Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : VIRGIN


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : VIRGIN

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
     
      
         



แสงสลัวๆจากโคมที่หัวเตียงสาดกระทบหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ทั่วใบหน้า กลิ่นเหงื่อที่โชยมาแตะจมูกยิ่งเร่งเร้าความต้องการให้ทยานสูงขึ้นไปอีก  แรงขยับสอดรับกับเสียงคราง  ผ้าปูที่นอนสีขาวก็ยับยู่ยี่จากฝ่ามือซึ่งกำมันเอาไว้เพื่อระบายความเสียวซ่าน

ใบหน้ามนสะบัดขึ้นพร้อมๆกับเสียงสูงที่เปล่งออกมาเมื่อความปรารถนาพุ่งถึงจุดสูงสุด ร่างกายที่แทบจะหลอมรวมหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับกำลังซึมซับความสุขสมที่ส่งผ่านมายังกันและกัน

นัยน์ตาสีมรกตปรือปรอยค่อยๆเหลือบมองใบหน้าของคนที่คร่อมอยู่ด้านบน  ใบหน้านิ่งที่อยู่ใกล้แค่คืบมองลงมาตรงๆด้วยลมหายใจที่ยังไม่คงที่ หยาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากไรผมสีดำทำให้มือบางเผลอยกขึ้นไปแตะมัน ก่อนที่มือแข็งแรงของอีกฝ่ายจะวางทาบลงมาบนมือของเขาแล้วขยับมันเข้าไปใกล้ๆริมฝีปาก

จุมพิตแตะลงมาที่ปลายนิ้วก่อนจะค่อยๆพรมจูบไปจนทั่วทั้งฝ่ามือ...การกระทำที่แสดงออกมาแทนคำว่า “รัก” นั้นมันทำให้ใบหน้ามนที่แดงระเรื่ออยู่แล้วยิ่งแดงหนักกว่าเก่า

ถึงแม้เวลาปกติจะชอบทำหน้าโหดใส่เขา แต่เวลาที่คุณรีไวอ่อนโยนทีไรมันก็ทำให้อ่อนระทวยทั้งตัวและหัวใจได้เลยทีเดียว

แขนแข็งแรงยันลงมาที่ข้างลำตัวบาง หยาดเหงื่อที่เริ่มเกาะตัวเป็นหยดน้ำไหลลงมาตามกล้ามหน้าท้องที่สวยงาม ใบหน้านิ่งที่ดูเหนื่อยนิดๆนั่นเซ็กซี่อย่างร้ายกาจจนคนที่มองจากด้านล่างนึกภูมิใจอยู่ลึกๆที่ดื้อดึงจนได้ผู้ชายคนนี้มา

“ อื้อ!”   ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆเมื่อจู่ๆคนข้างบนก็ถอนกายออกไปไม่ยอมบอกกล่าว นัยน์ตาสีมรกตจึงเผลอค้อนให้ใบหน้านิ่งที่อมยิ้มเจ้าเล่ห์

ร่างแข็งแกร่งล้มตัวนอนลงข้างๆ อ้อมแขนอ้ารับลำตัวบางที่โผเข้าไปกอดเอาไว้ ใบหน้ามนซุกอยู่ที่แผงอกอบอุ่น เสียงเต้นของหัวใจดังมาให้ได้ยินจนริมฝีปากสีระเรื่อเผลอยิ้มออกมา

“ คุณรีไวครับ”   

“ หืม?”    เสียงที่ตอบรับกลับมาเหมือนคนกำลังจะหลับและเมื่อใบหน้ามนเงยขึ้นไปก็เห็นเปลือกตาของอีกฝ่ายปิดลงแล้ว

“ วันอาทิตย์นี้...ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีนะครับ”    มือแข็งแรงแค่ขยับสอดเข้ามาในเส้นผมชื้นเหงื่อของเขาก่อนจะกดหัวให้ลงไปแนบชิดกับร่างกายของตัวเองมากยิ่งขึ้น

“ อืม...”   แล้วเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอก็ดังมาให้ได้ยิน

เขาได้แต่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของคุณรีไว...พรุ่งนี้อีกฝ่ายจะต้องเดินทางไปแข่งฟอร์มูล่าวันที่โมนาโก ถึงจะอยากไปด้วยมากแค่ไหนแต่ครั้งนี้เขาก็ตามไปไม่ได้...เพราะตัวเขาเองก็มีแข่งรถบังคับวิทยุเหมือนกัน...วันเดียวกันเลยด้วย

แต่ก็นับว่ายังดีที่เขาแข่งช่วงเช้า อย่างน้อยตอนบ่ายก็ยังได้ดูอีกฝ่ายแข่งผ่านหน้าจอโทรทัศน์

สองแขนกระชับกอดลำตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น ฝ่ามือลูบลงไปที่รอยแผลเป็นบนแผ่นหลัง....ทุกครั้งที่คุณรีไวต้องไปแข่งมันก็ทำให้เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะรู้ว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาที...แล้วยิ่งมันเพิ่งจะเกิดกับคนใกล้ๆตัวเมื่อไม่นานมานี้....

จนบางครั้งเขาก็นึกอยากตะโกนเอาแต่ใจ...บอกอีกฝ่ายว่าไม่อยากให้ไป ไม่อยากให้ขับรถนั่นแล้ว

แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้...ในเมื่อความเร็วมันกลายเป็นส่วนหนึ่งซึ่งซึมซาบอยู่ทั่วร่างกายของพวกเขาไปแล้ว...ถ้าหยุดไปก็คงเหมือนคนจะลงแดงตาย

เพราะงั้นทางเดียวที่จะทำได้...คือเฝ้าภาวนาให้อีกฝ่ายกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย


เปลือกตาที่ค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆปิดลงช้าๆ





ก่อนที่จะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง...เมื่อฟ้าเริ่มสว่างและร่างของคนที่นอนอยู่ข้างๆมาทั้งคืนย้ายมานั่งอยู่ที่ขอบเตียง

ร่างแข็งแกร่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีแดงกับกางเกงสีดำชุดลำลองของทีมเฟอร์รารี่เรียบร้อยแล้ว กระเป๋าที่กองอยู่ไม่ไกลทำให้รู้ว่าเวลาที่ต้องบอกลากำลังจะมาถึง

“ จะไปแล้วหรอครับ”    คนที่ยังงัวเงียพลิกกายเข้ามาใกล้ก่อนที่สองแขนจะคว้าเอวของร่างแข็งแกร่งเอาไว้ ใบหน้ามนเกยอยู่บนหน้าตักทั้งๆที่ดวงตายังหรี่ปรือ สภาพการอ้อนเหมือนลูกหมาทำให้ฝ่ามือแข็งแรงลูบลงไปบนหัวสีน้ำตาลด้วยความเอ็นดู

“ อืม”    เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโลหะอะไรบางอย่างที่วางลงไปบนโต๊ะข้างเตียง ทำให้นัยน์ตาสีมรกตที่ยังไม่ค่อยจะเปิดดีเหลือบไปมอง


กุญแจบ้าน?


ร่างโปร่งบางยันกายลุกขึ้นมานั่งช้าๆ ผ้าห่มค่อยๆไหลจากไหล่เปลือยเปล่าลงไปกองอยู่ที่รอบเอว

“ โชคดีนะครับ”    สองมือประคองใบหน้านิ่งเอาไว้ก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปที่ขมับ ใบหน้ามนแนบเข้าไปคลอเคลียก่อนจะค่อยๆละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง

“ อืม”    เสียงทุ้มตอบรับเบาๆ มืออุ่นๆยกขึ้นมาขยี้หัวสีน้ำตาลแล้วพยายามบังคับตัวเองให้ลุกออกไป

“ ล็อคบ้านให้ด้วยล่ะ ถึงจะเป็นแค่เด็กเหลือขอก็น่าจะทำได้ใช่ไหม?”   ใบหน้านิ่งที่มีแววหยอกเย้าหันมาบอกก่อนที่จะเดินลงบันไดให้เขาได้แต่พยักหน้าบูดๆรับ

ไม่ใช่เด็กเหลือขอซักหน่อย!....แล้วปกติก็ไม่เคยล็อคไม่ใช่หรือไง? หรือว่าเป็นเพราะไปหลายวัน? หรือว่านั่นเป็นข้ออ้างที่จะให้กุญแจเขา?

จู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวก่อนที่ร่างกายเปลือยเปล่าจะลงไปกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอน มือคว้าหมอนมากอดเอาไว้ก่อนจะซุกหน้าเข้าหากลิ่นสะอาดๆของเจ้าของเตียง...ไม่ไหวแล้ว...ความรู้สึกที่มันล้นทะลักอยู่ในใจนี้มันมีความสุขจนแทบจะเก็บเอาไว้ไม่ไหว ใบหน้าได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

แล้วเมื่อนัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปเห็นกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง...มันก็อดไม่ได้ที่จะเขินจนต้องกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่แบบนั้นอีกไม่รู้กี่รอบ

คุณรีไว...ผมรักคุณๆๆๆๆๆๆๆๆ...รักที่สุดเลย!







ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาออกจากบ้านช้าๆ มือเปิดประตู Ferrari F12 Berlinetta ของตัวเองก่อนจะโยนกระเป๋าเข้าไปที่เบาะข้างคนขับ และในขณะที่ขากำลังก้าวต่อไปยังฝั่งคนขับ นัยน์ตาสีขี้เถ้าก็เหลือบไปเห็นเฟอร์รารี่สีแดงอีกคันที่จอดอยู่ข้างๆกัน


นานแค่ไหนกันแล้วนะ...ที่เจ้าของมันไม่กลับมา....


Ferrari California ป้ายทะเบียน 59 ถูกจอดนิ่งอยู่อย่างนี้มากี่เดือนกันแล้วนะ...

สองมือต้องพยายามไม่ให้มันกำแน่น...ถึงแม้ความแค้นจะสุ่มอกอยู่แค่ไหนก็ตาม

ได้แต่บอกตัวเองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว...จะใจร้อนกับเรื่องนี้ไม่ได้...

ทั้งๆที่บอกตัวเองมาตลอด...แต่เขาก็ไม่เคยมั่นใจเลย...ว่าจะทนได้แค่ไหน หากได้เจอหน้าไอ้คนที่ทำให้ฮายาโตะต้องเป็นแบบนั้น...เขาจะควบคุมตัวเองไม่ให้อาละวาดได้แค่ไหนกัน...ในเมื่อตอนนี้ในหัวของเขามีแต่คำว่าต้องทำให้มันได้รู้รสชาติของความหวาดกลัว...ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้กับเด็กในปกครองของเขา

จะต้องให้มันเจ็บ...ยิ่งกว่าสิ่งที่เจ้าฮายาโตะเจอหลายๆเท่า


แต่แล้วสีขาวของอัลฟ่าโรเมโอที่โผล่เข้ามาทางหางตาก็ทำให้ร่างกายที่กำลังปล่อยไอดำทะมึนถึงกับชะงักค้างไป...ใบหน้านิ่งผ่อนลมหายใจออกอย่างพยายามทำลายความมืดมนในใจให้หมดไป...ใจเย็นๆ...ตอนนี้เขามีแต่จะต้องตั้งสมาธิไปกับหน้าที่ของตัวเอง

ตอนนี้ทีมเฟอร์รารี่มีนักขับเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น...ยังไงก็ต้องรักษาอันดับต่อไปให้จบฤดูกาลนี้เสียก่อน

ห้ามให้เรื่องใดๆมารบกวนจิตใจจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก...

ความหวังของทุกคนในทีมสีแดงนั่น...มันอยู่ที่เขา


ใบหน้านิ่งหันไปมองเจ้ารถสีขาวที่จอดอยู่อีกข้างอย่างนึกขอบใจ...

ไม่ว่าเมื่อไหร่ความบริสุทธิ์ของนายก็ช่วยชั้นเอาไว้ได้เสมอ...เอเลน












Circuit de Monaco เป็น Street Circuit ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองมอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก...แผ่นดินเอกราชที่เรียกได้ว่าเล็กเป็นอันดับสองรองจากนครรัฐวาติกัน...โมนาโกตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและถูกฝรั่งเศสล้อมเอาไว้ถึงสามด้าน ส่วนอีกด้านที่เหลือก็ขนานไปกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ด้วยพื้นที่เล็กจิ๋วขนาดนี้ทำให้ไม่สามารถจะมีสนามแข่งแบบถาวรได้ การจัดแข่งฟอร์มูล่าวันในประเทศเล็กๆแบบนี้จึงจัดแข่งกันบนถนนที่ใช้สัญจรในเวลาปกตินั่นแหละ

และเพราะแบบนั้นมันจึงเป็นสนามที่นับได้ว่าโหดมากสำหรับนักขับอย่างพวกเขา...

ร่างในชุดหมีสีแดงของทีมเฟอร์รารี่กำลังยืนมองโค้งหักศอกไม่พอยังเป็นทางลาดลงพุ่งตรงเข้าหาทะเลแบบที่มองเห็นได้ให้บีบหัวใจเล่น...ความกว้างถนนแค่สองเลนส์ก็ไม่นับว่าน้อยไปเท่าไหร่ แต่ที่มันโหดก็เพราะว่าสองข้างทางไม่มีพื้นที่ให้รถลื่นไถลได้เลยน่ะสิ...ทั้งรั้วโปร่ง รั้วทึบที่ขนาบอยู่เพื่อกั้นถนนกับตึกรามบ้านช่องทำให้แทบจะดิ้นไปไหนไม่ได้ สภาพน่าอึดอัดแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สนามแห่งนี้จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมาก...เป็นสนามปราบเซียนอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว

แต่กระนั้นใบหน้านิ่งของนักขับมือหนึ่งแห่งทีมม้าลำพองก็ยังคงมองถนนด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความหวั่นไหว...ที่ที่อันตรายกว่านี้เขาก็ผ่านมาแล้ว...ที่นี่จึงไม่มีอะไรต้องกลัว...

สองขาก้าวเดินตามทีมบอสร่างสูงใหญ่ไป...การเดินดูสภาพสนามก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของนักขับอย่างพวกเขา เพราะหากไม่สังเกตและจดจำลักษณะและองศาของแต่ละโค้งให้ดี โอกาสที่จะหักเลี้ยวไม่พอจนไปชนเข้ากับรั้วสองข้างทางมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย

ไม่มีพื้นที่ให้รถลื่นไถล...ไม่มีขอบทางให้แก้ตัวได้...

ถนนที่ขนานไปกับทะเลทำให้มองเห็นท่าจอดเรือยาวเหยียด เรือยอร์ชสุดหรูของมหาเศรษฐีสีขาวลำน้อยใหญ่จอดเรียงรายกันเป็นแถว...Port of Monaco คือท่าจอดเรือที่ไร้ซึ่งเสียงดังโวยวายแบบท่าเรือทั่วไป เพราะเรือที่จะมาจอดที่นี่ได้มันต้องมีราคาไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้านขึ้นไป มันจึงส่งให้ประเทศเล็กๆแบบโมนาโกกลับกลายเป็นที่ที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งแห่งหนึ่งของยุโรป...ตึกรามบ้านช่องที่ไล่ระดับลงมาจากตีนของเทือกเขาแอลป์จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนก็ถูกออกแบบมาอย่างดี..เพราะสภาพเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชากรอยู่ในระดับสูงแบบนี้ถึงได้ถูกยอมรับจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติหรือ FIA ให้เป็นประเทศที่จะสามารถจัดการแข่งฟอร์มูล่าวันได้...เพราะมันเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทั้งความพร้อมทั้งเม็ดเงินมหาศาลไม่ใช่ว่าที่ไหนจะจัดก็ได้

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองไปยังท่าจอดเรือที่ไกลสุดลูกหูลูกตา...หมู่นกนางนวลต่างบินโฉบอยู่เหนือน่านน้ำสีคราม...ถ้าไม่นับความโหดของสภาพสนาม...เซอร์กิต เดอ โมนาโก ก็ถือเป็นสนามที่สวยงามมากทีเดียว


ถ้าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นมาด้วยกันก็คงจะดี...



เขาเดินกลับมาที่พิตการาจ...ตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อนก่อนจะถึงการแข่งจริงในวันพรุ่งนี้...ถึงแม้ว่าผลควอลิฟายทีมเฟอร์รารี่จะได้โพลไปตามคาด แต่กองทัพสีแดงต่างยังรวมตัวกันอยู่ที่พิตการาจ...ทีมวิศวกรต่างตรวจเช็ค F138 กันอย่างขมีขมัน...ทีมเปลี่ยนยางก็ยังคงซ้อมเข้าพิตไม่ให้มีผิดพลาด...ความตั้งใจของทุกๆคนทำให้เขาได้แต่ยืนมองด้วยร่างกายที่นิ่งงัน...นัยน์ตาเหลือบไปมอง F138 HAYATO ที่จอดอยู่ข้างๆรถของเขาอย่างลืมตัว

เป็นเพราะรถคันนั้นไม่มีคนขับ มันจึงทำให้พวกเขายิ่งต้องตั้งใจมากกว่าเดิม...จะพลาดไม่ได้แม้แต่สนามเดียว

สนามที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้มีอีกไม่กี่สนาม...เรื่องอันดับของนักขับนั้นไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะเขาแทบจะเรียกได้ว่าคว้าแชมป์โลกมาครองเรียบร้อยแล้ว...ยังเหลือก็แต่อันดับของทีม...

อย่างที่รู้กันว่านอกจากนักขับจะได้คะแนนจากอันดับที่ตัวเองได้ในแต่ละสนาม...ทีมเองก็ยังได้คะแนนจากอันดับนั้นๆด้วย...เพราะการแข่งรถสูตรหนึ่งไม่ได้แข่งกันแค่ตัวบุคคล แต่แข่งไปถึงทีมด้วย...คะแนนจึงมีทั้งของบุคคลและของทีม

แน่นอนว่าไม่มีทีมไหนอยากพ่ายแพ้ ไม่มีทีมไหนไม่อยากได้ที่หนึ่ง...เพราะมันจะเป็นเครื่องการันตีว่าเครื่องยนต์ของรถที่คิดค้นขึ้นมานั้นมันเป็นที่หนึ่งของโลก และมันจะเป็นต้นแบบที่คงจะมีแต่คนจับตามอง เมื่อเอาไปประยุกต์ใช้กับรถยนต์ที่จะทำขายให้กับคนทั่วๆไปต่อ

และเฟอร์รารี่ก็ต้องการที่หนึ่งนั่น

ซึ่งมันจะไม่ยากเลย...หากนักขับยังอยู่ครบทั้งสองคน

เพราะคะแนนของทีมจะเอาคะแนนที่ได้จากนักขับทั้งคู่มารวมกัน...แต่ตอนนี้เฟอร์รารี่เหลือนักขับอยู่แค่คนเดียว...เขาต้องได้ที่หนึ่งทุกสนามเพราะคะแนนมันได้มาจากเขาแค่คนเดียว แล้วตอนนี้ทีมที่ไล่หลังมาก็คะแนนคู่คี่สูสีจนน่ากลัว

ถึงได้บอก...ว่าจะพลาดไม่ได้


แต่ถึงจะกดดันขนาดนี้ เอลวินกลับไม่ยอมส่งนักขับสำรองลงทั้งๆที่ทำได้...F138 HAYATO ถูกเอามาด้วยในฐานะรถสำรองของเขาเพียงคนเดียว...ทีมทั้งทีมทุ่มเทเพื่อเขาเพียงคนเดียว

ไม่สิ...เหมือนกับทุกคนจะบอกว่า...ที่ว่างตรงนั้นมันเป็นของฮายาโตะเท่านั้น...รอ...ให้เจ้านั่นกลับมา









เช้าที่สดใสมาเยือนโมนาโกในที่สุด ท้องฟ้าในวันนี้ช่างปลอดโปร่งรับกับน้ำทะเลจนแทบจะกลืนเป็นผืนเดียวกัน

แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่ได้มีความโรแมนติก วันๆก็คลุกอยู่กับเสียงเครื่องยนต์อย่างพวกเขา จึงมองเห็นมันเป็นแค่วันที่ต้องใช้ยางแบบไม่มีดอกก็เท่านั้น...อย่างน้อยๆก็ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากน้ำฝนไปได้อย่างหนึ่ง...เพราะถ้าฝนตก...สนามนี้คงกลายเป็นนรก

บรรดาผู้ชมต่างทยอยเข้ามาในสนามและเพราะว่าเป็น Street Circuit หมู่ตึกที่อยู่สองข้างทางจึงมีคนขึ้นไปรอดูกันอยู่ทุกๆระเบียงหรือดาดฟ้าที่จะสามารมองเห็นได้ บรรยากาศจึงเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาแข่งใกล้เข้ามา

และไม่ใช่จะมีแต่ผู้ชมเท่านั้นที่เดินกันอยู่เต็มถนนเพื่อขึ้นไปยังอัฒจันทร์ของตัวเอง บรรดาคนรักของนักขับต่างก็มาให้กำลังใจกันถึงในพิตการาจ...ก็อย่างที่บอก...ว่าฟอร์มูล่าวันเป็นกีฬาที่เม็ดเงินหนา นักขับตัวจริงที่มีอยู่แค่ 20 กว่าคนจึงมีรายได้ต่อปีไม่น้อยเลยทีเดียว...เพราะงั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีแฟนเป็นถึงระดับนางแบบชื่อดังหรือดาราสาวสวย...ก็คงจะมีแต่ที่พิตการาจสีแดงเท่านั้นแหละที่ไม่เคยมีหญิงสาวที่ไหนแวะเวียนเข้ามาเลย

จะมีก็แต่เจ้าเด็กปากมากจอมดื้อที่บางครั้งก็มาถูกขังอยู่ในห้องล็อคเกอร์บ้างก็เท่านั้นแหละ


Ferrari F138 LEVI ถูกเข็นไปบนถนนเพื่อเข้าประจำกริดที่อยู่หน้าสุด ฝ่ามือในถุงมือสีแดงบังคับพวงมาลัยให้ล้อรถเลี้ยวไปตามถนนโดยที่เครื่องยนต์ยังไม่ถูกติด นัยน์ตารีขวางที่มองทุกอย่างผ่านหมวกกันน็อคยังคงนิ่งเฉย ต่อให้เวลาจะล่วงเลยมาจนใกล้จะแข่งเต็มที แต่ความตื่นเต้นกลับไม่เคยมีอยู่ในความรู้สึก

ต่อให้รู้ว่าความตายจะรออยู่ตรงหน้า ทว่า ความกลัวกลับไม่มี



จากที่มีเจ้าหน้าที่มากมายยืนอยู่ในกริด ก็ค่อยๆลดจำนวนลงจนเหลือแค่ 4 คน สัญญาณการเตรียมตัวดังขึ้น ผ้าหุ้มล้อสีดำจึงถูกดึงออกโดยคนทั้ง 4 นั่น จากนั้นในสนามจึงเหลืออยู่แค่รถที่ต่างส่งเสียงดังกระหึ่ม ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวถนนยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายยิ่งพุ่งสูงขึ้น ความหิวกระหายในการแข่งขันกระจายอยู่ทั่วสนามทั้งนักขับ ทั้งทีม ทั้งคนดู ในรอบแรกเป็นแค่การวิ่งลองสนามก่อนที่รถทั้งหมดจะเข้าประจำที่ของตัวเองอีกครั้ง

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองราวสัญญาณไฟแดงที่อยู่เหนือหัว F138 LEVI ถูกเร่งเครื่องเพื่อเตรียมพร้อมที่จะออกตัว เสียงเครื่องยนต์ดังอยู่ทั่วสนามให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดที่

และเมื่อสัญญาณถูกเปลี่ยนเป็นไฟเขียว

รถทุกคันก็พุ่งทะยานออกไปในทันที!


เสียงกระหึ่มดังไปทั่วมอนติคาร์โล รถทุกคันต่างพยายามเบียดแซงเพื่อให้ได้อยู่หัวแถว แต่เพราะความแคบของถนนจึงทำให้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด  ความเร็วที่ถูกเร่งจนถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถูกลดลงเมื่อต้องเข้าโค้งแรก ถุงมือสีแดงที่จับพวงมาลัยที่มีตราม้าลำพองบนพื้นเหลืองติดอยู่ตรงกลางยังคงไม่วอกแวกต่อให้ลมที่ปะทะเข้ามาจะทำให้รถส่ายไปเล็กน้อย

นอกจากความโหดของสภาพถนนแล้ว ลมทะเลก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับวิศวกรในการปรับแต่งด้วย รวมไปถึงเทคนิคในการขับของนักขับที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ปลายนิ้วในถุงมือสีแดงกดปุ่มบนพวงมาลัยให้ Front Wing ปรับองศาเปิดให้ลมไหลผ่านไป ความเร็วถูกเร่งสูงสุดอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ทางตรง หมวกกันน็อคสีแดงแทบจะติดอยู่กับแผ่นรองศีรษะเมื่อต้องรับลมที่ปะทะเข้ามาอยู่ตลอดเวลา


เอี๊ยดดดดดดดดด

เสียงเบรกดังลั่นอยู่ข้างหลัง และไม่นานมันก็ตามมาด้วยเสียงโครมดังสนั่น...คงจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วแน่ๆ...ตั้งแต่ที่ยังวิ่งไม่ทันจะครบรอบด้วยซ้ำ

ใบหน้านิ่งเฉยยังคงมองตรงไปที่ถนนข้างหน้าอย่างไม่คิดจะใส่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเห็นมาจนชาชิน  F138 LEVI ยังคงทะยานต่อไปราวกับสายลมที่หาตัวจับได้ยาก ต่อให้สนามจะโหดมากขนาดไหน แต่รถสีแดงเพลิงก็ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกหนักใจเลยแม้แต่นิดเดียว

“ รีไว เข้าพิตเลยไหม”    เสียงจากวิศวกรสาวดังมาตามวิทยุสื่อสารที่ถูกเสียบอยู่ในหู

“ อือ”   เขาตอบรับไปด้วยเสียงนิ่งๆ

และเพราะต้องเข้าไปเปลี่ยนยาง อันดับในหัวแถวจึงถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง

จากที่เคยนำอยู่ F138 LEVI จึงเป็นฝ่ายไล่ตามรถอีกสามสี่คัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกที่จะทวงอันดับหนึ่งคืนมา

เพราะรู้ว่าข้างหน้าจะมีโค้งตัว S รถที่นำอยู่จึงวิ่งชิดซ้ายกันเป็นแถวเพื่อให้เข้าโค้งต่อไปได้โดยไม่หลุดออกไป  แต่เฟอร์รารี่สีแดงเพลิงกลับหักพวงมาลัยออกขวา แล้วเร่งความเร็วขึ้นในชั่วพริบตาก่อนจะแซงปาดหน้ารถของเมอซิเดสที่วิ่งนำอยู่ และแทนที่จะหักกลับเข้ามาในไลน์ปกติเพราะต่อจากโค้งตัว S จะเป็นโค้งหักศอกที่วิ่งลงเนิน เจ้ารถสีแดงสดกลับยังคงวิ่งอย่างบ้าระห่ำแซงอีกสองคันก่อนจะปาดเข้าโค้งได้อย่างน่าหวาดเสียว

ทั้งคนดูทั้งพิตการาจสีแดงต่างลุ้นกันใจหายใจคว่ำก่อนจะเฮลั่นเมื่อ F138 LEVI กลับมาอยู่หัวแถวได้สำเร็จ ทั้งๆที่คนอื่นหัวใจจะวายตายแต่คนขับกลับยังคงมีใบหน้าที่นิ่งเฉย ราวกับการขับเมื่อครู่เป็นอะไรที่ทำได้สบายๆ...ซึ่งนักขับที่ตามหลังอยู่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำได้

เพราะนอกจากเทคนิคแล้ว...หัวใจถ้าไม่เด็ดเดี่ยวจริงๆก็ไม่มีทางทำแบบนั้นได้...นอกเสียจากจะเป็นพวกไม่กลัวตาย...ซึ่งบังเอิญว่านักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่มีทุกอย่างที่ว่ามานี้พอดี

การแข่งยังคงดำเนินต่อไปด้วยไอร้อนระอุ เสียงเบรกและเสียงชนโครมใหญ่ยังคงมีให้ได้ยินอยู่ตลอดทั้งการแข่งขัน  Safety car ถูกนำมาวิ่งสองรอบเข้าไปแล้วเพื่อเคลียร์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น...ยังดี...ที่ยังไม่ต้องถึงกับหยุดการแข่งขัน

คนในชุดหมีสีแดงเพลิงกว่าสิบชีวิตเตรียมยางรออยู่ที่หน้าพิตการาจของเฟอร์รารี่  F138 LEVI เข้าพิตเป็นรอบที่สองของการแข่งขันเมื่อผ่านไปได้ 52 รอบจากที่ต้องแข่งทั้งหมด 78 รอบ...อีกไม่นานชัยชนะก็จะเป็นของเฟอร์รารี่


ทั้งๆที่คิดแบบนั้น...


เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงออกสู่สนามอีกครั้ง!


ปัง!!!


เสียงระเบิดทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเบิกขึ้นมาเล็กน้อย...ยางระเบิด?....แต่ดูจากค่าที่ขึ้นอยู่บนพวงมาลัยแล้วไม่ใช่เสียงระเบิดจากยางรถของเขาแน่ๆ


เอี๊ยดดดดดดดดด!!


เสียงเบรกดังขึ้นมาจากรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้า เศษยางสีดำปลิวอยู่รอบลูกล้อที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง รถที่ส่ายไปมาเริ่มไถลเข้ามาหาอย่างเอาไม่อยู่

“ ชิ...”    ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคสีแดงได้แต่สบถออกมา ดูจากสภาพการณ์แล้วทางเดียวที่จะหลบพ้นคือชะลอความเร็วลงแล้วรอให้รถนั่นเบี่ยงหลบไปเอง

แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ใช่ รีไว แห่งทีมเฟอร์รารี่!

คิดจะให้เขาชะลอน่ะหรอ? ไม่มีทาง!!!

F138 LEVI กลับเร่งความเร็วเป็นเท่าตัวเพื่อพุ่งแซงไปให้พ้นก่อนที่รถคันหน้าจะเซถลามาชน ปีกหลังสีแดงพุ่งทะยานผ่านปีกหน้าของรถคันที่ว่าไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เล่นเอาหัวใจของคนทั้งพิตการาจแทบจะขาดออกจากกันให้ได้ และเจ้ารถสีแดงก็คงจะวิ่งต่อไปด้วยดีถ้าข้างหน้าไม่มีทางโค้งรออยู่!!

เอี๊ยดดดด!!

นั่งคือเสียงยางที่สีไปกับพื้นถนนจนกลิ่นไหม้ออก มือที่บังคับพวงมาลัยได้แต่พยายามหักหลบให้รถผ่านโค้งไปให้ได้...ทั้งๆที่เกือบจะพ้น ทว่า ปีกหน้าของรถกลับไปกระแทกเข้ากับขอบสนามทำให้รถถึงกับปัดไปตามแรงเหวี่ยง ใบหน้านิ่งที่อยู่ภายใต้หมวกกันน็อคเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่เอาไม่อยู่ก็เพราะจู่ๆก็รู้สึกได้ถึงแรงลมที่เพิ่มมากขึ้น

F138 LEVI ถึงกับหมุนไปสองตลบ และทั้งๆที่บังคับรถให้หยุดได้แล้วแต่รถคันที่วิ่งตามหลังมาก็มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะควันที่เกิดจากการเสียดสีของยางกับเครื่องยนต์ที่เผาไหม้เร็วเกินไปจึงทำให้รถคันนั้นยังคงวิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด

กว่าจะเห็นอีกทีว่าเฟอร์รารี่สีแดงอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างก็สายเกินไป...


เอี๊ยดดดดดดดดดดด....โครม!!!!!


เสียงชนดังสนั่นทำให้ทุกสายตาต่างตะลึงงันเพราะไม่มีใครคาดฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับทีมเฟอร์รารี่ซ้ำสอง ยิ่งที่พิตการาจสีแดงยิ่งหัวใจแทบจะหยุดเต้น

เศษฝุ่นฟุ้งกระจายเช่นเดียวกับเศษอะไหล่ที่แทบจะดูไม่ออกว่ามันมาจากซากของรถคันไหนกันแน่ แชสซีสีแดงของ F138 พลิกคว่ำก่อนจะหมุนไปกระแทกกับขอบสนาม ประกายไฟติดขึ้นมาก่อนจะลุกท่วมไปทั่วปีกหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาทีทำให้ทุกคนที่จับตามองอยู่ถึงกับอึ้งจนนิ่งค้างไป

แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่คนที่ดูอยู่ในสนามเท่านั้นที่จะตกตะลึง

คนที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้านก็หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มไม่แพ้กัน...นั่นรวมไปถึงคนที่มาราเนลโล่ด้วย....




ชั่วพริบตาที่ภาพตรงหน้าพร่ามัว รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์กลับซ้อนทับเข้ามาในสมอง...

นัยน์ตาที่ดื้อดึงและเต็มไปด้วยความฝันหันมามองเขาก่อนจะเรียกชื่อออกมาเบาๆ


...คุณรีไว...


...คุณรีไวครับ....



“ รีไว!!!”    เสียงตื่นตระหนกดังเข้ามาในสองรูหูทำให้ร่างกายที่ยังชะงักค้างหลุดออกมาจากภวังค์

นัยน์ตาสีขี้เถ้าละจากฝุ่นควันที่มืดมัวตรงหน้ามามองที่สองมือของตัวเอง ก่อนจะพบว่ามือที่จับพวงมาลัยอยู่นั้นมันสั่นน้อยๆ


เริ่มกลัวที่จะตายขึ้นมาหรือไง...

หรือรับไม่ได้ถ้าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั่นอีก...


“ รีไว!!”   เสียงเรียกซ้ำทำให้สติกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“ ได้ยินรึเปล่า?! ออกมาจากรถ!!”   ยัยฮันซี่ตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน และเมื่อสายตาเหลือบไปมองที่กระจกหลังก็พอจะเข้าใจว่าทำไมถึงตกใจกันขนาดนั้น

ปีกหลังของ F138 LEVI กำลังมีไฟลุกท่วม รถอีกสองคันที่เกี่ยวกันก็จอดคาถนนอยู่ ยิ่งคันที่ชนกับรถของเขาสภาพนั้นก็แทบจะดูไม่ได้ เศษอะไหล่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นจนไม่ต้องคิดที่จะมาเก็บคืนเพราะดูไม่รู้แน่ว่าอันไหนเป็นของใคร

แล้วสัญญาณหยุดการแข่งขันก็ดังขึ้นทั่วทั้งสนาม

ถนนในตอนนี้ไม่สามารถที่จะแข่งต่อไปได้รถที่เหลืออยู่จึงได้แต่ขับช้าๆกลับไปประจำที่กริดเพื่อรอเจ้าหน้าที่เคลียร์สนาม


ใบหน้านิ่งถึงกับสบถออกมา มือดึงพวงมาลัยก่อนจะลุกออกไปจากรถ ร่างกายเซน้อยๆเพราะหัวรู้สึกปวดหนึบ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เลือดที่กำลังร้อนผ่อนคลายลงได้...ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจึงเดินดุ่มๆไปที่ข้างถนนแล้วรีบกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์สนามให้พาไปส่งที่พิตการาจสีแดง

เขาจะแข่งต่อ!



“ เอารถของฮายาโตะออก”   นักขับมือหนึ่งแห่งทีมเฟอร์รารี่บอกเมื่อขาก้าวมาถึงพิตการาจ

“ รีไว?! นายไม่เป็นไรใช่ไหม?!”   วิศวกรสาวและทีมงานอีกหลายคนถลาเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

“ ไม่เป็นไร ชั้นจะแข่งต่อ เอารถของฮายาโตะออก”   คำพูดสั้นๆทำให้ทุกคนที่รุมล้อมอยู่ต่างชะงักไป

“ ไม่ได้หรอกรีไว...”   วิศวกรสาวยกมือห้ามด้วยใบหน้าตื่นๆ แต่คนใจร้อนก็ยังคงยืนกรานที่จะแข่งต่อ เพราะจะแพ้ไม่ได้

“ บอกให้เอารถเจ้าฮายาโตะออกไง ชั้นจะแข่งต่อ!”   ร่างแข็งแกร่งทำท่าจะเดินไปที่ F138 HAYATO ทว่า มือใหญ่ๆก็มาดึงตัวเอาไว้เสียก่อน

“ เอลวิน?”   ยังไม่ทันที่จะได้อาละวาด ผ้าขนหนูก็ถูกโปะมาที่ใบหน้าและเมื่อดึงมันออกมา สีแดงเถือกของเลือดสดๆก็ย้อมจนผ้าสีขาวกลายเป็นสีโลหิต...หัวแตกงั้นหรอ?

“ นายอาจจะไม่กลัวตาย แต่คนที่รอนายอยู่เค้าคงไม่ดีใจหรอกนะ ถ้านายจะทิ้งเค้าไปง่ายๆแบบนี้ รีไว”    ทีมบอสร่างสูงใหญ่เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจังและคำที่พูดถึง “คนที่รอนายอยู่” ก็ทำให้นักขับมือหนึ่งแห่งทีมเฟอร์รารี่นิ่งค้างไป สองแขนที่เตรียมจะคว้าพวงมาลัยรถทิ้งลงที่ข้างลำตัวอย่างยอมแพ้

“..........”   ใบหน้านิ่งทำได้แค่ก้มมองพื้นด้วยความเจ็บใจ...รู้สึกผิดต่อความคาดหวังของคนทั้งทีม...รู้สึกผิด...ต่อคนที่รออยู่

“ สนามนี้...มันจบแล้ว....”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากคนที่น่าจะผิดหวังมากที่สุดอย่างบอสของทีม มือที่เคยฉุดดึงเขาออกมาจากโคลนตมบีบลงมาที่ไหล่อย่างให้ทำใจยอมรับ

“..........”   สองมือได้แต่กำแน่นโดยไม่มีคำพูดใดๆจะพูดออกไป

“ เฟอร์รารี่เหลือนักขับแค่นายคนเดียว...สนามต่อไปเราจะขาดนายไม่ได้...เพราะงั้นได้โปรดทำตามคำสั่งของชั้น รีไว”   คำพูดสุดท้ายทำให้สองมือคลายออกก่อนที่ใบหน้านิ่งจะยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี


สนามนี้...มันจบไปแล้ว...แต่สนามต่อไปมันยังไม่ได้เริ่ม...

ตราบใดที่เขายังอยู่...เฟอร์รารี่ก็ยังไม่พบกับความพ่ายแพ้...


แต่ถ้าวันนี้เขาฝืนแข่งต่อ แล้วเป็นอะไรขึ้นมา...ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะจบอยู่ที่นี่...โดยไม่มีแม้แต่คำแก้ตัว







เพราะMiss callที่ขึ้นเกือบ 20 สาย แต่พอโทรกลับไปก็ไม่รับ ทำให้นักขับมือหนึ่งแห่งทีมเฟอร์รารี่ตัดสินใจที่จะกลับอิตาลีในวันนั้นเลย

เด็กนั่นคงจะเป็นห่วง...


ผู้ชนะยังไม่ทันจะขึ้นโพเดี้ยม เขาก็มายืนอยู่ที่สนามบินในเมืองนีซของฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว

มือเตรียมพาสปอร์ตก่อนจะเดินไปเช็คอิน...สนามบินแห่งนี้ทำหน้าที่เหมือนเป็นสนามบินของโมนาโกทั้งๆที่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศส เพราะเป็นประเทศที่เล็กจนไม่สามารถจะมีแม้แต่สนามบินของตัวเองได้

สองขาเตรียมจะก้าวเข้าไปใน ตม. ทว่า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน

“ คุณรีไว!! คุณเป็นยังไงบ้าง?! คุณอยู่ที่ไหนครับ?!”   น้ำเสียงร้อนรนดังมาตามสายทันทีทั้งๆที่เขายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกไป

" อยู่ที่สนามบิน...กำลังจะกลับอิตาลี"   เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ

" เอ๋? ผมก็อยู่ที่สนามบินของเมืองนีซ คุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะเดินไปหา"   สิ่งที่เด็กนั่นเอ่ยออกมายิ่งทำให้เขาอึ้งยิ่งกว่าเดิม...ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ตามมาเพราะเป็นห่วงงั้นหรอ?

หัวใจรู้สึกชาวาบ ความอบอุ่นซึมซาบอยู่ข้างในแต่มันก็ยังเคลือบเอาไว้ด้วยความเจ็บแปลบแบบแปลกๆ...ทั้งดีใจทั้งรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน

เป็นเพราะเขาคือคนที่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เป็นคนแข่ง เป็นคนลงมือ...มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...จึงไม่เคยรู้เลยว่าความรู้สึกของคนที่ต้องรอให้เขากลับไป ความรู้สึกของคนที่ได้แต่มองอยู่ข้างหลังอย่างห่วงใยนั้นเป็นยังไง

แล้วตอนนี้เขาก็เพิ่งจะรู้ เพิ่งจะเข้าใจ...เมื่อเด็กนั่นเดินหาเขาจนเจอ เมื่อเด็กนั่นเห็นหน้าเขา...ร่างโปร่งบางก็ถลาเข้ามากอดพลางร้องไห้โฮทันที

สองแขนบอบบางที่กอดเขาแน่นมันสั่นระริกจนรู้สึกได้...เอเลนต้องเผชิญหน้ากับความกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปมากมายขนาดไหนกัน...ความอัดอั้นมันถึงถูกระบายออกมาด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุดแบบนี้

" คุณรีไว......คุณรีไว....."   เสียงที่ดังออกมาจากใบหน้าที่ซบอยู่ที่หัวไหล่ยังคงพร่ำเรียกชื่อของเขาด้วยความสั่นเครือ

" ผมกลัว...ผมกลัวมาก....ฮึก ฮึก....กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป...กลัวว่าคุณจะไม่กลับมา....ผมเป็นห่วงคุณจนแทบจะเป็นบ้า...ผมกลัว...คุณรีไว..."   คำพูดปนสะอื้นที่บอกเขาออกมาตรงๆว่าเป็นห่วงมันทำให้ร่างทั้งร่างถึงกับนิ่งค้างไป...


เพราะเพิ่งจะรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก.....

กับการที่มีใครสักคนรอคอยให้เขากลับบ้าน....

กับการที่จะมีคนเสียใจ...จะมีคนร้องไห้...ถ้าเขาตายไป....


สองมือเลื่อนไปประคองใบหน้านองน้ำตา  ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยไล้ที่ขอบตาสีมรกต ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปหาแล้วจูบลงไปที่กลีบปากซึ่งพร่ำบอกเขาว่าเป็นห่วงนั้นอย่างเชื่องช้า ค่อยๆซึมซับรับเอาความกังวลใจนั้นมาให้หมด


กับคนที่ไม่เคยเห็นความตายอยู่ในสายตา...

จะขอสาบานด้วยจุมพิตที่อ่อนโยนนี้...

จะขอสาบาน....ว่าต่อไปจะดูแลตัวเองให้ดี...จะกลับบ้านอย่างปลอดภัย...จะไม่เห็นความตายเป็นเรื่องเล่นๆอีก


ใบหน้าละออกมา ก่อนที่ต่างฝ่ายจะจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของกันและกัน มือบางยกขึ้นมาสัมผัสผ้ากอซที่ปิดแผลบนขมับของเขาเบาๆ แล้วถามออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

" เจ็บมากไหมครับ...นอกจากแผลตรงนี้แล้วยังมีบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าครับ..."   เด็กนั่นเหมือนอยากจะพูดอะไรอีกแต่ก็ตัดสินใจเงียบไป แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้

คงอยากจะพูดเอาแต่ใจว่าให้เขาเลิกแข่ง แต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อฟอร์มูล่าวันคือชีวิตและสายลมแรงที่ปะทะใบหน้าก็กลายเป็นลมหายใจของเขาไปแล้ว

นี่คือสิ่งที่คนรักของนักขับต้องเผชิญสินะ...ต้องต่อสู้กับความกลัว ต้องฝ่าฟันกับความกดดันที่จะไม่พูดออกมาทั้งๆที่รู้ว่าพวกเขากำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายที่จะขาดเมื่อไหร่ก็ได้ ต้องยืนดูพวกเขาเสี่ยงตายโดยทำได้แค่เฝ้าไข้หลังจากบาดเจ็บไปแล้ว ทำได้แค่ภาวนาโดยไม่สามารถจะเอ่ยปากห้ามได้

เพราะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น...และนั่นคือเรื่องที่อยากจะขอบคุณ


“ ..........”   เขาส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้มีแผลที่อื่นอีกโดยไม่ได้พูดอะไร ใบหน้ามนจึงดูเบาใจลงไปได้บ้าง

“ แล้วนี่...จะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่าครับ?”   พอถูกถามขึ้นมามันก็ทำให้เขานิ่งคิด...ไหนๆเด็กนี่ก็มาแล้ว....

“ เปลี่ยนใจแล้ว”   มือจับลงไปที่มือบางก่อนจะลากให้เดินตามมาด้วยกัน

“ เอ๋?”   คนข้างหลังได้แต่อุทานอย่างสงสัย โทรศัพท์มือถือถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่ใบหน้านิ่งจะกรอกเสียงลงไป


“ ครับ คุณรีไว?”  ปลายสายตอบรับด้วยเสียงแปลกใจ

“ กลับมารับชั้นที่สนามบิน...วันนี้ยังไม่กลับอิตาลี”

“ เอ๋? อ่ะ ครับ...”  ปลายสายดูจะประหลาดใจหนักกว่าเดิมเมื่อเขาบอกออกไปแบบนั้น แต่พอมาถึงแล้วได้เห็นใบหน้ามนของคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ถึงกับยิ้มอย่างเข้าใจ

“ ไงเอเลน?”   ไม่มีใครในพิตการาจสีแดงที่จะไม่รู้จักร่างโปร่งบางคนนี้ มือจึงยกขึ้นมาขยี้หัวทุยๆสีน้ำตาลด้วยความเอ็นดู ใบหน้ามนแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะทำแก้มป่องมองค้อนอย่างไม่พอใจที่ใครๆในทีมเฟอร์รารี่ต่างก็มักจะเข้ามาเย้าแหย่เหมือนตนเป็นเด็กๆอยู่เสมอ

“ จะกลับไปที่พิตการาจหรือเปล่าครับ?”  

“ ใช่...ต้องไปเอากุญแจ”



แล้วไม่นาน...ทั้งสองคนก็มายืนอยู่ที่พิตการาจสีแดงซึ่งกำลังเตรียมเก็บของกลับอิตาลีกันอยู่

ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูไฮเทคโนโลยีกลับถอดประกอบเก็บง่ายจนไม่น่าเชื่อ เพราะนอกจากตัวรถแล้วนวัตกรรมทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแข่งก็ถูกพัฒนาจนนับได้ว่าเป็นของที่มีคุณภาพสูงมาก นัยน์ตาสีมรกตมองอุปกรณ์ปรับแต่งที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนที่จะได้ยินเสียงคนข้างๆพูดออกมาเบาๆ

“ ฉันจะไปเอากุญแจ...รออยู่นี่แหละ”

ใบหน้ามนพยักรับก่อนที่จะไล่สายตาดูอุปกรณ์ต่างๆต่อไป...ทว่า...เมื่อสายตาเลื่อนไปเจอกับ Ferrari F138 LEVI ที่พังยับ...ร่างกายกลับนิ่งค้างไป นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...เช่นเดียวกับสองมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัว...ที่มันอดจะสั่นขึ้นมาไม่ได้

เขายังจำได้ดี ถึงวินาทีที่มองเห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น...ยังจำได้ดีว่าหัวใจมันแทบจะหยุดเต้นไปแล้ว

ยิ่งได้มาเห็นสภาพของรถนั่นกับตา ความกลัวความกังวลในใจก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น...ร่างโปร่งบางเดินเข้าไปหาเจ้ารถสีแดงช้าๆ ก่อนจะทอดสายตาลงไปมองมันด้วยความปวดใจ...พังจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย...กาบซ้ายที่เขาเคยนั่งเละจนดูไม่ได้ บอดี้ที่เคยสวยงามก็ยุบไปกว่าครึ่ง ทั้งปีกหน้าและปีกหลังแทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ...แต่ถึงส่วนอื่นๆจะยับเยินขนาดไหน ก็ยังมีส่วนที่เป็นที่นั่งของนักขับที่กลับยังอยู่ในสภาพปกติ...เพราะมันเป็นส่วนที่ได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด

มือบางเตะลงไปที่พวงมาลัยก่อนจะเอ่ยขอบคุณมันในใจ...ขอบคุณที่ช่วยปกป้องคนรักของเขาเอาไว้...ขอบคุณจริงๆ


ร่างโปร่งบางละออกมาจาก F138 LEVI แล้วกลับมายืนอยู่กลางพิตการาจตามเดิม ลูกทีมในชุดสีแดงต่างเดินไปเดินมาเก็บนู่นยกนี่กันอย่างขะมักเขม้น และไม่ว่าใครที่มองเห็นเจ้าเด็กดื้อที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีคนนี้ ต่างก็ยกมือขึ้นมาขยี้หัวทุยๆสีน้ำตาลนั่นด้วยความมันเขี้ยวกันแทบทุกคน

ใบหน้ามนได้แต่หันไปทำตาดุใส่ก่อนจะยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ แต่ยังไม่ทันจะเสร็จดีก็มีมือของอีกคนที่เดินผ่านมาขยี้ต่อ..........หัวเขามันมีอะไรนักหรือไง?!

และเมื่อรู้สึกรำคาญจนสุดจะทน สองขาเลยเดินดุ่มๆออกมาจากพิตการาจสีแดงด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

ที่พิตข้างๆเองก็กำลังเก็บของอยู่เหมือนกัน และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตหันไปเห็นรถสูตรหนึ่งของทีมเมอซิเดสที่จอดอยู่ วิญญาณนักปรับแต่งผู้หิวกระหายในข้อมูลก็เข้าสิงโดยไม่รู้ตัว ร่างโปร่งบางเดินลอยๆด้วยดวงตาระยิบระยับเข้าไปในพิตการาจของเมอซิเดสก่อนที่มือสั่นระริกจะจับลงไปที่ตัวรถซึ่งจอดนิ่งสนิท...ถึงจะได้ใกล้ชิดกับรถฟอร์มูล่าวันอย่างรถของเฟอร์รารี่มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าของเมอซิเดสเองก็จะไม่ได้ปรับแต่งเหมือนกันเสียทีเดียว...มีบางอย่างที่ต่างกัน

แต่ในขณะที่กำลังเดินวนรอบรถอยู่นั้น ร่างโปร่งที่ไม่ได้มองข้างหน้าเพราะสายตามัวแต่จ้องอยู่ที่ตัวรถก็ไปชนกับใครบางคนเข้า

" อ๊ะ?!"







นักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่เดินกลับเข้ามาในพิตการาจเพื่อมองหาร่างโปร่งบางที่คุ้นตา ทว่า เด็กนั่นกลับหายตัวไป...ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่อิตาลี แต่คนที่มีอดีตมืดมนอย่างเขาก็ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยของเด็กนั่นตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...

ถึงแม้ว่าเอเลนจะไม่ใช่เป้าหมายหลัก...ถึงแม้ว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดกับฮายาโตะ...แต่เขาก็ประมาทไม่ได้

เจ้าเด็กเหลือขอนั่นยิ่งมีฟิโรโมนเย้ายวนชวนให้โดนจับตัวไปได้ง่ายๆอยู่ด้วย


ปลายนิ้วกดโทรศัพท์ ก่อนจะมีเสียงผู้ชายรับให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว......ใครกัน?

" ใคร?"   เสียงที่กรอกลงไปตามสายพาเอาความทะมึนไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

" คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กนี่งั้นหรอ?  ผมคือผู้จัดการทีมเมอซิเดส พอดีว่าเราจับตัวเด็กนี่ได้ตอนที่เดินเข้ามาด้อมๆมองๆรถของเราน่ะ  ยังไงก็คงต้องขอพบผู้ปกครองหน่อยแล้วกัน เพราะการทำแบบนี้มันส่งผลถึงข้อมูลของทีมเราด้วย"  ........ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนั่น.......จะอยู่นิ่งๆไม่เป็นเลยใช่ไหมห๊ะ!!....คิ้วข้างขวากระตุกน้อยๆก่อนจะตอบออกไป

" ใช่...ชั้นคือผู้ปกครองของเด็กนั่น"   จะบอกว่าเป็นอะไรกันมากกว่านี้มันก็จะวุ่นวายเปล่าๆ

" คุณ.....ขอทราบชื่อด้วยครับ....ตอนนี้เด็กนี่ถูกคุมตัวอยู่กับเราที่มอเตอร์โฮมของเมอซิเดส คงต้องให้คุณมาพบกันที่นี่"  เขาถอนหายใจก่อนจะพูดชื่อของตัวเองออกไป

" รีไว....คนที่ขับ F138 ของทีมเฟอร์รารี่"   แล้วเสียงปลายสายก็อุทานด้วยความประหลาดใจอย่างที่คาดเอาไว้

แล้วจู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนคนรับ เสียงที่คุ้นหูเอ่ยออกมาตามสาย

" เห๋...เด็กนายเองหรอรีไว?"  ......เจ้านักขับคู่แข่งของเมอซิเดส!!!

ด้วยความที่ทั้งการแข่งขันก็จะมีรถอยู่ 20 กว่าคัน ทำให้นักขับต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เสียงหยอกเย้าจึงเอ่ยออกมาจากปลายสาย

" งั้นเปลี่ยนใจละ ตอนแรกว่าจะให้คุณผู้ปกครองมารับตัวคืนที่มอเตอร์โฮม...แต่ถ้าเป็นผู้ปกครองอย่างคุณรีไว คงต้องขอให้ไปรับตัวเด็กนี่คืนที่....อืม....เอาเป็น มอนติคาร์โลคาสิโน แล้วกัน...เจอกันทุ่มนึงนะ บาย~”   แล้วเสียงกวนๆจากปลายสายก็ถูกตัดไปโดยไม่ฟังคำคัดค้านใดๆจากเขาอีก ใบหน้านิ่งที่จ้องโทรศัพท์มือถือราวกับมันเป็นอาชญากรปล่อยรังสีดำทะมึนจนคนในพิตการาจสีแดงได้แต่ยิ้มแห้ง

ไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนจับตัวไปแบบนี้เนี่ย?! ยังดีนะที่อีกฝ่ายเป็นแค่ม้าจากเมอซิเดส!

เอาตัวคืนได้เมื่อไหร่จะลงโทษซะให้เข็ดเลย ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนั่น!!








La Casino de Monte Carlo…

คือชื่อของคาสิโนที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างถูกกฎหมายและมันก็ทำให้เมืองมอนติคาร์โลของโมนาโกกลายเป็นศูนย์กลางการพนันของยุโรป แต่ละปีๆนอกจากฤดูกาลแข่งขันฟอร์มูล่าวันแล้ว มอนติคาร์โลยังต้องรองรับนักเสี่ยงโชคชั้นสูงที่จะเข้ามาเยือนเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ Baroque ทำให้คาสิโนแห่งนี้ดูสวยงามประดุจโลกในจินตนาการ ถึงจะเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการพนันแต่ความหรูหราดูมีระดับของที่นี่นั้นมันก็ทำให้คนธรรมดาๆอยากจะก้าวขาเข้าไปสักครั้ง

เฟอร์รารี่สีแดงสดจอดลงที่หน้าคาสิโนก่อนที่ร่างแข็งแกร่งในเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีดำสนิทจะก้าวขาลงมา มือปิดประตูอย่างไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นรถที่ราคาแพงระยับขนาดไหน แล้วก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าบรรดารถที่จอดอยู่ข้างๆกันที่หน้าคาสิโนนั้นมันจะมีแต่รถหรูๆ

และแค่นักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่เดินเข้าไปในโถงต้อนรับ พนักงานในชุดสูทก็เดินเข้ามาทักทันที

" คุณรีไว...เชิญด้านนี้ครับ"   มือในถุงมือสีขาวผายให้เดินตามไป...นี่เจ้าม้าของเมอซิเดสมันคงจะบอกเอาไว้แล้วสินะ

นัยน์ตาขี้รำคาญกวาดมองห้องหับที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงามสมเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความเพ้อฝัน ปกติคาสิโนของที่นี่จะเปิดให้คนนอกเข้าเฉพาะเวลากลางวัน มีแต่คนที่เข้าพักเท่านั้นที่จะเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน...ก็คงต้องบอกว่าสมกับที่เป็นทีมฟอร์มูล่าวันละนะ ที่สามารถเข้ามาใช้คาสิโนของที่นี่ได้ถึงแม้ว่าจะมืดค่ำขนาดนี้แล้ว

และดูเหมือนเมอซิเดสจะเหมาห้องทั้งห้องเอาไว้ เพราะเมื่อเขาก้าวขาเข้าไป คนในนั้นต่างก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา...ก็นับว่าเป็นปาร์ตี้หลังแข่งที่สมกับเป็นทีมที่มีแต่ผู้ชายมาสุมหัว ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วห้อง เสียงหัวเราะเฮฮาก็ดังมาจากเครื่องสล็อตที่ตั้งเรียงรายอยู่เป็นแถว

เขาถูกพนักงานพาเข้าไปด้านในของห้องซึ่งมีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆตั้งอยู่ แสงไฟสลัวๆส่องให้เห็นโซฟาบุหนาชั้นดีถูกวางเป็นกลุ่มๆล้อมโต๊ะสนุกเกอร์ซึ่งเป็นที่เดียวซึ่งมีไฟสว่างกว่าที่อื่น

" ไง? มาตรงเวลาจังเลยนะ"   เสียงทักดังมาจากคนที่ยืนพิงโต๊ะสนุกเกอร์อยู่ ร่างสูงยาวของนักขับแห่งทีมเมอซิเดสวางแก้วสีอำพันลงไปที่ขอบไม้เนื้อดีของโต๊ะสักหลาดสีเขียว

หมอนั่นเป็นนักขับดาวรุ่งที่อายุไม่ได้ต่างจากฮายาโตะมากนัก เพราะเป็นพวกตรงๆอยากจะพูดอะไรก็พูด เลยทำให้ใครๆต่างก็คิดว่าหมอนี่มันกวนประสาทสิ้นดี

หมอนั่นจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันเถอะ สิ่งที่เขาสนใจคือคนของเขามากกว่า

แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างโปร่งบางที่ถูกมัดทั้งมือทั้งปากซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา โดยมีทีมบอสของเมอซิเดสนั่งยิ้มคุ้มตัวอยู่ข้างๆ...จะอยู่ในสภาพแบบนั้นเขาก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะเจ้าเด็กเหลือขอนั่นคงจะโวยวายและไม่ยอมให้จับแต่โดยดีเหมือนที่เขาเคยเจอมาเมื่อก่อนนั่นแหละ

และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตหันมาเห็นเขาเข้า ประกายระยิบระยับก็ฉายชัดขึ้นมาทันที...เหมือนจะเห็นหูตั้งหางกระดิกราวกับลูกหมาเจอเจ้าของเลยก็ว่าได้

" ชั้นมารับตัวเด็กนั่น"   เขาคิดว่าทีมเมอซิเดสก็คงไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่องเอาราวอะไร พวกนั้นคงคิดว่าเพราะพิตการาจอยู่ข้างๆกันแล้วมันก็เป็นไปได้ที่เด็กนั่นจะเดินหลงเข้าไปถึงได้ไม่คิดจะแจ้งความ....ทั้งๆที่จริงแล้วน่ะ เขารู้ดีเลยละว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นคิดจะล้วงข้อมูลการปรับแต่งจริงๆ

มันน่านัก....


ทางผู้จัดการทีมของเมอซิเดสพยักหน้าให้ เขาจึงตั้งใจจะเดินเข้าไปลากตัวบางๆนั่นออกไป

ทว่า...

ก่อนที่ขาจะก้าวไปถึงโซฟาที่เอเลนนั่งอยู่  ไม้คิวสำหรับแทงสนุกเกอร์ก็เข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน


" คงไม่คิดว่าเราจะปล่อยตัวคนที่ย่องมาล้วงข้อมูลรถของเราไปง่ายๆหรอกใช่ไหมครับ? คุณนักขับของเฟอร์รารี่"   เสียงกวนๆเอ่ยออกมาจากใบหน้ากวนๆของร่างสูงยาวเจ้าของพวงมาลัยทีมเมอซิเดส

" มาแข่งกันซักเกม...ให้สมกับที่อยู่เมืองแห่งการพนันหน่อยเป็นไง?....ถ้านายชนะก็เอาคนของนายคืนไป"   ไม้คิวถูกยื่นมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มเหยียดราวกับว่าตัวเองเหนือกว่า...คิดว่าเขาเล่นไม่เป็นหรือไง?

และแน่นอนว่าเขายินดีที่จะรับคำท้า

เพราะว่าใต้ดินของมิลานไม่ได้สอนแค่การพนันรถเท่านั้น!


มือรับไม้คิวมาด้วยใบหน้านิ่งสนิท นัยน์ตาตวัดไปมองสีหน้าของเจ้าเด็กเหลือขอที่มองมายังเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งกังวล ทั้งบอกให้เขาสู้ ทั้งให้กำลังใจ ทั้งกลัวว่าเขาจะแพ้....ทั้งๆที่ตัวเองถูกจับเป็นของเดิมพันแท้ๆ แต่สายตาที่ส่งมามันกลับมีแต่เรื่องของเขา

เพราะแบบนี้ไง ร่างกายของเจ้าเด็กนั่นมันถึงกระตุกต่อมซาดิสของเขาได้ดียิ่งกว่าอะไร!

“ เชิญคุณรีไวเปิดเกมก่อนเลยครับ”   ใบหน้ายาวแสยะยิ้มกวนประสาทก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะสักหลาด...ให้เขาเปิดเกมก่อนแบบนี้ ถ้าเป็นคนไม่เคยเล่นก็คงดีใจที่ได้แทงก่อน แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยดีจะรู้ว่ามันเสียเปรียบชัดๆ คิดจะมาหลอกเขารึไงไอ้เจ้าม้าของเมอซิเดส!

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้าไปใกล้ๆโต๊ะ ใบหน้านิ่งยังคงไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องตรงหน้า สองขากางออกเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายช่วงบนจะโน้มไปอยู่เหนือโต๊ะให้มองเห็นไปถึงแผงอกจากคอเสื้อเชิ้ตสีดำที่ห้อยต่ำ มือข้างซ้ายถูกวางบนผืนผ้าสักหลาดสีเขียวเพื่อใช้เป็นสะพานมือสำหรับรองรับไม้คิวที่ถืออยู่ด้วยมือขวา ท่าทางที่ดูจะเคยคุ้นยิ่งส่งให้ร่างกายที่สมชายชาตรีในแบบของตัวเองยิ่งแผ่รังสีอันตรายเมื่ออยู่ในชุดสีดำทั้งตัว จนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังเผลอจ้องมอง ห้องทั้งห้องที่เคยมีเสียงหัวเราะเฮฮากลับเงียบลงเมื่อสายตาแทบทุกคู่หันมาจับจ้องอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์

ลูกทั้ง 22 ลูกถูกวางลงไปในค่าเริ่มต้น และคนที่เปิดเกมก็เป็นไปได้ยากมากที่จะแทงลูกสีขาวให้ไปกระทบลูกสีแดงทั้ง 15 ลูกที่เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นให้ลูกใดลูกหนึ่งลงหลุมได้ตามกติกา จะทำได้ก็แค่แทงไปให้คนที่เล่นต่อเล่นได้ยากขึ้นก็เท่านั้นเอง

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเล็งขนานไปกับพื้นโต๊ะ ไม้คิววางลงไปบนสะพานมือก่อนจะเดินคิวช้าๆ ก่อนจะเล็งครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยหัวคิวให้ไปกระทบลูกสีขาวด้วยความรวดเร็ว

เสียงดังแกร่ก ของลูกที่กระทบกันส่งผลให้ลูกสีแดงทั้ง 15 ลูกกระจายตัวกันออกมาเพียงเล็กน้อย และในเมื่อไม่มีลูกไหนลงหลุม เกมก็เปลี่ยนไปเป็นของนักขับจากเมอซิเดสที่ยืนยิ้มรออยู่ทันที

ร่างสูงยาวโน้มตัวลงเหนือโต๊ะในท่วงท่าคล้ายๆกัน ถึงแม้ว่าจะประหลาดใจเล็กน้อยที่นักขับของทีมเฟอร์รารี่ดูจะบังเกมได้ดีเกินคาด แต่แค่ลูกสีแดงมันกระจายตัวออกมาเพียงเล็กน้อยนั้นก็ทำให้คนที่เชี่ยวชาญสามารถสอยมันลงหลุมได้ไม่ยาก และจากลูกสีแดงที่ถ้าลงจะได้แค่แต้มเดียว ครั้งต่อไปก็จะสามารถเลือกแทงลูกสีอื่นซึ่งมีแต้มมากกว่าได้ แล้วค่อยกลับมาแทงแดงสลับกับแทงสีไปเรื่อยๆ จนลูกสีแดงทั้ง 15 ลูกหมดโต๊ะ จึงค่อยแทงลูกสีตามลำดับ แล้วค่อยนับคะแนนรวม

ซึ่งคะแนนส่วนใหญ่ก็จะได้มาตอนเลือกแทงลูกสีที่คะแนนเยอะๆอย่างชมพูกับดำ ในระหว่างที่ลูกสีแดงยังไม่หมดโต๊ะนี่แหละ

และตอนนี้นักขับของเมอซิเดสก็กำลังคิดจะสอยลูกสีชมพูที่แต้มเป็นรองแค่ลูกสีดำเพียงลูกเดียว

คนรอบๆต่างมองพลางพูดคุยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาและมองว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวที่มาแข่งกับเจ้าม้าของเมอซิเดสคนนี้...ดูท่าทางหมอนี่จะเก่งน่าดู

ไม้คิวจากมือเรียวยาวส่งลูกสีขาวไปกระทบลูกสีชมพูให้กลิ้งลงหลุมที่มุมโต๊ะไปอย่างง่ายดาย เสียงลูกกระทบกันยังคงดังต่อเนื่องโดยที่ร่างแข็งแกร่งทำได้แค่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆโต๊ะ...ถ้ามันไม่พลาด...เกมก็จะไม่ถูกเปลี่ยนมาเป็นฝั่งเขาเล่น

ลูกสีแดงเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนที่ดูอยู่รอบๆ ว่านักขับของเมอซิเดสจะปิดเกมโดยที่นักขับของเฟอร์รารี่ไม่ได้เล่นเลยหรือไม่ และหากได้เล่นขึ้นมาจะเก็บแต้มทันหรือเปล่า


แล้วในที่สุดโอกาสของร่างแข็งแกร่งก็มาถึง...

เมื่อลูกสีดำถูกชนด้วยเหลี่ยมที่ไม่พอดี แทนที่มันจะกลิ้งลงหลุมจึงกลิ้งไปชนกับขอบโต๊ะ ร่างสูงยาวจึงยืดตัวขึ้นมาก่อนจะทำเพียงแค่หยักไหล่ราวกับว่าต่อให้เกมเปลี่ยนฝั่งก็คงไม่เป็นไร เพราะนักขับของเฟอร์รารี่คงจะตามไม่ทันหรือไม่ก็คงสอยอยู่ได้ไม่นานเกมก็คงเปลี่ยนกลับมาเป็นของตนอีก

นัยน์ตาขี้รำคาญเหลือบมองลูกที่เหลืออยู่บนโต๊ะ...สีแดงเหลืออยู่แค่ 6 ลูก...การที่เขาจะชนะอย่างเด็ดขาดได้คือต้องกวาดลูกสีดำลงหลุมทุกๆรอบ!

ร่างแข็งแกร่งโน้มตัวลงไปเหนือโต๊ะ มือซ้ายวางทางลงไปเพื่อเป็นสะพานให้ไม้คิว นัยน์ตาจ้องมองไปที่ลูกสีขาวก่อนที่มือขวาจะชักไม้คิวด้วยท่าทางสบายๆ

แกร่ก....

แล้วลูกสีดำก็กลิ้งลงหลุมไปอย่างง่ายดาย...

หลังจากลูกสีดำถูกนำขึ้นมาวางลงบนโต๊ะอีกครั้ง นักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่ก็เดินวนไปที่อีกด้านของโต๊ะโดยมือก็ฝนชอล์กที่หัวคิวพลางมองลูกที่เหลืออยู่อย่างครุ่นคิดไปด้วย...เพราะสนุกเกอร์ไม่ได้สักแต่จะแทงไปเรื่อย...การวางแผนที่จะให้ลูกสีขาวที่สะท้อนกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่จะทำให้กินลูกต่อไปได้อย่างง่ายที่สุดก็ถือเป็นอีกชั้นเชิงหนึ่งซึ่งคนที่เล่นเป็นจะต้องมี...และตอนนี้ลูกสีขาวที่เพิ่งชนแดงลงหลุมไปก็กำลังกลิ้งมาหยุดอยู่หลังลูกสีดำในระยะที่สวยงาม

แกร่ก....

ลูกสีแดงสลับกันลงหลุมกับลูกสีดำ ทำให้ใบหน้าที่มั่นใจมาตลอดของนักขับเมอซิเดสเริ่มซีดเผือด รอยยิ้มที่มุมปากเริ่มกระตุกน้อยๆอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เพราะเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยจะออกไปไหนเลยไม่คิดว่าจะมีฝีมือทางด้านการแทงสนุกด้วย

นี่มันจะเก่งไปซะทุกอย่างเกินไปแล้ว!!

แล้วไอ้ร่างกายที่เรียกได้ว่าเตี้ยนั่นมันอะไร? ทำไมในเวลาแบบนี้มันถึงได้ดูเท่ห์จนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกได้แบบนี้?! ไอ้รังสีอันตรายๆที่ดูมีเสน่ห์นั่นมันอะไร?!!

ใบหน้ายาวได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองดูลูกสีดำกลิ้งลงหลุมไปอย่างง่ายๆ  ขนาดไม้เรสต์ก็ยังไม่ยอมหยิบมาใช้เป็นตัวช่วยแล้วไหงเล่นได้สบายๆแบบนี้เนี่ย?!

นัยน์ตาตวัดหันไปมองเจ้าเด็กปากมากขี้โวยวายที่ถูกมัดมือมัดปากนั่งตาเป็นประกายอยู่บนโซฟา...จะเกี่ยวกับเด็กนี่หรือเปล่าที่ทำให้จะแพ้ไม่ได้?

แล้ว...เป็นผู้ปกครองแบบไหนกันแน่?

กับโกคุเดระ ฮายาโตะ เพราะมีกลิ่นไอที่เหมือนกันเลยทำให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้ปกครอง แต่กับเด็กคนนี้ที่เหมือนกับเป็นสีคู่ตรงข้าม ดูยังไงก็ไม่น่าจะมาจากที่ที่เดียวกัน

แต่ก่อนจะได้คิดว่ามันช่างน่าสนใจ เสียงลูกกระทบกันก่อนที่ลูกสีแดงจะกลิ้งลงหลุมเป็นลูกสุดท้ายก็ทำเอาใบหน้ายาวหันกลับไปมองโต๊ะพลางลอบกลืนน้ำลาย...จากนี้ไปก็เหลือแค่สอยลูกสีเรียงตามลำดับ จากเหลือง ไปเขียว น้ำตาล น้ำเงิน ชมพู...แล้วก็ดำ


ร่างในชุดสีดำสนิทยังคงเดินวนไปรอบโต๊ะด้วยใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดเช่นเคย นัยน์ตาและสมาธิถูกจับจ้องไปกับลูกที่เหลืออยู่บนโต๊ะ ท่าทางสบายๆทำให้คนที่ยืนมองอยู่รอบๆรู้สึกทึ่งจนไม่อาจละสายตา

แล้วลูกสีก็ค่อยๆกลิ้งลงหลุมไปทีละลูก...ทีละลูก....

จนกระทั่งลูกสุดท้ายที่กลิ้งลงไปคือสีดำ


ห้องทั้งห้องเงียบสนิทเมื่อเจ้าภาพแพ้ไปแบบราบคาบ....


ไม้คิวถูกวางลงไปข้างโต๊ะ ก่อนที่ร่างแข็งแกร่งจะเดินตรงไปยังโซฟาแล้วพาคนของตัวเองออกไปโดยที่ทีมเมอซิเดสทั้งทีมยังคงนิ่งค้างอยู่....คงไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่เกมการเดิมพันที่น่าจะชนะก็ยังจะแพ้แบบนี้! เฟอร์รารี่ไปหาคนแบบนั้นมาได้ยังไง!



“ อื้อๆๆๆ”   ร่างโปร่งบางที่ยังถูกมัดปากโดนลากออกมาจากห้อง ท่าทางดีใจเหมือนจะอยากพูดอะไรทำให้ยิ่งส่งเสียงอื้อๆให้อีกฝ่ายแกะผ้ามัดปากให้

ทว่า ร่างแข็งแกร่งกลับไม่ได้สนใจ ยังคงลากลำตัวบางกลับไปที่ล็อบบี้ แล้วแทนที่จะเดินออกไปเพื่อกลับมอเตอร์โฮม นักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่กลับเดินไปบอกที่ล็อบบี้ว่า

“ ห้องเตียงเดี่ยวคืนนึง”  

แล้วร่างโปร่งบางก็ถูกลากด้วยใบหน้าเหวอๆเข้าห้องดังกล่าวไป....

ก็บอกแล้วไงว่าเอาตัวคืนได้เมื่อไหร่จะลงโทษซะให้เข็ด!



เตียงยุบยวบไปตามน้ำหนักของคนที่ถูกเหวี่ยงลงไป นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างก่อนจะกระพริบตาอย่างสงสัยว่าจู่ๆคนตรงหน้าเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งๆที่ชนะก็น่าจะดีใจไม่ใช่หรอ? แล้วหงุดหงิดอะไร?

ใบหน้ามนยังคงไม่รู้ตัวต่อไปจนคนที่ก้าวขาไปคร่อมเอาไว้ได้แต่อ่อนใจ

นี่ถ้าคนที่จับตัวเด็กนี่มาไม่ใช้เจ้าม้าของเมอซิเดสเรื่องมันคงไม่จบอย่างสงบขนาดนี้หรอก

“ อื้อ! อื้อๆๆ!!”   เด็กนั่นพยายามส่งเสียงให้เขาแก้ผ้าปิดปากให้ แต่นัยน์ตาสีขี้เถ้ากลับเหยียดมองร่างโปร่งบางที่ถูกมัดมืออยู่ใต้ร่างด้วยสายตาลามเลียอย่างจงใจให้อีกฝ่ายเหงื่อตกเล่น

“ อื้อ......”   ร่างโปร่งบางครางออกมาเบาๆก่อนจะถอยหนีเมื่อรู้สึกถึงรังสีอันตราย...ก็สภาพถูกมัดอยู่แบบนี้ของเด็กนี่มันน่ารังแกน้อยเสียเมื่อไหร่...แล้วแค่คิดว่าใครต่อใครในทีมเมอซิเดสคงได้เห็นกันหมดแล้ว มันก็ยิ่งทำให้อารมณ์บูดอย่างบอกไม่ถูก

ไม่รู้หรือไงว่าเขารังแกเจ้าเด็กนี่ได้คนเดียวเท่านั้น!

มือแข็งแรงกระชากมือบางที่ถูกมัดให้ร่างโปร่งเซถลามาหา ใบหน้านิ่งยื่นเข้าไปแตะริมฝีปากลงที่ซอกคอของคนที่พยายามห้าม เส้นประสาทที่ถูกสัมผัสทำให้ร่างโปร่งบางถึงกับสั่นระริก ผิวเนื้อนิ่มถูกกดจูบรวมทั้งคลอเคลียด้วยริมฝีปากร้อนยิ่งทำให้ใบหน้ามนได้แต่เชิดขึ้นด้วยความทรมานจากการที่ไม่สามารถปล่อยเสียงครางเพื่อระบายความอัดอั้นออกไปได้

ปลายนิ้วที่เคยจับไม้คิวอยู่เมื่อครู่สอดเข้าไปใต้เสื้อตัวบางก่อนจะลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบช้าๆ ให้ชายเสื้อค่อยๆเลิกขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ

ใบหน้านิ่งย้ายจากซอกคอมาจ่ออยู่ที่ยอดอกสีชมพู ปลายลิ้นแลบเลียอย่างจงใจจะกลั่นแกล้ง ความชื้นแฉะที่แตะลงมาที่ส่วนไวสัมผัสทำให้คนที่ถูกมัดได้แต่ส่งเสียงอื้อๆอย่างทรมาน

และในขณะที่ฝ่ามือค่อยๆลูบผ่านหน้าท้องก่อนจะค่อยๆล้วงผ่านขอบกางเกงเข้าไป....


โคร่กกกกกกกกกก.....


เสียงประท้วงจากกระเพาะของใครบางคนก็ดังขึ้นมาให้ใบหน้านิ่งถึงกับคิ้วกระตุก....สมกับที่เป็นเด็กเหลือขอจริงๆ ในเวลาแบบนี้ก็ยังจะ.....

นัยน์ตาสีมรกตปิดลงอย่างที่ดูก็รู้ว่ากำลังยิ้มแห้งๆอยู่ ความต้องการที่กำลังทะยานสูงขึ้นดูเหมือนจะมอดดับไปทันที...ทำไปท้องร้องไปแบบนี้ใครมันจะไปมีอารมณ์!!

นัยน์ตารีขวางจ้องมองคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างคาดโทษ ก่อนจะถอนหายใจแล้วดึงผ้าปิดปากออกให้

“ คุณรีไว! ผมขอโทษนะครับ...ก็แค่เผลอเดินเข้าไปในพิตของพวกนั้น....”   รอยยิ้มแหยๆเผยอยู่บนใบหน้าที่ลุกลี้ลุกลน แต่ถึงจะแก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้นหรอกในเมื่ออีกคนก็รู้ดีว่าเจ้าเด็กนี่เป็นยังไง มือจึงวางลงไปบนหัวสีน้ำตาลแล้วโยกไปมาอย่างหมั่นไส้

“ ให้ชั้นจับขังเอาไว้ซะดีไหม แกถึงจะเลือกก่อเรื่องน่ะไอ้เด็กเหลือขอ”   ใบหน้ามนได้แต่หัวเราะแหะแหะ อย่างไม่มีคำแก้ตัว

“ สั่งซะ  ดึกแล้วกินรูมเซอร์วิสของที่นี่แหละ”   มือบางรับเมนูมาเปิดดูด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ดีใจที่จะได้ของกิน แต่ข้างในมันกำลังมีความสุข...ที่อีกฝ่ายมาช่วยเขาแล้วยังยอมหยุดให้แบบนี้อีก

ดีใจ...จนนึกอยากจะกอดแน่นๆ


และเพราะแบบนั้นมันเลยทำให้ร่างโปร่งบางเผลอกระโดดเข้าไปกอดเอวคนที่กำลังยืนใช้โทรศัพท์ในห้องพักสั่งอาหารขึ้นมา ใบหน้ามนถูไถไปกับเสื้อเชิ้ตสีดำราวกับลูกหมาจนมือแข็งแรงต้องจับหัวสีน้ำตาลให้อยู่นิ่งๆ...บางครั้งก็นึกอยากจะจับกดมันไปซะให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ

ทั้งๆที่สู้อุตส่าห์อดทนรอให้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นกินให้อิ่ม แต่พออิ่มแล้วมันก็หลับไปในทันที...ให้มันได้แบบนี้สิ!

ร่างแข็งแกร่งจึงทำได้แค่ล้มตัวลงนอนไปข้างๆ ก่อนจะกอดร่างโปร่งบางเอาไว้หลวมๆ เปลือกตาที่เริ่มหนักปิดลงช้าๆ...วันนี้ยอมให้ก่อนก็ได้ เพราะเขาเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน....








แสงแดดอุ่นๆมาเยือนโมนาโกพร้อมๆกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดชายฝั่ง ด้านหลังของมอนติคาร์โลคาสิโนนั้นอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพราะฉะนั้นสองหูจึงได้ยินทั้งเสียงน้ำสีครามทั้งเสียงนกนางนวลร้องได้อย่างชัดเจน

แต่ดูท่าว่าเจ้าคนที่ซุกอยู่กับแผงอกของเขาจะยังไม่ได้รู้สึกถึงยามเช้าเลยสักนิด นัยน์ตาสีมรกตยังคงหลับพริ้มให้นึกอย่าแกล้งขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

มือที่โอบรอบเอวบางอยู่จึงค่อยๆเลื่อนไปที่ขอบกางเกงด้านหลังก่อนจะสอดเข้าไปที่ปั้นท้าย ปลายนิ้วกดลงไปที่ปากช่องทางคับแน่นและเมื่อมันจมลึกลงไปมากขึ้น ใบหน้าที่กำลังหลับสบายก็ขมวดคิ้วน้อยๆขึ้นมา และก่อนที่อีกนิ้วจะสอดเพิ่มเข้าไป นัยน์ตาสีมรกตก็ยอมเปิดขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย

“ อื้อ....ทำอะไรน่ะ...ครับ?”  ใบหน้ามนเงยขึ้นมามองอย่างไม่อยากจะตื่นนัก

“ จะลุก...หรือว่าจะให้ทำต่อ?”   และแค่เขาพูดออกไปแบบนั้น นัยน์ตาที่ยังง่วงงุนก็สว่างใสขึ้นมาทันที

“ ลุก! ลุกก็ได้ครับ!”   ทีแบบนี้ละตื่นเชียวนะ!




เฟอร์รารี่สีแดงสดทะยานออกไปจากด้านหน้าของคาสิโน แต่ที่ที่มันวิ่งไปกลับไม่ใช่มอเตอร์โฮมของเฟอร์รารี่

เจ้ารถสีแดงจอดลงที่หน้ามินิมาร์ทแห่งหนึ่งก่อนที่คนซึ่งนั่งอยู่ในรถทั้งคู่จะเดินเข้าไป ร่างแข็งแรงหยิบตะกร้าก่อนจะหยิบทั้งอาหารและน้ำดื่มใส่ลงไปอย่างไม่ได้สนใจคนที่เดินตามด้วยท่าทางงงๆ เพราะไม่รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

แล้วถุงที่เต็มไปด้วยเสบียงใบใหญ่ก็ถูกวางลงไปในกระโปรงรถ โดยที่อีกคนก็ยังคงเดินตามด้วยความสงสัยเหมือนเดิม



เฟอร์รารี่สีแดงวิ่งทะลุหมู่ตึกที่ลดหลั่นกันไปตามพื้นที่ที่เป็นเชิงเขาออกมาแล้ววิ่งเลาะเลียบริมทะเลไปเรื่อยๆ ชายฝั่งของโมนาโกไม่มีหาดทรายเพราะเป็นท่าน้ำลึกซึ่งมีเพียงรั้วเตี้ยๆกั้นระหว่างถนนกับทะเลเพียงแค่นั้น เวลาที่รถวิ่งเลียบชายฝั่งไปแบบนี้จึงดูราวกับจะขับอยู่บนทะเลเลยก็ว่าได้

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการเสี่ยงโชค แต่โมนาโกก็นับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีความโรแมนติกติดอันดับโลก ด้วยความที่ตั้งอยู่ตีนของเทือกเขาแอลป์จรดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วความสวยงามของน้ำทะเลสงบนิ่งที่ทอประกายระยิบระยับด้วยแสงแดดยามเช้าก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกค้าง ใบหน้ามนที่ราวกับถูกสะกดทำให้คนที่กุมพวงมาลัยอยู่ถึงกับลอบยิ้ม

แล้วในที่สุดเฟอร์รารี่สีแดงสดก็ไปจอดอยู่ที่หน้า Port of Monaco…

ร่างโปร่งบางก้าวขาลงมาจากรถเพื่อเดินตามร่างแข็งแกร่งที่หิ้วถุงเสบียงเข้าไปในท่าจอดเรือที่มีแต่เรือหรูหราจอดอยู่เต็มไปหมด ใบหน้ามนหันมองไปมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะแต่ละลำราคาคงไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน

ร่างแข็งแกร่งหันหลับไปมองคนที่เดินตามมาเป็นระยะๆ ท่าทางตื่นเต้นแบบนั้นมันทำให้เขาเผลอหัวเราะในลำคอ...เด็กนั่นคงจะไม่เคยคิดหรอกว่า เฟอร์รารี่ก็จะมีเรือจอดอยู่ในหมู่เรือพวกนี้ด้วย และเมื่อเขาพาร่างโปร่งบางมายืนอยู่หน้าเรือยอร์ชส่วนตัวขนาดเล็กที่มีโลโก้ของเฟอร์รารี่ติดอยู่ ใบหน้ามนก็ถึงกับอ้าปากค้าง

กุญแจที่เขาตั้งใจกลับไปเอาที่พิตการาจไม่ใช่กุญแจรถเฟอร์รารี่...แต่เป็นกุญแจที่ใช้ไขเจ้านี่ต่างหาก



เรือสีขาวแหวกผืนน้ำสีครามจนฟองคลื่นตีขึ้นมาปะทะใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หลุดเสียงหัวเราะออกมา ท่าทางดีใจราวกับลูกหมาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้คนที่ขับได้แม้กระทั่งเรือพลอยรู้สึกอุ่นในหัวใจไปด้วย

เรือสีขาวทะยานด้วยความเร็วออกมาจากชายฝั่งก่อนจะมาจอดลอยนิ่งอยู่กลางทะเล มองเห็นท่าเรือและโมนาโกอยู่ไกลลิบ สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีเพียงท้องฟ้าและทะเลสีครามเพียงเท่านั้น


อยากให้นายได้เห็นโลกที่ชั้นมองเห็น...ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่สวยงามหรือความโสมมก็ตาม...


“ โลมา! คุณรีไว! มีโลมาด้วยครับ!!”   น้ำเสียงตื่นเต้นตะโกนมาจากดาดฟ้าหัวเรือที่เจ้าเด็กเหลือขอนั่นปีนขึ้นไป

เขาเผลอยิ้มออกมาก่อนที่มือจะหยิบกระป๋องน้ำผลไม้แล้วปีนตามขึ้นไป

บรรยากาศสบายๆที่มีเพียงสายลมและสีฟ้าล้อมรอบทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่เคยมาไม่รู้กี่ครั้งแต่กลับไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย...เป็นเพราะว่ามากับเอเลนอย่างนั้นสินะ

เขานั่งลงไปที่พื้นดาดฟ้าที่กรุด้วยวัสดุชั้นดี ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะถลานอนลงมาที่หน้าตักแล้วกอดเอวเขาไว้ ใบหน้ามนเงยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ ขอบคุณนะครับคุณรีไว”  ทำยังไงเขาก็ไม่ชินกับความตรงไปตรงมาของเด็กนี่เสียที ที่แก้มถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวแบบนี้

ฝ่ามือจึงแนบกระป๋องน้ำผลไม้เย็นเฉียบลงไปบนใบหน้ามนของคนที่กลิ้งอยู่บนหน้าตัก เสียงหัวเราะมีความสุขมันทำให้โลกที่แสนจะธรรมดาและเขาเคยคิดว่ามันไม่มีอะไรดีจนแม้แต่จะจากมันไปง่ายๆก็ไม่เห็นจะเสียดายกลับกลายเป็นโลกที่สวยงามขึ้นมา


ชั้นต่างหากที่ควรจะบอกนายว่า....ขอบคุณ




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



กลิ่นของลิลลี่ฟุ้งกระจายไปตามระเบียงทางเดินสไตล์โคโลเนียลเก่าแก่ที่ตกทอดมาถึงสิบชั่วอายุคน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทำให้เห็นเงาของเสาตกกระทบที่พื้นเป็นจังหวะที่สวยงาม  ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำเดินถือช่อดอกไม้พาดบ่าด้วยท่าทางสบายๆอย่างไม่จำเป็นต้องระวังตัวใดๆไปตามทางเดิน

ใช่...หากอยู่ที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกใครลอบสังหาร

เพราะที่ที่เขาเดินอยู่นั้น...คือฐานบัญชาการของวองโกเล่...


ปราสาทเก่าแก่หลังนี้มีผู้สืบทอดมาแล้วถึงสิบรุ่น เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกส่วนของตัวอาคารจะคงมนต์ขลังเอาไว้ มันตั้งตระหง่านผ่านกาลเวลาและเรื่องราวมากมายมานับไม่ถ้วน ทั้งความรัก มิตรภาพ การแย่งชิง การหักหลัง ผลประโยชน์ เลือด และน้ำตา...เพราะว่าที่นี่คือที่ของมาเฟีย

ขายาวเลี้ยวไปตามทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังตึกพิรุณซึ่งเป็นบ้าน...ของเพชฌฆาตอย่างเขา

รองเท้าหนังสีดำเหยียบลงไปบนพื้นกระเบื้องโบราณในอาคารที่เงียบสนิท เพราะรับหน้าที่สังหาร ลูกน้องในหน่วยพิรุณจึงแทบจะอยู่ไม่ติดที่ อาคารแห่งนี้จึงไร้ซึ่งความวุ่นวายเหมือนอาคารของผู้พิทักษ์คนอื่นๆ

ใบหน้าคมยังคงอมยิ้มเหมือนคนอารมณ์ดี....ทว่า...คนที่คุ้นเคยกันจะรู้ได้ทันทีว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ ในยามนี้นั้นไม่ควรจะเข้าใกล้มากที่สุด

เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นมา นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นมันก็มืดมนจนถึงขีดสุด


.....คมดาบกล้าที่จะชักออกมาทั้งๆที่คนที่อยู่ตรงหน้าคือบอสเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง....


และสาเหตุที่ทำให้เพชฌฆาตผู้จงรักภักดีเป็นถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่ใคร...





ร่างบอบบางนั่งอยู่กลางลานหินกว้างที่อยู่ระหว่างอาคารรูปตัวยูของตึกพิรุณ ใบหน้าสวยที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีเงินเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีด้วยสายตาที่โหยหาอิสรภาพ ถึงแม้จะเป็นภาพที่งดงามเพียงใดแต่ร่างสูงใหญ่ก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ

ราวกับนกน้อยที่ถูกขังเอาไว้...แต่ถ้าปล่อยไปมันก็จะโดนฆ่าตาย...


ยิ่งได้เห็นสีเงินของสแตนเลสซึ่งสะท้อนมาจากรถเข็นที่ร่างบอบบางนั่งอยู่ก็ยิ่งมีแต่จะทำให้จิตสังหารของเขาพุ่งสูงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ไหว หลายต่อหลายครั้งบนร่างกายของเขาถึงได้มีแผลจากการถูก ฮิบาริ เคียวยะ อัดเอาเพราะเกิดอาละวาดขึ้นมา

หึ...ไม่สมเป็นคนที่เคยได้ชื่อว่าสายฝนสีดำผู้เย็นฉ่ำเลยสักนิด


เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นหินเป็นจังหวะใกล้เข้ามาทำให้ใบหน้าที่เหม่อลอยค่อยๆกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“ โกคุเดระ...ดูสิว่าชั้นมีอะไรมาให้นายด้วย”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่คุกเข่าลงตรงหน้ารถเข็น ลิลลี่ช่อใหญ่ถูกวางลงไปบนหน้าตักซึ่งถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีอ่อน

ใบหน้าสวยก้มลงไปมองช่อดอกไม้ด้วยสายตาที่สั่นไหวแต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกไป มือใหญ่ๆจึงเอื้อมมากอบกุมมือบางทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมาทอดสายตามอง...แล้วคำมั่นสัญญาก็ถูกส่งมาแทนคำขอโทษ

“ ชั้นติดต่อหมอที่เก่งที่สุดในโลกได้แล้ว...เขากำลังจะมาผ่าตัดให้นาย...นายจะต้องหายแล้วกลับไปขับรถได้อีกครั้ง...ฉันสัญญา”  

ใบหน้าของคนที่ได้ฟังแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือบางสะบัดหนีจากมือที่จับเอาไว้ ใบหน้าสวยก้มงุดลงไปมองคันบังคับวิทยุที่ถูกช่อลิลลี่ทับเอาไว้

“ ละ หลบไป...อย่ามากวนตอนกำลังคำนวณองศาอยู่ได้ไหม? โง่ๆอย่างแกไม่เข้าใจหรอกว่า การคิดคำนวณอย่างดีจะทำให้รถเข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดขนาดไหนน่ะ”   ใบหน้าสวยเสไปมองเจ้ารถบังคับวิทยุที่จอดอยู่กลางลานอย่างไม่ยอมรับกับความร้อนผ่าวบนใบหน้าของตัวเองว่ามันคืออะไร

ใบหน้าคมอมยิ้มอ่อนโยนเมื่อมองไปที่ใบหน้าของคนปากไม่ตรงกับใจ มือใหญ่ยอมปล่อยมือบางที่กำคันบังคับวิทยุออกแต่โดยดีก่อนที่จะลุกขึ้นมายืนดูอยู่ข้างๆ

Ferrari F138 คันจิ๋ววิ่งทยานราวกับสายลมสีเพลิงอยู่บนลานหินดำสนิท...เขาสัญญา.....ว่าสักวัน...มันจะต้องกลับลงไปวิ่งบนสนามจริง



ชั้นจะทำให้นายกลับไปขับรถเหมือนเดิมให้ได้

นั่นหมายความว่านอกจากนายจะต้องหายแล้ว.....ทุกๆขวากหนามหรือใครก็ตามที่จ้องจะทำร้ายนาย...ชั้นก็จะเก็บกวาดไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว



หางพวกมันโผล่มากว่าครึ่ง...ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาให้สึนะดึงพวกมันออกมาทั้งตัว

แล้วชั้นจะตัดหัวมันเอง...




นัยน์ตามืดมนจ้องมองรถสีแดงที่ยังคงวิ่งไปมา...แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเด็กนั่นที่ให้รถนี่มา

เพราะนอกจากจะทำให้โกคุเดระไม่เหงา...มันยังช่วยตอกย้ำเขาด้วยว่า โกคุเดระ เป็นอย่างนี้เพราะอะไร



เด็กนั่น...คงจะไม่เคยรู้ตัว...ว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากขนาดไหน






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




โปรดติดตามตอนต่อไปในเนื้อเรื่องปกติของ  GLIDE : 10 นะก๊า เพราะว่า GLIDE : VIRGIN คือตอนพิเศษที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชื่อเรื่องเล้ย55555 (โดนรุมกระทืบ)

โหย...เหมือนจะห่างหายจากการอัพฟิคไปเป็นเดือนป่ะ แล้วยังกลับมาด้วยตอนพิเศษสุดพิศวงแบบนี้อีก (โดนกระทืบรอบสอง ^ ^”)  ก็นั่นแหละค่ะ เก๊ามัวแต่วุ่นวายอยู่กับเรื่องรวมเล่ม “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” อ่ะนะ ต้องขอขอบคุณที่ให้ความสนใจกันอย่างมากมายจนแม้แต่ตัวคนแต่งเองก็ยังอึ้งเลยค่ะ 555

ชะ!!

ก่อนจะเวิ่นอะไร ขอแฮปให้น้องสาวผู้น่ารักก่อง


สุขสันต์วันเกิดนะค้าน้อง Nicha

คือไม่แน่ใจว่าชื่อภาษาไทยเขียนยังไง เลยขอใช้ Nicha ตามความเคยชินนะ555 มีความสุขมากๆๆน้า คิดสิ่งใด อยากได้ฟิกเกอร์ตัวไหน อยากให้กาเซตมา ก็ขอให้สมปรารถนาได้มาครอบครองทุกอย่างเลยนะคะ *w* ขอให้สุขภาพแข็งแรง เลือดลมสูบฉีดดี(?) ได้เจอแต่เรื่องดีๆนะค้า HAPPY BIRTHDAY ค่า ^ ^


โอยยยย มีเรื่องจะเวิ่นมากมายให้สมกับที่หายหัวไปเป็นเดือนๆ แต่แค่ฟิคแม่งก็ยาวนรกแล้ว เพราะงั้นเวิ่นสั้นๆแล้วกันนะ555 *เศร้า*


ก่อนอื่นขอแปะรูปที่ได้มาระหว่างนี้ก่อนนะคะ ขอบคุณทุกๆท่านที่วาดมาให้มากๆๆๆเลยนะคะ m(_ _)m ดีใจมากๆๆอ่ะที่ได้รับรูปทุกๆใบ





คุณรีไวของน้องเจมส์ฐิ Dark Swon








 นางฟ้ากับซาตาน(?)ของคุณ Lilly











และภาพสุดท้ายที่เพิ่งได้มาเมื่อวานแบบสดๆร้อนๆ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ของน้องสโนว์ Snow_fredel ค่ะ โฮววววววววววววววว ไม่ไหวแล้วอ่ะตอนได้เห็นรูปนี้ ดีใจที่ล่อลวงมาอ่านได้สำเร็จ(โดนตบ)  คือแทบไม่มีใครวาดยามะเลยค่ะ ไม่รู้ทำไม กร๊ากกก แล้วพอได้เห็นยามะในภาพนี้ยัยมี๊ถึงขั้นสติแตก ยามะหล่อมว๊ากกกก แถมใบหน้าและสายตามันยัง GLIDE(?)มากอีกต่างหาก ก้มลงไปชาบูแล้วลุกขึ้นมาปั่นฟิคเป็นบ้าเป็นหลัง หงึกๆๆ

ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะทั้งสามคน *ปาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ*



แล้วก็อยากจะขอขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้งนึงนะคะ สำหรับเมื่อวันงานไททันโอนลี่ที่ผ่านมา ขอบคุณโซระซังและผองเพื่อนที่ช่วยดูแลขายฟิคให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย m(_ _)m คุณกวางแม่งก็ชั่วร้ายจริงๆให้คนที่เพิ่งไปผ่าตัดมาทำให้ แง๊ หายไวๆนะคะ *v*   ขอบคุณญาติพี่น้อง(?)ที่แวะเวียนมาทักทายกันอย่างไม่ขาดสายนะคะ ทั้งคนที่เปิดเลคเชอร์เรื่องฟิกเกอร์และด๋อยให้เก๊าได้ความรู้อีกเพี้ยบ ทั้งคนที่มาใช้อำนาจมืด(?)และเดินเล่นเป็นเพื่อนในงาน ทั้งคนที่เอาเฟอร์รารี่ เอ้ย เฟอร์เรโร่มาให้ ทั้งน้องที่ได้ฟิคเล่มที่หลุดจองไป(น้องสุดยอดมากค่ะ น้องทำให้พี่รู้สึกถึงคุณค่าของงานตัวเองจริงๆ >v<bb) ทั้งคนที่เอาเบื้องหลังรวมเล่มขาดตลาดของเก๊าไปแฉ555 ทั้งน้องคณะที่เกือบๆจะได้เจอกันแต่ฟ้าก็บันดาลให้ไม่ได้เจอซะงั้น และสุดท้ายขอบคุณเอเลนที่คุณกวางตกได้หนึ่งคนที่ยอมไปเดทต่อกันสองต่อสองนะคะ ฮิ้ววววว

อ๊ะ แล้วก็ คุณกวางไปล้มกลิ้งทับเค้กของใครก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ อาจจะไม่ได้เข้ามาเห็นแต่ก็อยากจะขอโทษอีกครั้งจริงๆค่ะ m(_ _)m ขอโทษจริงๆน้า TT[ ]TT (นอนไม่หลับไปสองวัน ฮือออ)


วันนี้เวิ่นเท่านี้ก่อนแล้วกัน ไว้จะรีบปั่นตอนต่อไปเพื่อมาเวิ่นต่อ555  ขอบคุณทุกๆการติดตามทวงถาม รวมไปถึงคอมเม้นต์จากตอนก่อนๆมากๆเลยนะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจไฟพุ่งมากๆเลยค่ะ ^ ^v

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า




11 ความคิดเห็น:

  1. เย้!!!!
    ก๊กกับยามะมาแล้ววว~

    คิดถึง 8059 มากๆเลยค่ะ >w<

    ตอบลบ
  2. เอเลนน่ารักมาก อย่าลูบหัวบ้างจัง -//////-
    ได้ความรู้อีกด้วย คือไม่เคยสนใจสนุกเลย อ่านตอนนี้เลยได้รู้ว่ามันเล่นยังไง 55555
    ตอนจบ เกิดอะไรขึ้นกับฮายาโตะ มันเกิดอะไรขึ้นนนนนน พี่กวางทิ้งท้ายให้อยากรู้แล้วก็จากไป (?) งื้อออ

    ตอบลบ
  3. อร้างงงง หนูก๊ก หนูก๊กเป็นอะไรคะ!
    ขาหนูไปโดนอะไรมา เป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก
    อย่าจบค้างอย่างนี้สิน๊า ฮือออ เกาะขาพี่กวาง //โดนยัน

    ตอนเอเลนโดนจับแรก นึกว่าเพราะอีกทีมแอบพิศวาสเอเลนซะอีก
    แอบอยากให้มีคนมาร่วมด้วยช่วยแย่งพิสูจน์รักแท้จริง ๆ เลย
    (คู่ 8059 นั่นก็ด้วย พอดีว่าเป็นโรคจิต ชอบให้มีคนมารักเคะเพิ่ม 555)

    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง อรั้ยยย ค้างมากกกก!!

    ตอบลบ
  4. ม้า.....ทำให้นึกถึงตัวละครตัวหนึ่งขึ้นมาทันที
    ใครหว่า.....คิดไม่ออก ช่างมันๆ(เหอๆๆ) มีบรรยากาศชิวๆผสมกับความตึงเครียด เนื้อเรื่องยังไม่เปิดเผยอะไรมาก แต่ฉากกุ้กกิ้กก็พอให้ใจสดชื่นกันเลยทีเดียว55555+

    รีเอมุ้งมิ้งมาก หวานจนไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ราวกับโลกนี้มีแค่เรา(?)
    เอเลนน่ารักน่าก(อ)ดมากกกกกกกกกก!!! > < ช่างเป็นน้องหมาที่น่าเอ็นดูที่สุด!!ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฮย์โจวไม่มีทางหนีเจ้าเด็กนี่ได้แน่นอนนนนนน(ถ้าไม่ดราม่าขนาดนั้นอ่ะนะ)

    โกคุจิเป็นอะไรรรรรรร!!! ยามะดูแลซะนะเฟร้ยยยยย!!! อย่าให้มันทรมาณจิตใจคนอ่านแบบเน้!!!! >{ }<!!!

    หายไปจากฟิคนี้ซักพักแล้วก็กลับมาสร้างความฟินให้เหล่าสาวกต่อ ท่านกวางช่างเจ๋งจริงๆ!!!(จะไม่ให้นับถือได้ไง) ขอให้สู้ๆต่อไปนะคะ!!! ข้าน้อยเชื่อว่าเหล่าสาววายรีเอและ8059เป็นกำลังใจให้ท่านเสมออออออ!!!สู่ๆๆๆ!!!!♡♡♡

    ตอบลบ
  5. อะไร ยังไง ทำไม เกิดไรขึ้นกับหนูก๊ก อ๊ากกกกกกก
    ค้างคาสุดหูรูด เพราะฉะนั้นเอาตอนที่ 10 มาเยยนะ ฮ่าๆๆๆ

    ปล.รูปยามะรูปสุดท้ายนั่นพาใจละลายจริง ๆ ค่ะ เนียนหล่อมว๊ากกกกกก สโนว์ซังสุดยอดไปเลยคะ

    ตอบลบ
  6. แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย ขอบคุณมากค่ะพี่กวางงงงงงงงงงง
    //มารายงานตัวช้าไปหน่อย ขอโทษจริงๆ นะคะ พอดียุ่งๆ เรื่องฟิคกับวิจัยของเทอมสุดท้ายค่ะ ฮืออออ

    คำอวยพรพี่สาวน่ารักที่สุดเลย ฮือออออออออออออ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

    แต่สมหวังทุกอย่างน้องคงจะหมดตัวเป็นแน่แท้ค่ะ ฮา แกลบอาจจะถามหาได้ค่ะ

    สูบฉีดเพราะเลือดลมเดินด้วยฟิคพี่กวางเลยค่ะ แฮ่กๆๆๆ ไปกับคุณรีไวแล้วก็เอเลนเลย

    ว่าแต่..ก๊กโดนอะไรไปปปปปปปปป ใครทำอะไรคนสวยยยยยยยยย ยามะอย่าเอามันไว้นะ++

    ปล.ชื่อหนูเขียนว่า ณิชา แปลว่าหญิสาวผู็มีความบริสุทธิ์แหละค่ะ //เขินนนน ชื่อจริงออกสื่อครั้งแรก? แถมคำแปล กร๊ากกก //พี่กวางบอกน้องคะ...พี่ไม่ได้ถามค่ะ ฮา

    ตอบลบ
  7. พึงได้ฤกษ์มราเม้น.....ตอนเช้าเรียนอยู่55555555 สติหลุดเพ้อไปไกลเลยทีเดียว.....มันยังอ่านไม่จบด้วยล่ะเลยเร่งทำงานให้เสร็จเป็นการใหญ่เพื่ออ่านต่อ555

    อ่านจบจบแล้ว...พึงรู้ตอนพี่คุยช่วงท้ายว่ามันเป็นตอนพิเศษ(รีบจัดไม่ได้อ่านจั่วหัว...แค่มันตัวGมาก็พุ่งมาแบ้ว) ..ถึงว่ามันดูไม่ต่อ
    แทบกรี้ดในห้องแนะตอนอ่านพนันสนุก เฮียรีไวจะเท่ไปไหนเนี้ยยยยยยยย
    เดี๋ยวกลับไปอ่านอีกรอบดีกว่า5555

    ว่าแต่คนที่จับตัวเอเลนนี่......แจนใช่ไหม!!!! คำว่าม้ากะหน้ายาวนี่มันสะดุดหูมากกกกกกก
    โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆโดนทำร้ายจริงๆเลยนะ

    วันนี้ประจวบเหมาะกันพอดีเลย...อ่านรีไวซึ่งแหลกเสร็จ...ตกเย็นนั่งรถซิ่งกลับมา...มันเหยีบไปเท่าไรหวาเนี่ย= =;ดีนะที่รถมันติดเลยไม่เจอมันเหยีบแบบเต็มสปีริ270ไม่ก็300ถ้าเป็นงั้นได้หัวใจวายแน่(มั้ง?)(ไอคนที่ผมบอกว่ามันทำBMWเยิ่นทั้งคันนั่นแหละ)
    เฮ้ออออออออออออออ ถ้าวันนี้มันจะฟิลรถซิ่งนะ= =;;;;;;;;;;

    เอเลนก็ฟิลน้องหมาน้อยน่าลักไปกดมากกกกกกกกกกกกกกก
    แล้วเกิดไรขึ้นกะก๊ก?
    รอตอนต่อไปเน้
    จะเปลี่ยฤดูแล้วดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ^ ^

    ตอบลบ
  8. สงสัยยว่าม้าที่ว่านี่ใคร55 เหมือนจะเป็นแจน แต่ก็ไม่น่าใช่แจนนะ

    สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโกคุเทระ.. ค้างมาก #พราก

    ไม่เป็นไรค่ะ เรายินดีที่จะช่วยเอง แต่บางทีมันก็เกิดเหตุไม่คาดฝันกันบ้าง เราเองก้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปผ่า ฮา

    ขอบคุณนะคะที่อวยพรให้55 จริงๆตอนนี้ก็เริ่มโอเคขึ้นบ้างแล้ว ตอนไปงานยังวิ่งถือของไม่ค่อยได้ ตอนนี้พอได้บ้างแล้วค่ะ



    เอเลนน่ารักมาก อ่านกี่ทีก็ยิ้มเพราะความน่ารัก ฟฟหหกฟกฟหกกฟห

    ตอบลบ
  9. (อยากจะบ้าเค้านั่งเขียนเรียงความให้กวางซามะเกือบชั่วโมง(?)แล้วเครื่องโน้ตบุคบ้ามันก็ดับ T _ T เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า notepad ไม่ควรใช้ในการเขียนเรียงความ(?)เพราะมันไม่เซฟให้ตูเลย T _ T ฮือออ สรุปเค้าต้องมานั่งระลึกชาติว่าตะกี้เค้าบ้าอะไรไปใหม่ แต่ไม่เป็นไรเพราะเค้าเป็นคนบ้า เค้าพิมพ์อีกรอบให้มัน(เกือบ)เหมือนเดิมได้ 55555)

    พาร์ทนี้อ่านมาด้วยความที่หน้านี้บานนนนนนน บานมากกกก บานด้วยความฟินาเล่
    แม่เจ้าาาาา บานอยู่ดีๆเหี่ยวลงทันที(?)เจอพาร์ทท้าย
    จากที่คิดว่าจะบรรยายอารมณ์ดี๊ด๊าจิกหมอนด้วยความฟินของคู่รีเอ
    ณ จุดนี้ ขอโยกย้ายเป็นช่วงถัดไป(?)อย่างไม่ลังเลเลย

    ก๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก T ___ T
    หนูก๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฮืออออ ขาหนู…..รถเข็น…..ทำไม T ____ T
    (เขย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆตัวเนียน(?)) เอ็งทำอะไรอยู่น่ะหืออออออออออออออออออ
    เอ็งจะให้มันเป็นเหมือนตอน ของขวัญ กับ สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ หรือยังไงนะหาาาาาา (ไอ้นี่มันโยงของเก่าได้ตลอดเว้ยเฮ้ยยย 555555)
    เค้าก็นึกสงสัยและค้างคาตั้งแต่ตอนช่วงแรกๆแล้วที่เฮย์โจวพูดถึงก๊กว่าไม่เห็นกันกี่เดือนแล้ว
    ไหนจะแข่งรถแบบที่ไม่มีหนูก๊ก พอมาเจอคำตอบว่าที่หายไปคือหายมานั่งรถเข็น!!!! กวางซามะใจร้าย(?) T ^ T)o
    T ______T สะเทือนใจจจจจจ ฮือออออ ยิ่งประโยคที่ยามะพูดบอกกับหนูก๊กไว้ยิ่งสะเทือนใจ
    “นายจะต้องหายแล้วกลับไปขับรถได้อีกครั้ง...ฉันสัญญา” ฮือออออออออ T ___ T
    แต่!.....ในความสะเทือนใจคนบ้ามันก็ฟิน(?)อยู่ ในที่สุดยามะมันก็มีโอกาสเอาเมียมาขัง(?)บ้างแล้ว 5555
    หนูก๊กที่ปากไม่ตรงกับใจนั่นบอกตรงน่าฟัดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก > ___ <
    เค้าฟินมากๆๆเวลาที่ยามะจะดาร์คสุดตัว ตอนที่ต้องการจะปกป้องคนที่สำคัญมากกว่าชีวิตตัวเองแบบนี้
    ฟินที่ยามะหวงห่วงหนูก๊กและพร้อมจะเป็นศัตรูกับทุกคนทั้งโลกแบบไม่แคร์อะไรแบบนี้ นี่แหละยามะที่รอคอยยยยยยยย
    ยามะที่หายใจเข้าออกมาเป็นแค่คนที่ชอบปากไม่ตรงกับใจแต่น่ารักโคตรรรรรรรรรอย่างหนูก๊กนั่นน่ะ นี่แหละที่รอคอยยยยย > __ <
    จริงๆแอบรอให้มียามะหึง(?)อยู่ เค้าอยากจะรู้ว่าระหว่างท่านท่อนขาและตาเนียนใครจะหึงเมียได้โหดกว่ากัน #ณ จุดนี้ คนบ้าโดนเสยด้วยท่อนขาและฟาดด้วยสันดาบพร้อมกัน เนื่องจากสร้างความร้าวฉาน(?)ให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อและคุณลูกเขยไปในทางขัดแย้งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน(?) 5555555
    แล้วคือ กลิ่นดราม่ามาแรงมากกกกกกกกกกกกก แถมแรงไปทางลูกหมาตัวน้อยจริงจัง T ____ T
    ฮือออออออออออออออ เนื้อเรื่องมันจะโฮกฮากกกมากไปแล้ววววว
    ปมของเรื่องนี่ก็พันคนกบาล(?)คนอ่านจนแกะไม่ออกแล้วนะคะกวางซามะ 555555
    ไหนจะอึดอัดที่ไม่รู้สาเหตุเต็มๆของเฮย์โจวที่ทำไมถึงยอมปล่อยให้ก๊กห่างตัวแบบนี้ด้วยอีก
    อ๊ากกกกกกกกกกกกกก กวางซามะใจร้าย(?) 555555 รออ่านตอนต่อไปจริงจัง!!!!!

    กลับมาพูดถึงความดี๊ด๊าที่ค้างไว้(?).....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฮือออออออออออออออออกวางซามะะะะะะะ ขึ้นต้นพาร์ทมาก็อ่านวนแล้ว!!!!!!!!!
      55555555 คือไม่ไหว (เอ็งไม่ไหวอะไรคะ) มันโฮกฮากมากๆๆๆๆๆ
      เฮย์โจวอ่อนโยนนนน > __ < อ่อนโยนในแบบต่อมซาดิสต์(?)นั่นแหละ
      แล้วเอเลนถ้าจะอ้อนได้น่ารักดคตรรรรรรรรรรรรขนาดนี้ ก็พอดีไม่ต้องทำอย่างอื่นกัน!!!!!!
      เอเลนนนนนนนลูกควรเข้าใจถึงความรู้สึกน่ารักน่าฟัดของตัวเองบ้างได้แล้ว > <
      คนอ่านอย่างคนบ้าคนนี้ถ้ายื่นมือทะลุจอคอม(?)เข้าไปได้ ก็คงจะยื่นไปยีหัวทุยๆนั่นแบบไม่รีรอเหมือนกัน * ^*
      เอเล๊นนนนนนนนนนนนนนอย่าน่ารักมากได้มั้ยยยยย > ___ <

      แล้วก็การบรรยายแต่ละจุดของกวางซามะยังเทพมากๆเหมือนเดิม
      T ___ T น้ำตาจะไหลจริงจัง คนอะไรแต่งฟิคสุดยอด
      บอกตรงๆว่าเค้าขนลุกฉากการแข่งรถที่แสงจะหวาดเสียวนั่นมาก แล้วไหนจะฉากอุบัติเหตุ
      ถึงจะรู้ว่าท่านท่อนขาหนังเหนียว(?)ก็เถอะนะ แต่มันก็อดกลัวแบบที่เอเลนต้องมาหาถึงที่นั่นไม่ได้จริงๆน่ะล่ะ
      เจอแบบนี้ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตายังไงก็คงจะไม่มีทางสงบใจได้หรอกเนอะ T _ T
      และ…..เอเลนเป็นบุคคลที่ติดอัดดับต้นๆของการโดนอุ้ม(?)บ่อยทีสุดไปแล้วใช่มั้ยยยย 555555
      เอเล๊นนนนนนนนรอบหน้าขอคนบ้าอุ้มบ้างนะ #ณ จุดนี้ขอให้ได้อุ้มตูยอมโดนถีบ(?) 55555 คือมันรู้สึกว่าคุ้ม(?) #เมื่อไหร่ที่คนอย่างฉันมันจะมีสติฟ่ะ 555555
      ม้าเมอซิเดส นี่ชูกิลไตน์มาก!!!!!!! ชูกิลไตน์มาในหัวเลย แต่ใช่ไม่ใช่เอาไว้ก่อน(?)
      เพราะไอ้ความหล่อ ความเท่ห์โคตรรรรรรรของเฮย์โจวตอนแทงสนุ๊กนี่มันอะไรค๊าาาาาาาา
      แม่เจ้าาาาาาาา ถ้าจะเตี้ยแล้วเท่ห์ได้ขนาดนี้!!!!! เป็นอีกฉากที่ชอบมากๆๆๆ
      ฉากบรรยายเกมส์แทงลูกสี(ดูมันเรียก)เป็นอะไรที่ไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจได้ขนาดนี้มาก่อน 55555
      ใจจริงอยากจะแซะเฮย์โจวกับความสูงโต๊ะ(?) 55555555555555555555
      แต่ในฐานะที่เท่ห์จริงจัง คนบ้าจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้ 5555

      กวางซาม้าาาาาาา (กอดๆถูๆไถๆ(?)) T _ T เค้าเป็นกำลังใจให้ตอนต่อไปนะคะ
      เค้าอยากอ่าน 8059 มากๆๆเลย T _ T เค้าค้างเติ่ง ฮืออออ กวางซามะคนใจร้าย(?) > _ <
      อ่า แล้วเค้าก็ดีใจแทนมากๆๆเลยที่เห็นยอดจองหนังสือกวางซามะถล่มทลายแบบนั้น
      เค้าอ่านภาคพิเศษในเล่มแล้วอยากจะบอกว่า ไอ้เดทที่ยังไม่จบน่ะ(?)
      คนอ่านเลือดหมดตัวแล้วแต่ก็ลากสังขาร(?)ตามไปส่องไหว(?)นะ > ___ <
      เข้าใจว่าพันปีมันนานโข แต่ปัจจุบันลูกหมาสุดน่ารักเค้าไม่มีสกิลฟื้นฟูร่างกายแล้วน้าาาา > _ <

      ปล. รูปของสโนว์ซังทั้งยามะและหนูก๊ก โดยเฉพาะหนูก๊ก นี่ชาบูสามวันติดยังไม่เพียงพอ T __ T ฮืออออ สวยงามดาเมจรุนแรงงงงงงจริงจัง ถ้าวาดคู่(?)อาจจะต้องชาบูกันข้ามปี(?) 555555
      ปล. อีกรอบ รอบนี้เขามาอ่านช้าเพราะมัวแต่ยัดเอกสารลงกล่องเป็นตับเอามาสร้างกำแพงวอลมาเรีย(?)อยู่ เยอะมากโคตรรรรรไปไหน T _ T จะย้ายตึกสถานที่ทำมาหากินทีนี่มันลำบากจริงจัง T _ T
      ปล. ท้ายสุด รักฟิคกวางซามะมากๆเสมอนะคะ!

      ลบ
  10. รีเอหวานเว่ออ่ะตอนนี้
    ถึงจะมีช่วงบีบหัวใจอยุ่บ้าง
    ตอนที่รีไวล์แข่งรถคือลุ้นตัวโก่ง
    กลัวท่านเป้นอะไรไป
    เพราะในตอนนี้เฟอรารีมีท่านเป้นนักขับแค่คนเดียว
    ก๊กก็อยู่ในสภาพที่ขับไม่ได้
    ไหนจะยังมีเอเลนที่รอท่านกลับมาอย่างปลอดภัยอีก

    แล้วขึ้นชื่อว่าเอเลน
    ไม่ก่อเรื่องคงไม่ได้
    รีไวล์อุตส่าจะพามาเที่ยวอย่างสงบๆ
    ดันไปถูกทีมอื่นพาตัวไปซะงั้นเดือดร้อนให้รีไวล์ต้องโชว์เทพอีกแล้ว
    แล้วคือชอบตรงนี้มาก >> "นี่มันจะเก่งไปซะทุกอย่างเกินไปแล้ว!! แล้วไอ้ร่างกายที่เรียกได้ว่าเตี้ยนั่นมันอะไร? ทำไมในเวลาแบบนี้มันถึงได้ดูเท่ห์จนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกได้แบบนี้?! ไอ้รังสีอันตรายๆที่ดูมีเสน่ห์นั่นมันอะไร?!!"
    ถึงจะเตี้ยก็เมพเตี้ยนะคะ//โดนเฉือนหลังคอ
    ก็บอกอยุ่ว่าขึ้นชื่อว่าเอเลน
    จะธรรมดาคงไม่ได้
    อารมณ์ที่รีไวล์บิ้วๆมานี่หายหมดเพียงเจอเสียงท้องร้อง
    กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ยังไม่หมดค่ะตอนนี้
    ตอนแรกก็หวานๆอยู่
    พอเจอยามะกับหนู่ก๊กท้ายตอนเท่านั้น
    หักมุมทันที
    นี่มันเกิดอะไรยังไงขึ้นคะ
    ตอนนี้เป็นตอนพิเศษเฉยๆหรือจะเป็นเหตุการณืในอนาคตอันใกล้นี้กันแน่
    เจ็บทุกฝ่ายนะงานนี้

    ตอบลบ