Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 08


Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word: 08

: Aldnoah.Zero Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine
: Romance Period
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
         
 
         



เจ้าของปราสาทวอร์ริคทิ้งตัวลงไปบนโซฟาด้วยใบหน้ามืดมน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับโทสะไม่ให้พาลเอาไปลงกับคนอื่นหรือสิ่งของในห้อง

เขาเป็นผู้ดีพอที่จะแยกแยะได้...ว่าโทษทัณฑ์มันต้องลงที่คนผิดเท่านั้น!

ลมหายใจหนักๆพยายามผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด...สเลนยังคงปากแข็งไม่ยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไป...ทำไมถึงทรยศเขาๆๆๆ!!!


โครม!!


ฝ่ามือทุบลงไปที่โต๊ะวางของข้างโซฟาอย่างอดไม่อยู่ ใบหน้าหยิ่งทระนงหอบหายใจหนักหน่วง ในใจมันแทบจะระเบิดออกมาเป็นเพลิงโทสะเสียให้ได้.....โกรธ....เขาโกรธมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน....เพราะไว้ใจ เพราะรัก ถึงได้โกรธขนาดนี้เมื่อถูกหักหลัง

ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดก่อนจะก้าวขาเตรียมจะออกไปจากห้อง...ต้องไปจัดการเด็กนั่นให้รู้สำนึก....ต้องเอาความรู้สึกของเขาไประบายใส่คนที่ผิด!


ก๊อกๆๆๆ!


เสียงเคาะประตูรัวๆทำให้คนที่กำลังจะระเบิดอยู่แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มือแข็งแรงจึงกระชากประตูเปิดออกทันที

หัวหน้าพ่อบ้านยืนหอบอยู่ตรงหน้า...ชายชราเหมือนจะวิ่งมาด้วยความรีบร้อน?

“ มีอะไร?”   เสียงทุ้มถามมออกไปห้วนๆ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่มือเหี่ยวย่นนั้นยื่นออกมา


เพราะมันคือกระดาษ...แผ่นที่เขากำลังตามหา....


“ ท่านเคาท์...แฮ่ก แฮ่ก....กำลังหานี่อยู่หรือเปล่าขอรับ....กระผมให้คนช่วยอันออกค้นหาทั่วปราสาท แล้วก็ไปเจอมันตกอยู่บนพุ่มไม้ด้านล่างหน้าต่างของห้องทำงาน....”

ลม....พัดมันตกลงไปอย่างงั้นหรอ......?


ใบหน้ารู้สึกชาวาบยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่ามันหายไปแล้วเขาก็ปรักปรำว่ามันเป็นความผิดของสเลนนั่นเสียอีก

หัวใจรู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างทั้งร่างแทบจะแข็งเป็นหินเมื่อรู้ตัวว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง


คนที่หักหลังต่อความเชื่อใจของเด็กนั่น....คือเขาต่างหาก


“ สเลน.....”   มือทิ้งแผ่นกระดาษนั่นลงพื้นอย่างไม่ไยดี สองขารีบก้าวออกไปจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง

คนที่ไม่สมควรให้อภัยน่ะ มันคือเขาเอง...ทั้งๆที่เด็กนั่นไม่ได้ผิดอะไรเลยแต่กลับไปยัดเยียดข้อกล่าวหาที่คิดไปเองให้ แล้วยังจะจับไปขังในที่ที่น่ากลัวแบบนั้นอีก


“ สเลน!!”   เสียงทุ้มดังก้องอยู่ทั่วทางเดินที่มืดมิด แสงคบไฟที่สาดกระทบแผ่นหินชื้นแฉะดูน่ากลัวจนอดที่จะรีบวิ่งให้ไวกว่าเดิมไม่ได้

ยิ่งเสียงที่มันควรจะมีให้ได้ยินบ้างกลับเงียบกริบแบบนี้....


บอกตามตรงว่าสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย...


“ สเลน!”   ไม่ว่าเขาจะร้องเรียกไปยังไง เด็กนั่นก็ไม่ตอบอะไรกลับมา....

มันคงเป็นการตอบแทนอย่างสาสมแล้วที่เขาเดินจากไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของอีกฝ่ายก่อน

ร่างสูงใหญ่หยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้ากรงขัง ร่างที่นอนสลบไสลอยู่ที่พื้นมีแต่จะทำให้เขาแทบจะหยุดหายใจไปให้ได้

“ สเลน!!”   ประตูลูกกรงถูกกระชากออกก่อนที่จะถลาเข้าไปประคองคนที่แน่นิ่งอยู่ที่พื้นขึ้นมา...เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรไป? ทำไมถึงไม่ลืมตาขึ้นมามองเขา?


จะต่อว่า จะร้องไห้ จะโกรธเคืองเขาก็จะไม่ว่าสักคำ แต่อย่านิ่งไปแบบนี้


“ สเลน!”   ฝ่ามือใหญ่ตบแก้มใสเบาๆ แต่ร่างกายที่เหมือนตุ๊กตาพังแล้วนั่นก็ไม่ตอบสนองอะไรกลับมา...เป็นอะไรไป? กลัวจนเป็นลมงั้นหรอ?

อ้อมแขนแข็งแรงตั้งใจจะอุ้มร่างโปร่งบางขึ้น แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นรอยเขี้ยวเล็กๆที่ข้อเท้าสีขาวนั่นเสียก่อน....นั่นมัน...


งูกัด?

หัวใจหล่นวูบพร้อมๆกับร่างกายที่รู้สึกหนาวเย็นยะเยือก....ไม่นะ....


“ สเลน!! พ่อบ้าน!! ตามหมอมาเร็ว! บอกให้เอาเซลุ่มที่มีมาทั้งหมด! เร็วๆ!!”   เสียงทุ้มตะโกนสั่งอย่างร้อนลนก่อนจะรีบดึงผ้าพันคอของตัวเองออกแล้วมัดมันไว้ที่ขาของคนตรงหน้า สองแขนรีบอุ้มร่างโปร่งออกไปจากที่แห่งความตายนี้ทันที

ถ้าหากคนในอ้อมแขนเป็นอะไรขึ้นมา เขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต...


อีกแล้วงั้นหรอ....


เรื่องแบบนี้....มันกำลังจะเกิดกับเขาอีกแล้วงั้นหรอ....


แล้วครั้งนี้...มันก็เป็นเพราะเขาเอง....เขาทำร้ายเด็กนี่ด้วยมือของเขาเอง!!














กว่าจะยื้อลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วงไปให้กลับคืนมาได้ หมอก็รักษาอยู่จนถึงเช้า....

ใบหน้าที่อิดโรยนั่นขอตัวกลับไปเมื่อในที่สุดก็เจอเซลุ่มที่แก้พิษของงูที่กัดสเลนได้....แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังการันตีอะไรไม่ได้ว่าร่างโปร่งบางจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่...

ร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงอย่างหมดแรง นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองใบหน้าซีดเซียวของคนที่ยังไม่ได้สติอย่างรู้สึกหน่วงๆที่หัวใจ...เขาไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้


แล้วก็ไม่เคยกลัวอะไรมากเท่าครั้งนี้มาก่อน....


กลัว...


กลัวจริงๆว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นมันจะไม่เปิดขึ้นมามองเขาอีก....


ฝ่ามือใหญ่ลูบลงไปที่เส้นผมสีชาเบาๆ ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปจูบขมับใส....ได้โปรด....ลืมตาขึ้นมามองเรา...สเลน...


แผ่นหลังกว้างยืดตัวขึ้นก่อนจะละออกมา กลิ่นหอมของบุหงาที่ทำมาจากดอกกุหลาบแห้งโชยมาจากโต๊ะที่ข้างเตียง....โถที่เคยอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาถูกวางอยู่ข้างๆถุงใส่ดอกไม้แห้งที่ส่งกลิ่นหอมนั่น....สเลนก็แค่เข้าไปเอามันออกมาเปลี่ยนให้ใหม่

ทั้งๆที่คิดถึงแต่เรื่องของเขา...แต่เขากลับทำร้ายเด็กนี่ลงไปอย่างไม่น่าให้อภัย

มือใหญ่เอื้อมไปหยิบกุหลาบแห่งวอร์ริคที่ไม่มีตลับเซรามิกคอยรองรับเพราะมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆตอนที่เขาเข้ามาลากตัวสเลนออกไป...ถึงจะสั่งทำใหม่ให้แล้วแต่จิตใจที่แตกร้าวมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกหรือเปล่านะ


เขาทำได้แค่รอคอย....รอให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาพร้อมกับคำตอบว่าจะยอมให้อภัยเขาหรือเปล่า...










กระดาษสองสามแผ่นถูกยื่นมาตรงหน้า เจ้าของปราสาทวอร์ริคที่ไม่ได้ออกไปจากตรงนี้มากว่าครึ่งค่อนวันยื่นมือไปรับมันมาจากมือเหี่ยวย่นของพ่อบ้าน

มันคือเรื่องที่เขาให้คนไปสืบมาว่าระหว่างสเลนกับเซอร์ทริลแรมนั้นมีความเกี่ยวพันยังไงกันแน่ จะได้ไม่ต้องเก็บมาค้างคาใจจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

นัยน์ตาสีฟ้าไล่ไปตามตัวอักษรก่อนจะกำแผ่นกระดาษจนยับยู่ยี่เมื่ออ่านจบ...ไม่แปลกใจเลยที่สเลนจะมีท่าทางหวาดกลัวผู้ชายคนนั้น


เพราะหมอนั่นคือคนที่พ่อของสเลนไปกู้เงินมา....คือคนที่ตามไล่ล่าตัวเด็กนั่นเพื่อที่จะเอาไปขายใช้หนี้


ช่างเลวทรามสิ้นดี....หนี้ก็ต้องใช้ด้วยสิ่งที่ยืมไปต่อให้ดอกจะมากขึ้นสักแค่ไหนแต่งานสุจริตมันก็น่าจะทำให้ปลดหนี้ได้สักวัน...ไม่ใช่จะบังคับขู่เข็ญให้เอาตัวไปขายเพื่อให้ได้เงินมาแบบนี้

ใบหน้าหยิ่งทระนงทอดมองใบหน้าที่ยังหลับใหลด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ...อยู่ข้างนอกก็ต้องเจอผู้ชายเลวร้ายแบบนั้นไล่ตาม...อยู่ในปราสาทก็ยังต้องเจอคนอย่างเขาอีก...ถ้าไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีอย่างเด็กนี่ป่านนี้คงหนีด้วยความตายไปแล้ว

มือใหญ่เอื้อมออกไปจับมือบางเอาไว้หลวมๆ....จากนี้ไปเราจะใช้สองมือของเราปกป้องเจ้าเอง...จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำอะไรเจ้าได้อีกทั้งนั้น สเลน...










เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความทรมานของการรอคอย...ในที่สุดสเลนก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากนั้นอีกเกือบสองวัน...

นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาช้าๆด้วยแววเลื่อนลอย...มันทอดมองเขาอยู่พักใหญ่และพอเหมือนจะนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นออก....ใบหน้ามนก็เบือนหนีไปอีกฝั่งทันที

ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวเหมือนที่เขาคิด ไม่ได้มีคำพูดคำจาที่จะต่อว่าเขาสักคำ...แต่สิ่งที่เด็กนั่นทำกลับทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่า...


เหมือนถอดใจที่จะใช้ชีวิตไปแล้ว...


ร่างโปร่งบางจึงได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรด้วย จะขอโทษหรือจะทำอะไรใบหน้ามนก็ไม่ตอบรับอะไรทั้งนั้น


สเลนในตอนนี้เหมือนแก้วที่กำลังจะแตกเต็มที...

เขาควรจะทำยังไง...

จะต้องประคับประคองแบบไหน มันถึงจะไม่พังทลายลงไป...





“ พรุ่งนี้เราเชิญเซอร์ทริลแรมมาทานมื้อค่ำด้วย แล้วเจ้าก็ต้องร่วมโต๊ะกับเรา”   เขาพูดออกไปพร้อมกับถอนหายใจ

“ จะได้จบเรื่องกันไปเสียที”   นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองร่างที่ยังนอนอยู่บนเตียง...คงมีเพียงเรื่องนี้ที่เขาพอจะทำให้เด็กนี่ได้ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น...



ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องไปโดยไม่เห็นว่านัยน์ตาสีมรกตที่สงบนิ่งมานานกลับมีปฏิกิริยากับคำพูดเมื่อครู่....


เพราะเพิ่งเจอกับเรื่องที่โหดร้ายจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดมาทำให้ในหัวสีชาเริ่มคิดไปต่างๆนานา  มือที่เคยวางอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้างลำตัวขยับมากำผ้าปูที่นอนแน่นเช่นเดียวกับใบหน้ามนที่ค่อยๆเต็มไปด้วยความกังวล

ที่ท่านเคาท์เชิญเซอร์ทริลแรมมา....


จะส่งตัวเขาคืนให้เซอร์ทริลแรมงั้นหรอ?


ไม่นะ...


ไม่เอา....

เขาไม่อยากโดนขาย...

แต่ขอร้องท่านเคาท์ไปก็คงจะไร้ประโยชน์ ขนาดเขาไม่ได้ทำผิดอะไรยังลงโทษเขาถึงขนาดนี้....


ผู้ชายคนนั้นไม่เคยรักเขาเลยแม้แต่นิดเดียว...


คงจะเบื่อร่างกายของเขาแล้วเลยคิดจะยกให้คนอื่น


ไม่เอา...



เขากลัว...





กลัว...




ร่างโปร่งจึงพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังมึนจากฤทธิ์ยาและพิษที่ยังไม่หายดี  สองขาก้าวลงจากเตียงช้าๆ ถึงแม้ว่ามันจะยังสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดบนร่างกายแต่หัวใจที่แทบจะแหลกสลายก็ทำให้ไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้อีก


มีแต่จะต้องหนี...



ต้องหนีไปให้ไกล...




ทั้งจากเงื้อมมือของเซอร์ทริลแรมและเงื้อมมือของเคาท์ครูเทโอ

หากหนีไม่พ้นคราวนี้เขาก็ยินดีที่จะตาย


ไม่อยากอยู่...


ไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว...













ท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์กลับเข้ามาในห้องของคนป่วยอีกทีเมื่อผ่านไปเกือบสองชั่วโมง

แล้วร่างสูงใหญ่ก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อพบว่าเตียงที่เคยมีร่างโปร่งนอนอยู่นั้นมันว่างเปล่า....


สเลนหายไปไหนกัน?


สองขาก้าวเร็วๆไปที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่พบใครสักคน มือผลักประตูห้องทุกห้องที่อยู่ชั้นบนจนหมดแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา

ร่างสูงใหญ่กลับมายืนนิ่งงันอยู่ข้างๆเตียงที่ไม่มีไออุ่นหลงเหลืออยู่อีกต่อไป....กุหลาบแห่งวอร์ริคยังวางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง


สเลน...หนีไปงั้นหรอ?...

หนีไปจากเขางั้นหรอ?...


หรือว่า....เด็กนั่นคิดว่าที่เขาเชิญเซอร์ทริลแรมมาทานข้าวเย็นก็เพื่อจะส่งตัวเด็กนั่นกลับไป? ที่หนีเขาไปก็เพราะกลัวว่าจะถูกเซอร์ทริลแรมเอาไปขาย?


บ้าจริง...ทั้งๆที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด!



“ พ่อบ้าน!! สั่งคนทั้งปราสาทแล้วก็ไปตามคนงานมาด้วย บอกให้ออกตามหาสเลนรอบๆปราสาทเดี๋ยวนี้!!”   เสียงกังวานเอ่ยสั่งอย่างร้อนลน ยิ่งเห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดินไปแบบนี้ก็มีแต่จะยิ่งเป็นห่วง

หนีออกไปทั้งๆร่างกายแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้เป็นอาหารของหมาป่ากันพอดี


มือข้างที่ไม่ได้ถือไม้เท้าถึงกับกำแน่น....

เด็กนั่นคงไม่เชื่อใจเขาอีกต่อไป...ที่หนีเขาไปแบบนี้มันก็ทำให้รู้แล้วว่า ตัวเขาในสายตาของเด็กนั่นก็คงจะไม่ได้ต่างไปจากเซอร์ทริลแรมเลย....เป็นคนที่ต้องหนีไปให้ไกล

หึ....ก็สมแล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป...จะไม่ได้รับการให้อภัยมันก็คงจะไม่แปลกเลย...


สองขาพาร่างสูงใหญ่ออกไปจากปราสาทพร้อมๆกับลูกน้อง แล้วแสงคบไฟก็ส่องไปทั่วทุกตารางนิ้วของป่าที่รายล้อมอยู่รอบปราสาทวอร์ริค



ต่อให้เจ้าจะไม่ให้อภัยเรา แต่อย่างน้อยก็ขอให้เราหาเจ้าพบอย่างปลอดภัยด้วยเถอะสเลน...















ลมหายใจเริ่มจะหอบถี่ขึ้นทุกทีๆ...ต่อให้ใจอยากจะหนีสักแค่ไหนแต่ร่างกายก็ช่างไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย

มือบางเกาะไปตามโคนต้นสนใหญ่ ทั้งๆที่คิดว่าเดินมานานแล้วแต่เมื่อหันกลับไประยะทางมันกลับไม่ได้ไกลขึ้นเลย

ที่ข้อเท้าที่เพิ่งถูกงูกัดรู้สึกปวดระบม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนีออกมาด้วยเท้าเปล่าหรือว่าพิษที่รอยเขี้ยวนั่นมันยังไม่หมดไปกันแน่ รู้แต่ว่าจะต้องก้าวขาต่อไป ถึงไม่คิดว่าจะมีใครออกมาตามหาเพราะเขามันก็แค่มดปลวกตัวเล็กๆ ปล่อยไปก็คงจะง่ายกว่าที่จะเกณฑ์คนออกมาไล่ล่า


ทว่า...


แสงไฟที่ส่องขึ้นฟ้าจากทั่วทุกสารทิศที่อยู่รอบๆปราสาทนั่นมันก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด...

แล้วยิ่งมันกระจายตัวออกอย่างรวดเร็วก็ยิ่งแน่ชัดแล้วว่าเคาท์ครูเทโอระดมกำลังคนทั้งหมดในปราสาทและอาจจะรวมไปถึงคนงานในไร่เพื่อออกมาตามจับตัวเขากลับไป



ปล่อยเขาไปไม่ได้หรอ.....



ความสุขที่เคยได้จากร่างกายของเขาแค่นั้นมันไม่พองั้นหรอ...จะต้องเห็นเขาทุกข์ทรมานอีกแค่ไหนผู้ชายคนนั้นถึงจะพอใจ...



เส้นทางตรงหน้าพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา เจ็บจนไม่รู้ว่ามันมาจากร่างกายหรือว่าหัวใจกันแน่รู้แต่ว่าเขาคงหนีไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว....

ทำไมตรงนี้ถึงไม่มีหุบเหวหรือแม่น้ำให้เขากระโดดลงไปกันนะ


ร่างทั้งร่างทรุดลงไปนั่งกอดเข่าซุกอยู่ในกอไฮเดรนเยียที่ไร้ดอก ยิ่งแสงไฟสาดเข้ามาใกล้นัยน์ตาสีมรกตก็ยิ่งปิดแน่น ยิ่งเสียงตะโกนเรียกใกล้เข้ามาเท่าไหร่สองมือก็ยิ่งยกขึ้นมาปิดที่สองหูอย่างไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก


อย่าเข้ามา....


อย่าจับเขากลับไป....


ไม่เอา...




กลัวแล้ว....




อย่าทำอะไรเขาอีกเลย.....






“ เจอตัวแล้วครับท่านเคาท์!!!

และแล้ว....ทางรอดสุดท้ายของเขาก็ถูกปิดไป...ด้วยร่างกายสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามายืนบังมันตรงหน้า....

เงาสีดำที่ทอดลงมาบนร่างกายของเขานั้นช่างยิ่งใหญ่เสียจนคิดว่าต่อให้หนียังไงก็คงไม่มีวันหนีพ้น...เขาคงมีแต่ต้องยอมจำนนอยู่ตรงนี้....









นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองร่างที่ขดตัวสั่นระริกอยู่ใต้กอไฮเดรนเยียด้วยหัวใจที่ปวดแปลบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหล่บางที่กำลังสั่นสะท้านนั่นต้องต่อต้านกับความกลัวแค่ไหนกันนะ ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจแต่แค่เขายื่นมือเข้าไปใกล้ก็คงจะเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายอีกแล้วสินะ


“ เพราะเราไม่เชื่อใจเจ้า เจ้าก็เลยไม่เชื่อใจเราด้วยเหมือนกันสินะ...สเลน”  

ร่างกายที่หยิ่งทระนงและไม่เคยคุกเข่าให้ใครกลับย่อตัวลงไปก่อนที่จะดึงร่างที่กำลังสั่นระริกนั่นเข้ามาไว้ในอ้อมแขน สองมือโอบกอดคนที่กำลังกลัวด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี....ต่อให้จะต้องใช้เวลาเยียวยาอีกนานแค่ไหน เขาก็จะทำ...


“ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม.....”


เสียงกระซิบอย่างปลอบโยนที่ดังอยู่ที่ใบหูทำให้คนที่กำลังสั่นกลัวจนสุดขั้วหัวใจถึงกับนิ่งงันไป

ทำไม....

ทำไมท่านเคาท์ถึงไม่ใช้กำลังบังคับให้เขากลับไปล่ะ? จะลากเขากลับไปเหมือนตอนที่ลากเขาไปขังไว้ในคุกใต้ดินก็ทำได้แท้ๆ


ทำไมถึงขอร้องเขาด้วยเสียงราวกับจะร้องไห้แบบนั้น....


ทำไม....


ทำไมกัน....


สองมือที่สั่นระริกถูกมือใหญ่กอบกุมเอาไว้อย่างแผ่วเบา ทำให้ใบหน้ามนค่อยๆเงยขึ้นไปมองอีกฝ่ายทั้งน้ำตา...แล้วนัยน์ตาสีฟ้าที่กำลังมองลงมาที่เขาด้วยแววอ้อนวอนนั้นมันก็ทำให้หัวใจที่กำลังหวาดผวาค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ

คนที่คิดจะยกเขาให้เซอร์ทริลแรมเอาไปขาย...จะมีแววตาแบบนี้ได้ด้วยหรอ?


“ ได้โปรด...กลับไปอยู่ข้างๆเราอีกครั้งได้ไหมสเลน....”


คำขอร้องที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงอ้อนวอนทำให้สองแขนโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่โดยไม่รู้ตัว...อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นโอบกอดร่างของเขาเอาไว้

ต่อให้จะยังกลัวแค่ไหน ก็ไม่อาจจะปฏิเสธหัวใจที่รักอีกฝ่ายได้เลย

ตลอดมาที่ยอมท่านเคาท์ทุกอย่างก็เพราะว่ารัก....รัก....


แล้วคราวนี้เขาก็ยอมอีกฝ่ายอีกครั้งจนได้....


ทั้งหมดก็เพราะคำว่า “รัก” เพียงคำเดียว....











ร่างโปร่งบางหลับอยู่บนเตียงแทบจะทั้งวันราวกับหัวใจที่ตึงเครียดมานานเริ่มจะผ่อนคลาย

มือใหญ่ลูบลงไปบนเส้นผมสีชาก่อนจะวางหนังสือในมือลง จะว่าไปแล้วเขาเองก็นั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วเช่นกัน

“ สเลน...”   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆ เพราะได้เวลาที่จะต้องตื่นแล้ว


วันนี้ที่ปราสาทวอร์ริคจะต้องต้อนรับแขกคนสำคัญที่จะมาทานอาหารเย็นด้วยกัน.....แขกคนสำคัญที่จะต้องจบเรื่องจบราวกันไปเสียที


“ อือ...”   เสียงงึมงำดังขึ้นมาจากใบหน้าที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ดวงตาสีมรกตนั่นก็ยังไม่ยอมเปิดขึ้นมา ท่าทางที่เหมือนลูกแมวขี้เซาทำให้เขาเผลอยิ้ม

“ ตื่นได้แล้ว...”  ปลายนิ้วบีบจมูกรั้นโยกไปมาจนนัยน์ตาสีมรกตยอมเปิดขึ้นมาจนได้

“ ท่านเคาท์.....”   เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากที่แทบจะไม่ได้เปิดมาทั้งวัน ร่างโปร่งบางค่อยๆลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางงัวเงีย

“ ลุกเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวเจ้าต้องลงไปร่วมโต๊ะทานอาหารกับเรา”   และพอพูดถึงตรงนั้นใบหน้ามนก็มีแววกังวลขึ้นมาทันที มือใหญ่จึงวางลงไปบนหัวสีชา

“ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เชื่อใจเราเท่านั้นก็พอ”   ใบหน้ามนเงยขึ้นมามองเขาก่อนจะพยักหน้ารับ




แล้วไม่นาน....ห้องทานอาหารของปราสาทวอร์ริคก็สว่างไสวไปด้วยเสียงเทียน...

โต๊ะกินข้าวตัวยาวมีอาหารจัดวางอยู่สามที่...ตรงหัวโต๊ะด้านเจ้าบ้านสองที่กับหัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่งที่...ของที่อยู่บนโต๊ะนั้นล้วนเป็นของชั้นดีจนที่คนมาใหม่เห็นแล้วถึงกับตาลุกวาว

“ เชิญ...”   เสียงกังวานของท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์เอ่ยเชิญเซอร์ทริลแรมให้นั่งลงไป

มื้ออาหารผ่านไปด้วยบทสนทนาที่ราบเรียบเกี่ยวกับเรื่องสัพเพเหระที่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้สนใจมากนัก...ก็แค่ตอบๆอีกฝ่ายไปตามมารยาทก็เท่านั้นเอง...เพราะจุดประสงค์ที่เขาเชิญเจ้าพ่อค้านั่นมามันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก...

“ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน”   เมื่อจานอาหารถูกยกไปเก็บเรียบร้อย บรรยากาศจึงดูเป็นทางการขึ้นมาแทนที่จะผ่อนคลายเหมือนมื้ออาหารทั่วๆไป เซอร์ทริลแรมเองก็ยกยิ้มเล็กน้อยอย่างที่พอจะรู้ว่าจุดประสงค์ที่ตนถูกเชิญมาในวันนี้คงไม่ได้มีแค่ทานมื้อค่ำเพียงอย่างเดียว

“ พ่อของสเลนกู้ยืมเงินของเจ้าไปเท่าไหร่?”   คำถามที่เจ้าของปราสาทวอร์ริคถามออกไปทำให้ใบหน้าของพ่อค้าถึงกับยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ต่างจากใบหน้ามนที่ผงะไปด้วยไม่คิดว่าท่านเคาท์จะพูดถึงเรื่องนี้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านเคาท์รู้เรื่องได้ยังไงทั้งๆที่เขาไม่เคยบอก

“ ก็.........”   เซอร์ทริลแรมทำท่านิ่งคิดก่อนจะเอ่ยตัวเลขที่มากกว่าที่ดินราวๆสองแปลงออกมา ซึ่งร่างโปร่งได้แต่ทำท่าจะคัดค้านเพราะนั่นมันมากเกินจริงไปไม่ใช่น้อย แต่มือใหญ่ก็ยกขึ้นห้ามเอาไว้

“ แล้วดอกของหนี้ก้อนนั้นที่เจ้าคิดจะให้เด็กนี่ชดใช้ล่ะ...เท่าไหร่?”   ถึงจะไม่ได้พูดออกไปตรงๆแต่คำถามมันก็หมายความว่า เซอร์ทริลแรมตั้งใจจะขายสเลนในราคาเท่าไหร่...คนเป็นพ่อค้าถึงกับหัวเราะออกมาเพราะถูกใจที่ท่านเคาท์แห่งวอร์ริคเชียร์ยอมเข้าใจถึงขนาดนี้


ริมฝีปากยกยิ้มจึงเอ่ยตัวเลขออกไป....ในราคาที่สามารถซื้อที่ดินได้เป็นร้อยแปลง....


“ ไปเอาเงินจำนวนเท่านั้นมาให้เซอร์ทริลแรม”   ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยบอกหัวหน้าพ่อบ้านทั้งๆที่สายตายังมองอีกฝ่ายนิ่งสนิท ท่าทางที่ไม่ได้สะทกสะท้านต่อเงินจำนวนมหาศาลนั่นมันยิ่งทำให้เจ้าของปราสาทวอร์ริคยืนอยู่เหนือกว่าหลายขุม


ไม่จำเป็นต้องต่อรองใดๆ เพราะสเลนมีค่ามากกว่านั้น....


“ ท่านเคาท์?!”   กลับเป็นร่างโปร่งบางที่มีสีหน้าตกใจ ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นตั้งใจจะเอ่ยทัดทาน ทว่ามือใหญ่ก็ยกขึ้นห้ามอีกครั้ง

“ เราจะชดใช้หนี้ก้อนนั้นให้ทั้งต้นทั้งดอกเพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปท่านห้ามเข้ามายุ่งกับเด็กนี่อีก” 

“ เขาเป็นของเราและเราจะไม่ไว้หน้าใครก็ตามที่คิดจะมาหยามเกียรติของเรา...หวังว่าท่านคงเข้าใจแล้วนะ...เซอร์ทริลแรม”   ใบหน้าและท่าทางที่ทรงอำนาจทำให้เซอร์ทริลแรมรีบตอบรับทันที ได้เงินขนาดที่ว่าไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วก็มีกินไปทั้งชาติมาแบบนั้นมีหรือใครจะอยากเสี่ยงตายมายุ่งกับคนของท่านเคาท์อีก

แขกที่ถูกเชิญมาหอบกระเป๋าใส่เงินใบใหญ่ออกไปจากปราสาท ในห้องทานอาหารจึงเหลืออยู่เพียงร่างสูงใหญ่และร่างโปร่งบางตามลำพัง

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองแผ่นหลังกว้างด้วยแววซาบซึ้งกึ่งเทิดทูน ทั้งๆที่เฝ้ากังวลมาเสียมากมายแต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่คิดกลับผิดไปหมด...ท่านเคาท์ไม่ได้คิดจะยกเขาให้เซอร์ทริลแรมเอาไปขาย แต่กลับเป็นฝ่ายจัดการสิ่งที่มันติดพันจนเขาไม่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสว่างอย่างแท้จริงได้นั่นให้

จากนี้ไปจะไม่มีเงาของผู้ชายเห็นแก่ได้อย่างเซอร์ทริลแรมมาคอยฉุดรั้งเขาไว้อีก

มีเพียงเงาร่างสูงใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่เขายินดีจะให้มันครอบงำ...ทั้งร่างกายและหัวใจ....


“ ท่านเคาท์”   เสียงนุ่มเรียกออกไปเบาๆทำให้ร่างสูงใหญ่หันมามองด้วยสายตาสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามร่างโปร่งบางก็ขยับมายืนอยู่ตรงหน้า...ก่อนจะคุกเข่าลงไป...

มือบางกอบกุมมือใหญ่ข้างหนึ่งเอาไว้ก่อนจะจุมพิตที่หลังมือแล้วแนบมันเอาไว้กับแก้มของตัวเอง

“ ขอบคุณครับ”   นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองคนในปกครอง มืออีกข้างขยับมาวางบนเส้นผมสีชาที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากมือของเขา ความเปียกแฉะที่รินรดลงไปบนหลังมือทำให้รู้ว่าเด็กนั่นกำลังร้องไห้


แต่ครั้งนี้มันคงจะไม่ใช่เพราะความเสียใจอีกต่อไปแล้ว…


“ จากนี้ไป...เจ้าคือคนของปราสาทวอร์ริค เป็นคนในตระกูลครูเทโอของเราอย่างเต็มภาคภูมิ ที่นี่คือบ้านของเจ้า ไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว จำเอาไว้ล่ะสเลน”   นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างเมื่อได้รับการยอมรับออกมาจากริมฝีปากที่แสนเย่อหยิ่งนั่น หัวใจดวงน้อยที่มีแต่รอยร้าวกลับสมานเข้าหากันจนแทบจะหายดี

ใบหน้ามนเงยขึ้นมองคนที่ยืนอยู่เหนือหัวด้วยรอยยิ้ม น้ำตาที่ปริ่มออกมานั้นมันคือน้ำตาแห่งความดีใจ ริมฝีปากจึงตอบรับออกไปสั้นๆแต่เป็นคำที่เขาแสนจะดีใจที่จะได้พูดมัน

“ ครับ...”



เพราะมันคือคำยืนยัน...ว่าจากนี้ไปเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่จริงๆเสียที


เป็นคนที่สามารถครอบครองกุหลาบแห่งวอร์ริคได้อย่างถูกต้องเสียที...







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.ไหม๊ถถถถถ



อร๊า~~~ อยากจะบินไปดาวอังคารรรรร >/////<


ปล่อยไอ้คนข้างบนนั่นละเมอไปค่ะถถถถถถถ

เพิ่งรู้ค่ะว่าคำว่าท่านเคานต์ อันที่จริงแล้วเขียนแบบนี้ถถถถถถถถ ไอ้เราก็เคาท์มาตลอดเบย กราบขอประทานอภัยเอาไว้แก้ในรวมเล่มทีเดียวแบ้วกันนะคะ TvT เล่มนี้แก้กันบานอ่ะ555555 คือไม่ค่อยคุ้นกับศัพท์แบบนี้เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีข้อมูลเลยค่ะ แต่เป็นเรื่องราวที่ชอบมว๊ากกกกกก >////<

ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกคอมเม้นต์ และทุกเสียงทวงเสียงกระตุ้นเสียงข่มขู่สารพัดสารเพด้วยนาคะ 555 โอยยย หมู่นี้โดนทวงจนไม่กล้าโผล่หน้าไปไหน หงึกๆๆ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^v ถึงจะเริ่มแฮปปี้ดี๊ด๊าแต่เรื่องนี้ยังไม่จบนะ อิอิ






5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2557 เวลา 05:53

    ฟินนาเร่~~~~~~~ //กู่ร้องแล้ววิ่งไปรอบบ้าน
    #ท่านเคาท์แบบ........บทจะดีนี่ก็.....//เอาใจหนูไป
    ในที่สุดน้องสเลนจะได้มีฟามสุขซักที ปลื้มปริ่มจีๆ ////////////////

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2557 เวลา 06:13

    เริ่ดค่าาาาาา ท่านเคาท์ใจดีแบบนี้หนูสเลนก็รักหมดใจเลยนะสิค่า *-*
    แอบคิดว่าสเลนจะไม่ยอมคืนดีด้วยแล้วซะอีก...//กะท่านเล่นไม่ฟังเลย
    แต่แบบนี้กะอบอุ่นดีนะคะ....แต่กะไม่มีฉาก sm นะสิ...//โดนไม้เท้าฟาด
    เราจะรอต่อไปค่าา (+ +)/

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2557 เวลา 20:22

    น่ารักกกกอะ อบอุ่น
    ท่านเค้าน์ใจดีมากกเลย
    >\\\\\<

    ตอบลบ
  4. น้ำตาซึมเลย ดีใจแทนสเลน ได้มีความสุขสักทีนะหนู ><

    ตอบลบ
  5. ฮือออ ตอนนี้ปวดใจไปกับสเลนมากๆ ค่ะ TvT แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ เคลียร์กันหมดแล้ว
    ในที่สุดท่านเคานต์ก็ยอมใจดีกับสเลนสักที แต่ตอนลงไปหาสเลนกับตอนที่สเลนหนีไป
    เพราะไม่ไว้ใจ แอบรู้สึกว่า ดีแล้ว ให้ท่านเจ็บปวดบ้าง ทำร้ายจิตใจสเลนมาหลายตอน
    //หลบไม้เท้า

    ตอนนี้แอบชอบฉากที่สเลนอยู่ใต้กอไฮเดรนเยีย ถ้าจำไม่ผิด ดอกไฮเดรนเดียมีความหมาย
    อยู่สองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ การตัดพ้อว่าเธอช่างเย็นชาเหลือเกิน กับขอบคุณที่เข้าใจกัน
    สินะคะ เข้ากับอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมากๆ เลยค่ะ

    ป.ล. ขออนุญาตนิดหนึ่งนะคะ ย่อหน้าที่สาม ทำไมถึงทรยศเขา
    แอบคิดว่า ไม้ยมก (ๆ) รัวไปนะคะ ;-; เท่ากับย้ำถึงสี่ครั้งเลยค่ะ
    แล้วก็คำว่า เซรุ่ม ใช้ ร นะคะ แอบเห็นว่าท่านใช้เป็น ล น่ะค่ะ

    ป.ป.ล. ขออภัยที่คอมเม้นต์ยาวด้วยนะคะ TvT อารมณ์มันพาไป
    คือฟิคท่านสนุกมากเลยค่ะ ภาษาก็ดีมากด้วย อ่านลื่นมากๆ เลย

    ตอบลบ