Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง :
01
:
Attack on Titan Fanfiction AU
:
Levi x Eren
:
Dark Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
.
.
.
.
.
.
“
นี่เอเลน”
“
นายเกลียดฉันรึเปล่า.....”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คริสต์ศักราช
2012....
ปีที่เรื่องของไททันกลายเป็นเพียงหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ...อดีตที่ได้แต่อาศัยอยู่หลังกำแพงกลายเป็นแค่เรื่องราวเก่าๆที่ชนรุ่นหลังเอาไว้ศึกษาเพียงเท่านั้น
กว่าพันปีมาแล้วที่เรื่องของไททันจบลง....โดยมนุษย์เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
จะยังไงก็ช่างเถอะ....เขาไม่ได้สนใจเรื่องไททันอะไรนั่นสักหน่อย...ที่หวนนึกถึงชื่อซึ่งมีแต่ในตำราก็เพราะสายตาเหลือบไปเห็นหนังสือที่คนที่มาด้วยกันถืออยู่ก็เท่านั้นเอง
เพราะ
เอเลน เยเกอร์
เป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์....เรื่องที่สนใจจึงมีเพียงเรื่องของอาคารและสิ่งก่อสร้างเท่านั้นแหละ
นัยน์ตาสีมรกตละจากปกหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนหน้าตักของคนที่นั่งสัปหงกอยู่บนเบาะข้างๆ
ก่อนจะหันกลับมามองฝ่าสายฝนที่เริ่มจะหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ
จากเสียงดังเปาะแปะของหยดน้ำที่กระทบลงมาบนกระจกรถกลับกลายเป็นเสียงซ่าซ่าของห่าฝนที่จู่ๆก็ตกลงมา
ยิ่งทำให้การเดินทางล่าช้าขึ้นไปอีก
แล้วเมื่อไหร่จะไปถึงปราสาทโบราณ...เป้าหมายของงานครั้งนี้กันล่ะ?
ใบหน้ามนกวาดมองเหล่าคนที่ร่วมทางมาด้วยกันก่อนจะถอนหายใจ....เจ้าพวกนี้นี่ไม่รู้จักหวาดกลัวอะไรบ้างเลยหรือไงนะ
ถึงได้กล้าหลับเป็นตายกันขนาดนี้...
เป็นเรื่องปกติของนักศึกษาปีที่
3
ภาควิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมอย่างเขาที่ต้องเสียสละปิดเทอมฤดูร้อนให้กับวิชาเลือกที่บังคับลงอย่างวิชา
Measure Drawing....พูดง่ายๆก็คือวิชาจำลองแบบ....ด้วยการทำยังไงก็ได้ตั้งแต่ใช้ตลับเมตรวัดยันส่องกล้องให้อาคารเป้าหมายกลายมาเป็นแบบอยู่ในกระดาษอย่างถูกต้องตามต้นฉบับทุกประการนั่นแหละ
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าผ่าทำเอาร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก
แต่เปลือกตาของคนที่มาด้วยกันกลับยังไม่ยอมเปิดขึ้นมาเลยสักคน….หลับ...เหมือนโดนมนต์สะกด
นัยน์ตาสีมรกตจึงย้ายไปมองที่คนขับรถซึ่งเป็นเพียงคนเดียวนอกจากเขาที่ยังตื่นอยู่
รถที่เคยแล่นดีๆกลับจอดลงที่ข้างทาง มือที่เคยกุมพวงมาลัยกลับกางแผนที่ออกดู
หลงทางงั้นหรอ?
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ
ในเมื่อตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำ
ทั้งๆที่เมื่อเช้าท้องฟ้ายังสดใส แต่พอบ่ายอากาศกลับเปลี่ยนไปเป็นหลังมือ
เปลี่ยนไปราวกับจะต้อนรับใครสักคน...
แล้วมันก็เป็นการต้อนรับที่ดุดันน่าดู....
สายฝนยังคงเทลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
รถมินิบัสที่เคลื่อนตัวได้อย่างเชื่องช้าถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยป่าทึบ
แทนที่จะไปถึงปราสาทเก่าตั้งแต่ช่วงบ่ายก็กลายเป็นว่าล่าช้ากว่ากำหนดไปไม่น้อยทีเดียว....
ไฟหน้ารถสาดส่องไปที่ถนนขรุขระ
ก่อนจะกระทบกับกำแพงสูงลิ่วที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
นัยน์ตาสีมรกตเหลียวมองยามเมื่อรถวิ่งลอดใต้ประตูกำแพงมา.....ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นป้อมปราการสำคัญของมนุษย์....เป็นสิ่งที่คอยปกป้องเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเอาไว้
แต่บัดนี้กลับกลายเป็นแค่โบราณสถานที่มีไว้เพียงศึกษา
ใบหน้ามนแหงนมองสันกำแพงที่อยู่สูงลิบ....รู้สึกว่าคนในสมัยนั้นจะปีนขึ้นไปโดยใช้เครื่องมือที่ชื่อ
อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ....ที่มีแสดงเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์พร้อมกับชุดของทหาร
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อเผลอคิดไปว่า......ถ้าเขาต้องใส่ชุดแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไงนะ?
“
หึหึ.....”
พยายามกลั้นเสียงหัวเราะให้อยู่แต่ในลำคอ
ถ้าเขาไปพูดเรื่องนี้กับเจ้าคนที่ถือหนังสือประวัติศาสตร์มนุษยชาตินั่นอยู่คงโดนด่ากลับมาแน่...ข้อหาไปลบหลู่ชุดที่หมอนั่นบูชา
แต่ก็นั่นแหละ
เขารู้ประวัติศาสตร์มนุษย์เพียงแค่บทเรียนของชั้นมัธยมจะสอนให้
ไม่ได้ศึกษาลึกลงไปเหมือนเจ้าพวกคณะโบราณคดีที่มาด้วยกัน.....เพราะสำหรับเขา...การศึกษาประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมนั้นน่าสนใจกว่า
ครืนนนน.....
เสียงฟ้าร้องโหยหวนชวนขนลุก
ท้องฟ้าตอนนี้มืดครึ้มจนมองแทบไม่เห็นอะไร มีเพียงเสียงนกกระพือปีกโผบินออกไปให้ตกใจเล่น
กับบรรยากาศวังเวงน่ากลัว
ทั้งๆที่เมื่อครู่ตอนลอดผ่านกำแพงเข้ามายังมีบ้านเรือนแบบทิวดอร์อยู่เต็มสองข้างทาง
ถึงแม้จะเป็นเพียงเมืองร้างที่ถูกรักษาไว้ในฐานะโบราณสถานแต่ก็ยังมีกลิ่นอายของมนุษย์
ผิดกับถนนที่รถกำลังวิ่งอยู่ตอนนี้.....มันช่างเหมือนกับทางสู่แดนประหารไม่ก็สถานจองจำก็ไม่ปาน
ทั้งๆที่มันถูกบันทึกเอาไว้ว่าเป็นปราสาทซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการของทหารทีมสำรวจในสมัยไททันนั่นไม่ใช่หรือไงกัน
หรือมันยังมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนไปกว่านั้นอีก?
ใบหน้ามนสะบัดไปมา
ก่อนจะก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้งก่อนจะพบว่าเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว
เครื่องยนต์ค่อยๆผ่อนลงจนนิ่งสนิท
รถมินิบัสหยุดอยู่ที่ลานกว้างแห่งหนึ่งและเมื่อสายฟ้าฟาดลงมา
เปรี้ยง!!!
ปราสาทโบราณก็ปรากฏแก่สายตาท่ามกลางความมืดมิดทันที.....
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง
ร่างทั้งร่างถลาถอยไปจนชิดพนักพิงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว จู่ๆภาพที่มองเห็นก็ไม่ได้มีแต่ตัวปราสาท....แต่กลับมีภาพของอะไรบางอย่างวิ่งซ้อนทับไปทับมา...ทั้งแผ่นหลังของใครบางคน....ทั้งมือที่ยื่นมาให้....ทั้งร่างกายที่ต่อสู่ดิ้นรน....ทั้งใบหน้าที่มองลงมาราวกับว่าเขาไม่ใช่คน....ทั้งรอยยิ้ม....ทั้งภาพการพูดคุยกันธรรมดาๆจนไปถึงการฉุดกระชากลากถู.....ภาพสุดท้ายคือห้องห้องหนึ่ง......ซึ่งไม่มีแสงสว่างใดส่องถึง....
“
เอเลน.....”
เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหน....มันเป็นเสียงที่ผ่านกระดูกทั้งสามในรูหูเข้ามาหรือว่ามันดังอยู่ในสมอง.....
“
เอเลน......”
เป็นเสียงทุ้มต่ำที่ชวนให้ใจสงบแต่ก็ทำให้หวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
“
เอเลน........”
“
เอเลน...........”
“
เอเลน...!!!!”
ฝ่ามือที่ตบเบาๆลงมาบนใบหน้าพร้อมกับเสียงเรียกใกล้ๆทำให้นัยน์ตาที่เบิกกว้างหลุดออกมาจากภวังค์
ทั้งมือทั้งขายังคงชาวาบกับภาพที่รับรู้ เหงื่อเม็ดใหญ่ยังคงไหลลงมาตามขมับ
ก่อนที่สายตาจะจับเป็นภาพแห่งความเป็นจริง
“
เอเลน...เป็นไรหรือเปล่า? ยังง่วงอยู่หรอ?”
คนที่โบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าเขาคือ มิคาสะ แอคเกอร์แมน
ลูกพี่ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้างๆมาตลอดทาง ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานเมชเชอร์ในครั้งนี้เลย
เพราะเธอเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ด้วยความเป็นห่วงเขาเกินเหตุจึงบังคับตามมาด้วย เหมือนกับทุกทีที่ไม่ว่าเขาจะไปไหน
เธอก็จะไปด้วยตลอด
“
เหอะ...ขี้เซาแบบนี้จะไหวหรอแกน่ะ”
คำพูดกวนประสาทดังแว่วมาจากร่างสูงยาวเจ้าของหนังสือประวัติศาสตร์มนุษยชาติผู้บูชาชุดทหารสมัยไททันเป็นชีวิตจิตใจ....ไอ้คนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆนี่คือ
แจน กิลชูไตน์ นักศึกษาคณะโบราณคดีที่มาสำรวจด้วยกัน
ถึงเป้าหมายจะเป็นคนละอย่างกับพวกเขาแต่สถานที่ก็คือปราสาทเก่าแห่งนี้เหมือนกัน
“.............”
เขายังไม่มีแก่ใจจะเถียงด้วยจึงได้แต่นิ่งเงียบให้อีกฝ่ายคิดว่าเขายังสะลึมสะลือ
ทั้งๆที่ตลอดทางมายังไม่ได้หลับตาเลยสักงีบ
หรือว่าจะเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
เลยเห็นภาพหลอนที่คิดขึ้นมาเองแบบนั้น?
“
ลงกันเถอะเอเลน ถึงแล้วละ....”
เสียงนิ่งของมิคาสะเอ่ยบอก และตอนนี้คนทั้งคันรถก็กำลังขนของลงจากรถกันอยู่
“
เอเลน! จะให้ขนกล้องลงไปเลยไหม?” ร่างเล็กๆตะโกนถามมาจากทางหลังรถ อาร์มิน อัลเรลโต เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กและตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ด้วยกัน.....งานเมชเชอร์จะทำเป็นกลุ่มและแน่นอนว่าพวกเขาก็เลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกัน
“
เดี๋ยวฉันขนเอง”
เขาตะโกนตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กนั้นตัวแทบจะเท่าขาตั้งกล้องอยู่แล้ว มันเป็นกล้องสำหรับการทำรังวัด
เพราะงั้นจึงมีน้ำหนักพอสมควร แต่ในขณะที่กำลังจะลุกไป
กล้องก็ถูกคว้าไปอยู่บนไหล่ของร่างสูงใหญ่
“
ฉันจัดการเอง พวกนายขนกระดาษไปดีๆแล้วกัน ฝนเทลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ระวังเปียกด้วยล่ะ” ไรเนอร์
บราวน์
เพื่อนในกลุ่มผู้ใจดีราวกับพี่ใหญ่หันมาบอกก่อนจะยกกล้องลงจากรถไป
จริงอย่างที่ว่า
ฝนยังเทลงมาไม่หยุด
ตอนนี้เรื่องที่เขาต้องสนใจคือจะขนกระดาษไขลงไปยังไงไม่ให้เปียกมากกว่าจะมาสนใจภาพหลอนพวกนั้น
สองแขนโอบอุ้มม้วนกระดาษไขที่ใส่ซูมเอาไว้เป็นอย่างดี
ก่อนที่สายตาจะมองฝ่าสายฝนออกไปแล้วรีบวิ่งไปยังประตูทางเข้าปราสาท
ต่อให้ระยะทางจะสั้นแค่นี้
แต่ฝนเม็ดหนาก็ทำเอาเปียกมะล่อกมะแลก
พวกเขาเอาอุปกรณ์การเมชเชอร์และเขียนแบบไปกองรวมกันไว้ที่มุมหนึ่งของห้องโถง
ก่อนจะเดินไปสมทบกับพวกคณะโบราณคดีที่ไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรมากเท่าซึ่งกำลังปรึกษาหารือกันอยู่กลางห้องโถง
บรรยากาศข้างนอกว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว....ข้างในตัวปราสาทกลับวังเวงยิ่งกว่า....นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปรอบๆห้องโถงที่ไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆ
สมกับที่เป็นศูนย์บัญชาการทหาร...ผนังรับน้ำหนักที่เป็นหินก้อนซ้อนๆกันก็ไร้ซึ่งการฉาบเรียบใดๆทั้งสิ้น
ที่นี่จะเคยมีคนอาศัยอยู่ไหมนะ?
เพราะถ้าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้
คงจะหดหู่น่าดู
“
เท่าที่ฉันลองเดินลงไปดู รู้สึกว่าสำหรับคืนนี้มีเพียงสองที่ที่เราจะสามารถนอนได้” เสียงของแจนทำให้เขาหันกลับไปสนใจ เป็นเพราะสภาพอากาศไม่ดีทำให้การเดินทางล่าช้าซ้ำยังหลงอีก
กว่าจะมาถึงนี่ได้ก็เล่นเอาดึกดื่นจนไม่สามารถจะเก็บกวาดปราสาทที่ไม่มีคนใช้มานานจนสามารถนอนได้
เป็นเพราะอาคารด้านในกำแพงทั้งสามชั้นนั้นถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถาน
เพราะงั้นจึงไม่มีใครอาศัยอยู่ การเมชเชอร์ที่ปกติแล้วจะทำแบบไปเช้าเย็นกลับ
จึงต้องมาพักค้างแรมไปโดยปริยายถ้าเลือกที่จะทำเมชเชอร์อาคารในกลุ่มนี้
ก็นับว่ายังดี
ที่พวกคณะโบราณคดีก็สนใจที่จะทำรายงานเรื่องของอาคารนี้อยู่เหมือนกัน
ไม่งั้นมาแค่พวกเขาคงจะเหงาและวังเวงตาย
“
นั่นก็คือที่ห้องโถงนี้กับห้องโถงชั้นล่าง....เอาเป็นว่าพวกผู้หญิงให้นอนที่ห้องโถงนี้
ส่วนพวกผู้ชายลงไปนอนที่โถงข้างล่างก็แล้วกัน”
ใบหน้ายิ้มแห้งๆของเจ้าแจนดูเหมือนจะรู้อะไรอยู่พอสมควร
อย่างหมอนั่นคงจะศึกษาประวัติของปราสาทนี้มาไม่น้อย
แต่สำหรับเด็กถาปัดอย่างเขาก็พอจะเดาได้ไม่ยากละว่า...เพราะอะไรถึงไม่ให้พวกผู้หญิงลงไปนอนข้างล่างที่ดูมิดชิดกว่า
เพราะผังของใต้ปราสาท....ที่ไหนๆมันก็มีเพียงฟังชั่นเดียวเท่านั้น.....นั่นก็คือ
คุกใต้ดิน
“
เอเลน ฉันจะลงไปนอนกับนายด้วย”
มิคาสะหันมาบอกด้วยใบหน้านิ่ง ทำเอาเขาห้ามแทบไม่ทัน
“
จะได้ยังไงล่ะ?! เธอน่ะนอนข้างบนนี่แหละ!”
เขารีบบอกออกไปด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก....ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักหนา....เขาไม่ใช่เด็กๆแล้วแท้ๆนะ
“
แต่ว่า....”
“
อย่าดื้อน่ามิคาสะ”
เขาตัดบทพร้อมกับยกกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า
โดยทำเป็นไม่สนใจสายตาละห้อยนั่น....และมันก็คงจะมีแต่เขาคนเดียวในโลกที่กล้าทำแบบนี้กับหัวกะทิเข้าขั้นอัจฉริยะอย่างมิคาสะ
แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้หัวกะทิแค่เรื่องเรียน
แต่เรื่องกำลังกายก็เหนือกว่าผู้ชายหลายๆคนจนบางครั้งเขาก็รู้สึกอิจฉา
“
นอนซะ พรุ่งนี้เจอกัน”
เขาหันไปดึงผ้าพันคอของคนที่สูงไล่เลี่ยกัน แทนคำว่าราตรีสวัสดิ์
ก่อนจะก้าวขาลงบันไดมา
พวกเขายังไม่มีเวลาแม้แต่จะติดตั้งเครื่องปั่นไฟ
คืนนี้เลยต้องใช้ตะเกียงแทนไปก่อน
แสงสลัวๆที่วูบไหวกระทบผนังอยู่นั้นยิ่งทำให้น่ากลัว
ผนังทั้งสี่ด้านช่างทึบตันจนให้รู้สึกอึดอัด
ความชื้นที่มีมากกว่าข้างบนทำให้รู้สึกหนาวไปจนถึงไขสันหลัง ความวังเวงบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
ว่าที่นี่คือ คุกใต้ดิน
จากห้องโถงใหญ่ตรงนี้ยังมีทางแยกออกไปทั้งสี่ด้าน
คงจะเป็นทางไปห้องขังที่คงจะตั้งเรียงรายขนาบไปแน่ๆ
ถึงแม้ขนจะเริ่มลุกชันกับบรรยากาศน่ากลัวๆ
แต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลก็ทำให้เปลือกตาแทบจะปิดลงมาให้ได้
ประเป๋าถูกวางเอาไว้ง่ายๆ
แล้วก็ดูเหมือนกับว่าคนอื่นๆเองก็กำลังจะปิดตาลงอีกรอบแล้วเช่นกัน....ทั้งๆที่หลับมาตลอดทางเนี่ยนะ?
“
ห้ามนอนกรนนะเฟ้ย”
กระเป๋าใบใหญ่ถูกวางลงข้างๆก่อนที่ร่างของแจนจะนั่งตามลงมา....ว่าแต่นอนกรนนี่มันห้ามกันได้หรือไงน่ะ?
“
เสื้อเปียกไม่ใช่หรือไง? เอาไปผึ่งไว้สิ แค่นี้ก็ต้องให้บอก...ฮึ”
นัยน์ตาน่าหมั่นไส้มองมาที่เขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่รู้เขาไปทำอะไรให้นะ
เจ้าหมอนี่ถึงได้ชอบกวนประสาทเขาอยู่ร่ำไป...ก็แค่ความคิดไม่ค่อยตรงกันนิดหน่อยเอง...มั้ง?
มือขยับไปดึงคอเสื้อก่อนจะก้มลงไปดูแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่ามันเปียกอยู่จริงๆ
แจ็กเกตตัวนอกจึงถูกถอดออกไปเหลือแต่เสื้อยืดสีดำข้างในที่ไม่เปียกเท่านั้น
“
โทษทีอาร์มิน”
เอ่ยบอกคนที่ล้มตัวนอนลงอีกข้าง ก่อนจะพาดเสื้อลวกๆเอาไว้บนกระเป๋า
เสียงงึมงำเอ่ยออกมาจากใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองทำให้รู้ว่าเพื่อนร่างเล็กกำลังจะเข้าสู่นิทราอีกครั้ง
เขาเองก็ค่อยๆนอนลงไปบนพื้นหินที่เย็นเฉียบ
แต่ต่อให้สถานที่จะเลวร้ายขนาดไหน สำหรับเด็กถาปัดอย่างพวกเขาแล้ว
แค่มีเวลาให้นอน....ที่ไหนก็กลายเป็นสวรรค์ได้ทั้งนั้น
เปลือกตาจึงปิดลงได้ไม่ยาก....แล้วห้วงนิทราก็เวียนมาอีกครา
ถึงจะบอกว่าที่ไหนก็นอนได้ยังไง
แต่บางทีความอึดอัดก็ทำให้นอนไม่หลับได้เหมือนกัน!
ใบหน้ามนลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
ร่างกายเหมือนจะถูกรัดแน่นจนต้องยกสองมือขึ้นดันอะไรบางอย่างที่กอดเขาเอาไว้ออกไป.....
ไอ้คุณแจน....ทั้งๆที่สั่งเขาห้ามกรนแต่ตัวเองกลับนอนดิ้นมากอดเขาเอาไว้ราวกับเป็นหมอนข้างแบบนี้มันน่ายันติดผนังจริงๆ!
ใบหน้างอหงิกทั้งๆที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่น
ร่างโปร่งพลิกตัวหันตะแคงไปอีกข้าง....แต่ยังไม่ทันที่สติจะหายไป
ท่อนแขนใหญ่ก็พาดมาที่ลำตัวของเขาอีกครั้ง
แล้วมันก็ไม่ได้พาดเปล่าๆ
ในเมื่อร่างสูงยาวข้างหลังยังพยายามจะดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้เหมือนเดิม....เส้นที่ขมับกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย.....ชั้นไม่ใช่หมอนข้างของแกนะเฟ้ย!
ตุบ!!
ร่างยาวๆของคนที่ยังหลับน้ำลายยืดถูกยันไปชนผนังอีกฝั่ง
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางมึนๆ....ไม่ไหวแน่.....ขืนนอนอยู่ตรงนี้มีหวังไม่ได้หลับทั้งคืนแน่.....แค่ไม่ได้หลับซักงีบบนรถก็ทำเอาล้าขนาดนี้แล้ว
ถ้าคืนนี้ยังไม่ได้นอนอีก สงสัยว่าพรุ่งนี้คงได้เป็นซอมบี้ไปเมชเชอร์ปราสาทให้เข้ากับบรรยากาศผีสิงแน่นอน
สองแขนยันร่างกายให้ลุกขึ้นเดินโซเซ
แสงตะเกียงสลัวๆส่องเข้าไปในทางแยก ทั้งความง่วง
ทั้งร่างกายที่ถูกสั่งสอนมาจากวิชาชีพให้สามารถนอนได้ทุกที่
เพราะงั้นต่อให้จะเป็นคุกหรืออะไรเขาก็ไม่เกี่ยง
สองขาจึงเดินเข้าไปยังทางแยกช้าๆ
น่าแปลกที่ห้องขังทั้งสองข้างกลับไม่ได้มีลูกกรงเหล็กสนิมเขรอะอย่างที่คิดเอาไว้
แต่กลับเป็นเพียงห้องที่มีบานประตูธรรมดาๆ
เขาจึงเอื้อมมือออกไปเปิดประตูห้องห้องหนึ่งอย่างไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินเข้าไป
เป็นห้องที่กว้างพอสมควร....แล้วในห้องก็ไม่มีอะไรนอกจากเตียงที่ดูจะใหญ่ไปไหมนะ?...สำหรับนักโทษคนหนึ่ง
อีกทั้งที่หัวเตียงทั้งสองข้างยังคงมีโซ่เส้นใหญ่ถูกยึดเอาไว้
ที่ปลายโซ่มีห่วงหนังที่คงจะเอาไว้รัดข้อมือ....ถ้านี่เป็นห้องขัง....จะมีของแบบนี้เอาไว้ก็คงจะไม่แปลกอะไร
แล้วก็ใครจะสน....คนที่กำลังง่วงสุดขีดล้มตัวลงนอนบนเตียงที่คงจะเคยมีนักโทษไม่น้อยนอนรอคอยความตายอยู่บนนี้
ใบหน้ามนหลับตาลงทันทีที่หัวถึงพื้นเตียง
สติล่องลอยอยู่ระหว่างหลับกับตื่น
จนไม่แน่ใจว่าร่างกายยังทำงานอยู่แค่ไหน.....หู...ยังใช้งานจริงๆอยู่รึเปล่า?
เพราะเสียง.....ของใครบางคนที่ดังแว่วเข้ามา..............
ถึงแม้ว่าตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในปราสาทแห่งนี้
หูเขาก็เหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่างจากที่ไกลๆ
ทว่า....
มันกลับชัดเจนจนจับใจความได้......เมื่อเข้าใกล้ห้องห้องนี้........
เปลือกตาพยายามจะลืมขึ้นมาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะหนักกว่าที่คิด
ร่างทั้งร่างจึงได้แต่ทิ้งตัวอยู่บนเตียง
ปล่อยให้เสียงเหล่านั้นค่อยๆไหลเข้าไปในหู
“
เฮ้ย....รีบๆตอบมาซะทีสิไอ้หนู....สิ่งที่แกอยากทำคืออะไร?”
.......เสียง? เสียงใครกัน?.....มันเป็นเสียงผู้ชาย.....แล้วไอ้หนูที่ว่านั่น...ใครกัน?........
“
เรื่องดูแลเจ้านี่ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
.......กำลังพูด....เรื่องอะไรกัน?..............
“
ฉันไม่เชื่อใจไอ้เด็กนี่....ถ้ามันเกิดหักหลังหรืออาละวาด ฉันจะฆ่ามันทันที”
........แค่อาละวาด....ถึงกับต้องฆ่ากันเลยหรอ?......ใครกัน?
เด็กที่น่าสงสารคนนั้น........
“
ไม่มีใครเหมาะกับหน้าที่นี้เท่าฉันอีกแล้ว”
.......แล้ว
“ฉัน” ที่ว่านี่คือใครกัน?........
“
จะให้ผมนอนที่ไหนดีครับ?”
.......เสียง....ของเขาหรอ?..........
“
ห้องนอนของนายอยู่ชั้นใต้ดิน”
.......แล้วนี่ก็เสียง.....ของผู้ชายคนเมื่อกี้...?.....
“
ชั้นใต้ดิน....อีกแล้วหรอครับ...”
.......ทำไมเสียงฟังดูผิดหวัง.....เขา?......กำลังหวังอะไรอยู่?........
“
แน่นอน....นายควบคุมตัวของนายเองไม่ได้ เกิดนายกลายเป็นไททันตอนที่นายหลับขึ้นมา
เราจะได้ควบคุมตัวนายอยู่ที่ใต้ดินนั่น”
.........ไททัน?
นั่นมันไม่ใช่เรื่องในอดีตที่ผ่านมาเป็นพันปีแล้วหรอกหรอ?.............
"
หัวหน้า...อย่าครับ!
แล้วโซ่นี่มันอะไรกันครับ?!"
.........เสียงของเขา?....ที่ฟังดูร้อนลนราวกับกำลังหวาดหวั่นกับอะไรบางอย่างอยู่.....
"
หุบปาก!
ก็แค่ล่ามเอาไว้ตอนที่นายหลับ จะมีปัญหาอะไร?!"
.........เสียงของผู้ชายคนเมื่อกี้ที่ฟังดูขี้รำคาญ.....ตามมาด้วยเสียงกระทบกระทั่งและเสียงเหล็กลากไปตามพื้น.....โซ่?
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แล้วนี่มันคือความจริงหรือความฝัน?
เสียงของใคร?
แล้วทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่?
ที่นี่ที่ไหน?
ทำไม?
เพราะอะไร?
“
แฮ่ก.....แฮ่ก....แฮ่ก........”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงขึ้นมา
เหงื่อกาฬไหลท่วมใบหน้า ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง....เสียง....ที่ได้ยินอย่างไม่ปะติดปะต่อนั่นคืออะไร
ทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกชาวาบ
มือยกขึ้นมาหมายจะลูบหน้าลูบตา....คิดเพียงแค่ว่าคงจะเหนื่อยล้าเกินไปถึงได้ฝันแปลกๆ
ทว่า...
เสียงเคร้งคร้างที่ดังขึ้นใกล้ๆก็ทำให้นัยน์ตาเบิกกว้าง.....
เมื่อข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่ซึ่งถูกล่ามไว้กับหัวเตียง
ริมฝีปากได้แต่อ้าค้างกับภาพที่เห็น....นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นัยน์ตากวาดมองไปรอบกาย....เขายังอยู่ในห้องของคุกใต้ดินห้องเดิมไม่ผิดแน่
แต่ก่อนที่เขาจะหลับไป....ข้อมือทั้งสองข้างยังเป็นอิสระ
ดวงตาเบิกกว้างก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมอยู่.....แต่แทนที่มันจะเป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์....มันกลับกลายเป็นเสื้อเชิ้ตของชุดนอน....ทำไม?....นี่ไม่ใช่เสื้อของเขา?....แล้วมันมาอยู่บนร่างกายของเขาได้ยังไงและตั้งแต่เมื่อไหร่?
มีแต่คำถามลอยอยู่ในสมอง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะตัดสินใจตะโกนออกไป
“
มีใครอยู่ข้างนอกไหม?!!!”
แล้วก็มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา
“
อาร์มิน!!! แจน!!!.....ไรเนอร์!!!!”
ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันแต่ก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
“
........มิคาสะ!!!!!”
ริมฝีปากที่ตะโกนอยู่เม้มแน่น....แม้แต่เธอก็ยังไม่ยอมตอบฉันงั้นหรอ....แม้แต่มิคาสะก็ไม่ได้อยู่ที่นี่งั้นหรอ?
กึก......
และแล้วความเงียบก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงบางอย่าง
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยจังหวะที่ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นมั่นใจในตัวเองขนาดไหน
แอ้ด....
ประตูค่อยๆถูกเปิดออกช้าๆ
ให้เขาเงยหน้ามองผู้มาเยือนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ใครกัน?
จะเป็นใครที่ก้าวขาเข้ามากัน?
เรียวขาที่ก้าวพ้นประตูมานั้นเป็นของชายคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายขนาดกระทัดรัด....น่าจะเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย....ชายผู้มีใบหน้าติดจะเฉยชาแต่ดวงตารีขวางก็ทำให้ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี...ชายคนนั้นอยู่ในเครื่องแบบของทหารสมัยโบราณ
ถึงแม้จะไม่มีแจ็คเก็ตสีน้ำตาลสวมอยู่
แต่จากกางเกงสีขาวกับสายหนังที่รัดพันยึดกับเข็มขัดก็ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีชีวิตอยู่ในสมัยไททัน
ใครกัน?
ผู้ชายที่กำลังเดินตรงมาที่เขานี่คือใครกัน?
"
หัวหน้ารีไว....."
นัยน์ตาเบิกกว้างไปกับคำที่ริมฝีปากพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว....ไม่สิ....ไม่ใช่ไม่รู้ตัวแต่ปากมันขยับไปเองอย่างที่เขาควบคุมไม่ได้ต่างหาก
"
คุณ...มีอะไรหรือเปล่า?....ทำไมถึงเข้ามาในห้องนอนของผม...."
อีกแล้ว....ประโยคที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดนั่นกลับหลุดออกจากปากไป....ราวกับว่าคนที่ควบคุมร่างนี้อยู่จะไม่ใช่ตัวเขาอย่างนั้นแหละ
เหมือนกับเขาแค่ถูกดึงเข้ามารับรู้เรื่องราวในฐานะคนนอกก็เท่านั้น.....
คนที่ถูกเขาเรียกว่าหัวหน้ารีไวยังคงยืนค้ำหัวอยู่ข้างเตียงโดยไม่พูดอะไร
สองแขนยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ก่อนจะปรายตามองลงมาราวกับจะถามว่า.....จะเข้ามาแล้วมีปัญหาอะไร?....
"
นี่มันดึกแล้วนะครับ...."
ตัวเขาพูดออกไปพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย
เดี๋ยวนะ....เมื่อกี้ตัวเขาพูดว่าที่นี่คือห้องนอนของตัวเอง?.....ในคุกใต้ดินเนี่ยนะ?.....แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมเวลานอนยังต้องถูกล่ามเอาไว้แบบนี้อีก?
เขาเงยหน้ามองคนที่ยังคงยืนค้ำหัวทั้งๆที่ตัวเขายังคงก้มหน้าอยู่
ชายคนนี้ถูกเรียกว่าหัวหน้า....ดูจากชุดที่สวมอยู่เป็นไปได้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าทหาร....และรีไวก็คงจะเป็นชื่อ....
บทสนทนาที่ดูจะไร้ซึ่งความหวาดผวาที่ตัวเขาเอ่ยออกไปนั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ถูกลงโทษ
ไม่ได้ถูกกักขัง....แล้วถ้าอย่างนั้น....ทำไมเขาถึงได้เต็มใจที่จะถูกล่ามเอาไว้ในคุกใต้ดินแบบนี้?
ตกลงนี่มันความฝันหรือคืออะไรกันแน่?
และยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น
แรงยุบยวบของเตียงก็ทำให้ร่างกายเผลอขยับหนี....ดูท่าว่าตัวเขาจะคุ้นเคยกับการรับมือกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
"
จะไปไหนเอเลน?"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับแรงกระชากที่ข้อมือ ถึงจะเห็นว่าตัวเล็กกว่าทว่า
คนตรงหน้ากลับแรงเยอะกว่าที่คิด
ร่างทั้งร่างของเขาเซถลากลับไปหาอีกฝ่าย
ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างจะถูกกดลงกับเตียง เสียงเคร้งคร้างของโซ่ดังให้ได้ยิน
แต่มันก็ราวกับจะไปช่วยกระตุ้นรอยยิ้มของอีกฝ่ายให้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้านิ่งนั่น
"
ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่า....นอกจากความเจ็บปวดแล้ว....จะมีความรู้สึกอย่างอื่นที่จะกระตุ้นให้นายกลายเป็นไททันได้อีกหรือเปล่า?"
ถึงแม้ริมฝีปากจะยิ้มน้อยๆแต่ดวงตารีขวางกลับไม่ได้ยิ้มด้วยเลย
สองมือของเขาขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย....เล็กน้อยจริงๆเมื่อเทียบกับแรงมหาศาลที่กดลงมาที่ข้อมือ....เล็กน้อยจนเขารู้สึกหงุดหงิด....ว่าทำไมตัวเขาไม่ต่อต้านให้มันมากกว่านี้
ไม่ออกแรงให้มากกว่านี้
หรือว่าระหว่างตัวเขากับผู้ชายคนนี้มันจะมีอะไรมากกว่าที่คิด.....
ทั้งๆที่ถูกกระทำป่าเถื่อนด้วยแท้ๆ
ทั้งๆที่ถูกใบหน้าโหดๆนั่นจ้องมองมา....แต่กลับไม่รู้สึกเลยว่าตัวเขาจะรู้สึกกลัว
ถึงแม้หัวใจจะเต้นระรัวอยู่ก็ตาม....
"
หะ หัวหน้า.....ถ้าจะทดสอบก็ควรจะให้ผู้บังคับหมู่ฮันซี่อยู่ด้วยสิครับ" เขาเบี่ยงใบหน้าหลบคนที่กำลังโน้มตัวลงมา...ถึงจะพูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้.....แต่ดูท่าว่าตัวเขาในตอนนั้นจะไม่ประสีประสานัก
ถึงได้ไม่ตระหนักเลยว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร
แต่สำหรับสมัยนี้ที่โลกไร้พรมแดนด้วยอินเตอร์เนต....ทำให้เขารู้ว่าตัวเขากำลังจะถูกผู้ชายที่ตัวเล็กกว่านั่นจู่โจมอย่างแน่นอน
หนีสิ....หนีออกมา.....
"
เรื่องนี้นายห้ามบอกใคร...ไม่งั้นฉันจะอัดไม่เลี้ยงเลยคอยดู" กำลังข่มขู่อยู่งั้นหรอ?
แล้วทำไมตัวเขาถึงได้ไม่ต่อต้านอะไรเลย....ทำไม เอเลน เยเกอร์
ถึงไม่ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าหรือว่าแสดงท่าทางแค้นเคืองใจเมื่อเห็นอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรอย่างที่ตัวเขาไม่ว่าจะชาติไหนก็น่าจะเป็นแบบนั้นกันล่ะ?
อีกทางที่คิดได้ว่าทำไมเขาไม่ต่อต้าน...นั่นก็อาจจะเป็นเพราะ....ผู้ชายที่ชื่อรีไว....คือคนที่ตัวเขาชื่นชม?
ชื่นชมจนยอมให้ซ้อม....ชื่นชมจนยอมให้ทำอะไรก็ได้แบบนี้เลยน่ะหรอ?
หรือมันจะมีอะไรที่มากกว่านั้น?
ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกเมื่อลมร้อนๆเป่าลงมาที่ซอกคอ
โซ่ถูกดึงมาพันที่ข้อมือหลายต่อหลายรอบจนมันตึงแน่น....แล้วสองแขนก็ขยับไปไหนไม่ได้อีก....
“
คุณจะทำอะไรน่ะ?”
ตัวเขาถามออกไปด้วยท่าทางตกใจ เมื่อมือของอีกฝ่ายกระชากสาบเสื้อออกจากกัน
สองมือพยายามดึงโซ่ที่รู้ว่าไม่มีทางหลุดไปได้แน่แต่ก็ยังดึง เมื่อเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าสายตาเรียบเฉยนั้นช่างไม่น่าไว้วางใจ
ราวกับว่ามันน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าที่เคยเจอมา....
“
ก็บอกแล้วไง....ว่าจะทดสอบดูว่านอกจากความเจ็บปวดแล้ว....ความต้องการ....ยังจะทำให้นายกลายเป็นไททันได้หรือเปล่า?”
“
ตะ แต่ว่า....”
ดูเหมือนตัวเขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาเสียทีเดียว ในเมื่อเข้าใจความหมายของ
“ความต้องการ” ที่ว่า จนร่างกายเริ่มจะถอยหนี
“
อยู่นิ่งๆสิเอเลน” คนสั่งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
แต่ใครมันจะไปทำตามได้ในเมื่อรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง....ร่างกายจึงดิ้นรนหนักขึ้นจนมือที่พยายามจะแตะตามลำตัวของเขาทำไม่ได้ดั่งใจ
และยิ่งนานเข้าก็ดูเหมือนกับว่าใบหน้านิ่งๆนั่นจะยิ่งไม่พอใจ
“
บอกให้อยู่นิ่งๆไงไอ้เด็กนี่!”
ไม่ว่าเปล่าแต่เข่าหนักๆกลับซัดมาเต็มหน้าท้อง
“
อุก.....” จุกจนต้องงอตัวลงไป
ร่างกายเหมือนจะขยับไม่ไหวขึ้นมาทันที
หัวไหล่ถูกมือไม่ใหญ่แต่แข็งแรงกระชากกลับไปให้นอนหงาย....สายตาได้แต่มองการกระทำของผู้ชายร่างเล็กตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ....แบบนี้มันขืนใจกันชัดๆไม่ใช่หรือไง...แล้วทำไมคนแบบนี้ถึงยังถูกตัวเขาเรียกว่าหัวหน้า....ทำไมตัวเขาถึงไม่คิดที่จะแหกปากตะโกนร้องให้ใครมาช่วย?
กางเกงนอนถูกดึงลงไปตามแต่ใจของผู้กระทำ
สายตาของคนตรงหน้าจ้องมองลงมาราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร....สิ่งที่ทำลงไปก็เพียงแค่การทดสอบเรื่องของไททันอะไรนั่น
และมันก็ทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบชอบกล...
หัวใจ....ที่เพิ่งจะรู้สึกตรงกันเป็นครั้งแรก....ของเขากับตัวเขา
ร่างที่เกือบจะเปลือยเปล่านอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
มีเพียงใบหน้าและสายตาเท่านั้นที่ยังขยับไหว....ไม่น่าเชื่อว่าแค่เข่าทีเดียวจะทำเอาร่างกายแทบจะเป็นอัมพาตขนาดนี้
ปลายผ้าพันคอสีขาวระไปตามแผ่นอกเมื่อคนข้างบนโน้มตัวลงมากดริมฝีปากไปตามซอกคอ
แรงขบเม้มทำเอาต้องนิ่วหน้า
ก่อนจะหอบด้วยเสียงสั่นพร่าเมื่อริมฝีปากไปหยุดลงที่ยอดอก
“
หะ หัวหน้า....พะ พอเถอะครับ....บะ แบบนี้มัน.....” พยายามเอ่ยเสียงห้ามด้วยความเว้าวอน
ทว่าดวงตารีขวางที่มองเสยขึ้นมากลับไม่มีคำว่าจะหยุดเลยแม้แต่นิดเดียว
เพื่อการทดสอบ...ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ?
อีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง....ที่ต้องมาทำกับผู้ชายด้วยกัน....
“
อื้อ!!!”
ริมฝีปากพยายามเม้มแน่นเมื่อแกนกลางลำตัวถูกฝ่ามือสัมผัส
ยิ่งผสมกับความวาบหวามที่แผ่นอกยิ่งทำเอาร่างทั้งร่างแทบจะบิดเร่า เป็นความรัญจวนอย่างที่เด็กอย่างเขาไม่เคยรู้จัก
เสียงครางในลำคอยังดังต่อเนื่อง
เมื่อมือที่กอบกุมแกนกายของเขาอยู่เริ่มจะขยับมากขึ้น และมันก็ไม่น่าจะใช้เวลานานนักกับคนที่นับว่ายังบริสุทธิ์แบบเขา
ทว่า....
ผู้ชายร่างเล็กตรงหน้ากลับไม่ยอมปล่อยให้เขาไปง่ายๆ
เมื่อเกือบจะสุดปลายทาง....มือที่ขยับกลับหยุดลง
คนที่เหนือกว่ายันร่างกายขึ้นก่อนจะคุกเข่าคร่อมร่างของเขาเอาไว้.....แล้วก้มมองร่างกายที่กำลังสั่นระริกเพราะความต้องการด้วยสายตานิ่งเฉย
มองนัยน์ตาอ้อนวอนของเขา....มองความทรมานของเขา.....ราวกับว่านั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
ริมฝีปากบนใบหน้านิ่งยิ้มที่มุมปากก่อนจะแกล้งขยับหัวเข่าในกางเกงทหารสีขาวมาเสียดสีที่แกนกายสั่นระริก
และนั่นมันก็ทำให้เขาทนไม่ไหวจนต้องเปล่งเสียงครางออกไป
นัยน์ตาปิดลงไปกับความต้องการที่แทบจะล้นทะลัก หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน มือทั้งสองข้างก็พยายามดึงโซ่เพื่อให้มันเข้าใกล้ส่วนอ่อนไหวกลางลำตัว....ทำเองก็ได้ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะทำต่อ....แค่ขยับมือเลียนแบบมือคู่นั้นเขาก็น่าจะพอทำได้
ทว่า....โซ่กลับถูกดึงรั้งขึ้นไปด้วยมือของหัวหน้ารีไว....
“
หะ หัวหน้า....อ๊ะ....อ่า.....” เสียงสั่นพร่ากะจะเอ่ยอ้อนวอน
แต่หัวเข่าที่จงใจเสียดสีที่แกนกายก็ทำให้มันกลายเป็นเสียงคราง ร่างทั้งร่างหอบจนตัวโยน นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มมองไปที่คนด้านบนอย่างขอร้อง
แต่ใบหน้าที่ก้มมองลงมาก็เพียงแค่เลียริมฝีปากตัวเองก็จะโน้มตัวลงมาเลียที่ต้นคอเขา
ความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองยังคงค้างคาต่อไป
และมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แค่ครั้งเดียว....
เมื่อเขาเริ่มจะผ่อนลมหายใจได้
มือใจร้ายข้างนั้นก็จะกลับมาปลุกเร้าเขาอีก....และเมื่อจะถึงปลายทางมันก็หยุดลงอย่างจงใจ
ช่างเป็นผู้ชายที่ซาดิสสิ้นดี....
“
อ๊ะ...อ๊า!!!........ฮ่า...ฮ่า.....”
จนเวลาผ่านไปครึ่งค่อนคืนได้.....อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยเขาไปแต่โดยดี
ร่างทั้งร่างหอบฮั่ก....น้ำรักมากมายไหลเลอะฝ่ามือของอีกฝ่าย....นัยน์ตาสีมรกตแทบจะปิดลงทันทีเพราะความเหนื่อยอ่อน
แน่นอนว่าถ้าจะถูกทำอะไรต่อไปจากนี้....เขาคงไม่มีแรงจะต้านไหว....ทั้งร่างกายและจิตใจ
“
คืนนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน...”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อหัวของเขาซบลงบนไหล่ที่อยู่ต่ำกว่า
หมายความว่า.....มันจะยังมีคืนต่อไปอีกหรือยังไง?
แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงจะถามอะไรได้อีก.....
ก่อนที่นัยน์ตาจะปิดลง
เสียงทุ้มต่ำก็กระซิบอยู่ใกล้ๆใบหู
"
นี่เอเลน......"
"
นายเกลียดฉันรึเปล่า?"
นัยน์ตาที่กำลังหรี่ปรือจึงเปิดขึ้นมาน้อยๆ
ถึงจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากไหล่ของอีกฝ่าย แต่เขาก็ตั้งใจจะบอกให้คนใจร้ายได้รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบที่จะถูกทำแบบนี้
ทว่า....
ใบหน้ากลับส่ายช้าๆแทนคำตอบ….
เขาควบคุมมันไม่ได้.....
ตัวเขา....ไม่ได้เกลียดอีกฝ่าย….
ทั้งๆที่โดนทำขนาดนี้....
นัยน์ตาค่อยๆปิดลงก่อนที่สติจะหายไปกับห้วงนิทรา.....
แล้วมันก็กลับมาเบิกโพลงอีกครั้งเมื่อเขารู้สึกว่าเรื่องมันไม่ควรจะจบลงแค่นั้น!
ร่างกายลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
เหงื่อเกาะพราวไปทั่วใบหน้าจนรู้สึกได้ แต่เมื่อคิดจะขยับข้อมือเพื่อดึงโซ่
มันกลับมีเพียงอากาศที่พันธนาการอยู่
ไม่มี.....โซ่ไม่ได้มัดอยู่ที่ข้อมือเขาแล้ว?!!
และเมื่อก้มมองลงไปตามร่างกายที่น่าจะมีเครื่องหมายคิสมาร์คอยู่เต็มไปหมด....กลับไม่มีเลยแม้แต่จุดเดียว
ซ้ำตอนนี้เขายังใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์อีกด้วย
ฝัน......?
เรื่องเมื่อกี้มันคือฝันงั้นหรอ?
ร่างกายรีบลุกพรวดออกจากเตียงก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง
แล้วขาก็แทบทรุดลงไปกับพื้นเมื่อมายืนอยู่ตรงห้องโถงของชั้นใต้ดิน.....รู้สึกโล่งใจยังไงบอกไม่ถูก
เมื่อมองเห็นร่างสูงยาวของแจนยังคงนอนน้ำลายยืดอยู่ที่เดิม....
ก็แค่....ฝันไป........?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ดวงตาที่ปิดมานานแสนนานค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ
ธารน้ำแข็งก็ไม่อาจรักษาหัวใจที่เต็มไปด้วยไฟร้อนได้อีกต่อไป
.
.
.
.
.
.
“
นี่เอเลน”
“
นายเกลียดฉันรึเปล่า.....”
.
.
.
.
.
“
ถ้านายไม่ได้เกลียดฉัน....แล้วทำไมถึงได้หนีไปล่ะ?”
“
รู้บ้างไหม...ว่าโทษของการทำให้ฉันรอ....มันหนักหนาขนาดไหน.....”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
งะ
งงกันไหมคะ? กับฟิคสองโลกประหลาดๆเรื่องนี้ ฮืออออ
พยายามเขียนให้เข้าใจที่สุดแล้วนะ แต่ถ้ายังงงประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าค่ะ ตรูว่าน่าจะงงเรื่องที่ว่าฟิคเรื่องนี้มันโผล่มายังง๊ายยยยยมากกว่าไหม?!!!
มะ
ไม่ต้องห่วงค่ะ ฟิคประภาคาร ลงวันที่ 16 เดือนนี้แน่นอนค่ะ TT^TTv
เดี๋ยวก่อน....ก่อนจะเวิ่นไปไหนต่อไหน
ขอแฮปให้เจ้าของขวัญเค้าก่อน อิอิ
สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องการ
>w<
มีความสุขมากๆๆๆน้า
ขอให้เป็นปีที่ดีๆ เจอกับเรื่องดีๆ(เกรดเอๆด้วย ฮี่)
ขอให้สุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคไม่มีภัยมากล้ำกลายเลยนะคะ
จะได้มีแรงมาสครีมอะไรต่อมิอะไร(?)ด้วยกัน เหะเหะ
ส่วนของขวัญชิ้นนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกใจไหมอ่ะนะ เป็นฟิคไททันเรื่องแรก
เพราะงั้นถ้ายังมีอะไรแปลกๆก็ขออภัยล่วงหน้า แต่ถ้าชอบสักนิดดดด
คนแต่งก็ดีใจแล้วค่ะ >////<
คือนอกจากจะโดนใครบางคน(ชื่อM1)ล่อลวง(?)อยู่ทุกว๊านทุกวันแล้ว
ยังเห็นน้องการเกริ่นๆเอาไว้ว่าอยากอ่านรีเอ...โอเค...สายเดียวกัน
เพราะงั้น....จัดให้เบย555....ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะ 3P
โคกิโนะซาซา ตามที่เคยขอมาให้....แต่เกรงว่าจะไม่ทัน = =”
เพราะถ้าเป็นเรื่องนั้นอยากจะลงทีเดียวจบอ่ะนะ เลยเอาเรื่องนี้มาใส่กล่องแทน....ไม่ว่ากันน้า~~~
ส่วนฟิคเรื่องนี้.....ในห้อง
ที่แสงส่องไม่ถึง......มีเพลงแรงบันดาลใจด้วยนะเออ....จิ้ม>>Music Inspiration : ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง
ก็นั่นแหละ...ถ้าเข้าไปอ่านเอนทรีนั้นก็คงจะรู้ว่า
ข้าพเจ้าเป็นสาย All
Eren ถึงจะสครีมเฮย์โจวออกนอกหน้า
ทว่า...กลับชอบเอเลนมากสุดในเรื่องซะงั้น 555 ก็มันวีนน่ารักดีอ่ะ >w< เกรียนอยู่ดีๆพอเจอเฮย์โจวกลับตามเค้าต้อยๆเหมือนหมาน้อยซะงั้น
แล้วก็ต่อให้จะต่อยกับใครตายพอมิคาสะเข้ามาห้ามก็ฟังง่ายๆเลยอ่ะแถมชอบถูกปกป้องโดยไม่ค่อยจะรู้ตัวจากสาวเจ้าด้วยอ่ะ แล้วก็เวลาทะเลาะกับแจนมันก็น่ากรี๊ดอ่ะยิ่งเถียงกันก็ยิ่งรักกันนะโบราณเค้าว่าไว้555
แล้วก็ชอบความเป็นพี่ใหญ่ใจดีที่คอยดูแลเอเลนของไรเนอร์ด้วยอ่ะ.....สรุปเลยจิ้นแม่งตั้งแต่....รีไวเอเลน.....มิคาสะเอเลน.....แจนเอเลน....ยัน.....ไรเนอร์เอเลน
=[ ]=!!! ....ซักวันคงถูกโมเอะอย่างอาร์มินหลอกให้ตายใจแล้วจับกดเอาได้นะเอเลนถ้าอยู่กับตรูไปนานๆเนี่ย
>[ ]<
เพราะงั้นก็....ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจอีกเรื่องนะค้า
m(_
_)m ยังไม่รู้ว่าจะยาวแค่ไหนอ่ะเนอะ เพราะงั้นเลยใส่ S.fic ไว้ก่อน 5555 จริงๆยังไม่ได้วางพล็อตไปจนถึงตอนจบ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าพล็อตจะไปซ้ำกับใครบ้างหรือเปล่านะคะ
น้องM1ส่งฟิคคู่นี้มาให้อ่านหลายเรื่องเบย
แต่ยังไม่มีเวลาเข้าไปอ่านเลยอ่ะ ^ ^ เลยไม่รู้ว่าของคนอื่นเค้าแนวไหนกัน
ถ้าไปเหมือนของใครก็แจ้งได้ค่ะ เดี๋ยวเก๊าแก้ใหม่ ^ ^
ขอบคุณค่า....^ ^….
ณ ตอนแรกกะเอาไว้อ่านวันพรุ่งนี้ เริ่มง่วงกลัวอ่านไม่รู้เรื่อง แต่เพราะอะไรบ้างอย่าง ทำให้เราตื่นเต็มตา ถ้าไม่อ่านตอนนี้แล้วจะไปอ่านตอนไหนกันเล่า หึหึหึ
ตอบลบอ๊ากกกกก เอเลนเคะโพด ๆ น่าจับกดเสียจริง ๆ บางทีเริ่มเข้ใจว่าทำไมมิคาสะถึงอยากลงมานอนกับเอเลน เฮโจย์ก็แลดูสาย S มว๊ากๆ ชอบ
โดยส่วนตัวแล้วอ่านรู้เรื่องนะคะ ไม่งง บรรยากาสวังเวงๆตื่นเต้นดี
พี่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณมากๆ นะฮะ ขอบคุณจริงๆ T__________T ซึ้งหลายๆ
ตอบลบรีเอจงเจริญ!!!!
ไอ้การแพ้ทางแนวชาติภาพแบบนี้ซะด้วย โคตรชอบอ่ะ ยิ่งดาร์กแบบนี้อีก //กัดหมอนตะกุยจอ
เปิดเรื่องมานี่ดูเป็นแนวคอมเมดี้หน่อยๆ เหมือนฟ้าใสก่อนพายุกระหน่ำเลย พออ่านไปเรื่อยๆ อืม...จริงด้วย กระหน่ำมาแบบเต็มที่มาก
ฟังเพลงไปอ่านไปนี่ได้อารมณ์มาก ชอบมากๆ ฉากที่เอเลนเห็นปราสาทแล้วเห็นภาพซ้อน ได้ยินเสียงนู่นนี่นั่นอ่ะ เหมือนกับว่าจิตใต้สำนึกลึกๆ ของเอเลนยังจำได้ เหมือนกับว่าการที่เอเลนได้มาอยู่ที่นั่นในตอนนั้นคือเวลาที่เหมาะสมแล้ว คล้ายกับสลักกุญแจที่มันคลายเพราะถูกไขด้วยกุญแจถูกดอกยังไงยังงั้นอ่ะ
ในเสี้ยวนึงของวิญญาณเอเลนไม่เคยลืมตอนที่เป็นทีมสำรวจในสมัยก่อนเลย
ตอนที่นอนกันในคุกใต้ดินแล้วเอเลนโดนแจนลวนลาม(?)โดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเหมือนกับเป็นการปลุกยังไงไม่รู้แฮะ รู้สึกเหมือนอะไรหลายอย่างมันเป็นใจเหลือเกินให้เอเลนเดินไปที่ห้องนอนในคุกใต้ดินของอดีตทหารเอเลน เยเกอร์ เพื่อให้เอเลนได้เข้าไปเจอที่นั่น
อ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์มันคล้ายเรื่องบ่วงบรรจถรณ์ (อ๊ะ..เปล่าดักแก่น้า) เพียงแต่ว่าเอเลนไปแค่วิญญาณไม่ได้ทั้งร่างเหมือนนางเอกในเรื่องนั้น เหมือนกับการที่เอเลนนอนลงบนเตียงนั้นคือเวลาที่กุญแจมันสอดรับกับกลไกภายในทำให้ประตูเปิดออก
เฮย์โจววววววววววววววววววววววววววววววววว #อวดเฮย์โจวสุดตรีน
ออกมาแต่ละฉากนี่ทำให้จะกรี๊ด ในเรื่องนี้คาแร็กเตอร์เฮียแกดาร์กมาก ดูดาร์กจริงๆ ...โคตรชอบอ่ะ มีการมาแอบทดสอบตอนดึกๆ ด้วย คิดหวังอะไรอยู่ค้าเฮย์โจว อย่าแค่คิดแค่หวังสิ...ทำไปเลยยยยยย
พอๆ กลับมาต่อๆ
ที่เอเลนคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนกับว่าเป็นแขกรับเชิญให้มาดูในสิ่งที่ผ่านไปแล้วเท่านั้นเพื่อให้รู้ถึงอดีตของตน แต่ไม่ได้ให้โอกาสแก้ไขมัน ไม่ว่าอะไรจะพามาก็เถอะแต่ก็แค่ให้เอเลนเห็นว่าตัวเองกับรีไวล์เกี่ยวข้องกันยังไง ในฐานะอะไร
รีไวล์น่ากลัวนะ ในความรู้สึก ส่วน"เอเลน"ก็คงจะชินกับเฮียแกแล้วมั้ง เพราะไม่มีรีแอ็คชั่นอะไรเท่าไหร่ มีแต่เตรียมใจรับผลเท่านั้น
ฉากเรททำให้รู้ว่า...เฮย์โจวซาดิสม์มิใช่เล่น อันที่จริงมันก็ตั้งแต่เอาโซ่พันแล้วแหละนะ แต่ไอ้ที่แกล้งไม่ให้ถึงนี่โหดร้ายน้า แอบเสียดายที่เรทไม่ถึงที่สุด(?) แต่แค่นี้ก็เรียกเลือดแม่ยกให้สาดจอได้แล้ว
ปริศนาปนหลอนจริงๆ เรื่องนี้ แต่ชอบอ่ะ ไม่รู้สิ ไอ้การแพ้แบบนี้อ่ะ ชอบอ่ะ การที่เอาชาติภพมาเล่นนี่มันทำให้เห็นว่าผูกพันธ์กันมานานมาก อันนี้ไม่เชิงชาติภพแต่มันคล้ายกับมิติเวลามันดันมาทับซ้อนตรงกันพอดี บวกกับเป็นสถานที่เดียวกันที่เกิดเหตุการณ์นั้นด้วยล่ะมั้ง
ให้ตายสิ พูดไม่ถูก แต่บอกได้อย่างเดียวว่าโคตรชอบ รอตอนต่อไปน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา จุบุ จุบุ
เข้ามาสครีม พี่กวางค้าาาาาาาา!!! การล่อลวงของเก๊าสัมฤทธิ์ผล =[]= (โดนตรบ) 5555+
ตอบลบเก๊าไม่ได้ตั้งใจจะล่อลวงพี่กวางนะ แบบว่าคู่รีเอเลนมันมีโมเมนต์ให้พี่กวางร่วมโฮกบ่อยๆอ้ะ
จนตกใจที่สุดตอนพี่กวางเปิดตัวฟิคไททันออกมา อินี่ตาเหลือกเป็นไข่ห่าน(?) อยากจะบอกว่าพล็อตนี้โดนจัย m1 มากค่า แบบลุงรีไวล์หลอนมาก รอเอเลนมาตั้งพันปีเชียว ทำอะไรยังไงทำไมเอเลนต้องหนี!!(เพราะเฮย์โจว s เข้าเส้น)
ชอบอ้ะแบบโลกนี้ไม่มีความบังเอิญ มีแต่ชะตากรรมถึงได้มาพบกัน ต่อให้ผ่านไปพันกว่าปีแล้วก็ตามไรงี้ แถมเวลาเอเลน recall ความทรงจำของตัวเอง มันเป็นอะไรที่น่าโฮกสุดๆอ้ะ
อินี่ชอบดาร์คดราม่าค่ะ หุหุหุ =.,=
ปล. เพื่อนที่ว่าจะหัวใจวาย(?) หันมากระชากคอเก๊าแล้วบอกว่า "เป็นเพราะแกร๊ พวกฉานยังรอคอยหิมะฯอยู่นะ" m1 "แอ้กกกกกก" =[]=
อรั้ยย
ตอบลบเข้ามาอ่านเพราะในที่สุดก็ได้ฤกษ์เบิ่งไททันสักทีหลังจากงานหล่นทับทั้งงานราชและงานหลวง ฮุฮุ
โฮกฮาก ๆ ชอบอ๊าา
แจน ที่นายนอนดิ้นไปกอดหนูเอเลนน่ะ เพราะความต้องการเบื้องลึกใช่มั๊ย ฮุฮุ
แต่คนนั้นน่ะ มีเจ้าของแล้วนะ รอเค้ามานานแล้วด้วย ฝันไปเถอะย่ะ!!! 555
รีไวล์ดาร์กจิตมาก แต่อย่างนี้แหล่ะที่ชอบ ><
หนูเข้าใจนะกับเนื้อเรื่องแบบนี้ ชอบมาก
เป็นอะไรที่น่าติดตาม น่าค้นหา ใครแต่งหนออ ช่างเมพจริง ๆ 555
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง อรั้ยยย (((>_<))) //จะมีครั้งไหนมั๊ยที่รีดเดอร์ตัวนี้จะไม่ให้สู้เนี่ย
กระโดดเข้ามาอ่านเพราะหาเรื่องไม่อยากอ่านหนังสือสอบ
ตอบลบแล้วช่วงนี้กระแสไททันมันแรงไง ไอ้เราก็ฟินคู่เฮย์โจวเอเลนมาตั้งกะมังงะแล้ว
แบบไม่ไหวนะ อารมณ์อยากอ่านฟิค
สำหรับเรื่องนี้ตอนแรกเห็นว่าAUก็กะจะไม่อ่านนะเพราะไม่ค่อยอ่านAUเท่าไรแบบมันไม่ฟิน แต่สำหรับเรื่องนี้เราลองเลื่อนๆอ่านดู เจอประโยคอินโทร นายเกลียดฉันรึเปล่าเนี่ย บอกตรงๆ เฮ้ยย ประโยคนี้มันโดนว่ะ แล้วพออ่านไปเรื่อยมันก็ติด แบบว่าชอบวิธีการบรรยาย ดำเนินเรื่องมากอ่ะ มีบรรยายบรรยากาศด้วย ไม่เยอะไม่น้อย แล้วก็เริ่มสนุกมากที่เริ่มขนขบวนกันออกมาเกือบหมด มิคาสะก็มา แต่พี่เทพยังไม่ออก แต่พอมีคุกใต้ดินเท่านั้นเริ่มจิ้นไปไกล สรุปนี่มันจะว่าย้อนยุคมันก็ไม่ใช่อ่ะ จะว่ากลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่รู้ แล้วยิ่งตอนจะจบเฮย์โจวรออะไร อย่าบอกนะว่าพี่ท่านเป็นผีรอรักเนี่ย เหวออ ติดตามขอรับ อ่านแล้วติดอย่างแรง
เฮย์โจวเอเลน บันไซ!!!!
อ่านแล้วไม่งงนะงับสำหรับตอนแรก
ตอบลบภาษาสวยและอ่านเข้าใจง่ายดีมากๆ
ส่วนตัวแล้วชอบเรื่องนี้อยู่แล้วจากในเมะ
เพราะเอเลนมันน่ารักน่าฟัด เฮย์โจวก้อ s ได้อีกเยอะ
ส่วนฉาก nc ก็ ok เลยค่ะถึงจะยังไม่เยอะมาก
เพราะเฮย์โจวแค่แกล้งหยอกเท่านั้น
แต่โดนเข่าไปหนึ่งดอก เจ็บจี๊ดดดดดด
พึ่งอ่านไปแค่ตอนนี้ตอนแรก แต่รู้สึกสงสารเฮย์โจว
เพราะเป็นผีเฝ้าปราสาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กลัวว่าจะไม่ได้คู่กันในโลกจริง
และสงสารเอเลนด้วยอ่ะถ้าตอนนั้นมาถึง
อยากให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ่งมว๊ากกกกก
จะติดตามต่อนะงับ สำหรับวันนี้ผมไปนอนก่อน
มาอ่านตอนสองแล้วเดี๋ยวจะมาเม้นให้ต่อ
กลับมาอ่านเรื่องนี้ทุกปีเลยค่ะ
ตอบลบ