Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 09


Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word: 09

: Aldnoah.Zero Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine
: Romance Period
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
       
    
         




เพราะความสบายใจทำให้เขาหลับเต็มอิ่มไปเสียหลายวัน...กว่าจะเย็บถุงดอกไม้หอมใบใหม่ที่ตั้งใจจะทำให้ท่านเคานต์เสร็จก็เลยกินเวลาไปเสียนาน

ด้ายถูกตัดออกไปจากเข็มก่อนที่มือบางจะวางถุงใส่บุหงาลงไปในโถเซรามิกลวดลายฉลุที่เคยตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของท่านเคานต์ ปลายนิ้วจับๆให้มันอยู่ในสภาพที่สวยงามแม้ยามปิดฝาโถไปแล้วมันจะมองไม่เห็นก็ตาม

ใบหน้ามนยิ้มน้อยๆมองถุงผ้าด้วยสายตาเป็นสุขก่อนที่จะปิดฝาลง...การได้ทำอะไรให้คนที่ตัวเองรักถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแต่กลับมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้เลย....ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีวันแบบนี้ได้

เขาหันไปมองรอบกายก่อนจะพบว่ามันมืดสนิทไปแล้ว

ใบหน้าก้มมองโถเซรามิกอีกครั้ง อันที่จริงไว้พรุ่งนี้ก็ได้ แต่ถ้าเอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของท่านเคานต์เสียตั้งแต่ตอนนี้ กลิ่นที่อบอยู่ทั้งคืนก็จะทำให้พรุ่งนี้ทั่วทั้งห้องก็จะมีกลิ่นหอมพอดีๆ

ร่างโปร่งจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วหอบโถบุหงาขึ้นมากอดไว้ก่อนจะก้าวเดินออกไป





โถใส่บุหงามาถึงที่ของมันอย่างปลอดภัย

แต่ในขณะที่เขากำลังจะกลับห้องของตัวเอง...เสียงเปียโนแว่วหวานก็ดังมาจากที่ไหนสักที่ในปราสาทหลังนี้

ถ้าจำไม่ผิดจะมีแกรนด์เปียโนตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ใช้รับรองแขกด้วยนี่นะ?

สองขาก้าวไปตามเสียงอย่างอดใจไม่อยู่....ใครกันมาเล่นเปียโนดึกๆดื่นๆแบบนี้....เขาก็แค่อยากจะรู้เท่านั้นเอง

มือบางเกาะขอบวงกบประตูเอาไว้ก่อนจะค่อยๆโผล่หัวออกไปดู แล้วภาพตรงหน้าก็เท่าเอานัยนัยน์ตาเบิกกว้าง

มันเป็นภาพของแผ่นหลังที่คุ้นเคยกำลังนั่งอยู่หน้าแกรนด์เปียโนสีดำท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาพอดี...ความแข็งแกร่งและแสงที่สวยงามที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้จากที่แค่ตั้งใจจะมาดูว่าเป็นใคร เขากลับละสายตาจากมนต์สะกดตรงหน้าไม่ได้เลย  สองขาราวกับถูกเสียงของเปียโนตรึงเอาไว้ ร่างกายราวกับถูกแผ่นหลังของท่านเคานต์สั่งว่าห้ามไปไหน....เขาถึงได้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งบทเพลงจบลง....

“ นั่นใคร?”   เสียงทุ้มดังขึ้นมาและมันก็ทำให้ร่างโปร่งบางถึงกับสะดุ้งโหยง....อ้า...เผลอยืนดูจนโดนจับได้อีกแล้ว....

“ ผมเองครับ...”   ใบหน้ามนจึงรับออกไปด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ

“ เจ้าเองรึ?”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองหันมามอง ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดนอนซึ่งสวมเสื้อคลุมทับเรียบร้อยต่างจากเขาที่มีเพียงชุดนอนเสื้อเชิ้ตตัวยาว กางเกงขาสั้นข้างใน...และถุงเท้าอีกคู่เท่านั้น

“ ขอโทษที่รบกวนครับ...”   เขาก้มหน้าก้มตาตอบออกไปก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่กล้ามองตรงๆ

“ มานี่”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ ทั้งๆที่ปกตินัยน์ตาสีฟ้าแสนหยิ่งทระนงนั่นจะเหยียดมองเขาแท้ๆ แต่เวลาที่จะ...........นัยน์ตาเย็นชานั่นกลับลุกวาวราวกับหมาป่าเห็นลูกแกะ

“ ...............”   สองขาจึงเดินเข้าไปหาช้าๆ

“ ลองเล่นดูไหม?”   จู่ๆท่านเคานต์ก็ถามคำถามที่ทำให้เขาประหลาดใจ นึกว่าจะเรียกเข้าไปตำหนิเรื่องที่เขาออกมาเดินอยู่นอกห้องนอนด้วยชุดที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้เสียอีก

“ เอ๋? แต่ว่าผม......เล่นไม่เป็น....”

“ เล่นไม่เป็นก็ฝึกสิ”   จู่ๆมือใหญ่ก็พุ่งมาจับที่ข้อมือของเขาก่อนจะดึงให้นั่งลงไปบนหน้าตักของตน

“ อะ? ท่านเคานต์?”  แผงอกอบอุ่นที่แนบชิดติดแผ่นหลังของเขาทำให้ใบหน้าถึงกับขึ้นสี

“ เราจะสอนให้”   เขาเหลือบไปมองใบหน้าของท่านเคานต์ที่ขยับมาอยู่แถวๆหัวไหล่อย่างเขินๆ....ปกติการเรียนเปียโนนี่มันต้องใกล้ชิดกันแบบนี้เลยหรอ?

“ ก่อนอื่นก็วางมือแบบนี้....”    จริงอยู่ว่ามือซ้ายของท่านเคานต์วางลงไปบนเปียโนเพื่อให้เขาดูและทำตาม แต่มือขวามันกลับสอดเข้ามาใต้เสื้อนอนของเขา?  แน่ใจนะว่านี่กำลังสอนเขาเล่นเปียโนจริงๆ?

มือบางวางลงไปบนเปียโนข้างๆมือใหญ่ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อลมหายใจอุ่นๆเป่ารดที่ต้นคอ

“ ทะ ท่านเคานต์...แล้ว...เปียโน...ยังไงต่อครับ...”   เสียงนุ่มพยายามหันเหคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังให้กลับมาสนใจเปียโนต่อ

“ หื๋ม...ยังไงต่อน่ะหรอ...”


ตุ้บ...


แต่ร่างสูงใหญ่กลับตวัดลำตัวบางอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็นอนราบลงไปบนเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นเปียโนเรียบร้อยแล้ว

“ ต่อไป....ก็ต้องกดข้อมือลงไป....”    ไม่ใช่แล้ว!...เพราะกดข้อมือที่ปากของท่านเคานต์บอกมากับการกระทำนี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเปียโนเลย ก็แทนที่มือใหญ่จะกดข้อมือลงไปบนเปียโน ไหงมากดที่ข้อมือของเขาล่ะ?

ใบหน้าหยิ่งทระนงโน้มลงมาจู่โจมซอกคอของเขาราวกับรู้ดีว่าตรงนั้นมันเป็นจุดอ่อนที่จะทำให้เขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงด้วยความเคลิบเคลิ้ม

ร่องรอยสีกุหลาบถูกฝากเอาไว้บนผิวเนียนใส นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปมองแกรนด์เปียโนแล้วก็ต้องพยายามรวบรวมแรงที่มีห้ามอีกฝ่ายไว้

“ ท่านเคานต์...ที่นี่ไม่ได้นะครับ...”   ร่างสูงใหญ่ทำท่านิ่งคิดก่อนจะยอมละออกไป ด้วยเกียรติของผู้ดีทำให้ละอายต่อสถานที่ขึ้นมา...ทว่า...แทนที่จะล้มเลิกความตั้งใจ ท่อนแขนแข็งแรงกลับสอดเข้ามาใต้ร่างโปร่งบางแล้วอุ้มขึ้นไป

“....?....ท่านเคานต์?”   ใบหน้ามนเหวอด้วยความมึนงง

“ เปลี่ยนสถานที่ก็แล้วกัน เปียโนมันต้องเรียนรู้กันอย่างต่อเนื่องนะ ถึงจะเป็น”   แบบนี้ไม่เรียกว่าสอนเปียโนแล้วครับ! ถ้าจะสอนก็ต้องเรียนกับเปียโนที่ตั้งอยู่ตรงนี้สิ! ถึงอยากจะเถียงแต่ก็คงไม่มีประโยชน์ ใบหน้ามนจึงหันมาก้มงุดซุกอยู่ที่แผงอกแข็งแรงนั่นอย่างที่รู้ว่าอะไรมันกำลังจะเกิดขึ้น

จะมีเรื่องให้แปลกใจอยู่นิดหน่อยก็ตรงที่ว่า แทนที่ท่านเคานต์จะอุ้มเขากลับไปที่ห้องของเขา แต่ร่างสูงใหญ่กลับก้าวขาเข้าไปในห้องนอนของตัวเองที่อยู่ใกล้กว่า

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพาเขามานอนที่นี่เลยสักครั้ง......ปกติท่านเคานต์จะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองที่ห้อง

มันทำให้เขาคิดมาตลอดว่า...ท่านเคานต์คงอยากจะเก็บห้องแห่งความทรงจำที่เคยอยู่ร่วมกับท่านหญิงครูเทโอเอาไว้โดยไม่ปล่อยให้เขาแทรกเข้าไปได้


ที่หนึ่ง...ยังไงก็เป็นที่หนึ่งอยู่วันยังค่ำ...

อย่างเขาคงไม่สามารถจะแทนที่ผู้หญิงที่ดีพร้อมแบบนั้นได้หรอก...


แผ่นหลังบางถูกวางลงไปบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย กลิ่นของท่านเคานต์ลอยฟุ้งออกมาจากหมอน...มันเป็นกลิ่นกายของผู้ชายที่กอดเขามานับครั้งไม่ถ้วน

และต่อให้ในยามปกติท่านเคานต์จะทารุณกรรมเขาแค่ไหน แต่ในเวลาแบบนี้กลับอ่อนโยนราวกับเป็นคนละคน...คราวนี้เองก็เช่นกัน...

ริมฝีปากที่ซุกไซร้คลอเคลียอยู่ที่ซอกคอทำให้ลมหายใจเริ่มติดขัด ร่างที่ทาบทับอยู่ข้างบนไม่ได้นิ่งเฉยแต่มือใหญ่กลับค่อยๆปลดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างนุ่มนวลและแนบเนียน

ทั้งๆที่ใบหน้ายังพรมจูบอยู่รอบคอล่อลวงให้เขาเคลิบเคลิ้ม แต่ฝ่ามือกลับถอดเสื้อผ้าของเขาจนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ร่างกายเปลือยเปล่า

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่านี่จะเป็นคนเดียวกับคนที่ฟาดเขาเอาๆในตอนกลางวัน!

ริมฝีปากร้อนไล่จูบมาจนถึงริมฝีปากของเขา เรียวลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาทำให้นัยน์ตาเผลอปิดลงชั่ววินาทีก่อนจะเปิดขึ้นมามองใบหน้าที่อยู่ใกล้ชิด สายตาเหลือบเลยข้ามไหล่กว้างออกไปทำให้มองเห็นว่าท่านเคานต์กำลังถอดเสื้อของตัวเองออกทั้งๆที่ปลายลิ้นยังไล่ต้อนเขาจนต้องยอมมอบความหอมหวานและลมหายใจให้

เมื่อริมฝีปากละออกไปเขาก็โกยอากาศเข้ามาแทบจะไม่ทัน...รู้สึกดีจนร่างกายของเขาต่อต้านมันไม่ไหว...ยิ่งท่านเคานต์กดริมฝีปากจูบไล่ลงไปตามร่างกาย เส้นผมสีทองละเรื่อยลงไปบนแผ่นอกก็ยิ่งทำให้ความต้องการยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนห้ามไม่อยู่...รู้ทั้งรู้ว่ามันน่าอายแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้....

“ อึก...อ้ะ...”   เช่นเดียวกับเสียงที่เปล่งออกไป....ถึงใบหน้าจะร้อนผ่าวที่ได้ยินเสียงของตัวเอง แต่ก็ห้ามมันไม่เคยได้เลย...

“ ท่านเคานต์? อ๊ะ!”    ลำตัวสะดุ้งน้อยๆก่อนจะแอ่นรับริมฝีปากที่ลากอยู่แถวๆโคนขาด้านใน ร่างกายของเขามันรสชาติดีหรือไงนะ? ท่านเคานต์ถึงได้โลมเลียมันไปทั่วซะอย่างกับเขาเป็นลูกอมแสนหวาน

คราบน้ำลายที่ทิ้งเอาไว้ตามร่างกายไม่ทำให้รู้สึกรังเกียจ ถึงมันจะรู้สึกเหนอะหนะแปลกๆก็จริงแต่กลับมีความรู้สึกลึกๆที่บ่งบอกว่าเขาชอบมันปนอยู่ด้วย

“ อื้อ!”   และทุกครั้งที่ฝ่ามืออุ่นๆนั่นตรงเข้าครอบครองส่วนไวต่อความรู้สึกของเขาทีไร ร่างกายก็อดที่จะไม่สั่นสะท้านไม่ได้

แรงขยับที่เชื่องช้านั้นทำให้รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายได้แต่บิดเร่าเข้าไปหาฝ่ามือที่กอบกุมมันเอาไว้อย่างน่าอาย

และความสุขสมที่ทำเอาจะตายให้ได้นั่นก็มักจะหยุดลงเมื่อได้กลิ่นน้ำมันหอม....

กลิ่นกุหลาบที่ฟุ้งอยู่รอบกายยิ่งเพิ่มความรัญจวนใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นสูงจากข้างในรวมไปถึงอะไรอุ่นๆลื่นๆที่พยายามจะสอดแทรกเข้ามา แล้วสองขาก็พยายามจะขยับหนีมันทุกครั้ง ทั้งๆที่ยังไงท่อนแขนแข็งแรงนั่นก็ไม่มีวันปล่อยให้เขาหนีไปไหนได้

“ อะ...อื้อ....”   สองคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อปลายนิ้วสอดใส่เข้ามาจนได้ ร่างกายของเขาโอบรัดมันจนรู้ว่าตอนนี้มันเข้ามาถึงไหน  ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนที่สองมือจะยันเข้าไปที่ต้นขาแข็งแรงซึ่งยังอยู่ในกางเกงนอนต่างจากเขาที่ร่างกายเปลือยเปล่า

“ ฮ้า...ฮ้า....ฮ้า.....”   ใบหน้าเงยขึ้นไปอย่างพยายามผ่อนลมหายใจ ที่กลางลำตัวรู้สึกหน่วงๆเมื่อมือใจร้ายข้างนั้นมันไม่ยอมปล่อยเขาไป ข้างล่างก็ยังเพิ่มจำนวนเข้ามาเรื่อยๆ คงจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ ทุกครั้งที่เกิดการเสียดสีร่างกายเขาถึงได้บิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน

“ อื้อ....”   ทรมาน....ทรมานจนแม้แต่การจิกปลายนิ้วเท้าลงไปบนพื้นเตียงก็ยังไม่ช่วยระบายออก

“ อะ....อื้อ...”   นัยน์ตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาจึงช้อนขึ้นไปมองท่านเคานต์อย่างเว้าวอน...

“ หื๋ม?...อะไรหรอสเลน? เจ้าอยากให้เราทำยังไง?”   เขาละเกลียดท่านเคานต์ในช่วงเวลาแบบนี้นัก!...คนขี้แกล้ง...แบบนี้ให้ฟาดเขาด้วยไม้เท้ายังจะดีซะกว่า

“ อื้อ!”   ปลายนิ้วยาวยิ่งกวาดวนไปรอบผนังภายใน แรงเสียดสียิ่งทำเอาเสียววาบจนนัยน์ตาต้องปิดแน่น

“ อึก...ฮ้า....ฮ้า...อะ....ท่านเคานต์.....”   เล็บของเขาจิกลงไปที่ต้นขาแข็งแรงเพื่อจะบอกว่ายอมแล้ว....ยอมพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นแล้วก็ได้....เพราะเขาทรมานจนแทบทนไม่ไหว

“ ได้โปรด...ใส่...เข้ามา...อ๊ะ....”   สะโพกแอ่นลำตัวขึ้นเพราะปลายนิ้วที่อยู่ข้างในจงใจกดลงไปอย่างต้องการจะแกล้งเขา

“ ใส่?...”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เขารู้หรอกว่าอย่างท่านเคานต์น่ะเข้าใจแจ่มแจ้ง!

“ อื้อ....”   สองคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมหยาดน้ำใสๆปริ่มที่แพขนตา...ไม่ไหว...เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ ใส่...อ่ะ....ของ....ของท่านเคานต์...อึก...”   คำพูดแทบจะไม่ประติดประต่อเพราะร่างกายของเขามันกำลังสั่นระริก เสียงแผ่วเบากับสายตาอ้อนวอนของเขาทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยอยู่บนริมฝีปากของท่านเคานต์ ปกติก็ไม่ใช่คนที่จะยิ้มจะแย้มอยู่แล้วแต่รอยยิ้มแบบนี้สู้ไม่ยิ้มเลยยังดีซะกว่า....เพราะเวลาท่านเคานต์ยิ้มแบบนี้ทีไร...

“ อ๊า!!”   ปลายนิ้วที่หยอกเย้าเขาอยู่นานถอนออกไปก่อนที่ความเป็นชายที่ขยายใหญ่จะสอดใส่เข้ามาแทน ร่างทั้งร่างแทบจะกระตุกเฮือกไปกับความคับแน่นและความร้อนระอุของสิ่งแปลกปลอมที่แทรกกายเข้ามา

“ หะ อ้า..มัน...ร้อน...ฮ้า...ฮ้า....”  ร่างโปร่งหอบถี่อย่างพยายามผ่อนคลายตัวเอง นัยน์ตาสั่นๆเหลือบลงไปมองสิ่งที่กำลังสอดเข้ามาในร่างกายแล้วก็ยิ่งร้อนหนักที่ใบหน้า สองมือที่เคยยันอยู่ที่ต้นขาแข็งแรงขยับมาโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้แทน

เพราะท่านเคานต์ถือว่าเตรียมพร้อมให้เขามาพอแล้ว ฉะนั้นเมื่อตัวเองใส่เข้ามาได้หมดเมื่อไหร่ก็ไม่เคยจะรอให้เขาปรับตัวได้อีกต่อไป ร่างสูงใหญ่จะขยับมันทันที

“ อา....ท่าน...เคานต์...เดี๋ยว....”   ถึงจะร้องห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ ร่างสูงใหญ่ขยับร่างกายที่คับแน่นอยู่ข้างในจนเขาได้แต่สะดุ้งโหยง การเสียดสีทำเอาต้องกัดฟันแน่น....กับเขาที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้แค่ขยับไม่กี่ทีก็ทนไม่ไหวแล้ว ติดอยู่ที่มือใหญ่ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปนี่สิ

“ อ๊า...ท่านเคานต์ เบาๆ...อะ...อย่า...”   เขาถึงได้ต้องมาทรมานแทบขาดใจตายในอ้อมแขนของอีกฝ่ายแบบนี้ คนข้างบนขยับเข้าออกโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงครางโดยไม่รู้ตัวของเขา มันเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆตามจังหวะการสอดใส่ที่ยิ่งถี่กระชั้น

“ ท่านเคานต์ พอ...พอแล้ว...ผม...อะ อื้อ...ไม่ไหว....”  ทั้งริมฝีปากร้อนๆที่พรมจูบอยู่ที่ซอกคอ ทั้งแผงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งบดเบียดลำตัวและยอดอกของเขา ทั้งความเร่าร้อนจากแรงขยับเบื้องล่างทำให้คิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป...ความสุขสมแทบจะล้นทะลัก....ท่านเคานต์ควบคุมร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ในหัวขาวโล่งไปหมด ร่างกายได้แต่ขยับตามการชักนำของอีกฝ่าย


จนในที่สุดก็มาถึงปลายทาง....


“ ฮะ...อ๊า!!”   เสียงครางดังออกไปจากริมฝีปากอย่างน่าอาย เช่นเดียวกับความต้องการที่ฉีดพุ่งอยู่เต็มหน้าท้อง ความอุ่นวาบที่แผ่ซ่านอยู่ภายในร่างกายทำให้รู้สึกมีความสุขจนนึกว่าอยู่บนสวรรค์...

“ ท่านเคานต์?”   ทั้งๆที่เขาหอบหายใจจนแทบจะหมดแรงตาย แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่ยอมละออกมาจากซอกคอของเขา...การปลุกเร้าระลอกใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...

แรกๆก็แค่ครั้งเดียว แต่ยิ่งนานวันเข้าเขาก็เริ่มรู้สึกว่ามันจะมากขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆในแต่ละคืน....เหมือนอีกฝ่ายจะทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ


อ้า...เขาจะตายไหมเนี่ย ถ้าอยู่ที่นี่ไปอีกซักปีนึง...


“ อื้อ!”   สิ่งที่คาอยู่ในตัวเขาเริ่มขยับอีกรอบทำให้ไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องอื่นอีก  บทรักนั้นยังดังก้องไปทั่วห้องอยู่เกือบจะทั้งคืน

และกว่าเขาจะถูกปล่อยให้นอนลงไปได้....ก็แทบจะสลบคามือ....


แน่ใจหรอว่าผู้ชายคนนี้อายุมากกว่าเขาตั้ง 21 ปี...ทำไมถึงได้แข็งแรงขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่เห็นจะออกกำลังกายตรงไหนเลย!


นัยน์ตาสีมรกตปิดลงช้าๆอย่างไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกับเขา...แล้วลมให้ใจก็เข้าออกอย่างสม่ำเสมอในเวลาไม่นาน....












เสียงนกร้องดังแว่วเข้ามาในหู แสงแดดอ่อนๆแยงดวงตาในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขานึกออกจนได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง


ที่นี่มัน...ห้องนอนของท่านเคานต์....


ใบหน้ามนหันไปอมยิ้มน้อยๆมองคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างกาย สองมือค่อยๆยกท่อนแขนแข็งแรงที่พาดลำตัวของเขาอยู่ออกไปอย่างแผ่วเบา ความเหนอะหนะที่ตกค้างอยู่ข้างในทำให้เขาจำเป็นต้องไปเอามันออก...ของของท่านเคานต์...

มือหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ของท่านเคานต์มาสวมลวกๆ ฝ่าเท้าแตะลงไปบนพรมชั้นดี แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนก็รู้สึกราวกับมันกำลังจะไหลลงมา...แย่ละ....

มือเลยรีบคว้ากระดาษที่อยู่บนโต๊ะมาซับมันเอาไว้ก่อน....ท่านเคานต์นะท่านเคานต์...ทำไมถึงได้..........ขนาดนี้...

แค่คิดใบหน้าก็ร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากจึงเม้มแน่นก่อนจะกวาดสายตาไปมองใบหน้าที่ยังหลับสนิทอย่างนึกเคือง

ใบหน้ามนหันกลับมาอย่างตั้งใจจะเดินออกไปห้องน้ำ...ทว่า....สายตากลับไปหยุดลงที่อะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน


โต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆหน้าต่าง มีกรอบรูปอันหนึ่ง....ซึ่งทำให้นัยน์ตาของเขาถึงกับเบิกกว้าง....


ร่างทั้งร่างเดินลอยๆเข้าไปหาก่อนจะยกมันขึ้นมามองให้ชัดๆ


ผู้หญิงที่ดูสูงศักดิ์คนนี้คงจะเป็น....ท่านหญิงแห่งปราสาทวอร์ริคที่ตายไปแล้ว

ภรรยาของเคานต์ครูเทโอ.....


ความจริงเรื่องนี้เขาทำใจมานานแล้ว ว่าคงไม่สามารถจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนคนนี้ได้

แต่กับเรื่องที่เพิ่งจะเห็นด้วยตาของตัวเองในตอนนี้ต่างหาก....ที่ไม่เคยเตรียมใจมาก่อนเลย....



ไม่เคยคิดเลย...ว่าใบหน้าของเขาจะคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ในรูปถึงขนาดที่ตัวเองยังรู้สึกได้แบบนี้...



มือที่จับกรอบรูปสั่นน้อยๆ ร่างทั้งร่างรู้สึกชาแปลกๆเหมือนมีอะไรมาตีแสกหน้าจนสองขาแทบจะทรงตัวไม่ไหว ที่หัวใจทั้งสับสนระคนเจ็บแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้



นี่มันอะไรกัน....

หรือท่านเคานต์ก็แค่ใช้ใบหน้าและร่างกายของเขาแทนผู้หญิงในรูปนี้ก็เท่านั้นเอง....






หากว่าใบหน้าของเขาไม่เหมือนกับท่านหญิง...โอกาสที่จะได้อยู่ที่นี่ยังจะมีอยู่หรือเปล่า...

ตัวตนจริงๆของเขาเคยอยู่ในสายตาของท่านเคานต์บ้างหรือเปล่า...





หรือที่อ่อนโยนด้วย...มันจะเป็นเพราะภาพของผู้หญิงคนนี้ที่ซ้อนทับลงมาบนตัวเขากันนะ.....





“ ใครให้เจ้ามายุ่งกับของของเรา....”   เสียงทุ้มที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้ไหล่บางสะดุ้งเฮือก

มือใหญ่เอื้อมมาดึงกรอบรูปในมือเขาออกไปด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก....ท่านเคานต์โกรธหรือเปล่า? ไม่พอใจหรือเปล่า? ตอนนี้สมองและหัวใจที่รู้สึกชาๆของเขามันอ่านไม่ออก

“ ไปอาบน้ำสิ...”  ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยไล่ให้เขาออกไปจากห้อง ก้อนอะไรบางอย่างมันวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอแต่ก็แสดงอะไรออกไปไม่ได้


ในเมื่อเขาไม่ใช่เจ้าของคนตรงหน้า...เขาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหรอกว่าให้มองแต่เขาคนเดียว

ผู้หญิงที่อยู่ในกรอบรูปนั่นต่างหากที่ครอบครองทุกอย่างเอาไว้



ใบหน้ามนก้มลงน้อยๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปช้าๆ ปฏิเสธไมได้หรอกว่าเขาอิจฉา...แต่ว่าจะให้ทำยังไงได้

เขาเป็นได้แค่ตัวแทน....ก็คงต้องยอมรับ....



ถึงจะบอกกับตัวเองให้ยอมรับ...แต่เมื่อแอบเหลือบมองกลับไปเห็นมือใหญ่ค่อยๆวางกรอบรูปลงบนโต๊ะอย่างทะนุถนอม...หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา...











“ เฮ้อ....”   ลมหายใจถูกถอนออกไป  ใบหน้ามนที่พอจะดูสดใสขึ้นมาได้บ้างกลับห่อเหี่ยวจนดูอมทุกข์เหมือนเดิมอีกจนได้

สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ก็คงต้องบอกว่ามันเหมือนดอกไม้แห้งในมือนี่ไม่มีผิด....

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองดอกกุหลาบสายพันธุ์พิเศษของปราสาทวอร์ริคอย่างใจลอย  ปลายนิ้วเด็ดกลีบดอกที่ยังสดเพื่อจะเอาไปตากแห้งสำหรับทำบุหงาโดยปล่อยให้ร่างกายทำไปตามความเคยชิน

“ สเลน!”   เพราะฉะนั้นเมื่อมีเสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมามันเลยทำให้ร่างกายสะดุ้งโหยงจนคมของหนามกุหลาบตำลงไปที่ปลายนิ้ว

“ เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก....”   เสียงของท่านเคานต์หยุดไปเมื่อเห็นเขากุมปลายนิ้วน้ำตาปริ่ม ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินลอดซุ้มกุหลาบไม้สีขาวเข้ามา

“ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกสะดุ้งทุกครั้งที่เราเรียกเสียที...เอามือมาดูซิ”   ท่านเคานต์นั่งลงข้างๆก่อนจะดึงมือเขาที่มีเลือดออกที่ปลายนิ้วไปดู 

ผ้าเช็ดหน้าเนื้อดีซับสีโลหิตออกไปก่อนจะกดลงที่ปลายนิ้วเพื่อห้ามเลือด...นัยน์ตาสีมรกตทอดมองการกระทำอันแสนอ่อนโยนของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

ใบหน้าหยิ่งทระนงเงยขึ้นมาจากปลายนิ้วของเขาเมื่อปากแผลไม่มีเลือดไหลออกมาอีก นัยน์ตาสีฟ้าหยุดลงที่ใบหน้าของเขา มือใหญ่เอื้อมมาจับปลายคางเอาไว้ก่อนจะหันหน้าเขาไปมาเพื่อพิจารณาอะไรสักอย่าง สิ่งที่ท่านเคานต์ทำทำให้รู้สึกเขินจนเกือบจะลืมเรื่องเมื่อเช้าไปเลย

“ ถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนต้องรีบบอกเราเข้าใจไหม?”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาทำให้เขาพยักหน้ารับน้อยๆ มือใหญ่ปล่อยปลายคางของเขาก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ เราจะออกไปเรื่องยื่นซองประมูล คงกลับมาค่ำๆเจ้าทานอาหารไปก่อนเลย”

“ ครับ”  ท่านเคานต์บอกกับเขาเอาไว้ก่อนจะก้าวขาจากไป  ตราบจนแผ่นหลังนั้นมันหายไปแล้วแต่ที่หัวใจที่เต้นระรัวของเขาก็ยังอยู่


ตกลงจะเอายังไงกับเขากันแน่นะคนคนนั้น? เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายจนเดาใจไม่ถูกเลย....










ร่างโปร่งบางนั่งอยู่ที่ซุ้มกุหลาบจนบ่ายคล้อย ดวงอาทิตย์ค่อยๆย้อยตกลงไปเรื่อยๆ

ใบหน้ามนเงยจากกองดอกกุหลาบแห้งไปมองตัวปราสาทสีเทาก่อนจะต้องยกมือขึ้นป้องแสงแดดที่แยงตา...แต่ทว่า...ควันอะไรบางอย่างที่ลอยคลุ้งออกมาจากตัวปราสาทก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตต้องหันกลับไปจ้องมันเขม็ง


นั่นอะไรน่ะ?

กลุ่มควันที่ดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแบบนั้นมัน....


ร่างโปร่งลุกพรวดเพื่อมองมันให้ชัดๆ แล้วร่างกายก็แทบจะแข็งเป็นหิน....




“ ไฟไหม้!!!”   เสียงตะโกนก้องไปทั่วเนินปราสาทวอร์ริค บรรดาสาวใช้ต่างวิ่งกันให้จ้าละหวั่นเพื่อช่วยกันดับไฟ ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับกองเพลิงที่ไม่มีที่มาที่ไปซึ่งกำลังโหมกระหน่ำทำให้ปราสาทสีเทาหลังนั้นกลายเป็นสีแดงฉาน

“ ช่วยกันดับไฟเร็ว!!”   เสียงตะโกนข้ามหัวไปมาทำให้ร่างโปร่งได้แต่หันไปหันมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง...ถ้าท่านเคานต์ยังอยู่...ถ้าท่านเคานต์ยังอยู่จะทำยังไงบ้างนะ

“ นี่!! ไปตามคนงานที่ไร่มาช่วยกันดับไฟ แค่พวกเราเอาไม่ไหวหรอก!”   เขาดักสาวใช้คนหนึ่งไว้แล้วสั่งไปแบบนั้น หญิงร่างเล็กพยักหน้าอย่างตื่นๆก่อนจะรีบโกยอ้าวไปที่ไร่

ไฟนั่นลุกลามไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ คงจะเป็นเพราะลมกลางคืนที่ช่วยกันโหมกระพือให้เปลวเพลิงลุกไหม้ไวกว่าเดิม แล้วก็เป็นเพราะปราสาทตั้งอยู่บนเนิน กว่าจะลงไปเอาน้ำในแม่น้ำที่ล้อมรอบอยู่ขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่งานง่ายๆ

เขาเองก็เริ่มจะอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นว่าไฟนั้นกำลังลามเข้าไปใกล้ห้องของท่านเคานต์มากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เป็นเพราะทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผ้าม่าน พรมและอะไรอีกหลายอย่างเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี มันจึงลามจากห้องสู่ห้องอย่างรวดเร็ว


ทำยังไงดี....


ทำยังไงถึงจะหยุดเพลิงพวกนี้เอาไว้ได้


ในใจของเขาทั้งตื่นตระหนก ทั้งตกใจ ทั้งร้อนรน ทั้งหวาดกลัว คนรอบตัวต่างก็วิ่งวุ่นกันอย่างเสียขวัญ

ปราสาทที่เคยหรูหราอลังการกลับกำลังมอดไหม้ไปต่อหน้าต่อตา ถึงจะรู้ว่าต่อให้ท่านเคานต์กลับมาก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วแต่ความหวาดกลัวของคนทั้งปราสาทก็ยังคงต้องการให้นายเหนือหัวกลับมาบัญชาการพวกตน


เขานี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ


ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง



ถ้าหากเป็นท่านหญิง...อาจจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีกว่าเขา



แต่พอนึกถึงท่านหญิงขึ้นมา ใบหน้าก็ต้องนิ่งค้างไป....


กรอบรูปนั่น!!!


ถ้าหากปล่อยไว้แบบนั้นมันคงถูกไฟเผาไปพร้อมๆกับปราสาทแน่ๆ



ไม่ได้....


เขาต้องไปเอามันออกมา....




เพราะมันเป็นของสำคัญของท่านเคานต์




เขาต้องไปเอาออกมาให้ได้!





“ คุณสเลน! เข้าไปไม่ได้นะคะ!”   สาวใช้ดึงแขนของเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะพุ่งเข้าไป

“ ผมต้องเข้าไปเอากรอบรูป เดี๋ยวผมมา ไม่เป็นไรหรอก”   เขายิ้มให้แล้วดึงแขนของตัวเองออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปโดยไม่ได้ฟังเสียงร้องเรียกที่อยู่ข้างหลังอีก




ตอนนั้นเขาไม่ทันคิด....


ว่าสิ่งที่ไม่ควรจะดูถูกมันเลยก็คือเปลวเพลิงที่สามารถเผาโลกทั้งใบจนกลายเป็นผุยผงได้พวกนี้....







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.ไหม๊ถถถถถ



ที่หายไปหลายวันนี่ไม่ใช่เพราะอะไร ติด NC อย่างที่เห็น กร๊ากกกกก ไม่ชอบแต่งพอๆกับฉากดราม่านั่นแหละถถถถถถถถถ *ทรุด* อันที่จริงเมารถ(?)อยู่แถวสนามแข่งถถถถถ

คือถึงจะเห็นว่าในอนิเมะท่านเคานต์นี่ฟาดเอาๆ โซ่แส้กุญแจมือครบครัน แต่จะให้คุณกวางแต่ง SM นี่คงจะไม่ไหว ฮือออออ เพราะงั้นใครที่รอดูฉากแบบนั้นในฟิคเรื่องนี้อาจจะต้องขออภัยด้วยนาคะ 555 จริงๆแล้วในอนิเมะที่ท่านเคานต์ S ใส่สเลนได้ก็เพราะว่ายังมีอคติอยู่นั่นแหละ แต่ในฟิคนี้ท่านเคานต์เองก็เริ่มจะรักสเลนขึ้นมาบ้างแล้วไง จะให้ลงไม้ลงมือถึงขั้นนั้นมันก็.....นะ ^ ^” ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศแบ้วกัน5555

ก็....จบซีซั่นแรกกันไปเรียบร้อยแล้วเนอะ สำหรับอนิเมะ A/Z ตับไตสะเทือนกันเป็นแถบๆ TT[ ]TT จบซะแบบ.....นะ......จะต่อซีซั่นสองยังง๊ายยยย ตรูอยากรู้จนแทบจะลงแดงตายอ่ะถถถถถถถ

ช่างมันแล้วปั่นฟิคต่อไป TT[ ]TT

ถ้าบอกว่าตอนหน้าเรื่องนี้จะจบแล้วจะเชื่อไหม 5555

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ ทุกเสียงถามไถ่ ทุกคอมเม้นต์เช่นเดิมนะคะ


ก่อนไป แปะรูปที่น้องเอแคลวาดมาให้ >/////< ....น้องสเลนตอนแต่งหญิงตอนที่จะไปงานเลี้ยงกับองค์หญิงค่ะ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก *จับกดก่อนจะโดนไม้เท้าฟาดดับ*






แล้วเจอกันในตอนจบของ Last Word ตอนหน้าค่า ^ ^




3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 กันยายน 2557 เวลา 22:12

    มาแล้ววววววว ฟิคคุณกวางมาช่วยเยียวยาจิตใจจากตอนสิบสองแล้วววววว
    อ่านตอนนี้จบอยากจะตะโกนว่า "ท่านเคาททททท์" แล้ววิ่งไปรอบบ้านจริงๆ //ซับเลือด
    แล้วก็...น้องสเลนทำอะไรเสี่ยงๆอีกแล้ว ค้างอีกแล้ว ค้างงงงงงง//โดนตรบ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ23 กันยายน 2557 เวลา 23:46

    เย่ รอมา4วันเต็ม ในที่สุดตอนใหม่จากคุณกวางก็มา
    น้องสเลน ทำอะไรไม่คิดอีกและ คราวนี้ท่านเคาท์จะกลับมาช่วยไว้ทันมั้ยเนี่ย ลุ้นนนน

    ตอบลบ
  3. ท่านเคานต์สมควรถนอมสเลนมากกว่านี้หน่อยนะคะ >< เดี๋ยวช้ำค่า

    ฮือ สเลนเอาอีกแล้ววววว ทีแรกก็ช่วยองค์หญิง ทีนี้เข้าไปเอากรอบรูป
    แคร์คนอื่นมากกว่าแคร์ตัวเอง นางเอกจริงอะไรจริงค่ะ //เอื้อ! โดนยิง

    ตอบลบ