Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 13


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : 13

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
      
     
         





ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินหอบของพะรุงพะรังไปบนฟุตบาทที่ปูด้วยหิน ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่สองข้างทางนั้นเริ่มผลัดใบกันไปหมดแล้วตอนนี้เลยมีแต่งกิ่งสีเข้มเหลืออยู่เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า...รวมไปถึงการแข่งขันรถสูตรหนึ่งซึ่งใกล้จะปิดฤดูกาลเต็มที

ยังเหลืออีกไม่กี่สนาม...และถ้าไม่มีอะไรที่ร้ายแรงจนถึงขั้นคอขาดบาดตายเกิดขึ้น...ปีนี้แชมป์ฟอร์มูล่าวันจะต้องเป็นของทีมเฟอร์รารี่แน่นอน...รวมทั้งตำแหน่งนักขับอันดับหนึ่งของโลกด้วย

“ หึหึ”  เผลอหัวเราะในลำคอโดยไม่รู้ตัว...เป็นเพราะวางใจได้แบบนั้นสินะ เขาถึงได้มัวมาทำอะไรที่ไม่คิดว่าคนอย่างรีไวจะทำแบบนี้

มือเปิดประตู F12 Berlinetta ก่อนจะวางข้าวของที่ไม่คุ้นตาลงไปบนเบาะข้างๆคนขับ...ที่จริงก็ซื้อบางส่วนไปบ้างแล้วแต่ดูเหมือนอุปกรณ์การประกอบรถบังคับวิทยุนั้นจะมีไม่ใช่น้อยๆเลย แถมยังต้องมาซื้อถึงที่ตัวจังหวัดอย่าง Modena ที่อยู่ห่างออกมาจากมาราเนลโลถึง 18 กิโลเมตร


มันไม่ได้เป็นแค่ของเล่นเลยจริงๆ...


มือในถุงมือสีดำดึงกระดาษแผ่นหนึ่งในกระเป๋าเสื้อโค้ทชุดลำลองของเฟอร์รารี่ออกมาก่อนจะไล่สายตาดูว่าของที่ต้องซื้อนั้นครบหรือยัง...หัวคิ้วขมวดเข้าหากันทุกครั้งที่ต้องอ่านลายมือไก่เขี่ยของคนที่จดรายการสิ่งของนี้มาให้

ที่เค้าว่ากันว่าคนฉลาดมักจะลายมือแย่นี่สงสัยจะเป็นเรื่องจริง...ลายมือของยัยแว่นฮันซี่ถึงได้หวัดจนอ่านแทบไม่ออกแบบนี้!

มือยัดกระดาษลงกระเป๋าก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปยังร้านขายอุปกรณ์แต่งรถที่ขายมันตั้งแต่รถคันใหญ่ไปจนถึงรถคันจิ๋ว และทันทีที่เขาก้าวขาเข้าไปในร้านพนักงานที่หันมาเห็นเข้าก็ถึงกับเบิกตาค้าง...แน่นอนว่าคนแถวนี้รู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าเฟอร์รารี่จะทำอะไรก็เป็นที่จับตามองไปเสียหมด

“ คะ คะ คุณรีไว หะ แห่งทีมเฟอร์รารี่?”   เสียงที่เอ่ยออกมาราวกับยังไม่เชื่อสายตา ซึ่งเขาไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอเขาหรือว่าอะไร มือวางกระดาษแผ่นเมื่อกี้ลงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเอ่ยปากถามเข้าเรื่องทันที

“ ชั้นอยากได้มอเตอร์รุ่นนี้ กับยางสลิปของยี่ห้อนี้”  ปลายนิ้วในถุงมือสีดำจิ้มไปยังตำแหน่งของลิสรายการในกระดาษ ถึงอีกฝ่ายจะยังมีท่าทางตื่นๆอยู่แต่ก็ก้มลงไปดูให้

“ อ่า....รุ่นนี้ต้องสั่งซื้อนะครับเพราะเป็นของนำเข้าจากญี่ปุ่น ทางร้านเราไม่ได้เอามาสต็อกเอาไว้ ต้องสั่งมาจากร้านในโรมอีกทีครับ...ก็น่าจะใช้เวลาประมาณสองสามวัน...”

“ แต่ชั้นอยากได้เดี๋ยวนี้”   เสียงนิ่งเอ่ยตัดบททำให้พนักงานที่น่าสงสารเงยหน้าขึ้นมามองด้วยเหงื่อแตกพลั่ก นัยน์ตาเลิ่กลั่กที่เสมองไปที่พื้นแบบนั้นแปลว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ จะคิดราคาเพิ่มก็ได้”  เพราะเขาไม่มีเวลาจะไปๆมาๆระหว่างมาราเนลโลกับโมเดน่านักหรอก กลางอาทิตย์หน้าก็ต้องเตรียมบินไปแคนาดาแล้วด้วย

“ แต่...คือมัน...”  ดูจากสายตาที่หลบเลี่ยงไปมาแล้วแสดงว่ามีของอยู่สินะ เขาใช้สายตากดดันอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ กับอีแค่การบังคับให้อีกฝ่ายมอบของให้มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับอดีตราชาแห่งโลกใต้ดินของมิลานแบบเขา...ไม่ว่าอะไรที่ต้องการก็จะใช้ทั้งพลังและอำนาจที่มีเอามันมาให้ได้...นี่แหละผู้ชายที่ชื่อรีไว


…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาให้รู้สึกรำคาญ...นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอก่อนจะกดรับ

“ คุณรีไว! คุณอยู่ไหนครับ?”   น้ำเสียงร่าเริงเอ่ยมาตามสายโดยที่เขายังไม่ทันจะพูดอะไรออกไป

“ ชั้นกำลังยุ่งอยู่ไอ้เด็กเหลือขอ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”  แล้วเขาก็กดตัดสายไปโดยไม่ได้ฟังว่าเด็กนั่นจะมีธุระอะไร นัยน์ตาละจากโทรศัพท์ไปจ้องมองพนักงานของร้านอย่างกดดันต่อไป


“ ว่าไง?”  เขาถามออกไปด้วยเสียงที่บ่งบอกให้รู้ว่าจะไม่ยอมล่าถอยแน่ ยังไงก็ต้องได้มอเตอร์และยางตัวนั้นในวันนี้

“.......เอ่อ....กะ ก็ได้อยู่หรอกนะครับ...คือ...ที่จริงมันเป็นของที่มีคนสั่งเอาไว้น่ะครับ...เพิ่งจะมาถึงวันนี้พอดี...คือ...ผมจะให้ไปก่อนก็แล้วกัน...”   ก็เท่านั้นแหละ...

เป็นอันว่าวันนี้เขากลับไปพร้อมกับของที่ได้มาครบทุกชิ้น ถึงแม้ว่าพนักงานคนนั้นจะให้มาเพราะว่าเขาเป็นนักขับในดวงใจหรืออะไรก็แล้วแต่ มือวางกล่องมอเตอร์ลงไปที่เบาะข้างคนขับ แต่ก่อนที่มือจะได้ขยับเกียร์...


…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก...แล้วคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

“ คุณรีไวครับคือว่า....”   เสียงสดใสดูเหมือนจะกังวลอยู่นิดหน่อยที่จะพูดออกมาจนเขาต้องถามกลับไป

“ มีอะไร?”

“ คือ...วันนี้มาหาผมได้ไหมครับ?”  มือขยับเกียร์ก่อนที่เฟอร์รารี่สีแดงจะแล่นออกจากที่จอด นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองกองสิ่งของที่อยู่บนเบาะข้างๆเล็กน้อยก่อนจะกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือ

“ วันนี้ไม่ว่าง ไว้วันหลังแล้วกัน”  แล้วเสียงหงอยๆก็ตอบรับพร้อมกับวางสายไป...ก็จะให้ไปหาทั้งสภาพแบบนี้ได้ไงกันล่ะ...เด็กนั่นก็ได้รู้กันพอดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

สองตาจ้องมองถนนทั้งๆที่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า...ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าคนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้เพื่อใครสักคน...

เขาตั้งใจจะให้รถคันนี้กับเด็กนั่น...ถึงคนประกอบจะเป็นเขา แต่คนที่เขียนแบบมันขึ้นมาคือฮันซี่...เพราะงั้นรถคันนี้จะมีข้อมูลทั้งหมดของเฟอร์รารี่อย่างที่เด็กนั่นต้องการแน่นอน

เพราะไม่รู้ว่าเอเลนกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่...กลัวเขาก็อาจจะใช่ แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเด็กนั่นตลอดเวลาก็คือเรื่องของการแข่งรถบังคับวิทยุ

ไม่งั้นคงไม่มาตามติดเขาจนคบกันได้แบบนี้หรอก...






Ferrari F12 Berlinetta แทบจะบินกลับมาราเนลโล กว่าเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจะเงียบลงก็เมื่อมันไปจอดนิ่งอยู่ใต้ชายคาของบ้านในเขตอุทยานแล้วนั่นแหละ

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาหลังจากที่วางข้าวของลงไปที่พื้นห้องนั่งเล่น...ทุ่มครึ่งแล้วงั้นหรอ...

สำหรับเมืองใหญ่อย่างมิลานเวลาแบบนี้คงจะถือว่าเพิ่งเริ่มต้นราตรี แต่สำหรับเมืองเล็กๆที่ไม่มีแม้แต่ผับแล้วมันคงเป็นเวลาพักผ่อนที่อีกไม่นานก็เตรียมจะเข้านอนกันแล้วละ

ทั้งๆที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากเองว่าไว้เจอกันวันหลัง....แต่เอาเข้าจริงแล้วคนที่อยากเจออีกฝ่ายจนทนไม่ไหวอาจจะเป็นเขาเองก็ได้...มือถึงได้หยิบกุญแจรถแล้วขับมันออกไปอีกครั้ง...







ร่างโปร่งบางนั่งแปะอยู่บนที่นอน มือไขน็อตด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจากที่นั่งๆอยู่จู่ๆก็ไหลลงไปนอนตะแคงมองเจ้ารถคันจิ๋วที่ยังประกอบคาเอาไว้ซะแบบนั้น

แค่โดนปฏิเสธเพราะอีกฝ่ายไม่ว่างทำไมถึงต้องซึมแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเคยถูกปฏิเสธแรงกว่านี้อีก

ปลายนิ้วแตะลงไปที่บอร์ดี้ของรถบังคับวิทยุที่เพิ่งสั่งทำมาใหม่ด้วยสายตาเลื่อนลอย...ก็แค่อยากให้คุณรีไวได้เห็นก่อนใคร...บอร์ดี้ที่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงเหมือน F138 LEVI ที่เขาได้สัมผัสมันมากับมือ

ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่บอร์ดี้อย่างเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่คุณรีไวพาเขาไปดู Ferrari F138 คันนั้นใกล้ๆ ได้ลองนั่งไปด้วยกัน....มันทำให้เขากลับมาปรับเปลี่ยนการเซตอัพเครื่องใหม่หลายจุด...เขาอยากให้คุณรีไวได้เห็น...ว่าที่อีกฝ่ายทำให้มันไม่เสียเปล่า

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์การประกอบรถบังคับวิทยุ...ถ้าเขาโทรไปรบเร้าให้อีกฝ่ายมาหาด้วยเรื่องแบบนี้...คุณรีไวอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะยังไงในสายตาดุดันคู่นั้นก็คงไม่เคยเห็นรถบังคับวิทยุของเขาเป็นอย่างอื่นนอกจากของเล่น

หวังว่า...จะไม่ได้มองเจ้าของรถอย่างเขาเป็นของเล่นด้วยหรอกนะ...

“ อ้า~~~~”   ร่างโปร่งบางในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่ใส่แทนชุดนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง....ไม่เอาแล้ว! เลิกคิดมากซักที! นายไม่ใช่คนแบบนี้นะเอเลน! ปกติจะต้องดื้อและพร้อมจะเกรียนใส่ใครก็ตามที่ทำให้นายไม่ชอบใจสิ! แล้วทำไมกับคุณรีไวถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้!



….Sie sind das Essen und wir sind die Jager!!....


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำให้คนที่กำลังจะกลิ้งตกเตียงละสายตาไปมอง มือควานไปหาโทรศัพท์อย่างไม่ได้ตั้งใจนักเพราะคิดว่าคงจะเป็นมิคาสะไม่ก็อาร์มินโทรมา ไม่คิดว่าจะเป็น...

“ คุณรีไว?....”   นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงเมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนจอมือถือ ปลายนิ้วรีบกดรับสายทันที

“ ครับ! คุณรีไว~~”   นี่ก็คบกันมาได้ซักพักแล้วนะ แต่เวลาที่อีกฝ่ายเป็นคนโทรมาทีไรทำไมถึงยังตื่นเต้นดีใจทุกครั้งเลยก็ไม่รู้

“ ชั้นอยู่หน้าปากซอยบ้านนาย...มีอะไรล่ะ?”  เสียงทุ้มที่ดังมาตามสายยิ่งทำให้นัยน์ตากลมโตยิ่งขยายใหญ่จนแทบจะเท่าไข่ห่าน...นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปหรือไม่ได้เผลอหลับแล้วฝันไปใช่ไหม?

“ รอเดี๋ยวนะครับ! เดี๋ยวผมออกไป!”  เขารีบเด้งลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนที่มือจะคว้าเสื้อโค้ทลวกๆแล้ววิ่งลงบันไดไปแม้แต่กางเกงยังไม่ทันจะใส่ จู่ๆก็พรวดพราดออกมาจากบ้านแบบนี้ทำให้แม่ตะโกนไล่หลังมาอย่างสงสัย

“ จะไปไหนน่ะเอเลน?! ข้าวเย็นล่ะ?!

“ ไม่กิน! ไปแถวๆนี้แหละ!

“ เด็กคนนี้นี่......”   เหมือนจะได้ยินเสียงแม่บ่นอะไรไม่รู้มาอีกเป็นชุดแต่สองขาก็ไม่คิดที่จะหยุด

เขาวิ่งไปเรื่อยๆ ลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวเพราะว่าอากาศเริ่มจะหนาวแล้ว ใบหน้ามนหันไปหันมา ทว่า กลับไม่เห็นแม้แต่เงารถเฟอร์รารี่สีแดง สองขาจึงจำต้องวิ่งต่อไปอีก

“ ไหนบอกว่าอยู่ปากซอยไง? ปากซอยไหนเนี่ย? แล้วทำไมจอดไกลจัง?”  ริมฝีปากสีระเรื่อบ่นงุบงิบพลางสอดสายตามองหา F12 Berlinetta

แต่พอมานึกให้ดีๆอีกที...ที่อีกฝ่ายจอดรถไกลขนาดนี้....หรือว่าคุณรีไวกลัวว่าพ่อเขาจะเห็น?

ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับหุบยิ้มไม่ลงที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังจำเรื่องที่เขาขอร้องได้...

และเมื่อมองเห็นรถสีแดงจอดอยู่ไม่ไกลจึงกระโดดขึ้นไปโดยไม่ลังเล

“ คุณรีไว~~~แฮ่ก...แฮ่ก....”  ร่างโปร่งบางที่พุ่งเข้ามาในรถพร้อมกับไอเย็นทำให้นัย์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองคนที่นั่งหอบตั้งแต่หัวจรดเท้า....กางเกงก็ไม่ใส่มีแค่เสื้อเชิ้ตปิดต้นขารำไร เสื้อโค้ทก็แค่คลุมอยู่บนไหล่แถมยังออกมาทั้งๆรองเท้าแตะอีก!

“ ใครใช้ให้นายวิ่งออกมาในสภาพนี้ หื๋อ?...ถ้าเป็นไข้ขึ้นมาอีกจะทำยังไงไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ....”  สองมือที่อบอุ่นจับลงไปที่แก้มเย็นเฉียบก่อนจะจับมันดึงยืดไปมาด้วยอยากจะลงโทษไอ้เจ้าเด็กที่ไม่รู้จักระวังตัวคนนี้ แต่คนที่ถูกดึงแก้มกลับยิ้มพร้อมกับพูดออกมาไม่เป็นภาษา

“ อุนอีไอ้อ้ออ้องอูแออ๋ม เอาะเอ็นอนอำใอ้อ๋มเอ็นไอ้อ่ะอิ่อับ”  (คุณรีไวก็ต้องดูแลผม เพราะเป็นคนทำให้ผมเป็นไข้น่ะสิครับ) ประโยคที่ฟังไม่รู้เรื่องนั่นทำให้คนดึงแก้มนึกมันเขี้ยวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง....กินข้าวรึยัง?”  ใบหน้ามนส่ายไปมาจนใบหน้านิ่งมีรอยยิ้มน้อยๆฉาบอยู่บนริมฝีปากยิ้มยาก สองมือยอมปล่อยแก้มที่อุ่นขึ้นมาบ้างแล้วก่อนจะหันกลับไปจับพวงมาลัย เฟอร์รารี่สีแดงสดออกตัวช้าๆไปตามถนนที่มีหมอกลงจนมองเห็นเพียงสลัวๆ

“งั้นกินที่โรงแรมแล้วกัน ชั้นมีเวลาไม่เยอะ”  แต่แล้วสิ่งที่นักขับมือหนึ่งแห่งพิตการาจสีแดงเอ่ยออกมามันก็ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุขชะงักไปเล็กน้อย


โรงแรม...อีกแล้วหรอ....


ใบหน้ามนก้มลงไปมองที่หน้าตักก่อนจะไล่ความคิดมากในหัวออกไป...เขาก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง...ที่อีกฝ่ายยอมมาหาทั้งๆที่ไม่มีเวลาแบบนี้....










ที่บอกว่าไม่มีเวลา....เพราะว่าหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน นักขับมือหนึ่งของทีมม้าลำพองยังต้องมานั่งทำอะไรที่ไม่เคยทำอย่างการประกอบรถบังคับวิทยุต่ออีก….

ถึงจะคุ้นเคยกับรถฟอร์มูล่าวันคันใหญ่ แต่เขาก็เป็นแค่นักขับ เรื่องระบบต่างๆหรือแม้แต่การเปลี่ยนยางยังทำไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ...แล้วนี่ยิ่งเป็นรถคันที่ยาวแค่สองสามฝ่ามือ...การประกอบจึงยิ่งต้องละเอียดละพิถีพิถันมากตามไปด้วย

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปยังขั้วของสายไฟ ก่อนที่มือในถุงมือจะบัดกรีขั้วบวกกับขั้วลบเข้ากับมอเตอร์

“ ขยับดูด้วยว่ามันหลวมหรือเปล่า...อย่าให้หลุดหรือโยกได้นา...เพราะว่ามันมีผลต่อการกระจายกำลังไฟ”  เสียงของฮันซี่ดังออกมาจากหน้าจอโน้ตบุคที่เปิดคาเอาไว้ ดูเหมือนยัยแว่นนั่นก็กำลังนั่งเขียนผังวงจรอะไรที่เขาก็ดูไม่รู้เรื่องของ F14T คันใหม่อยู่

มือในถุงมือจึงจับไปยังขั้วของสายไฟก่อนจะลองขยับดู

“ แน่นแล้ว”

“ อื้อ...ดีๆ...เอ๊ะ?! นายได้เบรกมอเตอร์หรือยังนะ?” 

“ เบรกมอเตอร์?...”   มันคืออะไรน่ะ? แม้แต่คำศัพท์เขายังไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ อ่า...ฮะฮะฮะ...ถ้างั้นคงต้องให้นายเอาขั้วสายไฟออกก่อนแล้วละ โทษทีๆที่ลืมบอก...”   ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าเสียงขอโทษขอโพยนั้นมันช่างน่ากระทืบสิ้นดี เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆแต่ก็ช่วยไม่ได้ คงมีแต่ต้องทำตามที่ยัยแว่นนั่นบอกเท่านั้น....มือจึงจำต้องดึงสายไฟที่เพิ่งจะบัดกรีเสร็จสดๆร้อนๆออกจากมอเตอร์อย่างเสียมิได้

“ อ๊ะ! ลืมไปว่าไม่ต้องเอาออกแล้วรันอินแทนก็ได้นี่เนอะ!” 

“ จะเอายังไงกันแน่ยัยแว่น?!”   นี่ถ้าอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้คงได้มีเตะกันตายไปข้างแน่ๆ....ถึงยัยฮันซี่จะประกอบรถบังคับวิทยุเป็นอยู่แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยเท่าไหร่นัก ขั้นตอนหลายๆขั้นตอนเลยมีหลงๆลืมๆไปบ้าง....ก็อย่างที่บอกแหละว่ารถบังคับวิทยุนั้นไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ

เจ้าเด็กเหลือขอที่ทำของแบบนี้ได้...ไม่ธรรมดาเลยละ...

“ อ่า...เครื่องชาร์ตแบตนายอยู่แถวนั้นหรือเปล่า? เราต้องใช้มันเบรกอินมอเตอร์ เพื่อไม่ให้มอเตอร์ของนายกินกระแสไฟมากเกินกว่าที่แบตจะมีให้...ไม่งั้นรถนายจะวิ่งได้ไม่กี่รอบก็แบตหมดซะก่อนอะไรประมาณนั้น”   เขาหันไปมองเครื่องชาร์ตแบตที่มีแบตวางชาร์ตเรียงกันอยู่เป็นตับ

“ ยังชาร์ตแบตอยู่เลย...เอาออกมาตอนนี้จะดีหรอ?”  เขามองขาตั้งเหล็กที่ดูๆไปก็คล้ายตะแกรงปิ้งปลาหมึกซึ่งมีก้อนแบตวางอยู่ ที่ปลายเซลล์ทั้งสองข้างหนีบไว้ด้วยสายไฟที่เชื่อมต่อไปยังเครื่องชาร์ตอีกที

“ ฮ้าว....งั้นเอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้แล้วกัน...ชั้นง่วงละ...นายก็อย่ากลับดึกนักสิ...ไปไหนมาเนี่ย...ฮ้าว...”   คนสอนหาวออกมาอย่างไม่เกรงใจ ดูจากความทุลักทุเลแล้วเขาก็ชักไม่แน่ใจว่ารถคันนี้มันจะสำเร็จด้วยดีหรือเปล่า...ก็เพราะแบบนี้แหละเลยยังบอกเด็กนั่นไม่ได้...

คอมพิวเตอร์ถูกปิดไปและเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งเก็บน็อตเอย เกียร์เอย แผงวงจรเอย ที่วางระเกะระกะอยู่เต็มโต๊ะ  ร่างกายเดินขึ้นไปแทบจะไม่ถึงเตียงที่ชั้นบน และเมื่อล้มตัวลงไปนัยน์ตาก็ปิดสนิทแทบจะทันที...









เช้าวันที่เท่าไหร่แล้วนะที่เขาเอาแต่นั่งประกอบรถอยู่แบบนี้....

นัยน์ตาขี้รำคาญจ้องมองไปที่สปีดคอนโทรลซึ่งเป็นแผงวงจรสำหรับจ่ายไฟที่รับมาจากแบตให้กับรถทั้งคัน มือในถุงมือจับคีมหนีบสาย input เทียบดูกับกับคู่มือว่ามันเป็นเส้นนี้แน่ใช่ไหม....คิดดูแล้วกันขนาดสายไฟเส้นไหนเรียกว่าอะไรเขายังไม่รู้เลย


…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


เพราะแบบนั้นต่อให้เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นมาเขาก็ไม่คิดที่จะหันไปสนใจ ทั้งนัยน์ตาและสมาธิถูกใช้ในการเชื่อมต่อสปีดคอนโทรลกับแบตจนเสร็จเรียบร้อย  ปลายนิ้วจิ้มลงไปบนแปลนที่ฮันซี่เขียนมาให้ก่อนจะไล่ดูว่าส่วนต่อไปที่ต้องเอามาเชื่อมต่อนั้นคืออะไร


…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


ใบหน้านิ่งชะงักเล็กน้อยเมื่อเพิ่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ มือจึงเอื้อมควานหามือถือที่จมอยู่ใต้กองอะไหล่...จำนวนมิสคอลทำให้เขาอึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะรีบกดรับ

“ คุณรีไว! ทำอะไรอยู่น่ะครับ?! ผมโทรไปตั้งหลายรอบไม่ยอมรับซักที? อยู่ที่สนามหรอครับ? เลิกเรียนแล้วผมไปหาได้ไหม?”  เด็กนั่นรัวคำถามมาเป็นชุดอย่างกับกลัวว่าเขาจะตัดสายไป

“ อื้อ”   เขาตอบรับสั้นๆก่อนจะหนีบโทรศัพท์เอาไว้กับซอกคอแล้วคีบสายไฟในรถบังคับวิทยุต่อ

“ ผมจะเอารถบังคับวิทยุที่บอกเมื่อคราวก่อนไปให้ดูไงครับ รับรองว่าวิ่งไวกว่า F138 LEVI แน่!”   เสียงมั่นใจปนน่าหมั่นไส้ทำให้เขาเผลอหัวเราะในลำคอ

“ อื้อ”  แต่ตาก็ยังคงจ้องอยู่ที่ปลายสายไฟที่กำลังถูกบัดกรี

“ คุณรีไวกำลังยุ่งอยู่หรอครับ?”

“ นิดหน่อย” 

“ งั้น...ผมไม่กวนดีกว่า...แล้วเจอกันนะครับ...”   เขาวางโทรศัพท์อย่างไม่ได้คิดอะไรแล้วหันไปสนใจเจ้ารถคันเท่าฝ่ามือนั่นต่อ




แต่ดูเหมือนกับอีกฝ่ายแล้วจะไม่ได้จบแค่นั้น...




นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองโทรศัพท์มือถือก่อนจะถอนหายใจออกมา...หมู่นี้โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับ...ถึงรับก็ตอบแค่ “อื้อๆ”  อย่างเดียวเลย

ไม่อยากคุยกับเขาหรือไงนะ?

กำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่า? เขาบอกว่าจะไปหาที่บ้านก็ห้ามไม่ให้ไป...

ร่างโปร่งบางทิ้งตัวนั่งลงที่ระเบียงหน้าห้องเรียนก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า...ต่อให้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ก็คงไม่ได้ทำเพื่อเขาหรอก....

คงไม่พ้นเรื่องของ โกคุเดระ ฮายาโตะ อีกตามเคย....






แล้วทุกๆครั้งที่ออดเลิกเรียนดังขึ้น...ทั้งๆที่เขาบอกว่าจะไปหา...แต่กลับเป็นอีกฝ่ายที่มักจะมาดักรอเขาอยู่ที่หน้าโรงเรียน

ทั้งๆที่ไม่อยากจะพูดจะคุยด้วยแต่ก็ยังมาหาทุกวัน...

แล้วมันก็มักจะจบลงที่เตียงเสมอ...

แล้วแบบนี้จะให้เขาคิดยังไง....


ใบหน้ามนเบือนออกไปมองที่นอกหน้าต่าง เฟอร์รารี่สีแดงจอดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ถึงจะมีใบหนาแต่สีที่โดดเด่นของ F12 Berlinetta คันนี้ก็ทำให้มองเห็นได้ไม่ยาก...ถึงแม้จะดีใจที่จะได้เจอหน้า แต่พอคิดถึงเรื่องที่ต้องทำหลังจากนี้แล้วมันก็....

เสียงออดเลิกเรียนดังปลุกให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์ เพื่อนๆในห้องที่เก็บของกันตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนพร้อมจะออกจากห้องทันทีที่อาจารย์เดินออกไป ห้องที่เคยมีนักเรียนอยู่เต็มเลยว่างเปล่าภายในเวลาไม่กี่นาที แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนี้...นัยน์ตาเหลือบมองกลุ่มคนที่เดินอยู่เบื้องล่าง ทุกสายตาของคนที่ก้าวขาออกไปจากประตูรั้วโรงเรียนต่างก็จับจ้องเฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นพลางหันไปพูดคุยกัน....ดูเหมือนทุกคนจะรู้กันหมดแล้วว่าเจ้าของมันคือคุณรีไวแห่งทีมเอฟวัน แล้วก็รู้ว่าคนที่อีกฝ่ายมารออยู่ทุกวันนั้นคือเขา....ก็ยังดีที่ใช้เรื่องการแข่งรถบังหน้าไปได้ เพราะถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของพ่อเข้า เขาคงจะลำบาก

ลำตัวโปร่งบางล้มตัวลงพาดไปกับโต๊ะ...ไม่อยากลงไป...ไม่อยากให้วันนี้ก็จบลงแค่มีเซ็กส์เหมือนทุกวันเลยแหะ...


….Sie sind das Essen und wir sind die Jager!!....


และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ลงไปสักที จนคนในโรงเรียนเริ่มจะไม่มีเหลือ เสียงโทรศัพท์จึงดังขึ้น

เขาขยับหน้าจอมาดูชื่อของคนที่โทรมา...เป็นคุณรีไวจริงๆด้วย....ใบหน้าจึงแนบลงไปกับโต๊ะอีกครั้ง...

อ้า~~~ทำไมเขาถึงได้เป็นคนแบบนี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายมาหาแต่กลับยังเรียกร้องอะไรบ้าๆอีก!

แต่ก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกัน ได้พูดได้คุยกัน ได้รู้จักกันมากกว่าแค่ร่างกายกับเสียงครางก็เท่านั้นเอง....


….Sie sind das Essen und wir sind die Jager!!....


เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อไป เขาหันหน้าหนีไปอีกฝั่ง ถึงได้ไม่รู้เลยว่าที่เสียงมันดังไม่ยอมหยุดนั้นเป็นเพราะว่าคนที่โทรมาใช้เสียงของมันตามหาตำแหน่งของเขา


ครืด!!!


ประตูห้องเรียนถูกกระชากเปิดออกก่อนที่เขาจะโงหัวขึ้นมาดูและเมื่อเห็นว่าใครกำลังก้าวขาดุ่มๆเข้ามาหา นัยน์ตาก็ทำได้แค่เบิกกว้าง

“ เป็นอะไรของแกห๊ะ ไอ้เด็กเหลือขอ? ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”  มือแข็งแรงบีบปลายคางของเขาก่อนจะพลิกหน้าเขาไปมาแล้วไล่สายตามองสำรวจไปทั่วร่างกาย

“ ไม่สบาย?”  เสียงทุ้มเอ่ยถามและมันก็ทำให้เขาอดที่จะใบหน้าร้อนผ่าวไม่ได้...ถึงจะไม่รู้ว่าคุณรีไวห่วงใยเขาหรือเปล่าแต่แค่ถามออกมาแค่นั้นมันก็ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

“ นิดหน่อยครับ...แต่ไม่เป็นไรแล้วละ...”   เขายิ้มให้ใบหน้าดุๆที่ดูจะไม่เชื่อ ฝ่ามือแข็งแรงถึงได้แตะมาที่หน้าผากและข้างแก้ม....อ๋า~~~ทำแบบนี้หน้าก็ยิ่งร้อนน่ะสิครับ!

“ ไม่ได้ตัวร้อน? ถ้างั้นจะไปกันได้หรือยัง?”  รู้สึกอึกๆอักๆขึ้นมาทันทีที่ถูกจู่โจมแบบนี้

“ ไม่ไปโรงแรมได้ไหมครับ...”  เขาลองถามอีกฝ่ายด้วยสายตาดื้อน้อยๆและมันก็ทำให้คุณรีไวชะงักไป ใบหน้านิ่งมองมาที่เขาก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ

“ งั้นก็ที่นี่?”

“ เอ๋?...ไม่ใช่นะครับ...คือผมหมายความว่าวันนี้ไม่ทำ...ได้ไหม....คือผม....”   ใบหน้าก้มลงมองพื้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงจะกลัวว่าคุณรีไวจะเบื่อเขาแล้วทิ้งไป แต่ก็อยากจะพูดสิ่งที่คิดออกไปบ้าง...

“ แต่ชั้นอยากทำ”   แล้วถ้อยคำชัดเจนที่อีกฝ่ายพูดออกมาก็ทำให้รู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์

“ ที่นี่ก็ดี เปลี่ยนบรรยากาศ?”  น้ำเสียงที่ติดจะเจ้าเล่ห์ทำให้เขาได้แต่ผวา...คนที่พาเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าม่านรูดหน้าตาเฉยอย่างคนตรงหน้าทำอย่างที่พูดได้แน่ๆ

“ ไปโรงแรมครับ!”  เขาจึงต้องรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินนำออกจากห้องไป...







เสียงหอบหายใจดังคละเคล้าไปกับเสียงครางอย่างกับจะขาดใจ

ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งคุณรีไวก็ยังใช้ความช่ำชองล่อลวงเขาราวกับปีศาจร้ายหลอกให้เขาขายวิญญาณให้ได้ทุกครั้ง

ฝ่ามือสั่นๆเอื้อมออกไปแตะกล้ามหน้าท้องที่สวยงามก่อนจะข่วนมันเบาๆเมื่อแกนกายที่คับแน่นอยู่ในตัวเขาขยับกระแทกเข้ามาให้รู้สึกเสียววาบ แรงเสียดสีจากการดึงมันออกไปแล้วกระแทกกลับเข้ามาใหม่ทำให้ร่างของเขาโยกคลอนจนรู้สึกราวกับว่ามันน่าจะหลุดเป็นชิ้นๆได้

“ อ๊ะ?!!”  ก่อนที่เขาจะปล่อยเสียงครางพลางสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆข้างในก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดีจนน้ำตาแทบไหล...ตรงนั้นมันอะไรกันน่ะ?

แล้วก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเขา ใบหน้านิ่งที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทำให้รู้สึกผวาขึ้นมา

“ อะ...อ๊า...”   แล้วจากนั้นแกนกายโหดร้ายก็จงใจกระแทกลงไปที่จุดนั้นจนเขาได้แต่บิดเร่า

เสียงครางอย่างทรมานจึงดังต่อไปจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจแล้วยอมปลดปล่อยเขาออกจากกลลวงของซาตาน...เมื่อเวลาผ่านไปจนพลบค่ำ....


“ ไว้คราวหน้าเพิ่มอีกซักรอบดีไหม?”  เสียงหยอกเย้ากระซิบมาที่ใบหูทำให้มือสั่นๆที่กำลังพยายามติดกระดุมเสื้อตัวเองด้วยความยากลำบากชะงักค้างก่อนจะหันไปทำตาเคืองๆใส่ใบหน้านิ่งที่ดูจะอารมณ์ดี

“อย่าทำเหมือนแข่งรถสิครับ....คนที่จะลุกไม่ขึ้นมันคือผมนะครับ”  แค่ทำจากบ่ายสองมาจนถึงสองทุ่มนี่ยังไม่พอใช่ไหม...แค่นี้เขาก็จะตายให้ได้แล้ว!

ใบหน้ามนหันไปบ่นขมุบขมิบ ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นเดินไปรอที่ประตู

แล้วไม่นาน Ferrari F12 Berlinetta ก็มาส่งเขาที่หน้าบ้าน

เขาได้แต่มองรถสีเพลิงคันนั้นขับออกไปจนลับสายตา...หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จ...คุณรีไวก็จะรีบกลับไปทันที

ไม่รู้ว่ามีอะไรต้องทำหรือว่าไม่อยากอยู่กับเขากันแน่....

มือบางยกขึ้นมาขยี้หัวก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเอง...ไม่รู้กี่วันแล้วที่เขาหลับไปทั้งๆชุดที่ใส่ไปโรงเรียนแบบนี้


บางทีก็รู้สึกเหนื่อย...ทั้งร่างกายและหัวใจ....













ใบหน้าสวยหันไปมองนาฬิกาแขวนผนังจนเส้นผมสีเงินสะบัดส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นเมื่อเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าไปแล้ว

หมอนั่น...ทำไมยังไม่กลับมา....

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองบ้านอีกฝั่งที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวให้รู้ว่าคำว่า “หมอนั่น” ไม่ได้หมายถึงคนที่เป็นดั่งผู้ปกครองซึ่งกลับมานั่งประกอบรถบังคับวิทยุง่วนได้สักพักแล้ว

แต่หมายถึงร่างสูงใหญ่ที่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันหน้าด้านหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามมาอยู่กับเขา ถึงแม้จะตีกับรีไวแทบทุกวันแล้วก็โดนไล่ออกไปจากบ้านทุกวัน แต่ไม่นานใบหน้าแย้มบานนั่นก็มักจะมาโผล่อยู่ในบ้านฝั่งของเขาโดยที่รีไวไม่รู้ว่ามันแอบปีนเข้ามาทางไหนจนได้นั่นแหละ

ใบหน้าสวยลอบมองไปที่โซฟาสีขาวที่ตั้งอยู่ในส่วนนั่งเล่นซึ่งมันถูกใช้แทนเตียงจำเป็นของไอ้บ้านั่น...ถ้าเป็นเวลาแบบนี้ของเมื่อวาน...หมอนั่นก็จะนั่งยิ้มเหมือนคนไม่มีเรื่องทุกข์ใจอะไรอยู่ตรงนั้น...

แล้ววันนี้มันหายหัวไปไหนกัน...หลังจากที่รับโทรศัพท์จากใครสักคน ร่างสูงใหญ่นั่นก็พรวดพราดออกไปโดยไม่ได้บอกเขาสักคำว่าไปไหน ไปทำอะไร...แต่ดาบที่สะพายหลังไปด้วยมันกลับแทนทุกคำตอบ


รู้สึก...สังหรณ์ใจไม่ดีเลยแหะ...


ใบหน้าสวยก้มลงมองซูชิฝึกทำที่อยู่ในมือ...ก่อนจะรีบสะบัดหน้าไปมา...เขาก็แค่อยากกินเองเท่านั้นแหละ! ไม่ได้ตั้งใจจะทำไว้รอไอ้บ้านั่นหรอกนะ!

แต่จนแล้วจนรอดต่อให้ซูชิชิ้นสุดท้ายในมือบางถูกวางลงไปบนจานเรียบร้อย...ร่างสูงใหญ่นั่นก็ยังไม่กลับมา...


ตลอดเวลาที่ซูชิถูกปั้นอยู่ในมือ ใบหน้าสวยก็คอยชะเง้อมองประตูบ้านไปปั้นไป แล้วยิ่งมันเสร็จแล้วแบบนี้ก็เลยยิ่งไม่มีอะไรทำ ร่างบอบบางจึงได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าประตู นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์อย่างคนคิดไม่ตก...จะโทรไปดีไหม? หรือว่าจะขับรถออกไปดูดี? แต่ว่าเขาไม่ได้ห่วงไอ้บ้านั่นแล้วจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ?...แล้วร่างบอบบางก็เลยได้แต่เดินวนไปวนมาด้วยใบหน้าเย็นชาแต่ข้างในร้อนลนแบบนั้นต่อไป




“.........N……..n..n……n……..n..n…….n……


เสียงกล่องดนตรีที่ดังขึ้นมาทำให้ร่างกายถลาเข้าไปหาโทรศัพท์มือถือ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองหน้าจออย่างลุ้นระทึกว่าคนที่โทรมาจะใช่คนที่อยู่ในความกังวลหรือเปล่า

แต่แล้วก็ไม่ใช่...

“ อื้อ...เข้าใจแล้ว...”  น้ำเสียงเฉยชาเอ่ยสั้นๆตอบรับคำสั่งของทีมบอสที่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ยังไม่ต้องเข้าไปที่สนามเพราะ F14T HAYATO...รถแข่งคันใหม่ของเขายังปรับแต่งไม่เสร็จ

ปลายนิ้วกดวางด้วยดวงตาที่ยังไม่ละไปจากประตูรั้ว....ความกังวลใจทำให้สองขาเดินออกไปจากบ้านฝั่งของตัวเองในที่สุด...






เสียงประตูเลื่อนกระจกถูกเลื่อนเปิดออกทำให้ใบหน้านิ่งของคนเป็นผู้ปกครองเงยหน้ามองร่างบอบบางที่เดินเข้ามาโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีดำแล้วยกเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ คางมนเกยลงไป นัยน์ตาสีมรกตทอดมองภายนอกหน้าต่างซึ่งมีแต่ความมืดมิด

เจ้าฮายาโตะกำลังไม่สบายใจ?

ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมาประกอบรถบังคับวิทยุต่อโดยไม่พูดอะไร...เพราะถึงจะถามไปอีกฝ่ายก็คงไม่มีคำตอบให้ พวกเขาถึงได้อยู่ด้วยกันได้เพราะต่างฝ่ายต่างแค่เห็นอีกคนอยู่ในสายตาเท่านั้นก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายไปมากกว่านั้น


“ โฮ่ย...ไปนอนได้แล้ว...ถ้าจะนอนที่นี่ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆไป”   เสียงทุ้มทำให้นัยน์ตาสีมรกตของคนที่นั่งสัปหงกอยู่บนโซฟาหรี่ตาขึ้นมา...นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าไปแล้ว...แต่ที่บ้านฝั่งขวาของเขาก็ยังเงียบงัน

จู่ๆก็ไม่อยากจะก้าวขากลับไป....

ใบหน้าสวยเงยมองร่างแข็งแกร่งของผู้ปกครองที่กำลังถอดถุงมือออกบ่งบอกว่ากำลังจะไปนอนแล้วเช่นกัน...ที่จริงแล้วการที่พวกเขาจะนอนด้วยกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร...เพราะเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีที่ซุกหัวนอน...รีไวก็มักจะกอดเขาเอาไว้...ใช้ร่างกายของกันและกันแทนผ้าห่ม

จนถึงตอนนี้...เวลาที่รู้สึกกังวลใจ เขาก็มักจะเดินมามุดผ้าห่มรีไวไม่เคยเปลี่ยน


สองขาที่ชันอยู่บนโซฟาจึงค่อยๆขยับลงไปแตะพื้น แต่ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นยืน....เสียงรถยนต์ที่หาได้ยากในเขตอุทยานตอนดึกดื่นแบบนี้ก็ดังแว่วเข้ามา...ก่อนที่มันจะหยุดลงที่หน้าบ้าน

เสียง...BMW?

ร่างบอบบางชะงักค้าง เหมือนจะตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที ใบหน้าสวยหันไปมองผู้ปกครองที่กำลังยืนคิ้วกระตุกพลางยกมือขึ้นมากอดอก...ก่อนจะหันไปมองหน้าต่างกระจกที่มองเห็นต้นไม้ใหญ่ข้างประตูรั้ว...ปกติไอ้บ้านั่นจะจอดรถเอาไว้ตรงนั้นแล้วปีนข้ามรั้วมา....แต่วันนี้ทั้งๆที่รถก็จอดนานแล้ว...แต่ทำไมร่างสูงใหญ่ถึงยังไม่กระโดดข้ามมา?

สองขาลุกขึ้นแล้วเดินลอยๆออกไปดู....ทำไมในใจมันถึงได้รู้สึกกังวลแบบนี้...รู้สึกไม่ดีเลย....


ประตูรั้วที่เป็นระแนงไม้ถูกรีโมทบังคับให้เปิดออก แสงไฟนวลตาหน้าบ้านผนวกกับแสงจันทร์ที่ฉาบไล้ไปทั่วถนนทำให้ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้า ร่างทั้งร่างได้แต่นิ่งงันเมื่อเห็นว่าเพราะอะไรกัน ยามาโมโตะถึงยังไม่ข้ามรั้วมา...

ร่างสูงใหญ่นั่งหอบจวนเจียนจะหมดสติอยู่ที่ข้างรถ แผ่นหลังกว้างเอนพิงประตูสีดำของ BMW เอาไว้ในสภาพโชกเลือด มือใหญ่ที่กำดาบยันพื้นเอาไว้ก็สั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดรุนแรงที่คละคลุ้งออกมาทำให้มือบางถึงกับยกขึ้นมาปิดปาก...นัยน์ตาสีมรกตมองร่างสูงใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วยหัวใจเต้นระรัวระคนเจ็บแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ร่างบอบบางถลาเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

“ นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย?!!”   มือบางกระชากคอเสื้อสูทสีดำที่ซับเลือดเอาไว้จนชุ่มโชก ใบหน้าคมคายซีดเซียวจนดูน่าเป็นห่วง

ไม่เห็นต้องถามเลยว่าไปทำอะไรมา....แค่ดูก็รู้แล้วว่าคงจะไป “ทำงาน” ให้วองโกเล่....

นัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่าอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่จับคอเสื้ออีกฝ่ายก็สั่นอย่างที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลัวอะไร...ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่ผู้ชายที่ตนต้องฆ่า...

แต่พอได้เห็นสภาพใกล้จะตายของอีกฝ่ายขึ้นมา...ทำไมถึงได้รู้สึกกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแบบนี้...


ไม่เข้าใจ...

ไม่เข้าใจเลย...


“ โกคุเดระ....?.....อ่า....ดีจังนะ...อย่างน้อยชั้นก็...กลับมา....ถึง...”   นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ดูเลื่อนลอยพยายามปรับโฟกัสก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่ขาดๆหายๆ

“ หุบปากไปเลยนะ ไอ้บ้า!”   ทำไมจู่ๆก็รู้สึกว่ามีน้ำใสๆรื้นอยู่ที่ขอบตา ร่างบอบบางพยายามพยุงร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้น....ต้องเอาเข้าไปทำแผล...ถึงแม้มันอาจจะช่วยไม่ได้เลยก็ตาม....

แต่เป็นเพราะร่างสูงใหญ่นั้นหนักใช่เล่น ทำให้กว่าจะดึงให้ลุกขึ้นมาได้ก็ซวนเซจะล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่อีก...ยังดี...ที่มีท่อนแขนแข็งแรงของใครอีกคนมาช่วยดึงเอาไว้

“ รีไว....”   ใบหน้าสวยเงยมองผู้ปกครองอย่างรู้สึกขอบคุณ ใบหน้านิ่งเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่หมดสติไปแล้วก่อนจะถอนหายใจ

“ ชั้นบอกแกแล้วไง...ว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมาเฟีย...”   ......ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่คิดจะเป็นศัตรูกับพวกมัน....แต่รวมไปถึงอย่าเข้าไปพัวพัน...อย่าไปรู้จัก...อย่าไปรัก....

ถ้าฟังที่เขาบอกสักนิด ก็คงไม่ต้องมาร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้หรอก....




ท่อนแขนแข็งแรงพยุงร่างที่สูงกว่าเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะปล่อยให้นอนราบอยู่บนโซฟาสีขาวที่ถูกเลือดย้อมจนแดงเถือก

แพทย์ประจำทีมเฟอร์รารี่ถูกโทรตามตัวแบบด่วนจี๋...แล้วก็สมกับที่ต้องคอยรับมืออุบัติเหตุแบบไม่คาดฝัน...ไม่นานคุณหมอก็มาถึงพร้อมเครื่องมือครบครัน...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทุลักทุเลอยู่เล็กน้อยตรงที่แพทย์ประจำทีมเฟอร์รารี่ไม่ได้เตรียมพร้อมเรื่องการรับมือกับแผลจากกระสุน

ดูเหมือนแผลใหญ่ที่ทำให้เลือดออกมากจนถึงขั้นสลบไปจะอยู่ที่กระสุนฝังในตรงแถวๆสีข้าง และเมื่อเอาหัวกระสุนออกไปอย่างน้อยก็วางใจได้ว่ายังรักษาลมหายใจเอาไว้ได้ อีกอย่างร่างสูงใหญ่ยังมีร่างกายที่แข็งแรงมาก หมอจึงดูไม่ค่อยห่วงจนถึงกับต้องเอาตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล




แพทย์ประจำทีมเฟอร์รารี่กลับไปเมื่อเวลาผ่านไปกว่าค่อนคืน ซึ่งตลอดการรักษาสองนักขับแห่งทีมม้าลำพองก็ยืนอยู่ด้วย 

ถึงแม้ความกังวลบนใบหน้าสวยจะยังไม่หายไป แต่การที่ร่างสูงใหญ่ยังพอจะมีสติหลังจากสลบไปเป็นพักๆมันก็ทำให้คนที่นั่งเฝ้าอยู่ที่พื้นหน้าโซฟาคลายความวิตกไปได้บ้าง

“ โกคุเดระ......”   เสียงแผ่วเบาเรียกให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองใบหน้าคมของคนที่นอนอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสีเปลือกไม้พร่ามัวค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนมองเห็นความไม่สบายใจในดวงตาสีมรกต มือใหญ่ที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงจึงเอื้อมออกไปประคองแก้มใสอย่างปลอบโยน

“............”   ถึงแม้ริมฝีปากสีสดจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่แค่ขอบตาสีมรกตบวมแดงก็ทำให้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขา

ที่อกซ้ายรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...


ยังมี....คนที่ร้องไห้...หากเขาบาดเจ็บหรือตายไป...

ยังมี...คนที่รอให้...เขากลับมา...



“ เอามันไปฝังลงหลุมเลยเป็นไง?”  แต่แล้วเสียงโหดๆก็ช่วยทำลายบรรยากาศหนักๆที่เกิดจากความไม่สบายใจ คนที่ได้ชื่อว่าผู้ปกครองยื่นแก้วนมอุ่นๆมาให้ร่างบอบบางที่รับไปถือไว้ก่อนจะดื่มช้าๆ

“ ไม่ได้หรอก...หมีเป็นสัตว์อนุรักษ์...ถ้าตายขึ้นมาต้องแจ้งเอลวินไม่ใช่หรอ?”   ริมฝีปากสีสดเอ่ยค้านทั้งๆที่ยังมีคราบนมติดอยู่ คนเจ็บได้แต่ยิ้มเหนื่อยๆเมื่อฟังสองนักขับแห่งทีมเฟอร์รารี่คุยกัน...จะเห็นเขาเป็นหมีก็ไม่ว่าหรอกนะแต่ช่วยพูดภาษาที่มันฟังรู้เรื่องหน่อย...หมีตายแล้วทำไมไปแจ้งทีมบอสของตัวเองล่ะ?

ตกลง เอลวิน สมิธ นี่....เป็นทีมบอสหรือว่าเป็นช่างประปาหรือหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่ากันแน่?

“ นั่นมันในกรณีที่แกขับรถไปชนมัน แต่ถ้ามันจะตายเองแบบนี้ก็ไม่ต้องบอกเอลวินหรอก เอาไปฝังได้เลย”

“ งั้นหรอ?.....”   ดูเหมือนสองพ่อลูกจะคุยกันเรื่องการฝังหมีต่อไปซึ่งเขาก็อยากจะลุกขึ้นมาต่อต้านอยู่หรอกนะ แต่ว่าเปลือกตาก็รู้สึกหนักอึ้งจนต้องยอมให้มันปิดลง...สติที่เริ่มจะเข้าสู่นิทรานึกขอโทษโกคุเดระในใจที่ทำให้ต้องเป็นห่วง...

เพราะไม่เคยมีใคร...ถึงได้ไม่เคยระวังตัว...ไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง...

แต่ก็นะ...ปกติมันไม่เป็นแบบนี้หรอก...เป็นเพราะงานคราวนี้มันชักจะเกินกว่าที่เขาจะรับมือคนเดียวได้เสียแล้ว...พรุ่งนี้...คงต้องบอกสึนะ...


ว่า “Kitsune” เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว...







ร่างแข็งแกร่งของคนเป็นที่เป็นดั่งผู้ปกครองกลับไปนอนเมื่อตอนรุ่งสางทำให้ตอนนี้ที่หน้าโซฟามีเพียงร่างบอบบางอยู่กับคนเจ็บตามลำพัง

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองไปที่ใบหน้าคมที่ยังคงหลับสนิท...ใบหน้าที่ไร้ซึ่งความกังวลนั่นทำให้เขาเข้าใจผิดมาตลอดว่าหมอนี่ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา รอยยิ้มที่สดใสตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันทำให้เขาลืมไปว่ายามาโมโตะเป็นมาเฟีย...

ลืมไป...ว่าหมอนี่เป็นถึงระดับหัวแถวของวองโกเล่...ถึงจะมีอำนาจค้ำฟ้าแต่ก็ยิ่งเสี่ยงชีวิตมากกว่าใครๆ

ลืมไป...ว่าการที่ต้องรอคอยให้หมอนี่กลับมาอย่างปลอดภัยหรือการทนเห็นหมอนี่ได้รับบาดเจ็บ...มันก็เป็นสิ่งที่คนที่คิดจะรักมาเฟียต้องทนรับให้ได้


หากเลือกที่จะรักมาเฟียแล้ว...การเผชิญหน้ากับความเป็นความตายก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้...


นี่คงจะเป็นสิ่งที่รีไวต้องการจะบอก....แต่เขาที่มารู้ตัวเอาป่านนี้ก็อาจจะสายไปแล้ว...


ใบหน้าสวยซบไปที่โซฟา เปลือกตารู้สึกหนักๆขึ้นมาแต่ก็ไม่อยากจะเดินขึ้นไปนอนข้างบน สองแขนจึงยกขึ้นมาแล้วเกยหน้าเอาไว้ใกล้ๆกับฝ่ามือใหญ่ของคนที่ยังหลับใหล...

ถ้าคิดในทางกลับกัน...ตัวเขาเองที่เป็นนักแข่งรถล่ะ...จะทำให้ยามาโมโตะเป็นห่วงแบบนี้บ้างหรือเปล่า...

เพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่ทุกวินาทีที่ลงแข่งก็คือความเป็นความตายไม่ได้ต่างกัน...หากกระสุนและคมดาบคือสิ่งที่จะพรากลมหายใจของมาเฟีย...ความเร็วก็คงจะเป็นสิ่งที่ดับชีวิตนักขับอย่างพวกเขาเช่นกัน


ถ้าจะสัญญาว่า...จากนี้ไปจะขับรถให้ระวังมากกว่านี้จะช้าไปไหมนะ...


เพราะยามาโมโตะ...ทำให้เขารู้สึกขึ้นมา...ว่าความตายนั้นมันน่ากลัว...








…Saihate no STORY idaite  Ate mo naku samayoi tsuzuketa  Nijinda new world …The game has only just begun…



เสียงโทรศัพท์ที่คุ้นเคยทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปิดขึ้นมาช้าๆ แสงสว่างจ้าทำให้ต้องกระพริบเปลือกตาหนักอึ้งสองสามทีก่อนที่ภาพทุกอย่างจะค่อยๆชัดเจนขึ้นมา

อะไรบางอย่างที่เป่ารดฝ่ามืออยู่ทำให้เหลือบตาลงไปดูก่อนจะเผลอยิ้มเมื่อเห็นว่าหัวสีเงินนอนซบอยู่ตรงนั้น แพขนตายาวที่แนบแก้มใสของคนที่ยังหลับสนิททำให้ฝืนยกมือขึ้นไปลูบเส้นผมนิ่มนั่นเบาๆ...นี่คงจะอยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยละสิ เสียงโทรศัพท์ดังแบบนี้เลยไม่ได้ยิน

มืออีกข้างเอื้อมไปควานหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะถูกวางไว้อยู่ที่โต๊ะข้างๆโซฟา และเมื่อคว้ามันมาได้ปลายนิ้วก็กดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“ ไงสึนะ...”

“ ยามาโมโตะ! นายเป็นไงบ้าง? คุณฮิบาริเพิ่งบอกชั้นเมื่อเช้านี้เองว่านายโดนเล่นงาน!!  เสียงจากปลายสายฟังดูตกอกตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย ถึงแม้ต่อหน้าใครๆวองโกเล่เดซิโม่จะทรงอำนาจแค่ไหน แต่เมื่ออยู่กับเขา...พวกเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน

“ แทบแย่เหมือนกัน...ถ้าลูกน้องชั้นที่เฝ้าอยู่รอบๆนี้โทรมาบอกช้ากว่านี้คงเสร็จพวกมันไปแล้ว”  นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบลงไปมองหัวสีเงิน มือใหญ่ที่วางอยู่บนนั้นยังคงลูบมันอย่างรักใคร่

“ พวกมันที่ว่านี่....Kitsune?”  ทันทีที่ได้ยินชื่อ ประกายตาที่อบอุ่นกลับมืดมนขึ้นมาทันที

“ อ่า...แล้วก็เป็นระดับมือสังหารเลยด้วยละ...ชั้นตอนนี้คงดูสองคนนี้ตามลำพังไม่ไหวแน่”   เมื่อคืน...เขาไม่ได้ไปทำงานของวองโกเล่...แต่ออกไปจัดการกับมือสังหารก่อนที่พวกมันจะบุกมาถึงที่นี่...ระดับความร้ายกาจของพวกมันเกือบจะเทียบเท่าพวกวาเรียทีเดียว...ที่เขาจัดการกับพวกมันได้แล้วเอาชีวิตรอดกลับมาถึงนี่ก็นับว่าปาฏิหาริย์เลยละ

“ คุณฮิบาริกำลังเดินทางไปมาราเนลโล่...พวกคาบัคโรเน่ก็อยู่แถวนั้น ชั้นจะให้คุณดีโน่คอยดูให้ด้วย”  สิ่งที่ปลายสายเอ่ยบอกทำให้เขาถึงกับหัวเราะในลำคอ...สึนะไปทำอีท่าไหนถึงทำให้ฮิบาริยอมมาช่วยได้...หรือที่จริงก็แค่อยากจะมาขย้ำคนที่ได้ชื่อว่าอาจารย์ที่เป็นเจ้าถิ่นแถวนี้กันแน่?...แต่แค่ได้ยินแบบนี้เขาก็พอจะวางใจได้ ว่าคงไม่มีมือสังหารที่ไหนจะเห็นเงินดีกว่าชีวิตแล้วคิดจะต่อกรกับครูศิษย์คู่นั้น

“ อื้อ...จากที่ตีกันอยู่ทุกวัน คนพ่อไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่หรอกแต่คนลูกนี่เจอพวกนั้นตามลำพังค่อนข้างน่าห่วงอยู่...พวกมันลอบกัด”  เขาเอ่ยบอกออกไปเพื่อที่สึนะจะได้กำหนดเป้าหมายในการดูแลได้ถูก

“ อื้อ...ถ้างั้นนายพักผ่อนเถอะยามาโมโตะ” 

“ อ่า...แค่นี้นะ บาย”  ปลายนิ้วกดตัดสายก่อนจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ข้างกาย สายตายังคงทอดมองร่างบอบบางที่ยังหลับสนิท...

Kitsune…คือโค้ดเนมที่วองโกเล่ใช้เรียกคนที่ก่อคดีเผาบ้านเด็กกำพร้าที่เวโรน่าซึ่งพวกเขายังไม่สามารถระบุตัวได้ว่ามันเป็นใครกันแน่....และตอนนี้เป้าหมายของมันก็คือการเก็บพยานอย่างสองนักขับของเฟอร์รารี่

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะเคลื่อนไหว....ราวกับมีอะไรไปกระตุ้นให้รีบลงมืออย่างงั้นแหละ...


ความนุ่มราวกับเส้นไหมของเส้นผมสีเงินทำให้ฝ่ามือยังคงลูบมันต่อไป....เขาตั้งใจจะปกป้องโดยไม่คิดจะบอกให้โกคุเดระรู้...เพราะไม่อยากให้กังวลจนอาจจะไปทำให้มีผลกับสมาธิที่ต้องใช้ในการแข่ง...แค่วอกแวกนิดเดียวก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้...

เขาเอง...ก็อยากให้โกคุเดระกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน...












อัลฟ่าโรเมโอรุ่นลิมิเต็ดจอดลงที่ข้างถนนใน Modena ให้สายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองอย่างอิจฉา

ร่างโปร่งบางก้าวขาเข้าไปในร้านขายอะไหล่และไม่นานเสียงโวยวายก็ดังออกมาให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันไปสนใจยิ่งกว่ารถหรูราคาแพงระยับนั่นเสียอีก

“ ว่าไงนะ?! ขายให้คนอื่นไปแล้ว?! ทั้งๆที่ผมเป็นคนสั่งมันมาเนี่ยนะ?!!!”  คนที่โวยวายแทบจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปกระชากคออีกฝ่าย...จะไม่ให้หัวเสียได้ไงในเมื่อเขาต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะสั่งอะไหล่นั่นมาได้ แล้วจู่ๆก็มีใครมาซื้อตัดหน้าไปซะงั้น

“ เอ่อ....อ่า...คุณลูกค้าใจเย็นนะครับ อะไหล่ชิ้นใหม่จะมาถึงวันพรุ่งนี้ครับ ถ้าไงก็....”

“ มันใช่ความผิดของผมไหม?! ผมถึงต้องมาเอามันใหม่ในวันพรุ่งนี้?! แล้วก็นะ...........ฯลฯ”  ร่างโปร่งบางยังคงไม่ยอมลดลาวาศอก ริมฝีปากสีระเรื่อด่าฉอดๆจนพนักงานของร้านถึงกับต้องยกธงขาว...กับคนที่ดื้อรั้นและไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆแบบนี้คงจะไม่มีใครคาดถึงว่าจะกลายเป็นแค่ลูกหมาขี้อ้อนและใจน้อยเวลาที่อยู่กับเจ้าของ

“ เข้าใจแล้วครับ...เดี๋ยวทางร้านจะเอาอะไหล่ชิ้นนั้นไปส่งให้ที่มาราเนลโลแล้วกันนะครับ ขอโทษด้วยจริงๆครับ”  พนักงานยอมก้มหัวขอโทษ ร่างโปร่งบางถึงได้ยอมถอยออกมาด้วยใบหน้าหงุดหงิด ตอนนี้อะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปซะหมดและเมื่อเข้าไปนั่งในรถได้ มือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาทันที

เสียงตรู๊ด ตรู๊ด ดังอยู่พักใหญ่กว่าปลายสายจะยอมกดรับได้ จากนั้นเขาก็ใส่ไปเป็นชุด

“ คุณรีไว~~ นี่ผมมาเอาอะไหล่อยู่ที่โมเดน่า แล้วคิดดูนะว่าผมมาตั้งไกลขนาดนี้เพื่อที่จะให้พนักงานร้านบอกว่าขายอะไหล่ที่ผมสั่งเอาไว้ให้คนอื่นไปแล้ว...อ๊า~~~ มันน่าโมโหชะมัด!!”  คนที่รับสายถึงกับอึ้งไป...ถึงปกติเจ้าเด็กนั่นมันก็มักจะโทรมาเล่าเรื่องนู้นนี้บ่นนู่นนี่ไร้สาระให้ฟังเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คราวนี้สิ่งที่ได้ยินทำให้มือที่กำลังไขน็อตอยู่ถึงกับนิ่งค้างไป

อะไหล่ที่ว่านั่น....หรือจะเป็นมอเตอร์ที่เขาไปกดดันให้พนักงานขายให้มา?

“ แล้ว...ต้องรีบใช้หรือเปล่า?”  เขาเลียบๆเคียงถามออกไป จะบอกว่าอะไหล่นั่นมันอยู่ที่เขาก็พูดไม่ออก

“ ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้เค้าจะเอามาให้ นี่ยังดีนะที่ผมไม่มีแข่งวันสองวันนี้ ฮึ่ม!”   เสียงจากปลายสายเดาได้ไม่ยากเลยว่าเจ้าเด็กนั่นคงจะกำลังหน้าหงิกอยู่แน่ๆตอนนี้...ริมฝีปากเผลอยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว

“ อืม...”  ถึงจะตอบรับไปสั้นๆก็เถอะ

“ จริงสิ! พอไม่มีอะไหล่บ่ายนี้ผมเลยไม่มีอะไรทำ ผมไปหาคุณรีไวที่บ้านได้ไหมครับ?”  

“ ห้ามมา!  เป็นเพราะตกใจที่จู่ๆเด็กนั่นก็โพล่งออกมาแบบนั้นทำให้เขาเผลอปฏิเสธไปแบบไร้เยื่อไย...ที่จริงก็แค่ไม่อยากให้มาเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง

“ เอ่อ...ชั้นหมายถึง ไปเจอกันที่อื่น...”  และพอปลายสายเงียบไป เขาจึงเอ่ยออกไปอย่างพยายามที่จะง้อ

“ งั้นหรอครับ...อย่างงั้นก็ได้...งั้นผมกลับถึงมาราเนลโลแล้วผมโทรหาอีกทีแล้วกันนะครับ”   เด็กนั่นวางสายไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆจนเขาได้แต่ยกมือขยี้หัวตัวเอง...ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้เลย...







ใบหน้ามนถอนหายใจอยู่หลังพวงมาลัยของอัลฟ่าโรเมโอ หน้าผากใสโน้มลงไปเกยอยู่บนท่อนแขนที่วางอยู่บนพวงมาลัยอย่างคนคิดไม่ตก

คุณรีไวกำลังทำอะไรอยู่....เรื่องแค่นี้บอกคนที่ได้ชื่อว่าคนรักอย่างเขาไม่ได้เลยหรือยังไงกัน ถึงได้ปล่อยให้เขาเฝ้าคิดมากอยู่แบบนี้....ไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไงบ้างเลยหรือไง หรือว่าเขามันไม่ได้สำคัญเท่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั่น....

อ๊า~~~ แค่เรื่องอะไหล่รถกับเรื่องพ่อก็จะบ้าตายอยู่แล้ว!

พอกันที!!

ใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้นเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตามุ่งมั่นจนน่ากลัว

กับคนที่ดื้อดึงอย่างเขา ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ...แล้วยิ่งวันที่อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ความกล้าบ้าบิ่นมันเลยมีมากกว่าปกติ...ถ้าห้ามกันขนาดนี้ละก็...ขอไปดูซักทีเถอะว่าซุกซ่อนอะไรเอาไว้ถึงไม่อยากให้เขาเห็นนักหนา!!


แล้ว Alfa Romeo 8C Spider ก็มุ่งสู่เขตอุทยานของมาราเนลโลทันที







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




อ๊า~~~~ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าตอนที่ 13 จะจบลูปนี้แต่ทำไมมันยังไม่จบอีกฟร้า~~~~ >[ ]<

อื้อ...ช่างมันเถอะ ยังไงคุณกวางมันก็พวกยิ่งแต่งยิ่งยาวลงทะเลอยู่แล้ว *กระซิก*

กำลังคิดว่าถ้าเรื่องนี้ได้รวมเล่ม ช่วงทอล์คท้ายเล่ม(ที่ปกติก็ยาวราวๆ 5 หน้าได้ = =” ) น่าจะยาวมากกกกกกเลยมั้งเล่มนี้ เพราะน่าจะมีอธิบายศัพท์และความหมายของอะไรต่อมิอะไรอยู่ไม่ใช่น้อย555 อย่างตอนนี้เองก็มีความหมายของเสียงโทรศัพท์ ^ ^ แต่ชอบคิดอะไรแบบนี้มากเลยค่ะ ว่าตัวละครของเราจะใช้รถอะไร มีเสียงโทรศัพท์แบบไหน มีของใช้ประจำวันยังไง บ้านเป็นแบบไหน....GLIDE นี่แปลนบ้านยังไม่ออก คือปกติจะมีแทบทุกเรื่องอ่ะ5555 ที่จริงสเก็ตเอาไว้แล้วแหละ แล้วก็มีคนอาสาจะทำอินทีเรียให้ด้วย วรั๊ย >////< หาเวลาว่างจากงานก่องแล้วกันนะ ฮือออออ

มาดูคำแปลของเสียงโทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้กันดีก่า *w*




…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….

ฉันจะเสกเวทมนต์ที่ลึกลับ...และเสื้ออันแสนสกปรกสวมใส่ให้กับเธอ...

ของคุณท่านรีไว...ก็เอามาจากท่อนฮุคของเพลง GLIDE นั่นแหละค่ะ คือประโยคนี้นี่แทบจะเป็นคีย์ของฟิคเรื่องนี้เลยอ่ะ ฟังแล้วเป็นเรื่องเป็นราวออกมาได้ยืดยาวขนาดนี้ก็เพราะอิประโยคนี้นี่แหละฟฟฟฟฟ มันดูดาร์ก ลึกลับ เจ้าเล่ห์แต่ก็เท่ห์บัดโซบเลย ฮืออออ ชอบ TvTbb





….Sie sind das Essen und wir sind die Jager!!....

พวกมันคืออาหารและเรานั้นคือนักล่า!!!...

ของหนูเลน...เป็นภาษาเยอรมันจากเพลงเปิดแรกของ Attack on Titanที่เราคุ้นเคยกัน Guren no Yumiya  คือมันเหมาะกับเอเลนมว๊ากกกก แบบห้าวมากอ่ะ แต่จะเป็นนักล่าหรือโดนล่าซะเองนี่ก็อีกเรื่องนะ555 >////<






“.........N……..n..n……n……..n..n…….n……

ของหนูก๊ก...เอิ่บ..คุณกวางไม่ได้ขี้เกียจแต่อย่างใดนะ แต่ไม่รู้จะพิมพ์ออกไปยังไงอ่ะ ฮ่าๆๆ ก็มันไม่มีเนื้อเพลงอ่ะ เพราะเป็นเสียงกล่องดนตรีของเพลง PLEDGE [music box ver.] คือตอนแรกจะให้ใช้เสียงเดียวกับของยามะเพราะรู้สึกว่าเพลง No pain , No Game  มันเข้ากับสองคนนี้ในเรื่องนี้มาก แต่พอมาคิดอีกที เสียงกล่องดนตรีลอยๆแบบนี้ก็ดูเหมาะกับหนูก๊กไปอีกแบบแหะ >////<

ในฐานะที่ไม่มีเนื้อ เลยแปะให้ฟังแบ้วกันว่ามันเพราะโฮกขนาดไหน







…Saihate no STORY idaiteAte mo naku samayoi tsuzuketaNijinda new world …The game has only just begun…

ที่สุดของเรื่อง...ฉันยังคงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย...เพื่อตามหาโลกใหม่...เกมมันเพิ่งจะเริ่มต้น...

ของยามะ....มาจากการล่อลวงของคนบางคน(ชื่อสโนว์)เลยค่ะเพลงนี้ ติดมว๊ากกกกก >[ ]< No pain , No Game  เพลงเปิดของเรื่อง BTOOM ค่ะ เป็นประโยคเปิดเพลงเลยอ่ะ

คือในยูตูบโดนลบไปหมดแบ้วค่ะ เลยเหลืออยู่แต่ที่นี่ เผื่อใครอยากฟังนะก๊า  http://alive.in.th/watch_video.php?v=DW3MBMYHYSU2




ก็ประมาณนี้แหละ ^ ^ ขอจบการเวิ่นไปปั่นงานพร้อมๆกับตอนต่อไปก่อนนะคะ ไม่ไหวแระอาทิตย์ที่ผ่านมานรกมากอ่ะที่ออฟฟิศ คืองานเก่าตรูก็ยังไม่ทันจะเสร็จ งานใหม่มันจะรีบอะไรนักหนา คิดว่าตรูจะทำแบบขออนุญาติภายใน 5 วัน(นับรวมเสาร์อาทิตย์ ฮือออ)ได้รึไงฟร้า~~~ แต่ก็ต้องได้เพราะมันจะต้องยื่น แต่คือตอนนี้มีแต่แปลน บ่นๆๆๆ *ล้มโต๊ะ* อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณกวางใช้ชีวิตแบบนี้ค่ะ.......ทำงานกลับบ้านตอนทุ่มนึง...กลับถึงบ้านก็กินๆๆ ระหว่างกินก็แอบดูอนิเมะบ้างไรบ้าง...จากนั้นก็นอนอย่างหมดสภาพ...ตื่นอีกทีราวๆตีสอง ปั่นฟิคจนถึงตีห้า...นอนอีกทีเกือบๆหกโมงเช้า...ตื่นไปทำงานตอนแปดโมงครึ่ง =[ ]= มันส์มากกกก ชีวิตไม่ได้ต่างไปจากตอนเรียนเบยค่ะน้องๆ *กระซิก*

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^





6 ความคิดเห็น:

  1. by parkjiko
    โฮกกกกกกกก....คู่ยามะก๊กน่ารักกกกกหวานนนแบบนี้ชอบบบบบให้ยามะมันเจ็บแล้วให้ก๊กเป็นพยาบาลน้ำตาคลอดูแลนี่มันใช่มากๆอะ ชอบฝุดๆ ส่วนรีเอก็แหล่มมากกกกก...เฮย์โจวคะ บ่ายสองถึงสองทุ่มนี่ไปเอาแรงมาจากไหน ไม่มียั้งจริงๆคะ แต่แบบนี้แลเรียกเลือดคนอ่านดีแท้55555
    ติดตามอ่านต่อนะคะ อิอิ ไอ้เด็กเหลือขอจะเจอรถบังคับมั้ยอะ หรือจะมีเหตุปะทะให้พลาดอีก คึๆๆๆลุ้นคะลุ้น

    ตอบลบ
  2. จะเอาตอนต่อป๊ายยยยย แง่งงงง *ล้มโต๊ะ*
    โถๆเอเลนลูก~~ อย่างอนไปน้า~~ 555
    พี่กวางขา~ ขอฉากบ่ายสองถึงสองทุ่มของทุกวันที่โรงแรมเลยได้มั้ยคะ!!! #วิ่งหนีหลบหลังเสา#หนูไม่หื่น#อย่าฆ่าหนูววว
    เฮย์โจวช่างมีความพยายามยิ่งนัก นับถือๆ แต่ดันไปเอาอะไหล่ของเอเลนมาซะนี่ = =;;; (แอบ)สงสารพนักงานจังเลยค่ะ เจอความโหดของคุณพี่เข้าไป กร้าก~

    สองพี่น้องจะฝังหมีให้ได้เลยใช่มั้ยคะ!!! *กลั้นขำ*
    โถๆ ยามะเอ๋ย~ กลายเป็นสัตว์สงวนไปซะแล้ว
    ป๋าเอลวินคือทุกสิ่งค่ะ ดูเหมือนพี่ท่านจะทำงานอยู่หลายอาชีพนะคะ 555

    พี่กวางสู้ๆ~~ อย่าหักโหมมากนะคะ!
    (หนูรอฟิคตอนต่อไปอยู่...#ไม่ได้พูด#ข้ามมันไป#หนูขอโทษ~~)

    ตอบลบ
  3. คือ…..ชอบการซื้อของของท่านท่อนขาจริงๆค่ะกวางซามะ!
    ให้ตายเหอะ 555555 คือจะเอาเดี๋ยวนี้ แถมไอ้ที่จะเอาเดี๋ยวนี้ของคุณท่านนี่มันคือการพรีออเดอร์!!!
    ที่ตามหลักการความเป็นจริงของโลกมนุษย์(?)ที่อยู่ประเทศไทย(?)แล้วแม่เจ้าต้องรอเป็นอาทิตย์จนถึงเดือนเหอะคุณ แต่คือพี่แกจะเอาเดี๋ยวนี้ และพี่แกสามารถซื้อได้เดี๋ยวนี้(?)จริงอะไรจริงอ่ะ 5555555555 โอ่ยยยย จะมีอะไรที่จะเอาแล้วไม่ได้บ้างน่ะมีมั้ยยยย มันน่าหมั่นไส้จริงๆให้ตาย #อินเนอร์คนอ่านมาล้วนๆ(?) 555555

    แต่เค้าก็ชอบในฟีลที่ท่านท่อนขาเขินที่ต้องมาทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองพูดเองแท้ๆว่าเป็นของเด็กเล่นแบบนี้มากกกจริงจังอ่าาาา คือจากที่ฟินแล้วก็ยิ่งฟินหนัก และก็คิดว่าถ้ามันไม่มีรอยยิ้มของเอเลน(?)ตอนที่ได้รับเจ้ารถคันนี้ลอยมาเป็นกำลังใจ(?) พ่อคุณคงกระทืบทิ้งตั้งแต่กระดาษลิสต์อะไหล่ที่ฮันซี่เขี่ย(?)มาให้แน่ๆ แต่มันก็ฟินได้แค่ฝั่งนี้ล่ะนะ เก๊ายังสงสารเอเลนอยู่เลยค่ะกวางซาม๊า T ___ T เมื่อไหร่หนูจะได้ยิ้มแบบมีความสุขเต็มที่ เต็มที่ในแบบไม่ต้องมีอะไรให้คิดกังวลว่าอีกฝ่ายรักไม่รัก(?)แบบนี้นะ คิดถึงจุดนี้แล้วอยู่ๆทำไมพ่อล่ำบึก(?)แว่บมาล่ะหืออออออ #หาบังเกอร์(?)หลบหลีกท่อนขา….ไม่ทัน(?) #ก็นะคนมันอยู่ฝั่งเอเลน(?) > _ <

    แล้วอะไรคือการที่บอกว่าไว้วันหลังค่อยเจอ แต่ขับรถมาหาค๊าาาาาา แม่เจ้า!!!!! แล้วเอเลนก็น่ารักมากกกกก แค่บรรยายว่าอยู่ในสภาพแบบไหนวิ่งมาหาที่รถแล้วก็อิจฉาท่านท่อนขา(?) อ๊ากกกกกกกกกกกกก #กอดคอมิคาสะ(?) #ฟีลมันใช่ #ใช่อะไรของหล่อน 55555

    พาร์ทนี้บอกตรงๆว่าถูกใจฮันซี่มากจริงๆ 555555 คือมันหาโอกาสแบบนี้(?)ไม่ได้อีกแล้วจริงๆน่ะล่ะ ไอ้โอกาสที่จะให้พ่อคนขี้รำคาญมาตั้งใจฟังอะไรหยุมหยิม(?) แถมตั้งใจฟังไม่พอต้องทำตามด้วย(?) ถูกใจจริงๆ 5555555555555555 คือเค้าชอบมากจริงๆนะคะ อาการหงุดหงิดของท่านท่อนขาจนอยากจะเตะกันตายไปข้างนั่นนะ ถูกใจ~~~~ 55555555 #หล่อนจะไม่ได้คิดจะเก็บอาการสะใจ(?)ไว้เลยสินะ 55555

    แล้วพ่อคุณความอดทนต่ำใช้เสียงโทรศัพท์ของลูกหมาที่กำลังสับสน(?)เป็นเครื่องบอกตำแหน่งนี่มันอาร๊ายยย โฮกกกกกกก ฟีลนี้มันโฮกกกกจริงจัง คือถ้าไม่สนคงไม่ขับมาหา และถ้าไม่สำคัญจริงก็คงไม่รอ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่รักมากคงไม่ดึงดั้นมาตามไปลากเข้าโรงแรม(?)ถึงโต๊ะเรียน(?) #สมการทฤษฎีโฮกของเอ็งตอนจบนี่มันยังไง 555555
    และคงไม่ต้องพูดว่าสถานการณ์(?)ในโรงแรมว่ามันทำเค้าคลั่งเสมอ > ___ < โอ่ยยยย เลือดนี่สาดกระจายหมดตัวแล้วหมดตัวอีก > ___ < คุณรีไว๊~~~~~~~ ไปแนะไอ้หมี(?)บ้างเซ่ ฝั่งนั้นมันยังไม่มีสักรอบ(?) #ตูจะได้ตายไม่ฟื้นก็เรื่องนี้เนี่ยแหละ แนะนำแต่เรื่องดีๆให้เสียชีวิตทั้งนั้น 555555

    ถ้าหนูก๊กจะมาอยู่ในเวอร์ชั่นเป็นคุณภรรยา(?)ทำข้าวเย็น(?)ชะเง้อคอมองว่าคุณสามี(?)ที่เป็นหมี(?)เนียนกลับมาหรือยังแบบนี้!!!! ไม่ทนนนนนนนค่ะกวางซาม๊า > ___ < แล้วไหนจะไม่สบายใจจนต้องไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในระยะสายตาของผู้ปกครองแบบนั้นอีก ตายยยยยย ผู้ปกครองชวนขึ้นเตียงอีก ตายยยยยยยยยยยยยหนัก ตูจิ้นหนูก๊กกับผู้ปกครองเตลิด(?)ไปไหนต่อไหนแล้วละนั่นนนน #เซิ้ง #เดี๋ยวๆหล่อนผิดคู่ผิดเรื่องแล้ว 5555 แต่มันก๊าวใจจริงจัง T ^ T ยังชอบที่ท่านท่อนขาเป็นห่วงหนูก๊กแบบนี้เสมอเบยยย

    แล้วก็เหมือนว่าหมีบางตัวมันจะไม่ยอมให้จิ้นผิดเรื่อง มันถึงมาในสภาพใกล้ตาย(?)เรียกคะแนน(?)ความเป็นห่วงจากคุณภรรยาและคุณพ่อตา(?) ที่ดูจะได้ผลไปในทางฝังลงหลุม(?)ซะอย่างเดียวมากกว่า 555555 แต่เอาจริงๆเค้าโฮกกกกกฮากกกกกฉากนี้มากๆเลยนะคะ > __ < คือแม้จะไม่ได้พูดให้อีกฝ่ายรู้ แม้จะเป็นแค่ความคิดในหัว แต่กลายเป็นว่าทั้งคู่ก็คิดเหมือนกันในเรื่องที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทำอะไรเสี่ยงๆอย่างไม่ห่วงชีวิตแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว ต่างฝ่ายต่างอยากจะถนอมกันและกัน คนนึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงแบบที่ตัวเองได้ห่วงวันนี้ ถึงกับยอมสัญญาจะขับรถให้ระวังมากขึ้น อีกคนที่ไม่เคยมีหัวใจกลับยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องอีกคนให้ปลอดภัย…………………….ไม่ตายยังไงไหวคะ? !!!!! ฮือออออออออออ รักฟิคกวางซามะ > ____ <

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จริงๆตงิดเรื่องอะไหล่ที่ท่านทอนขาไปแซงคิว(?)ใครสักคนมา และคิดว่าใครสักคนคงไม่พ้นเด็กเหลือขอที่จริงจังกับการแข่งรถทามิย่ามากกว่าใครอย่างเอเลน แล้วก็ชัดเจน 555555555555 คนแก่(?)กว่าแย่งของเด็ก(?)แบบนี้น่ะไม่ดีเลย~~~ #แค่กระทืบคงไม่พอ ทำไมมีเสียงฉัวะๆ(?)มาด้วย 5555 อ่านมาถึงตอนจบพาร์ทนี้แล้ว วกไปถึงประโยคของกวางซามะของพาร์ทที่แล้วเลย 55555 มันจะได้ให้กันมั้ยเนี่ยไอ้รถคันนี้เนี่ยยย

      แล้วก็เรื่องเสียงเรียกข้าวของแต่ละคน ถ้าเราจะเดาใจกวางซามะได้ดีกว่านี้(?) ก็คงไม่แว่บออกจากการอ่านกลางคัน(?)ไปหาความหมายของแต่เสียงเรียกเข้าของแต่ละคน ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันต้องมีความหมายที่ซ่อนอยู่ถึงต้องออกไปหาความหมาย 55555 แล้วก็ตั้งใจจะมาพิมพ์บอกว่าเค้าชอบเรื่องการเลือกเสียงเรียกเข้าของแต่ละคนมากเลยแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าท้ายเรื่องกวางซามะหาข้อมูลมาแจงให้เรียบร้อยแล้วแบบไม่ต้องให้คนอ่านไปลำบากลำบนว่ามันมาจากไหน ตู…..วอกแวกไปทำไมคะเนี่ยยยย 555555

      แต่เสียงเรียกเขาของหนูก๊กมันแบบขนลุกจริงๆๆ คือของเอเลน หรือท่านท่อนขาก็ชอบมากแล้วนะ ของยามะเพิ่งเคยฟังครั้งแรกก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ คือโดนตั้งแต่ชื่อเพลง!!!!! แต่หนูก๊กนี่ไม่ทนแล้ว จัดการโหลดเข้ามือถือตัวเองตั้งเป็นเสียงแมสเซสไปแล้วค่ะ O [ ] O มันเพราะโฮกจริงๆๆๆ ยิ่งบ้าๆๆ music box เจอทำนองแบบนี้ไม่ทนนนนนนนนนนน > ___ < ขอบคุณที่แปะไว้(?)มากๆเลยจริงจังค่ะ

      แล้วก็อ่านชีวิตประจำวันกวางซามะแล้วอยากจะคำนับฟ้าดินให้จริงๆค่ะ นอนแค่นั้น…….มันพอได้อย่างร๊ายยยยย #ของหล่อนน่ะมันเรียกนอนกินจักรวาลไม่ต้องเอาไปวัดชาวบ้านปกติ(?)เค้าเลย
      T _ T รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ทางนี้ก็มีอะไรรุมเร้ามากมายไม่ต่างเลยค่ะ ต่างแค่พอมันนอนแล้วมันไม่ยอมตื่น(?) มันถึงได้มาอ่านมาเม้นท์ช้าแบบนี้ (กอดขา(?)กวางซามะ(?))

      ปล. จุดนี้รักตำแหน่ง(?)เอลวิน 5555555555555555555555555555555
      พ่อเบ็ดเตล็ด(?)~~~~~ โอ่ยยยย ทุกอย่างคือเอลวินจัดการสินะ ชอบจริงจังอ่ะค่ะกวางซาม๊า

      -----จรลีไปอ่านพาร์ทต่อไป

      ลบ
  4. อรั้ย พี่กวางขา !!!!
    หะออมมาแว้ววว 555
    ไม่ได้อ่านนาน งานบาน ดองบานเลย ><

    สำหรับในตอนนี้รีไวล์น่ารักมากค่ะ ฮีดาร์ก ฮีอบอุ่น ฮีแคร์ความรู้สึกเจ้าเด็กเหลือขอตาแป๋ว และฮีก็แคร์มากจนจะทำเซอร์ไพรส์ให้หนุเอเลน อะโห! แล้วถ้าตอนหน้า หนูเอเลนมาหา เซอร์ไพรส์ก็แตกเลยสิคะเนี่ย แต่ก็ดีเหมือนกันน๊า จะได้รู้สักที ว่าที่คิดว่าป๋าสนใจแต่เรื่องบนเตียงน่ะ มันไม่ใช่ (ทั้งหมด) !!!

    ...ชุด!! ชุดเอเลน!!! ถถถถ ทำไมออกมาในสภาพแบบนั้นล่ะหา! ไม่กลัวเสือสิงกระทิงมิคาสะเห็นแล้วจับอุ้มไปเรอะ ...วุ้ย รู้สึกหนาวขาแทนหนุเอเลน ><

    แต่มันก็น่าน้อยใจป๋าอยู่เหมือนกันนะ เอะอะ ๆ ก็จบที่เตียง ๆ ก็เข้าใจนะว่าแสดงออกไม่ค่อยเก่ง แต่แบบ มาก ๆ เจ้าตัวเล็กจะช้ำเอานา

    ส่วนหนูก๊กลูก หนุรู้ตัวแล้วสินะ รู้ใจตัวเองแล้วสิเนี่ย ว่ารุ้สึกยังไงกับเจ้าหมียักษ์หูดำนั่น อรั้ย รู้แล้วก็อย่าเพิ่งบอกนะลูก รอ ๆ เจ้าหมีบอกก่อน ... เพิ่งมารู้ ก็ตอนเนียนบาดเจ็บ เลยเจ็บแทนด้วยสิน๊า //คนอ่านก็เจ็บด้วย ช่างทำกับเนียนได้ TT

    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง รักษาสุขภาพ พักผ่อนเยอะ ๆ น๊า

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ6 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:33

    การซื้อของของรีไวล์ที่ว่าดุเดือดแล้ว
    มาเจอการวีนของเอเลนก็ดุเดือดเช่นกัน
    คิดว่าอีกไม่นานพนักงานร้านนั้นคงลาออกเพราะกลัวลูกค้าสองคนนี้
    คนนึงก็ทะมึนคุกคามจะเอาของ
    อีกคนก็โวยวายร้านแทบพัง

    ถึงจะรุ้ว่ารีไวล์กำลังทำของเซอร์ไพรส์เอเลนอยู่
    แต่ก็อดสงสารเอเลนไม่ได้
    ก็อีกฝ่ายเล่นถามคำตอบคำ
    เป็นใครเขาก็ต้องคิดว่าจะโดนทิ้งทั้งนั้นแหละ
    แล้วยิ่งเอะอะก็ชวนเข้าโรงแรม
    ก็ยิ่งน่าน้อยใจจนทนไม่ไหว
    เอเลนจะบุกไปที่บ้านแล้วนะคะท่าน
    เตรียมรับมือดีๆ

    ก๊กน่ารักมากกกกกก
    มีหัดทำซูชิด้วย
    คือถ้าเป็นยามะแบบปกติมาเห็นคงดีใจมากกกกกก
    แต่ทีนี้ดันบาดเจ็บกลับมาแล้วดีใจไปคนละแบบ
    เพราะมีคนรอมีคนห่วงทั้งๆที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
    แล้วบทสนทนาชวนให้คนอื่นงงนั่นมันอะไรกัน
    "หมีเป็นสัตว์อนุรักษ์" ไหนจะเรื่องแจ้งทีมบอสอีก
    คือตกลงเอลวินเป็นทีมบอสแค่ในนามสินะ
    แต่หน้าที่จริงๆคือGB เจเนรัลเบ๊
    เพราะทำทุกอย่าง//โดนเฟอรรี่อัดก๊อปปี้

    ตอบลบ