถูกเว้นหายไปช่วงหนึ่งก่อนที่ริมฝีปากสีสดจะตัดสินใจพูดออกไป

“........นี่....จะคบหรือเปล่า? กับรุ่นพี่ชมรมบาสคนนั้น”   ใบหน้าสวยที่เคยจับจ้องอยู่ที่เจ้าตุ๊กตายัดนุ่นเหลือบไปมองคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีทับทิมจึงได้สบประสานกับนัยน์ตาสีไพลินที่เบิกกว้างเท่าไข่ห่าน

“ได้ยินด้วยเหรอ?”   ยาสึซาดะทำหน้าอึ้งๆอยู่หลายวินาทีก่อนจะชักกลับสู่โหมดปกติ

“ก็บังเอิญว่านอนอยู่แถวนั้นพอดี...”    นัยน์ตาสีไพลินค้อนเข้าให้หนึ่งทีเพราะรู้ว่าการที่เขาจะไป “บังเอิญนอนอยู่ตรงนั้น” นี่มันคือการโดดเรียน แล้วน้ำเสียงรำคาญๆก็พูดออกมา

“ไม่คบหรอก...ผมไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนใครบางคน”   แล้วนัยน์ตาสีไพลินก็เหล่มามองเขา  ริมฝีปากสีสดจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ

“แต่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเหมือนกัน ตื้อน่าดู จะสับด้วยดาบไม้ไผ่สักทีก็ไม่ได้เสียด้วย”   ก็ไม่น่าได้จริงๆนั่นแหละ...เขาทอดสายตามองยาสึซาดะที่พลิกไปนอนหงายพลางทำหน้าหน่ายๆ

“ถ้างั้น....ชั้นช่วยเอาไหม?”   ใบหน้าสวยจึงถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ยาสึซาดะมองย้อนกลับมาด้วยสายตาแทนคำถามว่าจะช่วยยังไง?  เขาเลยขยับเข้าไปใกล้....แล้วกดริมฝีปากลงไปที่ซอกคอของคนที่นอนอยู่ แต่คราวนี้มันไม่ใช่จูบเบาๆเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว เพราะแรงขบเม้มที่จงใจใส่เข้าไปมันทิ้งร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้อย่างชัดเจน 

“คิโย...มิตสึ?”   ร่างบอบบางเด้งจากที่นอนก่อนจะนั่งกุมต้นคอของตัวเองงงๆ

“เอาให้เจ้ารุ่นพี่นั่นดู รับรองว่าเจ้านั่นต้องรีบถอยห่างจากนายแน่”   ใบหน้าสวยยิ้มให้ ส่วนคนถูกกระทำยังนั่งอ้าปากค้าง สติสตังค์คงยังไม่กลับมา แล้วในขณะที่ยาสึซาดะยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ขยับเข้าไปจูบซอกคออีกข้างสร้างรอยเอาไว้อีกสองรอย

“พอไหม?”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำเหลือบแดงละออกมาถามราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา เล่นเอาคนที่อ้าปากพะงาบๆถึงกับติดอ่างกันเลยทีเดียว

“พะ พะ พะ พะ พอแล้ว!!    ใบหน้าสวยขำเบาๆก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากห้อง ทิ้งให้ยาสึซาดะนั่งอึ้งอยู่คนเดียว แต่ก่อนที่จะเข้าห้องของตัวเองก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“อ้อ ที่ชั้นกลับดึกเพราะว่าไปซ้อมแต่งหน้าที่โรงละครคาเนะซังมา ไม่ได้หนีไปเที่ยวซะหน่อย”   ใบหน้าสวยโผล่มาบอกก่อนจะรีบผลุบหายไปอีกครั้ง ทำเอาคนที่สติเริ่มกลับมานึกอยากจะโวยก็โวยไม่ทัน ใบหน้าน่ารักเลยได้แต่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว

ร่างที่นั่งอยู่กลางเตียงขยับลุกขึ้นไปหากระจกก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย...รอยแดงชัดมากเลยทีเดียว...

นัยน์ตาสีไพลินเหม่อมองร่องรอยพวกนั้นด้วยหัวใจที่ล่องลอยไปไกล...ถึงจะรู้ว่าคิโยมิตสึตั้งใจจะช่วยเป็นไม้กันหมาให้ก็เถอะ แต่แบบนี้มันก็....

ความร้อนผ่าวพุ่งขึ้นมาที่ใบหน้า เพราะถ้อยคำที่คิโยมิตสึเคยพูดเอาไว้มันยังวนเวียนไปมาอยู่ในหัว...


“ถึงจะสวยยังไง...แต่ชั้นก็เป็นผู้ชายนะ”  


แล้วรอยจูบพวกนี้...ทำในฐานะผู้ชายหรือเปล่า?

หรือแค่เพื่อน แค่พี่ชาย แค่คนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันมานาน...นายฝังร่องรอยพวกนี้เอาไว้บนตัวผมในฐานะอะไรกันแน่ คิโยมิตสึ...












เช้าวันถัดมา ร่างโปร่งบางที่มักจะเป็นจุดรวมสายตาก็ยังคงก้าวขาเดินเอื่อยเฉื่อยเข้าโรงเรียนตามปกติ แต่จะต่างจากปกติเล็กน้อยตรงที่แทนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าหรือหาที่นอนเหมาะๆ สองขากลับเลี้ยวไปที่โรงยิมด้านข้างโรงเรียนซึ่งเป็นโรงยิมของชมรมบาสเกตบอล

แวะไปดูผลงานของตัวเองซักหน่อย~

แล้วแค่ยื่นหน้าเข้าไปยังไม่ทันจะพ้นขอบประตู บรรยากาศหดหู่ภายในโรงยิมก็ทำให้รู้ว่ารอยที่เขาทิ้งไว้ที่คอของยาสึซาดะนั้นได้ผล

“คิก~”   ใบหน้าสวยเผลอยิ้มพร้อมกับหลุดขำเบาๆ ก่อนจะเดินลอยชายออกมาจากที่นั่นโดยไม่สนใจสายตาสงสัยกับน้ำลายที่เริ่มจะไหลย้อยของพวกสมาชิกชมรมบาสที่คงจะงงว่าเขาโผล่ไปทำอะไร

และวันนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ข่าวใหญ่ประจำวันก็คงไม่พ้นดอกฟ้าที่ใครๆก็ว่าเกินเอื้อมนั่นมีคนเด็ดไปเสียแล้ว  คนทั้งโรงเรียนต่างลือกันให้แซดว่า ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะมีแฟนอยู่แล้ว!

“หึ...”   ใบหน้าสวยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ถ้าคนอื่นรู้ว่าคนที่สร้างรอยบนต้นคอของกัปตันชมรมเคนโด้นั่นคือ คะชู คิโยมิตสึ จะเป็นยังไงกันน้า~

ไหนๆก็อุตส่าห์อารมณ์ดีแล้ว ไปเข้าเรียนซักหน่อยก็แล้วกันวันนี้

ร่างโปร่งจึงเดินทอดน่องเข้าห้องเรียนให้อาจารย์และเพื่อนร่วมห้องต่างมองตาค้างไปตามๆกัน ก็นะ..ถ้าจะนับวันที่เขาเข้าเรียน อาจจะง่ายกว่าวันที่โดดนี่นะ...



แล้วก็เพราะว่าแทบไม่เคยเข้าเรียนเลยนั่นแหละเพราะงั้นเขาถึงได้เพิ่งรู้ว่าในวิชาพละ ห้อง2-Dของเขาจะเรียนร่วมกับห้อง2-Aของยาสึซาดะ

ทั่วทั้งโรงยิมเลยยิ่งฮือฮากว่าตอนอยู่ในห้องเรียนเป็นสองเท่าเมื่อเขาก้าวขาเข้าไปในชุดวอล์ม...คงจะเป็นภาพที่หายากละมั้งถึงได้มีแสงเฟลชจากกล้องมือถือวิ๊บแว๊บแบบนี้? ใบหน้าสวยจึงยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างไม่ได้รำคาญอะไร...แต่มันน่าจะฮือฮาได้นานกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายเหมือนคนกำลังคลั่งดังอยู่หน้าโรงยิมละก็นะ

“ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะคุง! นายอยู่ในนี้ใช่ไหม? ออกมาเคลียร์กันหน่อยสิ!”   เสียงดุดันราวกับพวกอันธพาลร้องไห้ร้องเรียกยาสึซาดะอยู่หน้าโรงยิมและมันก็ทำให้เหล่าเผือกทั้งหลายต่างยื่นหน้าออกไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น...แน่นอนว่าเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่เขาไม่ใช่เผือกหรอกนะในเมื่อคนที่ถูกเรียกออกไปคือยาสึซาดะ เพราะงั้นมันก็เหมือนเป็นเรื่องของเขาด้วยนั่นแหละ...ยิ่งคนที่ยืนตะโกนเหมือนคนบ้าอยู่นั่นคือรุ่นพี่กัปตันชมรมบาสด้วยแล้ว...

“มีอะไรครับ?”   ยาสึซาดะก้าวขาออกไปเผชิญหน้าด้วยท่าทางแมนๆและมันก็ทำให้เขาถึงกับมีเหงื่อแตกพลั่ก...ได้แต่ภาวนาให้เจ้ารุ่นพี่นั่นอย่าไปจุดชนวนระเบิดเข้าล่ะ

“ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะคุง!! ชั้นมาคิดดูให้ดีๆแล้วชั้นไม่เชื่อหรอกว่านายมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงๆน่ะ!!! รอยที่คอนั่นก็คงจะไปให้เพื่อนที่ไหนทำมาให้ใช่ไหมล่ะ?! เพื่อที่จะปฏิเสธชั้น เพื่อที่จะทำให้ชั้นเลิกรักนาย! แต่นายดูถูกความรักของชั้นเกินไป ชั้นจริงใจกับนายและจะไม่ยอมให้เรื่องหลอกลวงพวกนี้มาขวางกั้นหรอก! ชั้นจะพิสูจน์ให้นายเห็น! ว่าเรื่องที่นายกรุขึ้นมามาทำอะไรชั้นไม่ได้ ชั้นจะไม่เลิกรักนาย ชั้นตัดสินใจแล้ว!”   เสียงฮือฮาดังขึ้นมาทันที หลายคนก็ชื่นชมในความรักมั่นของเจ้ากัปตันชมรมบาสนั่น หลายคนก็ตรงใจเพราะกำลังสงสัยในข้อนี้อยู่เหมือนกัน ที่จู่ๆดอกฟ้าก็ดันมาเปิดเผยว่ามีแฟนแล้วเอาตอนนี้

อ่า....เจ้ารุ่นพี่บ้านั่น...จะก่อเรื่องไปถึงไหน?!...มือเรียวถึงกับยกขึ้นมากุมขมับอยากจะเป็นลมล้มพับไปให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมน่ารำคาญแบบนี้?! ถ้าเป็นคนอื่นก็คงยอมถอยไปแต่โดยดีแล้วสิ?! นี่ยังจะมาคิดเข้าข้างตัวเองอีก ปัดโธ่โว้ย!

“มาตะโกนโวยวายแบบนี้ก็แย่สิครับ แล้วนี่น่ะ.....ผมก็ไม่ได้ให้เพื่อนทำขึ้นมาเพื่อหลอกลวงคุณด้วย...”   ยาสึซาดะพยายามพูดกับอีกฝ่ายด้วยความเยือกเย็น แต่อีกฝ่ายกลับไล่ต้อนไม่ได้หยุด

“ถ้างั้นนายก็บอกชั้นและทุกๆคนตรงนี้มาเลย ว่าแฟนนายเป็นใครกันแน่?! ไม่งั้นชั้นก็หยุดคิดเรื่องของนายไม่ได้สักที!    บ้าเอ้ย...เขาฟังแล้วก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ ความจริงก็คิดไว้อยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะหยิบมาใช้เลยแผนนี้

“ง่า.... ผมบอกไม่ได้...เพราะผมต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวของเค้า....”   แหงละ ยาสึซาดะจะไปบอกได้ไง หมอนั่นก็แค่ทำตามที่เขาบอก แล้วพอมันอยู่นอกเหนือแผนแบบนี้...

“ถ้างั้นชั้นก็จะถือว่านายโกหก! คนที่นายคบด้วยมันไม่มีอยู่จริง!”   โธ่โว้ย! จะช่างตื้อไปถึงไหนเนี่ย?! พอเห็นยาสึซาดะเป็นคนใจดีแบบนั้นก็เอาใหญ่เลยนะเจ้ากัปตันบาสนั่น! นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบมองใบหน้าที่เริ่มทะมึนขึ้นมาเรื่อยๆของยาสึซาดะ...ไม่ได้การละ...ถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เจ้ารุ่นพี่กัปตันบาสนั่นต้องถูกยาสึซาดะเวอร์ชั่นดาร์กที่ควบคุมยากฆ่าตายแน่ๆ อีกอย่างมันคงไม่ดีต่อภาพพจน์ดอกฟ้าของเด็กนั่นด้วยละนะ

ใบหน้าสวยถอนหายใจเบาๆก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป...ช่วยไม่ได้ละนะ...ท่อนแขนผอมบางตวัดโอบรอบคอยาสึซาดะจากทางด้านหลังแล้วดึงร่างบางๆนั่นให้เซมาปะทะแผงอก

“ชั้นเอง...คนที่ทำรอยที่คอของยาสึซาดะ...แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”    อึ้ง...อึ้งกันไปเลยละสิทีนี้....ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบราวกับป่าช้า ใบหน้าอ้าปากค้างของทุกคนราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้ มันนิ่งอึ้งตะลึงงันอยู่แบบนั้นราวๆห้านาทีจริงๆนะ

“คะ...คะ...คะชู คิโยมิตสึ?!   เป็นรุ่นพี่กัปตันชมรมบาสนั่นแหละที่มีสติเป็นคนแรก มือหนาชี้หน้าเขาราวกับเห็นผี

“อ๋า~ นึกว่าจะลืมกันไปแล้วซะอีกน้า~รุ่นพี่”   เขาดันยาสึซาดะที่อึ้งพอๆกันไปยืนข้างๆก่อนจะทำท่าทางน่ารักๆใส่เจ้ารุ่นพี่ขี้ตื้อนั่น

“ทะ ทำไม?...นายกับ...”   ปลายนิ้วสั่นๆชี้สลับไปมาระหว่างหน้าเขากับหน้าของยาสึซาดะ

“โธ่~ รุ่นพี่นี่ก็บื้อไม่เปลี่ยนเลยนะ แบบนี้ไงถึงได้น่าเบื่อจนถูกทิ้งเอาบ่อยๆ~ จะให้พูดให้ปวดใจทำไม ว่าผมกับยาสึซาดะน่ะ กำลังคบกันอยู่~


ห๋า~~?!


เป็นเสียงอุทานที่ดังอยู่รอบตัวไม่ได้ออกมาจากปากของรุ่นพี่คนเดียว ก็นะ...ดูจากความเป็นไปได้แล้วมันก็แทบจะเท่ากับศูนย์เลยจริงๆนี่นา...เพราะไม่ว่าจะวิถีชีวิตหรือเรื่องอะไร เขากับยาสึซาดะก็น่าจะเป็นได้แค่เส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้เลยแท้ๆ

แล้วก็ทั้งๆที่คิดว่าเจ้ารุ่นพี่นั่นคงจะยอมถอยทัพแต่โดยดีเพราะคู่กรณีเป็นเขา...เป็นคะชู คิโยมิตสึเชียวนะ...แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันไม่เลิก

“ถะ ถ้าคะชูเป็นแฟนของนายจริงๆละก็...ยามาโตะโนะคามิ! ชั้นอยากให้นายลองทบทวนดูให้ดีก่อนนะ ก็ไม่ได้อยากจะก้าวก่ายการตัดสินใจของนายหรอก แต่หมอนี่น่ะไม่เคยจริงจังกับใคร! พอเบื่อแล้วอีกไม่นานนายก็จะถูกทิ้งเหมือนชั้น!”   อุวะ! เป็นผู้ชายที่ช่างตื้อไม่พอยังน่ารังเกียจอีกต่างหาก! มาดิสเครดิตกันเพราะตัวเองถูกเขาบอกเลิกเนี่ยนะ? ไม่สมเป็นลูกผู้ชายเลยซักนิด!

นัยน์ตาสีทับทิมจ้องอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ และแน่นอนว่าเขาจะเอาคืนแน่!

“รุ่นพี่...”  ยาสึซาดะเอ่ยปากเหมือนอยากจะแก้ต่างให้ แต่เขาก็เอามือขวางเอาไว้แล้วพยักหน้าให้ว่าเขาจะจัดการเอง ริมฝีปากสีสดจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

“เน่รุ่นพี่...นี่ผ่านมาผมไม่เคยขอคบกับใครก่อน แต่ยาสึซาดะน่ะผมเป็นคนขอเค้าก่อน....แล้วก็นะ...ถ้าเมื่อก่อนรุ่นพี่ตั้งใจคบกับผมละก็คงรู้ดีว่าเรื่องนี้ผมไม่เคยทำกับใครแม้แต่รุ่นพี่เองก็ไม่เคยได้...”   แล้วชั่ววินาทีที่ไม่มีใครคาดคิด มือเรียวที่ทาเล็บสีแดงก็เชยปลายคางมนของคนที่อยู่ข้างๆขึ้นมา...ก่อนจะแนบริมฝีปากสีสดของตัวเองลงไปบนริมฝีปากสีระเรื่อของยาสึซาดะ

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแค่จูบผิวเผินที่เอาไว้โชว์ ปลายลิ้นจึงสอดใส่เข้าไปให้คนถูกกระทำตะลึงตาค้าง...ไม่ต้องพูดถึงคนที่ยืนอยู่รอบๆที่คงจะแข็งเป็นหินกันไปหมดแล้ว...

ริมฝีปากกลิ่นราสเบอร์รี่ยอมละออกมาเมื่อจูบอีกฝ่ายจนพอใจ ปลายลิ้นแลบเลียกลีบปากที่เคลือบไปด้วยลิปสติกบางๆของตัวเอง นัยน์ตาสีทับทิมทอดมองใบหน้าแดงเถือกที่กำลังหอบหายใจหนักหน่วงของยาสึซาดะด้วยสายตายั่วเย้าแล้วสายตาแบบนั้นแหละที่ตวัดมองไปรอบๆให้คนที่เห็นได้ล้มตายเป็นเบือ

“คิโยมิตสึ!”    มือบางผลักเขาออกก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะเหลือบมองไปรอบๆอย่างอายๆแล้วหลังจากที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่หลายวินาที ยาสึซาดะก็ตัดสินใจวิ่งหนีไป

เขายักไหล่น้อยๆอย่างไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับเรื่องที่ทำลงไป...แหงล่ะ ก็มันไม่ได้ผิดจริงๆนี่?  นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบมองรุ่นพี่กัปตันชมรมบาสที่ทรุดนั่งคุกเข่ากับพื้นพร้อมร้องไห้ฟูมฟายด้วยแววตาร้ายๆ...หึ! สมน้ำหน้า!

“เรียก คิโยมิตสึ ด้วยละ....ไอโกะจังที่คบกับคะชูคุงนานที่สุดในสถิติสองอาทิตย์ยังไม่เคยได้เรียกเลย...”   เสียงซุบซิบทำให้ใบหน้าสวยลอบยิ้ม เอาเถอะ ยังไงก็คงเป็นข่าวใหญ่ในรอบปีไปแล้วมั้งแบบนี้...ช่วยไม่ได้ละนะ~













ถึงจะเพิ่งมีเรื่องมีราวและอยากจะกลับบ้านให้ไวแค่ไหน แต่ยังไงเขาก็ยังต้องแวะไปซ้อมการแสดงก่อน ก็ยังดีที่วันนี้เจ้ายักษ์คาเนะซังยอมปล่อยเขาออกมาตามเวลาที่ขอเอาไว้ แสงไฟในบ้านมันถึงได้ยังสว่างอยู่ในห้องด้านล่าง

ร่างโปร่งก้าวขาเข้าไป ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ในห้องน้ำ...ที่จริงเมื่อตอนกลางวันเขาก็พยายามตามหายาสึซาดะจนทั่วโรงเรียนแล้ว แต่ก็ไม่เจอ

เสียงในห้องน้ำเงียบไปเหลือไว้แค่เสียงจ๋อมๆ มือเรียวจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่คิดจะขออนุญาต ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีรัตติกาลจึงหันมาพลางทำหน้างอใส่ ยาสึซาดะลงไปนอนแช่น้ำอยู่ในอ่าง เขาจึงเดินไปนั่งลงที่ขอบของมัน

“โกรธเหรอ?”   เขาเอ่ยออกไปในขณะที่นั่งหันหลังให้ ถึงจะอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆแต่ความรู้สึกตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันแล้ว ขืนเห็นร่างกายของอีกฝ่ายโดยไม่ได้เตรียมใจคงเผลอหลุดอะไรออกไปแน่...เสียงด้านหลังเงียบไป เขาที่สงบใจได้แล้วจึงหันไปมอง...ยาสึซาดะกำลังหยิบเป็ดมาบีบเล่นในขณะที่นัยน์ตาสีไพลินจ้องมันเขม็ง

“ผมน่ะ!...ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก...ก็ไม่ได้เสียหายอะไรแถมสะดวกดีออกด้วยที่จะได้ไม่ต้องมีคนมาคอยตามตื้อ...ว่าแต่นายเถอะคิโยมิตสึ! จะไม่เป็นไรเหรอ? แบบนี้แฟนคลับจะไม่หายหมดหรือไง ที่รู้ว่านายมีแฟน...”   ตกลงไม่ได้โกรธสินะ? ถึงใบหน้ามนนั่นจะชักสีหน้างอๆอยู่บ้างแต่รอยแดงที่แก้มก็ทำให้เขารู้ว่ายาสึซาดะไม่ได้โกรธเขาจริงๆ...ค่อยโล่งใจไปได้หน่อย เพราะยังไงเสียสิ่งที่เขาทำมันก็เป็นการมัดมือชกโดยไม่ได้ถามอีกฝ่ายว่าจะเอาด้วยไหม

“หื๋อ?...ชั้นก็มีแฟนตลอดเวลาอยู่แล้วนี่? เป็นแฟนกับนายตอนนี้ก็ไม่เห็นจะต่างจากเดิมตรงไหน”  เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“ครับๆ พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์น่าหมั่นไส้!”  สายน้ำสาดใส่หลังของเขาเข้าให้ทีนึง

“แต่ก็...ขอบใจที่ช่วยนะ”   ก่อนจะตามมาด้วยเสียงงึมงำให้เขาอมยิ้มเมื่อได้ฟัง

“งั้นเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นขัดหลังให้หน่อยได้ไหม?”   เขาหันไปบอกยาสึซาดะและไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ มือเรียวใช้ปลายเล็บสีแดงเกี่ยวกระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนออกจากกัน จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าชิ้นอื่นออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ผิวขาวๆแทบจะกลืนกินไปกับสีของกระเบื้องต่างจากคนที่แช่น้ำอุ่นจนทั้งตัวกลายเป็นสีชมพูเหมือนลูกกวาด

“เอ๋~ แต่ผมอาบน้ำจะเสร็จแล้วนะ”   ยาสึซาดะลากเสียงงอแงอย่างที่ไม่มีวันที่ใครจะเคยได้ยิน

“ก็ลุกมาอาบใหม่สิ!  เขาดึงร่างสีชมพูเหมือนลูกกวาดนั่นออกมาจากอ่างก่อนจะบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้เล็ก

“เอ๋~~~”   มือเรียวยัดฟองน้ำและสบู่เหลวให้คนที่ยังส่งเสียงเง้างอด ยาสึซาดะจึงจำต้องขัดหลังให้เขาไปโดยปริยาย

ฟองสบู่พองฟูอยู่บนหลัง สัมผัสที่เบาเหมือนปุยนุ่นนั้นทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มจนริมฝีปากสีสดปิดเงียบ ห้องทั้งห้องจึงเหลือเพียงแค่เสียงฟองน้ำที่ลูบไล้ไปบนผิวขาวเบาๆ

“นิ่มจัง~”   แล้วอยู่ดีๆใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำสนิทของยาสึซาดะก็แนบลงมาบนแผ่นหลังของเขาทำเอาตั้งตัวไม่ทัน สองแก้มร่อนฉ่าก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่ยังเอาหน้าถูไถกับแผ่นหลังเขาไม่หยุด...เป็นลูกหมาหรือไง?

“โธ่~ เดี๋ยวก็ต้องสระผมใหม่หรอกนั่น~”   เขาพูดขำๆกับการกระทำของอีกฝ่าย ดีนะที่หันหลังให้ ยาสึซาดะคงจะไม่เห็นหน้าที่คงแดงเป็นลูกเชอร์รี่ของเขาหรอก

“ก็ผิวคิโยมิตสึนิ่มมากนี่นา~ อือ~~”   คราวนี้ท่อนแขนผอมบางโอบมารอบเอวก่อนจะกอดเขาไว้ ใบหน้ามนที่ยังซบอยู่บนหลังก็ยังถูไถไปมา...สรุปว่าคงจะต้องอาบน้ำใหม่ทั้งคู่สินะ...

“.......นี่.....ให้คนอื่นเข้าใจว่าคบกับคนอย่างผมนี่...จะดีเหรอ?...”   ใบหน้าน่ารักที่หยุดเกยอยู่บนไหล่ถามออกมาด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก...อะไร...คิดมากเรื่องนี้ด้วยหรือไง? แต่ก็อย่างว่าละนะ ยาสึซาดะไม่เหมือนเขา เจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองป๊อปปูล่าขนาดไหน

“อะไรๆ อยากให้ชั้นชมนายงั้นสิ
~   เขาหันไปแซวเสียงทะเล้นก่อนจะป้ายฟองสบู่ไว้ที่ปลายจมูกของใบหน้าที่เกยอยู่บนไหล่

“ฮึ่ม...คนอุตส่าห์เป็นห่วงชื่อเสียงที่ไม่ค่อยจะมีดีของนายแท้ๆ ยังจะมากวน! นี่แน่ะ!   ยาสึซาดะละออกไปจากแผ่นหลังของเขาก่อนจะลงมือขัดซะจนรู้ซึ้งไปถึงรูขุมขน!

“โอ๊ยๆๆ! ยอมแล้วๆ!”   สองมือยกขึ้นอย่างยอมแพ้...เห็นน่ารักๆแบบนี้เวลาโหดขึ้นมานี่ก็ยิ่งกว่าซาตานเสียอีก! ปลายนิ้วสีแดงเกลี่ยน้ำตาที่ปริ่มออกมาเบาๆ

….ไม่ต้องห่วงหรอกน่า...คบกับนายซะอีกที่จะทำให้ภาพพจน์ของชั้นดูดีขึ้นมา ฮะฮะฮะ...”   จริงทุกคำที่พูดมาถึงแม้ว่ายาสึซาดะจะทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจนักก็เถอะ

มือสีขาวยกขึ้นประคองใบหน้ามน นัยน์ตาสีทับทิมจ้องลึกลงไปในดวงตาสีไพลิน บรรยากาศเบาๆที่เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างกำลังหยุดนิ่งทำให้ริมฝีปากสีสดเผลอพูดออกไปด้วยเสียงลอยๆ

“รู้ไหม...ถ้ามันเป็นเรื่องจริงได้...ชั้นก็อยากจะเลือกนายเหมือนกัน...”  


นั่นสินะ...เรื่องที่เราคบกันมันก็เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น...

มันไม่ใช่เรื่องจริง...

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยินดีที่จะเวียนว่ายอยู่ในวังวนที่หลอกลวงนี้ต่อไป...


ขอแค่เป็นเจ้าของนายได้...ต่อให้อยู่ในฝันก็ไม่เป็นไร...












.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





ผ่านไปสองตอนก็เหมือนเนื้อเรื่องจะไม่ได้เดินไปไหนเรยนาคะ =w=... // เอาหัวโขกผนังถถถ // แต่เวลาจิ้นสองสาวเค้านัวเนียๆกันแบ้วมันฟินยังไงไม่รู้เนอะคะ *q*...เป็นแนวสวยๆงามๆ ไม่ได้เถื่อนหรือหื่นเหมือนบางคู่ กร๊ากกก... เป็นคุณรีไวคงไม่เหลือแล้วววในห้องน้ำนั่น :v

จำแนกรูปพรรณสัณฐานกันหน่อย เวลาอ่านจะได้ไม่สับสนว่าใครเป็นใคร555

คะชู คิโยมิตสึ – นัยน์ตาสีทับทิม  ผมดำเหลือบแดง ร่างโปร่ง ริมฝีปากสีสด ริมฝีปากรสราสเบอร์รี่ มือเรียว ใบหน้าสวย

ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะ – นัยน์ตาสีไพลิน ผมดำเหลือบน้ำเงิน เส้นผมสีรัตติกาล ร่างบาง ริมฝีปากสีระเรื่อ มือบาง ใบหน้าน่ารัก ใบหน้ามน


ก็...อ่านชิลๆไปแบ้วกันเนอะเรื่องนี้ แบบหนักๆเอาไว้ใน GLIDE หรือ Suisou 5555 ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์นะคะ >v< แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >////<




9 ความคิดเห็น:

  1. กรีดร้องงงงง คู่นี้เค้านัวเนียกันน่าเอ็นดูมากค่าาา<3
    เราก็เพิ่งมีเวลามากดอ่านนี่แหละค่ะช่วงจะสิ้นปีงานผุดเป็นดอกเห็ดเบย...
    แล้วก็ยินดีต้อนรับคุณกวางสู่การป่วยดาบนะค้าา 555 รอติดตามอ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ<3

    ตอบลบ
  2. ให้ยามะจังรุกหรือรับค่ะ??? กรุณาตอบด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  3. มีต่อไหมคะอยากอ่านนนน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีตอน 2.5 เป็นตอนพิเศษที่เพิ่งลงค่ะ ส่วนตอน03กำลังปั่นอยู่ค่ะ555

      http://waketsu.blogspot.com/2016/12/touken-ranbu-aufic-kashu-x-yamato-25.html

      ลบ
    2. ค่าาา รอได้เสมอออ^^

      ลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. ไรท์คะตอนที่ 3 เสร็จรึยังคะจะคลั่งแบ้วค่ะ

    ตอบลบ
  6. กรี๊ดดดดดดดด ไอ้การจูบแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าสาธารณชนนี่มันอะไรกันคะะะะะ ฮืออออออ ทำดีมากลูกคิโยมิตสึ //ผิดๆ =.,= เวลาสองสาว(?)นี้อยู่ด้วยกันแล้วเคมีเข้ากันมากจริงๆค่ะ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเฟรนโซนที่รุนแรงมากเหมือนกัน ฮาาาา หวังว่าคะชูจะทลายเฟรนโซนกับยามะตันได้เร็วๆนะคะ ตอนนี้ยังดูกัดกันไปกันมาเหมือนเพื่อนรักเพื่อนสาวกันอยู่เลย ตอนท้ายค่อยชื่นใจหน่อย ในที่สุดคิโยมิตสึก็เริ่มรุกกับเขาบ้างสักที ถึงจะทำแบบหลอกๆก็เถอะ ฮือออออ ความหวานปมขมที่ดูกุ๊กกิ๊กแต่แฝงความดราม่าแบบนี้มันดีกับใจคนอ่านเหลือเกินค่ะ //ร้องไห้หนักมาก และขอไว้อาลัยให้รุ่นพี่ปีสามคนนั้นไว้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ โถ ถ้าไม่ตื้อซะขนาดนี้ก็คงไม่ต้องมาเห็นภาพบาดตาแบบโฉ่งฉ่างกลางโรงยิมแล้วแท้ๆ น่าสงสารเขานะคะ 555555555 แล้วฉากในห้องอาบน้ำนี่ก็.... =.,= ชอบมากๆเลยค่ะ สกินชิปของสองคนนี้ทำให้เราเขินจนอยากระเบิดตัวตายทุกครั้งที่อ่านมากๆเลย ถึงจะแค่กอดกัน แค่สัมผัสกันเล็กๆน้อยๆแบบเพื่อนเราก็รักแล้ว เป็นคู่ที่ไม่ต้องมีอะไรมาก ก็ทำให้เขินจนหน้าร้อนได้แล้วจริงๆ เป็นกำลังใจให้นะคะไรท์ คนอ่านจะรออ่านต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่า

    ตอบลบ