Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : 05
:
Attack on Titan Fanfiction AU
:
Levi x Eren
:
Dark Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
สายฝนที่เคยตกอย่างบ้าคลั่งกลับเงียบหายไปในพริบตา
ปราสาทที่เคยตกอยู่ในฝันร้ายกลับกลายเป็นเพียงโบราณสถานธรรมดาๆที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอีก
ร่างโปร่งบางนั่งเกยคางมองท้องฟ้าสดใสด้วยสายตาเหม่อลอย....จากวันนั้น....เขาก็ไม่ฝัน....ไม่เห็นภาพอะไรอีกเลย....
หัวหน้ารีไวยอมเลิกราเพราะคำขอร้องทั้งน้ำตาของเขา....
ทั้งๆที่คิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธจนแทบจะฆ่าเขาให้ตายคามือแท้ๆ
แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างกลับหยุดนิ่งราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดไป...จะทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจจนช็อค
ทั้งๆที่คิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
ปล่อยให้เรื่องของเราจบลงไปกับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้แบบนี้ก็ดีแล้ว.....แล้วทำไมเขาถึงได้มานั่งถอนหายใจอยู่แบบนี้กันนะ?
ราวกับว่าลึกๆในใจแล้วมันไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างจบลง....
“
เอเลน...”
เสียงเย็นๆดังขึ้นที่เบื้องหลัง ทำเอาคนที่ยังนั่งใจลอยถึงกับสะดุ้งเฮือก
“
มิคาสะ!....จะเข้ามาก็ให้ซุ่มให้เสียงกันบ้างสิ!”
เขาหันไปมองเด็กสาวผมเปียกโชกที่ยืนอยู่ปลายเตียง
“
ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เอเลนมัวแต่เหม่อ....เป็นอะไรหรือเปล่า?” เด็กสาวมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
ขนาดตัวเองเป็นคนเจ็บก็ยังจะมาห่วงเขาอีก
“
มานี่สิ...จะเช็ดหัวกับทำแผลให้”
เด็กสาวเดินมานั่งลงข้างๆอย่างว่าง่าย
ทั้งๆที่กับคนอื่นก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
เขายืนมือไปจับผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่คอก่อนจะซับเส้นผมสีดำให้เบาๆจนมันเริ่มแห้ง
มือจึงย้ายไปหยิบกล่องยาที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา
แผลของมิคาสะที่จริงแล้วมีแค่รอยแตกบริเวณเหนือคิ้วกับแผลเล็กๆตามแขนขาอีกนิดหน่อย....แล้วตอนนี้อาการของมันก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้เขาเบาใจได้บ้าง
สำลีชุบยาถูกทาลงไปรอบๆแผล.....ทั้งๆที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น....
หัวหน้ารีไวเลิกยุ่งกับเขา....ยอมปล่อยมือจากเขาไปแล้วจริงๆน่ะหรอ....
ทำไมกันล่ะ?
ทำไมถึงยอมได้ง่ายดายขนาดนี้?
หรือที่จริง....เขามันก็เป็นแค่ตัวอย่างการทดลองหายาก
แต่ถ้ามันลำบากมากนัก....จะทิ้งไปก็ยังได้...
ริมฝีปากเผลอเม้มแน่น....นี่เขาเป็นอะไรกัน....ทำไมถึงได้รู้สึกน้อยใจ
ทำไมถึงได้รู้สึกสับสนแบบนี้
เขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง
ที่จะได้ไม่ต้องจอกับเรื่องป่าเถื่อนโหดร้ายแบบนั้นอีก....
"
เอเลน....เจ็บน่ะ"
เสียงนิ่งๆของมิคาสะทำให้เขาหลุดออกมาจากความคิดที่ตีกันมั่วของตัวเอง
มือรีบสะบัดออกมาเมื่อรู้ว่าเผลอกดสำลีลงไปบนแผลมากไป
"
ขอโทษๆ"
เขารีบขอโทษเด็กสาวแต่ใบหน้าสวยกลับยังนิ่งเฉยก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาเขาขนลุกแปลกๆ
"
ไม่ต้องกลัวนะเอเลน.....ฉันจะปกป้องเอเลนเอง....อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นวิญญาณร้ายตัวไหน....จะเอากระเทียมยัดปากให้ตายอีกหลายๆรอบเลยคอยดู"
เขาได้แต่หัวเราะแห้งๆกับความโหดของเด็กสาว....จะว่าไป...ถ้ามิคาสะมีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกับหัวหน้ารีไว....บางทีอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันจนน่ากลัวเลยก็ได้
ดูเหมือนทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติจนไม่น่าเชื่อว่าจะเคยมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นที่นี่....พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะทำเมชเชอร์กันต่อให้เสร็จ
นัยน์ตาสีมรกตก้มลงไปมองในกล้องวัดระดับ
ก่อนจะเอ่ยปากบอกอาร์มินที่มาช่วยจดบันทึก
ภาพปราสาทที่สะท้อนเข้ามาในดวงตานั้นมันช่างดูเงียบเหงา....โดดเดี่ยว....และเดียวดาย....
มันต้องยืนนิ่งอยู่ที่นี่เพียงลำพัง...จะก้าวขาออกไปก็ไม่ได้....ได้แต่รอคอย....ให้ผู้คนกลับมาหา....
รอคอย.....เหมือนใครบางคน......
พันกว่าปี....ที่ผู้ชายคนนั้นได้แต่เฝ้ารอ....ให้เขากลับมาหา
หัวหน้ารีไว...คุณยังอยู่ที่นี่จริงๆน่ะหรอ?
คุณได้ยินเสียงที่ผมพูดไปใช่ไหม....ถึงได้ไม่มาอีกเลย....
เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอดังมาจากเตียงข้างๆ....ดึกป่านนี้ทุกคนคงจะหลับกันไปหมดแล้ว...ทว่าดวงตาของเขากลับยังเบิกโพลง
.....นอนไม่หลับอีกแล้ว....
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนก่อนที่ปลายเท้าจะแตะลงไปที่พื้นข้างเตียง
แล้วสองขาก็พาตัวเองออกมาจากห้อง....เดินออกไป....ยังคุกใต้ดิน
เตียงเย็นเฉียบที่เคยรองรับอารมณ์ร้ายของผู้ชายร่างเล็กคนนั้นมองเห็นอยู่ตรงหน้า
ทั้งโซ่เส้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยสนิม กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายล้มตัวนอนลงไปบนเตียง
นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆปิดลงช้าๆราวกับว่ายินยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้....ในความฝัน...ในภาพที่ต้องการให้เห็นพวกนั้น
ทำไมกันนะ?
ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยมือจากเขาไปแล้ว.......แล้วทำไมถึงได้ยังเดินกลับมาอยู่ในมือคู่นั้นด้วยตัวเองอีก
เสียงกุบกับดังขึ้นมาในหัว
ก่อนที่จะได้เห็นภาพม้าห้าหกตัวกำลังเดินข้ามลำธาร
โดยบนหลังของพวกมันมีคนนั่งอยู่และทุกคนล้วนอยู่ในชุดทหาร....ที่ด้านหลังผ้าคลุมสีเขียวล้วนมีสัญลักษณ์แบบเดียวกัน.....
.....ปีกแห่งอิสระภาพ....
แล้วเขาก็ได้เห็นคนที่คุ้นตานั่งมาบนหลังม้าตัวที่ห้า...
ร่างกะทัดรัดของหัวหน้ารีไวกำลังบังคับม้าให้เดินเคียงข้างมากับม้าอีกตัวหนึ่งซึ่งมีร่างของใครบางคนสลบไสลพาดอยู่บนนั้น...นั่นมัน.....ตัวเขา?
เอเลน
เยเกอร์ ในชุดทหารแต่ก็ดูต่างจากคนอื่นๆอยู่เล็กน้อยตรงที่ไม่มีทั้งผ้าคลุมและเสื้อตัวนอกสีน้ำตาล
"
เจ้าเอเลนนี่ละก็นะ
เป็นภาระซะจริงๆ....เล่นหมดแรงจนไม่มีสติแบบนี้ทุกครั้งหลังจากที่ฝึกแปลงเป็นไททัน...มันก็ลำบากหัวหน้าต้องมาดูแลแย่สิ" หนึ่งในกลุ่มคนที่มาด้วยกันบ่นขึ้นมาและนั่นก็ทำให้เขารู้ว่า....ที่เขาสลบไปไม่ได้เป็นเพราะโดนซ้อมหรือโดนทารุณกรรมอย่างที่คิด
แต่เป็นเพราะการฝึกอะไรสักอย่าง....ที่ตัวเขาเองก็เต็มใจและให้ความร่วมมือ
ขบวนม้ายังคงเดินเหยาะๆข้ามลำธารท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาและดูท่าว่าจะหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ....น้ำในลำธารจากที่เคยใสสะอาดบัดนี้เริ่มมีสีขุ่นและระดับของมันก็กำลังสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
"
โฮ่ย เพ็ตโทร่า!
เดินเร็วๆหน่อยสิ! ไม่ต้องห่วงไอ้เด็กนั่นนักหรอก....ขืนชักช้าจะข้ามฝั่งไม่ได้เอานะ....หัวหน้ากับม้าของไอ้เด็กนั่นยังมาไม่ถึงกลางลำธารเลย!"
ม้าตัวที่สามตะโกนบอกม้าตัวแรก
ที่ทุกคนขยับไปได้ช้าถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะอยู่ในน้ำแต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะคนที่ยังสลบพาดอยู่บนหลังม้านั่นมากกว่า....ถ้าม้าเดินเร็วเขาคงได้ตกลงไปแน่ๆ
แล้วจากที่เดินคู่กันมาอยู่ดีๆ
จู่ๆม้าของหัวหน้ารีไวก็ชะลอฝีเท้าให้ม้าของเขาเดินนำหน้า....ดูเหมือนว่าช่วงกลางลำธารม้าจะต้องเดินเรียงหนึ่ง....อาจจะเป็นเพราะพื้นดินใต้ลำธารในส่วนอื่นๆไม่แข็งพอให้ม้าเหยียบ
ภาพที่มองเห็นนั้นทำให้หัวใจรู้สึกสับสน....กลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่คนที่จับเขาขังเอาไว้ในห้องใต้ดินเพื่อการทดลองอย่างที่เขาคิดมาตลอด....แต่จากใบหน้าและสายตาของทุกคนมันทำให้เขารู้ดีว่า....เขาถูกดูแล....ถูกคนพวกนี้เป็นห่วงเป็นใยมากกว่าจะเป็นแค่วัตถุดิบในห้องทดลอง.....
โดยเฉพาะจากผู้ชายร่างเล็กคนนั้น....
สายน้ำเริ่มเชี่ยวกรากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ยังดีที่ม้าตัวแรกนั้นขึ้นฝั่งได้เรียบร้อยแล้ว
ม้าของหัวหน้ารีไวขยับมาเดินข้างๆม้าของเขาอีกครั้ง ใบหน้านิ่งเฉยยังคงไม่สะทกสะท้านกับบรรยากาศที่ราวกับพายุจะเข้าตรงหน้า
ม้าสี่ตัวที่เดินนำกำลังขึ้นฝั่งจนครบ
และในขณะที่ม้าของเขาทำท่าจะก้าวขึ้นไป
เปรี้ยง!!!
จู่ๆเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นมา.....ให้ม้าตกใจจนเสียหลักเล็กน้อย.....แค่เล็กน้อยเท่านั้น....แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่ยังสลบไสลร่วงจากหลังมันลงไปช้าๆ
“
เอเลน!!”
เสียงตะโกนอย่างตกใจดังมาจากกลุ่มคนที่อยู่บนฝั่ง
ร่างของเขาถูกกระแสน้ำพัดไปในทันที
ทั้งๆที่น้ำดูน่าจะเย็นเฉียบแต่เขากลับยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา....ยังคงไม่มีสติ
“
ชิ!” ได้ยินเสียงสบถออกมาจากปากของหัวหน้ารีไว
ถึงแม้ใบหน้านิ่งเฉยจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปแต่สายตาก็ดูตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย
ร่างของเขาถูกพัดไปเร็วมาก
และหากปล่อยไปแบบนี้....อีกไม่นานมันก็จะร่วงลงไปในน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลซึ่งสูงราวๆ20เมตรได้
“
เอาม้าขึ้นไปให้ด้วย!” เสียงตะโกนสั่งจากหัวหน้ารีไว
แล้วสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็ปรากฏให้เห็น.....เมื่อร่างเล็กแต่แข็งแกร่งนั่นใช้อุปกรณ์การเคลื่อนที่
3 มิติเกาะเกี่ยวไปตามต้นไม้ใหญ่ไล่ตามร่างของเขาไป
การเคลื่อนที่ที่สง่างามแต่กลับราวเร็วราวกับสายลมทำให้ไม่อาจจะละสายตาไปได้...ตอนนี้พอจะเข้าใจขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่าทำไมตัวเขาถึงได้ชื่นชมผู้ชายคนนี้นัก
และในจังหวะที่ร่างของเขากำลังจะร่วงลงไปในน้ำตก....
ท่อนแขนแข็งแรงก็คว้ามันเอาไว้ได้ทัน...แต่ถึงอย่างนั้นร่างของพวกเขาทั้งคู่กลับร่วงลงไปด้วยกัน
ตูม!!!!
เสียงน้ำแตกกระจายดังลั่น....ในขณะที่สายตาของคนบนฝั่งยังคงตกตะลึง.....ลวดสลิงก็ถูกยิงขึ้นมาจากในน้ำ....
แล้วมันก็ดึงเอาร่างของหัวหน้ารีไวที่ยังคงหิ้วเขาอยู่ขึ้นไปโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว....อุปกรณ์การเคลื่อนที่
3 มิติ ทำให้พวกเขากลับขึ้นมาบนสันน้ำตกได้ตามเดิม
“
หัวหน้า!!” ร่างกะทัดรัดวางร่างของเขาลงในขณะที่คนอื่นๆต่างเข้ามารุมล้อมด้วยท่าทางตกใจ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของพวกเขาทั้งคู่นั้นเปียกโชก
“
รีบกลับปราสาทเถอะ....ดูท่าพายุจะเข้าแน่ๆคืนนี้”
ผ้าคลุมสีเขียวที่เคยอยู่บนไหล่ของหัวหน้ารีไวถูกปลดออกมาคลุมใบหน้าที่ถูกฝนชะของตัวเขา
สิ่งที่อีกฝ่ายทำให้มีแต่จะทำให้เขาที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกหัวใจเต้นแรง....ผู้ชายคนนี้คือคนที่ข่มเหงเขาในคุกใต้ดินนั่นจริงๆน่ะหรอ?
และกว่าที่หัวหน้ารีไวจะได้พัก....ก็เมื่อจัดการร่างของตัวเขาที่ยังสลบไสลไม่ได้สติให้เปลี่ยนเสื้อผ้าจนเอาเข้านอนเรียบร้อยแล้ว….
เช้าวันใหม่มาเยือนตัวเขาที่ตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าสดชื่น
แล้วก็ดูเหมือนอีกสี่คนที่อยู่ด้วยกันในปราสาทนี้ก็จะตื่นกันหมดแล้ว
ยังเหลือก็แต่.....ผู้ชายร่างเล็กที่เป็นดั่งผู้ปกครองของที่นี่....
“
หัวหน้าล่ะ?”
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มหันมาถามเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องที่มีโต๊ะยาวสำหรับกินข้าวตั้งอยู่
“
ยังไม่เห็นเลยครับ”
ตัวเขาตอบพร้อมกับมือดึงเก้าอี้ออกมาทำท่าจะนั่ง
“
เอ....ไปไหนของเค้านะ?...เอเลน! ไปดูที่ห้องของหัวหน้าให้ทีสิ
สายป่านนี้แล้ว เรียกลงมาทานข้าวเถอะ”
หญิงสาวหันหน้ามาบอกในขณะที่กำลังตักซุปใส่ถ้วย
“
เอ๋? ผมหรอ?”
เขาอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าอึ้งๆ
แต่พอกวาดตามองคนที่คิดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ทั้งสี่ที่ต่างก็กำลังช่วยกันเตรียมอาหาร....คนว่างงานอย่างเขาก็ต้องพยักหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้
แล้วร่างกายที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงขึ้นมาทันทีที่คิดว่าต้องไปเจอใบหน้าโหดๆนั่นตามลำพังตั้งแต่ยังเช้าแบบนี้ก็เดินออกมาจากห้องอาหาร
เสียงสายฝนที่เทกระหน่ำอยู่ด้านนอกทำให้คิดว่าหัวหน้าคงไม่ได้ออกไปไหน
แต่น่าจะยังอยู่ในห้อง
และเมื่อมายืนอยู่ที่หน้าห้องพักหัวหน้าทหารบนชั้นสอง
หัวใจก็เต้นโครมครามจนรู้สึกได้
ไม่ใช่เป็นเพราะกลัว....แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่า
ปกติผู้ชายร่างเล็กคนนั้นจะเป็นฝ่ายลงไปหาเขาที่คุกใต้ดินแล้วก็กลับขึ้นมาตอนเช้ามืด....นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นห้องนอนของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพ
มือเคาะที่ประตูสองสามทีแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
และเมื่อลองขยับมือจับประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค...
“
ขอโทษนะครับ....ขออนุญาตเข้าไปนะครับหัวหน้า!”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะค่อยๆแง้มประตูแล้วยื่นหน้าเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
ภาพของห้องนอนตรงหน้ามีแต่จะทำให้ตาพร่า เพราะมันช่างเป็นห้องนอนที่สะอาดและเป็นระเบียบจนไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นห้องของหนุ่มโสดที่เป็นถึงหัวหน้าทหาร
หัวหน้า....นี่คุณแอบมีภรรยาซุกซ่อนอยู่หรือเปล่าครับ?
มีภรรยามาทำให้แล้วไม่ยอมบอกผมหรือเปล่าเนี่ย?!
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วห้องก่อนจะพบกับเป้าหมาย....เตียงขนาดคิงไซส์ยังมีร่างของใครบางคนนอนอยู่ในผ้าห่มผืนหนา
“
หัวหน้า...ครับ?”
ยังไม่ตื่นงั้นหรอ?
ถึงจะแปลกใจแต่ก็อดใจเต้นไม่ได้เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เห็นใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย
เพราะส่วนใหญ่เวลาที่มีอะไรกันเขาจะเป็นฝ่ายหลับไปก่อนและตอนตื่นขึ้นมาใบหน้าโหดๆนั่นก็ลืมตาแล้ว
เขาขยับเข้าไปใกล้ๆหัวเตียง....ใกล้พอที่จะเห็นใบหน้าตะแคงข้างของคนที่ยังนอนคว่ำซุกอยู่กับหมอนสีขาว
ไหล่เปลือยเปล่าที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาทำให้รู้ว่าหัวหน้ารีไวไม่ได้ใส่เสื้อ
จู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา.....
“
หะ หัวหน้าครับ....”
พยายามข่มใจไม่ให้เตลิดไปไกล
เพราะใช่ว่าสภาพแบบนี้เขาจะไม่เคยเห็นเสียเมื่อไหร่
“
อื้อ.....”
เสียงงึมงำดังขึ้นมาจากใบหน้าที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
จะว่าไปอย่างผู้ชายร่างเล็กคนนี้ไม่น่าจะปล่อยให้ใครเข้ามาประชิดตัวได้ขนาดนี้....ดูจากสีหน้าที่แดงกว่าปกติเล็กน้อย...หรือว่าจะไม่สบาย?
“
ขออนุญาตนะครับหัวหน้า”
แล้วหลังมือของเขาก็แนบลงไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย
ความร้อนที่แผ่เข้ามาทำให้ชักมือกลับแทบไม่ทัน
“
ตัวร้อนนี่ครับ?!” เขาอุทานขึ้นมาอย่างลนลาน
ที่เป็นแบบนี้เพราะไปช่วยเขาเมื่อวานงั้นสินะ.....
“
ระ รอเดี๋ยวนะครับ จะไปเอายามาให้นะครับหัวหน้า!”
สองขารีบวิ่งลงมารายงานให้พวกรุ่นพี่รู้ทันที และทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาไม่ได้ต่างไปจากเขา....เพราะไม่คิดว่าคนที่แข็งแกร่งราวกับพญามัจจุราชแบบนั้นจะเป็นหวัดกับเค้าเป็นด้วย
ก็นะ...จะว่าไปอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนี่
วันนี้จึงต้องงดฝึกไปโดยปริยาย.....เพราะฉะนั้นบ่ายๆแบบนี้เขาจึงไม่มีอะไรจะทำ
เรียวขาก้าวเดินวนไปวนมาอยู่ในปราสาทเพราะข้างนอกฝนก็ตก
ได้ยินเสียงบ่นงึมงำดังมาจากทางเดินแถวๆห้องครัวเลยอดชะโงกหน้าไปดูไม่ได้.....เพ็ตโทร่ากับออลโอ....สองรุ่นพี่ที่กำลังยืนคุยกันอยู่และทั้งคู่ก็หันมาเห็นเขาเข้าพอดี
“
มีอะไรกันหรือเปล่าครับ?”
เขาถามออกไปด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นใบหน้าละเหี่ยใจของหญิงสาวที่ถือถ้วยข้าวต้มเย็นชืดซึ่งยังมีข้าวต้มอยู่เต็ม
“
หัวหน้าน่ะสิ.....ไม่ยอมกินข้าว เอาแต่นอนลูกเดียวเลย
นี่ก็เพิ่งเอาถ้วยใหม่ไปวางไว้ให้แล้วเก็บถ้วยเมื่อเช้ากลับมา ดูสิ
ไม่ได้ลดลงไปซักนิด”
ไม่รู้ทำไม...แต่ฟังแล้วมันอดขำไม่ได้...กับอาการราวกับเด็กเอาแต่ใจเวลาที่ไม่สบายของผู้ชายร่างเล็กคนนั้น
“
ลองให้เจ้าเอเลนขึ้นไปหาดูไหมล่ะ?
ไหนๆมันก็ว่างออกนะวันนี้....เผื่อหัวหน้าเห็นหน้ามันแล้วจะนึกคันมืออยากจะซ้อมขึ้นมา
ถ้าได้ออกแรงนอกจากเหงื่อก็จะออกแล้วก็คงนึกหิวขึ้นมาเองแหละ”
ออลโลเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ากวนประสาทให้เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆรับ....พูดแบบนี้แล้วใครจะอยากขึ้นไปให้โดนซ้อมเนี่ย?
“
ถ้างั้น....รบกวนหน่อยนะเอเลน” แล้วจู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยออกมาให้เขาถึงกับสะดุ้งเฮือก....เอาจริงหรอ?!.....ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวที่ดูใจดีคนนี้จะส่งเขาเข้าปากมัจจุราชด้วยรอยยิ้มแบบนี้ได้....ทหารนี่มันโหดร้ายไม่ว่าจะชายหรือหญิงจริงๆ!
“
เดี๋ยวสิครับ?!!”
“
ขึ้นไปซะ! ไอ้เด็กบ้า หัวหน้าเป็นแบบนี้ก็เพราะแกนะโว้ย!” เจอเน้นย้ำจากออลโอแบบนี้เข้าไป....คงปฏิเสธการเป็นกระสอบทรายไม่ได้แล้วละ
เขาจึงได้แต่เดินคอตกขึ้นไปเคาะประตูห้องที่เพิ่งจะมาเมื่อเช้านี่อีกครั้งและมันก็ยังไม่มีเสียงตอบรับเหมือนเคย
มือจึงเปิดประตูเข้าไปเอง....แล้วสายตาก็มองเห็นถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงซึ่งยังไม่มีทีท่าว่ามันจะถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย
"
หัวหน้าครับ...เอาแต่นอนไม่ได้นะครับ....ถ้าไม่กินข้าวจะกินยาได้ยังไง"
เจ้าของผมรองทรงไถเกรียนครึ่งหัวผงกหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาสลึมสลือกึ่งรำคาญ
มือแข็งแกร่งโบกเรียกให้เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขี่ยถ้วยข้าวต้มที่ยังมีควันกรุ่นๆมาให้
ร่างกะทัดรัดพลิกกายขึ้นนอนหงายก่อนจะขยับหมอนให้สูงขึ้นนิดหน่อย....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองไปที่ถ้วยข้าวต้มราวกับจะบอกอะไรเขาสักอย่าง
....จะให้ป้อนงั้นหรอ?....
เอาน่ะ...ยังไงก็ดีกว่าโดนซ้อมเห็นๆ
เขาจึงยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมาพรางอมยิ้ม....เพิ่งเคยเห็นหัวหน้าที่กำลังอ่อนแอและอ้อนนิดๆแบบนี้....ดูเป็นคนละคนกับผู้ชายใจร้ายที่ใช้กำลังข่มเหงเขาคนนั้นเลยนะ
ช้อนที่มีข้าวต้มอยู่ครึ่งหนึ่งยกขึ้นไปจ่ออยู่ที่ปากที่ยังปิดสนิท
นัยน์ตารีขวางจ้องมาที่ใบหน้าเขาก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำเอาช้อนแทบจะร่วงจากมือ
"
อมเข้าไป" ....ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหม?!
ถึงจะอ่อนแอแต่ก็ยังซาดิสไม่เปลี่ยนเลยสักนิด!
"
ห๋า? ผมหรอ? แต่ผมกินมาแล้ว....."
"
ชั้นสั่งให้อมเข้าไป"
ใบหน้านิ่งสนิททำให้เขาไม่กล้าจะขัดใจ
ช้อนที่มีข้าวต้มร้อนๆจึงถูกส่งเข้ามาในปากของเขาแทน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้กลืนมันลงไป
มือของอีกฝ่ายก็กระชากคอเสื้อเขาให้เข้าไปหา
ริมฝีปากร้อนผ่าวแนบลงมาให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามาในปากเขาก่อนจะกวาดต้อนเอาข้าวต้มใส่ปากตัวเองไปจนหมด....
....นะ....นี่มันวิธีป้อนข้าวต้มแบบไหนกัน?!!!.....
และตอนนี้หน้าของเขาก็คงจะร้อนผ่าวยิ่งกว่าข้าวต้มในชามนั่นเป็นแน่...นัยน์ตาเจ้าเล่ห์มองมาอย่างถูกใจในท่าทางละล่ำละลักของเขา
"
ชั้นจะกิน....ให้หมดถ้วยเลย....จัดการซะเอเลน..." ไอ้ที่พูดออกมาแน่ใจนะว่านี่เป็นคนป่วย
ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะอยู่แน่ๆ....ให้ตายเหอะ....ที่บ้านของเขาเป็นคลีนิค
พ่อก็เคยพาคนไข้มารักษาตั้งไม่รู้เท่าไหร่และเขาก็ต้องช่วยดูแลคนไข้มาตั้งไม่รู้เท่าไหร่...แต่ก็ไม่เคยต้องดูแลคนไข้ที่ให้ความรู้สึกว่าจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวขนาดนี้มาก่อนเลย!
กว่าข้าวต้มจะหมดถ้วยและเจ้าคนป่วยวายร้ายจะนอนลงได้อีกที
ริมฝีปากของเขาก็บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด...
ร่างกายที่แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงเตรียมจะลุกออกไปพร้อมกับถ้วยข้าวต้มว่างเปล่า
ทว่า ฝ่ามือร้อนๆกลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้
“
เอาอะไรอีกหรือเปล่าครับหัวหน้า?” เขาถามออกไปด้วยความสงสัย
นัยน์ตานิ่งสนิทมองมาที่เขาก่อนจะกระตุกมือดึงให้เขานั่งลงไปบนเตียง
“
อย่าเพิ่งไป”
คนป่วยเอ่ยสั่งเอาแต่ใจ.....แต่เสียงหัวหน้าที่ขึ้นจมูกนิดๆเพราะเป็นหวัดนี่ก็เซ็กซี่ดีแหะ…
จู่ๆหัวสีดำก็ขยับขึ้นมาหนุนอยู่ที่หน้าตักของเขาราวกับว่ามันเป็นหมอน
นัยน์ตาได้แต่เบิกกว้างไปกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของอีกฝ่าย....ผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะอ้อนเขาแบบนี้ได้ด้วยหรอ?
นัยน์ตาหรี่ปรือค่อยๆปิดลงช้าๆ ให้นัยน์ตาของเขาทอดมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน
บรรยากาศละมุนละไมทำให้เขาเผลอถามสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดออกไป....
"
หัวหน้าครับ....."
"
หื๋ม?"
"
หัวหน้าเห็นว่าผมเป็นแค่อาวุธที่จะใช้ต่อกรกับไททันเหมือนที่คนอื่นๆเค้ามองกันหรือเปล่า?
ที่นอนกับผม....เพราะแค่จะทสอบการกลายเป็นไททันของผม....เท่านั้นหรือเปล่าครับ?" อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปแค่ไม่นานก่อนที่เสียงขึ้นจมูกจะเอ่ยออกมาว่า
".........ในสายตาของชั้น
แกมันก็เป็นแค่เด็กเหลือขอเท่านั้นแหละ....ฉันจะนอนแล้ว....หุบปากแล้วทำตัวเป็นแค่หมอนก็พอ!"
สองแขนแข็งแรงตวัดมาโอบรัดที่เอวของเขา
ก่อนที่หัวสีดำจะฝังลงไปในหน้าตักของเขามากขึ้น
นัยน์ตาสีขี้เถ้าปิดลงเพียงไม่นานก่อนที่ลมหายใจร้อนๆจะเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
ใบหน้ายามหลับที่หาดูได้ยากของอีกฝ่ายทำให้เขาเผลอยกมือขึ้นไปลูบเส้นผมสีดำเล่น
นี่ถ้าหัวหน้าตื่นมาเห็นเข้าเขาคงโดนซ้อมปางตายไม่ก็ถูกข่มขืนจนลุกไม่ขึ้นแน่
หัวหน้ารีไว....
คุณไม่ได้มองว่าผมเป็นไททันเหมือนที่คนอื่นเค้ามองกันสินะ....แต่ว่า...คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ
ว่าที่คุณนอนกับผม...มันเป็นเพราะอะไร...
ผม....จะเข้าข้างตัวเองได้ไหม?
นัยน์ตาสีมรกตกระพริบเปิดขึ้นมาในความมืด
ความอับชื้นทำให้รู้ว่าเขากำลังตื่นขึ้นมาในโลกปัจจุบัน....ไม่ได้อยู่ในภาพของอดีตอีกต่อไปแล้ว...
สิ่งที่เห็นในคืนนี้มันทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด....แสดงว่านอกจากช่วงเวลาที่อีกฝ่ายใช้กำลังกับเขาแล้ว....มันก็ยังมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้อยู่อีก
เพราะแบบนั้นสินะ...ตัวเขาในอดีตถึงได้ยังอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนั้น...ยังคงมองด้วยสายตาชื่นชมจนแทบจะเรียกได้ว่ารัก...ไม่ว่าจะโดนทำร้ายขนาดไหนก็ตาม
แล้วทำไม...ถึงไม่ยอมทำให้เขาเห็นภาพพวกนี้ตั้งแต่แรก
ทำไมถึงได้ทำให้เห็นแต่ภาพที่โหดร้ายของตัวเอง
ทำไมกัน....
อยากจะถาม...แต่ก็ไม่รู้จะถามยังไงในเมื่อเขาบังคับให้ตัวเองพูดไม่ได้และถึงจะพูดไปหัวหน้ารีไวในตอนนั้นก็คงจะไม่เข้าใจ
ผมจะสื่อสารกับคุณได้ยังไง?
หัวหน้ารีไว.....
เขาว่ากันว่าถ้าคนเรากำลังรออะไรสักอย่าง
เวลามันมักจะเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสมอ
ที่ผ่านมาทั้งชีวิตเขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าคำพูดพวกนั้นมันเป็นยังไง....เวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้ามันเป็นยังไง....ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
แต่ไม่ใช่กับตอนนี้.....ที่เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าการรอคอยให้วันหนึ่งๆมันหมดไปเพื่อจะได้พบกับช่วงเวลากลางคืนนั้นมันทรมานขนาดไหน
จากที่เคยคิดจะหนีจากมันไปกลับกลายเป็นว่าตอนนี้.....เขาแอบหนีลงไปที่คุกใต้ดินแทบทุกคืน....
ฝ่าเท้าก้าวอย่างแผ่วเบา
เช่นเดียวกับใบหน้ามนที่หันไปหันมากลัวว่าใครจะตื่นมาเจอเข้า แล้วร่างกายก็หายเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย
สภาพที่เหมือนกับสามีแอบหนีภรรยาลงมาหาเมียน้อยในห้องคนรับใช้นี่มันอะไรกันนะ...เป็นเพราะคุณคนเดียวเลยนะหัวหน้ารีไว
ใบหน้ามนหัวเราะออกไปน้อยๆ
ก่อนจะเงยหน้ามองไปทั่วห้อง....ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเห็นเขาจากทางไหน
แต่แค่เข้ามาอยู่ในห้องนี้ก็รู้สึกได้ดีถึงสายตาร้อนแรงที่มองมาด้วยความปรารถนาอันกล้าแกร่งของอีกฝ่าย
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่ที่ริมฝีปาก
ร่างกายค่อยๆนั่งลงไปบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคง ท่อนแขนและหลังมือกวาดไปมาช้าๆบนพื้นแข็งๆของเตียง
ความรู้สึกที่ราวกับว่าเขานอนอยู่บนฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมา
เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆก่อนที่สติจะล่องลอยไปไกล....ตามที่อีกฝ่ายอยากจะให้เห็น....
วันนี้หัวหน้ารีไวอยู่ในเครื่องแต่งกายทหารเพียงครึ่งท่อน....
กางเกงสีขาวเข้ารูปกับสายหนังที่รัดพันต้นขากับรองเท้าบูทยังอยู่ครบ
ทว่า....ท่อนบนกลับเปลือยเปล่า
แผงอกแข็งแรงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สวยงามจนน่าอิจฉา
ถึงแม้จะมีร่างกายไม่ได้ใหญ่โตแต่กลับให้ความรู้สึกว่าจะปกป้องคุ้มครองเขาได้
หัวหน้ารีไวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในสวนด้านหนึ่งของปราสาท
ใบหน้าที่บูดนิดๆดูเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างอยู่.....เพราะชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้
ต่อให้ที่จริงแล้วจะเป็นคนที่ใจดีแต่ก็คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอก
ตัวเขาแอบขำในขณะที่ลอบมองอีกฝ่ายอยู่หลังเงาของเสา
ฝ่าเท้าก้าวเดินเข้าไปหาพร้อมกับผ้าและมีดโกนในมือ
"
จะให้ผมทำแน่หรอครับหัวหน้า...."
ตัวเขาถามออกไปด้วยท่าทางไม่ค่อยมั่นใจนัก
"
ใช่....แล้วก็จำไว้ว่าถ้ามันออกมาไม่ดี....คืนนี้นายจะโดนไม่ใช่น้อยเอเลน" ใบหน้ามนได้แต่ยิ้มแหยๆ
ดูท่าว่าตัวเขากำลังถูกบังคับให้ทำอะไรบางอย่างทั้งๆที่ทำไม่เป็น
ผ้าสีขาวในมือถูกสะบัดคลุมไหล่ของหัวหน้ารีไว
อีกฝ่ายจึงก้มใบหน้าลงเผยให้เห็นต้นคอและท้ายทอยที่ดูเหมือนผมจะยาวกว่าปกติ.....นี่อย่าบอกนะว่า....กำลังจะให้เขาโกนผมตรงท้ายทอยให้น่ะ?
จู่ๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า...
ฝ่ามือของตัวเขาหยิบมีดโกนก่อนจะวางมันลงไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจริงๆด้วย
แสงแดดสว่างๆยิ่งทำให้ภาพตรงหน้ายิ่งดูสวยงาม....มือของเขาลากมีดโกนเบาๆไปตามต้นคอและท้ายทอยของคนที่กอดอกด้วยท่าทางสบายๆ
ใบหน้าของหัวหัวหน้ารีไวไม่ได้มีร่องรอยของความกังวลใดๆ เช่นเดียวกับใบหน้าของเขาที่อมยิ้มน้อยๆ
บรรยากาศที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนมีแต่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว
ภาพของตัวเขากับหัวหน้ารีไวมีแต่จะทำให้ใบหน้ายิ่งร้อนผ่าว
ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกผูกพัน....
ยิ่งรู้...ว่าพวกเราเคยรักกันมากขนาดไหน.....
ไม่งั้นผู้ชายคนนั้นคงไม่ไว้ใจถึงขนาดให้เขาถือมีดเข้าไปใกล้ลำคอของตัวเองขนาดนั้นได้หรอก
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาทั้งๆที่หัวใจยังเต้นระรัว
ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่า......
เขากำลังหลงรักหัวหน้ารีไว....รักแบบหมดใจเหมือนที่ตัวเขาในอดีตเป็น....
รัก....ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นร่างกายจริงๆของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
ร่างกายลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าด้วยนัยน์ตาที่ยังเบิกขึ้นน้อยๆ....เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีรูปแบบความรักแบบนี้อยู่ด้วย...และไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
อย่างน้อยเขาก็ควรจะพิสูจน์ให้ได้ว่าอีกฝ่ายยังมีตัวตนอยู่จริงๆ
รับรู้และได้ยินสิ่งที่เขาพูดจริงๆ
ไม่ใช่ว่าในที่สุดแล้ว....สิ่งที่เขาหลงรักจะเป็นแค่อากาศธาตุที่ว่างเปล่า....
เป็นแค่จินตนาการของตัวเอง....
ใบหน้ามนนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามออกมาเบาๆ
“
หัวหน้า...คุณได้ยินผมใช่ไหม?...ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกผมที....ว่าการแปลงเป็นไททันคืออะไรครับ?”
แล้วภาพคุกใต้ดินที่ควรจะสะท้อนเข้าสู่ดวงตาก็กลับกลายเป็นลานดินที่ล้อมรอบเอาไว้ด้วยป่าที่น่าจะอยู่ไกลจากผู้คนพอสมควร....
รุ่นพี่สี่คนที่เขาเคยเห็นในภาพก่อนหน้านี้กำลังยืนล้อมบ่อน้ำด้วยท่าทางเตรียมพร้อม...ดูเหมือนจะมีการฝึกซ้อมอะไรสักอย่าง....
ตัวเขาก้าวขาคร่อมปากบ่อเอาไว้ก่อนจะหันหน้ามามองผู้ชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกล
หัวหน้ารีไวยังคงนิ่งเฉยโดยไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆและนั่นมันก็ทำให้ตัวเขาก้าวขาอีกข้างตามเข้าไปในบ่อก่อนจะกระโดดลงไป
ไม่มีเสียงน้ำสาดกระเซ็นเพราะว่าที่ก้นบ่อนั้นเป็นเพียงดินแข็งๆ ใบหน้ามนเงยมองท้องฟ้าที่ถูกปิดล้อมด้วยปากบ่อน้ำแคบๆ
นัยน์ตาสีมรกตเต็มไปด้วยแววตาแข็งกร้าวสมกับที่เป็นเขาซึ่งไม่เคยกลัวเกรงอะไรนอกจากผู้ชายร่างเล็กคนนั้น
มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาจ่อไว้ที่ริมฝีปาก และเมื่อมันถูกงับจนเลือดไหลนอง….
เปรี้ยง!!
เสียงราวกับระเบิดดังขึ้นพร้อมกับประกายไฟ
ร่างกายของเขารู้สึกร้อนราวกับเตาหลอม....
เสียงอิฐร่วงกราวดังอยู่ที่ปากบ่อ
ควันที่ลอยคละคลุ้งทำให้เขามองไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
จนกระทั่งกลุ่มควันค่อยๆจางลง....ตัวเขาที่ควรจะอยู่ในบ่อกลับหายไป....
แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนที่
เอเลน เยเกอร์ กลับกลายเป็นยักษ์ตัวมหึมา!!!
ตัวเขา....เป็นไททัน.....
นัยน์ตาของเขาที่เฝ้ามองอยู่ถึงกับเบิกกว้าง
หัวใจที่อยู่ภายในอกเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมา มันทั้งตื่นตระหนก
ทั้งตกใจที่รู้ว่าตัวเองในอดีตนั้นเคยเป็นอะไรมาก่อน แต่ท่ามกลางความตะลึงนั้นมันกลับมีเสียงเต้นเบาๆของสายใยอะไรบางอย่างที่ฝังอยู่ในร่างกายซึ่งราวกับจะตื่นขึ้นมา
และมันก็ทำให้รู้ว่าเรื่องราวที่รับรู้อยู่ตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริง
บางสิ่งบางอย่างในร่างกายของเขากำลังเรียกร้อง...ราวกับว่ากำลังถูกภาพตรงหน้าปลุกเร้า....
โหยหา....เรียกร้องให้กลับมา.....
เขารู้สึกได้ตั้งแต่ตอนที่เหยียบเข้ามาในอาณาบริเวณของปราสาทเป็นครั้งแรก.....ทว่า....ความรู้สึกมันทวีความรุนแรงขึ้น....เมื่อได้รับรู้ว่าตัวเขาเคยมีความเกี่ยวข้องกับไททันมาก่อน
เพราะปราสาทหลังนั้นมันให้ความรู้สึกเดียวกับไททันที่อยู่ตรงหน้า.....
และหัวหน้ารีไวก็คงจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับมันสักอย่าง....ถึงได้ควบคุมปราสาทหลังนั้นได้ดั่งใจ
เสียงกรรโชกที่ออกมาจากริมฝีปากที่อ้ากว้างทำให้เขาสะดุ้งน้อยๆก่อนที่จะหลุดออกมาจากภวังค์ นัยน์ตาจ้องมองภาพตรงหน้าพร้อมๆกับที่ขนลุกเกรียว....ทั้งๆที่เขามีสภาพแบบนี้แต่หัวหน้ารีไวกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยอย่างนั้นหรอ?
ทั้งๆที่รุ่นพี่สี่คนมีท่าทางที่ตื่นเกร็ง
มือทั้งสองข้างต่างถือใบมีดที่เป็นอาวุธของทหารเอาไว้ในท่าเตรียมพร้อม
แต่กระนั้น.....หัวหน้ารีไวกลับยังคงยืนจ้องมองมาที่ตัวเขาด้วยใบหน้านิ่งตามเดิม
เสียงกรรโชกยังคงดังออกมาจากใบหน้าที่ดูเหมือนจะคลุ้มคลั่ง
ควันร้อนๆพวยพุ่งออกมาจากปากที่กว้างแทบจะถึงใบหู
นัยน์ตาสีเขียวดุดันกลิ้งกรอกไปมาราวกับกำลังหาเหยื่อ
เป็นเพราะช่วงล่างติดอยู่ในบ่อทำให้มีเพียงแค่มือเท่านั้นที่ขยับได้
แล้วมันก็กำลังตวัดคว้าไปที่คนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
มันกำลังคว้าไปที่ลำตัวของหัวหน้ารีไว!!
“
หัวหน้า!!!”
เสียงตะโกนร้องอย่างตกใจดังมาจากรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ในขณะที่ทุกคนเตรียมจะพุ่งเข้ามาจัดการกับเขา
มือขนาดใหญ่ที่กำลังจะถึงตัวหัวหน้ารีไวกลับหยุดลง....
นัยน์ตานิ่งสนิทยังคงมองสวนกลับไปที่ใบหน้าของไททันซึ่งกำลังห้ามมือที่สั่นระริกของตัวเองไม่ให้ทำร้ายคนตรงหน้าตามที่สัญชาติญาณเรียกร้อง
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะเริ่มมีสติขึ้นมานิดหน่อย...
“
ดีมากเอเลน” ใบหน้านิ่งเฉยเงยมองหน้าของเขาที่สูงกว่ามาก
ทั้งๆที่มือขนาดใหญ่นั่นจะหลุดจากการควบคุมเมื่อไหร่ก็ได้แต่ร่างกะทัดรัดกลับไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
มือยักษ์ที่สั่นระริกขยับเข้าไปใกล้หัวหน้ารีไวมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก่อนที่มันจะได้ทำร้ายผู้ชายร่างเล็กตรงหน้า
มือยักษ์อีกข้างก็คว้าหมับไปที่ข้อมือของตนเองอย่างพยายามอย่างหนักที่จะห้ามมันให้ได้
“
โฮกกกกกกกก!!!!”
เสียงกรรโชกดังขึ้นมาก่อนที่ใบหน้าคลุ้มคลั่งจะเงยขึ้นฟ้า
ฝ่ามือทั้งสองข้างละจากหัวหน้ารีไวก่อนจะหันไปทำลายข้าวของที่อยู่อีกฝั่งอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก
ใบหน้านิ่งสนิทที่เฉยชามาตลอดกลับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“
วันนี้คงได้แค่นี้”
แล้วใบมีดก็ถูกชักออกมาก่อนที่อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติจะพาร่างเล็กแต่แข็งแกร่งลอยขึ้นไปยืนอยู่ที่ต้นคอของเขาที่กำลังคลุ้มคลั่ง.....คมมีดกรีดลงไปที่บริเวณหลังคอ
เนื้อถูกเฉือนออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะคว้าตัวเขาที่สลบไสลอยู่ข้างในให้หลุดจากร่างของไททัน.....ทำให้มันหยุดอาละวาดทันที
ท่อนแขนแข็งแรงหิ้วตัวเขากระโดดลงมาจากร่างไททันที่ควันลอยคลุ้ง
ใบหน้าที่ดูแหยงๆเหยียดมองตัวเขาที่เลอะเทอะไปด้วยเลือดเนื้อของไททันที่กำลังค่อยๆระเหยไป
“
เขรอะชะมัด....กลับไปคงต้องจับขัดซักหน่อย”
เสียงบ่นน้อยๆดังออกมาจากใบหน้าไม่สบอารมณ์....แต่กระนั้นเขากลับรับรู้ได้....ถึงความห่วงใยและความเชื่อใจที่หัวหน้ารีไวมีให้ตัวเขา....
คราวนี้เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อแตกพลั่ก
นัยน์ตาเบิกค้างมองห้องใต้ดินที่อับชื้นด้วยลมหายใจหอบหนัก มือที่ยกขึ้นกุมหัวใจยังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง
ถึงจะกลับมาอยู่ในโลกปัจจุบันแล้ว
แต่ภาพที่รับรู้กลับยังติดตา ร่างกายยังคงรู้สึกได้ถึงขนที่ลุกชัน
เขาเป็นไททัน....
และนอกเหนือจากนั้นยังมีความจริงอีกข้อที่พอจะยืนยันได้.....
หัวหน้ารีไว....
นี่แปลว่าคุณได้ยินและเข้าใจสิ่งที่ผมพูดกับคุณจริงๆ....ถึงได้ทำให้ผมเห็นภาพการแปลงเป็นไททันของตัวเอง....ตามที่ผมร้องขอ
ผมสื่อสารกับคุณได้....ตอนที่อยู่ในห้องนี้สินะ?
เพียงแต่คุณตอบผมไม่ได้....คุณจึงแทนคำพูดของคุณด้วยภาพในอดีตพวกนั้น....และบางที...คุณอาจจะสร้างภาพที่คุณไม่เคยเห็นไม่ได้
หัวหน้ารีไว....คุณยังอยู่ที่นี่แน่นอน....
เพียงแต่...อยู่ที่ไหนและในรูปแบบใดกันล่ะ
?
ทีสไลด์ขยับขึ้นลงจนทำให้เกิดเสียงที่คุ้นเคย
เขาเริ่มเอาแบบสเก็ตที่เคยไปวัดค่าต่างๆเอาไว้มาเขียนเป็นแบบสถาปัตยกรรมลงกระดาษไขให้เรียบร้อย
และด้วยความที่มีสิ่งค้างคาอยู่ในใจ
ยังมีสิ่งที่ต้องให้คิด....งานตรงหน้าจึงขยับไปอย่างรวดเร็วตามใจที่กำลังร้อนเป็นไฟ
เสียงทีสไลด์จึงลากถี่ขึ้นเรื่อยๆ
“
หนวกหูว้อย!! คนกำลังพักฟื้นหัดทำงานให้มันเบาๆหน่อยได้ไหมฟ๊ะ?!! แล้วแกจะรีบไปไหนเนี่ย? ยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบกำหนดไม่ใช่หรือไง?”
เสียงโวยวายดังมาจากร่างสูงยาวที่เพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาล
ให้ใบหน้ามนหันไปทำตาขวางใส่
เรื่องที่เคยลักหลับเขายังไม่ได้จัดการมันเลยนะ
อย่ามาหาเรื่องกวนประสาทกันตอนนี้จะได้ไหม!
“
คนที่ผิดมันแกนั่นแหละแจน! ถ้าหนวกหูนักก็ไสหัวไปนอนที่อื่น!” แล้วทีสไลด์ก็ยังคงขยับต่อไปโดยไม่สนใจคนเจ็บที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“
แกนี่มัน........สงสัยว่าชั้นชอบไปได้ยังไงวะเนี่ย?!” ท้ายประโยคดูเหมือนจะบ่นงึมงำกับตัวเอง
ก่อนที่ใบหน้าหงุดหงิดน้อยๆจะหันไปลงกับหนังสือเล่มหนาแทน
และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มนั้นเข้า
ในใจก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
อย่างน้อยก็อยากจะหาเครื่องยืนยัน....ว่าภาพพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเอง.....
“
นี่แจน! แกพอจะรู้บ้างหรือเปล่า
ว่ามนุษย์เราจัดการกับไททันให้หมดไปได้ยังไง?” เขาหยุดมือจากการเขียนแบบก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียงเดียวกับคนที่ยังถูกพันแผลเอาไว้ทั้งตัว
แรงยุบยวบทำให้ใบหน้าที่ก้มอ่านหนังสืออยู่ถึงกับสะบัดไปอีกทางด้วยสีระเรื่อ
“
หัดระวังตัวซะบ้างสิฟ๊ะ!”
เสียงบ่นเบาๆลอดออกมาจากใบหน้ายาว
“
อะไร?”
“
เปล่า! จะถามเรื่องไททันใช่ไหมล่ะ?!
ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็.....ทั้งๆที่บันทึกส่วนใหญ่จะเขียนไว้ละเอียดมาก
แต่กลับมีบันทึกเรื่องวิธีการที่มนุษย์เอาชนะไททันได้ยังไงเหลืออยู่น้อยมาก ราวกับว่ามันถูกปกปิดเอาไว้
ถูกทำลายหลักฐานส่วนใหญ่ไป...ด้วยฝีมือของคนที่น่าจะเป็นพวกชนชั้นสูง.....อันนี้ทางโบราณคดีคาดการเอานะ”
ใบหน้ายาวกลับมาจริงจังและดูสนุกสนานทุกครั้งที่ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับงานค้นคว้าของกองโบราณคดี
“
แต่มันก็ยังมีหลักฐานบางอย่างหลุดรอดมาและชี้ชัดว่า......มนุษย์ใช้ไททัน....จัดการกับไททันด้วยกันเอง” และเมื่อประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของร่างสูง
มันก็ทำให้เขาถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“
มีหลักฐานหลุดรอดมาว่า....ทีมสำรวจของกองทัพ....เคยเลี้ยงไททันในรูปแบบมนุษย์เอาไว้....”
คำยืนยันข้อนี้ทำให้ใบหน้าของเขาถึงกับนิ่งค้างไป
“
ชั้นก็รู้อยู่แค่นี้แหละ”
มันคือเรื่องจริง....ที่ว่าเขาคือไททันตัวนั้น.....และก็เคยถูกเลี้ยงดูมาโดยทีมสำรวจอย่างหัวหน้ารีไว
ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว.....
ภาพของบรรยากาศยามเย็นคือภาพที่หัวหน้ารีไวทำให้เขาเห็นในคืนนี้....
เสียงตอกตะปูดังอยู่บนหลังคาปราสาทที่ดูจะเงียบเหงายิ่งกว่าวันเก่าๆที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันตามลำพังโดยไม่มีอีกสี่คนอยู่ด้วย
ตัวเขาไต่บันไดขึ้นไปช้าๆโดยไม่ได้พึ่งพาอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ
แผ่นหลังคุ้นตาของหัวหน้ารีไวกำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงหน้า....ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังซ่อมหลังคากันอยู่
"
พักก่อนเถอะครับหัวหน้า...เย็นมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำต่อเถอะครับ"
เขาส่งขวดน้ำที่ถือติดมือขึ้นมาให้กับคนที่พยักหน้ารับ
ร่างโปร่งบางนั่งลงบนหลังคาช้าๆก่อนจะเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าสีส้ม
สายลมอ่อนๆพัดมาให้เส้นผมสีน้ำตาลพลิ้วไหวน้อยๆ น่าแปลก....ทั้งๆที่บรรยากาศน่าจะโรแมนติกแต่ความเศร้าหมองบางอย่างกลับครอบงำจิตใจของพวกเขาทั้งสองคนอยู่อย่างที่ดูก็รู้
คนที่เตี้ยกว่าทว่าแข็งแกร่งยังคงยืนกระดกขวดน้ำอยู่ใกล้ๆ
ก่อนที่ใบหน้าไม่สบอารมณ์จะกวาดมองไปทั่วหลังคา
"
สกปรกจริงๆเลยนะหลังคาพวกนี้"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าของเขาหัวเราะเบาๆ
"
ไม่ไหวนะครับหัวหน้า....อย่าคิดจะทำความสะอาดหลังคานี่เชียว
อยู่กันสองคนแบบนี้......ทำไม่ไหวหรอก......"
ท้ายประโยคกลับเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาและเศร้าหมอง คนที่ยืนอยู่นั่งลงมาข้างๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
"
ขอโทษนะครับหัวหน้า....." เขาก้มลงซบใบหน้าไปที่หัวเข่า....พอจะเดาได้ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่สี่คนที่เคยอยู่ด้วยกัน
ตัวเขาถึงได้ทำหน้าแบบนั้น
"
ผมสัญญา....ว่าผมจะฆ่าพวกมันให้หมด....นั่นคือความตั้งใจเดียวที่ผมมี" ฝ่ามือกำแน่นอย่างเจ็บแค้น
นัยน์ตาที่ดูอ่อนล้ากลับแข็งกร้าวขึ้นมาและคนที่นั่งอยู่เคียงข้างก็มีแววตาที่ไม่ได้ต่างกัน
เพราะว่ามีปณิธาน
มีความมุ่งมั่นในเรื่องเดียวกัน
มันเลยเป็นยิ่งกว่าแรงดึงดูดที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้
ทั้งความรัก
ทั้งหน้าที่.....พวกเขาต่างมีความรู้สึกที่ตรงกัน
พวกเขาจะฆ่าไททันให้หมด....ฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว....
เพื่อแก้แค้นให้พวกพ้องที่ตายจากไปเพราะพวกมัน....
แสงสีส้มสาดส่องเงาร่างของคนสองคนซึ่งนั่งอยู่บนหลังคา
ใบหน้าของทั้งคู่ต่างโน้มเข้าหากัน ก่อนที่จะนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นนานเท่าที่หัวใจจะถูกเยียวยาด้วยริมฝีปากของกันและกัน
ให้ความเศร้าหมองค่อยๆเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อที่จะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ตอนนั้น.....พวกเขาตั้งใจจะฆ่าไททันให้หมด...โดยไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่า
ถ้าไททันถูกกำจัดหมดไปแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อไป
พวกเขา....จะยังจำเป็นต่อโลกใบนี้อยู่อีกไหม?.....
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นช้าๆ
เมื่อสติถูกดึงกลับมาที่โลกปัจจุบัน.....
พอเห็นแบบนี้แล้วมันก็ยิ่งทำให้เขาอยากรู้อย่างจริงๆจังๆว่าหัวหน้ารีไวเป็นอะไรและอยู่ที่ไหนกันแน่.....อยากพบ
อยากเจอ อยากสัมผัส...
ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถาม....
แต่คำถามนี้ของเขากลับไม่เคยได้รับคำตอบ
หัวหน้ารีไวไม่เคยทำให้เขาเห็นภาพเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน....ราวกับว่า
หัวหน้ารีไวเองก็ไม่รู้....ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ทีสไลด์หยุดเคลื่อนไหวเมื่อผังชั้นใต้ดินที่เคยไปวัดเอาไว้ถูกเขียนใหม่จนเสร็จทั้งหมด
มือบางวางปากกาเขียนแบบลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งเหม่อลอย
ในใจยังคงคิดหาวิธีที่จะทำให้รู้ว่าหัวหน้ารีไวอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก
"
เสร็จแล้วหรอเอเลน?"
เสียงของอาร์มินดังมาจากด้านหลัง
"
อื้อ"
"
งั้นเอาผังชั้นหนึ่งกับชั้นสองของฉันกับซาช่าไปรวมไว้ที่เอเลนด้วยได้ไหม?" เสียงหัวเราะแหะแหะที่ดังตามมาทำให้เขาไม่ต้องเดาว่าเพราะอะไรอาร์มินถึงไม่อยากเก็บแบบเอาไว้กับตัวเอง....เพราะยัยซาช่ามีประวัติการทำน้ำลายเลอะกระดาษไขเป็นอันดับหนึ่งของชั้นปีเลยน่ะสิ
ไม่ว่าจะด้วยเผลอฟุบหลับลงไปบนโต๊ะจนน้ำลายยืดหรือไม่ก็กินอะไรเแล้วมันกระเด็นไปโดนนั่นแหละ
เขาพยักหน้าพรางยกมือขึ้นไปรับกระดาษไขที่มีผังของชั้นหนึ่งและชั้นสองมาวางลงบนโต๊ะ
และเพราะว่ามันถูกเขียนลงบนกระดาษไขจึงทำให้สามารถมองทะลุผ่านกันได้
นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
ร่างทั้งร่างนิ่งงันเมื่อมองเห็นกระดาษไขที่กำลังซ้อนกันอยู่ตรงหน้า
จู่ๆหัวใจก็เต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น....ภาพตรงหน้านั้นราวกับว่าเป็นจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เขากำลังตามหา
ฝ่ามือรีบเลื่อนผังทุกชั้นให้มันตรงกัน....แล้วขนก็ต้องลุกเกรียว.....
เมื่อผังของผนังโดยรอบอาคารทุกชั้นที่ควรจะตรงกันด้วยกฏของโครงสร้างอาคารแบบผนังรับน้ำหนัก....กลับมีบางส่วนของชั้นใต้ดินที่ขาดหายไป....
ทั้งๆที่เขากับมิคาสะก็วัดทุกห้องที่อยู่ใต้ดินนั่นอย่างละเอียดมากับมือ
แต่ผนังและห้องบางห้องที่ควรจะมีกลับหายไป...ราวกับว่ามันไม่ปรากฏบนแผนผัง....แต่มันต้องมีอยู่อย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นปราสาทหลังนี้จะตั้งอยู่ไม่ได้
ผนังส่วนที่หายไปนั้นมันมากพอที่จะทำให้ปราสาทถล่มลงมาได้เลย
ร่างโปร่งบางลุกพรวดพราดก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องท่ามกลางความตกใจของอาร์มินที่เรียกเอาไว้ไม่ทัน
สองขารีบก้าวลงมายังคุกใต้ดินด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ดีใจ.....
ไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลย....
ประตูห้องที่มาทุกคืนถูกเปิดออกเสียงดังเพราะไม่มีเวลาระวัง....ถึงแม้จะไม่รู้ว่าช่วงเวลากลางวันแบบนี้จะสามารถสื่อสารกับหัวหน้ารีไวได้หรือไม่
แต่เขาก็ร้อนใจพอที่จะไม่รอให้ถึงเวลากลางคืน
"
หัวหน้า! ได้ยินที่ผมพูดไหมครับ?!!" เขาตะโกนออกไปทั้งๆที่ยังหอบหายใจ
"
ผมคิดว่า....ร่างของคุณอาจจะอยู่ลึกลงไปมากกว่าชั้นใต้ดิน....แต่ว่ามันยังมีส่วนที่ผมเข้าไปไม่ได้อยู่....คุณพอจะรู้อะไรบ้างไหมครับ?...ถ้านึกอะไรออกช่วยบอกผมที!" เสียงตะโกนก้องไปทั่วห้องที่ว่างเปล่า
แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป
จนเขาได้แต่ใจเสีย....
นี่เขาไม่สามารถจะติดต่อหัวหน้ารีไวได้ในเวลากลางวันอย่างงั้นหรอ?
หรือว่าหัวหน้ารีไวก็จะไม่รู้อะไรเหมือนกัน....
ในขณะที่กำลังคอตกและคิดจะละจากไปเพื่อกลับมาใหม่ในเวลากลางคืน
จู่ๆสายลมที่ไม่ควรจะมาพัดอยู่ในนี้ก็วูบไหวผ่านตัวของเขาไป
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
คุณได้ยินเสียงของผมใช่ไหม?
ร่างกายที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องกลับเดินเข้าไปใกล้ๆเตียง....ถึงแม้จะไม่มีเสียงใดๆบอก...แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาทำอะไร....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เอเลน....นอนลงสิ.....
ชั้นจะทำให้นายได้เห็น....ภาพที่ชัดเจนที่สุดในหัวของชั้น
.
.
.
.
.
และมันอาจจะเป็นภาพสุดท้ายที่นายจะได้เห็น...
.
.
.
ภาพของวันนั้น...ที่นายหนีจากชั้นไป.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
เมื่อวันก่อนเห็นเพจ
Attack on Titan Only Event in Thailand ด้วยค่ะ *[ ]* น่าไปเนอะคะ
แบบว่าหันไปทางไหนก็จะมีแต่เอเลนและเอเลนและเอเลน ตรูว่ามันจะมีแต่รีไวซามะมากกว่านะ
กร๊ากกกกก ที่สำคัญคือ
ต้องเก็บเงินเก็บทองรอกันตั้งแต่วันนี้เบยค่ะ....ขนาดงานโอนลี่ที่ญี่ปุ่น ตรูอยู่เมืองไทยยังแทบจะหมดตัวไปกะเค้าด้วยเลยอ่ะ
= =" โดจินมันสะพรั่งมากกกกกกกกกก
นี่ก็เพิ่งจะผ่านสงคราม(?)มาค่ะ
คือแบบไอ้เล่มที่เล็งไว้ก็ยังไม่มา
ส่วนไอ้ที่มาแล้วก็หมดกันเป็นนาทีๆได้....จะรอไอ้นั่นไอ้นี่ก็จะหมดอีก....อร๊ากกกกก
*ล้มโต๊ะ* ก็เลยปล่อยไปตามยถากรรมละค่ะงานนี้ โฮววววว ใครได้สแกนมาขอปล้นต่อด้วยนะ
ซะงั้น
ส่วนฟิคเรื่องนี้...เหลืออีกแค่โค้งสุดท้ายแล้ว
>w< คิดว่าไม่น่าจะเกิน 8 ตอนนะคะ555
ก็....เอาใจช่วยให้คุณกวางมันได้เขียนคำว่า END ที่เถอะ
ปีนี้ผ่านไปครึ่งปีแล้วเพิ่งได้เขียนอยู่สองครั้งเอง โฮวววววว
ขอบคุณคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วๆๆและทุกๆการติดตามมากนะค้า ^ ^
เออใช่...ไปเจอ
จะพูดว่าไปเจอก็ไม่ถูก เอาเป็นว่านึกถึงแล้วกัน...ตอนที่แต่งฟิคตอนนี้อยู่นั่งฟังเพลง
ทุกสิ่ง ของวงพรู อยู่ค่ะ แบบ....ฟังแล้วอย่างอินอ่ะ TvT
อันนี้ไม่ได้สปอยด์นะ
แต่ว่าชอบท่อนนี้มากๆๆๆๆ
“
ก็เพราะทุกอย่างที่เธอเคยได้ทำ นั้นเปลี่ยนใจที่เคยบอบช้ำ ความอ่อนโยนทุกๆถ้อยคำ
คอยเติมและทำให้ความหวังของฉันกลับมา.....แม้โลกจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่....แม้ว่าความสดใสจะจางหาย...ถึงฉันจะต้องเจอแม้ความตาย....และจากนี้
ต่อจากนี้ จากวันนี้....”
แปะลิ้งค์ >> ทุกสิ่ง : วงพรู
เป็นความรู้สึกของเอเลนก่อนจะมาเกิดใหม่กับความรู้สึกของรีไวในช่วงที่เจอเอเลนอีกครั้ง
อร๊ากกกกก เพ้อ~~
งื้อออออ....แปะรูปเอเลนแล้วหนีดีก่า
>_<
หันก้นให้มี๊แบบนี้มีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่าก๊ะ
(ผลั๊วะ!!) ภาพเค้าออกจากสวยงาม เอ้อ..... จากอนิเมะตอนที่ 11 ค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
^ ^
อ้ากกกกกก
ตอบลบรอตอนต่อไป
555555++ ฟินสุดๆ
จู๋จี๋กันได้แม้ไม่เห็นหน้าค่าตา สุดยอดอ้าาาาาาาาาาาาา เฮย์โจวเมพขริงๆ..สมแล้วที่อายุเยอะ//โดนแข้งทอง
ตอบลบอา...ใกล้จบแว้วเหรอ....
งั้นก้ขอให้แฮปปี้กันเร็วๆนะเน้...อุตสารอเค้ามาตั้งพันปีแว้ววว
พยายามเข้าน้าเอเลน...เฮย์โจว...พี่กวาง ...........พยายามเข้านะครับ.
ชะ.....ดาตะเน้~~~~~~~~~~
อ๊ากกกกกก อ่านแล้วฟินสุดๆ
ตอบลบรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
พยายามนะคะ
ตอนนี้ติดฟิคนี้เข้าเต็มเปาอ่ะค่ะ 55 อ่านแล้วชอบมาก ๆๆๆ เข้าใจเลยความรู้สึกของคนรอ อร๊ายยย ~ ฟิน สู้ ๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้แต่งต่อ 55
ตอบลบ(ผีบล็อคโผล่ //ฮาาาาาาา)
ตอบลบอ่านตอนนี้แล้วอยากเมนท์สครีมมากๆค่ะ//
แค่คิดว่าเฮย์โจวเนี่ย ดูเป็นคนตรงๆดีนะคะ ที่แบบ จริงๆจะเลือกให้เอเลนเห็นแต่ด้านดีๆก็ได้แท้ๆ แต่กลับให้เอเลนเห็นด้านอื่นๆของตัวเองตั้งแต่แรกแบบนี้อ่ะ
ประมาณว่าไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเอาทีหลังรึเปล่านะ?
แต่เฮย์โจวหล่อออ //ละลายยย (ฮาาา)
ปล. เอเลนนี่ เอวบ๊างบางนะคะ //ขำ
ปล.(แอบบอก)ตอนแรกที่รู้ว่าวายะซังจะเขียนรีเอตอนอ่านดาวตก เล่นเอาเราแอบไปสครีมใส่ทวิตเลยล่ะค่ะ นักเขียนฟิคที่ปลื้มกับคู่ที่ชอบ //เพ้อออ (ฮาาา)
อ่านแล้วยิ้ม...
ตอบลบอ่านแล้วยิ้ม... ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม!!
ยิ้มจนแก้มแทบปริ (ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!)
ตอนที่ค้างมาจากตอนที่ 4 นึกๆ อยู่ว่ามันเป็นยังไง
สุดท้ายเอเลนก็หนีไม่พ้นอยู่ดีสินะ
ตอนนี้คงรักเข้าไปแล้วจริงๆ ♥
อยากให้ทั้งสองได้เจอกันเหลือเกิน แบบว่าเจอกันแบบเป็นๆ อะนะ *[]*
รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ สู้ๆ > <
อยากให้แต่งฟิคคู่นี้อีกเยอะๆ เลย
รีไวล์ x เอเลน สุดยอดดด ♥♥♥
โค้งสุดท้ายอยู่กนายอ้าาาาาาาา จาอาวตอนต่อปาย หนูจาอาวตอนต่อไป (ทุบโต๊ะเป็นเด็ก) // โดนเตะกลิ้ง
ตอบลบฮูเร่ ตอนนี้เสียน้ำตาไม่ถึง 20 หยดค่า โฮ่ๆๆ (มันเป็นเรื่องที่ควรจะหน้าดีใจไหมเนื่ย -_-;)
จะจบแบบไหนคะเนี่ย ไม่อยากให้เป็น Bad End เลย ไม่งั้นน้ำตาร่าวงเกิน 30 หยดแน่ๆ T^T ฮึก กระซิก กระซิก
สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^-^ ชอบมาก แต่งดีสุดๆ (อยากแต่งให้ได้แบบนี้บ้าง (ฮา) ตอนนี้ข้าน้อยนั่งแต่งๆคลำๆไปได้ 3 หน้ากระดาษแล้วลบทิ้งค่ะ 555 แล้วแต่งคู่นี้เรื่องใหม่แล้วลบทิ้งอีกชาตินี้คงไม่เสร็จ) บ่นยาวๆแล้ว นั่งปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ ^^ สนุกๆๆ
รีเอ บันไซ All เอเลน บันไซ เอเลนเคะนั้น สุดยอด!!!
มันโฮก ตอนนี้เอเลนได้เห็นแง่มุมต่างๆของเฮย์โจวมากขึ้นแล้วนะเนี่ย น่ารักวุ้ย
ตอบลบเหมือนจะเริ่มสื่อสารได้ตรงกันขึ้นมากเลยนะเนี่ย ลุ้นให้เจอรีไวเร็วๆนะเอเลน
ตอนต่อไป เราจะได้เห็นฉากสุดดราม่าาา
ดีนะสุดท้ายรีไวล์ก็ยังรักเอเลนอยู่
ตอบลบยังให้เอเลนเห็นภาพอยู่เรื่อยๆ เลย
แล้วตอนหน้าก็จะเป็นภาพสุดท้ายแล้ว
หลังๆ เริ่มไม่มีเอนซีล่ะ ว้อนแบบแปลกๆ
สนุกทุกตอนเลยเดี๋ยวอ่านตอนหกต่อ