Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง :
03
:
Attack on Titan Fanfiction AU
:
Levi x Eren
:
Dark Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ความรู้สึกวูบโหวงกับร่างกายที่ราวกับล่องลอยอยู่ในอากาศมันช่างทำให้รู้สึกสบาย
ยิ่งความอบอุ่นของอะไรบางอย่างที่แก้มแนบอยู่ยิ่งทำให้รู้สึกดีจนเผลอกดใบหน้าลงไปอีก
เหมือนจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ.....อยู่ไกลๆ.....
“
เอเลน.....”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบาๆทำเอาไม่อยากจะลืมตาตื่น
ไหล่สองข้างห่อตัวเองเข้าไปอีกก่อนจะเอนเข้าหาไออุ่นที่รู้สึกได้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ
“
เอเลน?”
เสียงเดิมเรียกซ้ำทำให้นัยน์ตาสีมรกตตัดสินใจเปิดขึ้นช้าๆ
ภาพตรงหน้ายังคงเบลอๆจนดูแทบไม่ออกว่าใครเป็นคนเรียกเขา
มีเพียงประกายสีทองของเส้นผมที่มองเห็นอยู่เลือนราง
“
เป็นไงบ้างเอเลน?”
เสียงนั้นยังคงพูดกับเขาต่อ
ดูเหมือนภาพที่เขาเห็นจะเป็นโลกปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นดวงตาที่อยากจะปิดลงจึงพยายามที่จะลืมขึ้นมา
จากความพร่าเลือนค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มองเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร
“
ไรเนอร์.....”
“
ใช่....นายเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ ฉันเลยอุ้มขึ้นมา”
....เป็นลม?....
และเมื่อเหลือบตามองสภาพของตัวเองก็พบว่า
ตอนนี้เขายังอยู่ในอ้อมแขนของไรเนอร์จริงๆ
ร่างสูงใหญ่กำลังอุ้มเขาเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทางสบายๆ
ความอบอุ่นที่ใบหน้าแนบอยู่ก็คือแผงอกของอีกฝ่ายนี่เอง
สองแขนแข็งแรงสอดอยู่ที่ใต้ขากับที่แผ่นหลัง
ร่างกายเปลือยเปล่าดูเหมือนจะมีเพียงผ้าสีขาวผืนใหญ่ห่อเอาไว้เท่านั้นเอง
.....แล้วทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในสภาพราวกับเจ้าหญิงแบบนี้ได้เนี่ย?
“
ปล่อยชั้นลงก็ได้ไรเนอร์ ชั้นเดินเองได้”
เสียงเซื่องๆทำให้ใบหน้าภายใต้กลุ่มผมสีทองก้มลงมามองด้วยรอยยิ้ม
“
ไม่ได้หรอก....ถ้าชั้นไม่พานายไปถึงห้องที่ใช้นอน มิคาสะคงดักฆ่าชั้นแน่” ใบหน้ามนยังคงเหม่อน้อยๆมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“
มิคาสะบอกว่าจะแบกนายขึ้นมาเอง....ถึงยัยนั่นจะแข็งแรงแค่ไหน แต่บันไดที่นี่มันก็ทั้งแคบทั้งชันขนาดนี้....อันตรายออกใช่ไหมล่ะ?....เพราะงั้นฉันเลยอุ้มนายขึ้นมาให้แทน” ใบหน้าเหนื่อยๆพยักหน้ารับก่อนจะอยู่นิ่งๆให้ร่างสูงใหญ่อุ้มไปแต่โดยดี
ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออก
ภาพในห้องน้ำนั่นยังคงชัดเจนอยู่ในหัว
เนื้อตัวยังรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของผู้ชายร่างเล็กคนนั้น....เพราะครั้งนี้ถูกดึงเข้าไปโดยมีความรู้สึกทางร่างกายไปด้วย
สิ่งที่ผู้ชายร่างเล็กคนนั้นทำกับตัวเขาในอดีตจึงแจ่มชัดบนร่างกายของเขาในตอนนี้เช่นกัน
ไรเนอร์วางเขาลงบนเตียงของห้องพักทหารห้องหนึ่งซึ่งตอนนี้มันถูกทำเป็นห้องนอนชั่วคราวของพวกเขา
มิคาสะที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าตรงรี่เข้ามาหาเมื่อเห็นว่าเขาลืมตาขึ้นมาแล้ว
"
เอเลน เป็นไงบ้าง?"
มือเย็นๆของหญิงสาวแนบลงมาตามใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล....มิคาสะก็ห่วงเขาเกินเหตุแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ
"
ปล่อยให้นอนพักซักหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันลงไปข้างล่างก่อนนะ
ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกล่ะ"
ร่างสูงใหญ่เดินหายออกไปจากประตู
เด็กสาวจึงนั่งคุกเข่าลงข้างเตียงก่อนจะมองหน้าเขาอย่างเป็นห่วง
"
ไม่เป็นไรหรอกน่า....ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ"
เขาเอ่ยบอกพรางพลิกตัวไปอีกทาง ไม่อยากให้มิคาสะเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของเขามากนัก
เพราะรู้ว่าเด็กสาวคงกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร
"
งั้นก็นอนเถอะ....ตั้งแต่มาถึงที่นี่หน้าเอเลนดูซีดๆตลอดเลยรู้ไหม"
ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้ใบหน้ามนแดงระเรื่อ
"
อื้อ....ขอบใจนะมิคาสะ"
เสียงงึมงำดังออกมาจากคนที่ยังขดตัวอยู่ในผ้าสีขาว จนเมื่อเสียงฝีเท้าเดินออกจากห้องไป
เขาถึงได้ค่อยๆคลายตัวออก
นัยน์ตาสีมรกตก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่ยังคงถูกผ้าห่อเอาไว้....ตามตัวไม่ได้มีรอยจูบหรือรอยกัดอะไรเหลืออยู่
ถึงแม้ว่าช่วงล่างจะยังรู้สึกถึงการถูกทำร้าย
ทว่าความรู้สึกเจ็บมันกลับไม่ได้ฝังลึกลงไปในร่างกาย
เป็นความรู้สึกราวกับว่าเจ็บแต่ก็ไม่ได้เจ็บ....
ร่างทั้งร่างขดตัวเข้าหากัน
หากหลับตาจะฝันถึงภาพพวกนั้นอีกหรือเปล่า
เรื่องผิดบาปแบบนี้....มันเกิดขึ้นกับเขาจริงๆอย่างนั้นหรอ?
การทดสอบไททันนั่นมันอะไรกัน...มันสำคัญถึงขนาดต้องทำกับเขาแบบนี้เลยหรอ?
หัวสมองรู้สึกหนักอึ้ง จนเปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆ
พร้อมๆกับสติที่ค่อยๆเข้าสู่นิทราไป
เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับท้องฟ้าสดใส
วันนี้พวกเขาจะได้เริ่มทำหน้าที่ของตัวเองเสียที
หลังจากที่เสียเวลาเมื่อวานไปทั้งวันกับการทำความสะอาดปราสาท
"
5 เมตร 30 เซ็นต์!" เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากโคนี่และซาช่าที่กำลังใช้ตลับเมตรยาววัดรอบฐานของปราสาท
คนนึงจับปลายด้านหนึ่ง ส่วนอีกคนก็จับปลายอีกด้านพร้อมกับอ่านตัวเลขให้ อาร์มินจดบันทึก
"
จากพื้นถึงใต้คาน 3 เมตร 10 เซ็นต์"
ส่วนอีกด้าน เบลทรูท ก็กำลังใช้ตลับเมตรสั้นวัดความสูงของอาคารในส่วนที่ยังใช้มือวัดได้
การวัดความสูงไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยจับเพราะงั้น จึงมีแอนนี่คอยจดบันทึกให้เพียงคนเดียว
ส่วนความสูงรวมของอาคารซึ่งไม่สามารถปีนขึ้นไปวัดได้ก็จะใช้การส่องกล้องเอา
ซึ่งมันเป็นหน้าที่เขากับไรเนอร์ แต่ก่อนที่จะทำอย่างนั้นการสเก็ตรูปร่างอาคารง่ายๆเอาไว้ใส่ตัวเลขที่วัดได้ก็สำคัญเช่นกัน
กระดานสเก็ตแผ่นเล็กถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของเขา
ก่อนที่มืออีกข้างจะใช้ดินสอสเก็ตรูปด้านอาคารเป็นลายเส้นง่ายๆลงไปบนกระดาษ
ได้ยินเสียงถ่ายภาพดังอยู่ไม่ไกล....ไรเนอร์คงกำลังใช้กล้องดิจิตัลธรรมดาเก็บภาพรายละเอียดของอาคารเอาไว้ใช้ดูประกอบเวลาเขียนแบบ
“
เอเลน!”
เสียงเรียกจากร่างสูงใหญ่ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง
“
หื๋อ?”
“
ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆประตูนั่นหน่อยสิ จะเทียบสเกลน่ะ” มือที่ถือกล้องอยู่ส่งสัญญาณให้เขาขยับไปทางขวา
การเทียบสเกลในภาพถ่ายก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
เพราะเมื่อกลับมาดูรูปอีกครั้งอย่างน้อยก็จะรู้ได้ว่า
จากพื้นถึงระดับลายใต้ประตูนั้นสูง 170 เซ็นต์.....ซึ่งก็คือความสูงของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ
“
อื้อ”
เขาเงยหน้ามองประตูหินก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อย่างไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะก้มลงสเก็ตภาพต่อ
เสียงถ่ายภาพยังคงดังต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
โดยที่เขาไม่ได้สนใจจะเงยหน้าขึ้นมาดู......ว่าไรเนอร์กำลังถ่ายอะไรอยู่กันแน่
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น......กลับอยู่ในสายตาของใครบางคน......ตลอดเวลา....
พอแดดเริ่มแรง
มนุษย์ที่มีช่วงชีวิตกลางวันสั้นกว่ากลางคืนอย่างพวกเขาต่างก็เข้ามาหลบแดดอยู่ที่โคนต้นแอปเปิลใหญ่ที่แผ่กิ่งไพศาล
ดูท่ามันจะมีอายุยืนนานพอๆกับปราสาทเลยก็เป็นได้
แบบสเก็ตที่มีตัวเลขกำกับไว้แล้วถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน
เพราะมันต้องถูกนำไปเขียนเป็นแบบเข้ามาตราส่วนอีกที
ซึ่งวิธีการนั้นจำเป็นต้องใช้โต๊ะดร๊าฟและเครื่องมือเขียนแบบที่อยู่ในปราสาท
ความจริงสมัยนี้แล้วการเขียนแบบสามารถทำได้ง่ายๆด้วยคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว
ไม่จำเป็นต้องแบกทั้งโต๊ะ ทั้งอุปกรณ์มากมายไปไหนมาไหนด้วยอีกแล้ว ทว่า อาจารย์ก็ยังสั่งมา
ว่าให้เขียนมันด้วยมือ
เงาร่างของใครบางคนนั่งลงมาข้างๆ
ท่าทางอยู่ไม่สุขทำให้รู้ว่าเป็นโคนี่
โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
"
พวกนายเริ่มส่องกล้องกันไปบ้างหรือยัง?" เพื่อนที่ขนาดตัวไม่ได้ต่างไปจากเขาเอ่ยถามขึ้นมาพรางหยิบกล้องดิจิตัลไปเปิดดู
"
ยังเลย...ไรเนอร์กำลังหาตำแหน่งตั้งกล้องระดับอยู่"
เขาตอบออกไปทั้งๆที่ยังก้มหน้าสเก็ตรูปด้านของปราสาทต่อไป
“
ไหงมีแต่รูปเอเลนฟ๊ะ? ไอ้เจ้าไรเนอร์!
เดี๋ยวก็โดนมิคาสะกระทืบตายหรอก” เสียงพูดดังมาจากคนข้างๆทำให้เขาเผลอยิ้มอย่างไม่คิดอะไร
“
บ้าน่ะ หมอนั่นให้ชั้นยืนเทียบสเกลต่างหาก”
“
อื้อ....ดีแล้วละที่แกเป็นคนแบบนี้ เอเลน”
“
ห๋า?” โคนี่พูดในขณะที่ก้มมองภาพในกล้องด้วยสายตาปลงๆ....เทียบสเกลยังไง?
ในเมื่อในรูปมันมีแต่นายคนเดียวเนี่ย เอเลน?
สายลมที่พัดเอื่อยเฉื่อยทำให้ร่างกายที่ยังรู้สึกเหนื่อยๆอยากจะหลับตาลงขึ้นมาทันที
บรรยากาศสบายๆทำให้มือที่กำลังสเก็ตภาพเริ่มขยับช้าลง
แผ่นหลังบางเอนแนบไปกับโคนต้นแอปเปิล ริมฝีปากขยับบอกคนข้างๆอย่างเคยชิน
เพราะมันเป็นคำพูดติดปากของเด็กถาปัดที่มักจะวูบไปได้ตลอดเวลา
"
โคนี่....ขอสิบนาที......."
แล้วก็สติจะค่อยๆหายไปพร้อมๆกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ.....
จากความว่างเปล่าจู่ๆกลับรู้สึกว่าภาพจางๆของแผ่นหลังมากมายค่อยๆชัดเจนขึ้นช้าๆราวกับหมอกควันที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างของมนุษย์นับร้อยเดินสวนกันไปมาอยู่ในย่านร้านตลาด
โดยมีเขาหยุดยืนนิ่งอยู่คนเดียว
จากเสื้อผ้าของคนที่เดินอยู่รอบกายทำให้รู้ได้ว่าเขาถูกทำให้เห็นภาพในอดีตอีกแล้ว
แต่คราวนี้เขาไม่ได้อยู่ภายในปราสาท
แต่กลับมาเดินอยู่ในย่านร้านตลาด
ฮูดสีเขียวถูกยกขึ้นมาคลุมหัวจนแทบจะมองไม่เห็นใบหน้า....นี่ตัวเขาไปทำอะไรไว้ถึงได้ดูจะต้องหลบๆซ่อนๆขนาดนี้......ที่ต้องถูกกักตัวอยู่ในปราสาทไร้ผู้คนบางทีอาจจะมีผลเกี่ยวเนื่องกัน...
“
เด็กคนนั้นไง...ที่ว่ากลายเป็นไททัน....ลูกชายฉันก็อยู่ในศาลทหารวันนั้นด้วย
บอกว่าไม่ผิดตัวแน่...” เสียงซุบซิบนั้นพุ่งเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน
ในเมื่อไม่ว่าจะเหลือบไปทางไหนสายตาที่มองมาล้วนเป็นสายตาหวาดผวาและไม่ไว้วางใจ
“
แล้วมันจะไม่จับพวกเรากินจริงๆหรอ?....ปล่อยให้เดินปะปนกับผู้คนแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆหรอ?”
“
นั่นสิ.....” อะไร?....มันเรื่องอะไรกัน?.....รู้แต่ว่ามันคงจะมีผลกระทบต่อจิตใจของตัวเขาไม่น้อย
เพราะ
เอเลน เยเกอร์ ในตอนนั้นได้แต่ยืนนิ่ง นัยน์ตาสั่นไหวไปกับคำพูดของคนอื่นๆ เขาที่อยู่ในร่างนั้นรู้ดีว่าขามันสั่นจนก้าวไม่ออกขนาดไหน
“
เฮ้ยเอเลน...” แต่แล้วจู่ๆมือแข็งแรงก็โอบไปรอบหัวของเขาก่อนจะดึงเข้าหาตัวเอง
นัยน์ตาที่เบิกกว้างของเขามองเห็นเพียงต้นคอของอีกฝ่ายเมื่อหัวยังคงถูกกดเอาไว้กับไหล่ของหัวหน้าทหารรีไว
หัวหน้า...กำลังปกป้องเขา?
“
กลับกันได้แล้ว”
เสียงแข็งๆเอ่ยออกไปโดยไม่ได้กลัวเกรงสายตาหวาดผวาที่มองมาจากรอบๆ
และเมื่อผู้คนเห็นว่าผู้ชายร่างเล็กคนนั้นเป็นใครก็ดูเหมือนจะเบาใจกันไปได้บ้าง
ก็ตราบใดที่เจ้าไททันอยู่กับทหารที่เก่งที่สุดในราชอาณาจักร....ต่อให้อาละวาดขึ้นมา
คนคนนั้นก็คงฆ่ามันได้ไม่ยาก.....
แม้จะมาถึงปราสาทเรียบร้อยแล้วแต่ใบหน้ามนก็ยังคงหม่นหมอง
เขาได้แต่มองตัวเองผ่านกระแสความคิดของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลที่ไหลผ่านเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว
ทั้งๆที่เป็นคนที่เกลียดไททันมากที่สุดแต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นไททันไปเสียเอง
ซ้ำยังต้องมาถูกสายตาที่ตัวเองเคยใช้มองสิ่งที่เกลียดเข้าไส้มองมาที่ตัวเองแบบนั้น...เป็นใครก็คงจะทำใจลำบาก.......
นี่เขาเคยเกลียดไททันมาก? แล้วยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันอีก?
ถึงได้ต้องมาอยู่ในปกครองของผู้ชายร่างเล็กคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นที่ไว้ใจจากคนทั่วไปไม่น้อย
“
เพ็ตโทร่า...เดี๋ยวฉันจะพาหมอนี่ไปหาฮันซี่”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกหญิงสาว
และเมื่อใบหน้าภายใต้ผมบ๊อบพยักหน้าและหายเข้าไปในตัวปราสาท
ข้อมือของเขาก็ถูกมือแข็งแรงข้างนั้นฉุดรั้งให้เดินตามไป
ก่อนจะมาหยุดลง....ที่ใต้ต้นแอปเปิลต้นใหญ่......
“
ไหนว่า....จะพาไปหาผู้บังคับหมู่ฮันซี่ไงล่ะครับ?” เสียงหงอยๆถามออกไป เพราะนึกว่าจะให้ไปทดสอบอะไรต่ออีก
ร่างกะทัดรัดไม่พูดอะไรแต่ทิ้งตัวนั่งลงไปที่โคนต้นแอปเปิล
แผ่นหลังได้รูปเอนพิงไปกับเปลือกไม้สีน้ำตาลเข้ม
ขาเรียวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหยียดยาวออกมาไขว้กันเอาไว้
ก่อนจะใช้ดวงตาแข็งกร้าวมองมาที่เขา
“
นั่งลงเอเลน” แล้วตัวเขาก็ทำตามคำสั่งอย่างไม่คิดจะขัดขืน
ร่างโปร่งบางนั่งลงไปไม่ไกลจากผู้เป็นหัวหน้า....ทว่า....
“
มานั่งตรงนี้” นัยน์ตาคมกริบบ่งบอกว่า
“ตรงนี้” ของหัวหน้ารีไว คือบนท่อนขาตน ไม่ใช่บนผืนหญ้า
“
?!!!.....” เขาผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเสหน้าหาตัวช่วย
และเมื่อหันกลับไปเห็นดวงตารีขวางของคนใจร้อน
เขาก็ต้องลอบถอนหายใจก่อนจะลุกไปหาอย่างเก้ๆกังๆ
เรียวขาที่ยังยู่ในกางเกงทหารและสายหนังก้าวข้ามท่อนขาแข็งแรงก่อนจะหย่อนตัวคร่อมลงไปช้าๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจอีกฝ่าย
มือของหัวหน้ารีไวจึงกระชากต้นแขนเขาจนหน้าเซถลาลงไปแทบจะชนกับใบหน้าของอีกฝ่าย
“
ช้า” ใบหน้าเรียบเฉยเอ่ยออกมาก่อนจะกดท้ายทอยของเขาลงไปรับจูบเอาแต่ใจ
เรียวลิ้นสอดใส่เข้ามาราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่คนที่อีกฝ่ายนึกจะทำอะไรก็ได้
จนบางทีเขาก็นึกโมโหตัวเองว่าทำไมไม่ต่อต้านอีกฝ่ายบ้าง....ต่อให้ชื่นชมยังไงมันก็ต้องมีขอบเขตบ้าง
“
หะ
หัวหน้า....คุณก็พิสูจน์ไปแล้วนี่ครับว่าผมไม่ได้กลายเป็นไททันเพราะความรู้สึกแบบนี้
แล้วยังจะต้องทดสอบอะไรอีกละครับ?”
สองมือยันแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพรางหอบหายใจ
ใบหน้าที่ละออกมาถึงกับร้อนผ่าว
“
หุบปาก! ฉันจะทดสอบอะไรมีหน้าที่ต้องบอกนายด้วยหรือไง?” ประโยคเอาแต่ใจนั่นมันช่างเข้ากับใบหน้าโหดๆได้เป็นอย่างดี
นัยน์ตารีขวางยังคงนิ่งเฉยทั้งๆที่ฝ่ามือกำลังเลื่อนลงไปปลดเข็มขัดของเขาจนได้ยินเสียง
“
ตะ แต่คนโดนทำมันผมนะครับ....อ่ะ...”
แล้วมือนั่นก็ล้วงเข้าไปบีบคลึงส่วนอ่อนไหวของเขาจนแทบจะห้ามเสียงครางไม่อยู่
จู่ๆก็จะถูกทำแบบนี้ทั้งๆที่เป็นกลางวันแสกๆแถมยังอยู่ในที่ที่ใครก็มองเห็นได้แบบนี้....
ใบหน้ามนจึงพยายามสกัดกั้นอารมณ์จนดูน่าสงสาร
เสียงครางอย่างทรมานในลำคอกลับทำให้อีกฝ่ายยิ้มที่มุมปาก ทั้งๆที่มือบางพยายามห้าม
ทว่าคนกระทำกลับไม่คิดที่จะหยุด
กางเกงถูกดึงลงไปแค่พอให้ความเป็นชายของอีกฝ่ายสอดใส่เข้ามาได้เท่านั้น
ถึงแม้ทุกอย่างจะดูฝืนๆ....ทว่า....สภาพที่ต้องหลบๆซ่อนๆรีบๆร้อนๆแบบนี้
กลับทำให้หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าที่เคยถูกทำมานั่นเสียอีก
สะโพกถูกมือแข็งแกร่งชักนำให้ขยับขึ้นลง
และเพียงไม่นานความต้องการก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกับความอุ่นวาบที่แผ่ซ่านเข้าไปในร่างกาย
ใบหน้ามนซบลงไปที่หัวไหล่แข็งแรงก่อนจะหอบหายใจ....ทำไมอีกฝ่ายถึงทำเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด.....
“
รู้ไหม....ว่าสิ่งที่ฉันทำกับนายเรียกว่าอะไร?...ตอบมา” นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างก่อนจะพยักหน้าอย่างอายๆ....หลังจากถูกทำเรื่องแบบนั้นเขาก็กลุ้มใจแทบตาย
คิดว่าความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นมันคือความวิปริต
จึงแอบไปหาตำราชั้นในสุดของห้องสมุดที่เรียกไม่ค่อยได้ว่าห้องสมุดของกองทหารทีมสำรวจมาอ่านดู....จึงได้รู้ว่าสิ่งที่หัวหน้ารีไวทำกับตนเองนั้นมันเรียกว่า.....
“
เซ็กซ์....”
ริมฝีปากบอกออกไปด้วยใบหน้าแดงเถือก
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างใต้
ใบหน้าของหัวหน้ารีไวขยับขึ้นมานัวเนียอยู่แถวๆซอกคอจนเขาเผลอห่อไหล่
ลมหายใจยังไม่ทันจะเข้าที่ดีด้วยซ้ำ เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยกระซิบออกมาเบาๆที่ข้างใบหู
“
เอเลน....จำเอาไว้...ว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะมีเซ็กซ์ได้....ไททันน่ะ....ทำไม่ได้หรอกนะ” นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง
ร่างทั้งร่างนิ่งค้างไปด้วยความอุ่นวาบที่แผ่ซ่านมาจากหัวใจ
หัวหน้ากำลังจะบอกว่าเขาเป็นเพียงแค่
“มนุษย์” คนหนึ่ง....ไม่ใช่ไททันอย่างที่ใครๆเค้าประณามกัน...
“
เอเลน.......”
“
เอเลน....เอเลน!....ตื่นได้แล้ว! สิบนาทีมาตั้งหลายรอบแล้วนะเฟ้ย!”
แรงเขย่าเบาๆไหวอยู่ที่ไหล่ทำให้นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ
“
หัวหน้า...รีไว....”
ริมฝีปากเผลอเอ่ยชื่อออกไปทั้งๆที่ดวงตายังคงพร่ามัว
“
ใครฟ๊ะ?!!” เสียงที่คุ้นหูของโคนี่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในภาพของอดีตอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่เห็นในคราวนี้มีทั้งเรื่องที่ยังไม่รู้จนอึดอัดใจกับสิ่งที่ทำให้ข้างในรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
ถึงแม้จะโหดร้ายและชอบใช้กำลัง
แต่ลึกๆในใจเขากลับเกลียดหัวหน้ารีไวไม่ลง
“
เอเลน! ตื่นยังเนี่ย?! ชั้นจะไปวัดผังอาคารกับยัยซาช่าต่อแล้วนะ!” โคนี่โบกมือไปมาตรงหน้า
เขาเพียงแค่พยักรับด้วยสายตาที่ยังดูงัวเงีย เพื่อนร่างเล็กลุกเดินจากไป
ที่ใต้ต้นแอปเปิลจึงเหลือเขาอยู่ตามลำพัง....คนอื่นๆก็คงแยกกันวัดอาคารตามที่ได้แบ่งงานกันไว้แล้วสินะ
“
พร้อมยังเอเลน?” ร่างสูงใหญ่เดินถือไม้วัดระดับเข้ามาหา
เขาเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะลุกตามไป
แสงแดดยามบ่ายยังคงร้อนแรงไม่เปลี่ยน
ต่อให้หน้าที่ของเขาจะมีแค่ยืนถือไม้วัดระดับกับจดบันทึกค่าที่ไรเนอร์ส่องกล้องแล้วบอกมา....ทว่า....ความร้อนก็มีแต่จะทำให้เหงื่อไหลจนแทบจะกลายเป็นสายน้ำ
ใบหน้ามนเงยมองพระอาทิตย์อย่างรู้สึกเคืองๆ
ก่อนจะก้มลงมาจดค่าที่ร่างสูงใหญ่ตะโกนบอกลงไปในภาพสเก็ตรูปด้านอาคารที่เขาเขียนขึ้นมา
แสงแสบตาทำให้ต้องมองกระดาษด้วยดวงตารีหยี๋
ก่อนที่เงาร่างของใครบางคนจะตกกระทบลงมา ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“..........?” ยังไม่ทันจะได้ถาม
มือใหญ่ๆของไรเนอร์ก็กดผ้าขนหนูชุ่มน้ำลงมาบนใบหน้าของเขา....
ความเย็นสบายทำให้เผลอเชิดหน้ารับก่อนจะหลับตาพริ้ม...
“
เย็นดีจังไรเนอร์”
มือบางก็ยังไม่ยอมละไปจากกระดาษและดินสอ
แต่ใบหน้ามนกลับซุกหน้าไปมาให้ฝ่ามือใหญ่จับผ้าขนหนูไว้ให้แบบนั้น
เสียงหัวเราะดังคละเคล้าไปกับบรรยากาศแห่งความสุข
ร่างสูงใหญ่ยังคงหยอกเย้าร่างโปร่งบางท่ามกลางแสงแดดสดใส
ท่าทางสนิทสนมของคนที่กินนอนอยู่ด้วยกันมาตลอด
3 ปีโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้สึก....
ว่ามันทำให้ใครบางคนไม่พอใจ.....
จู่ๆสายลมที่เคยเบาสบายกลับกลายเป็นแรงกระโชก
ใบไม้ปลิวว่อนเช่นเดียวกับกระดาษที่วางอยู่บนกระดานสเก็ต
มือบางมัวแต่ยกขึ้นมาป้องใบหน้าจากเส้นผมทำให้ไม่ทันจับกระดาษเอาไว้
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที....ความพยายามตลอดบ่ายที่ผ่านมาจึงปลิวขึ้นไปบนฟ้าเป็นที่เรียบร้อย
“
เหวอ!!!!” ร่างโปร่งพยายามกระโดดคว้าแผ่นกระดาษสเก็ตที่จดค่าระดับที่วัดได้เอาไว้
ทว่าก็ไม่ไวเท่าสายลมที่จู่ๆก็พัดมาโดยไม่รู้ตัวพวกนั้น
กระดาษลอยขึ้นไปติดค้างอยู่บนกันสาดหินหนาหนักที่ดูยังไงก็คงไม่มีวันหักลงมา
ใบหน้ามนได้แต่ยืนมองตาละห้อยอย่างไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อมันอยู่สูงเกินเอื้อมของเขาไป
“
สงสัยต้องปีนขึ้นไปเอา”
ไรเนอร์ยืนมองพรางประเมินความสูง เขาไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะดูแล้วไม่น่าจะมีอันตราย
จึงได้แต่ปล่อยให้ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้กันสาดที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปไม่น้อยทีเดียว
ฝ่าเท้าของไรเนอร์เหยียบขึ้นไปบนฐานหินของอาคารที่ลดหลั่นกันขึ้นไป
จนในที่สุดมือก็เอื้อมถึงกันสาด
ครึก!
เสียงแครกของอะไรบางอย่างดังก้องอยู่ในหัว
ทั้งๆที่ภาพตรงหน้าก็ไม่มีอะไร.....เสียงที่เขาได้ยินมันดังราวกับว่ามีส่วนหนึ่งของร่างกายที่หักไป
นัยน์ตานิ่งค้างอย่างสงสัยว่าหูเขาแว่วไปหรือว่าเกิดอะไรขึ้น....ทำไมถึงได้ยินเสียงราวกับกระดูกหรือไม่ก็อะไรบางอย่างในตัวหักแบบนี้....ทั้งๆที่มนุษย์ไม่น่าจะได้ยิน?
โครม!!!!!
แล้วเสียงราวกับฟ้าถล่มก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับหัวใจที่หล่นวูบ....เมื่อจู่ๆกันสาดที่ดูแข็งแรงราวกับเหล็กกล้ากลับพังทลายลงมาจนไม่เหลือชิ้นดี
“
ไรเนอร์!!!!”
เขาตะโกนออกไปพร้อมกับใบหน้าตื่นตะลึง
สองขารีบวิ่งเข้าไปหาคนที่ตกลงมาพร้อมๆกับกันสาดแล้วยังโดนหินก้อนใหญ่นั่นทับเอาไว้อีก
หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวว่าเพื่อนจะเป็นอะไรไป
“
ว๊าก!!”
เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นที่ด้านหลัง
เพราะเสียงที่ดังมากทำให้พวกโคนี่ที่อยู่ไม่ไกลวิ่งมาดู
“
ไรเนอร์!!”
มือของเขาแหวกซากกันสาดเข้าไปก่อนจะปัดเศษเล็กเศษน้อยที่พอทำได้ออก ในใจได้ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะไม่เป็นอะไร
และแล้วก็เห็นใบหน้าโชกเลือดของไรเนอร์จนได้
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมจู่ๆกันสาดนั่นถึงได้พังลงมา?
เขาไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องนี้อีก
สองมือช่วยกันดึงตัวร่างสูงใหญ่ออกมาจากใต้กองหิน ก่อนจะรีบหามส่งโรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไปไม่ใช่น้อย
กว่าเรื่องโกลาหลภายใต้ความเป็นความตายที่น่าหวาดหวั่นนั้นจะจบลง
พวกเขาก็แทบจะหมดแรงเมื่อกลับมาถึงปราสาทอีกครั้งตอนพลบค่ำพอดี
ยังโชคดีที่ไรเนอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บถึงชีวิตหรือต้องสูญเสียอวัยวะอะไรไป
ยังโชคดี.....ที่อีกฝ่ายยังมีลมหายใจ.....
เขานั่งหมดแรงอยู่ในห้องโถงของปราสาท
โคนี่เป็นคนไปนอนเฝ้าไรเนอร์อยู่ที่โรงพยาบาล
ปราสาทที่เงียบเชียบอยู่แล้วจึงยิ่งวังเวงหนักกว่าเก่า
สงสัยว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพวกเขาต้องระมัดระวังกันให้มากขึ้น
ตัวปราสาทเองก็เก่าแล้วมันอาจจะเกิดอุบัติเหตุอย่างวันนี้ขึ้นมาอีกก็ได้
อุบัติเหตุ?
จู่ๆก็ดันนึกถึงคำพูดของผู้ชายร่างเล็กคนนั้นขึ้นมา....
‘ เอเลน....จำเอาไว้นะ....ว่าอย่าให้ใครทำแบบนี้กับนายได้....ถ้าไม่ฟังละก็...จะไม่ได้มีแค่นายเท่านั้นที่จะโดนชั้นอัด....แต่คนที่ทำนายจะต้องตายด้วยมือชั้น’
ไม่จริงน่ะ......
ใบหน้ามนสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหัวเราะเบาๆ
เขากับไรเนอร์ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกันอยู่ซักหน่อย อีกอย่าง...
จริงอยู่ที่เขาถูกทำให้เห็นภาพอะไรต่อมิอะไรแต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ภาพในอดีต
ผู้ชายคนนั้นไม่สามารถมาทำอะไรเขาตราบเท่าที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้หรอก
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตาย....แล้วก็ยังอยู่ที่นี่
จะว่าไปก็ชักอยากจะรู้....ถึงจุดจบของเจ้าผู้ชายวายร้ายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเขาคนนั้น
บางที่เจ้าแจนอาจจะรู้ก็ได้?
“
แจน!!!” เสียงเรียกทำให้พงศาวดารโบราณในมือใหญ่ร่วงผล็อยลงไปเพราะความตกใจ
“
อะไรของแกวะเอเลน! อย่ามาทำให้ตกใจได้ไหมวะ!!” ใบหน้ายาวหันมาชี้หน้าด่าตามประสา
แต่ร่างโปร่งบางก็หาได้สนใจแล้วเดินตรงเข้าไปยิงคำถามใส่ทันที
“
มีบันทึกเอาไว้บ้างหรือเปล่า....ว่าหัวหน้าทหารที่ชื่อรีไว....ตายยังไง” ร่างสูงยาวชะงักไปนิดๆกับคำถามที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยซ้ำยังเป็นเรื่องที่คงไม่มีใครเค้าถามกันแบบนี้
“
ดูนายจะสนใจหัวหน้าทหารรีไวเสียจริงๆเลยนะ...เป็นไงล่ะ!
บอกแล้วว่าทีมสำรวจสมัยไททันน่ะเจ๋งจะตาย หลังจากนี้นายก็มาบูชาชุดทหารซะเอเลน” ถึงจะพูดจาน่าหมั่นไส้แต่ร่างสูงยาวก็กำลังค้นหาบันทึกที่อยู่ในหนังสือเล่มหนานั่นให้
“
เออน่ะ! ว่าไง?” ใบหน้ามนชะโงกเข้าไปราวกับจะช่วยหาจนหัวแทบจะชนกัน
และมันก็ทำให้อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย
“
เดี๋ยวนะ....อือ.....” ปลายนิ้วยาวไล่ไปตามหน้าสารบัญ
ก่อนจะพลิกกระดาษไปที่หน้านั้น ดวงตาไล่อ่านไปมาก่อนจะเอ่ยปากบอกเขาว่า
“
มีรายงานแค่ว่า หัวหน้าทหารรีไวหายสาบสูญไป....” แล้วคำพูดถัดมาก็ทำเอาเขาตัวชาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“
แม้แต่ศพก็หาไม่พบ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
ชะ!
ตรูว่าแล้วว่าเมื่อทอล์คของตอนที่สองว่าจะพูดเรื่องนี้ไปก็ลืม....ดราม่าซีดี ของ Kamiya
Hiroshi (Rivaille) x Kaji Yuki (Eren Jaeger) ค่ะ *w* มีคน(ชื่อบารินนี่ซัง)แปะลิ้งค์มาให้ แล้วมันแบบว่า ใช่มากกกกกกกอ่ะ!!
จริงๆมันคงเป็นดราม่าซีดีของนิยาย BL
สักเรื่องที่ทั้งสองคนนี้เค้าเคยพากย์ด้วยกันเอาไว้นั่นแหละ
แต่พอเอามาฟังพรางจิ้นตามว่ามันคือเสียงของ รีไวซามะกับเอเลน ตามเสียงนักพากย์แล้วมันก็ฟินมากกกกกกกกเลยอ่ะ!!! ไม่เชื่อลองฟังดูนะคะ อิอิ
(ปล.ใช้หูฟังแทนลำโพงก็ดีนะคะ
เพราะว่าเสียงครางของเอเลน(คาจิยูกิซัง)นี่ก็ใช่ย่อยนะ *q*) จิ้ม>> Kamiya Hiroshi (Rivaille) x Kaji Yuki (Eren Jaeger)
แว่วเสียงมาจากคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วว่า
“อย่าดองนะฮะพี่” อึก....เหมือนมีศรมาปักใจจึกๆ...จะ จะพยายามอย่างยิ่งเบยค่ะ
ฮ่าๆๆ ถ้ามีแววจะอู้จะดองเมื่อไหร่ก็ฝากล่อลวง(?)ด้วยแล้วกันนะค้า มันจะได้ไม่ลงไห
^
^””
เป็นคนเบื่อง่ายค่ะจริงๆแล้วน่ะ
แต่ถ้าทุ่มเททำอะไรซักอย่างก็จะทำอยู่นั่นเอง แต่ถ้าไม่สนใจต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่แลจริงๆอ่ะนะ
เรียกว่าหาความพอดีในตัวเองไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ทำอะไรตามอารมณ์มากถึงมากที่สุด รับปากอะไรก็ไม่ค่อยจะทำได้
^
^”” เพราะงั้นต้องกราบขออภัยหลายๆคนจริงๆค่ะ ที่ให้รอในหลายๆเรื่อง ^
^””
ส่วนฟิคตอนนี้อาจจะมีศัพท์เทคนิคทางสถาปัตยกรรมอยู่เล็กน้อย
จริงๆก็อยากจะเขียนรายละเอียดของการส่องกล้องมากกว่านี้อยู่หรอกนะ
ทว่า....ลืมไปแล้วอ่ะว่ามันใช้ยังไง =[ ]=!! คือตอนที่เรียนวิชานี้ก็ทำงานเป็นกลุ่มแบบนี้แหละค่ะ
เพราะงั้นก็จะแบ่งหน้าที่กันไป แล้วข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนส่องกล้องโดยตรงอ่ะนะ
จำได้ว่าเคยไปแจมส่องกะเค้าอยู่หน่อยๆเอง เลยลืมเกลี้ยงไปแล้วอ่ะ ตอนนั้นทำเมชเชอร์โบสถ์ของวัดโพธิ์ค่ะ(หลังวัดพระแก้วอ่ะ)
ค่าระดับที่ใช้เลยไม่เยอะเท่าพวกที่ทำเจดีย์ ส่องสองสามทีก็เรียบร้อยแล้วอ่ะ ^
^ ส่วนใหญ่ไปเน้นรายละเอียดภายในอาคารมากกว่า อย่างฐานพระ ประตู
หน้าต่าง(ถึงจะฟังดูธรรมดาๆแต่ถ้าคุ้นเคยกับประตูหน้าต่างของวัดใหญ่ๆในไทยแล้วจะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาเลย
ตรูต้องนั่งวัดนั่งแกะลายกระจังเอยอะไรต่อมิอะไรเอยทีละตัวเบยนะ
แบบที่เขียนก็ล้นโต๊ะดร๊าฟได้อีก = = A0 ได้อ่ะ)
ขอขอบคุณคอมเม้นต์และทุกการติดตามมากนะค้า
555 ไม่คิดว่าฟิคมึนงงปานนี้จะมีคนอ่านด้วยอ่ะ โฮววววว ขอบคุณค่ะ
เพราะงั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ เลยนั่งวางพล็อตเรื่องนี้จนจบแล้วค่ะ
ถ้าได้เขียนต่อจนถึงขั้นนั้น มันจะเป็นฟิคที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของข้าพเจ้าอีกเรื่องนึงเลย
555 (ถึงแม้คนอ่านอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ตาม กร๊ากกกก)
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
>w<
อ่านจบตอนนี้ ท่านรีไวล์โหดอ่ะ แตะเนื้อต้องตัวนิดหน่อยก็ไม่ได้
ตอบลบอเลนเหมือนมีคนหลงรักเยอะมาก. เนื้อหอมจริงๆนางเอก
สนุกและซ่อนเงื่อนชอบค่ะ
เฮย์โจวหึงโหดได้น่ากลัวจริงๆ = =""บรื้อ~~~~
ตอบลบงานนี้เฮียแกคงแทบเส้นเลือดในสมองแตกตายแน่...(ก็เล่นมีคนมาตามตอดเพียบเลยนี้น่า) กรั่กๆๆๆ
เท่าที่อ่านนี้มีแววว่าเฮียแกคงไปทุ่มทุนทำอะไรเพื่อให้ได้เจอเอเลนแน่ๆหวังว่าคงไม่ใช่แบบที่คิด...ไม่งั้นล่ะก็.............
คุก....คุก...คุก....คุก ...คุกเท่านั้นที่รออยู่จร้าาาาา~//โดนควงสว่านสับคอ
แอบขนลุกกับฉากจบตอนเลย..เฮย์โจวหายสาปสูญ หาศพไม่พบ =____=
ตอบลบเฮย์โจวหึงโหดนะคะ แต่อย่างว่า เอเลนเสน่ห์แรง ใครเป็นต้องตกหลุมรัก แอบตอดที่ละนิดทีละหน่อย >///<
ในอดีตเกิดเรื่องอะไรขึ้นหว่า...เอเลนถึงได้หนีเฮย์โจวไป ฉากที่เฮย์โจวแกเพ้อ
"ถ้าวันนั้นฉันบอกนายว่ารักสักคำ.....
เรื่องมันคงจะไม่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้....
นายคงจะไม่หนีฉันไป....."
เฮย์โจวมัวแต่ซึนรึไงค่าาาาาาาาาา ? O___0 เน้นภาษากายอย่างเดียว เอเลนเลยหนีเลย =____=;;;
รอติดตามนะค่า
อ่านมาก็เริ่มชักจะลุ้นมากขึ้นเเล้วอ่ะ
ตอบลบถ้าเฮย์โจวไม่ใช่ผะอี๋ แต่เล่นสำแดงอิทธิฤทธิ์ซะขนาดนี้ ก็น่ากลัวแล้วนะ
แต่ถ้าเฮย์โจวยังไม่ตาย ไม่กลายเป็นปู่ไปหรอกรึ ๕๕๕
มันน่าติดตามต่อมาก
หัวหน้ารีไวล์หึงโหดชะมัดเลย
ตอบลบแม้จะอยู่ชาตินี้ก็ยังโหดได้เรื่อยๆ
ถึงจะยังไม่ได้ทำร้ายเอเลนก็เหอะนะ
สงสารไรเนอร์ง่ะ แง้มๆ
อ่านมาสามตอน nc ทุกตอน
แล้วแต่ว่าจะเยอะจะน้อย
ชอบมากจริงๆ
ยิ่งถ้ามี sm เยอะๆ จะยิ่งฟินเวอร์
เฮยโจวหึงโหดไปไหมค่ะ โห เล่นเอาไรเนอร์เกือบตาย ชอบตอนเหตุการณ์ใต้ต้นแอปเปิ้ลค่ะ เฮยโจวเองก็ใส่ใจกับเอเลนมากๆ ถึงขั้นต้องปลอบขวัญกัน ณ ตอนนั้น เดี๋ยวนั้นเลย //ไม่ได้กลัวจะมีคนแอบดูเล้ย หรือเฮยโจวต้องการแบบนั้น?
ตอบลบ