Attack on Titan. S.Fic [Reiner x Eren] - beLIEve - : 01


Attack on Titan. S.Fic [Reiner x Eren]  - beLIEve - : 01

: Attack on Titan Fanfiction 
: Reiner x Eren
: Romance
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         


.
.
.
.
.
.
.
.



ในวันที่ผมก้าวขาเข้ามาในขอบเขตของมนุษยชาติ ผมก็ได้ละทิ้งหัวใจในฐานะมนุษย์ไปแล้ว...

เสียงกรีดร้อง...น้ำตา...ใบหน้าหวาดผวา...ทุกๆที่ที่ผมวิ่งผ่านไปมันราวกับตกอยู่ในขุมนรก...

ผมรู้ตัวดี...ว่าคงไม่อาจร้องขอคำให้อภัย...

ทั้งๆที่รู้ตัวดี...แต่ตอนนี้...ผมกลับต้องการให้เขายกโทษให้ผมมากที่สุด...

ร้องขอ...ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดราวกับมันเป็นการแก้แค้นของมวลมนุษยชาติ...

ในเมื่อผมเป็นคนทำให้หัวใจของเขาต้องแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า...

เพราะฉะนั้นเขาจึงมีสิทธิ์...ที่จะไม่ยกโทษให้ผม...



แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น...คำมั่นสัญญาเพียงหนึ่งเดียวของผมที่จะให้ไว้กับเขาได้ก็คือ...






ผม...จะต้องเอาตัวเขาไปให้ได้...



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ “มัน” อยู่เหนือหน้าที่...


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



“ แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก.....”


เสียงหอบหายใจดังก้องอยู่ในคอกม้าที่มืดสลัว....

แสงสุดท้ายของวันนี้ที่กำลังจะหายไปทำให้ผมมองเห็นร่างโปร่งบางของเขาซึ่งกำลังยืนหันไปหันมาเหมือนจะมองหาอะไรบางอย่างพลางหอบไปด้วย

ผมสืบเท้าเข้าไปหาร่างที่คุ้นตาซึ่งยังอยู่ในชุดทหารเต็มยศขาดก็แต่อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติก็เท่านั้น...เย็นย่ำขนาดนี้แล้วเขายังไม่ถูกปล่อยให้ไปพักผ่อนอีกหรือไงกัน?

จะเรียกว่าเข้มงวดหรือว่าโหดร้ายดีนะ...หน่วยรีไวที่เอาตัวเขามาซุกซ่อนอยู่ในป่าในเขาแบบนี้...

พวกนั้น...ยังเห็นว่าเขาเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า...

บางครั้งในใจของผมมันก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเขาถูกปฏิบัติด้วยราวกับเป็นสัตว์ร้ายแบบนี้


ไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่จะไว้ใจและไม่หวาดกลัวต่อไททันหรอก...ผมรู้ดี


เขายังคงยืนหันไปหันมาอย่างไม่รู้ว่าผมเข้าไปประชิดตัวเขาแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงตวัดคว้าลำตัวโปร่งบางเข้ามาในอ้อมแขนให้เขาได้แต่สะดุ้งเฮือก

“ ไรเนอร์!!!”  เสียงดุๆถูกกระซิบออกมาเมื่อเขาเห็นหน้าผม นัยน์ตากลมโตสีมรกตมองมาพลางค้อนให้ทีนึง

“ นายมาทำลับๆล่อๆอะไรแถวนี้?! นี่ดีนะที่รีไวเฮย์โจวไม่อยู่”  ก็เพราะผมรู้น่ะสิว่าวันนี้หัวหน้าทหารรีไวจะไม่กลับมาที่นี่ ผมถึงได้แอบมาหาเขา....ผมทนต่อความห่วงใย ทนต่อความคิดถึงที่มีให้เขาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขากลายเป็นไททัน...เขาก็ถูกจับแยกตัวออกไป...ไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน กว่าผมจะสืบมาได้ว่าเขาอยู่ที่ปราสาทเก่าหลังนี้ เวลามันก็ผ่านไปหลายอาทิตย์


เราไม่เจอกันมานานแค่ไหนแล้ว...


ผมได้แต่เฝ้ากระวนกระวายใจ เป็นห่วงเขา ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง เขาจะถูกทำร้ายเหมือนในศาลทหารอย่างที่ใครๆก็พูดถึงนั่นอีกหรือเปล่า เขาจะกินข้าวอิ่มไหม จะนอนหลับไหม จะอยู่ยังไง จะโดนล่ามโดนขังหรือเปล่า...ผมเอาแต่คิดเรื่องของเขาจนแทบจะกลายเป็นคนบ้า...เพราะฉะนั้นแค่เห็นว่าเขายังสบายดี ยังวิ่งกระหืดกระหอบออกมาตามหาผมที่ไปผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวๆห้องครัวของปราสาทนั่นได้แบบนี้มันก็ทำให้ความกังวลใจของผมหายไปกว่าครึ่ง...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกทารุณกรรม

“ ฉันคิดถึงนาย เอเลน...คิดถึงมาก...”  ผมดึงใบหน้ามนที่เบิกตาค้างก่อนจะแดงระเรื่อเข้ามา...ริมฝีปากแนบลงไปบนกลีบปากนุ่ม...ความโหยหาทำให้ผมเฝ้าจูบเขาซ้ำไปซ้ำมา

จากตั้งใจจะแตะแค่ริมฝีปากแต่ความคิดถึงทำให้ผมทนไม่ไหวจนเผลอสอดลิ้นเข้าไป สองมือรวบเอวบางของเขาเข้ามาแนบชิดลำตัวหนาของผมเช่นเดียวกับท่อนแขนเล็กที่โอบมาที่รอบคอแข็งแรง...สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ถลำลึกลงไปได้ไม่ยาก ภายในริมฝีปากต่างพัวพันดูดกลืนซึ่งกันและกันจนอากาศที่จะหายใจแทบจะไม่มีเหลือ

“ ไร...เนอร์.....ฮ้า....ฮ้า....”   เขาสะบัดเงยหน้าเพื่อหอบหายใจเมื่อผมยอมละริมฝีปากออกมา น้ำลายที่เชื่อมจากปลายลิ้นของเราสองคนขาดลงก่อนจะเลอะคางมนเป็นสาย ริมฝีปากลากไล้ไปกดจูบลงที่ซอกคอระหงอย่างที่รู้ตัวดีว่าตอนนี้คงไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ไหนมาหยุดความต้องการของผมได้อีก และเขาเองก็คงจะเป็นเช่นกัน มือบางถึงไม่ห้ามไม่ต่อต้าน.....ระยะห่างและกาลเวลามันทำให้พวกเราเห็นถึงคุณค่าของการอยู่ด้วยกัน......เซ็กส์ที่อ่อนโยนและโหยหาจึงถูกนำมาใช้แทนคำพูดที่จะบอกให้ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนั้นมันทรมานแค่ไหน

ผมดันแผ่นหลังบอบบางไปจนชิดผนังของคอกม้า แข้งขาที่เริ่มจะอ่อนแรงตามการปลุกเร้าของผมทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆทรุดลงไปบนกองฟางต่างที่นอน ผมยังคงตามไปกดจูบคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอและลาดไหล่ที่มองเห็นไหปลาร้าชัดเจน มือปลดสายหนังเส้นที่จำเป็นออกก่อนจะสอดฝ่ามือเข้าไปในเสื้อของเขา ผิวเนียนนุ่มถูกมือของผมสัมผัสกึ่งสำรวจไปทั่วและเมื่อมันหยุดลงที่ยอดอกข้างหนึ่งเสียงครางก็ดังขึ้นทันที

“ ห๊ะ...อ้า....”   ผมเหลือบมองไปที่ประตูคอกม้า...ไม่ดีแน่ถ้าใครมาเห็นเข้า ยังไงคนที่ถูกคัดให้มาอยู่หน่วยรีไวก็คงจะมีฝีมือไม่ใช่น้อย แล้วเสียงครางที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติก็อาจจะปลุกคนพวกนั้นให้ลุกขึ้นมาดูได้

“ กัดไว้เอเลน”  ผมถอดเสื้อคลุมสีดินของตัวเองออกก่อนจะสอดเข้าไปในปากของเขาที่พยักหน้าเข้าใจ

เสื้อตัวบางถูกถลกขึ้นไปก่อนที่ผมจะไล้เลียยอดอกสีชมพูของเขาด้วยปลายลิ้น ความเปียกแฉะทำให้ใบหน้ามนขึ้นสีแดงจัด นัยน์ตาสีมรกตเชื่อมปรอยด้วยความทรมานจากความเสียวซ่าน ลมหายใจหนักๆถูกปล่อยออกมาแทนเสียงครางที่ถูกหยุดอยู่แค่ในลำคอ

“ อื้อ!!”  เสื้อคลุมของผมถูกกัดแน่นเมื่อมือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดของเขาออกก่อนจะสอดมือเข้าไป ข้างในนั้นมันแข็งตัวแล้วทั้งยังเริ่มมีความต้องการไหลออกมาจากส่วนปลายจนผมได้แต่มองเสยขึ้นไปมองหน้าเข้าด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ ใบหน้ามนที่ยังกัดเสื้อของผมอยู่เสไปมองที่อื่นด้วยความอาย ผมจึงย้ายใบหน้าไปซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอของเขาแทน....นึกถึงเมื่อสมัยตอนที่เขายังไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้....เพราะผมเป็นคนสอนทุกๆอย่างให้เขาเองกับมือ

“ อื้อ!!!”  และแค่แตะส่วนอ่อนไหวของเขาเพียงเล็กน้อย ความที่ห่างหายจากเรื่องแบบนี้มานานก็ทำให้ความต้องการถูกปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย น้ำรักสีขาวขุ่นไหลเลอะเต็มฝ่ามือใหญ่ๆของผมที่พยายามประคองมันไว้ไม่ให้เปื้อนไปบนเครื่องแบบของเขา...จริงๆด้วยแหละ...การจะทำเรื่องแบบนี้มันควรจะถอดเสื้อผ้าออกก่อนจริงๆด้วย

“ ฮ้า...ฮ้า....”  เขาหอบหายใจทั้งๆที่ผ้ายังคงคาปาก เหงื่อที่เกาะพราวอยู่ทั่วใบหน้าราวกับเป็นมนต์สะกดให้ผมยิ่งหลงใหลในตัวเขามากขึ้นไปอีก

“ เอเลน...ชั้นขอใส่เข้าไปนะ...”  ผมกระซิบบอกข้างหูที่ยังคงแดงระเรื่อ เขาพยักหน้าให้อย่างไม่ยอมสบตา...ที่จริงเรื่องแบบนี้ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอเขาหรอกเพราะพวกเราต่างก็คุ้นเคยกับมันดีอยู่แล้ว...ในเมื่อผมกับเขา...เราคบกันมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทหารฝึกหัด...และการลักลอบมีเซ็กส์กันโดยห้ามให้ใครจับได้นั้นมันก็เป็นเรื่องปกติของพวกเราไปแล้ว

“ ถะ ถือมันไว้นะ...ไรเนอร์”   เขาดึงเสื้อของผมออกจากปากก่อนจะเอ่ยออกมาพลางเหลือบมองของของเขาที่อยู่ในมือผมแบบผ่านๆ...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะให้ผมเก็บมันเอาไว้ทำอะไร...เจ้านี่จำเป็นในการที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นๆก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น...ทีละชิ้น....ผมรู้ว่าเขายังคงทำอะไรตรงไปตรงมาและไม่ได้ตั้งใจจะยั่วผม...แต่การกระทำของเขามักจะได้ผลตรงข้ามกับความตั้งใจอยู่เสมอในเมื่อในสายตาของผมตอนนี้...การที่เขามายืนเปลื้องผ้าต่อหน้านี่มันช่างเย้ายวนกันอย่างร้ายกาจที่สุด...

แล้วร่างกายเปลือยเปล่าขาวผ่องที่ต้องแสงจันทร์ซึ่งลอดผ่านรูของคอกม้าเข้ามานั้น...มันทำให้เขาดูเซ็กซี่น้อยเสียที่ไหน...ผมนับถือความไร้เดียงสาของเขาเลยที่ทำเอาผมแทบคลั่งได้ขนาดนี้

เขาคุกเข่าคร่อมลงมาบนท่อนขาของผมที่ขยับมานั่งพิงผนังเอาไว้ มือบางดึงเสื้อยืดคอกว้างของผมขึ้นก่อนจะช่วยถอดมันออกไปทางหัว ปลายนิ้วเรียวยาวตรงเข้าไปปลดเข็มขัดของผมออกแล้วดึงซิปลงปล่อยไรเนอร์น้อยให้ออกมาดูโลกภายนอกกางเกง...ความเป็นชายที่ขยายใหญ่ของผมทำให้เขาเสหน้าไปมองที่อื่นอย่างอายๆ

ผมคว้าเอวบางให้ลำตัวเขาขยับเข้ามาใกล้พอที่จะให้มืออีกข้างซึ่งเปรอะเปื้อนของของเขาสามารถสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นด้านหลังได้ ใบหน้ามนขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

“ เอเลน...”  ถึงแม้จะไม่ได้ทำมานานแต่ความคุ้นเคยก็ทำให้ปลายนิ้วสอดเข้าไปได้...ถ้าแค่นิ้วละก็นะ...

“ อื้อ~~~”  ริมฝีปากสีแดงถูกเม้มแน่นเมื่ออีกนิ้วถูกส่งตามเข้าไป สองขาที่ยันร่างกายของตัวเองไว้ถึงกับสั่นระริกจนในที่สุดสองแขนบางก็ต้องโอบมาที่รอบคอของผมเพื่อเป็นหลักยึด ใบหน้ามนซบอยู่ที่หัวไหล่ เสียงครางอย่างพยายามห้ามไม่ให้มันดังออกมานั้นมีแต่จะทำให้ผมต้องกัดฟันทน ปลายนิ้วขยับเข้าออกในช่องทางคับแน่นที่เริ่มจะผ่อนคลายอย่างพยายามใจเย็นที่สุด

“ อึก....อ้า....”  ใบหน้ามนสะบัดเงยขึ้นก่อนจะอ้าปากอย่างพยายามผ่อนลมหายใจเมื่อผมดึงนิ้วออกมาและเอาส่วนปลายของความเป็นชายไปจ่ออยู่ที่ปากช่องทางซึ่งถูกเตรียมไว้อย่างดี ของเหลวสีขาวขุ่นที่ผมใส่เข้าไปบางส่วนก็ไหลย้อยลงมาที่ต้นขาด้านในแสดงให้เห็นว่าคงปล่อยให้นานกว่านี้ไม่ได้แล้วละ และเมื่อผมกดลำตัวเขาลงไป ไหล่บอบบางก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที....ก็ผมน่ะไม่ได้โตแต่ตัวอย่างเดียวนี่

“ ไร...อะ....เดี๋ยว....”  เขาพยายามจะให้ผมทำช้าๆแต่ว่าความต้องการที่สะสมมานานก็ทำให้ผมทนไม่ไหวจนเผลอกดร่างของเขาลงรวดเดียว ใบหน้ามนถึงกับยู่ยี่เลยทีเดียว

ผมปล่อยให้ช่วงล่างค้างคาอยู่แบบนั้นถึงแม้ว่าข้างในมันจะรัดแน่นจนทำเอาแทบคลั่งเลยก็เถอะ...แต่ถ้าผมไม่ทำให้เขาผ่อนคลายมากกว่านี้...เขาจะต้องลุกไม่ขึ้นแน่

ท่อนแขนจึงตวัดรอบเอวบางให้หน้าท้องแบนเรียบขยับเข้ามาแนบชิดหน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของผม ใบหน้าเงยขึ้นไปลากไล้เรียวลิ้นบนแผ่นอกบางที่ยังหอบหายใจหนักหน่วง รอยเปียกแฉะจากน้ำลายลากผ่านยอดอดสีชมพูไปยังซอกคอระหงก่อนจะคลอเคลียมันด้วยริมฝีปากและลมหายใจ ฝ่ามือคู่ใหญ่ก็ลูบไล้อยู่บนแผ่นหลังเปลือยเปล่าด้วยความนุ่มนวลชวนให้เคลิบเคลิ้ม

เขาค่อยๆก้มหน้าลงมาหาผมก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน เรียวลิ้นสอดเข้าไปพัวพันซึ่งกันและกันด้วยความเร่าร้อน ฝ่ามือของเขาค่อยๆสอดเข้ามาในกลุ่มผมสีทองของผมจากทางท้ายทอย และเมื่อริมฝีปากละออกจากกันลิ้นของผมก็ยังคงปลุกเร้าเขาอยู่ที่หน้าอก...อยากจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว...ร่างกายท่อนบนยังคงนัวเนียแลกสัมผัสแห่งความโหยหาก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าผนังอ่อนนุ่มและร้อนลุ่มที่โอบรัดความเป็นชายของผมอยู่มันจะเริ่มคลายออกได้บ้าง

“ ไรเนอร์...”  แล้วเสียงสั่นพร่าที่เรียกชื่อของผมออกมามันก็ทำให้ความอดทนสิ้นสุดลง สองมือจับลงไปที่สะโพกมนก่อนจะยกตัวเขาขึ้นแล้วกดลง

“ อ๊ะ.......อื้อ!!”  และก่อนที่เสียงครางแห่งความสุขสมจะดังออกไป ผมก็อุดปากของเขาด้วยริมฝีปากของผม

“ อื้ม...”  ปลายลิ้นที่สอดเข้าไปหนักหน่วงไม่แพ้ช่วงล่างที่ขยับโยกสะโพกของเขาตามแต่ใจผม...รู้สึกดีจนแทบบ้าเลยละ

ทุกความต้องการ ทุกแรงปรารถนา ทุกความโหยหาถูกเติมเต็มจากแรงที่ถาโถมเข้าใส่ อ้อมแขนยังคงกอดรัดซึ่งกันและกันเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ยอมละออกมาจากกันแค่ให้มีอากาศหายใจได้นิดหน่อยเท่านั้น ผิวเนื้อที่แนบชิด ไออุ่นที่รู้สึกได้ อุณหภูมิของร่างกาย ลมหายใจที่เป่ารดใบหน้า ทุกสัมผัสมันทำให้รับรู้ถึงคำว่า “รัก” จนแทบจะล้นทะลักออกมาถึงแม้ว่าจะไม่ต้องพูดถึงมันแม้แต่ครั้งเดียว

ผมประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเขาอีกครั้งเมื่อสองมือรั้งสะโพกมนให้ยกสูงขึ้นแล้วกดลงรวดเดียว เสียงอื้อดังอยู่ในลำคอพร้อมๆกับร่างกายของเขาที่กระตุกเฮือกเมื่อแรงอารมณ์พุ่งถึงจุดสูงสุด น้ำรักที่มากกว่าครั้งก่อนพุ่งกระจายอยู่บนหน้าท้องของผมเช่นเดียวกับความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ในร่างกายของเขาซึ่งรับเอาไว้ไม่หมดบางส่วนมันถึงได้ไหลย้อยลงมาตามเรียวขาที่สั่นระริก

“ ฮ้า...ฮ้า...ฮ้า.....”  ไม่รู้ว่าลมหายใจของใครเป็นของใคร เสียงหัวใจที่เต้นระรัวนี้ก็เหมือนกัน ผมเงยหน้ามองเขาที่ยังหอบตัวโยนด้วยรอยยิ้มก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปบนกลีบปากแดงช้ำอย่างแผ่วเบาแทนคำที่ผมต้องการจะบอกเขาว่า “รัก”

ผมยกตัวเขาขึ้นถอนร่างกายไปจากความเป็นชายของผมก่อนจะเช็ดของเหลวที่มันไหลออกมาแต่ส่วนที่มันยังค้างคาอยู่ข้างในผมกลับจงใจที่จะปล่อยมันเอาไว้แบบนั้น ถึงแม้เขาจะค้อนให้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร...อาจจะหมดแรงอยู่ก็ได้มั้งปากดีๆนี่เลยเอาแต่หอบหายใจโดยปล่อยให้ผมจัดการแต่งตัวให้เขาตามสบาย



ผมเอนหลังพิงผนังอยู่บนกองฟางโดยมีร่างโปร่งบางนอนซบอยู่ที่แผงอก ฝ่ามือลูบผมสีน้ำตาลนิ่มก่อนจะกดจูบลงไปด้วยความรักใคร่

“ นายผอมลงนิดหน่อยนะ”  หลังจากพายุแห่งความโหยหาพัดผ่านไป ตอนนี้จึงนอนคุยกันเงียบๆ

“ ก็ฝึกหนักน่ะสิ...นายไม่ต้องห่วงหรอก...ทุกคนที่นี่ดูแลชั้นเป็นอย่างดี”  ถึงแม้ใบหน้าของเขาที่พูดประโยคนั้นออกมามันจะยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเรื่องการกำจัดไททันก็ไม่เคยหายไปจากในหัวของเขา แต่ความหม่นหมองเล็กน้อยกลับเคลือบอยู่ในดวงตาสีมรกตแบบที่เขาคงจะไม่รู้ตัวว่าซุกซ่อนมันกับผมไม่ได้หรอกนั่นมันก็บอกได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดไปเสียทุกอย่าง

“ พวกนั้นให้นายนอนที่ไหน?”

“ ทำไม? นายจะย่องมาหาชั้นรึไงไรเนอร์?”  นัยน์ตาคู่โตหรี่ลงนิดๆอย่างจ้องจะจับผิด ริมฝีปากสีแดงพยายามจะกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะ แต่พอเห็นว่ามันไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่ยังจริงจังของผมเปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาก็สลดลง

“..........ที่คุกใต้ดินน่ะ”   พวกนั้นยังไม่เชื่อใจเขา...แล้วสิ่งนี้มันก็กำลังบั่นทอนจิตใจของเขาลงไปทีละเล็กทีละน้อย

ผมดึงตัวเขาเข้ามากอดเอาไว้...รู้สึกสงสารจับใจกับสิ่งที่เขาต้องเจอ...บอกตามตรงว่าผมคงทนได้อีกไม่นานนักหรอก...เป็นใครจะยอมได้ถ้าต้องเห็นคนที่ตัวเองรักถูกปฏิบัติราวกับสัตว์ร้ายไม่ก็อาวุธแบบนี้



ถ้านายอยากจะเห็นโลกภายนอก...ฉันจะพานายออกไปให้ก็ได้

ถ้านายอยากมีอิสระ...ฉันก็จะตัดโซ่ตรวนพวกนั้นให้เอง



“ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ......”  เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากใบหน้าที่ยังซุกอยู่ที่แผงอกของผม...เขากำลังพยายามอดทน....อดทนต่อสายตา...ไม่ว่าใครจะมองเขาว่าเป็นตัวอะไรเขาก็จะอดทนเพื่อเป้าหมายเดียวของเขาเท่านั้น นั่นก็คือการกำจัดไททัน

บางครั้งผมก็อยากจะรู้...ว่าถ้าเขารู้ว่า “ใคร” คือคนที่เขาต้องฆ่ามันให้ได้...เขาจะยังลงมือแบบไม่ลังเลได้อีกหรือเปล่า

ผมละอ้อมแขนออกจากตัวเขาก่อนจะมองไล่ไปบนร่างกายนั้นอีกครั้ง...ทั้งๆที่ตอนนี้เราก็เป็นเหมือนกันแล้วแท้ๆ...แต่ทำไมยังต้องมาปล่อยให้เขาถูกกักขังอยู่ที่นี่อีก...สองมือได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บใจ

“ ไม่ต้องห่วงมากไปหรอกน่า...อีกอย่างนะ ชั้นได้อยู่ในความดูแลของรีไวเฮย์โจว นายคิดว่าจะมีสักกี่คนที่โชคดีเท่าชั้นอีกจริงไหม? นายก็รู้นี่นาว่าชั้นชื่นชมเค้าขนาดไหน ใช่ไหม?”  ใบหน้ามนเงยขึ้นมายิ้มให้อย่างต้องการให้ผมสบายใจ ผมเองก็ไม่อยากให้เขาลำบากใจจึงพยายามจะไม่คิดมาก พยายามจะไม่กังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะถ้าเขาเลือกแล้วว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการทำ ผมก็จะขอเป็นกำลังใจให้เขาโดยไม่คิดจะคัดค้าน

“ นี่เอเลน...นายพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าชั้นเนี่ย มันทำให้หึงนะ”  ผมยกมือขึ้นไปบีบปลายจมูกของเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว

“........อะ...อะไรเล่า...”  ใบหน้ามนขึ้นสีก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการสะบัดหน้าไปมาบนแผงอกของผม ท่าทางราวกับลูกหมาแบบนั้นมันทำให้จู่ๆผมก็รู้สึกสบายใจจนเผลอหัวเราะออกมา

“ ไรเนอร์...”  แล้วจู่ๆเขาก็นิ่งงันไปเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้...

“ ........?”  ผมก้มลงไปมองหน้าเขาด้วยเครื่องหมายคำถาม

“ .....นาย....ไม่กลัวชั้นหรอ?”  ใบหน้ามนดูหม่นหมองลงไปจนผมเริ่มแปลกใจ

“ ..........?”

“ นายนี่ลืมไปแล้วรึไงว่าชั้นเป็น....ไททันน่ะ....”   ผมเกือบจะถอนหายใจออกมา...ที่แท้เขาคงจะกังวลกับเรื่องนี้แล้วก็คงจะกลัวมาตลอดว่าคนที่เขารักอย่างผมจะเกลียดจะกลัวเขา...นี่แปลว่าช่วงที่ไม่ได้เจอกันนี้นอกจากสายตาของใครต่อใคร เขาคงจะกลุ้มใจเรื่องกลัวว่าผมจะเปลี่ยนไปด้วยสินะ

ผมยิ้มให้เขาก่อนจะจูบลงไปบนขมับเบาๆ

“ ไม่กลัวเลยสักนิด....ก็นายไม่เห็นจะเหมือนไททันสยองขวัญพวกนั้นเลยนี่ ไหนดูซิ....นี่ไง....ตานายก็ยังสีเขียวเหมือนเดิม หน้านายก็ยังบูดเหมือนเดิม คิ้วนายก็ยังผูกกันเป็นโบว์เหมือนเดิม แถมตัวนายก็ยังเล็กเหมือนเดิม....”   มือใหญ่ๆของผมจับปลายคางมนก่อนจะพลิกใบหน้าที่เริ่มจะงอหงิกของเขาไปมา นัยน์ตาสีมรกตจ้องผมด้วยสายตาจิกกัดจนผมได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างๆหูของเขาว่า

“ .......นายยังเป็นคนที่ชั้นรักคนเดิมนะเอเลน”   แล้วใบหน้ามนก็แดงเถือกก่อนจะซุกมันลงไปที่แผงอกให้อ้อมแขนของผมกอดเอาไว้



ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็นึกถึงตอนที่เราเจอกันใหม่ๆขึ้นมา....




แล้วภาพของวันเก่าๆที่ไม่เคยเลือนหายไปจากใจของผมมันก็ค่อยๆฉายชัดขึ้นอีกครั้ง....











ภาพ...เมื่อครั้งที่เรายังเป็นทหารฝึกหัด....














ช่วงก่อนจะเข้าเรียนมักเป็นเวลาที่ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงดังจากพลังที่ยังเต็มเปี่ยมของยามเช้า เหล่านักเรียนเตรียมทหารต่างจับกลุ่มคุยกันสารพันเรื่องและพวกผมเองก็เช่นกัน

“ ใครมันเอาหวีของชั้นไปใช้กันวะ?! สารภาพมาซะดีๆนะเฟ้ย เมื่อเช้านี้เห็นคาตาเลยว่ามีเส้นผมติดอยู่ด้วยน่ะ!  โคนี่ถามเสียงแข็งกลางวงสนทนา ก่อนที่ร่างเพรียวยาวของแจนจะเดินเข้าไปกอดคอคนที่ยังโวยวายด้วยใบหน้ายิ้มกวนๆพลางยกมือขึ้นลูบหัวโล้นๆนั่นเบาๆ

“ อย่างนายนี่ยังต้องมีหวีเป็นของตัวเองด้วยหรอโคนี่? แล้วนายแน่ใจได้ไงว่านั่นมันจะไม่ใช่ผมของนายเองน่ะ?”  ประโยคที่พูดออกมาไม่รู้ว่าจะหลอกด่าหรือว่าหลอกลวงกันแน่ และก็คงมีแต่โคนี่เท่านั้นแหละที่พยักหน้ารับแบบตามไม่ทัน

“ จริงสินะ...อาจจะเป็นผมของชั้นเองก็ได้เนอะ...โทษทีที่กล่าวหาพวกนาย”   ก็อาจจะดีแล้วก็ได้ที่โคนี่เป็นแบบนี้ กองทหารฝึกหัดรุ่นที่ 104 ถึงได้มีแต่เสียงเฮฮาเรื่อยมา

“ มีใครเห็นเอเลนบ้างหรือเปล่า?”  จู่ๆบทสนทนาก็ถูกขัดด้วยเสียงนิ่งๆของมิคาสะ....ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติที่เธอจะถามหาแต่เอเลนแต่สำหรับเวลาที่สายเอาป่านนี้แล้วมันก็ดูไม่ปกตินักที่เจ้าเด็กปากดีนั่นจะยังมาไม่ถึงห้องเรียน


ทั้งๆที่เป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้...เพื่อฆ่าไททันมากที่สุดในชั้นปีแท้ๆ


“ ผมนึกว่าเอเลนจะตามออกมาแล้วซะอีก เมื่อเช้าก็เรียกตั้งหลายครั้ง....”   อาร์มินเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าครุ่นคิด...ถึงแม้จะกระตือรือร้นแต่เอเลนก็เป็นคนขี้เซาอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆนั่นแหละ

คงต้องบอกว่านอกจากเรื่องฆ่าไททันแล้ว เรื่องอื่นจะเป็นยังไงเจ้าเด็กปากดีนั่นก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาก็ว่าได้...กับเรื่องบางเรื่องถึงได้ใสซื่อจนเหลือเชื่อ...

“ งั้นชั้นจะไปดู”  มิคาสะทำท่าจะไปอย่างที่ว่า แต่ผมก็คว้าแขนของเธอเอาไว้ได้ทัน

“ มิคาสะ! เดี๋ยวชั้นไปดูให้เอง...ยังไงนั่นมันก็หอชายนะ”   ถึงผมจะรู้ว่าในสายตาของเจ้าหล่อนไม่เคยสนใจอะไรที่นอกเหนือไปจาก “ของของเอเลน” ...แต่ผมก็คงให้เธอเข้าไปเห็นกางเกงในของเหล่าชายหนุ่มที่ตากเอาไว้กลางห้องเพราะฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันนั่นไม่ได้หรอก

“ งั้นหรอ...งั้นก็ฝากด้วยนะ...ลากออกมาจากเตียง แล้วก็พาไปอาบน้ำ...ข้าวคงไม่มีเวลากินแล้วละ...”  ใบหน้าที่ยังนิ่งเฉยหันมาสั่งราวกับเป็นแม่ของเจ้าเอเลน ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากเพื่อนผู้ชายที่ยืนอยู่รอบๆเพราะบางเตียงก็ไม่ได้มีแค่กางเกงใน...เพราะงั้นในสายตาของเจ้าพวกนั้น ตอนนี้ผมคงจะเป็นฮีโร่

“ อื้อ” 


ผมวิ่งข้ามลานดินเตียนโล่งเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังหอพักทหาร ท้องฟ้ามืดครึ้มกำลังส่งสายฝนโปรยปรายลงมาทักทาย จนผมต้องยกเสื้อสีดินขึ้นมากันใบหน้าแล้ววิ่งฝ่ามันไปจนถึงระเบียงหน้าอาคารไม้นั่นจนได้

“ เอเลน!”   ผมส่งเสียงตะโกนเรียกแต่ก็มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา

หรือว่าเจ้าเด็กปากดีนั่นจะยังไม่ตื่นอีก?

“ เอเลน?!”   ผมตะโกนเรียกซ้ำแต่ก็ยังไร้เสียงการเคลื่อนไหวใดๆ มือถอดเสื้อคลุมสีดินเปียกโชกออกไปจากร่างกาย...สงสัยว่าผมคงต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อก่อนซะแล้ว

ห้องที่ใช้นอนนั้นเป็นห้องกว้างๆที่มีเตียงสองชั้นตั้งเรียงราย ผมกับเขานอนอยู่เตียงเดียวกันเพียงแต่ผมนอนอยู่ข้างบน ส่วนเขานอนอยู่ข้างล่าง

ผมถึงกับถอนหายใจเมื่อไปยืนอยู่ข้างๆเตียงของผม...ภาพของเขาที่นอนหลับพริ้มแบบนี้คือภาพที่ผมเห็นจนชินตาเพราะเขาไม่เคยตื่นก่อนใครได้เลย

“ เอเลน....”  ผมยื่นช่วงบนของลำตัวเข้าไปในอาณาเขตเตียงของเขา เพราะเป็นเตียงชั้นล่างจึงเหมือนนอนอยู่ในกล่องแคบๆ

“ เอเลน....”  มือเอื้อมไปเขย่าเจ้าคนที่ยังไม่ยอมลืมตาและเพราะแบบนั้นผมถึงได้รู้ว่า....เขาตัวร้อน....

“ เอเลน?”   ฝ่ามือย้ายไปแนบอยู่ที่หน้าผากใส...จริงๆด้วย...อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงกว่าปกติมาก...เพราะแบบนี้เองสินะถึงลุกไม่ไหว

ผมวิ่งลงไปที่ห้องพยาบาลซึ่งอยู่ชั้นล่างก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำสะอาดและยา

“ เอเลน ลุกขึ้นกินยาก่อน”  ผมพยายามดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นแต่เจ้าคนป่วยขี้เซาก็เอาแต่ซุกหน้าหนีลงไปที่หมอนพร้อมกับส่งเสียงอื้อๆมาประท้วง....ปกติก็ปลุกยากปลุกเย็นอยู่แล้วยิ่งป่วยแบบนี้เข้าไปเลยยิ่งงอแงกว่าเดิมหลายเท่า

คอกไม้ที่กั้นอยู่ทำให้ลำบากไม่ใช่น้อย ผมจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปในพื้นที่แคบๆของเขา สองขาคร่อมอยู่เหนือลำตัวบางๆก่อนจะใช้สองมือดึงให้เขาลุกขึ้นมานั่งจนได้ หัวสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงทำเอาผมแอบยิ้ม ถึงเขาจะไม่เคยสนใจที่จะดูแลตัวเองแต่เส้นผมเล็กละเอียดของเขากลับนุ่มและหอมจนผมแปลกใจอยู่หลายครั้งว่าทั้งๆที่ใช้แชมพูของกองทหารเหมือนกันแต่ทำไมเส้นผมของเขากลับซับกลิ่นเอาไว้ได้มากกว่าใครๆ...ขนาดชี้โด่ชี้เด่แบบนี้...มันก็ยังส่งกลิ่นหอมออกมา

“ ไร....เนอร์....?.....”   เสียงงัวเงียเอ่ยออกมาพร้อมๆกับที่นัยน์ตาสีมรกตของเขายอมเปิดขึ้นมานิดหน่อย

“ นายเป็นไข้...กินยาซะ...มา”   ผมใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งประคองร่างโงนเงนของเขาเอาไว้ส่วนมืออีกข้างจับยายัดเข้าไปในกลีบปากสีแดงของเขาแล้วยกแก้วน้ำให้เขาดื่มตามไป

ที่ต้องดูแลกันเหมือนเด็กๆแบบนี้เพราะอีกฝ่ายเป็นเอเลนมันเลยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเท่าไหร่...ก็จะให้มาทำให้ผู้ชายด้วยกันมันก็คงต้องมีขนลุกกันบ้างแหละ...เพราะยังไงก่อนหน้าที่จะมาเจอกับเขา ผมก็เป็นแค่ผู้ชายปกติที่ชอบผู้หญิง

ผมปล่อยร่างโปร่งบางของเขาให้นอนลงไป นัยน์ตาสีมรกตปิดลงแทบจะทันที

ใบหน้าเบือนไปมองที่นอกหน้าต่าง....ฝนตกลงมาหนาเม็ดกว่าเมื่อกี้จนตอนนี้แทบมองไม่เห็นอะไร...ผมเองก็คงกลับไปเข้าเรียนไม่ได้แล้วเหมือนกัน

สองขาจึงก้าวเดินไปยังห้องน้ำก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าขนหนูหมาดๆในมือ

ใบหน้าใสถูกลูบไล้เบาๆ ปลายนิ้วโป้งกดอยู่ที่ริมฝีปากแดงระเรื่อผ่านผืนผ้า ก่อนจะลากมันช้าๆไปที่เปลือกตาซึ่งปกปิดดวงตาสีมรกตกลมโตเอาไว้ จมูกโด่งรั้นแสดงถึงความดื้อดึงทำให้ผมทำได้แค่ยิ้มจางๆ


มีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ในหัวใจของผม...

อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมสับสนและไม่แน่ใจว่าควรจะหยุดมันเอาไว้หรือปล่อยให้มันดำเนินต่อไป...

หลายต่อหลายครั้งที่ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ...ว่าทำไมต้องเป็นเขาด้วย...

ทำไมต้องเป็น เอเลน เยเกอร์...คนที่ผมควรจะหลีกหนีให้ไกลที่สุด...


ผมรู้...ว่านี่มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอก...ที่เอเลนทำให้หัวใจของผมสั่นไหว....


ภาพในวันแรกที่เราต่างก็เข้ามาเป็นทหารในรุ่นที่ 104 เหมือนกันมันยังคงฉายชัดอยู่ในหัวผม....กับเด็กชายผู้รอดชีวิตมาจากเขตชิกันชินะซึ่งกลายเป็นขุมนรกด้วยมือของผมเอง แต่ถึงแบบนั้นเขากลับไม่ได้กลัวเกรงหรือเข็ดขยาดต่อไททัน นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นมันยังคงแข็งกร้าว...ผมเฝ้ามองเขาด้วยความสนใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า...ลึกๆในใจผมคงอยากให้มีใครสักคนให้อภัยผม...ใครสักคนที่จะไม่กลัวผม

แล้วก็กลายเป็นว่า...ผมละสายตาจากเขาไม่ได้...


ผมคงจะถูกลงโทษ...มนุษยชาติถึงได้ส่งเขาให้มายืนอยู่ตรงหน้าผม....เป็นการลงโทษที่สาสมอย่างที่สุด


มือพาดผ้าขนหนูเอาไว้กับคอกไม้กันตก ร่างกายสูงใหญ่ของผมที่ต้องมาขดอยู่ใต้เตียงสองชั้นแบบนี้มันเลยรู้สึกเมื่อยขึ้นมา ไหนๆฝนฟ้าก็ขังผมไว้กับเขาที่นี่ผมเลยสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วนั่งอยู่ข้างๆเขา

บรรยากาศสีเทาๆชวนให้ง่วงงุนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

มือถอดเสื้อที่เปียกชื้นออกไปแต่ก็ขี้เกียจจะลุกไปหยิบเสื้อตัวใหม่...ผมจึงล้มตัวลงนอนข้างๆเขาไปทั้งแบบนั้น....


เสียงเต้นของหัวใจ...ผมได้ยินมันอย่างชัดเจน...



ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงหายไปในช่วงบ่าย...นัยน์ตาของผมเปิดขึ้นมาก่อนจะก้มลงไปมองอีกคนที่โผล่แค่เส้นผมสีน้ำตาลออกมาจากผ้าห่ม

ผิวหนังของผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกายเขาที่แนบอยู่แทบทุกส่วน แล้วในขณะที่ผมกำลังตกใจ นัยน์ตาสีมรกตของเขาก็ค่อยๆลืมขึ้นมา...แย่ละสิ...ไอ้สภาพแบบนี้มันชวนให้เข้าใจผิดสุดๆเลยนี่?!

“ ปะ เป็นไงบ้าง? ไข้ลดลงแล้วนี่”   ผมเสมือไปวัดไข้ที่หน้าผากเขาให้ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะบ่นงึมงำ

“.......?...ไรเนอร์?.....”   ผมได้แต่อึ้งกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของเขา....ไม่คิดจะตกใจซักนิดเลยรึไง? ที่ตื่นขึ้นมาก็มีผู้ชายร่างกายเปลือยเปล่า...ถึงจะใส่กางเกงทหารอยู่ก็เถอะ...มานอนกอดตัวเองอยู่แบบนี้น่ะ?

“......นายนี่ดีจังน้า....อุ่นจัง....”  ไม่ว่าเปล่า อ้อมแขนของเขายังตวัดกอดร่างกายของผมเอาไว้พลางซุกหน้าลงมาอีก....เขาไม่ระวังตัวเกินไปหรือจะเรียกว่าไร้เดียงสาดี?!...ตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่


พอจะเข้าใจความรู้สึกของมิคาสะขึ้นมาหน่อยๆแล้วแหะ ว่าทำไมต้องดูแลกันขนาดนั้นด้วย!







ถึงแม้ว่าเขาจะมีมุมที่เหมือนลูกหมาขี้อ้อน...แต่ส่วนใหญ่น่ะมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก







นานๆทีกองทหารฝึกหัดก็จะถูกขอร้องจากกองทหารรักษาการณ์ให้ไปช่วยทำประโยชน์ต่อสังคมบ้างเหมือนกัน...แต่นั่นก็แค่คำพูดสวยหรู...เพราะที่จริงแล้วก็แค่เอาพวกเราไปใช้แรงงานก็เท่านั้นแหละ

อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติถูกถอดวางเอาไว้แล้วสะพายถังขยะขนาดพกพาติดตัวแทน...สองมือไม่ได้ถือดาบแต่อาวุธของพวกเรากลับกลายเป็นคีมคีบอันยาวๆ...งานของวันนี้คือเก็บขยะรอบเมืองเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเทศกาลเฉลิมฉลองกำแพงที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน


“ ขนมนี่มันเพิ่งจะกินไปนิดเดียวเองนี่?”   เสียงที่คุ้นเคยของเขาดังอยู่ห่างๆ ผมจึงทำทีเข้าไปแหวกพุ่มไม้ประดับเพื่อหาเศษขยะแต่ที่จริงแล้วสายตาของผมน่ะกำลังลอบมองเขาผ่านเงาสะท้อนของกระจกหน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งต่างหาก...ร่างโปร่งบางของเขากำลังก้มลงไปคีบถุงใสที่ใส่คุกกี้ไว้เกือบเต็มขึ้นมาจากพื้นข้างถนน

“ เอเลน...ห้ามเก็บมากินนะ” 

“ ใครจะเก็บมากินกันเล่ายัยบ้า ชั้นก็แค่คิดว่ามีใครลืมเอาไว้หรือเปล่า?”  เขายังคงไปไหนมาไหนกับมิคาสะและอาร์มินอยู่เสมอจนบางครั้งผมก็อิจฉาที่สองคนนั้นสามารถอยู่ใกล้ๆเขาได้โดยไม่ต้องหาข้ออ้างใดๆ

“ ทิ้งๆไปเถอะ มันก็แค่ขยะที่คนพวกนั้นทิ้งแล้ว”

“ อะไรกัน! ทั้งๆที่พวกที่มาจากวอลล์มาเรียต้องอดๆอยากๆ แล้วดูคนพวกนี้สิ!

“ โมโหไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า”

“ หนอย.....”   ผมมองใบหน้างอหงิกของเขาที่ยังบ่นไม่หยุดด้วยรอยยิ้ม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาอีกทีผมถึงได้รู้ตัวว่ากระจกร้านที่ผมใช้มองเขามันเป็นร้านที่ขายชุดแต่งงาน


เงาของชุดเจ้าสาวสีขาวสะท้อนลงไปทาบทับกับเงาของเขา...

ถึงแม้จะเป็นเจ้าสาวที่หน้าตาบูดบึ้งไปหน่อย แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าสาวที่น่ารักมากในสายตาของผมอยู่ดี...

สงสัยว่าผมคงจะอาการหนักแล้วแน่ๆ...



เมืองทั้งเมืองถูกกองทหารฝึกหัดเก็บขยะจนสะอาดสะอ้าน ถังขยะใบสุดท้ายในมือของแจนถูกเทขยะลงไปในรถขยะก็เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจของวันนี้เสียที

และในขณะที่พวกเราต่างจับกลุ่มเล่นหัวกันตามปกติระหว่างที่ยืนพักเพื่อรอคำสั่งให้กลับค่ายฝึก...ผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์ที่มีลูกน้องท่าทางอันธพาลเดินตามเป็นพรวนก็เข้ามาอยู่ในสายตาของพวกเรา...ก็ดูเหมือนหมอนั่นจะจงใจให้พวกเราเห็นด้วยละนะ...กระป๋องน้ำอัดลมเปล่าถูกสองมือใหญ่ราวกับไม้พายนั่นอัดจนบี้แบนก่อนที่หมอนั่นจะเตะลงมาบนถนนที่พวกเราเพิ่งจะเก็บขยะเสร็จไป

เสียงพูดคุยที่ดังอยู่จนถึงเมื่อครู่เงียบหายไป...ใครๆต่างก็รู้ว่าคนแบบนั้นไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย...แต่เหมือนจะมีอยู่คนนึงที่ไม่รู้หรือไม่สนใจผมก็ไม่แน่ใจ...ในเมื่อคนอื่นๆต่างยืนมองชายท่าทางอันธพาลคนนั้นด้วยสายตาปลงๆ แต่ร่างโปร่งบางของเขากลับตรงเข้าไปหาอย่างไม่มีกลัวเกรง

มือบางจับท่อนแขนใหญ่ยักษ์นั่นเอาไว้ไม่ให้เดินไปไหนก่อนจะเอ่ยปากด่าอย่างไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่า

" นี่!! ไม่เห็นรึไงว่าพวกผมเพิ่งจะเก็บเสร็จไปน่ะ ขยะเนี่ยไม่ใช่ว่านึกจะทิ้งตรงไหนก็ทิ้งได้นะครับ!"  พวกผมได้แต่มองภาพตรงหน้าราวกับว่าชินชาซะแล้ว...เขาก็ยังสมกับที่เป็นเขา...สมกับที่เป็นเอเลน เยเกอร์


ปากดี...

จะสู้ได้ไหมเขาไม่เคยดูกำลังของตัวเอง แต่เขาจะไม่ยอมเมินเฉยต่อสิ่งที่เขาคิดว่ามันผิด


" อะไรวะไอ้หนู?!"  ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจงใจจะเข้ามาหาเรื่อง แล้วยิ่งเรื่องมันเกิดขึ้นมาแบบนี้มีหรือที่หมอนั่นจะเดินหนีไปง่ายๆ ร่างใหญ่ยักษ์หันมาแสยะยิ้มใส่ใบหน้าที่เอาจริงเอาจังของเขาอย่างพร้อมจะทะเลาะวิวาทได้ทุกนาที

" ไม่เข้าใจหรือไงครับ ว่าขยะมันต้องทิ้งที่ถังขยะ เพราะมีคนแบบคุณนี่ไง แทนที่พวกผมจะได้ไปฝึกจัดการกับไททัน มันเลยต้องเสียเวลาเป็นวันๆเพื่อมาเก็บขยะแบบนี้" 

" หรอ?...งั้นนายก็หยิบมันไปทิ้งให้ทีสิ ฮ่าๆๆๆ"  ชายร่างยักษ์ทำหน้ากวนประสาทก่อนจะหันไปหัวเราะกับพวกของตัวเอง

" แต่นี่มันขยะของคุณนะครับ!"  แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และก็ดูเหมือนเสียงจะดังออกไปจนคนนอกเริ่มมองมาด้วยสายตาหวาดๆ

" ของชั้นแล้วจะทำไม? ทหารอย่างพวกแกวันๆก็ไม่เห็นจะทำอะไร มาเก็บขยะให้คุ้มเงินภาษีประชาชนหน่อยสิวะ ฮ่าๆๆ" 

" คุณ!!!"   และประโยคนั่นคงจะทำให้เขาเริ่มฉุนขาด ใบหน้ามนถึงได้ขึ้นเสียงดังพร้อมกับกำหมัดแน่น...ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่...เพราะเขาน่ะ


ใจร้อน...

ปกติก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับแจนแทบจะทุกวันเพราะความเห็นไม่ค่อยจะตรงกัน...แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะพูดด้วยรู้เรื่อง


ผมจึงเดินตรงเข้าไปหา ก่อนจะบีบข้อมือใหญ่ของผู้ชายคนนั้นที่กำลังกระชากคอเสื้อของเขา

ผมคงเผลอใส่แรงที่มากกว่ามนุษย์ลงไป ชายร่างยักษ์นั่นจึงถึงกับปล่อยคอเสื้อของเขาด้วยใบหน้าเหยเก

" จะช่วยทิ้งขยะให้เป็นที่หน่อยได้ไหมครับ?"  คำพูดที่ฟังดูสุภาพต่างจากแรงบีบที่ข้อมือทำให้ชายคนนั้นได้แต่ร้องครวญครางอยู่ในลำคอก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียมิได้ เสียงตะโกนสั่งให้ลูกน้องเก็บขยะดังขึ้นมาก่อนที่พวกมันจะกระจายตัวหายไปทันทีที่ผมยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

" ขอบใจมากเลยนะไรเนอร์! นายนี่พึ่งพาได้จริงๆ"  เขาหันมายิ้มให้ผมด้วยดวงตาเป็นประกาย...


สาบานได้เลยว่านั่นคือครั้งแรก...ที่ผมยอมรับกับตัวเองว่าผมคงจะตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้วจริงๆ

รัก...ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้....


" ไม่เหมือนคนบางคนที่ยืนดูอยู่เฉยๆ ฮึ!"  เสียงของเขาทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ ดูเหมือนร่างโปร่งบางจะหันไปหาเรื่องแจนตามปกติ

" อะไรวะ?! อย่างชั้นน่ะเค้าเรียกว่ารู้กำลังของตัวเองต่างหาก อีกอย่างก็ไม่ได้จะรีบไปตายเหมือนแกด้วยเอเลน!"

" ห๋า?!"  ดูเหมือนลิ้นกับฟันแห่งชั้นปีจะเริ่มมีปากเสียงกันอีกแล้ว ผมเลยจับพวกเขาแยกออกจากกันก่อนจะส่งเอเลนคืนให้กับพวกมิคาสะ


นี่แหละ..เอเลน เยเกอร์ เวอร์ชั่นปกติ...











ผลั่ก!!!


เสียงของหนักๆที่หล่นจนผืนดินสะเทือนนั่นไม่ใช่เสียงอะไรหรอก มันเป็นเสียงของผมที่ถูกทุ่มจนได้แต่ลงไปกองอยู่ที่พื้นเอง

“ อูย....นายนี่ยังไม่ปรานีกันเหมือนเดิมเลยนะ เอเลน”  ผมลุกขึ้นมายืนลูบสะโพกปรอยๆก่อนจะไล่มองคนทุ่มที่ยืนทำหน้าจริงจังอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่ตัวเขาเล็กกว่าผมตั้งเยอะแต่กลับจับผมทุ่มได้หน้าตาเฉย...นอกจากเรื่องใจร้อนกับปากดีแล้วเขาก็มีเรื่องการต่อสู้ตัวต่อตัวนี่แหละที่เหนือกว่าใครๆในชั้นปี

“ โทษที ก็เพราะตัวนายมันใหญ่อย่างงี้ไงฉันถึงกะแรงไม่ถูก”  ผมว่าเขาไม่คิดจะกะแรงที่ว่านั่นเลยมากกว่า ในเมื่อพอถึงวิชานี้ทีไรคนที่จับคู่กับเขาก็คือผมทุกครั้งไป...คงจะเป็นเพราะคนอื่นเค้าไม่คิดจะจริงจังกับวิชาที่ไม่มีคะแนนแบบนี้จึงไม่มีใครตั้งใจฝึกจนเขาระอาที่จะต้องไปจับคู่กับคนพวกนั้นเลยยึดผมเอาไว้คนเดียวตั้งแต่ครั้งแรกๆแล้วละ

จะว่าไปผมก็ไม่ได้คิดจะจริงจังกับมันนักหรอกวิชาที่ต้องเจ็บตัวแบบนี้น่ะ...ถ้าไม่ใช่เพราะเขาละก็นะ

“ นายบุกเข้ามาบ้างแล้วกัน”  ผมโยนมีดสั้นที่ทำจากไม้ซึ่งใช้ในการฝึกไปให้เขา

“ ได้เลย...พร้อมนะ!”  ใบหน้ามุ่งมั่นของเขาที่ถือมีดพุ่งเข้ามาหาทำให้ผมขยับขาเข้าไปรับด้วยรอยยิ้ม สายตาจับจ้องอยู่ที่ข้อมือของเขาก่อนจะจับมันเอาไว้ด้วยความรวดเร็วแล้วพลิกมันจนมีดไม้นั่นหลุดร่วงลงไป มืออีกข้างตวัดตัวของเขาในท่าเตรียมจะทุ่ม แต่ในจังหวะสุดท้ายผมก็ทำได้แค่เอาท่อนแขนรองแผ่นหลังเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะถึงพื้น

“ เหว๋อ~~~ เกือบไปแล้วไหมล่ะ! ขอบใจนะไรเนอร์”   ก็นะ....ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเจ็บตัวนี่นา


อีกอย่างที่ผมยินดีที่จะฝึกคู่กับเขา....เป็นเพราะผมต้องการจะรู้จุดอ่อนบนร่างกายของเขา

เพราะสักวัน...ผมอาจจะต้องอุ้มเขาไป...โดยที่เขาไม่ยินยอมก็ได้....



ทั้งๆที่รู้ตัวดีว่าผมควรจะหักห้ามใจ เพราะอนาคตของสองเรามันคงถูกกำหนดมาแล้วว่าเราต้องเป็นศัตรูกัน

แต่สำหรับตอนนี้...คงไม่มีเรื่องไหนยากไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว...



ทั้งความใกล้ชิด ทั้งความสนิทสนม ทั้งความเชื่อใจ...มันไม่เปิดโอกาสให้ตัดใจได้ง่ายๆเลย



เสียงซ่าๆของสายน้ำที่ไหลลงมาจากฝักบัวได้ยินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อผมเดินเข้าใกล้ห้องอาบน้ำ ข้างกายมีร่างโปร่งบางที่สูงแค่หัวไหล่เดินมาด้วยกันและพวกเราคงจะเป็นสองคนสุดท้ายที่อยู่ในสนามฝึกจนเย็นย่ำขนาดนี้

ขาทั้งสองคู่ก้าวเข้าไปในห้องล็อคเกอร์ก่อนจะแยกย้ายไปล็อกเกอร์ใครล็อกเกอร์มัน ผมเปิดบานตู้ออกมาก่อนจะถอดเสื้อออกจนท่อนบนเปลือยเปล่า และเมื่อเงยหน้ามองกระจกเงาก็ทำเอาสะดุ้งโหยง

“ เอเลน?”  เขามายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมยังมาในสภาพเปลือยท่อนบนเหมือนกันด้วย

ผมหันกลับไปหาพลางมองหน้าเขาด้วยความสงสัย แต่ใบหน้ามนกลับไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถาม นัยน์ตาสีมรกตจ้องเอาๆมาที่ซิกแพ็คของผม

“ ชิ! กินก็กินเท่ากันแท้ๆ แล้วนายไปเอาไอ้ของแบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย?!! น่าหมั่นไส้ชะมัด!”   เขาบ่นออกมาพลางเอานิ้วจิ้มแผงอกแข็งแรงของผมด้วยใบหน้าบูดๆราวกับกำลังงอนในโชคชะตาที่ทำให้ตัวเขานั้นมีเพียงหน้าท้องแบนเรียบฝึกเท่าไหร่กล้ามก็ไม่ขึ้น

และพอเห็นเขาเป็นแบบนั้น ผมเลยนึกสนุกขึ้นมา

มือคว้าต้นแขนบางก่อนจะดันลำตัวโปร่งของเขาเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่ง ท่อนแขนแข็งแรงกางกั้นกักขังให้แผ่นหลังของเขาแนบอยู่กับผนังกระเบื้องสีขาว ใบหน้ามนมีแววตกใจก่อนจะหันไปหันมาเหมือนกำลังหาทางหนีเมื่อถูกสายตาคมกริบของผมจ้องมองในระยะประชิด

ผมจงใจใช้ใบหน้ากรุ้มกริ่มอมยิ้มน้อยๆขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาที่เริ่มจะเบิกตาโตมากขึ้น หัวสีน้ำตาลพยายามขยับหนีจนแทบจะจมลงไปในผนัง

“ ระ...ไรเนอร์?....”  นัยน์ตาสีมรกตกลมโตที่แลดูหวาดๆมองตามใบหน้าของผมที่ทำเหมือนจะจูบเขาแต่มันก็หลบริมฝีปากสีแดงก่อนจะขยับไปใกล้ๆซอกคอระหงแต่ก็ไม่ได้แนบชิดลงไป มีเพียงลมหายใจของผมที่ถูกส่งลงไปคลอเคลียกับผิวบอบบางนั่นแทน....ผมก็แค่อยากจะแกล้งเขาเล่น

“ นายอยากจับไม่ใช่หรอ?”  ผมถามออกไปด้วยเสียงเย็นๆ

“...............จับ.....?”   เขาตอบออกมาด้วยเสียงละล่ำละลักเพราะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ร่างกายโปร่งบางที่ถอยหนีจนแทบจะจมหายไปในผนังกำลังสั่นน้อยๆเมื่อผมยังคงใช้ลมหายใจคลอเคลียลาดไหล่ของเขา บรรยากาศล่อแหลมจนแม้แต่คนที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอย่างเขายังรู้สึกได้

“ ก็กล้ามหน้าท้องของฉันไง?”  ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเสยตามองใบหน้าของคนที่เพิ่งคิดไปไกลที่จู่ๆแก้มใสก็แดงเถือกขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู

“ คะ ใครจะไปอยากจับ! อีกหน่อยชั้นก็มี! เอาไว้จับของตัวเองก็ได้!”  ผมถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกไปกับเจ้าคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะกลับมาใช้สายตาเจ้าเล่ห์ไล่ต้อนเขาต่อ

“ ไม่อยากลองจับดูจริงๆหรอ? เอเลน?”  ปลายนิ้วของผมสอดประสานเข้าไปในง่ามนิ้วของเขาก่อนจะดึงมือบางขึ้นมาวางเอาไว้ที่ซิกแพ็คบนหน้าท้องของผม จากใบหน้าที่แดงเถือกอยู่แล้วคราวนี้เลยเหมือนมันจะระเบิดจนมีไอพุ่งออกมา

“ ไรเนอร์!!! ชะ ชั้นจะไปอาบน้ำแล้ว! เล่นบ้าๆอะไรของนายอยู่ได้!”  เขาพยายามใช้เสียงแข็งเพื่อกลบเกลือนความอาย ฝ่ามือที่นิ่มกว่ามือของผู้ชายยังคงทาบอยู่บนผิวเนื้อของผม....ผมรู้ว่าผมควรจะหยุดแค่นี้....ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีก

อย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็รู้ว่าผมยังพอจะมีหวัง...เพราะถ้าเขาเห็นผมเป็นแค่เพื่อน...เขาก็จะไม่มีอาการแบบนี้แน่ๆ


“ เอเลน...ฟังชั้นนะ...”   ผมยอมปล่อยเขาแต่โดยดีก่อนที่จะใช้น้ำเสียงจริงจังพูดกับเขา

“ นายควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้....นายอาจจะยังไม่เข้าใจว่ามนุษย์เพศชายมันมีสิ่งที่เรียกว่าความต้องการอยู่ แล้วที่นี่มันก็ไม่ใช่ที่ที่จะไประบายออกกับผู้หญิงที่ไหนได้ เพราะงั้นทางที่ง่ายก็คือกับผู้ชายด้วยกันนี่แหละ”  เขามองผมด้วยสายตาราวกับว่านี่เป็นความรู้ใหม่ ใบหน้ามนนิ่งค้างไปเหมือนในหัวกำลังประมวลผลจนแทบจะไฟลุก

“ เวลาอยู่กับใครสองต่อสอง ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้...เข้าใจนะ?”  ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาก่อนจะก้มลงไปประสานสายตา ใบหน้ามนพยักลงน้อยๆอย่างยอมรับคำเตือน  แล้วในขณะที่ผมกำลังปล่อยมือจากไหล่ของเขา คำถามหนึ่งก็ดังออกมาจากริมฝีปากสีแดง

“ แล้วต้องระวังนายด้วยหรือเปล่าไรเนอร์?”  ผมถึงกับชะงักก่อนจะตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ


“ ............ใช่”  


เขาจะเข้าใจ....ความหมายที่ผมสื่อออกไปกับคำเพียงคำเดียวนี้หรือเปล่านะ...





บางครั้งผมก็อยากจะบอกให้เขารู้...

ว่าผมไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี...ไม่ใช่ที่พึ่งที่ไว้ใจได้....



ผมเป็นแค่ผู้ชายชั่วช้า...ที่ตั้งใจจะโกหกเขา...หลอกลวงให้เขารักให้เขาเชื่อใจ

ทั้งๆที่คนที่ทำให้เขาต้องบ้านแตกสาแหรกขาด...ก็คือผมเอง





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


To be Con.






โอยยยย กว่าจะได้ลง..แก้แล้วแก้อีก แฮ่กๆๆๆ


ยังไงก็ต้องขอขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้นะค้า >w< ทั้งแรร์ ทั้งสับสนชีวิตขนาดนี้ 5555 ขอเวิ่นสั้นๆเพราะช่วงนี้คุณกวางนรกมาก งานเยอะสุดหูรูดอ่ะ หงั่กๆ เอาเวลาเม้าท์ไปนอนก่อน Orz.

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า






6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 มกราคม 2557 เวลา 10:17

    โอ้ววว คู่แรร์ แอบเคยจิ้นเหมือนกันกับคู่นี้ (แต่ฝั่งยุ่น เห็นเบลทรูจเอเลนเยอะกว่าเลยมอดไป )

    น่าสนใจติดตามดีค่ะ รอติดตามนะคะ ><

    ตอบลบ
  2. อ้ากกก!!!!!!!!!!!!! ฟิคอบอุ่นหวามหวิวชวนสยิวกิ้วแบบนี้กลับมาแล้ว เหยยย บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยจิ้นคู่นี้เลย แต่พอมาอ่านของพี่กวางเท่านั้นและ ไรเนอร์เอเลนมันลอยไปลอยมาอยู่ในหัววิ้ง ๆ วับ ๆ จนอยากอ่านคู่นี้อีกเยอะ ๆ อ้ากก /โลภเกิ้น 555

    ที่บอกว่าฟิคแบบนี้กลับมาแล้วเพราะนึกถึงลิปสติกขึ้นมาค่ะ แต่อันนี้จะดูอบอุ่นกว่า และกล้าม!! กว่ากันเยอะไรเนอร์เซะซี่มาก เอเลนก็... หึยยยยย อย่าให้เห็นนะ อย่าให้เจอใกล้ ๆ เด็กอะไร๊ ทั้งเซะซี่ ยั่วยวนแบบไม่ได้ตั้งใจ ไร้เดียงสาแบบนี้อย่าให้เห็นเชียวนะ ...ไม่บอกหรอกว่าถ้าเห็นแล้วจะทำอะไร ..หึหึ

    อ้ากก พี่กวางขาาา กล้าม กล้าม กล้าม!!!!! โอยย บ้าไปแล้ว เอาอีนี่ไปเก็บที !!!!!! ชอบมากถึงมากที่สุด ฟินเฟอร์ค่า (((>_<)))

    ตอบลบ
  3. โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    พ่อไรเนอร์~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
    ถ้าพ่อคุณจะมามาดขรึมอบอุ่นขนาดนี้ละก็นะ!!!!!! ไม่ทนนนนน~~~!!!!
    กวางซาม๊าาาาาาาาา > ___ < เก๊าไม่ทนแล้ววว(?)
    อยากจะบอกมากๆๆว่าไรเนอร์กระชากใจโฮกกกก 55555
    #ดิฉัน(?)จะไปทำการหมอบเบญจางคประดิษฐ์(?)กับท่านท่อนขาในเรื่องนี้(?)ในภายหลัง 5555555

    เอาจริงๆคือไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคู่นี้จะสามารถเบิกบานจิตใจ(?)ได้ขนาดนี้จริงจัง!!!
    ส่วนตัวแล้ว ชอบบุคลิกของไรเนอร์นะคะ ชอบที่เขาหน้าตาโหดเหมาะกับหุ่นบึกบึน
    #นี่ไม่ได้พาดพิงใครเลยจริงจริ๊ง(?) #วอนท่อนขาเสยมาก 55555
    แม้ว่าจะเป็นตัวที่ถูกปูมาแบบไม่ให้มีความน่าสนใจโดดเด่น จะออกแนวย่องเงียบ(?)
    จริงๆพอคิดแบบนี้แล้ว ก็ได้ฟีล ความเจ็บปวดของความไว้ใจจริงๆ T _ T
    บางครั้งคนที่ดูเลวก็กลายเป็นว่าทั้งหมดนั้นแสร้งทำ แถมยังเป็นการทำเพื่อคนอื่นอีก
    ส่วนอย่างไรเนอร์ หนุ่มบึกบึนที่ดูจะเป็นที่พึ่งพาได้มากกว่าใคร กลับเป็นหนึ่งในตัวการของความเลวร้ายทั้งหมด
    แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกลียดไรเนอร์ไม่ลงเหมือนกัน T _ T
    และยิ่งมาอ่านฟิคเรื่องนี้ก็พอดีชีวิตพัง(?) > ____ <
    กวางซาม๊าาาาาาาาา ขึ้นต้นมาก็กระชากวิญญาณเลือดกระฉูดอ่านวน(?)ไปแล้วววว
    คนอ่านไม่ทันตั้งตัวเฟ้ยค่ะ(?)!!!!! O __ O
    มาถึงคว้าเอวแล้วลากเข้าโซน(?)นี่มันอาร๊ายยยยยย
    แล้วคือ เอเลน.............โอ่ยยยยยยยย ตูอยากจะกดบ้างอะไรบ้างจริงจัง(?) > __ <
    อิจฉาไรเนอร์!!!!!!!!!!!!! โฮกกกกกกกกก
    #ณ จุดนี้ มิคาสะคงบอกว่าตูที่เป็นผู้หญิง(?)ยังไม่ได้(?) พวกเอ็ง(?)ก็อย่าหวัง 55555
    ........บอกตรงๆ ที่คอกม้ามันระทวยหัวใจ(?)จริงจัง อ๊ากกกกกก
    เอเลนมันน่ากิน(?)เพราะแบบนี้จริงๆๆนั่นแหละ > __ <
    คือไม่รู้จะบรรยายความฟินยังไง แต่แบบมันไม่ทนนนนน > ___ <
    #ดิฉันย้ำอีกครั้ง(?)ว่าจะไปหมอบขอขมาท่านท่อนขาในเรื่องนี้ในภายหลัง 555555

    แล้วฉากในห้องน้ำตอนเป็นหหารฝึกหัด........
    ไรเนอร์มุมขี้เล่น(?)นี่โคตรรรรรรรเจ้าเล่ห์!! และหล่อมากกกกกกกกกกกกกก
    แม่เจ้าาาาาา จะว่ายังไงดี คือฟีลนี้หาไม่ได้กับท่านท่อนขา(?)และยามะ(?)
    5555555555 คือมันหล่อใจดีแบบมีกล้าม(?)
    จริงๆคงต้องบอกว่า ขนาดไรเนอร์เป็นคนที่ทำเรื่องเลวร้ายมากๆ
    แต่ฟีลมันก็ยังไม่สามารถดาร์คได้เท่ากับพ่อคนดีฝังใน(?)อย่างไอ้สองคนข้างบน(?)ที่พาดพิงเลยจริงจัง

    อ่า เป็นฟิคที่โฮกฮากอยากกดเจ้าลูกหมาจริงจัง!!!! > _ <
    ปล. โคนี่!!!! นายมาถูกเส้นทาง(?)แล้ว 555555555555555 กวางซามะคะ เค้าชอบมากจริงจังตอนเลื่อนมาเจอโคนี่ 55555 พอคิดถึงตรงนี้แล้วยังหยุดหัวเราะไม่ได้เลยค่ะ

    ตอบลบ
  4. โอ้ววว คู่แรร์ รอคนแต่งคู่นี้มานานแล้วเจ้าคะ!!~>w<
    ที่จริง ถ้ามีไรเนอร์ก็น่าจะมีเบลรูทด้วยนะเจ้าคะ แบบ 3P มาแบบแพ็คคู่เอเลนรับไปเต็มๆน่ะเจ้าคะ แต่แค่นี้ก็ชอบหลายๆแล้วล่ะเจ้าคะ~

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ25 พฤษภาคม 2563 เวลา 06:08

    แงเราเพิ่งมาเจอ อยากบอกคุณคนเขียนว่าเราชอบงานภาษาของคุณมากๆๆๆๆ บรรยายดีมากๆ เราชอบมากๆเลยค่ะ ได้กลับมาอ่านซ้ำแน่ๆ ชอบมาก ทำไมเพิ่งมาเจอนะㅠㅠㅠㅠㅠ

    ตอบลบ
  6. บรรยายดีมากๆๆเลยค่ะ ดีใจมากเลยที่ได้มาอ่านงานของคุณ
    คู่นี้คู่แรร์หาฟิคอ่านยากมากเลยค่ะ ตอนกดเข้ามาครั้งแรกก็นึกว่าจะเป็นฟิคภาษาอังกฤษเข้าซะแล้ว แต่โชคดีมากๆเลยที่ได้อ่านคู่นี้เป็นภาษาไทย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านมากๆๆๆเลยนะคะ

    ตอบลบ