KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 10



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 10

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ




ถึงจะบอกว่าทัพหลวงถอนกำลังกลับมา แต่แท้ที่จริงแล้วก็มีเพียงม้าเร็วไม่ถึง 50 ตัวเท่านั้นที่มุ่งหน้ากลับคามาคุระ

นัยน์ตาสีดำจ้องมองไปที่รถเทียมม้าที่วิ่งฮ่อไม่ได้หยุดมาสามวันสามคืน เขาเพิ่งรู้หลังจากที่ออกห่างมาจากกองทัพได้ราวๆครึ่งทาง ว่าผู้เป็นพ่อหรือก็คือเจ้าเมืองคามาคุระมีอาการไม่สู้ดีนัก

และตอนนี้คนที่อยู่บนจุดสูงสุดของคามาคุระก็กำลังนอนด้วยสีหน้าทรมานอยู่ในรถเทียมม้าคันนั้น

ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เลย...ว่าเจ้าเมืองคามาคุระกำลังป่วยหนัก

ประตูเมืองเปิดออกรับขบวนม้าที่มุ่งหน้าสู่เรือนเจ้าเมืองโดยที่ไม่คิดจะหยุดพัก สายฝนที่โปรยปรายอยู่ทั่วคามาคุระเป็นเพียงหางๆพายุ เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อการเดินทาง

ฝูงม้าหยุดลงที่หน้าเรือนเจ้าเมือง ก่อนที่ ฮิบาริ เคียวยะ จะกระโดดลงมาด้วยท่าทางเร่งรีบ ร่างสูงไม่แม้แต่จะถอดเสื้อคลุมออก ได้แต่ปล่อยให้สายน้ำหยดไหลลงไปเป็นทางอยู่อย่างนั้น

“ เรียกหมอหลวงมา!!”     เสียงตะโกนก้องทำให้ข้ารับใช้ทั่วทั้งเรือนนั้นแตกตื่น ด้วยไม่คิดว่า ฮิบาริ เคียวยะ จะกลับมารวดเร็วและไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้

ก็แม้แต่เวลาหยุดพักยังไม่มี...แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปส่งพิราบสื่อสารได้

ร่างของเจ้าเมืองคามาคุระถูกหามเข้าไปในเรือนพักส่วนตัว ท่ามกลางความสับสนของคนในบ้าน ทุกคนต่างยังนิ่งอึ้งอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไร มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากเรือนด้านในอีกหลายคู่ และหนึ่งในนั้นก็ทำให้นัยน์ตาสีดำที่กำลังเครียดขมึงถึงกับอ่อนลงได้

“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ...อ๊ะ...เจ้า.....”       ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุวิ่งออกมาก่อนจะหยุดชะงักลงตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นใคร

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทักทาย สายตาของร่างบางก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของเจ้าเมืองคามาคุระที่กำลังถูกหามเข้าไป มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากทันที....หรือว่าอาการจะไปกำเริบระหว่างที่ออกรบ?

“ เจ้าตามหมอหรือยัง?”     ใบหน้าน่ารักหันกลับไปถามร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าคมได้แต่พยักหน้ารับ

“ นี่!!พวกเจ้าน่ะ ไปเอาน้ำร้อนในครัวมา แล้วก็ไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ท่านเจ้าเมือง”      ตัวประกันจากอิสุหันไปสั่งข้ารับใช้ที่ยังยืนอึ้งอยู่แถวนั้น และในขณะที่ใครต่อใครยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องตรงหน้ายังไง ร่างเล็กบางก็สั่งออกไปเป็นชุด

“ เจ้า! ไปขนผ้าห่มหนาๆมา ส่วนพวกเจ้าไปจัดการเรื่องที่นอน ถ้าวางท่านเจ้าเมืองลงแล้วให้ถอดกิโมโนเปียกๆนั่นออกก่อน เดี๋ยวข้าจะเข้าไปเช็ดตัวให้”     นัยน์ตาสีดำได้แต่จ้องมองคนที่ออกคำสั่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าน่ารักหันมามองเขาวูบหนึ่งก่อนที่จะเดินเร็วๆตามข้ารับใช้พวกนั้นไป

ถึงแม้ใบหน้าของฮิบาริ เคียวยะ จะยังคงนิ่งสนิท แต่ประกายที่อยู่ในดวงตาก็ทำให้รู้ว่าร่างสูงกำลังพอใจ....กับภาพของร่างเล็กบางที่สามารถเป็นเสาหลักของบ้านได้ในยามที่เขาไม่อยู่....เพราะการที่เขาจะเดินไปข้างหน้าได้ จำเป็นต้องมีคนที่คอยดูแลข้างหลังให้

“ ฮึ....”     เสียงหัวเราะน้อยๆหลุดออกมาจากในลำคอ....

เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้เจ้ากำลังทำหน้าที่ “นายหญิง” ที่ดีให้กับข้าอยู่....สึนะโยชิ




ฝีเท้าที่เร่งรีบของหมอหลวงหยุดชะงักลงตรงหน้าประตูห้อง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของความชราก้มคำนับให้กับว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระที่ยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียง ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยท่าทางหวาดๆ

และเพราะการมาเยือนของหมอหลวงทำให้ร่างเล็กบางยอมก้าวขาออกมาจากห้องในที่สุด...การได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและทำให้ร่างกายอบอุ่นทำให้ใบหน้าที่ดูทรมานของท่านเจ้าเมืองดูจะสงบลงได้บ้างเล็กน้อย

ใบหน้าน่ารักก้มลงมองประตูจึงไม่ทันเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น

“ อ๊ะ?!”     จนกระทั่งแขนเล็กถูกมือที่เย็นเฉียบกระชากไป ให้ร่างทั้งร่างเซถลาไปซบอยู่กับแผงอก

“ นี่เจ้ายังไม่ถอดเสื้ออีกหรอ? เปียกโชกขนาดนี้...”     มือบางผลักตัวเองออกมาจากวงแขนของอีกฝ่าย คงไม่ต้องมีคำทักทายสำหรับคนที่ปกติก็ไม่พูดไม่จาอะไรอยู่แล้วแบบนี้หรอกมั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จ้องมองใบหน้าเย็นชาที่อยู่ในเงามืด...ความคิดถึงล้นทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่คิดว่าจะอ่อนหวานด้วยแต่พอเห็นใบหน้าที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั่นแล้วมันเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆ แล้วยิ่งคำพูดถัดมาที่ออกมาจากใบหน้าคมที่นิ่งสนิทแบบนั้น มันก็ทำให้ใบหน้าน่ารักถึงกับผงะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว

“ ข้าก็อยากให้เจ้าเช็ดตัวให้ข้าเหมือนกัน”    ความหมายของคำพูดกับใบหน้าเฉยเมยนั่นมันเข้ากันเสียที่ไหน...แก้มใสแดงระเรื่อก่อนจะก้มหลบสายตาที่จ้องมองลงมา


ครืด.....


เสียงประตูเลื่อนถูกเปิดออกทำให้ร่างเล็กบางหันตัวหนีไปอีกทางทันที

“ ขะ ขออภัยค่ะ ท่านเคียวยะ.....”      สาวใช้มีท่าทางตกใจเมื่อรู้ตัวว่าตนได้เข้ามาขัดจังหวะของคนตรงหน้า ใบหน้าเลิ่กลั่กมีเหงื่อแตกพลั่กขึ้นมาทันที

“ ทะ ท่านหมอหลวง บอกให้ข้าออกมาตามท่านเข้าไป....”       นัยน์ตาสีดำเหยียดมองลงไปยังคนที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยตัวสั่นงันงก ใบหน้าคมพยักลงน้อยๆแล้วเดินเข้าห้องไป ให้สาวใช้ได้แต่ลอบถอนหายใจ นัยน์ตาที่หวาดกลัวเหลือบขึ้นไปมองร่างเล็กบางที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างนึกขอบคุณ

ก็ตั้งแต่ที่คนคนนั้นมาอยู่ที่นี่...ฮิบาริ เคียวยะ ก็ใจเย็นลงเยอะ....หรือจะพูดว่า อย่างน้อยก็มัวแต่หันไปเล่นงานร่างเล็กๆนั่นจนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่นเสียมากกว่า

“ เจ้า”      จู่ๆเสียงนิ่งก็ดังขึ้นข้างหลังให้สาวใช้ที่คิดว่ารอดตายแล้วสะดุ้งโหยง

“ เข้ามาด้วย”      ใบหน้าซีดเผือดหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องโล่งใจเพราะคนที่ร่างสูงเรียกไม่ใช่เธอ แต่เป็นตัวประกันจากอิสุที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้อง

ร่างเล็กบางเดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฮิบาริ เคียวยะ ใบหน้าของหมอหลวงดูหม่นหมองอย่างคนจนปัญญา

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความชรานั้นส่ายไปมา แค่นั้นทั้งผู้เป็นลูกชายและร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆก็รู้แล้ว....ว่าคงไม่อาจยื้อลมหายใจของเจ้าเมืองคามาคุระเอาไว้ได้อีกต่อไป

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเหลือบมองไปที่ใบหน้าสงบนิ่งของคนที่นอนอยู่ ถึงจะแผ่วเบาแค่ไหนแต่ที่หน้าท้องก็ยังขยับขึ้นลง...นี่คงจะเป็นลมหายใจสุดท้ายของชายที่ยืนอยู่เหนือทุกคนบนแผ่นดินคามาคุระแล้วก็เป็นได้

เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆลืมขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆหันมามองหน้าลูกชายคนโตเป็นครั้งสุดท้าย ริมฝีปากที่เคยใช้สั่งคำสั่งร้ายกาจมากมายทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ

ภายในห้องนั้นเงียบสนิท จึงมีเพียงเสียงลมหายใจอ่อนระโหยเท่านั้นที่ได้ยิน  แววตาของเจ้าเมืองคามาคุระที่มองมายังลูกชายคนโตบัดนี้เป็นเพียงแววตาของผู้เป็นพ่อที่ไม่คิดจะห่วงอะไรลูกชายคนนี้อีกแล้ว...ถ้าจะห่วง....ก็คงเป็นอีกคน

“ โกคุ...เดระ....ฮายาโตะ.....เป็น...ยังไง....”      คำพูดขาดๆหายๆดังขึ้น เรียกสายตาของร่างเล็กบางให้เบิกขึ้นน้อยๆ ใบหน้าน่ารักหันไปมองใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยของฮิบาริ เคียวยะ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงไม่มีวี่แววว่าจะตอบอะไร...ด้วยคงไม่ได้รู้จักเจ้าของชื่อนั้นเป็นการส่วนตัว

ร่างเล็กบางมองกลับไปยังเจ้าเมืองคามาคุระที่ดวงตาใกล้จะปิดลงเต็มที...ที่ถามมาแบบนี้คงเป็นเพราะคงจะรู้อะไรเกี่ยวกับลูกชายคนรองของตนมาบ้างพอสมควร...แล้วก็ยังเป็นห่วง...แบบนั้นสินะ....ใบหน้าน่ารักยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ ถ้าท่านได้พบกับเขา...ท่านจะต้องรักเขาแน่”      แบบที่ข้า...และลูกชายของท่านเป็น...

รอยยิ้มน้อยๆเผยอยู่บนใบหน้าของเจ้าเมืองคามาคุระราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรค้างคาใจอีกต่อไป นัยน์ตาที่มองโลกมามากมายค่อยๆปิดลงเช่นเดียวกับลมหายใจที่ค่อยๆจากไป

หมอหลวงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ แต่ผู้เป็นลูกชายก็ยังคงจ้องมองร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้านิ่งเฉยตามเดิม คนอื่นๆอาจจะคิดว่า ฮิบาริ เคียวยะ นั้นมีหัวใจราวกับน้ำแข็ง...แต่กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วมันไม่ใช่ นัยน์ตากลมโตเหลือบมองใบหน้าคมนั้นอย่างรู้ดี ว่าในหัวใจดวงนั้นกำลังร้องไห้...

ท่ามกลางความนิ่งงันและบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า

ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุเป็นคนลุกไปสั่งการให้คนในบ้านเริ่มจัดการเกี่ยวกับงานศพ

คำประกาศก้องจากเรือนเจ้าเมืองทำให้ทั่วทั้งคามาคุระเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ในทันที...




ใบหน้าน่ารักจ้องมองแผ่นหลังกว้างของ ฮิบาริ เคียวยะ ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ตั้งแต่ตอนที่เขาเดินออกไปจัดการเรื่องต่างๆ  ร่างเล็กบางขยับเข้าไปยืนใกล้ๆก่อนจะคุกเข่าลงไปแล้วแตะไหล่ของอีกฝ่าย

“ เจ้าเอง...ก็ต้องไปเตรียมตัวนะ”       นัยน์ตาสีดำที่ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาหรือความสั่นพร่าจ้องมองมาที่ใบหน้าน่ารักก่อนจะยอมลุกเดินตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดี

ร่างสูงสง่านั่งลงภายในห้องของตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมใส่มาจากในสนามรบที่เคยเปียกปอนบัดนี้กลับเหลือเอาไว้แต่ความชื้นเหนอะหน่ะ ชามอ่างที่มีน้ำใส่อยู่เกือบเต็มถูกวางลงข้างๆร่างของคนที่นั่งคุกเข่าลงข้างหน้า มือเล็กแกะโอบิออกก่อนจะแหวกกิโมโนที่ตนเป็นคนปักเองกับมือออกไปจากไหล่กว้างท่ามกลางความเงียบงัน

เขาไม่มีคำปลอบโยนใดๆจะมอบให้กับร่างสูง...และคนตรงหน้าเองก็คงไม่ได้ต้องการมัน

ผ้าชุบน้ำถูกซับไปบนใบหน้าคมที่ยังคงนิ่งเฉย แววตาที่เคยมองเขาด้วยแววเจ้าเล่ห์เสมอกลับดูเหม่อลอยไปไกล...ทำไมเขาจะไม่รู้....ว่าใบหน้าเฉยชานั่นซุกซ่อนอะไรเอาไว้ ในเมื่อตลอดแปดปีที่ผ่านมา เขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมากกว่าใบหน้าของตัวเองเสียอีก

เสียงน้ำดังจ๋อมๆ เมื่อผ้าถูกจุ่มลงไปก่อนจะถูกน้ำกลับมาวางอีกทีบนไหล่กว้าง ร่างสูงยังคงนั่งนิ่งๆให้ร่างเล็กบางขยับผืนผ้าไปตามร่างกายของตน จากลาดไหล่ลากไล้ลงมาตามแผงอกแข็งแรง....หน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ.....และนั่นมันก็ทำให้ตัวประกันจากอิสุทนไม่ไหว

ผืนผ้าตกลงไปจากมือเล็ก ร่างที่คุกเข่าอยู่ขยับเข้าไปหาร่างกายที่ยังนิ่งงันก่อนจะโอบรอบแผ่นหลังกว้างนั้นให้ใบหน้าคมแนบมากับแผ่นอกของตัวเอง ความอบอุ่นและเสียงหัวใจที่ยังเต้นอยู่ทำให้นัยน์ตาสีดำถึงกับเบิกกว้าง

หยดน้ำเย็นๆไหลลงมากระทบที่หัวไหล่ทำให้มือใหญ่ดันร่างเล็กบางของอีกฝ่ายออกมาดูด้วยความตกใจ

“ เจ้าร้องไห้?”     ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ให้ร่างสูงถึงกับทำอะไรไม่ถูก.....เพราะที่ผ่านมาโดนรังแกขนาดไหนยังไม่เคยร้องไห้ออกมาแบบนี้

“ เอาความเศร้าของเจ้ามาให้ข้าสิ...แล้วข้าจะร้องไห้ออกมาแทนเจ้าเอง”      ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อทำให้นัยน์ตาสีดำสั่นพร่าเป็นครั้งแรก สองแขนตวัดรัดรอบลำตัวเล็กก่อนจะดึงมากอดเอาไว้  ใบหน้าคมฝังอยู่ที่ลาดไหล่บาง ร่างกายราวกับเพิ่งได้รับรู้การมีอยู่ของคำว่า......โศกเศร้า

สิ่งนี้เองน่ะหรอ...ที่เรียกว่าการสูญเสีย....สิ่งนี้เองน่ะหรอ....ที่เรียกว่าความโศกเศร้า

เขาเพิ่งจะรู้จัก...และเพิ่งจะรู้ถึงวิธีจัดการกับมัน


ขอแค่มีไหล่ของเจ้าอยู่ก็พอ....สึนะโยชิ







ข่าวการเสียชีวิตของเจ้าเมืองคามาคุระไม่ได้แพร่กระจายอยู่แค่ในเมืองเท่านั้น

ตอนนี้...ม้าเร็วก็เพิ่งจะเข้ามาแจ้งข่าวที่ทำเอากองทัพที่ยังคงอยู่แนวหน้าถึงกับชาวาบไปทั้งกองเช่นกัน

และทุกคนในกองทัพต่างก็เข้าใจแล้วว่า...ทำไมเจ้าเมืองคามาคุระถึงเลือกให้ลูกชายคนรองนำทัพแทนตนต่อไป...แล้วพาลูกชายคนโตกลับไปที่คามาคุระ

เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย....แต่ศึกสงครามก็จะถอยไม่ได้...แล้วยิ่งในเวลาแบบนี้...ตำแหน่งของเจ้าเมืองคนใหม่ยิ่งจำเป็น...หากฮิบาริ เคียวยะไม่รับตำแหน่งต่อในทันที บ้านเมืองของคามาคุระเองที่รออยู่ในแนวหลังก็จะลำบาก ด้วยข้าศึกที่จ้องจะทำลายคามาคุระนั้นไม่ได้มีแต่ทางฝั่งของอิสุฝ่ายเดียว

คามาคุระยังมีศัตรูอยู่รอบด้าน...




นายทหารที่เข้ามาบอกข่าวกับฝูงม้าลาดตระเวนโค้งตัวให้ร่างสูงใหญ่บนหลังม้าสีดำที่ยังคงทำเพียงแค่เหม่อมองออกไปในแผ่นดินที่อยู่เบื้องล่าง ใบหน้าคมของยามาโมโตะ ทาเคชิยังคงนิ่งเฉยอย่างที่ใครๆไม่อาจรู้ได้ว่าในหัวใจที่มืดมนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

ต่างจากผู้เป็นอาที่นั่งอยู่บนหลังม้าตัวข้างๆที่สบถออกมาอย่างหัวเสีย....เพราะตำแหน่งเจ้าเมืองคามาคุระคนใหม่เพิ่งหลุดลอยไปจากว่าที่ลูกเขยของตนอย่างน่าเจ็บใจ

ใบหน้าอวบอูมนั่นกำลังคิดหาหนทางที่จะทำให้ได้มันกลับคืนมาอีกครั้ง

ทั้งๆที่อีกคน...ดูจะไม่ได้สนใจมันเลย

“ กลับไปที่ค่าย...เราคงต้องวางแผนกันใหม่”      คำสั่งดังออกมาจากปากของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ให้ฝูงม้าลาดตระเวนกลับตัวก่อนจะวิ่งลงจากเนินไป

สายฝนที่ตกหนักติดกันมานานเป็นสัปดาห์ดูท่าว่ากำลังอ่อนแรงลงทุกทีๆ ใกล้จะถึงเวลาปิดฉากกับอิสุแล้วอย่างนั้นสินะ...



“ ข้าว่า...เราถอนทัพกลับไปคามาคุระกันก่อนเถอะ...สภาพแบบนี้ แม้แต่จิตใจของทหารเองก็อาจจะกำลังขวัญหนีดีฝ่อ...เอาไว้พร้อมแล้วค่อยกลับมาใหม่”      นายทหารคนหนึ่งเสนอขึ้นมาในที่ประชุม

แต่ใบหน้าคมของผู้เป็นแม่ทัพใหญ่กลับนิ่งเฉยอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด....สายตาคมกล้ากวาดมองลงไปบนแผนที่ก่อนที่จะเอ่ยออกมาให้นายทหารที่นั่งอยู่รอบๆถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“ ไม่...เราจะทำสงครามต่อไป....และคราวนี้แหละ ข้าจะเอาอิสุกลับไปให้ท่านพ่อให้ได้”      สายตาทุกคู่มองมาด้วยความตื้นตันใจ เพราะต่างคิดว่าเด็กหนุ่มทำเพื่อผู้เป็นพ่อที่เพิ่งจะเสียไป แล้วจู่ๆ ขวัญและกำลังใจที่ตกฮวบเพราะข่าวการสูญเสียก็ถูกดึงขึ้นมาอีกครั้ง

เหล่าทหารที่ได้รับรู้ความตั้งใจของร่างสูงใหญ่นั่นต่างฮึกเหิมและยินดีที่จะยอมตายถวายชีวิต เพื่อให้เด็กหนุ่มได้อิสุกลับไปให้ผู้เป็นพ่อ


โดยที่ไม่มีใครรู้เลย...ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยของยามาโมโตะ ทาเคชินั้น....มันต่างจากภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉยของฮิบาริ เคียวยะ โดยสิ้นเชิง....


“ ให้คนไปปล่อยข่าวเรื่องที่ท่านพ่อเสียชีวิตให้แพร่กระจายออกไป...เพื่อให้อิสุตายใจและคิดว่ายังไงๆพวกเราก็จะต้องถอนทัพกลับแน่นอน”      ใบหน้าคมเอ่ยออกไปตามแผนการที่อยู่ในหัว

“ แล้วพออิสุไม่ทันตั้งตัว เราค่อยประกาศสงครามกับพวกมัน”     ความสงบนิ่งของร่างสูงทำให้ใครต่อใครยอมทำตามได้ไม่ยาก

“ ท่านแม่ทัพ...แล้วยังจะให้ใช้แผนเดิมอยู่หรือเปล่า ที่ให้ทัพหน้าบุกเข้าไปตรงๆแต่มีกองทัพลับๆบุกเข้าไปจากด้านหลังของเมืองอิสุน่ะขอรับ”     นายทหารคนหนึ่งถามออกมาให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ถึงกับวาววับ

“ ใช่...เราจะใช้แผนการนั้นแหละ....”       ใบหน้าคมยกยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงพี่ชายคนโตของโกคุเดระ...อย่างหมอนั่นต้องรู้ทันแผนการของเขาแน่ๆ...และเพราะรู้ทันนั่นแหละที่จะทำให้โดนเขาตลบหลังเอาได้ง่ายๆ


หึ...ยิ่งเจ้าหวงมากเท่าไหร่...นกน้อยของข้าก็ยิ่งควรค่าแก่การแย่งชิงมามากเท่านั้น....






แล้วก็เป็นไปตามแผนการของลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ...เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปว่าเจ้าเมืองคามาคุระเสียชีวิตลงแล้ว ทหารอิสุส่วนมากก็กลับไปใช้ชีวิตสงบสุขดังเดิม ถึงแม้ว่าค่ายทหารของฝ่ายตรงข้ามจะยังไม่ไปไหน แต่ก็ไม่มีชาวยอิสุคนไหนจะคิดว่า ศัตรูจะใจไม้ไส้ระกำถึงขนาดไม่ยอมกลับไปทำพิธีศพให้กับเจ้าเมืองของตัวเอง

แต่นั่นมันคือความคิดของคนอิสุ....ที่มีวิถีชีวิตที่สงบสุขเรื่อยมาจนมีเวลาสนใจในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม

ซึ่งคนของคามาคุระที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกวินาทีนั้นไม่ใช่

“ ท่านเจ้าเมือง!!! ท่านเจ้าเมืองขอรับ!!!”       เสียงแตกตื่นของทหารยามเฝ้าประตูเมืองดังก้องไปทั่วเรือนว่าการของอิสุ ใบหน้าที่มีเหงื่อแตกพลั่กกับท่าทางหอบหายใจทำให้รู้ว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง

“ มีอะไร?”     แต่คนแรกที่ออกมารับเรื่องคือลูกชายคนรองของตระกูลโกคุเดระที่เดินอยู่แถวนั้นพอดี

“ สาล์น....สาล์นศึกจากคามาคุระขอรับ!!”      แล้วม้วนกระดาษที่ทหารยามส่งมาให้ก็ทำให้นัยน์ตาของผู้รับเบิกกว้าง......สาล์นศึกอะไรกัน?!!!

“ เสียงแตกตื่นอะไร?”      เสียงกังวานดังมาจากเจ้าเมืองอิสุที่เพิ่งเดินออกมา แล้วใบหน้าผ่อนคลายก็ตึงเครียดขึ้นทันทีที่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

มือใหญ่ที่รับสาล์นนั้นไปอ่านสั่นระริกด้วยความโกรธจัด เพราะในสาล์นไม่แม้แต่จะต่อรอง....พวกคามาคุระ...มันบอกแค่ว่า กำลังจะยกทัพมาประชิดกำแพงเมืองในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว!!

“ พี่เจ้าไปไหน?!”      เจ้าเมืองอิสุถามลูกชายคนรองด้วยน้ำเสียงดุดัน เพราะไม่คิดว่าคามาคุระจะยังทำศึกต่อ การจะประชุมแผนการตอนนี้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้แต่การเรียกระดมพลยังไม่รู้เลยว่าจะทันเวลาที่พวกข้าศึกจะมาถึงกำแพงเมืองหรือไม่

“ ไปลาดตระเวน...”      ลูกชายคนรองเอ่ยออกมาอย่างตื่นๆ

“ ไปตามกลับมาเร็ว! แล้วก็สั่งให้น้องๆของเจ้าที่เหลือออกประจำการที่หน้ากำแพงเมืองเลย ไม่ต้องมีการประชุม เราจะรับมือพวกคามาคุระโดยใช้แผนสำรองของคราวที่แล้ว!”      เจ้าเมืองอิสุสั่งลูกชายชุดใหญ่ ก่อนจะยืนกำมือแน่น...ขนาดพ่อตัวเองตายแท้ๆ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของคามาคุระมันยังไม่ยอมเลิกลา

ใครล่ะ...ฮิบาริ เคียวยะ หรือว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ....เดี๋ยวเขาจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเอง!




“ ท่านพ่อ!”     ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อก่อนที่เจ้าเมืองอิสุจะได้ออกจากเรือน ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบกลับเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ คามาคุระ ส่งสาล์นศึกมาอย่างนั้นหรือ ทำไมพวกมัน...”      ใบหน้าที่สงบอยู่เสมอดูจะตื่นน้อยๆ เพราะครั้งนี้มันกะทันหันทำให้ไม่มีเวลาไตร่ตรองอะไรมากนัก

ร่างสูงทำได้เพียงแค่คิดจากองค์ประกอบที่เห็นมาก่อนหน้านี้ แล้วคำนวณได้แค่คร่าวๆเท่าที่เวลาจะมีว่าควรจะวางแผนรับมือคามาคุระอย่างไร

“ ท่านพ่อ...ทหารม้าลาดตระเวนของข้าแจ้งมาว่า...ตอนนี้ในค่ายทหารของคามาคุระมีเพียงแค่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ เท่านั้น ส่วนฮิบาริ เคียวยะกลับไปคามาคุระแล้ว...เพราะฉะนั้นตามความเห็นของข้าเท่าที่ดูจากแผนการเดิมของพวกมัน...บางทีมันอาจจะยังไม่รู้ ว่าทางเราก็รู้แล้วว่ามันแอบเข้ามาทางชายป่า...และมันอาจจะยังคงใช้แผนเดิมซ้ำอีก”      

“ ข้าคิดว่ามันคงจะใช้ทัพหน้าบุกเข้ามาตรงๆเหมือนเดิม แต่หากไม่มีฮิบาริ เคียวยะแล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่พวกเราจะต้องกลัว...ข้ากลับคิดว่า ปัญหามันน่าจะอยู่ที่กองทัพที่บุกเข้ามาทางด้านหลังนี่มากกว่า...เพราะเจ้ายามาโมโตะน่าจะเป็นคนคุมทัพมาเอง...และหากเรายังปล่อยให้มันเข้ามาง่ายๆเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว เราเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”      เจ้าเมืองอิสุที่ฟังแผนการอยู่พยักหน้าเห็นด้วย

“ ข้าคิดว่า...ข้ากับกองทัพของข้าจะปักหลักรอพวกมันเอง...ส่วนท่านกับน้องๆก็รับทัพหน้าที่ไม่น่าจะมีอะไรอยู่ทางด้านหน้า แล้วถ้าจัดการพวกมันเรียบร้อยแล้วก็ค่อยวกกลับมาช่วยข้าทีหลัง”      ผู้เป็นพ่อนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม

“ เจ้าคนเดียวอาจจะเอายามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่อยู่...เพราะจากคราวที่แล้ว เราไม่รู้เลยว่ากองทัพของเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน ขนาดกองทัพของพี่ชายมันยังน่ากลัวขนาดนั้น แล้วคนที่ล้มชิโระยามะได้ภายในพริบตา ข้าว่ามันไม่น่าจะธรรมดา เพราะฉะนั้นข้าจะให้น้องของเจ้าสองคนไปช่วยด้วย”

“ แต่ว่าท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นจะมีเพียงสองคนที่อยู่ช่วยท่านนะ”

“ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร....เป็นพ่อเจ้าใช่หรือไม่...กับกองทัพที่ไม่มีอะไรแบบนั้นข้าจะพ่ายแพ้งั้นหรือ?”     เมื่อผู้เป็นพ่อพูดออกมาแบบนั้น ลูกชายคนโตก็มีแต่ต้องยอมรับ

สรุปว่าแยกกันไป สามต่อสาม....กองทัพที่เคยรับศึกร่วมกันเป็นหนึ่งถูกแบ่งครึ่ง และทัพที่แข็งแกร่งกว่าก็รับศึกที่จะมาจากทางด้านหลัง




โดยที่ไม่รู้เลยว่า....ในศึกครั้งนี้...คนที่เป็นแม่ทัพของกองทัพหน้าคามาคุระที่จะบุกเข้ามาตรงๆไม่ใช่นายทหารไร้ฝีมือที่ไหน

แต่เป็น ยามาโมโตะ ทาเคชิ เอง....




เสียงแตรสงครามดังลั่น ให้กองทัพของคามาคุระที่มีขวัญและกำลังใจเต็มเปี่ยมวิ่งตะลุยเข้าหากองทัพของอิสุที่ดูจะยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ศึกครั้งนี้นับว่าอยู่ใกล้ประตูเมืองจนน่ากลัว

ใบหน้าคมเงยหน้ามองกำแพงเมืองที่อยู่ด้านหลังกองทัพหลวงของอิสุ ไม่แปลกใจว่าทำไมพวกอิสุถึงได้ถอยไปรับซะใกล้ประตูเมืองขนาดนั้น นั่นก็เพราะด้านบนประตูเมืองมีพลธนูนับพันรออยู่ หากพวกเขาเข้าไปในระยะยิงเมื่อไหร่....ก็เสร็จเมื่อนั้น

นั่นคือกรณีของแม่ทัพคนอื่น...แต่กับเขาที่คุ้นเคยกับธนูของอิสุดี มีหรือจะไม่รู้ระยะยิงของอีกฝ่าย  นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองทหารเดนตายแถวหน้าของตน....พวกนั้นเป็นพลหอก

และเมื่อทหารของเขาวิ่งเข้าไปก่อนจะถึงระยะยิงของพวกอิสุแค่ไม่กี่เมตร  มือใหญ่ยกขึ้นส่งสัญญาณให้เสียงแตรสงครามของคามาคุระเปลี่ยนไป...และหอกติดไฟในมือของพลหอกก็พุ่งหลาวขึ้นไปบนกำแพงเมืองทันที

ไม่ต้องรอให้สายลมช่วย แต่ด้วยความที่ธนูนับพันนับหมื่นนั้นมีด้ามที่ทำด้วยไม้....มันจึงลุกติดไฟได้เป็นอย่างดี

เสียงแตกหือดังขึ้นบนกำแพงเมือง ความโกลาหลทำให้ใบหน้าของเจ้าเมืองอิสุเริ่มจะเครียดขมึง ไฟลุกลามรวดเร็วทำให้ทหารที่อยู่บนนั้นวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ทหารที่อยู่ข้างล่างเองก็เริ่มจะร้อนลน เพราะข้างหลังไม่มีทางให้หนี อีกทั้งยังไม่มีพลธนูที่จะคอยยิงธนูช่วยได้อีก

“ บุก!!”      เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมๆกัน จากแม่ทัพของทั้งสองฝ่าย

เจ้าเมืองอิสุยังคงมั่นใจว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะยังไม่รู้ว่าคนที่นำทัพของคามาคุระนั้นเป็นใคร  เช่นเดียวกับกองทัพของลูกชายคนโตที่กำลังไล่ล่าทัพกำมะลอที่ยามาโมโตะ ส่งไป

เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว พอไม่มีธนูช่วย ความน่ากลัวของอิสุก็ลดลงไปกว่าครึ่ง  มีแต่ต้องเด็ดหัวแม่ทัพของคามาคุระให้ได้เร็วๆเท่านั้นแหละถึงจะป้องกันเมืองเอาไว้ได้

เพราะฉะนั้นตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนของเจ้าเมืองอิสุจึงควบม้าเข้าไปหาคนที่สวมหมวกคาบุโตะประดับเขาสัตว์ของฝ่ายคามาคุระด้วยความรวดเร็ว ปลายทวนที่สานกันหมายจะตัดหัวของอีกฝ่ายในขณะที่ม้าเคลื่อนผ่าน

ทว่า...

กลับเป็นปลายดาบที่ดูคุ้นตาที่เสียบสวนกลับมาทะลุลำตัวของหนึ่งในสองคนจนร่วงลงจากหลังม้า  นัยน์ตาของลูกชายเจ้าเมืองอิสุเบิกกว้างก่อนจะสะบัดใบหน้าโกรธแค้นกลับมามองเพราะไม่อยากจะเชื่อว่า กองทัพของคามาคุระในยามนี้จะยังมีตัวอันตรายนอกจากยามาโมโตะ ทาเคชิ อยู่อีก

แล้วร่างทั้งร่างก็ต้องชะงักงัน

เมื่อสายตามองเห็นว่าตัวอันตรายที่ว่า ก็อยู่ตรงหน้านี้นี่เอง....

ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ได้เป็นคนคุมทัพที่บุกไปด้านหลัง...หมอนั่นอยู่ตรงนี้นี่เอง

“ ท่านพ่อ!!! ยามาโมโตะ ทาเคชิอยู่ที่ อึก!!”       ยังไม่ทันจะรายงานขาดคำ คมดาบก็เสียบสอดเข้าไปใต้เกราะอย่างรู้ตำแหน่ง ว่าตรงส่วนไหนของร่างกายที่เป็นเพียงเกราะอ่อน

ร่างล้มพับลงไปบนหลังม้าจนเลือดไหลเลอะลงไปบนขนสีขาวของม้าพันธุ์ดีทันที

ลูกชายทั้งคู่ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาของเจ้าเมืองอิสุ ใบหน้าตะลึงตะลานได้แต่นิ่งค้างอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะนอกจากภาพของลูกชายที่ค่อยๆล้มลงไปบนหลังม้า ภาพของข้าศึกที่กำลังบุกปะทะเข้ามาจนทหารอิสุต้องถอยร่นจนติดกำแพงเมืองก็ทำให้จิตใจเจ็บปวดไม่น้อย ทหารที่หายไปกว่าครึ่งกลายเป็นซากศพให้คามาคุระเหยียบย่ำ

และที่น่าเจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ทำให้มันเกิดภาพเหล่านี้....คือคนที่ครั้งหนึ่งเขาได้ทำพลาดจนปล่อยให้มันหนีไปได้

คนที่เขาเคยทำนายเอาไว้...ว่ามันจะกลายมาเป็นคนที่ทำลายอิสุ

คนที่เขาเคยมีโอกาสที่จะเก็บมันเอาไว้ใช้...แต่เขาไม่ได้ทำ


“ ตอนนี้...ท่านเสียใจหรือไม่...ที่ไม่ยอมให้โกคุเดระ ฮายาโตะล่ามโซ่ข้าเอาไว้ให้ท่านใช้งาน”     เสียงเย็นๆถามมาจากทางด้านหลังโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว

ใบหน้าของเจ้าเมืองอิสุมีเหงื่อแตกพลั่กเพราะจำได้เป็นอย่างดีว่าเสียงนั้นเป็นของใคร

“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!”     น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย ปลายทวนตวัดเข้าใส่เด็กหนุ่มที่ขยับตัวหลบด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ

“ จริงๆนะ...ข้าไม่ได้ต้องการอะไรเลย ทั้งอิสุ ทั้งชีวิตของท่าน....แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือสิ่งที่ท่านไม่ยอมยกให้ข้า ข้าเลยต้องทำแบบนี้....”     ใบหน้าคมที่ยังนิ่งเฉยเอ่ยออกมาราวกับว่านี่ไม่ได้อยู่ในสนามรบ ไม่มีแม้แต่ความหวาดหวั่นใดๆบนใบหน้าของเด็กคนนั้น นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ยังคงเยือกเย็นได้ขนาดนี้มีแต่จะทำให้เจ้าเมืองอิสุยิ่งรู้สึกขนลุก

“ ข้าไม่มีวัน ยกฮายาโตะให้เจ้า!!”     ด้ามทวนในมือคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามากตวัดเข้าใส่เจ้าเด็กอวดดีตรงหน้า  แต่อีกฝ่ายก็ใช้ทวนรับไว้เช่นกัน

“ ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำลายทุกอย่าง แล้วแย่งเอามา”      คำพูดที่ออกมาจากใบหน้านิ่งๆยิ่งทำให้เจ้าเมืองอิสุโกรธหนัก เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กนี่รักลูกชายของเขามากขนาดไหน ไม่อยากจะรับรู้ด้วยว่าถ้าฮายาโตะต้องตกไปอยู่ในมือของคนที่รักตนมากจนไม่สนว่าต้องทำลายแผ่นดินทั้งแผ่นดินแล้วลูกชายของเขาจะเป็นยังไง  เขารู้แต่ว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เขาจะรับผิดชอบมันด้วยชีวิต

ในฐานะของคนที่เป็นพ่อ

เพลงทวนที่นับว่าเป็นหนึ่งของทั้งสองตระกูลต่างถูกงัดออกมาใช้ ฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอาจจะดูได้เปรียบอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยกำลังวังชาของคนที่หนุ่มกว่าบวกกับไหวพริบที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลาทำให้เด็กหนุ่มโต้กลับไปได้เกือบหมด

แรงปะทะยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครยอมกัน ปลายทวนสอดเฉียดใบหน้าคมที่ยกยิ้มน้อยๆไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับปลายทวนของเด็กหนุ่มที่พลาดลำคอของเจ้าเมืองอิสุไปแค่ไม่ถึงคืบ

การต่อสู้ที่ดุเดือดของคนทั้งคู่ทำให้นายทหารระดับสูงของอิสุหวั่นใจ เพราะถึงฝีมือจะสูสีแต่หากนานเข้า เจ้าเมืองของพวกเขาเองที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ....ในเมื่อมองยังไง เจ้าเด็กจากตระกูลยามาโมโตะนั่นก็ไม่มีเหงื่อให้เห็นเลยสักหยด

ราวกับว่านี่แค่กำลังอุ่นเครื่อง?

แต่เจ้าเมืองของพวกเขามีแค่คนเดียว หากพลาดไปสงครามครั้งนี้พวกเขาคงพ่ายแพ้

เพราะฉะนั้นนายทหารราวๆห้าคนจึงตัดสินใจเข้าไปสอดมือในการต่อสู้ของคนทั้งคู่

“ ท่านเจ้าเมือง...เราจะพยายามกันทางนี้เอาไว้ ท่านรีบหนีไปก่อน....เพราะถ้าท่านเป็นอะไรขึ้นมานั่นเท่ากับว่า พวกเราแพ้”      เสียงนายทหารเอ่ยบอกกับเจ้าเมืองของตนที่กำลังเลือดขึ้นหน้า มือชะงักค้างไปเมื่อเริ่มคิดได้ว่า สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

ทั้งปลายดาบทั้งด้ามทวนสอดประสานเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไม่ว่างพอที่จะมองว่าเจ้าเมืองอิสุถูกกันไปทางใด ริมฝีปากสบถออกมาอย่างเจ็บใจก่อนจะชักดาบออกมาแล้ววาดเพลงดาบระดับสูงใส่จนคนที่ล้อมอยู่จำต้องฝืนหนีกระจัดกระจาย ม้าสีดำยังตามไปวาดดาบซ้ำเอาให้ตายอย่างแน่นอน

ใบหน้าคมขุ่นมัวอย่างไม่พอใจ เมื่อมองเห็นแล้วว่าเจ้าเมืองอิสุกำลังถูกกันให้หนีไปเข้าไปในประตูเมือง



ทำไมท่านถึงไม่ยอมตายด้วยคมดาบของข้า!

เพราะถึงข้าจะชั่วช้าแค่ไหน ข้าก็ไม่ใช่คนเนรคุณ....



“ พังประตูเมืองแล้วบุกเข้าไป!! ทำลายมันให้หมด!!”      คำสั่งดังก้องทำให้ทหารคามาคุระโห่ร้อง

ทหารอิสุที่ต้านไว้ไม่ไหวได้แต่วิ่งหนีตายกลับเข้าไปในประตูเมือง ต่างจากทหารคามาคุระที่วิ่งตามไปด้วยใจฮึกเหิม....เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยทำสงครามกับอิสุมา...ที่จะได้เหยียบเข้าไปในแผ่นดินของอิสุ

เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีที่เหล่าทหารบุกเข้าไป ชาวบ้านตาดำๆวิ่งหนีตายกันให้อลหม่าน ควันไฟลอยคละคลุ้งและทุกอย่างก็ถูกทำลายราบเป็นหน้ากองไม่ว่าที่ใดก็ตามที่กองทัพสีดำเคลื่อนผ่าน

แต่ในเมื่อไม่ได้มีคำสั่งว่าให้ “ฆ่าให้หมด”  เพราะฉะนั้นทหารคามาคุระจึงไม่มีสิทธิ์ลงดาบกับชาวบ้านที่กำลังสั่นกลัว

บัดนี้อิสุไม่อาจต้านคามาคุระเอาไว้ได้อีก บ้านเมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับพังราบและถูกทำลายลงไม่เหลือชิ้นดี

ทั้งเสียงร้อง ทั้งความโกลาหล ทั้งกลุ่มควันไฟที่ลอยอยู่รอบๆเมืองทำให้กองทัพของลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระรู้ได้ทันที...ว่าตนเดาพลาดไป

มือกำแน่นอย่างเจ็บใจ เพราะหากเขาอยู่ในทัพหน้าคงจะต้านพวกมันเอาไว้ได้แน่

และที่กองทัพหน้าของพวกเขาต้องพ่ายแพ้จนถูกตีแตกกระเจิงแบบนี้คงไม่ต้องเดาเลยว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ คงจะเป็นคนนำทัพนั้นแน่ๆ แล้วมันก็หลอกให้เขามาไล่จับหนูอยู่ที่หลังบ้าน! เขาโดนมันเล่นงาน โดนมันตลบหลังเข้าให้แล้ว!

“ กลับไปที่เมือง!!”    ฝูงม้าสีดำถูกสั่งให้หมุนตัวกลับ ดูจากกลุ่มควันแล้ว พวกมันยังบุกเข้ามาไม่ถึงครึ่งของเมือง เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขากลับไปทันมันก็อาจจะยังมีหวัง

ร่างสูงยกมือให้สัญญาณกับแตรสงครามของอิสุที่อยู่ในหน่วยม้าเร็ว ยังไงเสียภายในเมืองอิสุก็ยังมีหอคอยที่ไม่มีที่เมืองไหนอยู่อีกนับสิบ...ในนั้นมีพลธนูที่มีความแม่นยำสูงประจำการอยู่ พวกนี้จะไม่ได้ถูกพาไปสนามรบเพราะมีหน้าที่ที่สำคัญกว่า...คือการอยู่ปกป้องเมืองในยามที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบที่กำลังเกิดอยู่นี้

และเมื่อแตรสัญญาณถูกเป่าออกไปในทำนองที่แตกต่าง ลูกธนูก็จะพุ่งออกมาจากหอคอยนั้นทันที

ใบหน้าเคร่งเครียดของว่าที่เจ้าเมืองอิสุได้แต่ภาวนา...ว่าสัญญาณของเขามันจะดังขึ้นก่อนที่พวกคามาคุระจะบุกไปเผาหอคอยของเขา

เพราะอย่างเจ้าเด็กยามาโมโตะนั่นต้องรู้อยู่แล้วเรื่องนี้

ใครจะเร็วกว่ากัน...แค่นั้นจริงๆในตอนนี้




หากมองจากภาพมุมบน คงจะเห็นกองทัพสีดำกำลังค่อยๆแพร่กระจายเข้าไปในเมืองที่มีผู้คนวิ่งกันอลหม่าน และจุดสีดำที่ใหญ่ที่สุดก็กำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนเจ้าเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

ร่างสูงใหญ่ยังคงควบม้าไปเรื่อยๆอย่างที่ไม่คิดจะหยุดพักหรือสั่งการใดๆอีก

จนบางทีทหารคามาคุระเองก็สงสัย ว่าภายใต้ใบหน้าที่เฉยเมยนั่นเคยคิดเรื่องอะไรอยู่บ้างหรือเปล่า เพราะบางทีทั้งคำสั่งทั้งท่วงท่าของยามาโมโตะ ทาเคชิก็ดูเป็นธรรมชาติจนอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเกิดมาเพื่อการทำสงครามโดยเฉพาะก็เป็นได้

“ ท่านอา...นำทหารในกองของท่านไปเก็บกวาดในเมืองซะ ส่วนที่เรือนเจ้าเมือง ข้าจะจัดการเอง”      ใบหน้าคมเอ่ยบอกกับผู้เป็นอาที่เพิ่งจะควบม้าเข้ามาสมทบ ใบหน้าอวบอูมยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าชัยชนะที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของคามาคุระกำลังอยู่ตรงหน้า

กองทหารม้าแยกออกจากกันเป็นสองสาย และไฟที่กำลังเผาทำลายเมืองก็กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว

อีกไม่นาน....อิสุก็คงจะเหลือแต่ชื่อ....




ฝูงม้าสีดำเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลัง ผู้เป็นพี่ชายคนโตออกคำสั่งให้น้องชายอีกสองคนแยกไปช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในเมือง...อย่างน้อยก็เกณฑ์มารวมตัวกันไว้ที่ไหนสักแห่ง จะได้ไม่ต้องโดนฆ่าหรือไม่ก็ต้อนกลับไปเป็นเชลยที่คามาคุระ

ตอนนี้คงต้องทำใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

และนั่นคงเป็นเฉพาะน้องชายและชาวอิสุคนอื่นๆ....ไม่ใช่กับลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระ

ร่างสูงใหญ่ยังคงควบม้าต่อไปด้วยใบหน้าเจ็บแค้น....เขาไม่มีวันยอมรับกับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้

เพราะยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หากเขายังไม่เสียไปก็ยังนับไม่ได้ว่าพ่ายแพ้

ขบวนม้าของพี่ชายคนโตมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนเจ้าเมือง...เพราะรู้....ว่าเขาจะได้เจอกับ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่นั่น!



และมันก็เป็นไปตามที่คาด....

ฝูงม้าทั้งสองฝูงมาเจอกันที่แยกก่อนจะถึงเรือนเจ้าเมืองแค่แยกเดียว

ไม่ต้องมีคำสั่งใดๆ ไม่ต้องมีคำทักทาย ฝูงม้าทั้งคู่ต่างพุ่งเข้าใส่กันในทันที เช่นเดียวกับแม่ทัพของทั้งสองทัพที่ไม่ต้องดูก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

รอยยิ้มร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าคมทันทีที่ฟาดดาบลงไปให้พี่ชายคนโตของโกคุเดระต้องตั้งรับ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองอีกฝ่ายราวกับรอคอยการได้ประมือกันมานาน

นัยน์ตาที่ตื่นเต้นสอดประสานกับนัยน์ตาที่เคียดแค้นชิงชัง ยามาโมโตะ ทาเคชิ เลือกที่จะใช้ดาบ...อาวุธที่ตนถนัดที่สุดกับคนตรงหน้าทันทีอย่างไม่มีลังเล เพราะรู้ว่าพี่ชายคนนี้ของโกคุเดระเองก็มีฝีมือไม่น้อย หากเขาไม่เอาจริง คงไม่มีวันแย่งชิงนกน้อยตัวนั้นมาได้

“ หึ....ยังไม่เข็ดอีกหรือไง? ต้องให้ฮายาโตะปฏิเสธเจ้าไปตรงๆเลยอย่างนั้นหรือ ว่าเค้าไม่ได้สนใจเจ้า....คราวที่แล้วข้าอุตส่าห์ช่วยให้เจ้าไม่ต้องฟังคำๆนั้นจากปากน้องชายของข้าแท้ๆ แทนที่จะไสหัวไปให้ไกลๆ”     พี่ชายคนโตของโกคุเดระพยายามที่จะยั่วยุให้เด็กหนุ่มร่างสูงสติแตกเหมือนเมื่อตอนที่ถูกจับได้จากการหนีออกไปจากอิสุ

“ หากไม่สนใจ คงไม่คิดจะไปกับข้าตั้งแต่แรกหรอก...หึ...ข้าต้องขอบใจเจ้าด้วยซ้ำที่ทำให้ข้ารู้ว่า โกคุเดระจะไม่มีทางไปไหนได้ ถ้าอิสุยังไม่ถูกทำลาย”      แต่คราวนี้นัยน์ตาสีเปลือกไม้กลับไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความหวั่นไหว......ไม่ว่าจะยังไงก็จะเอาไปให้ได้....

ความมุ่งมั่นในใจถูกเปลี่ยนมาเป็นเรี่ยวแรง....เพราะฉะนั้นในการฟาดดาบลงไปในแต่ละครั้งร่างของพี่ชายคนโตถึงได้สะท้านเข้าไปถึงกระดูก.....คนที่โตกว่าบังคับม้าให้ออกห่างพรางจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาครุ่นคิด....ไม่ได้การ....หากจะปะทะตรงๆคงมีแต่เขาเองที่จะสู้แรงเจ้าเด็กนั่นไม่ได้

ม้าเร็วคิดจะวนออกไปตั้งหลัก แต่ปลายทวนคมกริบก็พุ่งหลาวออกมาขวางไว้และถ้าไม่เอี้ยวตัวหลบก็คงปักที่กลางหัวพอดี  ใบหน้าของพี่ชายชาวาบไปวูบหนึ่ง รอยเลือดที่ไหลลงมาจากรอยแผลที่ข้างแก้มยิ่งทำให้ความเจ็บใจเพิ่มเป็นเท่าทวี

ยามาโมโตะตามเข้ามาวาดเพลงดาบใส่แต่ก็โดนรับเอาไว้ด้วยด้ามทวน เด็กหนุ่มร่างสูงไม่ได้กลัวเลยว่าอาวุธระยะปะชิดจะสู้อาวุธระยะกลางไม่ได้

เสียงเหล็กคมกล้าปะทะกันอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ หลายต่อหลายครั้งที่เด็กหนุ่มต้องเอี้ยวตัวหลบปลายทวนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และก็มีหลายครั้งที่ผู้เป็นพี่ชายได้บาดแผลเล็กๆน้อยๆจากคมดาบนั่น

แขนของคนที่อายุมากกว่าเริ่มจะสั่นจนรู้สึกได้ ถึงแม้นัยน์ตาจะยังคงจับจ้องอยู่ที่วิถีดาบของเด็กหนุ่มแต่ในหัวก็กำลังหาทางเล่นงานเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น

ถึงอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของอิสุเป็นอย่างดี....แต่ถ้าเป็นเรื่องม้าเร็วสายพันธ์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาแล้วละก็ มันยังคงเป็นความลับที่มีแต่คนระดับสูงของอิสุเท่านั้นที่รู้

ชั่วพริบตาที่ปลายทวนสอดเข้าไปแล้วตวัดให้เด็กหนุ่มต้องก้มตัวหลบ ม้าเร็วถูกบังคับราวกับพายุให้เร่งความเร็วที่เกินขีดจำกัดของม้าทั่วไปจนกระทั่งมันวิ่งวนออกไปไกล นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของยามาโมโตะเบิกว้างยามเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วไม่เห็นคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า

และเมื่อมองหาจนเจอว่าพี่ชายคนโตไปอยู่ตรงไหน

ลูกธนูก็พุ่งออกมาจากคันธนูเรียบร้อยแล้ว....และไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่แม่นยำ


เคร้ง.....


“ อุก....”      ร่างของยามาโมโตะร่วงลงไปจากหลังม้าตามแรงปะทะของธนู....ยังดีที่ใช้เพลงดาบคู่ที่โกคุเดระคิดคิ้นขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้ทัน  ลูกธนูชนิดพิเศษจึงปักลงไปในชุดเกราะของเด็กหนุ่มแถวๆต้นแขนซ้าย....มิใช่หัวใจ

ไม่มีเวลาจะมายืนดูแผล ลูกธนูยังคงพุ่งตามมาอีกเป็นชุด ให้เด็กหนุ่มต้องวาดเพลงดาบเข้าใส่ นัยน์ตาคมกล้าจ้องมองไปยังพี่ชายคนโตที่ยิงธนูอยู่ไกลๆด้วยความเจ็บใจ...และปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เพราะหากมีธนูอยู่ในมือแล้ว พวกอิสุจะเป็นนักรบที่น่ากลัวที่สุด

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กวาดมองไปทั่วเพื่อหาตัวช่วย มือใหญ่ดึงดาบหักที่ปักอยู่กับพื้นดินของทหารสักนายขึ้นมาก่อนจะปามันออกไป และแน่นอนว่าพี่ชายคนโตก็คงไม่อยู่นิ่งให้ดาบนั้นทำอันตรายอะไรตัวเองได้

คมดาบลอยละลิ่วผ่านพี่ชายคนโตไป ใบหน้าของคนที่กลับมาเหนือกว่ายกยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ถูกไล่ต้อน

โดยไม่ทันได้ดูเลย....ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคมดาบหักนั่น ไม่ใช่ตน...แต่เป็นเสาไม้ที่ใช้ค้ำยันเสาสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จนั่นต่างหาก

โครม!!!

เสาสะพานหักลงมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เจ้าม้าเร็วจะหลบได้แต่มันก็ตื่นตกใจจนผู้เป็นเจ้านายบังคับไม่อยู่ ขาหน้าดีดขึ้นลงและลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาทำให้มันหยุดพยศ ร่างสูงจำต้องโดดลงจากหลังของมันด้วยความเจ็บใจ

คันธนูในมือถูกโยนทิ้งไป อาวุธสุดท้ายที่จะใช้ดับลมหายใจเจ้าเด็กยามาโมโตะถูกชักออกมาจากฝัก

ดาบของทั้งคู่ต่างชี้เข้าหากัน เช่นเดียวกับนัยน์ตาคมกล้าที่ต่างจ้องมองกันอย่างไม่ลดละ จิตสังหารถูกส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีปราณี

“ นี่อาจจะเป็นดาบสุดท้ายของข้า....ถึงเจ้าจะไม่ยอมรับแต่ข้าก็อยากจะขอเรียกเจ้าว่า “ท่านพี่” สักครั้งหนึ่ง”      ยามาโมโตะเอ่ยออกไป ถึงแม้เสียงจะยังคงนิ่งสนิทแต่ลมหายใจก็หอบให้เห็นอย่างชัดเจน ที่แขนซ้ายรับรู้ได้ถึงความเจ็บแสบและกลิ่นเลือดของตัวเอง

“ หึ....ข้าไม่มีน้องที่ทำลายบ้านเมืองของข้าเช่นเจ้า....”      พี่ชายคนโตเอ่ยโต้กลับไปด้วยความเคียดแค้น....เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยความเคารพหรืออย่างไร...แต่ในสายตาของเขาในตอนนี้ก็มีแต่จะรู้สึกว่าไอ้เจ้าเด็กตรงหน้ามันกำลังมั่นใจ ว่ามันจะชนะเขาได้และชิงฮายาโตะไป....และที่จงใจเรียกเขาว่า “พี่ชาย” ก็คงอยากจะบอกให้รู้ ว่ามันกับฮายาโตะเป็นอะไรกัน

และต่อให้ต้องทุ่มสุดกำลังหรือทั้งลมหายใจ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้มันได้ฮายาโตะไป!

ปลายดาบที่หันเข้าหากันนั้นต่างก็ไม่มีหวั่นไหว ทั้งๆที่ร่างกายของทั้งสองคนนั้นต่างหอบจนตัวโยน

ใบหน้าคมเงยมองคนที่อายุมากกว่าด้วยรอยยิ้มร้าย....อีกหนึ่งอย่างที่สมความตั้งใจในศึกครั้งนี้คือการที่ได้ต่อสู้กับพี่ชายคนโตอย่างจริงๆจังๆ....นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองปลายดาบของตัวเองก่อนที่จะเพ่งสมาธิทั้งหมดลงไป....เขาจะใช้เพลงดาบระดับสูงที่สุดของเพลงดาบตระกูลยามาโมโตะ

“ ย้ากกกกกกกกกก!!!!”      เสียงตะโกนดังก้องของทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมๆกัน ในขณะที่ฝ่าเท้าก้าวเข้าหากันด้วยความรวดเร็ว

เพราะเพลงดาบระดับสูงที่สุดของตระกูลยามาโมโตะ.....คมกริบจนตัดได้แม้แต่ชุดเกราะ...


เคร้ง.....


เสียงเหล็กปะทะเหล็กก่อนจะมีบางสิ่งร่วงลงไป....ในสภาวะที่ทุกอย่างต่างยังคงนิ่งงัน...นัยน์ตาสีเปลือกไม้แลเห็นแค่ปลายดาบหักที่ค่อยๆตกลงสู่พื้นอย่างช้าๆเท่านั้น

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นดาบของใคร...

ร่างกายชาวาบราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้  ที่ชุดเกราะบริเวณหัวใจยังคงสั่นสะท้าน


ตุบ.....


“ แฮ่ก....แฮ่ก.....”       ร่างสูงใหญ่ของยามาโมโตะยืนหอบหายใจในขณะที่ร่างของพี่ชายคนโตค่อยๆทรุดลงกับพื้น

ปลายดาบหักที่เห็นนั้นเป็นดาบของพี่ชายคนโต....เพราะหากมันไม่หัก มันก็คงจะปักเข้าไปที่หัวใจของเขาเต็มๆ....

มือใหญ่ดึงดาบของตัวเองออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย สายตาพร่ามัวของพี่ชายมองมาที่เขา มือที่สั่นน้อยๆยกขึ้นมาไขว่คว้าราวกับว่าไม่ยอมรับซึ่งความพ่ายแพ้

แต่แล้วมันก็ค่อยๆตกลงสู่ข้างกายจนนิ่งไปในที่สุด


ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น.....สายตาที่มองไปยังร่างที่แน่นิ่งของพี่ชายคนโตเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้....ทั้งเคียดแค้น ทั้งชิงชัง แต่ก็ยังอยากจะขอบคุณ

และสิ่งเดียวที่จะแทนคำขอบคุณของเขาได้ คือการทำให้อีกฝ่ายสิ้นลมหายใจไปภายในดาบเดียว




ใบหน้าคมเงยมองไปรอบๆกาย......ซึ่งบัดนี้มีเพียงเสียงโห่ร้องของทหารคามาคุระ.....บ้านเมืองที่เคยสวยงามถูกทำลายราบในพริบตา ควันไฟลอยคลุ้งอยู่ทั่วท้องฟ้า....

ไม่มีกรงที่จะกักขังนกน้อยของเขาอีกต่อไป...







ควันไฟที่พวยพุ่งเหนือน่านฟ้าของอิสุทั่วทุกทิศทุกทางทำให้มือบางยิ่งพยายามดึงโซ่ออกจากเสา ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกอย่างเต็มไปด้วยความกังวล เสียงโห่ร้องและเสียงทำลายข้าวของทำให้รู้ว่าข้าศึกคงบุกเข้ามาในเมืองได้แล้ว...ถึงขนาดนี้ ทำไม่พวกพี่ๆของเขาถึงยังไม่มีใครกลับมาสักคน....

เกิดอะไรขึ้นกัน?

“ มีใครอยู่ข้างนอกไหม?!! ปล่อยข้าออกไปนะ ข้าจะไปช่วยท่านพี่!!”     ร่างบอบบางตะโกนให้ใครสักคนได้ยิน แต่ก็ยังไม่มีใครขานรับตามเดิม เสียงทำลายข้าวของดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนคิดได้ว่า พวกคามาคุระคงบุกเข้ามาจนถึงในบ้านหลังนี้ได้แล้ว

นัยน์ตาสีมรกตเริ่มจะพร่ามัวเมื่อพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อและพี่ชายของเขา มือยิ่งดึงโซ่หนักขึ้นจนข้อมือบางแดงระเรื่อเพราะแรงเสียดสี

“ ปล่อยข้าออกไป!!...ฮึก...”      หยาดน้ำตาร่วงลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งๆที่บ้านเมืองกำลังวอดวายขนาดนี้ เขามันก็ยังเป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์ตามเดิม

บางที....อาจจะไม่ใช่แค่ไร้ประโยชน์

แต่เขาอาจจะเป็นโทษ...ที่ทำให้อิสุต้องเป็นแบบนี้


ครืด....


เสียงประตูเลื่อนเปิดออกช้าๆให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมองทันที คนที่เดินเข้ามานั้นคือคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

“ ท่านแม่....”       ร่างระหงของนายหญิงโกคุเดระเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นกุญแจมาให้ ใบหน้างดงามมองผู้เป็นลูกชายด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

“ หนีไป...ฮายาโตะ....”      แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น ประกายของคมดาบก็เสียบทะลุออกมาจากหน้าท้องของผู้เป็นแม่

“ ท่านแม่?!!!”      นัยน์ตาสีมกรตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ร่างบอบบางถลาเข้าไปรับร่างของผู้เป็นมารดาที่ค่อยๆทรุดลงด้วยหัวใจที่หล่นวูบ

“ ท่านแม่!!!”       มือบางพยายามเขย่าไหล่หญิงสาวไม่ให้หลับตา เลือดที่ไหลเลอะฝ่ามือทำให้ร่างทั้งร่างเริ่มจะสั่นระริก

“ ไม่นะ ท่านแม่...ท่านแม่!!!”      ร่างบางเรียกผู้เป็นแม่เสียงหลง น้ำตาไหลลงมายิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นคนที่รักกำลังจะตายไปต่อหน้าต่อตา


คมดาบที่ยังเสียบทะลุร่างระหงค่อยๆถอนออกไป....และเมื่อร่างของนายหญิงโกคุเดระทรุดลงเรื่อยๆ...เงาร่างที่ปรากฏอยู่ข้างหลังผู้ซึ่งเป็นเจ้าของคมดาบจึงค่อยๆชัดเจนจนมองเห็นได้

และเงานั้นมันก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม



“ ยามา....โมโตะ......”

หัวใจดวงน้อยที่เฝ้าคิดถึงอีกฝ่ายมาตลอดบัดนี้ราวกับว่าถูกบดขยี้ด้วยมือใหญ่ที่กำดาบอยู่คู่นั้น

การพบหน้ากัน แทนที่จะเต็มไปด้วยความดีใจมันกลับเจ็บแปลบไปจนถึงขั้วหัวใจ

ใบหน้าคมที่ก้มมองลงมานั้นราวกับว่าเป็นคนที่ไม่รู้จัก....ปลายดาบที่คมกริบยังคงมีเลือดของผู้เป็นแม่ไหลย้อยลงมาเป็นสาย

“ เจอเจ้าจนได้นะ โกคุเดระ”      เสียงที่เอ่ยออกมามันไม่ใช่น้ำเสียงอ่อนโยนที่เคยรู้จัก มันเป็นเพียงเสียงเย็นชาของคนที่ไม่เคยพบหน้า

ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงมาจับข้อมือบาง แต่มันก็ถูกสะบัดออกทันที

“ ท่านแม่....”     ร่างบอบบางก้มลงไปกอดผู้เป็นแม่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด...ถ้าทุกคนในบ้านหลังนี้ตายกันไปหมดแล้ว...เขาก็จะตายที่นี่เหมือนกัน!

มือใหญ่หยิบกุญแจที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาก่อนจะไขไปที่แม่กุญแจที่คล้องโซ่อยู่ด้วยท่าทางนิ่งสนิท และเมื่อข้อมือเล็กเป็นอิสระมือใหญ่ก็กระชากมันขึ้นมาเต็มแรง

“ ปล่อยข้า!! ข้าจะอยู่กับท่านแม่!! ฆ่าข้าซะเลยสิ ข้าจะตายอยู่ที่นี่”     ใบหน้าสวยตะโกนใส่ใบหน้าคมราวกับคนขาดสติ ทั้งความเจ็บปวดทั้งรอยน้ำตาไม่ได้ทำให้คนที่เย็นชารู้สึกรู้สาอะไร  ร่างสูงใหญ่ยังคงออกแรงลากร่างบอบบางออกมาจากร่างที่แน่นิ่งของผู้เป็นแม่

และเมื่อมันไม่ค่อยจะได้ผล ยามาโมโตะจึงตัดสินใจยกร่างบอบบางขึ้นพาดบ่าแล้วก้าวขาเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร

“ ปล่อยข้า!! ข้าจะตายอยู่ที่นี่!! ท่านแม่!! ท่านแม่!!”     ฝ่ามือเล็กทุบแผ่นหลังกว้างอย่างเอาเป็นเอาตาย ริมฝีปากสีระเรื่อก็ร้องเรียกผู้เป็นแม่ที่ค่อยๆถูกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆตามจังหวะที่ขาของร่างสูงก้าวเดินออกไป

“ ถ้าเจ้าตายที่นี่...แล้วข้าจะเสียเวลาทำลายอิสุไปทำไมล่ะโกคุเดระ?”      น้ำเสียงเย็นที่เอ่ยออกมาจากปากคนที่ยกตนพาดบ่ายิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


คำว่า “ข้ารักเจ้า”  ที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกๆวัน...ทั้งกังหันลมจากกระดาษห่อยาอันนั้น...

มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยใช่ไหม ?

ที่ผ่านมาเขาแค่ฝันไปอย่างนั้นหรอ...ว่าครั้งหนึ่งเคยมีชายที่ชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ได้มอบมันเอาใว้ให้เขา





ถ้าตอนนี้มีดาวตกลงมา....

เขาจะขออธิษฐานว่า....ขอให้ข้าอย่าได้ตื่นขึ้นมาจากความฝันนั้นเลย....






ร่างบอบบางถูกวางลงอีกทีที่บนหลังม้าสีดำ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะตามขึ้นมานั่งอยู่ด้านหลัง 

ทหารของคามาคุระต่างมองมาที่ร่างบอบบางเป็นตาเดียว แต่เพราะสายตามืดมนของคนที่เป็นแม่ทัพจึงไม่มีใครกล้าสงสัย ไม่มีใครกล้าถามอะไรออกไป

เพราะดูเหมือนนัยน์ตาสีเปลือกไม้นั้นจะน่ากลัวยิ่งกว่าตอนทำลายอิสุอยู่หลายเท่า...




ม้าสีดำวิ่งเหยาะๆออกไปช้าๆ สภาพบ้านเมืองที่ได้มาเห็นกับตาทำให้ร่างบอบบางถึงกับสั่นสะท้าน

“ ดูสิ....โกคุเดระ.....บ้านเมืองที่เจ้ารักหนักหนา.....”    เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างหู สิ่งที่ปรากฏแก่สายตายามเมื่อม้าสีดำวิ่งผ่านมีแต่จะยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้น  แล้วถ้อยคำร้ายกาจก็ยังฝังลงมาให้น้ำตาไหลไม่หยุด

“ วันนั้น....ถ้าเจ้ายอมหนีไปกับข้าดีๆ...อิสุก็คงไม่ต้องมีสภาพเช่นนี้”

“ ทำไมกัน...”     เสียงสั่นๆดังออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อ

“ ทำไมกันยามาโมโตะ!!!     ใบหน้าสวยหันกลับมาหาคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังทั้งน้ำตานองหน้า

“ ทั้งๆที่ข้าเฝ้าคิดถึงแต่เจ้า ว่าเจ้าจะปลอดภัยดีไหม เจ้าจะโดนใครต่อใครรังแกเหมือนตอนที่อยู่ที่อิสุหรือเปล่า....แล้วทำไม...ทำไมเจ้ายังทำแบบนี้กับข้า! ทำลายสิ่งที่ข้ารักได้ลงคอ ทำร้ายคนที่เลี้ยงเจ้ามาและใจดีกับเจ้าอย่างท่านแม่ของข้า...ทำไม....”      ใบหน้าสวยที่เจ็บปวดทำให้ใบหน้าคมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเย็นชาดังเดิม

“ ข้าไม่สนใจหรอกโกคุเดระ....ว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้ารัก...”    


“ เพราะข้าสนใจแค่ว่า...ข้ารักเจ้า...เท่านั้น”     


สิ่งที่ใบหน้าคมพูดออกมามีแต่จะทำให้หัวใจดวงน้อยกลายเป็นอัมพาต ใบหน้าสวยนิ่งค้างก่อนที่ทุกอย่างในใจมันจะปะดังปะเดเข้ามาจนทนต่อไปไม่ไหว

“ สุดท้าย...เจ้ามันก็คิดถึงแต่ตัวเอง!! เจ้าที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของข้า ยังจะบอกว่ารักข้าอีกอย่างนั้นหรอ?!    ฝ่ามือบางทุบลงไปที่แผงอกแข็งแกร่ง เส้นผมสีเงินสะบัดไปมาตามใบหน้าที่ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่างสูงให้มา จนฝ่ามือใหญ่ต้องจับข้อมือเล็กๆนั่นเอาไว้ ก่อนที่ใบหน้าคมจะก้มลงมากระซิบ....ถึงความเป็นจริงที่รออยู่

“ ฮึ...ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหม....ว่าครั้งต่อไปที่จะได้เจอกัน....ข้า....จะเป็นยามาโมโตะที่เจ้าไม่เคยรู้จัก....คนที่เลือกเส้นทางนี้ให้กับข้า คือเจ้าเองนั่นแหละ โกคุเดระ”



เจ้าไม่รู้หรอก...ว่าความโหดร้ายของสงคราม...มันเป็นยังไง

สิ่งที่ข้าทำได้...มีเพียงแค่นี้เท่านั้น

แค่เจ้าเท่านั้น





“ นี่โกคุเดระ.....”      ใบหน้าคมก้มลงไปกระซิบที่ใบหูของคนที่อยู่ในอ้อมแขน แรงขยับขึ้นลงบนหลังม้าทำให้แผ่นหลังบางสัมผัสกับแผงอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ราวกับจะกักขังร่างทั้งร่างให้ห่างไกลจากทางหนีก็ได้แต่ทำให้ใบหน้าสวยก้มงุดอย่างเจ็บใจ

แล้วยิ่งประโยคถัดไปที่ได้ยิน ก็ยิ่งทำเอาหนาวสะท้านไปทั้งตัว

“ นอกจากวิธียิงธนูกับบทเรียนในตำราแล้ว...ที่บ้านของเจ้าเคยสอนเอาไว้หรือเปล่า....วิธีการใช้ร่างกายมีสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยาน่ะ”


“ คนที่ซุกซนอย่างเจ้า รู้จักมันหรือเปล่า หื๋ม?”



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




เอาแล่ว...อิเนียนจะโดนแม่ยกฆ่าตายแล่ว (ผิด!! แกควรจะห่วงความบริสุทธิ์ของลูกสาวเซ่ะ!)

ยะ อย่าเพิ่งเกลียดยามะกันน้า....^ ^”....มันคงมีเหตุผลนิดหน่อยที่ทำให้ต้องทำแบบนี้แหละน้า...ฮะฮะฮะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก อิยามะ แก๊!!!

ยามะมันมีเหตุผลที่ต้องฆ่าทุกคนด้วยมือของตัวเองค่ะ ยังไงก็รอดูกันต่อไป อิอิ ทุกอย่างที่มันทำลงไปนี่เพื่อก๊กจริงๆนะ เชื่อเค้าสิ TT^TT


ตอนที่ผ่านๆมาก็ต้องขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆเสียงทวงมากๆเลยนะคะ >w< ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหน ในโกดังนี้ ในเฟส ในเมล์ ข้าพเจ้าได้อ่านทั้งหมดแหละ แล้วก็นั่งเขินม้วนเป็นก้อนๆ(?)อยู่คนเดียวนั่นแหละ ดีใจมากๆเลยค่ะ และมันก็ทำให้ปั่นตอน 10 ออกมาไวขนาดนี้ 5555 (นี่ไวแล้วเร๊อะแก?!)

ขอบคุณมากๆนะค้า m(_ _)m


แล้วก็หลายๆคนอาจจะเห็นฟิคแปลกๆที่ลงก่อนหน้านี้วันนึง ฮ่าๆๆ Psycho Pass Fanfiction [ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม] มีคนถามมาว่าชื่อเรื่องได้มาจากเพลงปิดของเรื่องใช่หรือเปล่า...ตอบว่า ใช่เลยค่า...>w<...ก็แบบว่าชอบเพลงปิดนี้มากๆเลยอ่า ก็เลย....5555 ยังไงก็ฝากไว้อีกเรื่องนึงนะค้า ถึงแม้จะเป็นฟิคชั่ววูบที่แต่งเพียงชั่วข้ามคืนก็เถอะ  ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแต่งอีกอ่ะ =^=

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ฮี่


ปล. อาทิตย์หน้าใกล้จะคริสต์มาสแล้วววววว ระวังจะมีเซอร์ไพรส์(?) คึหึหึ...*w*…


9 ความคิดเห็น:

  1. อยากจะบอกว่าเริ่มกลัวยามะหน่อยๆแล้วล่ะค่ะ ;w;

    แต่ว่าก็เข้าใจนะว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อหนูก๊กจริงๆ

    มาต่อเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่น๊า~~~~

    ตอบลบ
  2. ฮือออออๆๆๆ อ่านไปร้องไห้ไปด้วย...... เศร้ามากเลย ตอนแรกเชียร์ยามะสุดใจขาดดิ้น

    แต่พอมาเจอแบบนี้ เริ่มสงสารพี่น้องของโกคุ ยังไงไม่รู้ แต่ชอบคร่ สนุกมว๊ากกกกกกกกกก [อีนี้สรุปมันยังไงกันแน่ - -"]

    ติดตามตอนต่อไปคร่ ลุ้นๆๆ ว่าตอนหน้าจะเปนยังไงไม่ไหวแย้ววว!!

    ตอบลบ
  3. สงสารครอบครัวโกคุอ่าาTT^TT

    ฮืออ ร้องไห้เลยอ่ะ ว่าแต่ว่าเหตุผลอะไรหล่ะงิ ที่ต้องฆ่า ต้องติดตามมม

    แต่ว่ากรี๊ดประโยคสุดท้ายอ่ะ!! ตอนต่อไปหนูขอเอ็นซี!! ยามะจัดเลยไอ้ลูกเขย!! เอ้ย!! (โดนไดนาไมต์ถล่ม=[]+!)

    สุนกมากเลยพี่กวาง สงสารอิสุมากอ่ะT^TT กรี๊ดฉากฮิบะทุน่าา ซึ้ง* *

    รีบมาต่อไวๆนะพี่กวางมุกรออ่านเอ็นซีอยู่ เอ้ย!! มะใช่ !! 55555

    ตอบลบ
  4. “ นอกจากวิธียิงธนูกับบทเรียนในตำราแล้ว...ที่บ้านของเจ้าเคยสอนเอาไว้หรือเปล่า....วิธีการใช้ร่างกายมีสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยาน่ะ” เหมือนจะเป็นสัญญาณของเอ็นซีในตอนหน้าใช่หรือไม่คะ รอๆ พร้อมทิชชู่ //*-*//
    สงสารหนูก๊ก เริ่มกลัวยามะ มันจะดาร์กจับจิตเกินไปแล้ว ชอบอ่ะ

    ตอบลบ
  5. เพิ่งจะได้ฤกษ์มาเม้นท์? พี่กวางอย่าเพิ่งเขวี้ยงไหกาละมังใส่นะค้า 5555+ =[]= (ฟิ้ว///)

    ในที่สุดกรงก็แตก(?) แล้วสินะ ดูจากคำพูดตอนสุดท้ายของยามะแล้วตอนหน้าคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเอ็นซี? กร๊ากกก
    สงสัยว่าก๊กคงไม่ต้องไปหาตำราที่ไหนอ่านแล้วม้าง เด๋วยามะจัดให้เอง ฮาาาาา อยากอ่านต่อ ฮว้ากกกกก

    และสุดท้ายนกทั้งสองตัวก็ถูกจับยัดกรงทั้งคู้แล้วสินะคะ อืมอืม =w= เดาว่าต่อไปทูน่าก็คงจะอึ้งน่าดู ยามะเล่นฆ่าทั้งเมืองเหลือไว้คนเดี๊ยะ!! =[]=

    สู้ๆค้า รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ = =+ และก็ขอบคุณสำหรับเม้นท์โดปู่นะค้า เพราะ M1 เองก็ไม่เข้าใจ 5555+

    ตอบลบ
  6. สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด

    5555555555555+

    ยามะแม่มมมม เจ๋งง

    คำว่าสงครามอ่ะเข้าใจนะว่าต้องฆ่าให้หมด ไม่งั้นตัวเราเองก็คงจะตาย >__< เชียร์ดาร์ก

    คิคิ

    ตอบลบ
  7. อิย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา TT_TT

    ตอนนี้เป็นอะไรที่เชือดเฉือนมากเลยอะ สงสารทั้งก๊กทั้งยามะ(ถึงเเม้ว่าจะสงสารก๊กมากกว่าก็ตาม)

    เเต่ฉากนึงที่สะเทือนใจตับไตเเละม้ามนังริยาเลยก็คือ ตอนยามะฆ่าเเม่ก๊กต่อหน้าก๊กเนี่ยเเล่ะ TT[]TT โฮๆ ตายยยยๆๆ เเม่ก๊กก็ดีด้วยถึงขนาดนั้น ทำไมถึงฆ่าได้ลงคอน้อ พาไปที่อิสุก็ได้...(เเล้วคนในเมืองเขาจะมองเเม่ก๊กยังไงยะ)

    คือเเอบงอนๆยามะนิดหน่อย ที่เเบบฆ่าหมดไรงี้ เเต่ทำไปเพื่อก๊กนี่เนอะTT_TT ถึงจะโหดร้ายไปสักหน่อยก็เถอะค่ะ

    (สงสารก๊ก เเง TT^TT....)

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ26 มกราคม 2558 เวลา 01:22

    ขอโทษก่อนเลยนะคะที่แฮบมาเม้นตอนนี้
    คือว่าเค้าใช้ไอแพดอีกแล้ว เน็ตที่หอใช้คอมไม่ได้
    ละ พอพยายามจะมเนที่ไรค้างไปสองสามนาทีเลยค่ะ
    ตอนนี้เน็ตใช้ได้แล้วค่ะเลยตั้งใจว่าจะมาคอมโบซัหน่อย

    คือคู่ตาชาเย็นกับทูน่าไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ
    อีกคนสายเอสอีกคนก็เกือบเอ็มอยู่แล้ว รักกันได้ไร้ปัญหา
    ยัยผู้หญิงคนนั้นท่าจะเป็นตัวร้าย

    คือที่สำคัญค่ะไม่รู้สึกโกรธแค้นเคืองยามะเลยแม้แต่น้อย
    เนียนทำอะไรขนาดนั้นเลวขนาดไหนก็ไม่เคืองค่ะ ตราบใดที่ไม่ได้ทำร้ายหนูก๊กแบบทางด้านจิตใจที่รักกันก็พอ(งงไหมล่ะนั่น คืออารมณ์ช่างคนอื่นค่ะ5555) ดูเหมือนจะโรคจิตไปอีกขั้น
    ก็ถ้าไม่ทำก๊กคงไม่ได้ไปกับเนียนนี่นา หึหึ

    เล่นบทดาร์กนางทาสเลยสองพี่น้อง ลุยยยย

    ตอบลบ
  9. ในขณะที่คู่รองอ่อนหวานกันแร้ววววววววว
    คู่หลักดาร์กมากกกกกกกก
    สลับกันสินะ555555555555

    ตอบลบ