KHR
Au S.Fic [1859] -- Wo Ai ni : 03 --
:
KHR Fanfiction Au
:
21Hibari x 14Gokudera
:
Romantic Action
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
หลายวันมาแล้วที่เจ้าสัตว์กินพืชตัวดีจ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยแววตาหวาดๆ.....ถึงแม้ว่าภารกิจประจำวันที่ทำอยู่จะยังเหมือนเดิม
แต่ความสดใสที่เขารู้สึกได้มาตลอดมันกลับหายไป....ดวงตาที่ซุกซนและแข็งกร้าวไม่เคยกลัวเกรงสิ่งใดของเด็กนั่นมันกลับสลดลงทุกครั้งที่มองมาที่เขา
หลายครั้งที่ริมฝีปากสีสดเปิดออกเหมือนจะพูดอะไร
แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป....
เขารู้ว่าเด็กนั่นยังคงหวาดกลัวในสิ่งที่เขาทำ
ลำคอเล็กๆนั่นยังคงจำรสชาติของมือคู่นี้ได้เป็นอย่างดี
เพราะแบบนั้น.....
เขามองเข้าไปในห้องของเจ้าตัวดีที่ตอนนี้มันกำลังว่างเปล่า
มือเลื่อนประตูที่ถูกแง้มเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าไป
ในห้องนั้นเรียบโล่งไม่มีสิ่งของใดๆให้สมกับที่เป็นบ้านแบบญี่ปุ่น....แต่กับคนที่เคยใช้ชีวิตแบบครบครันแล้วคงเป็นเรื่องที่ลำบากน่าดูที่จะต้องมาใช้ชีวิตเงียบงันแบบนี้
เขาแขวนชุดนักเรียนที่ส่งไปซักเรียบร้อยเอาไว้ที่หน้าตู้
และเมื่อหันหลังกลับมาเตรียมจะออกจากห้อง
กลิ่นหอมฟุ้งก็ลอยเข้ามาแตะจมูกก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าถูกอะไรบางอย่างชนเข้าที่แผงอก
เส้นผมสีเงินเปียกลู่กำลังถูกมือบางเช็ดด้วยผ้าขนหนูทำให้คงไม่ได้มองทาง
ร่างบอบบางของเจ้าสัตว์กินพืชอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่มองจากมุมข้างบนแบบนี้แล้วแทบจะเห็นไปถึงหน้าท้อง
ความขาวผ่องของผิวพรรณทำให้หัวใจเต้นแปลกๆ แต่เมื่อใบหน้าใสเงยขึ้นมามอง
นัยน์ตาสีมรกตก็กระตุกวูบ ร่างกายที่สะดุ้งเฮือกนั้นขยับถอยหลังโดยอัตโนมัติ
ใบหน้าสวยที่เคยจ้องมองเขาตรงๆมาตลอดกลับก้มหลบเสไปที่พื้น
และเมื่อเขาทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ เจ้าตัวดีก็ถอยหลังออกไปอีก
“
ฉันเอาชุดนักเรียนมาให้” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งดังเดิมแล้วหันหลังเดินออกมา
มันไม่ใช่หน้าที่ของเขา....ไม่ใช่หน้าที่ของเขา.....ที่จะต้องไปสาธยายอะไรให้เด็กนั่นฟัง......ไม่ใช่หน้าที่เขาที่จะต้องไปเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟัง....และยิ่งไม่ใช่หน้าที่เขา
ที่จะต้องเข้าไปขอโทษกับคนที่ไม่ทำตามคำสั่ง.....ถึงแม้จะเป็นเขาเองที่เกือบจะพลั้งมือฆ่าเด็กนั่นก็ตาม
เขาชินแล้วที่จะต้องอยู่กับความเงียบงัน.....และยิ่งชินแล้วกับการที่จะต้องอยู่กับใบหน้าและท่าทางของคนที่หวาดกลัวเขาเช่นนั้น
เพราะแบบนั้น.....
หากจะต้องอยู่กับเจ้าตัวดีที่จะต้องเป็นแบบนี้ก็คงไม่เป็นไร.....
ไม่เป็นไร...
ทั้งๆที่คิดแบบนั้น....
ทั้งที่คิดแบบนั้น....
แต่สองขาแทนที่จะเดินตรงไปยังระเบียงทางเดิน
มันกลับหันไปในฝั่งตรงข้าม.....กลับไปยังทางที่เพิ่งจะเดินจากมา.....
มันน่าหงุดหงิด....เพราะใบหน้าแบบนั้นมันรบกวนจิตใจของเขาจนไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้อีก
หากทำให้ใบหน้าแบบนั้นของเจ้าเด็กนั่นหายไปไม่ได้ คราวนี้เขาคงจะฆ่าให้ตายไปจริงๆ
ครืดดดด!!!!
ประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ยังไม่ได้รับการอนุญาต....ช่างปะไร
ก็นี่มันบ้านของเขา
คนที่ยืนหันหน้าเข้าหากระจกตกใจจนสะดุ้งเฮือกแล้วหันมามองด้วยท่าทางหวาดๆ
เขาย่างเท้าเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มือคว้าไปที่ข้อมือเล็กก่อนที่จะออกแรงลากให้ตามมา
รู้สึกได้ถึงแรงขัดขืนจากข้อมือของเจ้าตัวดี...แต่ที่รู้สึกได้มากกว่านั้นคือมันกำลังสั่นระริกจากการสัมผัสของเขา....มือเผลอบีบลงไปให้หนักกว่าเดิม
เพราะถ้าหากไม่มีช่องว่างแล้ว....มันคงจะไม่มีพื้นที่ให้สั่นกลัวได้อีก....
ประตูห้องของเขาถูกเปิดออกและคนที่ถูกลากมาด้วยถูกเหวี่ยงลงไปบนฟูกที่อยู่กลางห้อง
ร่างบอบบางพยายามจะตะเกียกตะกายหนี ร่างทั้งร่างสั่นจนรู้สึกได้ทั้งๆที่ไม่ได้สัมผัส
กลัวฉันมากเลยสินะ....
เขาก้าวคร่อมร่างที่ยังอยู่บนฟูกก่อนที่ทอนฟาเย็นเฉียบจะกดลงไปที่ลำคอระหง
ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยทั้งๆที่ส่งสายตากดดันไปให้ใบหน้าใสที่เริ่มจะมีน้ำตาคลอ
“
อยู่เฉยๆ....เพราะยังไงแกก็หนีฉันไม่พ้น”
และเมื่อคนข้างใต้ยอมจำนน
เขาก็ลุกออกมาแล้วตรงดิ่งไปที่ตู้ไม้ที่ฝังอยู่ในผนังด้านหนึ่งก่อนจะเลื่อนมันเปิดออก
สองมือค้นหาอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่เพราะไม่ได้ใช้มันมานาน
กล่องกระดาษชิ้นใหญ่ถูกนำออกมาวางไว้ที่ข้างๆฟูกนอน
เจ้าตัวดีมองตามมาด้วยดวงตาสั่นพร่า ใบหน้าใสราวกับกำลังจะร้องไห้....ใบหน้าแบบนั้นมันทำให้เขานึกหงุดหงิด.....หงุดหงิดที่ความรู้สึกผิดบ้าๆที่ไม่น่าจะมาครอบงำเขาได้มันกำลังทำให้เขา....เจ็บ
มือหันไปแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่คงเพิ่งจะถูกสวมใส่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วออกอย่างไม่ไยดี
และการกระทำโดยไม่บอกกล่าวอะไรของเขายิ่งทำให้ร่างข้างใต้สั่นหนักกว่าเดิม
มือบางพยายามผลักไสหัวไหล่ของเขาให้ออกไปห่างๆ เจ้าตัวดีเริ่มต่อต้านหนักขึ้นเมื่อเขาแหวกสาบเสื้อเชิ้ตแล้วดึงมันให้หลุดออกไปจากไหล่บาง
“
จะ จะทำอะไรน่ะ?....ยะ...หยุดนะ!...”
มือบางพยายามปัดป้องมือของเขาไม่ให้เข้าถึงร่างกายของตัวเองได้
แต่เรี่ยวแรงของคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไรมีหรือจะสู้เขาได้ สองขาเรียวที่พยายามดิ้นรนก็ถูกเขากดทับให้ขยับไปไหนไม่ได้
หลังจากที่ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยผิวขาวๆออกมา
มือของเขาก็เลื่อนลงมาปลดเข็มขัดและเครื่องแต่งกายด้านล่างทันที
“ บอกให้หยุดไง.....ฮึก...” ปลายเสียงหายไปกับแรงสะอื้น
คนที่รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เริ่มปล่อยให้น้ำตาที่พยายามเก็บไว้มานานให้ไหลลงมา มือบางที่เคยใช้ต่อต้านเปลี่ยนไปป้ายที่ดวงตาสองข้างแทน
จากเสียงสะอื้นเล็กๆเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นจนกลายเป็นเสียงร้องไห้โฮในที่สุด....พอดีกับที่เขาปลดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างบอบบางได้จนหมด
“ ฮึก ฮึก....ฮือออออ” ร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนั้น ต่อให้ตั้งใจจะทำอะไรจริงก็คงหมดอารมณ์ไปนานแล้วละ
แล้วยิ่งสิ่งที่เขาต้องการจะทำไม่ใช่เรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำ
มือเอื้อมไปหยิบยูกาตะสีม่วงอ่อนที่ถูกพับเก็บเอาไว้อย่างดีในห่อกระดาษออกมา
ก่อนจะสวมใส่ลงไปแทนที่เสื้อผ้าที่เขาเพิ่งจะปลดออกและเมื่อความนุ่มของเนื้อผ้าสัมผัสแผ่วเบาไปกับผิวเนียนละเอียดก็ทำให้ใบหน้าที่ยังสะอึกสะอื้นค่อยๆปรายตามามอง
“ ลุกขึ้น”
เขาดึงร่างที่กึ่งนั่งอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นยืน
เพื่อจะได้ใส่ยูกาตะได้สะดวกขึ้น เจ้าตัวดียังมีสีหน้ามึนงงเมื่อก้มลงมองเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นแท้ๆที่ตนถูกจับใส่โดยไม่ทันรู้ตัว
“ ..........”
โอบิสีดำถูกคาดไปที่เอวบางจากนั้นเขาจึงโอบร่างที่ยังคงงงๆเพื่ออ้อมไปมัดปลายมันไว้ที่ด้านหลัง
กลิ่นหอมจากเส้นผมอ่อนนุ่มทำให้รู้สึกวูบไหวในใจอย่างแปลกประหลาด
“..........”
สองมือจับคอยูกาตะเข้าหากันเพื่อปกปิดร่างกายขาวผ่องนี่ให้มิดชิด
คุณหนูกะโปโลที่ไม่เคยใส่ชุดโล่งๆแบบนี้มีหวังไม่ระวังตัวจนเผลอไปยั่วเสือยั่วจระเข้โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าแน่ๆ แล้วก็ถึงขอบตาจะยังแดงกล่ำ
ถึงร่างกายจะยังสั่นระริก แต่ความอยากรู้อยากเห็นปนซุกซนของเด็กนี่ก็ทำให้ใบหน้าสวยก้มลงไปมองชุดแบบญี่ปุ่นที่สวมใส่อยู่ด้วยความสนใจ
มือบางที่เคยยกขึ้นมาปาดน้ำตากลับชูไปมาเพื่อมองชายแขนเสื้อยาวๆของยูกาตะ
แล้วไม่นานเสียงร้องไห้ก็หยุดไป....
“
นี่...จะพาชั้นไปไหนน่ะ?”
เขาก้าวขาเดินออกมาจากบ้านโดยที่มือข้างหนึ่งก็ยังจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น สองขาก้าวเดินในจังหวะที่ช้าลงเพราะคนข้างหลังนั้นดูท่าจะเดินไม่ถนัดนักในชุดที่เหมือนกระโปรงยาวแบบนี้
“.......”
เขาไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่ยังคงก้าวเดินไปตามทิศทางที่คุ้นเคย
เสียงเครื่องดนตรีญี่ปุ่นแว่วแผ่วเบาตามสายลมมาเรื่อยๆ
มันชัดเจนขึ้นทุกทีที่ขาเขาก้าวเดินเข้าไปหา
จนกระทั่งต้นเสียงพวกนั้นมองเห็นอยู่ตรงหน้า
“
นี่มัน....”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างไปกับแสงไฟระยิบระยับของงานเทศกาลของศาลเจ้า แววตาที่ถูกบดบังด้วยความหวาดกลัวในหลายวันมานี้หายไปในทันทีและตอนนี้อัญมณีสีมรกตนั่นก็กำลังเปล่งประกายสดใส
เขาลากร่างโปร่งบางที่ดูจะตื่นเต้นดีใจจนทำอะไรไม่ถูกไปที่ร้านขายหน้ากากของเล่น
มือล้วงเหรียญห้าร้อยเยนออกไปยื่นให้เจ้าของร้านก่อนจะหยิบหน้ากากหมาจิ้งจอกมาอันหนึ่ง...
“
ใส่ไว้...จะได้ไม่มีใครเห็นหน้าแกชัดๆ”
มือดึงสายรัดก่อนจะสวมหน้ากากนั่นลงไปบนหัวสีเงินโดยไม่คิดจะถามความสมัครใจของเจ้าตัว
แต่ใบหน้าอมยิ้มที่พยายามจะปั้นหน้าบูดนั่นก็บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเจ้าเด็กนี่ชอบมันขนาดไหน
“
อ๊ะ? แล้วนายไม่ใส่หรือไง? คิดจะให้ชั้นใส่หน้ากากโง่ๆนี่คนเดียวงั้นเร๊อะ นี่!! ตาแก่เจ้าของร้าน! เอาหน้ากากอันนั้นให้ชั้นอีกอัน!” ยังไม่ทันจะได้บอกปัด
หน้ากากเทนงุตาขวางก็มาอยู่ในมือเขาเรียบร้อย...
“........” เขาถอนหายใจออกไปก่อนจะจำใจใส่มันไว้บนหัว
สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแต่เพราะตอนนี้ไม่อยากมีปัญหาเรื่องการหลบซ่อนตัว
เขาเลยยอมใส่ๆไป อีกอย่างดวงตาเป็นประกายที่ลุ้นแทบเป็นแทบตายนั่นมันก็ทำให้เขาปาหน้ากากโง่ๆนี่ทิ้งไปไม่ลง
“
เดี๋ยว!” เสียงที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าตัวดีนั่นทำให้ขาที่ตั้งใจจะเดินเข้าไปในงานถึงกับหยุดชะงัก
ใบหน้าเบือนกลับไปมองคนเจ้าปัญหาว่ามีอะไรอีก?
“
อื้อ!”
เสียงอื้อๆดังออกมาจากลำคอของเด็กนั่น เขาได้แต่ก้มมองมือบางที่แบออกมาตรงหน้าอย่างสงสัย จนแล้วจนรอดก็เป็นเจ้าสัตว์กินพืชตัวดีเสียเองที่หมดความอดทนจนเป็นฝ่ายยื่นมือนั่นมาจับมือของเขาเอาไว้
“
คนเยอะขนาดนี้ นายต้องจับมือชั้นไว้ให้ดีๆสิ! ถ้าชั้นหลงไปละก็ ชั้นกลับบ้านไม่ถูกหรอกนะ” .....ที่แท้ก็อยากให้เขาจับมือ? แล้วไอ้คำสารภาพอย่างหน้าชื่นตาบานว่าหลงแน่แถมยังกลับบ้านเองไม่ถูกอีกนั่นมันอะไร?
มันน่าบีบให้จมูกหักนัก
บรรยากาศหนักๆระหว่างเราสองคนที่เกิดขึ้นในหลายวันดูเหมือนจะถูกสีสันของงานเทศกาลทำให้หายไป
ใบหน้าสวยที่หม่นหมองกลับมาสดใสและซุกซนดังเดิม
เจ้าสัตว์กินพืชตัวดียังคงสงสัยนู่นนี่แล้วก็ถามเขาทุกเรื่องที่อยู่รอบกายเพราะคงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ซุ้มเครื่องเล่นแบบชาวบ้านๆทุกซุ้มที่เดินผ่านก็เป็นอันต้องแวะเข้าไปจนหมด
และตอนนี้เขาก็กำลังยืนกอดอกมองเจ้าตัวดีถือปืนยาวส่องตุ๊กตาของรางวัลอยู่ที่ร้านยิงปืน....
เสียงจุกยางถูกดีดออกไปก่อนจะพุ่งลงพื้นบ้าง
เลยไปข้างๆบ้าง
สำหรับมือปืนอย่างเขามันน่าหงุดหงิดไม่ใช่หรือไงที่เป้าใกล้เสียยิ่งกว่าใกล้แถมยังไม่กระดุกกระดิกไปไหนแต่เด็กนั่นกลับยิงไม่โดนสักที
“
เอามานี่” จนแล้วจนรอดเขาก็หมดความอดทน
มือคว้าปืนยาวสีดำมาถือเอาไว้เอง...และแค่มือเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตุ๊กตาที่วางอยู่บนชั้นนั่นร่วงระนาวเช่นเดียวกับน้ำตาของเจ้าของร้านที่แทบจะร่วงกราว
“
เอาไป”
เขาหยิบตุ๊กตาแมวตาขวางที่ดูท่าทางว่าเจ้าตัวดีจะอยากได้โยนไปให้
ก่อนจะพากันเดินออกจากร้านโดยไม่ได้หยิบตัวอื่นๆมาด้วย ยังไงเขาก็ไม่ได้โหดร้ายถึงกับจะปล่อยให้ตาแก่เจ้าของร้านล้มละลายไปได้หรอก
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงงานเทศกาลมันก็ต้องนึกถึงการช้อนปลาทอง
แล้วก็แน่เสียยิ่งกว่าแน่ที่เจ้าสัตว์กินพืชตัวดีนี่จะเดินเข้าไปทันทีที่เห็นมัน
เสียงเชียร์ดังลั่นมาจากกลุ่มเด็กๆที่นั่งเล่นกันอยู่ก่อนแล้ว
และยิ่งเจ้าตัวดีเข้าไปร่วมวงด้วยเสียงจึงยิ่งอึกทึกคึกคักกันกว่าเดิม
“
พี่สาว! มันต้องค่อยๆเอียงๆก่อนจะชื้บขึ้นมาเลย!”
เสียงใสไม่เชียร์เปล่ายังอุตส่าห์หวังดีช่วยสอนเทคนิคที่ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจให้อีกต่างหาก
“
ใครเป็นพี่สาวพวกแก! หุบปากแล้วดูฝีมือชั้นให้ดีๆล่ะ! เอาละนะ!!” แล้วทุกครั้งมันก็จบลงที่กระดาษช้อนขาดทั้งๆที่ยังไม่ได้ปลาทองมาสักตัว
ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่ยอมแพ้ นัยน์ตาสีมรกตเอาแต่ใจนั่นบ่งบอกว่าถ้าเขาไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างก็คงจะต้องอยู่ที่ร้านปลาทองนี่ทั้งคืนแน่
ในขณะที่มือบางกำด้ามช้อนกระดาษอย่างมุ่งมั่น
เขาจึงตัดสินใจนั่งยองๆลงไปข้างๆแล้วจับมือบางนั่นเอาไว้ ช้อนกระดาษตวัดลงไปในน้ำตามการชักนำของเขา
เจ้าตัวดีรู้ตัวอีกทีก็เมื่อมีปลาทองตัวน้อยมาดิ้นไปมาอยู่ในถ้วยใส่น้ำที่มืออีกข้างถือรออยู่เรียบร้อยแล้ว
“
เย้...จับได้แล้ว! เป็นไงล่ะ! ฮ่าๆๆ” ใบหน้าสวยหันไปยิ้มเยาะพวกเด็กๆที่มุ่งอยู่รอบๆ...จะดีใจอะไรน่ะ?
ไม่ได้จับมันขึ้นมาด้วยตัวเองซักหน่อย?
ได้ปลาทองสมใจแล้วเขาจึงพาเจ้าตัวดีออกมาจากร้าน
ถุงใสที่มีปลาทองแหวกว่ายอยู่ข้างในถูกส่งให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนอยู่แถวนั้น
เพราะเด็กนั่นเองก็คงรู้ว่าพวกเขาเลี้ยงมันเอาไว้ไม่ได้
ยิ่งเวลาผ่านเลยไปเท่าไหร่ก็ใช่ว่าคนจะเบาบางลงแต่กลับตรงกันข้าม
เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งใกล้จะถึงไฮไลท์ของงานเทศกาลเต็มที
ฝ่ามือที่เขาจับเอาไว้กระตุกถี่ๆเหมือนอยากจะให้เขาหยุดก้าวขา
เจ้าสัตว์กินพืชตัวดีนั่นเห็นอะไรเข้าอีกแล้วล่ะ?
และเมื่อเขาหันไปมองก็เห็นนัยน์ตาสีมรกตระยิบระยับกำลังจับจ้องอยู่ที่ขนมสีแดงสดหน้าตาน่ากินซึ่งถูกเสียบไม้เรียงรายอยู่ที่หน้าร้านๆหนึ่ง
“
นั่นอะไรน่ะ?”
เขาแทบจะเห็นน้ำลายยืดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อนั่น...ช่วยทำตัวให้สมกับที่เป็นทายาทเศรษฐีพันล้านหน่อยเถอะ
“
แอปเปิลเคลือบน้ำตาล”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่อยากได้ในเมื่อน้ำลายมันย้อยออกมาซะขนาดนั้น
เขาหยิบผลไม้สีแดงที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยสีที่แดงกว่าจนดูราวกับว่ามันเป็นลูกกวาดเม็ดโตแทนที่จะเป็นแอปเปิลมาส่งให้มือบาง
เจ้าตัวดีรับไปด้วยท่าทางปากไม่ตรงกับใจ นัยน์ตาสีมรกตขี้สงสัยจ้องมองแอปเปิลเสียบไม้ในมืออย่างสนอกสนใจ
เขาดึงมือบางให้ก้าวขาเดินตามอีกครั้ง
ทั่วทุกพื้นที่ของศาลเจ้าล้วนถูกจับจองด้วยผู้คน
เขาจึงตัดสินใจเดินออกไปจากบริเวณงาน
“
นี่? จะกลับแล้วหรอ?”
น้ำเสียงติดจะเสียดายดังมาจากข้างหลัง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร
สองขายังคงพาเจ้าตัวดีเดินไปตามทางแคบๆนั่นต่อไป
ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำ....เมื่อดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นเหนือน่านฟ้าพอดี....
“
.........สวยจัง...”
นัยน์ตาสีมรกตเงยมองท้องฟ้าที่กำลังถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสี ถึงมันจะเบ่งบานอยู่ได้ไม่กี่นาทีแต่มันก็ทำให้ใบหน้าสวยของคนที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มกว้าง
ร่างบอบบางนั่งลงไปที่พื้นหญ้าริมตลิ่งโดยมีเขายืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ
ริมฝีปากที่กำลังละเมียดละไมแอปเปิลเคลือบน้ำตาลหยุดลงก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาที่แทบจะกลืนกินไปกับเสียงของดอกไม้ไฟ
“
ขอโทษ...ที่เข้าไปในห้องนั้น...ขอโทษ...ที่อยากรู้เรื่องของนาย...”
“.......” เขายังคงนิ่งเฉย
ไม่มีคำพูดใดเลยหลุดออกจากปากไป...เจ้าตัวดีอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันกลับไปมองท้องฟ้าตรงหน้าต่อ....เพราะเด็กนี่คงจะเข้าใจ...ว่าหากเขาไม่ยกโทษให้ก็คงไม่พาออกมาแบบนี้หรอก...
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบลงไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง
อยากรู้เรื่องของเขา...อย่างงั้นหรอ....
เด็กนี่เป็นคนที่สอง...ที่พูดกับเขาแบบนี้....
แล้วมันจะหายไป...เหมือนดอกไม้ไฟพวกนี้หรือเปล่านะ?
ดอกไม้ไฟยังคงกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า
ทว่า...
เจ้าสัตว์กินพืชตัวดีกลับหลับอยู่บนแผ่นหลังของเขา....
ใครจะไปคิดว่านั่งดูดอกไม้ไฟอยู่ดีๆ
จู่ๆเด็กนี่ก็สัปหงกเอาเสียดื้อๆ
แล้วเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นอีกต่างหาก
มันถึงได้ลำบากเขาต้องแบกขึ้นหลังกลับมาแบบนี้ไง....ลิงนี่มันอยู่นิ่งๆไม่ได้เลยงั้นสินะ
นิ่งเป็นหลับขยับเป็นซน?
สองขาก้าวไปตามถนนเลาะริมแม่น้ำ
ดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอยู่เต็มท้องฟ้านั้นชวนให้รู้สึกแปลกๆ น้ำหนักที่ต้องแบกรับเอาไว้กลับไม่ทำให้รู้สึกรำคาญใจแต่มันกลับทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
ฝ่าเท้าก้าวไปเรื่อย
ใบหน้าคมเพียงแค่มองตรงไปข้างหน้าโดยปล่อยให้ลมหายใจสม่ำเสมอเป่ารดต้นคออยู่อย่างนั้น....
สักวัน...มันจะหายไป...เหมือนดอกไม้ไฟพวกนี้หรือเปล่านะ?
เสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้มือที่กำลังขัดอ่างล้างจานหยุดลง
ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยถึงกับคิ้วกระตุก...เจ้าสัตว์กินพืชตัวดีนั่นทำอะไรเข้าอีกแล้วล่ะ?
จะอยู่เฉยๆให้เขาหายปวดหัวบ้างไม่ได้หรือไงกันนะเจ้าเด็กนั่น
สองขาเดินไปดูทั้งๆที่ยังมีผ้าสามเหลี่ยมคาดอยู่ที่หัว
เจ้าตัวดีกำลังเขย่งสุดตัวเพื่อเอาหนังสือกลับขึ้นไปวางที่ชั้นบนสุด
มองเห็นกองหนังสือที่ไหลทะลักจากชั้นลามลงมาที่พื้นแล้วก็มีแต่จะทำให้อยากจะฟาดก้นเข้าให้สักที มันน่าไหมเนี่ยแบบนี้
“ทำอะไรของแก” เขาเดินไปก้มหยิบหนังสือด้วยใบหน้าทะมึน
“
ก็แค่หาหนังสืออ่าน....” นัยน์ตาสีมรกตที่เสไปมองที่อื่นอย่างหลบตาแบบนั้นมันก็ทำให้เดาได้ไม่ยากแล้วละว่าเจ้าตัวดีนี่กำลังคิดจะทำอะไร...ตั้งแต่วันที่กลับมาจากดูดอกไม้ไฟ
เด็กนี่ก็ไม่เคยถามเขาอีกเลยเรื่องคนในรูป แต่กลับพยายามหาคำตอบด้วยตัวเอง
น่าแปลก...ที่เขาก็ไม่นึกโมโหจนเผลอบีบคอเล็กๆนั่นไปอีกรอบ...
“
แกอ่านภาษาญี่ปุ่นออกด้วยหรือไง?”
มือหยิบหนังสือเสียบใส่ชั้นพลางมองเด็กนั่นด้วยสายตาคาดโทษ
“
ก็เพราะอ่านไม่ออกไง....ถึงได้ต้องพยายาม....”
คนที่พูดภาษาอังกฤษ จีน อิตาลีไฟแล่บแบบนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นักว่าจะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลย
“
กำลังหาข้อมูลของเจ้าของห้องนั้นอยู่ใช่ไหม?”
แล้วคำถามของเขาก็ทำเอาไหล่บางสะดุ้งโหยง
“
.................” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมามองอย่างกล้าๆกลัวๆ
ต่างจากความแข็งกร้าวที่มีในยามปกติ....คงจะพอรู้มาบ้างว่าคนคนนั้นกับเขาเป็นอะไรกันและถึงจะแสบแค่ไหน
แต่เด็กนี่ก็ยังมีมารยาทของผู้ดีที่ถูกสั่งสอนมาว่าไม่ควรแส่เรื่องในครอบครัวของชาวบ้าน
“
ถ้างั้นก็สบายใจได้....เขาคนนั้นไม่ได้ตายอยู่ในห้องนั่นเพราะฉันฆ่าด้วยความพลั้งมือหรืออะไรก็แล้วแต่....แต่ว่า....เขาหนีฉันไป.....รู้เอาไว้แค่นั้นก็พอ” ยิ่งปิดบังก็จะมีแต่ทำให้เจ้าตัวดีนี่ยิ่งสงสัย
บอกๆไปให้สิ้นเรื่อง จะได้ไม่แอบไปขุดใต้ถุนห้องเพราะคิดว่าเขาจะฝังศพไว้ที่นั่น...
“
หนีไป?”
เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อเพราะตัวเองก็ไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“
แล้วนายได้ไปตามหาเขาหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าถูกจับไปอะไรแบบนั้นหรอ?” ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกๆเพื่อระงับความรำคาญ...ใช่....ตอนนี้เขาแค่รำคาญ
ไม่ได้โมโหในความจุ้นจ้านวุ่นวายของเจ้าตัวดีเหมือนกับตอนครั้งแรก
“
ถูกจับไปคงไม่ได้เก็บเสื้อผ้าพร้อมหอบกระเป๋าเดินทางไปด้วยแบบนี้หรอก
เลิกสนใจเรื่องของคนคนนั้นสักที!”
น้ำเสียงดุดันถูกเอ่ยตัดบทก่อนที่เขาจะก้าวขาจากมา โดยที่ไม่เคยคาดเลยว่าเจ้าเด็กแสบนั่นจะดื้อกว่าที่คิด
ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่เป็นวันหยุดแทนที่เจ้าตัวดีจะนอนอืดอยู่บ้านเหมือนกับช่วงแรกๆกลับออกไปตะลอนๆอยู่ข้างนอกทั้งวัน
แล้วมันก็เดือดร้อนบอร์ดี้การ์ดอย่างเขาไม่ใช่หรือไงที่ต้องคอยตามดูแบบนี้
ทำไมถึงไม่ห้าม...ทำไมถึงไม่ใช้ความรุนแรงข่มขู่ไปสักที....
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจตัวเอง...
ทำไมเขาจะไม่รู้...ว่าสิ่งที่เด็กนั่นกำลังทำอยู่...มันก็คือความต้องการในส่วนลึกของเขาเอง....
เพียงแต่...เขาเลือกที่จะหนีจากมันมาตลอด...ไม่คิดที่จะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆแบบที่เด็กนั่นกำลังทำอยู่
รูปถ่ายเพียงใบเดียวที่หลงเหลืออยู่ถูกเจ้าตัวดีแอบหยิบออกไปแล้วเที่ยวถามใครต่อใครว่าเคยเห็นคนในรูปบ้างไหม เขาลอบมองใบหน้ามุ่งมั่นของเด็กนั่นจากซอกตึกโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว...แน่นอนว่าเขาแอบตามออกมา
ถึงแม้ว่าจะมีแต่คนส่ายหน้าให้
ใบหน้าสวยนั่นกลับไม่ยอมแพ้......เป็นคุณหนูเอาแต่ใจก็เท่านั้น
ทำอะไรไม่เป็นก็เท่านั้น....แต่กลับมาทำเรื่องแบบนี้เพราะอยากรู้เรื่องของเขา?
หึ...ความดื้อดึงนี่ไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปหลายต่อหลายอาทิตย์จนไม่คิดว่าจะยังมีใครมาตามล่าเด็กนั่นอีก...เพราะทุกสิ่งรอบกายนั้นมันช่างสงบเสียเหลือเกิน...
อย่างพ่อของเด็กนั่นก็คงไม่ยอมให้ใครมาตามล่าทายาทของตัวเองแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบนี้หรอก....ถึงแม้ว่าที่นี่จะสงบสุข
แต่ที่ฮ่องกงอาจจะกำลังนองเลือดอยู่ก็เป็นได้
ลำกล้องปืนถูกประกอบกลับไปเหมือนเดิมเมื่อถูกถอดออกมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
เขาเลือกที่จะทำความสะอาดของพวกนี้ตอนที่เจ้าตัวดีไปโรงเรียน...ไม่รู้ทำไมแต่เขาก็ไม่ค่อยอยากจะให้เด็กนั่นเห็นด้านนี้ของเขานัก
ทั้งๆที่ไม่จำเป็นจะต้องสนใจเลยแท้ๆ
จู่ๆหูที่ดีกว่าหูคนทั่วไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งใกล้เข้ามา
และไม่นานประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับร่างบอบบางของคนที่เขาไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
เจ้าสัตว์กินพืชนั่นโดดเรียนแถมยังขัดคำสั่งเขาที่ว่าไม่ให้กลับมาเองตามลำพังแบบนี้อีก!
“...ชั้นเคยบอกแกว่ายังไง?”
มือยื่นไปบีบต้นแขนบางอย่างไม่สนใจว่าเจ้าตัวดีจะหอบแฮ่กแค่ไหน
“
รู้แล้ว! แฮ่ก...แฮ่ก....ชั้นรู้แล้ว!!” รู้?....เรื่องอะไร?....ใบหน้าสวยพยายามบอกเขาทั้งๆที่ยังหอบจนตัวโยน
“
ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
มือบางอีกข้างกลับเป็นฝ่ายดึงรั้งให้เขาเดินตามไปที่รถ แต่เขาก็ขืนร่างกายเอาไว้ก่อนจะจับข้อมือเล็กแล้วมองด้วยสายตาว่าหากยังพูดไม่รู้เรื่องเขาก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
เจ้าคนที่ยังหอบแฮ่กจึงยื่นกระดาษที่เขียนแผนที่คร่าวๆแผ่นหนึ่งออกมาให้
เขาก้มลงไปมองมันอย่างสงสัย
“
เพื่อนของอาของเพื่อนที่โรงเรียนเขียนมาให้....ที่ที่คนรักของนายหนีไปยังไงละ” แล้วคำพูดของเจ้าตัวดีก็ทำให้เขานิ่งค้างไป....มือที่ถือกระดาษเอาไว้สั่นน้อยๆ
ที่ที่คนคนนั้นหนีไป....
แล้วเขา....ควรจะไปตามกลับมางั้นหรอ?....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
กร๊ากกกกก
งงกันเป็นแถวเลยละสิที่เห็นฟิคเรื่องนี้หลุดออกมาจากไหจนได้ TTvTT เค้าขอโทษ~~~~
อาจจะมีคนอ่านอยู่ไม่กี่คนแต่คุณกวางก็จะเขียนต่อไปย์
>////<
ขอบคุณที่หลงเข้ามาดูนะค้า 5555 แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
เค้ายังอ่านอยู่นะคะพี่กวางงงงง (•^•)/ คิดถึงคู่1859มากเลย ดีใจที่พี่กวางเลือกทลายไหนี้ก่อน รอติดตามต่อไปนะคะ
ตอบลบในที่สุดดดดดดดดดด ไหนี้ก็ทลายแล้วววว เย้^0^
ตอบลบจะติดตามต่อนะค้าาาาา คิดถึงคู่นี้มากมายยยย
ยังคงรอเรื่องนี้อยู่ค่ะ รอตลอด และรออย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ ชอบอารมณ์ในหลาย ๆ ซีนของเรื่องนี้มาก และชอบ 1859 มาก นึกว่าพี่กวางจะลืมซะแล้ว
ตอบลบแหม่!! นึกว่าจะได้เห็นทั่นฮิกินเด็กตอนนี้ซะแล้ว ที่ไหนได้จับแต่งตัวตุ๊กตา น่ารักไปแล้วค่า อยากเห็นภาพสองคนนี้ยืนใส่หน้ากากจริงจัง ...จะมีคนแอบถ่ายมั๊ยนะ ๆ //เหลือบมองแฟนคลับที่ชอบวาดแฟนอาร์ตให้พี่กวาง 555
กลับมาอ่าน หลังจากที่ไม่ได้เข้าบล็อคพี่กวางสัก 59 ชาติได้ คิดถึงงานพี่กวางจริง ๆ คิดถึงคนเขียนด้วย ...สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ให้จบน๊า 555 (((^_^)))
เค้ายังอยู่นะคะ
ตอบลบจะทุบไหไหนก็รอทุกไหเลยค่ะ
น้องก๊กน่ารัก ทุ่มทุนซะ ถ้าพี่ท่านตามไปจริงๆจะทำยังไง
ฮือออ
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ยังรออ่านอยู่นะคะ แต่งใด้ดีคะชอบมากคะ ชอบคู่ท่านฮิบาริกับโกคุเดระมากคะ��������รีบแต่งออกมาให้อ่านอีกนะคะเป็นกำลังจัยให้คะสู้ๆ
ตอบลบยังรออ่านอยู่นะคะ ถึงจเผ่นมานานแล้วก็ตาม...
ตอบลบจะพิมพ์ ผ่าน ค่ะ ไหงเป็น เผ่น TT
ลบลุ้นตามมมม
ตอบลบ