Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : RED FLAG#1


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : RED FLAG#1

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
       
    
         




กระดาษเอสี่หลายต่อหลายแผ่นถูกพลิกอ่านไปเรื่อยๆ นัยน์ตาสีฟ้ายังคงไล่มองตัวหนังสือที่เรียงรายอยู่บนนั้นอย่างไม่ได้สนใจว่ารถที่นั่งอยู่กำลังแล่นไปถึงไหน ปลายนิ้วหัวแม่มือถูกยกขึ้นมากัดราวกับกำลังครุ่นคิดทั้งๆที่กลุ่มคนซึ่งนั่งอยู่หลังรถตู้ต่างส่งเสียงเฮฮา


ยังไม่พอ...

แค่นี้มันยังไม่ดีพอสำหรับเฟอร์รารี่...


คนที่ได้ชื่อว่าทีมบอสของ Scuderia Ferrari หนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟอร์มูล่าวันยังคงจ้องเขม็งไปที่แผ่นกระดาษเหล่านั้นอย่างไม่ลดละ  สถิติและกราฟหลายอย่างที่ค่อยๆต่ำลงบ่งบอกว่าในไม่ช้ามันอาจจะถึงทางตัน  ถึงแม้ว่าห้าสนามหลังสุดจะได้ขึ้นโพเดี้ยมทุกครั้ง  แต่สิ่งที่เขาต้องการคือที่หนึ่งของสนามเท่านั้น  แค่ที่สองกับที่สามไม่ทำให้เฟอร์รารี่ดีกว่าใครๆได้หรอก

ยิ่งก้มลงมาดูรอบความเร็วที่รถวิ่งก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสวนทางกับนักขับ...นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองไปที่กระจกมองหลังซึ่งกำลังสะท้อนใบหน้าของนักขับคนปัจจุบัน....ที่ทำได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะว่ารถช่วยเอาไว้...ทั้งๆที่นักขับกับรถควรจะมีความสามารถเท่าๆกันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างพากันไปยังจุดสูงสุด แต่นี่กลับกลายเป็นว่ารถต้องมาคอยช่วยนักขับที่ฝีมือตามมันไม่ทัน...

อาจจะถึงขีดจำกัดของหมอนี่ที่จะเดินไปกับเฟอร์รารี่ได้แล้ว...และเขาก็ไม่เคยลังเลที่จะถอดคนที่ไร้ประโยชน์ออกไป


คงต้องเริ่มมองหานักขับคนใหม่ไว้บ้างแล้ว...










และนี่ก็คือ....เรื่องเมื่อสามปี....ก่อนที่เฟอร์รารี่จะมีนักขับชื่อรีไวกับโกคุเดระ ฮายาโตะ...








ถึงแม้พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไปแล้วแต่เมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างเมืองใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของอิตาลีก็ราวกับจะเพิ่งลืมตาตื่น ด้วยแสงไฟยามค่ำคืนที่ค่อยๆสว่างไสวสาดกระทบผู้คนที่เดินกันพลุกพล่านอยู่หน้ามหาวิหารแห่งมิลาน.....

ด้านหน้า Duomo de Milano ยังคงเป็นทั้งจุดนัดพบ ที่ต่อรถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ หลายๆคนมาต่อรถไฟเพื่อกลับบ้าน หลายๆคนมานั่งรอเพื่อนฝูงเพื่อเตรียมจะไปสังสรรค์ หลายๆคนเดินจูงมือกับคู่รัก และอีกหลายๆคนก็ถือว่าที่แห่งนี้คือที่ “ทำมาหากิน”

ร่างเล็กๆแลดูบอบบางจนแยกไม่ออกว่านั่นเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่เดินฝ่าเข้าไปในฝูงชน ฮูดสีดำที่ถูกยกคลุมหัวนั้นปิดบังทั้งเส้นผมและใบหน้าไปกว่าครึ่ง แต่เพราะเป็นเมืองหนาวประกอบกับเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่น การแต่งตัวแบบนี้จึงไม่ได้ถือว่าแตกต่างจากคนอื่นนัก สองมือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวก่อนจะก้าวขาไปอยู่ตรงหน้าโบสถ์โกธิคขนาดใหญ่ซึ่งถูกแสงไฟสาดส่องจนดูงดงามท่ามกลางหมอกที่ลงน้อยๆแบบนี้

ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้วสินะ...

อีกไม่นานคงจะหนาวจนทำอะไรลำบาก เพราะงั้นวันนี้ก็ควรจะจัดการให้จบๆไปซะดีกว่า

ใบหน้าที่โผล่ออกมาจากเงาของฮูดแค่ปลายคางละจากสถานที่ของพระผู้เป็นเจ้าที่เขาไม่เคยได้รับความรัก...ต่อให้มายืนมองอย่างอ้อนวอนสักกี่ครั้งก็ไม่มีประโยชน์...ไม่มีมีมือแห่งศรัทธาที่ไหนจะยื่นเข้ามาช่วย


มีแต่ตัวเองเท่านั้น...ที่จะทำให้ลมหายใจยืนยาวออกไปได้

มีแต่ตัวเองเท่านั้น...ที่จะทำให้ไม่ต้องทนหนาว ทนหิว


หากจะศรัทธา...เขาก็เลือกที่จะเชื่อในตัวเองมากกว่าพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน...

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ในโบสถ์...เคยมีความเชื่อ เคยมีความศรัทธา...

แต่เวลากับเรื่องเลวร้ายที่ต้องพบเจอก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป....เปลี่ยน...จากดวงตาที่เคยสดใสให้มีแต่ความมืดมัว...


ร่างในฮูดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มยังคงเดินเข้าไปในฝูงชน นัยน์ตาที่อยู่ภายใต้เงาแห่งความมืดสอดส่องมองหาเป้าหมายของคืนนี้ไปเรื่อยๆ ถึงสิ่งที่ทำอยู่จะอันตรายและไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่หากไม่ทำก็อดตาย...แน่นอนว่าเขาคงไม่เลือกทางนั้น...ในเมื่อความดีมันไม่ได้ทำให้มีชีวิตรอดอยู่ได้ในเมืองที่โหดร้ายอย่างมิลาน

แล้วสองขาที่เดินไปเรื่อยๆก็ค่อยๆก้าวช้าลง...เมื่อนัยน์ตาคมกล้าเจอเหยื่อของคืนนี้แล้ว....







ร่างสูงใหญ่ของทีมบอสแห่งสครูเดอเลียเฟอร์รารี่ก้าวขาลงมาจากรถเป็นคนสุดท้าย เพราะ Monza สนามแข่งรถสูตรหนึ่งของอิตาลีที่เพิ่งแข่งเสร็จไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วอยู่ใกล้กับมิลาน พวกเขาจึงเข้ามาหาข้าวกินเพื่อเฉลิมฉลองที่ได้ที่สองของสนามนี้กันที่นี่

เอาเถอะ...ถึงทีมบอสอย่างเขาจะไม่ได้พอใจกับผลงานนัก แต่จะไปทำให้ลูกทีมเสียกำลังใจมันก็คงไม่ใช่...สองขาจึงก้าวเดินตามกลุ่มคนที่ยังอยู่ในชุดสีแดงอย่างพยายามผ่อนคลาย


“ เฮ้ย?!!!


แต่แล้วเสียงโวยวายที่ดังมาจากหัวขบวนก็ทำให้ร่างกายตื่นเกร็ง ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองหันไปมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ หยุดนะโว้ยไอ้เด็กบ้า! เอากระเป๋าชั้นคืนมา!!!”   เป็นเสียงของนักขับประจำทีมของเขาเอง ทั้งคำพูดและเสียงตะโกนอย่างตระหนกตกใจทำให้รู้ว่าคงเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ


พวกหัวขโมยงั้นหรอ?


ถึงจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในอิตาลียิ่งกับสถานที่ที่คนพลุกพล่านอย่างหน้ามหาวิหารแห่งมิลาน แต่ก็นับว่าเจ้าหัวขโมยนั่นกล้าดีไม่เบาที่เดินเข้ามาล้วงกระเป๋าพวกเขาที่มาอย่างไม่คิดจะปิดบังว่าตัวเองเป็นใครในเมื่อทุกคนยังอยู่ในชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่

“ แก!! บอกให้หยุดไงวะ!”  นักขับเลือดร้อนของเขาวิ่งตามไปอย่างไร้หัวคิดทันทีและนั่นมันก็ทำให้ลูกทีมของเขาต้องวิ่งตามไปด้วย

ร่างสูงใหญ่นับสิบวิ่งแหวกฝูงชนที่กำลังมีท่าทางงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นไป เสียงตะโกนโวยวายไล่หลังมาจนใบหน้าที่อยู่ภายใต้ฮูดสีดำถึงกับเม้มริมฝีปาก หัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่ใต้อกเสื้อไม่ได้เต้นเพราะความตื่นกลัวแต่มันเป็นเพราะต้องออกแรงวิ่งด้วยความเร็วสูงต่างหาก

ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับการที่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมย...

ร่างบอบบางอาศัยความเล็กของลำตัวมุดหนีไปตามผู้คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่ต้องปะทะไปกับร่างกายที่ยืนขวางอยู่ หลายต่อหลายครั้งก็ถูกเสียงกรีดร้องตะโกนใส่หู แต่ไม่ว่าจะเกือบถูกมือที่ไล่ตามมาจับได้สักกี่ครั้งเขาก็ยังหลบหลีกมันมาจนได้...ลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นไอไม่ได้ทำให้สองขาหยุดวิ่ง นัยน์ตาสอดส่องมองหาอะไรบางอย่างที่น่าจะใกล้เข้ามา


เอี๊ยดดดด!!!


เสียงเบรกทำให้ผู้คนที่เดินกันอยู่เต็มถนนถึงกับถลาหลบโดยอัตโนมัติ รถประกอบเองเก่าๆโทรมๆวิ่งฝ่าเข้ามาอย่างไม่ได้สนใจเลยว่ามันอาจจะไปชนใครเข้า


ปรี๊นนน!!


เสียงแตรลากยาวทำให้ร่างบอบบางในฮูดสีดำกระโดดหลบหัวจ่ายน้ำก่อนจะออกแรงวิ่งให้เร็วขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมอง...

มาแล้วสินะ...

ร่างบอบบางเลี้ยวเข้าไปที่หัวมุมถนน ถ้าเป็นทางแถวนี้ละก็ไม่มีวันที่พวกนั้นจะรู้ดีไปกว่าหนูโสโครกที่อยู่ที่นี่มาหลายปีแบบเขาหรอก...ผู้คนที่เริ่มบางตาทำให้สองขาวิ่งได้ไวขึ้น เสียงตะโกนไล่หลังดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลเมื่อเขาเลี้ยวเข้าตรอกไปอีกหลายตรอก  จุดนัดพบที่อยู่อีกไม่ไกลทำให้กลั้นใจวิ่งจนเต็มแรง...แต่ทว่า...ก่อนที่จะไปถึงอีกเพียงไม่กี่ก้าว...


หมับ!!!


ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่ๆของใครบางคนจับเอาไว้ก่อนที่ลำตัวบางจะถูกกระชากไปตามข้อมือที่ถูกจับกุม

แรงกระชากที่มีไม่น้อยทำให้ฮูดสีดำสะบัดจนคนจับมองเห็นปลายผมสีเงินสะท้อนเข้ามาในดวงตา...ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ปลายคางกับปลายผมก็ทำให้ทีมบอสของเฟอร์รารี่พอจะเดาได้ว่าเด็กตรงหน้ามีหน้าตาที่ไม่เลวเลย

“.......!”   ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่นก่อนจะพยายามสะบัดข้อมือ แต่ร่างสูงใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องร่างที่เล็กกว่าตัวเองมากอย่างแปลกใจที่เด็กนี่ดูจะไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าไหร่ถึงแม้จะถูกจับตัวได้แบบนี้ ดูจากที่ไม่มีเสียงตะโกนบอกให้ปล่อยหรือโวยวายให้ใครมาช่วย


ปรี๊นนนนน!!!


แล้วเขาก็เข้าใจ...ว่าทำไมเด็กนี่ถึงไม่กลัว

รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมๆกับเสียงแตรดังลั่น  ไฟที่ส่องมาเต็มหน้าทำให้เขาต้องยกมือขึ้นป้องตา นอกจากแสงสว่างจ้าเขาก็เห็นเพียงแต่รถที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดจนคิดว่าคงถูกชนตายแน่ๆ...แต่แล้วชั่ววินาทีที่กันชนเก่าๆนั่นจะชนเขา 


เอี๊ยดดด!!! 


มันกลับหยุดลงแบบเส้นยาแดงผ่าแปด โลหะสีถลอกของกันชนอยู่ห่างจากหน้าท้องของเขาไม่ถึงสามเซ็นต์  หัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่นี้ไม่รู้ว่ามันเต้นอยู่ที่แผ่นอกซ้ายหรือว่าที่ตาตุ่ม ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยืนมองหน้ารถด้วยความตะลึงงันจนข้อมือที่จับเอาไว้สะบัดหนีไปโดยที่ไม่รู้ตัว

ร่างบอบบางเทคตัวกลิ้งไปบนกระโปรงรถก่อนจะกระโดดลงไปที่ประตูข้างคนขับแล้วโหนตัวเข้าไป  ก่อนที่รถคันนั้นจะกระชากตัวถอยหลังทั้งๆที่ประตูรถยังไม่ทันจะปิดดี  เสียงเบรกดังลั่นพร้อมกับควันขโมงเมื่อรถเก่าๆนั่นดริฟท์หมุนตัวกลับก่อนจะพุ่งทะยานออกไป ทั้งความเร็วและการตัดสินใจทำให้ทีมบอสของเฟอร์รารี่ถึงกับยืนนิ่งค้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา

ไม่ใช่แค่ใจเด็ดอย่างดียว แต่การขับรถแบบนั้นมันต้องมีเทคนิค

การกะเวลาเบรกเองก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

คนขับรถคันนั้นไม่ใช่แค่ตั้งใจจะขับมารับเด็กนั่นอย่างเดียว...แต่ใช้การขับรถพุ่งเข้ามาข่มขู่เขา ทำให้เขาปล่อยมือของเด็กคนนั้นด้วยความตกใจเพราะคิดว่าจะถูกชน อีกทั้งยังทำให้เด็กคนนั้นหนีไปได้ง่ายขึ้นด้วย

เป็นการขับรถที่ไม่มีเสียเปล่าเลยจริงๆ....


นี่มัน......











“ หืดขึ้นคอเลยนะ”  เสียงทักดังมาจากหลังพวงมาลัย จากความเร็วที่ลดลงทำให้รู้ว่าคนขับกำลังอารมณ์ดี

“ พวกนั้นเป็นนักกีฬา....”  ร่างบอบบางพูดไปหอบไป มือเลิกฮูดให้หลุดออกจากหัวทำให้เส้นผมสีเงินเป็นประกายปรากฏแก่สายตา กระเป๋าเงินที่ไปฉกเอามาได้ถูกดึงออกมาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะอ้ากระเป๋าออก ใบหน้าสวยก้มลงไปมองปึกธนบัตรที่อยู่ในกระเป๋า ถึงรูปหน้าจะยังเย็นชาไม่เปลี่ยนแต่แววตาพึงพอใจก็ปรากฎอยู่ในดวงตาสีมรกต

“ หึ...มันก็เป็นเพราะนิสัยที่ไม่ยอมล้วงกระเป๋าผู้หญิง คนแก่และเด็กของแกเองไม่ใช่หรือไง ฮายาโตะ   ใบหน้าสวยหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆพลางเม้มริมฝีปาก

“ นายก็ไม่ทำไม่ใช่หรอ รีไว”   จากนั้นก็มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอตอบรับกลับมาก่อนที่ความเงียบงันจะเข้ามาปกคลุมอยู่ภายในรถ

เพราะสำหรับพวกเขาสองคน...ไม่มีอะไรต้องพูดกันมากมายนัก


รถเก่าๆที่พวกเขาปรับแต่งมันขึ้นมาเองวิ่งเข้าไปในย่านที่ไม่มีคนดีๆที่ไหนอยากจะเข้าไป แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะแหล่งเสื่อมโทรมที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และกฎหมายใช้ไม่ได้ผลแบบนี้แหละที่ทำให้พวกเขามีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

และเพราะมันเป็นย่านสลัมที่ทางเดินยังแทบไม่มี รถของพวกเขาจึงจำต้องคลานเข้าไปเพราะใช้ความเร็วมากไม่ได้ ที่หัวถนนเต็มไปด้วยซ่องชั้นต่ำ แสงไฟสลัวๆทำให้หน้าตาดูไม่ค่อยจะได้ของโสเภณีที่ยืนเรียกแขกพวกนั้นพอจะดูได้ขึ้นมาบ้าง ใบหน้านิ่งของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันในรถ...บอกตามตรงว่าเจ้าฮายาโตะของเขายังสวยกว่ายัยพวกนั้นเยอะ

“ รีไว~~~ วันนี้ไม่แวะหน่อยหรอ?”  เสียงที่ดัดให้หวานไม่ได้ทำให้ใบหน้านิ่งหันไปมอง ร่างอวบอิ่มถือวิสาสะเท้าแขนลงบนขอบหน้าต่างรถที่เปิดโล่ง เนินอกที่เห็นเป็นร่องแลดูยั่วเย้าแต่มันใช้กับเขาไม่ได้ผล

“ เกะกะ ถอยไป”  ใบหน้านิ่งปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย อันที่จริงก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยนอนกับยัยพวกนี้...ถ้าอยากขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้...และยัยพวกนี้ก็พร้อมจะบริการให้ฟรีๆ คงจะเป็นเพราะความหนุ่มแน่นและหน้าตาที่หาได้ยากในย่านนี้ทำให้เขาเป็นที่กล่าวถึงพอสมควร

แต่ทุกครั้งที่ทำมันกลับจบลงด้วยความน่าเบื่อ....

ไม่มีใครมัดใจเขาได้ ไม่มีใครทำให้เขาอยากทำจนไม่อยากจะลุกจากเตียง...

เพราะแบบนั้น เขาถึงได้ยังอยู่กับเจ้าฮายาโตะตามลำพัง


ร่างบอบบางกระโดดลงจากรถเมื่อมันมาหยุดลงที่หน้าโกดังเก่าๆหลังหนึ่ง ประตูม้วนถูกเลื่อนขึ้นไปให้รถเข้าไปจอด ถึงแม้แหล่งเสื่อมโทรมแห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตราย มีทั้งคนจรจัด คนติดยา คนค้าประเวณี ทั้งสปกรกโสโครกยิ่งกว่ารังหนู...แต่มันก็เป็นที่ซุกหัวนอนของคนที่ไม่มีที่ไปอย่างพวกเขา

ขาเรียวก้าวตามเข้ามาก่อนที่โคมไฟเก่าๆจะค่อยๆกระพริบสองสามทีกว่าจะติด ภาพภายในโกดังปรากฏแก่สายตา มันไม่ได้กว้างใหญ่เพราะแค่รถจอดคันเดียวก็เต็มแล้ว ซ้ำผนังยังเป็นสังกะสีผุๆ บันไดเหล็กสำหรับเดินขึ้นไปบนชั้นลอยซึ่งใช้เป็นที่ซุกหัวนอนก็เต็มไปด้วยสนิม แต่ถึงมันจะทั้งเล็กทั้งโทรม ยังไงมันก็คือบ้านของพวกเขา

แค่นี้ก็ดีกว่าตอนที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนั้นพวกเขายังเด็ก ไม่มีทั้งแรงทั้งกำลังที่จะทำอะไรได้ ต้องเร่ร่อนหาที่นอนไปตามมุมตึกบ้าง ลังเก่าๆบ้าง ข้างกองขยะพวกเขาก็เคยนอนมาแล้ว...จากมือคู่เล็กๆที่ใสสะอาดกลับค่อยๆเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่...หากตัวเองไม่สู้ก็คงต้องเป็นแบบนั้นไปจนวันตาย...ภาพของคนจรจัดที่นอนราวกับศพเน่าๆที่ข้างถนนทำให้ไม่อยากจะให้ตัวเองมีสภาพน่าอนาถแบบนั้น ยิ่งหันกลับไปมองคนที่ถูกลากให้ติดร่างแหมาด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ควรจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้

ในเมื่อเขาเป็นคนที่ไม่ยอมให้มัจจุราชเอาตัวฮายาโตะไป...เป็นคนที่เอื้อมมือออกไปยื้อแย่งเอาไว้จนต้องแลกมาด้วยแผลเป็นบนแผ่นหลัง...เพราะฉะนั้นเขาจะต้องรับผิดชอบ

จากนั้นมาเขาก็ละทิ้งความหยิ่งทระนง ทิ้งมันไปซะศักดิ์ศรีที่จะทำให้ต้องหิวตาย...ทำยังไงก็ได้ให้ได้เงินมา ไม่ว่าจะลักเล็กขโมยน้อยฉกชิงวิ่งราว เขายอมทำทุกอย่าง...แรกๆก็มีอยู่บ้างที่ไปทับเส้นของพวกที่คุมแถวนี้อยู่...เคยโดนอัดจนลุกไม่ขึ้นไปหลายวันก็มี เคยทำให้นัยน์ตาสีมรกตหลั่งน้ำตาออกมาก็มี...และเพราะว่าไม่อยากจะเห็นมันอีก เขาจึงสาบานกับตัวเองว่าจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร จะไม่ให้ใครมารังแกมาทำร้ายให้ได้

พวกเขาใช้ชีวิตบัดซบแบบนั้นอยู่หลายปี เงินที่ได้มามันก็พอกินบ้างแต่ก็มีหลายครั้งที่ต้องหิวโซ เพราะถึงจะหากินอย่างไม่สุจิรตแต่ก็มีแค่เรื่องยาเสพย์ติดเท่านั้นที่เขาสาบานว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง ทั้งๆที่มันเป็นหนทางที่จะหาเงินมาได้ง่ายที่สุดแล้วก็มากที่สุด

แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่การขายยาที่ได้เงินดีอยู่อย่างเดียว...การพนันที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน....มันก็เป็นอีกอย่างที่ได้เงินดีไม่แพ้ใคร


จะตายก็ช่าง...ขอแค่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ต้องทนหิวทนหนาว...เท่านั้นก็พอ


เพราะคิดแบบนั้น...พวกเขาจึงก้าวเข้าไปในวงการพนันรถอย่างไม่ลังเล...




ร่างแข็งแกร่งนั่งลงไปที่กระโปรงรถก่อนจะรับกระเป๋าตังค์มาจากร่างบอบบางที่เดินไปยังเคาน์เตอร์ครัวอย่างไม่สนใจจะเก็บเงินนั่นเอาไว้ มือบางหยิบแก้วน้ำหนึ่งในสองใบไปรองน้ำจากก๊อกก่อนจะดื่มมันลงคอ เคาน์เตอร์ครัวมีเพียงจานสองสามใบวางเอาไว้ ไม่มีทั้งตู้เย็นทั้งอุปกรณ์ทำครัว ก็นับว่ายังดีที่ทุกส่วนในสถานที่เก่าๆนี้มันยังสะอาดสะอ้านและไม่มีอะไรมาซุกๆเอาไว้ให้งูหรือหนูมาอาศัยเหมือนที่อื่นๆในย่านนี้

“ เยอะเลยนะเนี่ย..ไอ้หมอนั่นท่าทางจะรวยแหะ”   มือแข็งแรงนับธนบัตรปึกหนาที่ร่างบอบบางไปฉกมา ถ้าคิดไม่ผิดกลุ่มคนที่ใส่ชุดสีแดงนั่นน่าจะเป็นพวกนักแข่งรถของทีมเฟอร์รารี่?....แล้วบัตรนักแข่งที่อยู่ในกระเป๋าก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี

หึ...ต่างกันมากเลยนะ...

พวกนักขับที่ถูกกฎหมายกับนักแข่งพนันรถที่ไร้อนาคตอย่างพวกเขา....

“ รีไว...ประตูนี่มันจะหลุด...”   ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินหันมามองจากที่หน้าประตูห้องน้ำ เพราะเหตุการณ์ในอดีตทำให้ใบหน้าที่ควรจะสดใสสมวัยกลับเย็นชาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับโลกที่สกปรกใบนี้...จะมีก็เฉพาะบางเวลาเท่านั้นแหละที่เจ้าเด็กตรงหน้าจะเลือดร้อนขึ้นมา...

“ เอาพิงไว้อย่างงั้นก่อนแล้วก็ออกมาไกลๆ เดี๋ยวมันก็ล้มทับเอาหรอก พรุ่งนี้ไปตามเดลมาซ่อมให้ซะ”  ใบหน้าสวยพยักรับช้าๆก่อนจะเดินออกมาห่างๆ

ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะอยู่ที่แบบนี้ตลอดไปหรอกนะ เพราะงั้นเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายพวกนั้น...พวกเขาจะใช้มันเพื่อออกไปจากที่นี่


ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่า...เด็กกำพร้าที่เติบโตมาในโคลนตมอย่างพวกเขา....จะมีที่ไหนในโลกอันกว้างใหญ่ยอมอ้าแขนต้อนรับบ้าง...













อันที่จริงแค่บัตรนักแข่ง...ไปแจ้งว่าหายแล้วจะทำใหม่สักกี่ใบก็ยังได้...เพียงแต่...มันมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจของเขา...จนต้องก้าวขามาถึงสถานีตำรวจของมิลาน


การขับรถแบบนั้น....มันสลัดให้หลุดออกไปจากหัวไม่ได้จริงๆ...


“ ผมแค่อยากได้เอกสารในกระเป๋าคืน เงินไม่ต้องก็ได้”   ดูท่าทางบารมีของทีมบอสเฟอร์รารี่จะทำให้ตำรวจที่ดูจะทำงานกันอย่างเอื่อยเฉื่อยหันมาสนใจได้บ้าง นายตำรวจที่รับเรื่องจึงลงบันทึกอย่างตั้งใจ

“ พอจะจำได้ไหมครับว่าหน้าตาเป็นยังไง”

“ อืม...มันมืดมากจนมองไม่เห็นหน้าเลยครับ...รู้แต่ว่าตัวเล็กๆบางๆ...แล้วก็ผมสีเงิน”

“ ผมสีเงิน?!  มือที่กำลังเขียนบันทึกชะงักไปเมื่อเขาบอกลักษณะเด่นที่จำได้ดี...ว่าปลายผมที่แล่บออกมาจากฮูดสีดำยามที่มันสะท้อนแสงจันทร์นั่นมันสวยงามขนาดไหน...แล้วก็ดูท่าว่าลักษณะเด่นนั่นจะทำให้นายตำรวจตรงหน้ามีท่าทางกังวลจนเขาสงสัย

“ อ่า...ครับ?”

“ ........ไปเจอตัวปัญหาเข้าให้แล้วสิคุณเอลวิน....ดูท่าจะยุ่งยากหน่อยนะงานนี้”   ตัวปัญหา? ที่ว่าตัวปัญหานี่คือเด็กผมเงินตัวเล็กๆนั่นหรือว่าคนที่ขับรถกันแน่? เพราะดูท่าทางจะแสบสันพอกันทั้งคู่

“ ครับ?”

“ โฮ้ย....นายพอจะรู้ไหมว่าไอ้พวกนั้นจะพนันรถกันอีกทีเมื่อไหร่?”   นายตำรวจตรงหน้าหันไปตะโกนถามเพื่อนตำรวจที่นั่งหาวหวอดอยู่ข้างใน แล้วก็ได้คำตอบกลับมาว่า

“ คิดว่าคืนนี้ก็น่าจะมีนะ พวกมันโดนเจ้าสองตัวปัญหานั่นกินเรียบเลยแก้มือกันแทบทุกคืนแหละ ไม่เข็ดกันเลยจริงๆ”

“ อ่า...คุณกลับไปก่อนก็ได้นะครับคุณเอลวิน เดี๋ยวคืนนี้ผมจะพยายามไปเจรจาเอาคืนมาให้”   นายตำรวจทำหน้าระอาที่ต้องเข้าไปทำหน้าที่นี้ แต่ทีมบอสร่างสูงใหญ่กลับตาเป็นประกายกับสิ่งที่ได้ฟัง

“ ......ที่คุณตำรวจบอกว่าพนันรถนี่มัน....”

“ ก็...นั่นแหละ....ผมคิดว่าคนที่ล้วงกระเป๋าคุณไปน่าจะเป็นหนึ่งในแก๊งซิ่งกวนเมืองที่อยู่ในย่านแหล่งเสื่อมโทรมน่ะครับ และพวกมันจะแข่งรถกินเงินพนันกันบนถนนทางหลวงตอนกลางคืนน่ะ....บอกตามตรงนะ พวกนี้มันน่ารำคาญจนตำรวจอย่างเรายังไม่อยากจะไปยุ่งด้วยเลยครับ”

“ หมายความว่าคุณจะเข้าไปตอนที่เค้าแข่งรถกันอย่างงั้นใช่ไหมครับ?!   น้ำเสียงที่เก็บอาการตื่นเต้นแทบไม่อยู่เอ่ยออกไป...ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะได้เห็นการขับรถแบบนั้นอีกครั้งเร็วขนาดนี้

“ อ่า...ใช่ครับ...ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปตามหาหมอนั่นในย่านแหล่งเสื่อมโทรมเท่าไหร่ มันสกปรกโสโครก โอ้ย สารพัด”  คงต้องขอบคุณความขี้เกียจของตำรวจอิตาลีจริงๆที่ทำให้เขาอาจจะไปเจอเพชรเม็ดใหญ่ในโคลนตมนั่นเข้า เพราะงั้นริมฝีปากจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ลังเล

“ ผมขอไปด้วยครับ!

“ หะ...อ่า...ก็ได้อยู่นะครับ....”   คุณตำรวจได้แต่อึ้งไป แต่ทีมบอสของเฟอร์รารี่นั้นกลับมีประกายอยู่ในดวงตาจนเต็มเปี่ยม


อยากเห็น....

อยากเห็นการขับรถแบบนั้นอีกสักครั้ง...

แล้วเขาจะได้ตัดสินใจ...ว่าคนคนนั้นดีพอที่จะดึงเข้ามาเป็นนักขับของเฟอร์รารี่หรือเปล่า















แสงอาทิตย์สว่างสดใสสมกับเป็นวันที่อากาศดีกำลังลอดผ่านฟันเฟืองพลาสติกที่ถูกยกส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ ฟันมันบิ่นไปหน่อยนี่นา....”   นัยน์ตาสีมรกตกลมโตหรี่ลงข้างหนึ่งก่อนจะพินิจพิจารณาเฟืองเล็กๆหนึ่งในชิ้นส่วนของรถบังคับวิทยุคันจิ๋วที่ใครๆต่างก็คิดว่ามันเป็นแค่ของเล่น

แต่สำหรับ เอเลน เยเกอร์ มันคือสิ่งที่จริงจังยิ่งกว่าอะไรในชีวิต!

ในเมื่อตั้งแต่เกิดมาก็มีทุกอย่างครบสมบูรณ์อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาอะไรอีก จึงมีเพียงชัยชนะเล็กๆที่ต้องอาศัยมือของตัวเองสร้างขึ้นมานี่แหละที่ต้องการ


ฟุ้บ!!


เงาดำๆของอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหน้าไป ทำให้คนที่กำลังยืนส่องเฟืองอยู่ถึงกับชะงักและกว่าจะรู้ตัวอีกที...เฟืองในมือก็หายไปแล้ว

“ อะ?!!”   ใบหน้ามนที่หลายๆคนชมว่าน่ารักหันไปหันมา ก่อนจะเห็นตัวต้นเหตุวิ่งฉิวหนีไปทางมุมตึก

“ แก!!”   สองขาวิ่งตามเจ้าแมวสีดำสนิทตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กนั่นไปทันที ความปราดเปรียวทำให้คนวิ่งตามได้แต่ตะโกนไล่หลัง

“ เอาคืนมานะเจ้าแมวขโมย! นี่!! บอกให้หยุดไง!!”   ยังดีที่ตอนนี้โรงเรียนเอกชนชื่อดังของโบโลญญ่าแห่งนี้ไม่มีใครอยู่แล้วเพราะเลยเวลาเลิกเรียนมาพอสมควร ทำให้ต่อให้เสียงโหวกเหวกจะดังแค่ไหนก็ไม่มีใครโผล่หน้าออกมาตะโกนด่า...แต่ถึงใครจะว่ายังไงคนที่กำลังวิ่งไล่แมวอยู่นั่นก็คงจะไม่สนใจ...ทั้งๆที่มีรูปร่างหน้าตาที่จัดได้ว่าน่ารักมาก แต่ปากดีๆที่ไม่เคยยอมใคร นิสัยก็ดื้อดึงไม่เคยยอมแพ้ทำให้คนที่คิดจะเข้ามาตีสนิทด้วยเพราะฐานะทางบ้านและหน้าตาในสังคมต่างยกธงขาวก่อนจะถอยหนีกันเป็นแถบ

“ บอกให้คืนมาไง!”   ร่างเล็กๆไปหยุดยืนหอบแฮ่กอยู่ใต้ต้นเมเดนแฮร์ที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามทั้งต้น เจ้าแมวสีดำกระโดดขึ้นไปนั่งมองลงมาอยู่บนกิ่งไม้ที่อยู่สูงขึ้นไปให้คนที่เงยหน้าได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ เอาคืนมานะ!! นั่นมันไม่ใช่อาหาร แกกินเข้าไปละก็ท้องเสียแน่! นี่! บอกให้คืนมาไง! 

แต่เจ้าแมวก็ยังนั่งเฉยซ้ำยังมองลงมาด้วยสายตาที่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้คิดว่ามันช่างกวนประสาทเสียเหลือเกิน ร่างทั้งร่างจึงพยายามกระโดดสุดตัวเพื่อแย่งเฟืองคืน และก็ดูเหมือนเจ้าแมวกวนประสาทนั่นจะเลือกไปนั่งอยู่บนกิ่งที่สูงกว่ามือของเขาแค่นิดเดียว

“ แกนะแก...เอา...คืน...มา...ฮึบ!”   ร่างเล็กยังคงกระโดดเหยงๆอย่างไม่ยอมแพ้และเพราะว่าแหงนหน้ามองขึ้นไปจึงได้เห็นใบของต้นเมเดนแฮร์ค่อยๆปลิวร่วงลงมาหาตัวเองนัยน์ตาสีมรกตจับจ้องไปที่ใบสีเหลืองมากมายซึ่งกำลังโปรยปรายลงมา...ผ่านใบหน้า...ผ่านสองมือ...ผ่านร่างทั้งร่างของเขา...ก่อนที่จะกระจายลงสู่พื้น


มันช่างเป็นภาพที่สวยงาม....จนเผลอหยุดยืนมองโดยไม่รู้ตัว....

เจ้าเหมียวนั่น...ตั้งใจพาเขามาดูนี่งั้นหรอ?


ไม่น่านะ....ใบหน้ามนส่ายไปมาเมื่อเห็นเจ้าตัวต้นเหตุค่อยๆกระโดดลงมาจากต้นไม้ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วคายเฟืองคืนอย่างนึกจะง่ายก็ง่าย

แต่ด้วยภาพอันตระการตาที่ได้เห็นทำเอาโกรธมันไม่ลงจนร่างเล็กได้แต่นั่งยองๆลงไป มือยื่นออกไปเกาคางมันช้าๆด้วยรอยยิ้ม

“ ชั้นไม่มีอาหารแมวหรอกนะ แต่ว่ามี.....เอ....เดี๋ยวนะ.....”  มือเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะควานหาอะไรบางอย่าง ห่อแครกเกอร์ถูกหยิบออกมาก่อนจะถูกบิเป็นชิ้นเล็กๆใส่ฝ่ามือ เจ้าแมวสีดำขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะแล่บลิ้นออกมาเลียแครกเกอร์เข้าปาก ความสากของลิ้นแมวทำให้ใบหน้ามนเผลอหัวเราะออกมา

“ ขอบใจที่นายทำให้ชั้นได้เห็นภาพสวยๆนะเจ้าเหมียว”   ถึงแม้แครกเกอร์จะหมดไปจากฝ่ามือแล้วแต่ร่างเล็กก็ยังไม่ลุกไปไหน ปลายนิ้วยังคงเกาคางนิ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ คุณหนูครับ...คุณพ่อมารับแล้วครับ”   จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูจึงรู้ว่าคนขับรถของที่บ้านเดินมาตามหาจนถึงที่นี่

“ อ๊ะ! ครับ”  ฝ่ามือเล็กลูบหัวสีดำเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้ามนก้มลงมามองเจ้าเหมียวด้วยรอยยิ้ม

“ ชั้นไปก่อนนะ”



คนขับเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้วขาเรียวจึงก้าวเข้าไป เสียงประตูปิดลงเบาๆก่อนที่รถหรูราคาแพงระยับจะค่อยๆขับออกไปจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่างเชื่องช้า....ทั้งตึกเรียนที่เป็นสไตล์เรเนซองส์ซึ่งบ่งบอกความเป็นอิตาลีแท้ๆ ทั้งอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ได้รับการดูแลอย่างดีพวกนี้ล้วนบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าโรงเรียนแห่งนี้ถือเป็นโรงเรียนคุณหนูเพียงไม่กี่ที่ในอิตาลีเลยก็ว่าได้

“ หิวหรือยังเอเลน? กินเค้กนี่รองท้องก่อนไหม?”  คนเป็นพ่อเอ่ยทักเมื่อลูกชายเพียงคนเดียวนั่งลงข้างๆเรียบร้อยแล้ว

“ ว้าว...นี่มันเค้กที่ต้องไปต่อแถวซื้อมาไม่ใช่หรอครับ?”   นัยน์ตาสีมรกตที่เป็นประกายทำให้คนเป็นพ่อมองด้วยสายตาเอ็นดู...เด็กคนนี้เป็นกล่องดวงใจเพียงหนึ่งเดียวของเขา...เขาเฝ้าดูแลทะนุถนอมมาราวกับไข่ในหิน ลิ้นไรแทบจะไม่ให้ไต่ตอม

“ หึหึ...อย่างพ่อน่ะ ไม่ต้องไปต่อแถวหรอกนะ”

“ ได้ไงอ่ะ...กินๆๆ”   ท่าทางที่ไร้เดียงสาราวกับจะช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าจากงานที่ทำมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี....ถ้าเพื่อเด็กคนนี้แล้ว....เขาคงจะทำได้ทุกอย่างจริงๆ...เหมือนที่เคยทำมาแล้ว....ที่เวโรน่า...

“ แค่ชิ้นเดียวพอนะ แม่ทำอาหารอร่อยๆรออยู่ที่บ้านแล้ว เดี๋ยวไปกินไม่ไหวจะโดนโกรธเอานะ ฮ่าๆ”

“ คร้าบ”   นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองแก้มใสของลูกชายซึ่งตอนนี้มีเค้กเลอะอยู่เล็กน้อย ทิชชู่ถูกเช็ดลงไปให้อย่างแผ่วเบา...การที่เขาต้องมาคอยรับคอยส่งอยู่ทุกวันแบบนี้มันไม่ได้เป็นงานที่น่าเบื่ออย่างที่พ่อแม่บางคนบ่นเลยสักนิด เพราะเขากลับชอบฟังเรื่องราวในแต่ๆละวันๆที่เด็กคนนี้ชอบเล่าให้ฟัง ทั้งเรื่องที่ไปเจอมา ทั้งเรื่องที่ไปทะเลาะกับใคร ทั้งเรื่องที่ไปเอาแต่ใจใส่แม่ค้าในโรงเรียน ถึงจะเป็นคนผิดบ้างถูกบ้าง แต่ทุกอย่างกลับน่าเอ็นดูในสายตาพ่ออย่างเขา

“ วันนี้ผมไปเจอแมวมาด้วย ตัวเล็กๆสีดำสนิทเลย มันอยู่ใต้ต้นเมเดนแฮร์ที่หลังโรงเรียน...เอามาเลี้ยงได้ไหมครับพ่อ?”

“ ถ้าลูกอยากเลี้ยงแมว เดี๋ยวพ่อซื้อพันธ์ดีๆมาให้...แมวจรจัดพวกนั้นอย่าไปเก็บมาเลยเอเลน มันเลี้ยงไม่เชื่องและจะทำให้ลูกโดนข่วนจนบาดเจ็บเปล่าๆ”

“ แต่ว่า....”   ใบหน้ามนหงอยลงเล็กน้อย คนเป็นพ่อจึงเปลี่ยนเรื่องทันที

“ ว่าแต่ลูกเก็บของเสร็จหรือยัง? ช่วงนี้เรากำลังเตรียมย้ายบ้านจะเลี้ยงสัตว์คงลำบากน่าดู พ่อคิดว่าเอาไว้หลังจากที่เราไปบ้านใหม่เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน”   แต่แทนที่ใบหน้ามนจะกระตือรือร้นขึ้น กลับหงอยลงกว่าเดิม

“ พอไปอยู่บ้านใหม่ก็จะไม่ค่อยได้เจอพ่อ....”   และเหตุผลที่ว่ามาก็ทำเอาคนเป็นพ่อหุบยิ้มไม่อยู่

“ หึ...จะอยากอ้อนพ่อก็แค่ตอนนี้แหละ พอโตไปก็ไม่สนใจพ่อแล้ว...อีกอย่างนะ...จากโบโลญญ่าไปมาราเนลโลแค่แป๊บเดียวเอง พ่อกลับบ้านทุกวันก็ยังได้...พ่ออยากให้เอเลนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีๆ ถึงที่นั่นจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็อากาศดี คนก็ไม่เยอะไม่วุ่นวายเหมือนในโบโลญญ่า ปัญหาอาชญากรรมก็น้อยมาก ที่ดินก็กว้างขวาง พ่อเลยสร้างบ้านหลังใหญ่เท่าที่ต้องการให้เอเลนได้ไง ลูกจะทำสนามรถทามิย่าไว้หลังบ้านก็ยังได้”   และพอพูดถึงรถบังคับวิทยุเท่านั้นแหละ นัยน์ตาที่เคยหงอยๆก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที

“ จริงนะ!   ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นพยักรับ ไม่ว่าเด็กคนนี้อยากจะทำอะไรเขาก็ตามใจทุกอย่าง....ขอแค่อย่างเดียว...


อย่าขัดคำสั่งของเขา...


เขาอาจจะไม่ทำอะไรลูกชายของตัวเองแต่กับคนอื่นแล้วไม่ใช่...เขาพร้อมที่จะขจัดทุกเสี้ยนหนามเพื่อให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ดีพร้อมที่สุด

นั่นแหละ...คือพ่อของเอเลน เยเกอร์


















“ อั่ก!!!”   เสียงหอบหายใจผสมผสานไปกับเสียงกระอักเลือดดังมาจากปากของคนที่นอนกองอยู่ที่พื้น แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ก็ยังไม่มีแม้แต่ความปรานี หลังเท้ายังคงเตะลงมาที่หน้าท้องอย่างเต็มแรงจนร่างที่นอนคว่ำอยู่ถึงกับปลิวไปกระแทกผนังอีกฝั่ง สติสตังกำลังพร่าเลือนไปเหมือนๆกับดวงตาที่กำลังจะปิดลง

“ โฮ่ย...ยังไม่ทันจะเริ่มสนุกเลยนะ”   ปลายเท้าเสยปลายคางของคนที่โดนต่อยจนบวมไปทั้งหน้า ก่อนจะสะบัดร่างที่แทบจะจมกองเลือดนั่นทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้มลงไปหยิบใบสัญญาที่มีเลือดเลอะอยู่กว่าครึ่งขึ้นมาก่อนจะฉีกมันเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้ชายร่างใหญ่ในชุดช่างโทรมๆที่นั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกลรับเอาไว้

“ คราวหน้าคราวหลังจะทำสัญญากับใครก็หัดดูซักหน่อยสิเจ้าโง่”  นัยน์ตาขี้รำคาญเหล่มองคนตรงหน้าที่มีสภาพช้ำไปทั้งตัวไม่ได้ต่างไปจากคนที่เขาเพิ่งอัดจนสลบไปนั่นเลยสักนิด

“ ขอบคุณรีไว...ขอบคุณจริงๆ”   มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันยกขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างไม่อาย คำขอบคุณนั้นถูกเอ่ยออกมาด้วยความดีใจขนาดไหนฟังดูก็รู้...ผู้ชายคนนี้ชื่อเดล...เป็นช่างเครื่องที่ทำรถให้พวกเขา เมื่อกี้ก็แค่จะมาตามให้ไปซ่อมประตูแต่ก็ดูเหมือนหมอนี่จะหลงไปทำสัญญาเถื่อนอะไรสักอย่างจนถูกเจ้าหนี้ที่คิดจะเอาเปรียบพวกนั้นเล่นงานอยู่...เขาเลยต้องเข้าไปยุ่งอย่างช่วยไม่ได้

ทั้งๆที่ปกติแล้วต่อให้ใครจะเป็นจะตายยังไงเขาก็ไม่เคยชายตาแล

ไม่เคยคิดจะผูกสัมพันธ์กับใคร ไม่คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ชื่อเสียงที่ได้มาก็ล้วนแต่เป็นชื่อที่คนอื่นเรียกกันเองทั้งนั้น


อันที่จริง...

พวกเขาเคยมีเพื่อน...



ทั้งๆที่สนิทกันและคอยช่วยเหลือกันมาไม่รู้เท่าไหร่...แต่พอเกิดเรื่องขึ้น...เพื่อน...ก็กลายเป็นศัตรูได้อย่างง่ายดาย...

เพราะแบบนั้นทั้งเขา ทั้งเจ้าฮายาโตะ จึงไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับใครและตัดสินใจอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้แหละ


คนอื่น...ยังไงก็คือคนอื่น...

จะทรยศจะหักหลังเมื่อไหร่ก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเลยไม่ใช่หรอ?


เพราะอยู่ในที่แบบนี้ เพราะไม่เคยไว้ใจใคร มันเลยยิ่งทำให้พวกเขาดูเข้าถึงได้ยากและเป็นตัวอันตรายที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เป็นคนที่ใครๆในย่านแหล่งเสื่อมโทรมแห่งนี้ก็ต่างเรียกกันว่า



...ราชาแห่งโลกใต้ดิน....



“ ทำแผลเสร็จแล้วก็ไปซ่อมประตูให้ด้วยล่ะ”   ร่างแข็งแกร่งโบกมือก่อนจะเดินจากไป ตามด้วยร่างบอบบางที่ยืนกอดอกพิงประตูดูอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ

ทั้งๆที่ควรจะพาไปทำแผล หรือควรจะออกมาปกป้องป่าวประกาศว่าห้ามใครมายุ่งกับหมอนั่นแบบที่ฮีโร่ในหนังเขาทำกัน แต่พวกเขาสองคนกลับเลือกที่จะทิ้งเอาไว้แล้วเดินจากมา

ไม่อยากให้หมอนั่นต้องเดือดร้อนเพราะพวกเขาต่างหาก...

ไม่อยากให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับพวกเขา ไม่อยากให้เข้ามายุ่งเกี่ยวโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าดูแลตัวเองไม่ได้แล้วก็มีแต่จะถ่วงแข้งถ่วงขากันเปล่าๆ...พวกเขาเอง...ก็ศัตรูน้อยเสียที่ไหน



และเพราะแบบนั้น...

เจ้าฮายาโตะเองจึงถูกเขาฝึกฝนร่างกายให้ทุกวัน...



ท่อนขาเรียวเล็กที่ดูราวกับจะหักได้กลับหนักหน่วงจนคนที่ตั้งการ์ดรับยังสะเทือน ร่างแข็งแกร่งก้มหัวหลบท่อนขาที่ยังฟาดเข้าใส่ไม่หยุด...ไม่มีวิชา ไม่มีศิลปะการต่อสู้ที่สวยงาม...ทุกอย่างที่เขาสอนให้คนตรงหน้าล้วนเป็นทักษะการเอาตัวรอดแทบทั้งนั้น

ใบหน้านิ่งถอยหลบฝ่าเท้าที่ตวัดเข้ามาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด...หึ...ใครที่คิดจะจับตัวเด็กนี่เพื่อต่อรองกับเขาละก็ขอบอกว่ามันคิดผิด!

หมัดเล็กๆสวนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่แทนที่ร่างแข็งแกร่งจะปัดทิ้งหรือไม่ก็ก้มหลบ มือหนากลับคว้าข้อมือเล็กๆนั่นก่อนจะจับทุ่มลงกับพื้นจนเสียงดังสนั่น


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องฝึกอีกเยอะละนะ


ร่างแข็งแกร่งขยับไปยืนค้ำหัวคนที่นอนหงายทำหน้าหงิกส่งมาให้ ผ้าขนหนูถูกทิ้งลงไปบนใบหน้าสวยจนร่างบอบบางต้องลุกขึ้นมานั่งพลางเช็ดหน้าเช็ดตา

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินไปยืนเท้าประตูโกดังเอาไว้ก่อนจะเหม่อมองออกไปบนฟากฟ้าไกล แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามากระทบร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นทำให้ภาพตรงหน้าดูแข็งแรงและสวยงาม

“ จำเอาไว้....ว่าชั้นไม่ได้ช่วยแกออกมาจากกองเพลิงนั่นเพื่อให้แกมาตายอย่างหมาข้างถนน...ถึงที่นี่มันจะไร้อนาคต...แต่แกเท่านั้นที่ชั้นจะไม่ยอมให้จมอยู่ในความโสมม...หากวันใดที่ชั้นช่วยแกไม่ได้...แกจงใช้สิ่งที่ชั้นสอนให้ปกป้องตัวเองซะ...อย่าให้ใคร...มาทำให้แผลบนหลังของชั้นต้องไร้ค่า”   เสียงที่พูดออกมาลอยๆทำให้ใบหน้าสวยนิ่งค้างอย่างยอมรับ...ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ความเป็นความตายที่ผ่านมาด้วยกันก็ทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเขามันแน่นแฟ้นจนอาจจะเรียกได้ว่า...เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่มี

“ มีดพกหรืออาวุธคู่กายมันไม่จำเป็นสำหรับแกหรอกฮายาโตะ ของพวกนั้นมีไปก็จะทำให้แกคุ้นเคยกับอาวุธแค่อย่างเดียวแล้วพอมันถูกแย่งไปแกก็จะทำอะไรไม่ได้เหมือนแมวถูกตัดเล็บ...สิ่งที่ชั้นจะบอกจะสอนแกก็คือ...จงทำให้ทุกอย่างรอบๆตัวแกเป็นอาวุธซะ  ที่ที่เราอยู่มันเป็นที่ที่ไร้กฎกติกาแบบนี้แหละ”  ใบหน้านิ่งหันกลับมา เป็นเพราะแสงแดดย้อนหลังทำให้มองไม่เห็นว่าบนใบหน้าดุดันนั่นกำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า


ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีความสะดวกสบายอันสวยหรู

มีเพียงประสบการณ์ชีวิตเท่านั้นที่ชั้นจะให้แกได้...ฮายาโตะ







เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังไปทั่วทั้งถนน ทางหลวงเส้นใหญ่ทั้งๆที่มีไฟส่องสว่างกลับไม่มีรถสักคันวิ่งผ่าน...ก็ด้วยคนแถวนี้จะรู้กันดี...ว่าที่ตรงนี้คือที่ที่พวกแก๊งแข่งรถจะมาใช้กัน...พอเริ่มดึกทุกคนจึงเลี่ยงที่จะใช้ถนนเส้นนี้

ฝ่าเท้าทั้งสองคู่ก้าวเข้าไปในวงล้อมของรถมอเตอร์ไซค์หลายร้อยคัน ทั้งเสียงตะโกนทักทาย ทั้งไฟที่กระพริบส่องมาให้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่อยู่บนหลังรถพวกนั้นล้วนเป็นคนคุ้นเคย

ฝ่ามือแข็งแรงโยนกุญแจรถให้ร่างบอบบางรับไว้ด้วยใบหน้าที่ยังเฉยชา ก่อนที่เรียวขาจะก้าวไปยังหนึ่งในสองของรถยนต์ที่จอดอยู่บนถนน...


เล่นพวกมันซะ...


เพราะนี่คือสนามเด็กเล่นของแก...ฮายาโตะ






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.






Attack on Titan ยังมีสปินออฟได้ แล้วทำไม GLIDE จะมีไม่ได้ กร๊ากกกกกก (โดนรุมกระทืบ) 

ปล. เนียนไม่ได้ค่าตัวแพงนะคะ บทมันอยู่ตอนหน้าค่ะ คือจะให้มันออกเยอะก็กลัวว่าจะต้องติดเรทมากกว่า NC-17 กร๊ากกกก แต่ไม่ใช่เอ็นซีด้วยฉากบนเตียง แต่เป็นเอ็นซีที่ความรุนแรงทางด้านอื่นซะมากกว่า = =”” ยังไงก็มาเฟียละนะ


ก่อนจะเวิ่นยาวไปถึงดาวอังคาร ขอแฮปให้อีกหนึ่งน้องสาวที่น่าร้ากกกกของเก๊าก่อน


สุขสันต์วันเกิดนะค้าน้องมิยะ >3<


มีความสุขมากๆๆน้า นี่ก็น่าจะสมหวังดังตั้งใจกับเรื่องเรียนไปได้กว่าครึ่งแบ้วจินะ ถ้างั้นคุณพี่ก็ขออวยพรให้หนูจงฝ่าฟันกับมันไปได้ เข้าไปใหม่ก็ขอให้ได้เจอแต่อะไรที่ดีๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ เรื่องสุขภาพร่างกายเองก็เช่นกัน ขอให้แข็งแรงทรงพลังมีกำลังวังชามาดูแลลูกชายได้ตลอดนะคะ อิอิ จิ้นอะไร คิดอะไร ก็ขอให้เอามาปั่นเป็นฟิคได้จนจบทุกเรื่อง (เดี๋ยวหล่อน คำอวยพรมันแปลกๆนะยะ) มีไหกี่ใบก็ทลายได้จนหมดเบยนะคะ...และสุดท้าย...ขอให้อิเนียนในฟ้าถล่มมันจงมานอนหมอบแทบเท้าหนูก๊กด้วยเทอญ...สาธุ // ไม่ใช่แล้ว!!

อ่านะ...5555....ถึงแม้ว่าช่วงนี้เก๊าจะดูเหมือนดูบอลจนไม่ได้ทำอะไร(ก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เร๊อะ) แต่ก็ทำอะไรอยู่บ้างเหมือนกันนะ555 อันที่จริงก็รู้ตัวว่าควรจะปั่นประภาคารตอนจบมาให้...ทั้งๆที่มันเป็นฟิคที่เขียนให้น้องมิยะในทุกวันเกิดตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่จบ *ทรุด* แต่ด้วยความที่ช่วงนี้ต้องตั้งสติปั่น GLIDE ให้จบ เพราะงั้นเลยยังไม่มีโอกาสกลับไปปัดฝุ่นเรื่องนั้น เลยขออนุญาตหย่อนของขวัญเป็นตอนพิเศษของ GLIDE แทนแบ้วกันนะคะ TTvTT *กอดขา* 


ถึงจะติดเรทว่า NC แต่ไม่มีฉากอย่างว่านะ555 แต่มันเป็นความรุนแรงในด้านอื่นอ่ะนะ ตัวเอกของเรื่องไปกระทืบคนตาย วิ่งราว พนันรถ.....ไม่น่าจะ ใสๆPG ได้เนอะ TvT…ก็นั่นแหละ RED FLAG คือชื่อของตอนพิเศษหนึ่งในสี่ตอนที่ตั้งใจจะเขียนค่ะ สำหรับตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีตของทุกคนว่าผ่านการใช้ชีวิตมายังไง แล้วเอลวินไปทำอีท่าไหนถึงเอามาเป็นนักขับของเฟอร์รารี่ได้  การเลี้ยงดูที่แตกต่างกันของรีไวกับหนูเลนมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลมายังอนาคต อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ

ส่วน RED FLAG ชื่อเรื่องนั้นเป็นชื่อของธงที่ใช้ในสนามแข่งรถค่ะ ในการแข่งฟอร์มูล่าวันเองถ้า RED FLAG (ธงสีแดง) ถูกใช้เมื่อไหร่แสดงว่ามีอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้สภาพสนามไม่สามารถแข่งต่อได้ ทำให้ต้องมีการเคลียร์สนามก่อนโดยนักขับทุกคนจะต้องขับรถกลับไปประจำที่กริดเริ่มสตาร์ทก่อนน่ะค่ะ ที่ยืมชื่อนี้มาใช้ก็เพราะมันเป็นตอนพิเศษที่เล่าถึงการใช้ชีวิตอันตรายๆของคุณรีไวกับหนูก๊ก ก่อนที่จะมาเริ่มต้นสตาร์ทการใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งหลังจากที่ได้เจอกับทีมเฟอร์รารี่...ประมาณนี้


ขอบคุณทุกๆการติดตามและขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์มากๆเลยนะคะ คุณกวางอาจจะออกนอกอ่าวไปบ้างแต่ก็กำลังพยายามแต่ง GLIDE ให้จบอยู่นะ555 ตอนนี้เป็นฟิคเรื่องเดียวที่อยู่ในหัว ปกติจะปนกันมั่วไปหมด5555 ยะ ยังไงก็ฝากติดตามฟิคน้อยๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ TTvTT





9 ความคิดเห็น:

  1. ขอเจิม ขอเจิมไว้ก่อนเลยค่ะ

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่คิดว่าจะได้ Glide ตอนพิเศษนี้เป็นของขวัญค่ะ ดีใจมากๆ เก๊าจะลอยไปนอกโลกแล้วพี่กวาง งืออออออออ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ยังไงก็ขอรับพรก่อน เรื่องเรียนนี่ก้มลงไปรับเลยค่ะ จะสู้เต็มที่ แล้วจะจิ้น จะฟินจนทลายไห (โฮวววววว พรข้อนี้ฟินมากๆ อยากได้อยู่ทุกวันเลยค่ะ) << เพราะเอ็งไม่เคยทำได้ใช่ม้ายยยยยย >[]<

    เดี๋ยวเก๊าจะตั้งใจอ่านดีๆแล้วเม้นท์แบบถล่มทลายเลยนะ ทลายแน่ๆ ยิ่ง Glide เนี่ย << แล้วตอนเก่าๆเมื่อไหร่จะไปเม้นท์ว้าาาาาา// จับตัวเองบูชายัญ

    ตอบลบ
  2. มะ มาอ่านแหล่ว โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก้มหัวลงไปชาบูพี่กวาง คือ อันที่จริงฟิคเรื่อง Glide เนี่ย เก๊าอ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาดีๆไปถล่มเม้นท์ให้เลยค่ะ ต้องขอโทษอย่างสุดติ่งกระดิ่งแมวจริงๆ (ที่ส่งไปให้ทางเมลล์นั่นยังถือว่าน้อยนะพี่ บอกเลย ฮ่าๆๆๆ) แล้วพออ่านไปคิดอยู่แล้วอ่ะว่าอยากอ่านที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ระหว่างหนูก๊กกับคุณรีไวจริงๆน้า เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่มีมิติมาก ยังไงดีล่ะ คือมันอบอุ่นอ่ะค่ะ ขนลุก ชอบไม่ไหวแล้วจริงๆ เคยบอกพี่กวางไปแล้ว มันไม่ใช่สัมพันธ์ชู้สาวที่สมควรให้จิ้น ไม่ใช่เลย แต่มันคือครอบครัวที่แท้จริงอ่ะ แบบ อ๊ากกกกกกกกกก!!! >//////< รู้สึกว่าคาร์แร็กเตอร์ของเรื่องนี้ก็ไม่หลุดออริเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะคุณรีไว คือเรื่องนี้ถ่ายทอดนิสัยคุณรีไวได้เป๊ะมากค่ะในด้านความรู้สึกที่มีต่อคนอื่น ถ้าเป็นครอบครัวหรือลูกน้อง คุณท่านใส่ใจและดูแลในแบบของคุณรีไวจนทำให้ลูกน้องรักอ้ะ ส่วนนุ้งก๊กนี่ ถ้าไม่ใช่คนใจร้อนเก๊าว่าก็น่าจะออกมาแนวนี้ เพราะหนูก๊กเป็นคนที่ผ่านโลกมืดมาโขเลยอ่ะ แล้วพอสองคนนี้มาป้ะกัน ต้องบอกว่ามันลงตัวค่ะ ลงตัวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

    แหะๆ เอาซะยาว ว่ากันที่เนื้อเรื่อง อย่างที่บอกไปแล้วว่าอยากอ่านฉากอย่างนี้เป็นทุนเดิม พอได้มาเป็นของขวัญแล้วก็...โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณนะค้า! ฟินอ่ะ พูดได้เลย ชอบฉากที่นุ้งก๊กหนีพวกนักกีฬาตอนขโมยเงินเป็นพิเศษเลยค่ะ พระเจ้า! นี่เก๊ากำลังอ่านฟิคหรือดูหนังบู๊ฉากชิงทรัพย์คะ! ลูกสาวของขุ่นมี้จะคล่องแคล่วว่องไวไปไหน ง๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ชอบๆ ชอบ จิ้นภาพแล้วหนูก๊กในฮู้ดน่ารักน่าค้นหาสุดๆ พอโดนป๊ะป๋าเอลวินกระชากข้อมือแล้วเหมือนจะเห็นเสี้ยวใบหน้าเท่านั้นแหล่ะ ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ป๋าค้าา!!!! เด็กคนนี้นี่แหล่ะจะกลายเป็นดอกไม้ประดับทีมเฟอร์รารี่ของป๋าในอนาคต

    แล้ว แล้ว คุณรีไวดริฟท์รถ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!! เท่โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คือถ้าเค้าเป็นคุณเอลวินเค้าก็ยืนมองตาค้างอ้ะ แม่งเท่ไป (นี่ภูมิต้านทานต่ำจากตอน 58 อยู่ด้วยแล้วอ่ะ) >////////////< คือ นี่ไม่ขโมยเงินคนแก่ เด็ก ผู้หญิงกันด้วยใช่ไหมคะ แมนค่อดๆ! >w< b


    คือเค้าอาจจะไม่ได้สครีมทุกฉาก แต่เพราะมีอะไรบางอย่างในตอนนี้ทำให้รู้สึกลมหายใจมันขาดห้วง แบบเวลาเจออะไรโดนๆมากๆมักจะเป็นแบบนี้ คือ เค้าชอบวิธีสอนของคุณรีไวเวลาสอนนุ้งก๊กมาก

    “ จำเอาไว้....ว่าชั้นไม่ได้ช่วยแกออกมาจากกองเพลิงนั่นเพื่อให้แกมาตายอย่างหมาข้างถนน...ถึงที่นี่มันจะไร้อนาคต...แต่แกเท่านั้นที่ชั้นจะไม่ยอมให้จมอยู่ในความโสมม...หากวันใดที่ชั้นช่วยแกไม่ได้...แกจงใช้สิ่งที่ชั้นสอนให้ปกป้องตัวเองซะ...อย่าให้ใคร...มาทำให้แผลบนหลังของชั้นต้องไร้ค่า”

    กับนี่...

    “ มีดพกหรืออาวุธคู่กายมันไม่จำเป็นสำหรับแกหรอกฮายาโตะ ของพวกนั้นมีไปก็จะทำให้แกคุ้นเคยกับอาวุธแค่อย่างเดียวแล้วพอมันถูกแย่งไปแกก็จะทำอะไรไม่ได้เหมือนแมวถูกตัดเล็บ...สิ่งที่ชั้นจะบอกจะสอนแกก็คือ...จงทำให้ทุกอย่างรอบๆตัวแกเป็นอาวุธซะ ที่ที่เราอยู่มันเป็นที่ที่ไร้กฎกติกาแบบนี้แหละ”

    ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีความสะดวกสบายอันสวยหรู

    มีเพียงประสบการณ์ชีวิตเท่านั้นที่ชั้นจะให้แกได้...ฮายาโตะ


    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!! >///////< อ่านแล้วน้ำตาจะไหลเลยค่ะ TTvTTb มันลึ้งซึ้งมากอ่ะ พอเอาไปรวมกับตอนก่อนๆที่ผ่านมามันทำให้รู้เลยว่าทำไมหนูก๊กถึงได้เข้มแข็งแล้วก็เก่งปานนั้น เพราะผู้ปกครองคนนี้นี่เอง จริงๆแล้ว คุณรีไวได้เติมเต็มทุกอย่างให้หนูก๊กเลยนะ ให้ครอบครัว ให้ประสบการณ์ แม้แต่ของเล่น แต่เพราะเป็นคุณรีไว เพราะอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะงั้นสิ่งที่ให้มันถึงไม่ได้สวยงาม แต่มันก็เติมเต็มจนประกอบมาเป็นโกคุเดระ ฮายาโตะเรื่องนี้เลยอ่ะ ชอบค่ะ

    ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ หอมแก้มซ้ายขวา เก๊าเป็นกำลังใจให้พี่กวางเสมอ สู้ๆกับทุกอย่าง งาน ฟิค พักผ่อนบ้าง เก๊าอาจจะมาตามอ่านอย่างนี้ช้าหน่อย เพราะถ้าได้อ่านมันจะเป็นอย่างเนี้ย ยาวเยื้อย ฮ่าๆๆๆ ต้องแบบว่างและเงียบ ถึงจะอ่านฟิคพี่กวางแล้วรู้สึกอิ่ม แต่ไม่ว่าจะช้าแค่ไหน ก็ขอให้รู้เสมอว่าฟิคพี่กวางทุกเรื่องเก๊าสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและใส่ใจในทุกบรรทัดอยู่แล้ว เพราะงั้นสู้ๆกับมันต่อไปนะคะ

    รอตอนต่อไปน้าา >w<




    ตอบลบ
  3. สุดยอดค่ะ ชอบป๋ารีไวกับหนูฮายาโตะวัยใสมาก

    เนียนค่าตัวแพงจริงๆ แฮะ ชักคิดถึงแล้วนะ

    ตอบลบ
  4. สุดยอดค่ะ ชอบป๋ารีไวกับหนูฮายาโตะวัยใสมาก

    เนียนค่าตัวแพงจริงๆ แฮะ ชักคิดถึงแล้วนะ

    ตอบลบ
  5. คือ….ฟิคตอนพิเศษของ GLIDE ตอนนี้นี่มัน………………….

    โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกวางซาม๊าาาาา > [ ] < เค้าบอกตรงๆว่าเค้าทึ่งจริงจัง ฮืออออ ถึงจะมีแรงถีบดัน(?)มาจากสปินออฟของคนหนุ๊มหนุ่ม(?)(โดนเตะเสย5555) ก็เถอะนะคะ แต่ว่าRED FLAG ของกวางซามะมันสุดยอดมากๆๆไม่แพ้กันเลย คือกวางซามะวางพล็อตได้ลงตัวโฮกฮากกกมากๆๆอ่ะ คือชาบูกวางซามะมากจริงๆๆนะคะ อ่านไปก็ขนลุกไป ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ฟิคสุกี้น้ำ(?) (กวางซามะจะเข้าใจหล่อนไหมเนี่ยว่าสุกี้น้ำของหล่อนคือผี 55555 เก๊าดันติดเรียกตามซิทคอมเป็นต่อแถมยังจะขี้เกียจกลับไปลบ ทั้งๆที่ถ้ากลับไปลบก็ไม่ต้องมาเพิ่มตัวอักษรยาวเหยียดในวงเล็บแบบนี้แท้ๆ 55555 ทนกับคนบ้าคนนี้หน่อยนะคะ TT) แต่มันก็ชวนให้รู้สึกแบบเหมือนถูกพาย้อนกลับไปก่อนที่GLIDE จะเริ่มจริงๆ ฮืออออ ที่ผ่านมาก็เคยคิดอยากรู้อดีตของตัวหลักทั้งหมดแบบจริงๆจังๆเหมือนกัน อยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของท่านท่อนขาและหนูก๊กมากกว่านี้(?) แต่ถ้าเอาไปแทรกในเนื้อเรื่องหลักก็ดูจะเป็นอะไรที่แบบดูอัดแน่นมากเกินไป การจำกัดเนื้อเรื่องให้สิ่งที่เป็นอดีตอยู่ในจุดที่ให้รู้แค่คร่าวๆแบบนั้นมันเลยเหมือนยิ่งยั่วยวน(?)ให้ยิ่งอยากรู้(?) และพอได้รู้ในแบบฉบับตอนพิเศษแบบนี้แล้ว มันแบบ…..แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก(?) อ๊ากกกกกก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายความรู้สึกสุดยอดของพลอตเรื่องนี้ได้จริงๆ รู้สึกอยากขอบคุณงานแข่งรถทามิย่าในวันนั้นที่กวางซามะผ่านไปเจอบรรยากาศจนได้ไหเพิ่ม(?)เป็นเรื่องนี้ (กวางซามะบอกหล่อนจะย้อนหาอดีตของไหเพื่อออ 5555)

    แต่มันฟินจริงๆนะคะ ความสัมพันธ์ของท่านท่อนขาและหนูก๊ก ฮืออออออออออออ ไม่อยากจะบอกว่าตอนพิเศษนี้จะพาเก๊า All 59 บ่อยโฮก(?) แม่จ๋า หนูก๊กสวยน่ากดดดดดดดโฮกกกกกกกกกกกก คนอะไรแค่ใส่ฮู้ดดำเพื่อปกปิดความสวย(?)ก็ทำให้เย้ายวน(?)กันได้ขนาดเน้ > __ < กระเป๋าตังค์ป้า(?)ก็มีมาขโมยมามะ(?) อ่อ ลืม กระเป๋าตังค์มี แต่ตังค์ไม่มีเลย(?) คนสวยเลยเมิน(?) บ้าจริง (ลงไปนอนเอาท่อนขาของท่านท่อนขาก่ายหน้าผาก(?)เพราะของตัวเองยกไม่ขึ้น อ้วน(?) ถถถถถ) คือฉากเริ่มเค้าตื่นเต้นมากๆเลยล่ะค่ะ กวางซามะบรรยายได้โฮกมาก ถึงจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่ในเรื่องทีมเวิร์คของเด็กวิ่งราวที่น่ารักที่สุดในโลก(? โบกป้ายไฟโกคุเดระข้างหมีเนียน(?)) แต่พอรู้ว่าในขณะที่หนูก๊กลงมือทำอะไรเสี่ยงๆ แบบที่ไม่ได้มีเงาของท่านท่อนขาอยู่ข้างๆแท้ แต่ความจริงก็มาเผยให้เห็นแล้วว่ารีไวไม่ได้ทิ้งให้ฮายาโตะอยู่ห่างจากสายตาเกินกว่าจะมองเห็นเลย ฮายาโตะยังคงอยู่ในสายตาและยังเป็นสิ่งเดียวที่กำหนดระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ของตัวเองในตอนนั้นด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์แบบนี้มันโฮกมากกกกกกกกกก คือไม่จำเป็นเลยจะต้องเป็นคนรัก ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แค่มันเป็นเรื่องของชะตาลิขิตแค่นี้ก็ฟินโฮกกกกกกกกกจริงจัง ฮือออออ น้วย(?)กวางซามะ

    และอย่างที่บอกว่าตอนพิเศษตอนนี้พาเก๊า All59 กระเจิดกระเจิง(?) > < ตอนที่เอลวินแห่งทีมบอสเบ็ดเตล็ด(?) (ใครปาวิก(?)อัดหน้าข้าพเจ้ากันนน!!!) จับหนูก๊กได้เค้าโฮกมากกกกกกกก ฟินมากกกกกกก ไหนจะไอ้อาการเล็งเห็นความสวยของหนูก๊กเพียงแค่เห็นแว่บเดียวนั่นอีก อย่ามาอบอุ่นแถวเน้~~~~~~~ แฮ่ก ฮะ…อั่ก(?) (โดนทั้งดาบทั้งท่อนขา(?)ประเคนมาอย่างกระหน่ำ(?)) แต่ว่าเอลวินในตอนนี้เป็นเอลวินที่สง่ามากจริงๆค่ะ น้ำตาจะไหล(?) ไม่คิดเลยว่ากวางซามะจะใจดีกู้หน้าให้เอลวินขนาดนี้ (555555555555555555 นี่มันตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่) และเก๊าก็โฮกฮากกับเอลวินหนูก๊กได้แค่ไม่กี่นาที ท่านท่อนขาก็มาพังมโนที่ยังไม่ทันมโน(?)พังด้วยการขับรถมาช่วยเจ้าหญิง(?)อย่างเท่โฮกกกกกกกกกก อะไรคือการช่วยหนูก๊กแบบขาไม่แตะพื้น!!!!!!!!!!!! (ช่ะ เดี๋ยวววว รอบนี้ไม่ได้แซะส่วนสูงงงงงงจริงๆนะ 55555) จะบอกว่า อะไรคือการใช้สกิลการขับรถขั้นเทพพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยคนสำคัญแบบนี้!!!!!!!!!!!!!!! จะเท่ไปถึงไหนก๊านนนนนนนนนนนนนนนน คือเค้าชาบูกวางซามะมากๆๆจริงๆ ฮือออออออ มันอย่างที่เอลวินพูดเลยจริงๆว่า เป็นการขับรถที่ไม่มีจุดเสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย อ๊ากกกกกก ไม่ทนนนนนนน ยิ่งรู้ว่าท่านท่อนขาขับรถได้เทพขนาดนี้ ยิ่งทำให้เข้าใจว่าทำไมคนที่มีอดีตขนาดที่เรียกได้ว่าดิ่งลงเหว สามารถอยู่ในตำแหน่งนักขับมือหนึ่งของทีมสุดยอดอย่างเฟอร์รารี่ได้

    บางทีเค้าก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าในขณะที่ถูกโชคชะตากำหนดให้ดิ่งลงเหวแบบนั้น แต่ก็กลับมอบพรสวรรค์มาให้ด้วย ยังกับต้องการดูมนุษย์ที่ได้ฉายาว่าราชาแห่งโลกใต้ดินคนนี้จะกระเสือกกระสนใช้พรสวรรค์นี้ขึ้นมาจากเหวได้หรือเปล่า

    อ๊ากกกกกกกกกก คลั่งงงงงงงงงงงงงกับพล็อตตตตตกวางซามะจริงจัง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฉากวิ่งราวของหนูก๊กสุดยอดจริงๆนะคะ ทั้งการวิ่งหนี ทั้งการเทคตัวกลิ้งบนกระโปรงรถด้วยสเต็ปเดียวกับเนื้อคู่(?)ของตัวเองที่จะได้เจอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั่น ทางนี้ฟินมากกกกกกกกกกกกก (แค่การกลิ้งบนกระโปรงรถเพื่อขึ้นรถมันยังเอา!!!! ถถถถถถถถ) แล้วเค้าชอบมากจุดที่ แม้จะตกต่ำทำเรื่องไม่ดีเพื่อการอยู่รอด แต่การที่อยู่ในจุดนี้แล้วยังเลือกเหยื่อที่ไม่ใช่ผู้หญิง เด็กและคนแก่นี่มันนน…………ฮืออออออออออออออออ กรีดดดร้องด้วยความฟินกับพล็อต

      แล้วคือตอนนี้อันแน่นความสันพันธ์ของท่านท่อนขากับหนูก๊กให้จริงจัง ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง คือทุกตอนที่ทั้งอยู่ด้วยกันมันเป็นอะไรที่รับรู้ได้ถึงปีกของมัจจุราชที่กางเพื่อปกป้องหนูก๊กมากๆๆๆๆ ถึงหลังจากนี้หนูก๊กจะได้หมีแบกดาบ(?)ที่พร้อมกลายร่างเป็นราชันย์ปีศาจ(?)ได้ทุกเวลามาเป็นโล่ห์(?)ให้แทนก็เถอะนะ (ถนัดนัก!!!สกิลเอาเรื่องนี้มามั่วกับเรื่องนั้นเนี่ยย5555) แล้วคือฉากหนูก๊กพูดว่าประตูจะหลุด มันทำเค้าหัวเราะเป็นบ้า(?)เพราะชื่อเอลวินมันลอยเต็มหัวเลยจริงจัง 5555555555555555 อยากจะโทรหาให้แทน(?)ใจจะขาด คือตอนพิเศษตอนนี้มันทำให้เค้าตระหนักได้จริงจังว่าไอ้เจ้าสองคนนี้มันไม่คิดจะซ่อมอะไรเอง(?)ตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ใช่ว่าจะมาเอะอะก็เอลวิน(?)หลังจากที่ชีวิตเป็นอยู่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยจริงจัง 555555555555 แต่ในความฮาจุดนี้(?) เค้าก็ฟินที่ท่านท่อนขาก็ยังห่วงหนูก๊กโดนประตูลายหมี(?)(เดี๊ยวววว)ทับ = ___ , = จนถึงขั้นบอกให้ออกมาห่างๆ

      แล้วประโยคที่ว่า “ในเมื่อเขาเป็นคนที่ไม่ยอมให้มัจจุราชเอาตัวฮายาโตะไป..เป็นคนที่เอื้อมมือออกไปยื้อแย่งเอาไว้จนต้องแลกมาด้วยแผลเป็นบนแผ่นหลัง...เพราะฉะนั้นเขาจะต้องรับผิดชอบ” คือเค้าดิ้นนนนแบบไม่ทนมากกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก อยากจะน้วยกวางซามะสักสิบรอบ ไอ้ประโยคโฮกฮากแบบนี้คิดได้ยังไงค๊า เค้าไม่ทนจริงๆ ฮืออออ คือมันตอบได้ทุกอย่างจริงๆว่าหนูก๊กสำคัญมากแค่ไหน ถึงจะลงท้ายแบบคนปากแข็งที่ชอบหาข้ออ้างมาปกปิดความจริงให้ดูว่าเป็นเหมือนหน้าที่ เป็นเหมือนภาระ …..ถ้าไม่ใช่คนบ้าก็ไม่มีใครเลือกอยากจะไปยื้ออะไรที่จะทำให้ชีวิตตัวเองต้องมีแอ่กให้แบกหรอก และเพราะท่านท่อนขาไม่ใช่คนบ้า(?)แต่เพราะไม่อยากยอมรับว่าหากต้องอยู่อย่างไม่มีสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ ก็คงคิดปล่อยให้ชีวิตตัวเองจบตามไปตั้งแต่แรกแล้วสินะ ฮึ!(?) สมควรแล้ว(?)ที่หลังจากนี้จะต้องโดนเจ้าลูกหมา(?)มาง้างปาก(?)แข็งๆนี่ซะ > __ <

      และด้วยความที่ไม่คิดว่าจะมีช่วงของเอเลนด้วย!!!!!!!!!!!!!!! อยู่ๆเอเลนมา คนบ้าเก็บอาการดิ้นไม่อยู่เลยยยยย โฮกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้เจ้าลูกหมานี่ก็น่าฟัดแต่เด็กกกกกกกกกกกกก อะไรคือการที่แมวดำก็ยังอยากแหย่!!!!!!!!!!!!! อะไรคือการที่แมวมาแย่งของเล่นไปเผื่ออยากให้ดูความสวยงามของต้นเมเดนแฮร์!!!!!!!! ไม่ทนนนนนนนนนนนนน จุดนี้เค้าอดคิดไม่ได้จริงจังว่าแมวดำตัวนั้นนี่คือร่างแยก(?)ท่านท่อนขา ถถถถถถถถถถถ ทำไมถึงได้ฟีลยียวน(?)อยากแหย่เจ้าลูกหมาได้เหมือนกันขนาดเน้~~~ (กะแมวดำมันก็ยังเอา!!! ถถถถถ) แต่ก็เริ่มเข้าใจความรักที่อยากปล่อยมือของท่านท่อนขาขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ เอเลนถูกเลี้ยงมาด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง และทั้งๆที่ไม่น่าจะมีอะไรมาทำให้เจอกันได้แท้ๆ แต่กลับถูกนำพาให้เจอกัน และยิ่งเห็นความแตกต่างแบบนั้นไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เฮย์โจวคิดอยากจะให้เอเลนได้มีชีวิตที่ออกห่างจากตัวเค้าเองที่มีแต่อดีตดำมืดติดตัวไปจนกว่าถึงวันหมดลมแบบนี้ แถมทั้งๆคู่ก็ดันเอาเรื่องความคู่ควรในแต่ละมุมของตัวเองมายึดติดซะแบบนั้น แต่โชคดี(?)ที่เจ้าลูกหมามันดื้อโจ่งแจ้ง(?)และไม่ชอบยอมแพ้แท้ๆเลยนา ไม่งั้นลุงไม่ได้กินเด็กต่อแน่ๆ (แหม่…กระทืบมาซะนึกว่ากำลังเกมส์เต้น(?)เพลงพารานอยด์(?))

      ลบ
    2. ฮือออออออ ตอนพิเศษตอนนี้เค้าฟินได้ทุกตัวอักษรจริงจังกับคู่ผู้ปกครองกับเด็กดื้อเงียบ(?)จริงจังงงง มีเรื่องของเบื้องหลังของการฝึกฝนร่างกายให้หนูก๊กแบบนี้คนบ้าลงไปนอนฟินตายเบยยย ฮือออออ ไม่คิดว่าท่านท่อนขาจะจริงจังสอนให้ขนาดนี้ แต่ก็นะหวงหนูก๊กขนาดนี้ ไม่มีทางจะปล่อยให้ใครคนอื่นมาสอนแน่ และถ้าไม่อึดได้ขนาดหมีดำ(?)คงได้โดนกระทืบตายก่อนจะได้พูดอะไรกับหนูก๊กแน่ๆ 55555

      ขอบคุณที่แต่งตอนพิเศษRED FLAG มาให้เค้าฟินกับเนื้อเรื่อง GLIDE มากๆๆๆจริงจัง ฟินกับความสันพันธ์ของรีไวและหนูก๊กจริงจัง!!!!!!!!!!!!!!!!! ฟินจริงๆๆนะคะ ฮือออออ หนูก๊กสวยมากจริงๆ ขนาดท่านท่อนขายังคอนเฟิร์ม(?) อิย๊าาาาา (อิย๊าอะไร ถถถถถถถ) เอาจริงๆเค้าชอบตั้งแต่ชื่อตอนเลยค่ะ และพอมารู้ความหมายตอนที่กวางซามะบอกไว้ ยิ่งขนลุก เหมาะมากกกกกกกกจริงจังอ่ะ!!!!!!!! ฮืออออออออ ธงแดงคือรุ่งอรุณผงวิเศษของรีไว(ไม่ใช่แล้วโว้ยยย5555) ชอบความหมายของธงแดงจริงจัง การเริ่มต้นใหม่หลังจากที่เส้นทางอันตรายได้ถูกเคลียร์แล้ว ฮือออออ ชาบูกวางซามะจริงจัง

      ปล.สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังให้มิยะซังด้วยนะคะ :)
      คนเกิดเดือนนี้ถ้าไม่น่ารักมาก(?)ก็จะบ้ามาก(?)(แบบเค้า)จริงๆนะคะกวางซามะ (โดดน้วย(?)ถถถถถถ)

      ลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ2 ธันวาคม 2557 เวลา 06:39

    อ่านเรื่องหลักก็หลงรีไวจะแย่อยู่แล้ว
    เจอสปินออฟเข้าไป....//ลงไปตายแทบเท้า
    ท่านเท่มากกกกกกกกกกกกก
    แล้วยิ่งประโยคที่พูดกับก๊กนะ
    "จำเอาไว้....ว่าชั้นไม่ได้ช่วยแกออกมาจากกองเพลิงนั่นเพื่อให้แกมาตายอย่างหมาข้างถนน...ถึงที่นี่มันจะไร้อนาคต...แต่แกเท่านั้นที่ชั้นจะไม่ยอมให้จมอยู่ในความโสมม...หากวันใดที่ชั้นช่วยแกไม่ได้...แกจงใช้สิ่งที่ชั้นสอนให้ปกป้องตัวเองซะ...อย่าให้ใคร...มาทำให้แผลบนหลังของชั้นต้องไร้ค่า”
    ระดับความหล่อพุ่งทะยานเพิ่มเป็นร้อยจุดเลยคะ่งานนนี้
    อยากแปลงร่างเป็นก๊กเพื่อเข้าไปเป็นเด็กในปกครองของท่านจริงๆ//โดนรถปาดหน้า

    ตอบลบ
  7. พี่กวางขา!!!
    ชอบตอนพิเศษแบบนี้ ชอบเบื้องลึกเบื้องหลังที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็น "ครอบครัว" ของป๋ารีไวล์กับก๊กน้อยมากค่ะ ชอบสิ่งที่ป๋าสอนลูกสาว? ในหลาย ๆ เรื่อง บางเรื่องแหม่มันโดนใจมากนะ โดยเฉพาะเรื่องอาวุธเนี่ย ยกนิ้วให้พี่กวางรัว ๆ เลยค่ะ

    ตอนเปิดตัวน้องเอเลนก็น่ารักไม่หยอก นึกภาพเอเลนไล่ตามแมวไปจนถึงตอนที่มองต้นไม้แล้ว... โอ้ว ชอบมากเลยค่ะ

    ...รอเนียนโผล่มาจับปลาหมึก อิอิ
    (((>///<)))

    ตอบลบ