Psycho Pass S.Fic [Kogami x Ginoza] To be Continue : Kogami Side


Psycho Pass S.Fic [Kogami x Ginoza]   To be Continue : Kogami Side

: Psycho Pass Fanfiction
: Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
: Dark Drama
: NC-17

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





อ่านตอนแรกก่อนที่นี่นะคะ  >> Psycho Pass S.Fic [Kogami x Ginoza] To be Continue : Ginoza Side




นัยน์ตาสีดำกระพริบเปิดขึ้นช้าๆ ไออุ่นๆที่ไม่เคยคุ้นแผ่ออกมาจากข้างๆร่างกาย และเมื่อสายตาจับโฟกัสได้ว่ามันมาจากอะไร เขาก็ต้องลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นบีบนวดไปที่ขมับ

ใบหน้าคมค่อยๆหันไปมองคนที่ยังนอนขดตัวนิ่งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ไหล่บางไล่ไปจนถึงกลางลำตัวเต็มไปด้วยรอยจูบ ที่สะโพกไล่ไปจนถึงต้นขาก็มีแต่รอยกัด ต้นขาด้านในเต็มไปด้วยคราบสีขาวผสมปนเปไปกับคราบคาวสีแดง ที่ต้นคอระหงก็มีแต่รอยขบเม้ม ที่ข้อมือก็เต็มไปด้วยรอยนิ้วที่บีบรัดจนเห็นเป็นสีแดงเด่นชัด....แทบจะไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปดู ก็พอจะรู้ว่าใบหน้าเรียวนั้นคงจะมีแต่รอยน้ำตาแน่ๆ



ทำลงไปอีกจนได้.....

ทำร้ายกิโนะอีกแล้วจนได้.....



สันกรามถึงกับกัดฟันกรอด ก่อนจะถอนหายใจอย่างพยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัว มือค่อยๆเลื่อนไปแตะที่ใบหน้าเรียวก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าอุณหภูมิบนตัวกิโนสะไม่ปกติ ฝ่ามือแนบลงไปที่หน้าผากมนก่อนจะพบว่าคนที่หลับอยู่นั้นตัวร้อนทีเดียว

ใช่....เมื่อวานกิโนะเป็นไข้...ถึงได้ลาหยุด

แล้วนี่....


เขากลับทำเรื่องแบบนั้น ทั้งๆที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่สบายน่ะหรอ?




ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้....แต่รู้ตัวอีกทีก็ห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว




มันเป็นผลมาจากจิตใจที่กลายเป็นอาชญากรไปแล้วนี่หรือไงกัน เขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้....แค่เห็นหน้ากิโนะ....อารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านมันถึงได้พาลอยากจะเอาไประบายใส่....ให้ใบหน้าที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นนั่นร้องไห้ อ้อนวอน เจ็บปวด เพราะการกระทำของเขา

อยากให้ใบหน้านองน้ำตานั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าเขายังมีตัวตนอยู่

นี่เขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วกันแน่?

ใบหน้าคมก้มลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างด้วยความรู้สึกที่สับสน ก่อนที่มันจะค่อยๆหันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอย่างรู้สึกหวาดกลัวตัวเอง

ไม่สิ.....มันไม่ใช่ผลที่มาจากจิตใจที่กลายเป็นอาชญากร....

เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะต้องเป็นใครก็ได้ที่เขาจะลงมือทำร้าย

แต่นี่.....มีเพียงกิโนสะคนเดียวเท่านั้น....ที่เขาต้องการจะทำแบบนี้ด้วย


ทำไม?



คำถามยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ  เสียงเรียกเข้าจากสายรัดข้อมือของกิโนสะก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ใบหน้าเรียวซีดเซียวดูอ่อนระโหยโรยแรงเงยหน้าขึ้นมาจากหมอนก่อนจะกดรับสายด้วยอาการที่ดูก็รู้ว่าเป็นหนักกว่าเมื่อวาน

" อือ....มีอะไร?"

" โนบุจิกะ...พอจะลุกไหวไหม? มีคดีเข้ามาน่ะ แล้วจากเรื่องเมื่อวานก็คงจะไปขอร้องพวกหน่วยที่สองไม่ได้แล้วด้วยน่ะ แกแค่พาพวกเราออกไปก็พอ"    เป็นเสียงของ มาซาโอกะ โทโมมิ ที่คงจะอยู่เวรในตอนนี้

" เข้าใจแล้ว....จะไป....เดี๋ยวนี้แหละ..."    ร่างโปร่งบางค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มือของเขายื่นเข้าไปหมายจะช่วยประคอง แต่แค่มันแตะลงไปบนผิวเนื้อเปลือยเปล่า กิโนสะก็สะดุ้งทันที

" .........."    ต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกัน เขาจึงได้แต่ก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้นขึ้นมาส่งให้อีกฝ่าย

มือบางยกขึ้นมารับก่อนจะสวมเสื้อผ้าลงไปบนเนื้อตัวที่มีแต่ร่องรอยการถูกข่มขืนอย่างเงียบๆ ใบหน้าเรียวที่เคยเชิดขึ้นกลับดูหม่นเศร้า นัยน์ตาสุกใสที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นบัดนี้กลับมัวหมอง

นี่เขาทำให้กิโนะต้องลำบากขนาดไหนกันนะ.....

ทั้งๆที่ถูกเขาทำเรื่องเลวร้ายด้วยขนาดนี้ แต่ไม่มีคำต่อว่ากลับมาสักคำ....ทำไมกันกิโนะ?






ร่างโปร่งบางเดินโซเซไปตามทางเดินที่มีเพียงแสงสลัวๆ และยิ่งแสงน้อยเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าเรียวของกิโนะนั้นซีดเซียวขนาดไหน ผิวใสแทบจะกลายเป็นสีขาวเมื่ออยู่ในความมืดมัว

ที่จริงวันนี้เขาไม่มีเวร....แต่ดูจากสภาพของกิโนะ...คงปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ได้....สองขาจึงได้แต่เดินตามมาโดยไม่รู้ตัว

“ จะออกไปด้วยหรอโค?.....ดีเลย งั้นในระหว่างที่ฉันกับคุนิซึกะวิ่งไล่จับคนร้าย นายก็คอยอยู่กับผู้สังเกตการณ์ก็แล้วกัน”   ลุงมาซาโอกะพูดออกมาหลังจากที่เห็นสภาพของลูกชาย...ในสายตาของคนเป็นพ่อยังไงก็คงจะเป็นห่วง

ถ้าหากรู้ว่ากิโนะไข้ขึ้นหนักกว่าเดิมเพราะอะไร....ลุงคงไม่มีวันให้อภัยแน่ๆ




ใบหน้าคมเงยมองท้องฟ้ามืดครึ้มที่เห็นได้จากระยะห่างของซอกตึกแคบๆ...ดูท่าว่าอีกไม่นานฝนก็คงจะตกลงมา...

“ กิโนะ...นั่งรออยู่นี่นะ ชั้นจะไปช่วยพวกลุง”   บอกตามตรงว่าสีหน้าของกิโนสะไม่ดีขึ้นเลย หากปล่อยให้ยืนตากลมนานไปกว่านี้ก็จะยิ่งแย่ ทางเดียวที่เขาจะพาอีกฝ่ายกลับไปพักได้ก็คงมีแต่รีบจบคดีนี้ให้ไวๆด้วยการรีบจับคนร้ายให้ได้...ต้องรีบ....ก่อนที่ฝนจะตกลงมา

ใบหน้าอ่อนระโหยโรยแรงพยักลงเบาๆ  เขาดึงโดมิเนเตอร์ออกมาจากซองบรรจุที่หลังเอวแล้วกระชับมันด้วยสองมือมั่น  ร่างกายในสูทสีดำออกวิ่งไปตามทางที่มีแต่เศษซากโรงงานเก่าๆ นัยน์ตาของหมาล่าเนื้อกรอกไปมา จิตใต้สำนึกที่ทัดเทียมกับอาชญากรกำลังกลั่นกรองความรู้สึกว่าหากเวลานี้ตัวเองเป็นหมอนั่นจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหน

แล้วสองขาก็ก้าวเดินไปตามแรงจูงใจนั้น...



ซากปรักหักพังของโรงงานรกร้างทำให้คนร้ายใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวได้อย่างดี กล้องวงจรปิดที่เข้าไม่ถึงทำให้ขาดตัวช่วยไปโดยปริยาย ร่างสูงใหญ่จึงพึ่งได้เพียงสัญชาติญาณของตัวเองเท่านั้น

ฝ่าเท้าก้าวย่างอย่างเงียบเชียบ เศษสังกะสีเก่าผุล้มระเกะระกะอยู่ตามพื้นที่มีน้ำขังเป็นหย่อมๆซึ่งร่างสูงใหญ่ใช้มันแทนกระจกในการค้นหาตัวผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่ในมุมอับ นัยน์ตาสีดำกวาดมองไปยังแอ่งน้ำเล็กๆเหล่านั้นไปทีละอันๆ....แล้วในที่สุดก็เจอเข้าจนได้!

เงาวูบไหวที่สะท้อนลงมาในแอ่งน้ำทำให้รู้ว่าตรงนั้นมีใครบางคนอยู่ และดูเหมือนมันก็จะใช้วิธีเดียวกับเขาในการเฝ้ามองคนที่จะมาจับตัวมัน เพราะฉะนั้นแค่เขาเริ่มเคลื่อนไหวมันก็เริ่มวิ่งหนีทันที...ให้มันได้อย่างงี้สิ!

“ บ้าเอ้ย!”   ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะสบถอย่างหัวเสียแบบนี้ แต่พอนึกถึงสภาพของกิโนสะที่รออยู่ทำให้ความใจร้อนมันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า สองขาจึงวิ่งตามไปราวกับหมาล่าเนื้อที่กำลังหิวกระหาย


โครม!!


ผนังสังกะสีถูกเขาชนจนล้มกระจายเพราะความเร็วทำเอาเบรกไม่อยู่ แต่ร่างกายที่ไม่ได้เสียการทรงตัวก็ยังวิ่งตามหมอนั่นไปราวกับหมาดุร้ายที่จะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะล่าเป้าหมายได้

กิโนะ...จะต้องรีบพากลับไป....กิโนะ...กิโนะ....กิโนะๆๆๆๆ!!



โครม!!



ร่างทั้งร่างกระโดดโถมเข้าไปเพราะไม่มีเวลาเล็งโดมิเนเตอร์ เจ้าคนร้ายล้มกลิ้งไปกับพื้นพร้อมๆกันก่อนที่ต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นมาและเขาก็ปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของมันเพื่อกันมันจะวิ่งหนีไปอีก  แรงจากกำปั้นทำเอาเจ้าคนร้ายนั่นแทบจะล้มคว่ำไปอีกรอบ 

“ อย่าเข้ามานะ!!”   ประกายสีเงินของมีดทำครัวถูกยกขึ้นมาขู่อยู่ข้างหน้า และในตอนนี้ก็มีเวลาพอแล้วที่จะทำให้เขายกโดมิเนเตอร์ขึ้นไปเล็งหมอนั่นได้

และเพราะแบบนั้น...เจ้าคนร้ายที่เริ่มจะสติแตกจึงพุ่งเข้ามาพร้อมๆกับมีดทันที!


“ อุก!”   แต่คนที่โดนเข่าอัดเข้าไปที่หน้าท้องนั้นไม่ใช่เขาแต่เป็นเจ้าคนร้ายเอง สงสัยคงต้องทำให้สลบด้วยมือซะแล้วมั้งแบบนี้

หมอนั่นล้มลงไปคุกเข่าตาค้างจากความจุกอยู่ที่พื้น โดมิเนอเตอร์ยังคงเล็งไปที่ตัวหมอนั่น แต่ก่อนที่จะได้ลั่นไกปืน เศษผงเศษดินก็ถูกขว้างมาเต็มหน้าเขา!

ภาพตรงหน้าที่เคยเห็นชัดเจนกลับมืดสนิทลงไปทันทีที่ดวงตาจำต้องปิดลง

“ อึก...”   น่าจะมีเศษอะไรเข้าไปในดวงตาของเขาที่ไม่ทันได้ระวัง มือจึงยกขึ้นมาขยี้อย่างที่รู้ดีว่าจังหวะแบบนี้แหละที่มีดในมือคนร้ายมันคงกำลังจะพุ่งมาเสียบพุงเขา!

“ โคงามิ!!”   แล้วทำไม....เสียงของกิโนะถึงได้มาดังอยู่แถวนี้?

นัยน์ตาพยายามจะลืมขึ้นมาทั้งๆที่มันยังเจ็บแสบ....

แล้วภาพที่มองเห็นท่ามกลางความพร่ามัวนั้นก็คือ....แผ่นหลังของกิโนสะที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างเขากับเจ้าคนร้าย....และปลายมีดก็โผล่ออกมาจากร่างกายของกิโนสะแทนที่จะเป็นร่างกายของเขา.....

“ กิโนะ.....”   เสียงเรียกแผ่วเบาเอ่ยออกไปจากริมฝีปากที่เลื่อนลอยของเขา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งตัว


กิโนะตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่....เพราะได้ยินเสียงโครมครามเลยคิดจะมาช่วยเขาใช่ไหม....แล้วตอนนี้ยังพุ่งเข้ามารับมีดนั่นแทนเขาอีก!


“ อ๊ากกกกกกกกกก”   เสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งถูกตะโกนซ้ำไปซ้ำมา ภาพตรงหน้านั้นทำให้หัวใจแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆให้ได้ โดมิเนเตอร์ที่เปลี่ยนเป็นโหมดสังหารถูกยิงออกไปจนคนร้ายร่างระเบิดเลือดกระจายไปต่อหน้าต่อตา

ก่อนที่สองมือของเขาจะตรงเข้าไปรับร่างไร้สติของกิโนสะมากอดเอาไว้....ท่ามกลางสายฝนที่โปรายปรายลงมาราวกับกำลังหลั่งน้ำตา...


ฟ้าคงกำลังร้องไห้...ให้กับความไม่ได้เรื่องของเขา...


แค่คนสำคัญคนเดียวยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้..


กว่าจะรู้ตัว....ก็สายเกินไปตลอด....


ตอนซาซายามะเองก็เหมือนกัน....ตอนที่หมอนั่นยังมีชีวิตอยู่ ก็รู้สึกแค่ว่ามันช่างเป็นคนที่น่ารำคาญ เป็นหมาล่าเนื้อที่ไม่เคยฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างเขาเลยสักนิด ทั้งออกนอกลู่นอกทางจนเขาต้องปวดหัวบ่อยๆ ว่ากล่าวก็แล้ว ตักเตือนก็แล้ว จนเริ่มระอา ทั้งๆที่คิดว่า....พอกันที...อย่างเจ้าหมอนี่จะเป็นยังไงก็ช่าง.....แต่พอมันตายถึงได้เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันเป็นคนสำคัญ....เพิ่งรู้ตัวว่าตอนที่อยู่ด้วยกันนั้นมันสนุกขนาดไหน

กิโนะเองก็เหมือนกัน....กว่าจะรู้ตัวก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว....

มัวแต่จมอยู่กับอดีต จนมองไม่เห็นปัจจุบันหรือแม้แต่อนาคต....ไม่ได้มองเลยว่าคนที่มีชีวิตอยู่นั้นสำคัญกับตัวเองขนาดไหน

ทั้งๆที่จริงแล้วไม่ได้เห็นกิโนสะเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ แต่เขาต้องการอีกฝ่ายจากส่วนลึกของจิตใจไม่ใช่หรือไง

ต้องรอให้หายไป....ต้องรอให้ตายไปอีกคนถึงจะเพิ่งรู้ตัว....


ว่าที่จริงแล้วรักมากแค่ไหน....


ทำไมเขาถึงได้เป็นคนแบบนี้.....จนทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วจึงเพิ่งจะมามองเห็นค่าของมัน







ติ้ด...ติ้ด.....




ไม่หรอก...ในกรณีของกิโนสะมันยังไม่สายเกินไป...เสียงที่ดังออกมาจากเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นมันยังทำให้เขามีความหวัง...ถึงแม้จะริบหรี่แค่ไหนก็ตาม

ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียงก่อนจะเอื้อมสองมือไปจับมือขาวซีดเอาไว้ ไอเย็นๆที่แผ่ออกมาทำให้แทบจะทนนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ สองมือค่อยๆประคองมือของกิโนสะมาแนบไว้ที่หน้าผาก หัวไหล่สั่นไหวน้อยๆไปกับแรงสะอื้นที่พยายามจะกักเก็บเอาไว้


ฉันรู้ตัวแล้วกิโนะ....

เพราะฉะนั้นช่วยอยู่กับฉันต่อไปได้ไหม...

ได้โปรด...อย่าทิ้งฉันไป...






เพราะผู้สังเกตการณ์เพียงคนเดียวของหน่วยมาเป็นซะแบบนี้ ทำให้ตอนนี้หมาล่าเนื้อทั้งสามแห่งหน่วยที่หนึ่งจึงถูกพักงานไปโดยปริยายเพราะไม่มีผู้สังเกตการณ์ของหน่วยไหนอยากจะมาควบคุมแทน

ประตูเลื่อนหน้าห้องคนไข้เปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของมาซาโอกะ โทโมมิที่ก้าวขาเข้ามา  ใบหน้าเลื่อนลอยของคนที่ไม่แน่ใจว่ายังมีสติอยู่หรือเปล่าจึงหันไปมองช้าๆ

“ แกควรจะกลับไปนอนนะโค...หน้าตาแบบนั้นมันทำให้ที่นี่ยิ่งหดหู่ไปกันใหญ่...เดี๋ยวชั้นอยู่ดูโนบุจิกะเอง”   มือข้างที่ไม่ใช่เหล็กตบลงไปบนไหล่หนาก่อนที่มืออีกข้างจะวางกระถางต้นไม้สีเขียวลงบนโต๊ะข้างเตียง

นัยน์ตาสีดำทอดมองมันด้วยแววเหม่อลอย...จริงสิ...กิโนะชอบปลูกต้นไม้นี่นะ....แถมยังเลี้ยงหมาแก่ๆเอาไว้ที่บ้านอีกตัวนึงด้วย

ภาพของวันเก่าๆที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว...แล้วเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองรู้เรื่องของกิโนสะดียิ่งกว่าใคร...ถ้าหากรู้ใจของตัวเองให้ไวกว่านี้ละก็...อย่างน้อยเขาก็น่าจะทำให้กิโนะมีความสุขไม่ใช่มีแต่ใบหน้าอมทุกข์อย่างที่เป็นอยู่

ใบหน้าคมพยักลงน้อยๆรับคำจากมาซาโอกะก่อนจะเดินลอยๆออกไปจากห้องคนไข้ 




รสชาติของบุหรี่ที่เคยชอบกลับไม่อร่อยเลยยามที่สูบมันเข้าไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา....กว่าค่อนมวนจึงถูกปักลงไปในที่เขี่ยก่อนที่จะตัดสินใจก้าวขาออกจากห้องทั้งๆที่เพิ่งจะเข้าไป...ทำยังไงก็สงบใจไม่ได้...จะนอนก็นอนไม่หลับตราบใดที่กิโนสะยังไม่พ้นความเป็นความตายแบบนี้

จะกลับไปที่ห้องคนไข้อีกเขาก็แทบจะทนเห็นภาพกิโนสะที่กำลังจะจากเขาไปไม่ไหวแล้ว

ที่ห้องก็ทนอยู่ไม่ได้ ห้องคนไข้ก็กลัวที่จะเข้าไป ให้นั่งนิ่งๆอยู่ที่ไหนก็ทำไม่ได้...เขาคงใกล้จะคุ้มคลั่งเต็มที....สองขาจึงได้แต่ก้าวเดินไปเรื่อยๆแบบนี้


เดิน....จนรู้ตัวอีกทีก็เมื่อสองขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องที่ทำหน้าที่คล้ายโบสถ์


จริงสิ...มันมีที่แบบนี้อยู่ภายในเขตของกรมความปลอดภัยด้วยนี่นะ...จะว่าไปแล้วเขาไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้มันเลยสักครั้ง...ร่างในสูทสีดำเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบกับบรรยากาศอ่อนโยนที่รายล้อมอยู่รอบกาย นัยน์ตาทอดมองไปยังแท่นบูชา

ในยุคที่พระผู้เป็นเจ้ากลายเป็นแค่สัญลักษณ์....

คำว่าศรัทธานั้นหายไปจากจิตใจของผู้คนจนหมด....

แต่ในยามที่ไม่เหลืออะไรให้พึ่งได้อีก....พระผู้เป็นเจ้าที่ไม่มีตัวตนจะยอมฟังคำขอของคนที่ไม่เคยเชื่อและบาปหนาเช่นเขาหรือไม่


อยากจะอ้อนวอน....อยากจะร้องขอ.....


ขอชีวิต ขอลมหายใจของกิโนะคืนให้เขาเถอะ....


แล้วเขาสัญญาว่า....จะรัก....จะดูแลคนสำคัญคนนี้ให้ดียิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง



ได้โปรด...คืนกิโนสะมาให้เขาที....






แรงสั่นที่ข้อมือทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์ นัยน์ตาละจากรูปปั้นของพระผู้เป็นเจ้ามามองยังหน้าจอเสมือนที่ขึ้นว่ากำลังมีสายเรียกเข้าจากลุงมาซาโอกะ

“ โค!! โนบุจิกะรู้สึกตัวแล้ว!!

แล้วคำพูดของลุง...ก็ทำให้เขาราวกับได้ตื่นจากฝันร้าย.....

ใบหน้าที่นิ่งค้างหันกลับไปมองหน้าแท่นบูชาช้าๆ...เขาไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นเพราะคำขอร้องของเขาหรือเปล่าแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่อยากจะเอ่ยออกไปมากกว่าคำว่าขอบคุณอีกแล้ว...ขอบคุณ...ขอบคุณใครหรืออะไรก็ตามที่ทำให้กิโนะฟื้นขึ้นมา....ขอบคุณ....ขอบคุณจริงๆ...

“ จะไป...เดี๋ยวนี้แหละ...ลุง....”   เขาสูดน้ำมูกอย่างไม่อายปลายสาย ความดีใจมันกำลังท่วมท้นจนน้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

สองขาวิ่งสุดแรงอย่างไม่สนใจว่าคนทั้งกรมความปลอดภัยจะมองว่ายังไง พวกเขามันก็เป็นหมาล่าเนื้อที่เป็นตัวปัญหาอยู่แล้ว หมาล่าเนื้อของหน่วยที่หนึ่งซึ่งไม่มีใครควบคุมได้...นอกจากกิโนสะ โนบุจิกะคนเดียว



ครืด!!!



สองขาเดินเข้าไปหาคนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง  เสียงติ้ดๆของเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจยังคงดังเหมือนเดิมจะต่างไปก็ตรงกราฟชีพจรที่หาได้ราบเรียบเหมือนตอนก่อนที่เขาจะออกไป

“ กิโนะ....”   ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงข้างเตียงก่อนจะจับมือบางเอาไว้แล้วแนบใบหน้าลงไป....

จะว่าเป็นเพราะวิทยาการทางการแพทย์ของยุคสมัยนี้หรือจะเป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าเขาไม่รู้หรอก...เรื่องเดียวที่รู้คือยามที่มือของกิโนสะขยับเพียงเล็กน้อยอยู่ในมือของเขานั้นมันทำให้ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก

“ โค...”   ยิ่งได้ยินเสียงแผ่วเบาราวกับจะหายไปเอ่ยเรียกเขา หัวใจที่เต้นอย่างอ่อนล้าก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“ กิโนะ....”   ท่อนแขนแข็งแรงขยับไปโอบเอวของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงก่อนจะกระชับอ้อมแขนกอดมันเอาไว้แน่น หัวสีดำซุกลงไปจนมือสั่นๆของคนไข้ต้องยกขึ้นมาลูบมันช้าๆ...เขาร้องไห้....ร้องจนไหล่ที่พยายามจะกักเก็บมันเอาไว้ถึงกับสั่นสะท้าน....ก้อนเหล็กที่อยู่ในอกราวกับจะถูกยกออกไปพร้อมๆกับน้ำตา ความโล่งใจที่เขาหลงลืมมันไปตั้งแต่ตอนที่ซาซายามะตายค่อยๆกลับมาทำให้เขาใจเย็นขึ้นอีกครั้ง


เพราะกิโนะ...เขาถึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคน...จะพูดแบบนี้ก็คงได้


“ กิโนะ...ชั้นรักนาย...อย่าทิ้งชั้นไป ช่วยอยู่ข้างๆชั้นได้ไหม”   ในเมื่อมีโอกาสเขาก็จะไม่ยอมพลาดมันไปอีก มือที่วางอยู่บนหัวนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด

เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย แต่แล้วนัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นของกิโนสะก็ทำเอาหัวใจของเขาถึงกับเต้นระรัว เพราะดวงตาที่มองมายังเขานั้นมันเต็มไปด้วยแววสั่นไหวราวกับจะร้องไห้แต่มันก็เป็นดวงตาที่มีประกายสุกใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า...เป็นดวงตาที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยเห็นมา...


กิโนะกำลังดีใจอยู่อย่างนั้นใช่ไหม?...


แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียวนั่นก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี เพราะคนคนนี้ใช่ว่าจะยิ้มออกมาได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่

“ ก็ได้...เพราะถ้าชั้นไม่อยู่กับนาย นายก็คงดูไม่ได้แน่ๆโคงามิ”   ถึงแม้ว่าคำพูดคำจามันจะยังไม่ค่อยตรงกับใจ เขาก็ไม่ถือสา เพราะว่าเขาสาบานกับพระเจ้าเอาไว้แล้ว...ว่าจากนี้ไปจะรักกิโนสะยิ่งกว่าลมหายใจของตัวเอง

ใบหน้าคมยิ้มให้อีกฝ่าย สองแขนยังคงกอดเอวของกิโนสะเอาไว้และคงจะกอดมันตลอดไป


กอดจนกว่าชีวิตของเขาจะหาไม่...


สัญญา...











“ กิโนะ...ข้าวต้มมาแล้ว~~”    ถ้วยข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยถูกมือใหญ่ประคองจากเคาน์เตอร์ครัวเข้าไปใกล้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา ยิ่งนัยน์ตาสีดำมองเห็นว่ากิโนสะกำลังนั่งเช็ดแว่นอยู่จู่ๆก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมาซะงั้น

ใบหน้าคมจึงก้มลงไปใกล้ๆถ้วยข้าวต้มก่อนจะเป่าไอที่ลอยกรุ่นเข้าไปยังใบหน้าเรียวที่เพิ่งจะสวมแว่นเข้าไปหยกๆ

“ อะไรของนายเนี่ยโคงามิ! ไม่เห็นหรือไงว่าชั้นเพิ่งจะเช็ดแว่นไป เป่ามาได้...แว่นมัวอีกแล้ว!”   ใบหน้าของกิโนสะงอหงิกก่อนจะมองเขาด้วยสายตาคาดโทษ มือบางหยิบแว่นไปเช็ดอีกรอบพลางบ่นขมุบขมิบและภาพแบบนั้นมันก็ทำให้เขาเผลอหัวเราะ

ระหว่างเขากับกิโนะมักจะเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ใบหน้าจริงจังนั่นมักจะครุ่นคิดอะไรอยู่เสมอเขาจึงชอบเข้าไปแหย่ให้โบว์ที่คิ้วนั่นคลายออกมาบ้าง...เขาลืมเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิทตั้งแต่เกิดคดีของซาซายามะ.....ลืมไปเลยว่าเขาเคยหัวเราะด้วยเสียงยังไง ลืมไปเลยว่าเขาเคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขนาดไหน....แล้วก็กลับกลายเป็นกิโนะเองที่ทำให้เขานึกออก

กิโนสะอยู่เคียงข้างเขามาตลอด ไม่เคยหนีเขาไปไหน....เขาเสียอีกที่ทิ้งกิโนสะไป....

ถึงจะกลายเป็นคนที่ไม่คู่ควรไปแล้ว แต่เขาก็ตั้งใจจะตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายให้เขามา....

ด้วยหัวใจทั้งใบของเขา....


“ กินอีกสิกิโนะ....”   เขานั่งมองแก้มป่องที่กำลังเคี้ยวข้าวต้มที่เขาทำให้ กิโนสะอยู่ในระหว่างพักฟื้นและเขาก็เนียนตามมาดูแลด้วยข้ออ้างว่าอีกฝ่ายคงจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะแผลก็ยังไม่หายดี

“ นี่โคงามิ...นายจำไม่ได้หรือไงว่านายเพิ่งจะทำข้าวต้มมาให้ชั้นกินเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วนี่เองนะ จะให้ยัดเข้าไปยังไงไหวห๊ะ?!”   ใบหน้าของคนป่วยถึงจะยังซีดเซียวไปบ้างแต่มันกลับดูดีกว่าตอนที่จะเกิดเรื่องขึ้นเสียอีก  ตอนนั้นถึงเขาจะทำเป็นมองไม่เห็นแต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าตั้งแต่เขาจมปลักอยู่กับความมืดมิด กิโนสะก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นนั่นมีแต่แววหม่นหมอง...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นห่วงเขามากขนาดไหน

ทำไมถึงได้ดีกับเขาขนาดนี้...

คำตอบก็คงมีเพียงหนึ่งเดียว...


เป็นคำตอบ...ที่ออกเสียงสั้นๆง่ายๆ แต่มันกลับเป็นคำที่เปลี่ยนคนได้ทั้งคน....


“ รัก...”   เขาเอ่ยมันออกไปในขณะที่นอนลงบนโซฟาใบหน้าเกยอยู่บนท่อนขาของกิโนสะที่นั่งอยู่ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นที่ก้มลงมามองเขาขึ้นสีแดงระเรื่อแทบจะทันที แต่คนปากไม่ตรงกับใจก็ยังคงไม่ยอมรับออกมาตรงๆเหมือนเขา

“ อะ อะไรของนาย...ไม่มีกระดูกจะให้หรอกนะเจ้าหมาล่าเนื้อ”   มือบางยกขึ้นมาขยับแว่นรัวๆจนเขาเผลอหัวเราะ สองแขนโอบกอดรอบเอวของกิโนสะเอาไว้...ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเขาหรอกว่ารัก...เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กิโนสะให้เขามามันเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี

“ นานๆทีก็อยากให้เจ้าของหอมแก้มบ้างอยู่หรอกน้า~ ถึงจะเป็นหมาล่าเนื้อก็เถอะ”   เสียงอ้อนๆเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร แต่แล้วจู่ๆมือบางก็ดึงใบหน้าของเขาให้เงยขึ้นก่อนที่ริมฝีปากของกิโนสะจะแนบลงมา...ที่ริมฝีปากของเขา...

“ แค่นี้ก็พอใช่ไหม...”    ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นละออกไปท่ามกลางความอึ้งของเขา....น่ารัก...กิโนะน่ารักชะมัด

“ เสียใจด้วยนะ...ตอนนี้ชักจะไม่พอซะแล้วละ”   จากหมาล่าเนื้อที่ฟังแต่คำสั่งของเจ้านายตอนนี้เริ่มกลับกลายเป็นหมาป่า เมื่อเขาค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆไปคร่อมคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนนั่นเอาไว้

“ ชะ ชั้นยังเจ็บแผลอยู่นะ เป็นคนป่วยอยู่นะ”   ทีแบบนี้ละอ้างขึ้นมาเชียว เมื่อเช้ายังจะฝืนไปทำงานด้วยซ้ำ

“ หึ....”   เขาหลุดหัวเราะกับท่าทางเหมือนกระต่ายเห็นหมาป่าของกิโนสะ จากเสียงหัวเราะในลำคอเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขากลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่...รู้สึกมีความสุขจริงๆถึงแม้จะไม่ใช่วันพิเศษอะไรเลยก็ตาม

ได้อยู่ด้วยกัน ได้ยิ้มได้หัวเราะไปด้วยกัน....มันช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน

เพราะงั้นวันนี้จะยอมให้ก่อนก็ได้...จนกว่ากิโนะจะหายดี


เพราะเรื่องราวของเราทั้งสองคนจะยังคงดำเนินต่อไปอยู่แบบนี้...








Story never END.







กร๊ากกกกก ขออภัยที่ให้รอกันข้ามปีข้ามชาตินะคะถถถถถถถถ *ทรุด*

คือ PP2 นี่เพิ่งฉายตอนแรกไปก็ทำเอาสติพังไปเป็นแถบๆแล้วค่ะตอนนี้ คือกิโนะจะน่ารักไปไหนอ่ะ ฮืออออออออออออออออ กอดรัดฟัดเหวี่ยงก่อนจะจับกดลงกับเตียง (ใจเย็นหล่อน)  คือก่อนหน้าที่จะฉายพอรู้ว่าคุณโคหายก็เหมือนจะชิลๆ คิดว่าภาคนี้คงไม่ดาเมจตรูเท่าไหร่มั้งคะ ที่ไหนได้....สามีไป ทิ้งภรรยาสุดสวยไว้ทำลายสติตรูตั้งแต่ตอนแรกเลยเว้ยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ กิโนะน่ารักเกินไปแล้ววววว ง๊ากกกกกกกกกกกก

ปล่อยไอ้คนข้างบนนั่นมันคลั่งไป...นะ...ก็ถือว่าคลั่งได้ที่ค่ะ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยฟิคทันทีตั้งแต่ตอนแรกแบบนี้หรอกโฮวววววววว ไม่นะ...อาถรรพ์วันพฤหัส TvT

ก็...สำหรับฟิคเรื่องนี้ก็ถือว่าจบแล้วค่ะ มีสองตอนนี่แหละ ^ ^ ส่วนจะมีฟิค PP งอกออกมาอีกไหม ก็ขึ้นอยู่กับตอนต่อๆไปของอนิเมะนี่แหละ ฮืออออออ ชีวิตก็แค่ถูกทำร้าย~~~~

ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆเสียงทวงที่มีมาอย่างยาวนานนนนนนะคะ 555 แล้วเจอกันเรื่องหน้าค่า ^ ^


แปะรูปที่แคปมาจากอนิเมะตอนแรก....ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนาคะ ยังเวอร์จิ้น1000% ด้วยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ!!!!

















3 ความคิดเห็น: