KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 09



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 09


: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





ฝูงอีกาสีดำสนิทบินว่อนอยู่เต็มท้องฟ้า เสียงร้อง กา กา กรีดลั่นราวกับจะเย้ยหยันซากศพที่กองเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วท้องทุ่งโอทสึฮาระ

ธงที่มีตราสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของโอทสึกิหักปักผืนดินนองเลือดจนไม่เหลือชิ้นดี แสดงถึงความปราชัยที่มีให้แก่ชายผู้ยืนอยู่เหนือซากศพด้วยใบหน้านิ่งเฉย

มือสะบัดทอนฟาจนเลือดที่ติดอยู่สาดกระเซ็นก่อนจะเก็บมันเข้าที่อย่างใจเย็น นัยน์ตาสีดำคมกล้ากวาดมองไปรอบกายที่ไม่มีทหารของฝ่ายศัตรูเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

กองทัพของฮิบาริ เคียวะ แตกต่างจากกองทัพของยามาโมโตะ ทาเคชิ ตรงที่ความเหี้ยมโหด ลูกชายคนโตของเจ้าเมืองคามาคุระจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมีชีวิตรอดไปได้ ต่างจากลูกชายคนรองของเจ้าเมืองคามาคุระที่จะทำตามเป้าหมายของตัวเองโดยไม่สนใจว่าจะมีใครรอดหรือไม่

ไม่รู้ว่า โอทสึกิหรือชิโระยามะที่โชคดีกว่ากัน....แต่ที่แน่ๆ...โชคคงไม่เข้าข้างอิสุ

ร่างสูงสง่าของ ฮิบาริ เคียวยะ กระโดดลงมาจากกองซากศพก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย...ไม่แม้แต่จะสนใจรอยเลือดที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของตน

นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังทิศใต้ก่อนจะเอ่ยเสียงก้องกังวานเป็นสัญญาณให้กองทัพสีดำเคลื่อนตัวต่อไปโดยไม่คิดจะหยุดพัก

“ เราจะไม่พักจนกว่าจะยึดโอดะวาระมาเป็นฐานที่มั่นได้!!


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


เสียงแตรสงครามที่ดังฮึกเหิมอยู่ไกลๆทำให้ทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองอยู่หันไปดู กองทัพสีดำที่หวนกลับสู่เมืองคามาคุระนั้นแทบไม่ได้ลดลงเลย ทั้งจังหวะการก้าวย่างที่เต็มไปด้วยขวัญและกำลังใจแบบนั้นทำให้ทหารยามวิ่งหน้าตั้งด้วยความยินดีไปชักธงชัยขึ้นยอดเสา ป่าวประกาศให้คนทั่วทั้งคามาคุระรู้กันว่า กองทัพของท่านน้องชายเจ้าเมืองกลับมาพร้อมกับชัยชนะ

เมื่อกลับคืนสู่บ้าน เหล่าทหารต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเตรียมศึกใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับท่านแม่ทัพที่เดินอุ้ยอ้ายยิ้มหน้าบานเข้าไปในคฤหาสน์คามาคุระพร้อมๆกับผู้เป็นหลานชาย

เจ้าเมืองคามาคุระนั้นออกมารอรับอยู่ที่ห้องด้านหน้าอยู่ก่อนแล้ว สายตาคมกริบตวัดมองลูกชายคนรองก่อนจะผายมือให้นั่งลง

....โตขึ้นมาเป็นอย่างที่ข้าคาดหวังเอาไว้ไม่มีผิดเลยนะ ทาเคชิ....

....เป็นอาวุธลับ เป็นคมเขี้ยวที่ไม่มีใครรู้จัก คอยขจัดขวากหนามให้แก่คามาคุระราวกับเงาดำมืดที่จะกลืนกินทุกอย่างโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว เพราะใครๆต่างก็มัวแต่จ้องมองไปที่เคียวยะ จึงไม่มีใครรู้เลยว่า คมดาบที่น่ากลัวที่สุดของคามาคุระคือเด็กคนนี้ต่างหาก....

น้องชายของท่านเจ้าเมืองเอ่ยรายงานทุกสถานการณ์ด้วยเสียงสดใส โดยที่เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะเอ่ยแทรกเพื่อรับความดีความชอบ นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนยังคงมองฉากกั้นห้องไปเรื่อยๆราวกับว่าไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้เป็นอาพูดนัก

แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มก็ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ ใบหน้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ ที่ในที่สุดความตั้งใจของตนก็สัมฤทธิ์ผลในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจจะส่งเด็กคนนั้นไปเป็นตัวประกันแบบเสียเปล่า

ทว่า...

บางทีสายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากก็อาจจะมองข้ามเรื่องเล็กๆบางอย่างไป

ผู้เป็นพ่อไม่ได้รู้เลยว่าเป็นความผิดมหันต์ที่ไม่ส่งลูกชายคนนี้ไปเป็นตัวประกันอยู่ที่อื่น....ที่ไม่ใช่อิสุ

เพราะอิสุมีคนที่สามารถเปลี่ยนหัวใจของใครต่อใครได้....

และบัดนี้หัวใจของยามาโมโตะ ทาเคชิ ก็ไม่ได้เป็นของคามาคุระอีกต่อไป...





เมื่อรายงานทุกอย่างแก่เจ้าเมืองคามาคุระเรียบร้อยแล้วทั้งสองอาหลานจึงกลับมาเดินอยู่ที่ระเบียงภายในคฤหาสน์เพื่อแยกย้ายไปยังเรือนของตน

“ กลับมาแล้วหรอคะท่านพ่อ...ท่านพี่ทาเคชิด้วย”    ท่านหญิงมิซึโกะถลาออกมาต้อนรับพ่อของตนพร้อมกับทำหน้าเอียงอายเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆ

“ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”     ยามาโมโตะ ทาเคชิ ก้มหัวให้ผู้เป็นอาก่อนจะเดินจากไป แผ่นหลังกว้างและท่าทางนิ่งเฉยนั้นราวกับมีมนต์สะกดให้สองพ่อลูกได้แต่ยืนมองจนลับสายตา

“ เด็กคนนั้นน่ะ...ถึงแม้จะไปจมอยู่ในโคลนตมที่อิสุเป็นเวลานาน แต่ฝีมือกลับก้าวล้ำนำพวกเราที่ฝึกฝนอยู่ที่นี่เสียอีก...”     ชายสูงวัยเอ่ยชมหลานชายให้ลูกสาวฟังด้วยใบหน้าภาคภูมิ

“ ข้าจะสนับสนุนเค้าให้เต็มที่เลยละ...เผื่อว่าสักวัน เจ้าอาจจะได้เป็นท่านหญิงของเจ้าเมืองคามาคุระก็ได้นะมิซึโกะ”     ผู้เป็นพ่อหันไปบอกลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มร้ายอย่างผู้กำลังคิดการณ์ใหญ่อะไรบางอย่าง

“ เอ๋? ท่านพ่อ...อย่าบอกนะว่าท่านจะ.....”      คำพูดนั้นกลืนหายไปกับความเงียบเพราะรู้ว่าไม่ควรเอ่ยออกมาแต่ทว่าต่างเข้าใจในความหมายของมันดี

“ เคียวยะน่ะเด็ดขาดและโหดเหี้ยมก็จริง แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละทำให้มีหลายคนไม่พอใจ...แต่ที่ผ่านมาเพราะว่าทาเคชิไม่ได้อยู่ที่นี่จึงไม่มีความหวังอื่น...”

“ แต่ในเมื่อตอนนี้เด็กคนนั้นกลับมาแล้ว แถมยังแสดงฝีมือให้ใครหลายคนเห็นแล้วด้วยว่าไม่ธรรมดา...และหากได้รับแรงสนับสนุนจากข้า...เจ้าคิดว่ามันจะไม่มีโอกาสเลยหรือ”    ผู้เป็นพ่อหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับลูกสาวที่ยิ้มรับกลับมา


และรอยยิ้มก็ไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของสองพ่อลูกเท่านั้น...


ในเมื่อร่างสูงใหญ่ที่คิดว่าเดินจากไปไกลแล้วกลับแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งของทางเดิน...

รอยยิ้มที่มุมปากฉายชัดอยู่บนใบหน้าคมเช่นกัน....


ไม่ว่าจะเมืองหรืออะไรเขาก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ต้องการคือสิทธิ์ขาดในการเก็บกวาดอิสุ!








ได้ข่าวว่ามีกองทัพหนึ่งกลับมา ร่างเล็กบางจึงรีบวิ่งไปดูด้วยความหวัง...แต่แล้วมันก็ไม่ใช่คนที่ตนอยากเห็นหน้า....ตัวประกันจากอิสุจึงเดินใจลอยกลับไปยังเรือนของตน

ถึงจะรู้มาคร่าวๆว่านี่คือแผนการที่จะให้ทัพใดทัพหนึ่งกลับมารับทัพหลวงออกไป แต่เขาก็อยากจะหวังว่ากองทัพที่จะกลับมาจะเป็นทัพของ ฮิบาริ เคียวยะ

ใบหน้าเล็กสะบัดไปมาเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะขมุบขมิบบ่นออกมาว่าทำไมเขาถึงไม่พยายามหาทางช่วยอิสุ ทำไมเขาถึงได้ไปหลงมนต์ของปิศาจร้ายตนนั้นได้...แล้วริมฝีปากสีสดก็ถอนหายใจออกไปก่อนจะเริ่มออกเดินอย่างปลงตก

แต่ขายังไม่ทันจะก้าวได้กี่ก้าว เสียงหอบหายใจของใครบางคนก็ดังแว่วเข้ามาในหู ร่างเล็กบางถึงกับชะงักไป เพราะเสียงหอบหายใจนั้นปนมากับเสียงไออย่างหนักหน่วง ใบหน้าเล็กยื่นออกไปจากมุมผนังเพื่อแอบดูว่าเป็นเสียงของใคร แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาร่างกายถลาเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ

เจ้าเมืองคามาคุระหรือก็คือพ่อของ ฮิบาริ เคียวยะ กำลังซวนเซจะล้มลงกับพื้น ดีที่ได้อ้อมแขนเล็กๆมารองรับเอาไว้ได้เสียก่อน

“ แค่กๆๆ”     ร่างสูงใหญ่ของชายสูงวัยค่อยๆทรงตัวก่อนจะยันมือข้างหนึ่งเอาไว้กับผนัง ส่วนมืออีกข้างยังคงปิดปากไอไม่หยุด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยดูอาการไม่ค่อยดีนัก ตัวประกันจากอิสุได้แต่เฝ้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตากังวล

“ ท่าน...เป็นยังไงบ้าง...”      มือใหญ่ยกขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร อาการไอเริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว เจ้าเมืองคามาคุระจึงได้แต่ยืนหอบพิงโคนเสาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ 

“ ให้ข้าไปตามหมอหรือใครให้ไหม?”     น้ำเสียงนุ่มที่ถามออกไปนั้นมีแววห่วงใย ทำให้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามองไปที่ใบหน้าใสด้วยดวงตาอ่อนโยน...ทั้งๆที่แทบจะไม่เคยได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่คิดว่าร่างเล็กๆตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่ของเล่นที่จะทำให้เด็กเย็นชาอย่างเคียวยะยอมอยู่นิ่งๆแล้วเล่นของเล่นไปไม่ออกนอกลู่นอกทางไปจากคำสั่งของเขา

แต่เจ้ากลับเป็นห่วงคนที่คิดแบบนั้นกับเจ้า....

“ ไม่ต้องหรอก...สึนะโยชิ....แค่อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดก็พอ”     จะให้ใครรู้ไม่ได้...ว่าเจ้าเมืองคามาคุระกำลังป่วยหนัก....

ร่างเล็กบางช่วยพยุงร่างสูงใหญ่ไปจนถึงเรือนส่วนตัว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตลอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจากทางด้านล่าง...ทั้งๆที่เป็นคนออกคำสั่งร้ายกาจมากมายและเชื่อได้ด้วยว่าคนคนนี้เป็นคนทำให้ ฮิบาริ เคียวยะ เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้....แต่ในยามที่ไม่มีใครเห็น คนคนนี้ก็เป็นแค่ชายแก่คนหนึ่ง ที่ไม่มีอำนาจแม้แต่จะหลบหนีไปจากโรคร้ายหรือความชราได้

เจ้าเมืองคามาคุระเลือกที่จะไปนั่งลงที่ชานไม้ซึ่งยื่นออกไปในสวน ใบหน้าที่เคยน่าเกรงขามกลับปล่อยวางอย่างที่คงจะมีคนเพียงไม่กี่คนที่จะได้เห็น สายตากว้างไกลที่เคยมองอะไรต่อมิอะไรได้เด็ดขาดกลับจ้องมองต้นไม้เล็กๆที่ถูกปลูกอยู่ในสวน ริมฝีปากที่เคยสั่งได้แม้แต่จะให้กองทัพทั้งกองทัพขับเคลื่อนไปกลับอมยิ้มน้อยๆไปกับภาพของแมลงปอที่เกาะอยู่เหนือยอดหญ้า....ช่างเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับตัวประกันจากอิสุจริงๆ

“ นั่งลงสิ....เคียวยะไม่อยู่แบบนี้ เจ้าเองก็คงจะไม่มีอะไรทำ”      ไม่รู้หรอกนะว่าประโยคนั้นจะแฝงความหมายอะไรไว้หรือเปล่า แต่ใบหน้าเล็กๆกลับร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

ร่างเล็กบางนั่งลงที่ด้านหลังและยังคงไม่เอ่ยอะไรออกไป ได้แต่รอให้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าพูดออกมาก่อนเท่านั้น

“ ข้าเคยคิด...ว่าสักวันจะวางมือ แล้วก็อยากจะกลายเป็นแค่คนที่ถูกหลานๆเรียกว่า ท่านปู่....”      ใบหน้าของเจ้าเมืองคามาคุระเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหม่อมองออกไปในฟากฟ้า แผ่นหลังที่เคยยิ่งใหญ่บัดนี้นัยน์ตากลมโตกลับมองเห็นว่ามันเป็นแค่แผ่นหลังของคนที่เรียกว่า “พ่อ” เพียงเท่านั้นเอง

แล้วคนที่เป็น “พ่อ” หากอยากจะกำจัดสิ่งที่ทำให้ลูกชายต้องเดินไปในทางที่ไม่ควรมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย....หากเจ้าเมืองคามาคุระคิดจะกำจัดเขา...คนที่ทำให้ ฮิบาริ เคียวยะ ไม่มีคนที่จะเรียกตนว่า “ท่านปู่” ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

สองมือเล็กที่วางไว้บนหน้าขานั้นกำแน่น สองหูคอยเงี่ยฟังคำสั่งที่อาจจะให้ทหารเข้ามาจับตัวเขาไปประหารในยามที่ไม่มี ฮิบาริ เคียวยะ คอยคุ้มหัวอยู่แบบนี้ก็ได้

เพราะจะว่าไป หน้าที่ของตัวประกันนั้นมันหมดลงตั้งนานแล้ว...เขาไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อคามาคุระมาตั้งนานแล้ว

“ หึหึ....”      เสียงหัวเราะในลำคอดังออกมาจากคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ทำให้นัยน์ตากลมโตเผลอปิดลงด้วยความหวาดหวั่น ไหล่เล็กห่อเข้าหากันเช่นเดียวกับสองมือที่สั่นน้อยๆ

“ แต่ข้าคงไม่มีโอกาสได้วางมือ หรือแม้แต่จะถูกเรียกว่าท่านปู่....”      น้ำเสียงที่ออกมานั้นมันฟังดูสบายๆมากกว่าจะกดดัน แต่ถึงอย่างนั้นตัวประกันจากอิสุก็ยังคงปิดตาแน่น

หากจะต้องถูกฆ่าตายไปตอนนี้ สิ่งเดียวที่เสียใจคือ ยังไม่เคยได้เอ่ยคำว่า “รัก” ออกไปจากปากเลยสักครั้ง.....

สองหูได้ยินเสียงสวบสาบของเนื้อผ้า คนตรงหน้าคงจะขยับเข้ามาใกล้...หรือเจ้าเมืองคามาคุระจะเปลี่ยนใจลงดาบกับเขาด้วยมือของตัวเอง...ให้เขาหายไปอย่างไร้ร่อยรอย เพราะว่า ฮิบาริ เคียวยะ คงจะอาละวาดแน่ ถ้ารู้ว่าเขาถูกประหาร

มือใหญ่ที่ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นจับลงมาที่ไหล่เล็ก สัมผัสนั้นทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาสองข้างปิดลงแน่นกว่าเดิมจนคิ้วแทบจะผูกติดกัน

“ สึนะโยชิ...”      แต่แล้วประโยคที่เจ้าเมืองคามาคุระเอ่ยออกมานั้น ก็ทำเอานัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะเป็นเรื่องจริง


“ จากนี้ไป...ฝากลูกชายของข้าด้วย...”





เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กบางต้องยืนส่งกองทัพออกสู่สนามรบ ถึงแม้ว่าคราวนี้จะไม่มีคนที่ตนรักรวมอยู่ในกองทัพนี้ด้วยก็ตาม แต่ความอบอุ่นจากมือของผู้เป็นพ่อก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่หัวไหล่...

ถ้าหากท่านเจ้าเมืองไม่ได้รักลูกชายจริง คงยอมรับกับความสุข...คงยอมรับกับความรักที่ผิดประเพณีแบบนี้ไม่ได้...

นัยน์ตากลมโตจ้องมองไปยังคนที่สวมหมวกคาบุโตะประดับเขาสัตว์ที่โดดเด่นอยู่บนหลังม้าของทัพหลวงด้วยดวงตาเศร้าสร้อย

รู้ทั้งรู้ว่าคนคนนั้นอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็มิอาจห้ามไม่ให้ออกไปได้

เพราะหน้าที่ของเจ้าเมือง หน้าที่ของแหล่งรวมขวัญและกำลังใจของทหารทั้งกองทัพ ยังไงก็จะขาดแม่ทัพไม่ได้

และหากคิดว่าสักวัน...เขาอาจจะต้องยืนส่ง ฮิบาริ เคียวยะที่เป็นแบบนั้นบ้าง...ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้าน







กองทัพสีดำที่ออกมาจากคามาคุระใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่ววันก็มาถึงโอดะวาระได้อย่างง่ายดาย เพราะข่าวเรื่องการโจมตีชิโระยามะกับโอทสึกินั้นแพร่ไปไกลจนไม่มีเมืองไหนหาญกล้าเข้ามาขัดขวางทางอีก

เช่นเดียวกับ โอดะวาระ ที่ยกธงยอมแพ้และยอมให้เมืองของตนเป็นฐานที่มั่นตั้งแต่กองทัพของ ฮิบาริ เคียวยะ ยังไม่ทันจะมาถึงด้วยซ้ำ

และบัดนี้ทุ่งกว้างที่อยู่ทางใต้ของเมืองโอดะวาระก็ถูกยึดครองโดยกองทัพของคามาคุระเพื่อใช้เป็นที่ตั้งค่ายทหาร ที่รอบๆกระโจมหลังใหญ่ในตอนนี้คราคร่ำไปด้วยทหารที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าการประชุมกองทัพที่สมบูรณ์ก็กำลังจะเริ่มขึ้น

“ สาล์นศึกเป็นอย่างไรบ้าง? ร่างเสร็จหรือยัง?”      เจ้าเมืองคามาคุระที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเอ่ยถามกับทหารที่รับหน้าที่นี้

ถึงแม้จะเป็นสงคราม แต่การสู้รบของซามูไรนั้นต้องมีเกียรติเสมอ...สาล์นศึก จึงเป็นจดหมายประกาศสงครามเพื่อให้อีกฝ่ายส่งคนออกมาสู้รบกันอย่างสมศักดิ์ศรี มิใช่การสู้รบเยี่ยงกองโจรซึ่งวิถีแห่งซามูไรนั้นไม่ทำกัน

นายทหารที่รับหน้าที่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเจ้าเมืองคามาคุระที่รับไปอ่านด้วยใบหน้าเรียบเฉย...เนื้อความในจดหมายนั้นแสนจะธรรมดาอย่างที่พบเห็นได้ทั่วไปในสาล์นศึกที่อื่น.......ยั่วยุ......แต่หากเป็นเขา ถ้ามีใครส่งจดหมายแบบนี้มาก็คงไม่ถึงกับเป็นเดือดเป็นแค้นจนหลงเข้าไปในแผนของอีกฝ่ายได้

“ ทาเคชิ...เจ้าอ่านแล้วคิดว่าอย่างไร”      ท่ามกลางสายตาแปลกใจที่ส่งมาจากทหารที่อยู่รายรอบ เจ้าเมืองคามาคุระกลับยื่นสาล์นศึกนั้นให้กับลูกชายคนรองแทนที่จะเป็นแม่ทัพคนอื่น หรือแม้แต่ ฮิบาริ เคียวยะ

ร่างสูงใหญ่ของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ รับมันไปอ่าน และไม่นานรอยยิ้มสบายๆก็ปรากฏอยู่ที่มุมปาก

เบื้องหลังแผ่นกระดาษไม่มีใครได้รับรู้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มร้ายที่ปรากฏกายขึ้นเลย...

“ ลบข้อความอย่างอื่นออกให้หมด...หากท่านต้องการให้อิสุเป็นเดือดเป็นแค้นละก็...จงเขียนตามที่ข้าบอก....”      นัยน์ตาสีเปลือกไม้ดำมืดจ้องกลับไปที่ดวงตาของผู้เป็นพ่อ มันเป็นแววตาของหมาล่าเนื้อที่มั่นใจว่าจะล่าเหยื่อของตัวเองได้อย่างแน่นอน ริมฝีปากยกยิ้มเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ เป็นข้อความที่ใครๆในที่นั้นต่างไม่เข้าใจในความหมาย

แต่สำหรับชาวอิสุแล้วไม่ใช่....

“ หากไม่อยากให้เกิดสงคราม คามาคุระจะหยุดทันทีถ้าอิสุยอมส่งตัวประกันคนหนึ่งออกมาแลก....พวกเราร้องขอแค่ลูกชายคนหนึ่งของเจ้าเมืองอิสุก็พอ....และลูกชายคนนั้นต้องเป็น โกคุเดระ ฮายาโตะ เท่านั้น”








แคว่ก!!!

สาล์นศึกถูกฉีกทิ้งอย่างไม่ไยดีด้วยมือของเจ้าเมืองอิสุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยโกรธเกรี้ยวไปกับข้อความที่ถูกเขียนอยู่ในนั้นจนแทบจะนั่งไม่ติด เช่นเดียวกับมือที่กำแน่นอย่างเจ็บแค้นของลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระ สายตาชิงชังถูกส่งฝากไปกับคนเดินสาล์นจนเจ้าทหารตัวจ้อยถึงกับขวัญผวา

“ กลับไปบอกเจ้าเมืองของเจ้า...ว่าต่อให้ต้องเปิดศึกจนบ้านเมืองล่มสลาย เราก็ไม่มีวันส่งตัว โกคุเดระ ฮายาโตะ ให้กับพวกเจ้า!!

น้ำเสียงดุดันถูกเอ่ยออกมาจากปากของเจ้าเมืองอิสุ จนคนเดินสาล์นขานรับก่อนจะวิ่งหนีตาลีตาเหลือกกลับไป

ใบหน้าของผู้ที่อยู่สูงสุดในอิสุพยายามปรับให้กลับมาเป็นปกติทั้งที่ภายในใจมันยังคงโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ....เจ้าพวกคามาคุระบังอาจส่งสาล์นมาหยามกันได้แบบนี้....แสดงว่าพวกมันคงรู้...ถึงหน้าที่ของฮายาโตะที่มีต่อคนในตระกูลโกคุเดระ

เด็กคนนั้นเป็นหัวใจ...และจะต้องถูกคุมขังอยู่ที่อิสุตลอดไป...

เพราะหากขาดหัวใจไปแล้ว ร่างกายจะอยู่ได้อย่างไร

ในทางตรงกันข้าม หากยังมีหัวใจอยู่ ร่างกายก็พร้อมที่จะต่อสู้กับทุกอย่างที่จะเข้ามาแย่งชิงมันไป


ภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆกับสองมือที่กำแน่น...น้ำเสียงกดต่ำเอ่ยบอกกับลูกชายของตน

“ ไปบอกน้องๆของเจ้า ว่าคืนนี้เราจะประชุมครั้งใหญ่กัน...เกี่ยวกับการออกรบเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของอิสุ! จะให้คามาคุระเอาชนะเราไม่ได้ จะให้ยามาโมโตะ ทาเคชิ เอาตัวฮายาโตะไปไม่ได้!”    








เจ้าเมืองคามาคุระยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาขวัญหนีดีฝ่อของคนเดินสาล์น...หนีเตลิดกลับมาแบบนี้แสดงว่าทางนู้นเองก็คงจะโกรธมากเลยสินะ...กับเนื้อความในสาล์นที่ทางคามาคุระส่งไป

เพราะเด็กที่ชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ อย่างนั้นหรอ.....

“ ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าจงฟังแผนการรบในครั้งนี้”      เจ้าเมืองคามาคุระเอ่ยเสียงดังกังวานไปทั่วกระโจมที่มีเพียงแม่ทัพและทหารระดับสูงเท่านั้นที่ได้เข้าไป

“ เราจะบุกเข้าไปปะทะกับอิสุพร้อมๆกัน โดยทัพหน้าที่มีหน้าที่ปะทะข้าจะให้เคียวยะคอยนำทัพ...ส่วนเจ้าก็มาอยู่ในทัพหลวงกับข้า”      เจ้าเมืองคามาคุระหันไปบอกผู้เป็นน้องชายของตน หลายๆคนสับสนกับแผนการที่มันฟังดูง่ายจนเกินไป เพราะดูเหมือนจะยังขาดชื่อของลูกชายคนรองไป

“ ส่วนกองทหารที่เคยติดตามน้องชายของข้า ให้ไปติดตามทาเคชิแทน....และกองทัพที่มีคนเพียงหยิบมือนั้นจะคอยหาช่องทางตีตลบหลังพวกอิสุ”    และเมื่อแผนการที่ถูกซุกซ่อนอยู่ถูกเผยออกมาก็เรียกเสียงหือฮาให้ดังไปทั่วกระโจม...เพราะต่างก็รู้กันดีว่า ไม่มีใครในคามาคุระที่จะรู้เส้นทางในอิสุดีเท่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ

ให้กองทัพหน้ากับทัพหลวงสู้รบซึ่งๆหน้า และในขณะที่อิสุตายใจ ก็ส่งกองทัพลับๆนี้สอดแทรกเข้าไปทำลายจากข้างใน

“ เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ใช่หรือไม่ ทาเคชิ”      ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงรอยยิ้มและสายตาดุจสัตว์ร้ายหิวกระหายเท่านั้นที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ครั้งนี้คามาคุระจะชนะแน่









เสียงเดินไปเดินมาอย่างเร่งรีบอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องยิ่งทำให้ร่างบอบบางแทบจะนั่งไม่ติด  มือบางพยายามจะดึงโซ่ให้หลุดออกมาจากเสาทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

ตลอดมาเขายอมถูกขังอยู่นิ่งๆ แต่บัดนี้....ที่ข้างนอกกำลังจะมีสงคราม แล้วจะให้เขานิ่งดูดายอยู่ได้ยังไง

“ นี่!!! ปล่อยข้าออกไปนะ! ข้าก็จะไปช่วยรบด้วย!”      เสียงตะโกนหลุดออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อ ใบหน้าสวยบูดบึ้งหันไปมองโซ่เส้นใหญ่พรางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน....ทำไมกัน...ทำไมถึงไม่ให้เขาออกไปช่วยอีกแรง ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ฝีมือสักหน่อย....อย่างน้อยๆก็ไม่เป็นตัวถ่วงใครแน่ๆ

คนคนนั้น....ยังยอมรับในตัวเขาเลย....

นัยน์ตาสีมรกตวูบไหวเผลอมองเลยไปยังกังหันสีขาวจากกระดาษห่อยา....เจ้าของเจ้า...ยังยอมรับในตัวข้าเลย....

“ ยังไม่เลิกพยศอีกหรือไงกัน ฮายาโตะ?”       เสียงพี่ชายคนโตดังมาก่อนที่ประตูเลื่อนหน้าห้องจะถูกเปิดด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยหันไปจ้องเขม็งใส่ใบหน้าที่ยังคงยิ้มน้อยๆ

“ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! แล้วก็พาข้าไปสนามรบด้วย!”    

“ นี่เจ้าคิดว่า เจ้าสั่งให้ข้าพาไปตลาดหรือยังไง?”      ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะน้อยๆ ยิ่งทำให้คนขี้โมโหฟึดฟัดหนักกว่าเดิม...เวลาแบบนี้เจ้าพี่ชายยังมีแก่ใจจะเข้ามาแหย่เขาเล่นอีกหรือไง?!

“ ข้ากำลังจะไปแล้วละ ฮายาโตะ....”       แต่แล้วจู่ๆใบหน้าที่ยิ้มสบายๆกลับเปลี่ยนเป็นจริงจัง ทำให้นัยน์ตาสีมรกตมองไปด้วยความกังวลล้นปรี่จนปิดไม่มิด

“ ให้ข้าไปด้วยสิ....ข้าช่วยเจ้าได้นะท่านพี่....เจ้าก็รู้ว่าเรื่องธนูข้าก็ไม่ได้แพ้พวกเจ้า...”      น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวอ่อนลงทันที นัยน์ตาสีมรกตอ้อนวอนต่อผู้เป็นพี่ชาย....เขาไม่อยากทนรออยู่ที่นี่....ไม่อยากรอรับรู้ว่าจะมีใครในครอบครัวที่ต้องเสียไป...หากเขาจะช่วยได้แม้เพียงนิด เขาก็อยากจะช่วย

“ ข้าให้เจ้าไปด้วยไม่ได้หรอก ฮายาโตะ”     แต่แล้วผู้เป็นพี่ชายก็ยังคงใจแข็ง...เป็นอีกครั้งที่พี่ชายคนโตไม่ยอมรับฟังคำขอร้องของน้องชายคนเล็กคนนี้

ใบหน้าสวยก้มลงอย่างหม่นหมอง โซ่เส้นใหญ่ที่พันธนาการข้อมือเอาไว้ดูจะหนักอึ้งยิ่งกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา

“ เพราะหากเราสูญเสียเจ้าไป นั่นเท่ากับว่าพวกเราแพ้....”      แต่แล้วสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายพูดก็ทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองด้วยความสงสัย...ว่าตัวเองไปเกี่ยวอะไรด้วย

“ ความจริงท่านพ่อสั่งไม่ให้พวกเราบอกเจ้าเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าเจ้าจะทำเรื่องโง่ๆอย่างการหนีออกไปให้พวกคามาคุระจับ...แต่ข้าไม่คิดว่าอย่างนั้น....ข้ารู้...ว่าเจ้ารู้ดีถึงหน้าที่ของตัวเอง”     ยิ่งพูดยิ่งทำให้ใบหน้าสวยงงยิ่งกว่าเก่า แต่แล้วคำพูดถัดมาก็สามารถไขทุกความข้องใจได้ในทันที...

“ คามาคุระเรียกร้องมาว่า...ขอเจ้า....ไปเป็นตัวประกัน...เพื่อยุติสงครามในครั้งนี้”      นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง แขนสองข้างได้แต่ปล่อยให้มันตกลงข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ ข้า...?”       ไม่รู้ว่าทำไม...ใบหน้าคมของยามาโมโตะถึงได้ลอยเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้


ยามาโมโตะ....ฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?

ไฟสงครามในครั้งนี้ เจ้าเป็นคนจุดให้มันลุกไหม้เร็วกว่าเดิมใช่หรือไม่....เพื่อที่จะมาแย่งชิงตัวข้าไปจากอิสุ


และเมื่อเห็นร่างบอบบางนิ่งงันไป ผู้เป็นพี่ชายจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ ข้ารู้....ว่าเจ้าจะไม่คิดโง่ๆแล้วหนีออกไปให้พวกมันจับ....ข้ารู้....ว่าเจ้าฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวประกันไม่เคยมีผลอะไรเลยต่อสงครามในครั้งนี้...ต่อให้เราส่งเจ้าไป...คามาคุระก็จะยังคงทำลายล้างอิสุไม่เปลี่ยนแปลง....อย่าให้เราต้องเสียเจ้าไป....อย่าให้ท่านพ่อ...ต้องเสียลูกชายไปกับคำว่า “ตัวประกัน” อีกเป็นครั้งที่สองเลย ฮายาโตะ”

ใบหน้าสวยเงยมองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตายอมรับกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมา....แล้วก็ต้องยอมรับ....ว่าคนตรงหน้าเข้าใจในตัวเขาดียิ่งกว่าใครๆ

เพราะถ้าผู้เป็นพี่ชายไม่เดินเข้ามาบอกเขาตรงๆ เขาอาจจะหนีออกไปให้คามาคุระจับจริงๆก็ได้….

“ ส่วนเรื่องของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....”      จากสายตาอ่อนโยนเปลี่ยนไปทันทีที่พี่ชายคนโตพูดถึงลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ


“ เจ้าไม่ต้องเสียใจไปหรอก ที่ปล่อยให้ ยามาโมโตะ ทาเคชิ หนีไป...ถึงมันจะหนีไปได้ ถึงมันจะช่วยคามาคุระได้ แต่ข้าจะฆ่ามันก่อนที่มันจะได้ทำลายอิสุ...เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิด”


ผู้เป็นพี่ชายเดินออกไปนานแล้วแต่ถ้อยคำนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ปลายนิ้วเรียวจิ้มไปที่ปลายกังหันสีขาวให้มันหมุนน้อยๆ


ข้าไม่ได้รู้สึกผิด...แต่ข้าไม่รู้อีกแล้วว่าควรจะทำยังไง....

ทางนี้ก็พี่ชาย...ทางนั้นก็คนที่ข้ารัก



มันผิด...ที่ข้าเกิดมาในตระกูลโกคุเดระ หรือว่ามันผิด...ที่ข้ารักเจ้ากันแน่นะ ยามาโมโตะ....








ท้องฟ้าเหนือทุ่งหญ้าทางทิศใต้ของโอดาวาระในวันนี้มีแต่ความมืดครึ้ม ถึงแม้อากาศจะดูไม่ค่อยเป็นใจแต่เหล่าทหารในค่ายต่างก็ยังมีท่าทางที่ฮึกเหิม

แม่ทัพแห่งกองทัพหน้าลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นคือกิโมโนปักลวดลายนกกระเรียนที่ถูกแขวนเอาไว้เป็นอย่างดี

หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีอะไรที่เขาจะยึดติดมากไปกว่าแผ่นดินของคามาคุระ...เพราะคิดมาตลอดว่าความรักเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น

แต่ตอนนี้...เพราะรักไม่ใช่หรืออย่างไร ที่ทำให้เขาอยากจะขย้ำพวกอิสุแล้วเอาแผ่นดินของมันมาเป็นของคามาคุระให้เร็วที่สุด

เพื่อที่จะได้กลับไปเสียที...

นัยน์ตาคมกล้ามองเห็นเงาที่คุ้นตาเดินผ่านไปที่หน้ากระโจม ร่างกายขยับลุกออกไป ก่อนจะได้เห็นผู้เป็นน้องชายมาในชุดเกราะเต็มยศเรียบร้อยแล้ว

นัยน์ตาดุดันทั้งคู่ต่างจ้องมองกันด้วยความเย็นชา...ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะทำอีท่าไหนไม่รู้ให้ท่านพ่อไว้ใจได้ขนาดนั้น แต่สำหรับเขากลับรู้สึกว่า ดวงตาของยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ได้เฝ้ามองไปที่แผ่นดินของคามาคุระอีกต่อไป

“ คิดจะทำอย่างไรกับ โกคุเดระ ฮายาโตะ”      ผู้เป็นพี่ชายถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่ง เขารู้...ว่าจุดพลิกผันที่จะทำให้ผู้เป็นน้องชายยอมสยบอยู่ใต้แผ่นดินคามาคุระคืออะไร และหากเขาไม่จัดการกับมันเสียตั้งแต่แรก....ยามาโมโตะ ทาเคชิ คงจะทำให้สงครามครั้งนี้เปลี่ยนฝั่งได้ไม่ยาก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง....แต่เขาก็จะประมาทผู้เป็นน้องชายไม่ได้...เพราะก็เห็นๆกันอยู่ ว่ายามาโมโตะ ทาเคชิ อันตรายแค่ไหน

คนคนนี้.....รู้ทั้งจุดอ่อนของคามาคุระและจุดอ่อนของอิสุ...

และบางที...ช่วงเวลาไม่นานที่กลับมายังคามาคุระ อาจจะมองเห็นจุดอ่อนของเขาแล้วด้วยก็เป็นได้...

“ หึ....โกหกเจ้าไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา...เพราะเจ้าเป็นคนแรกที่ถามข้าเช่นนี้”      รอยยิ้มเย็นปรากฏอยู่บนใบหน้าคม แปดปีที่ผ่านมา ทั้งเจ้าและข้ายังคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู...ไม่ใช่พี่น้อง...ถึงได้จ้องมองกันและกันอย่างรู้ทันเสมอ

“ ข้าก็แค่กำลังจะทลายกรงที่ขังนกน้อยตัวนั้นเอาไว้...แล้วหาที่อยู่ใหม่ให้มันเท่านั้นเอง....คามาคุระ....จะยอมให้นกของข้าอยู่ด้วยได้ไหมล่ะ?”      ถึงจะเป็นคำพูดที่ใครต่อใครคงจะฟังไม่เข้าใจ แต่ ฮิบาริ เคียวยะ กลับจ้องมองกลับมาด้วยสายตาแวววับ ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆเอ่ยบอกผู้เป็นน้องชายก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไป

“ ที่คามาคุระก็ขังนกตัวหนึ่งเอาไว้...หากเจ้าจะหาเพื่อนมาให้มัน...ข้าก็ไม่ว่าอะไร”

เท่านี้...ศึกในครั้งนี้ก็พอจะมั่นใจได้ว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ จะทำเพื่อคามาคุระ...มิใช่ อิสุ




กองทัพของยามาโมโตะ ทาเคชิ ออกไปจากค่ายตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางแล้ว และบัดนี้ทัพหน้ากับทัพหลวงของคามาคุระก็กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ของอิสุ

ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับกำลังจะหลั่งน้ำตาให้กับชีวิตที่ต้องเสียไปในสงคราม ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะมัวหมองแต่ทั้งสองทัพต่างยังคงจ้องเขม็งไปที่กันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

และในที่สุด....เสียงแตรสงครามก็ดังลั่น....ให้ทหารของทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่กลัวตาย

ทัพหน้าที่เข้าปะทะต่างคุมทัพโดยคนที่จะได้ขึ้นครองเมืองต่อไปด้วยกันทั้งคู่...ถึงกองทัพของ ฮิบาริ เคียวยะ จะขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและน่ากลัว แต่กองทัพของลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระก็ใช่ว่าจะน้อยหน้าไปกว่ากัน

และเพราะว่าปกติแล้วอิสุไม่ใช่พวกที่ชอบทำสงคราม เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีใครได้รู้ฝีมือที่แท้จริงสักเท่าไหร่

แล้วยิ่งเป็นลูกหลานของตระกูลโกคุเดระในรุ่นนี้...ที่ถูกเลี้ยงดูมาพร้อมๆกับความชิงชังที่มีให้แก่ตัวประกันที่มาจากคามาคุระ...เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะตัดสินใจลงดาบกับคนของคามาคุระ

เสียงดาบปะทะกันดังลั่นไปทั่วท้องทุ่ง สายตาสีดำสนิทของฮิบาริ เคียวยะจับจ้องมองหาจ่าฝูงของอีกฝ่าย ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อมองเห็นเจ้าของหมวกคาบุโตะเขาสัตว์ที่อยู่บนหลังม้าสีดำที่เหมือนกับของตัวเอง...ถึงจะคิดว่าแปลกเล็กน้อยที่พวกอิสุจะใช้ม้าสีดำ แต่ก็ได้ยินคำล่ำลือมาพอสมควรว่ากองทัพของว่าที่เจ้าเมืองอิสุนั้นเป็นกองทัพที่ใช้ม้าเร็ว

ซึ่งม้าเร็วปกติแล้วจะไม่ได้แข็งแกร่ง


เคร้ง!!!


แต่ดูท่าทางแล้วม้าเร็วของอิสุจะไม่ได้เป็นไปตามที่ทฤษฎีว่าเอาไว้...เพราะลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระกลับรับปลายทวนของฮิบาริ เคียวยะได้อย่างสบายๆ ใบหน้าของว่าที่เจ้าเมืองทั้งคู่หันมาจ้องมองซึ่งกันและกัน รอยยิ้มเย็นๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ราวกับว่าได้เจอของเล่นที่ถูกใจมากกว่าจะหวาดผวาไปกับความแข็งแกร่งของศัตรู

ทวนของทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ ท่ามกลางความแปลกใจของฮิบาริ เคียวยะ

ถึงแม้ว่าจะรับไม่ได้ทั้งหมด แต่ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระกลับต่อสู้กับเพลงทวนของตระกูลยามาโมโตะได้อย่างสูสี ทั้งๆที่เป็นปลายทวนจากเขา...คนที่ได้ชื่อว่าเพลงทวนแข็งแกร่งที่สุดในคามาคุระ คิ้วสีดำขมวดเล็กน้อยก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังรับได้ทัน

ราวกับรู้ว่าท่วงท่าต่อไปของเพลงทวนของเขาจะเป็นยังไง....

แน่ๆ...ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระต้องเคยปะทะกับคนที่ใช้เพลงทวนแบบเดียวกับเขามาแล้วแน่ๆ...และมันก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ยามาโมโตะ ทาเคชิ

“ ฮึ....”     ใบหน้าคมแสยะยิ้ม จะว่าพอใจที่คู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะขย้ำ หรือกำลังดีใจดี...ที่หากกลับไปจากสงครามในครั้งนี้ได้ เขาคงต้องทำอะไรบางอย่างกับเจ้าตัวอันตรายอย่างผู้เป็นน้องชายของเขา

เพลงทวนของเขาเป็นเพลงทวนระดับสูงของตระกูลยามาโมโตะ....กับคนที่ไม่เคยร่ำเรียนแบบต่อเนื่องแต่กลับสามารถใช้มันได้....จะไม่เรียกว่าตัวอันตรายได้ยังไง

“ สึนะโยชิ....สบายดีไหม....”       นัยน์ตาสีดำวูบไหวอย่างไม่ทันจะห้ามตัวเองได้ เมื่อจู่ๆลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระก็ปะทะด้ามทวนเข้ามาใกล้ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงเย็นๆ ใบหน้าคมของฮิบาริ เคียวยะที่แสยะยิ้มมาตลอดกลับบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นจากปากของอีกฝ่าย

คนตรงหน้ากำลังจงใจทำให้เขารู้....ว่าอีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวของน้องชายต่างมารดาคนนั้นเป็นอย่างดี

นัยน์ตาสีดำจ้องเขม็งกลับไป....คนคนนี้....ไม่ธรรมดา....สมแล้วที่สามารถไล่ล่ายามาโมโตะ ทาเคชิ ได้จนเกือบจะจนมุม

“ โอ๊ะ!”      ทอนฟาที่ถูกซุกซ่อนอยู่ตวัดออกไปให้ว่าที่เจ้าเมืองอิสุต้องเอนตัวหนี แต่ใบหน้ายิ้มน้อยๆนั่นก็ยังคงยิ้มต่อไปราวกับว่าจี้ใจดำอีกฝ่ายได้อย่างถูกจุด

เสียงแตรสงครามจากฝ่ายอิสุดังขึ้น  ทำให้ใบหน้าลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระหันกลับไปมองก่อนจะหันมายิ้มที่มุมปากให้ฮิบาริ เคียวยะ  นัยน์ตาสีดำจ้องเขม็งอย่างไม่เข้าใจความหมายที่แฝงมากับนัยน์ตาแวววับของอีกฝ่าย  ม้าสีดำของว่าที่เจ้าเมืองอิสุจู่ๆก็วิ่งห่างออกไปก่อนจะวนกลับไปยังทัพหลวงของตนที่รออยู่ด้านหลัง

ไม่ใช่แค่ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระเท่านั้นที่หันหลังราวกับว่าจะวิ่งหนี แต่เหล่าทหารของอิสุที่ได้ยินสัญญาณนั้นก็เช่นกัน

แล้วแค่เพียงชั่วเสี้ยววินาที ฮิบาริ เคียวยะก็เข้าใจได้ในทันทีว่ามันเป็นเพราะอะไร

“ ยิง!!!”      ห่าธนูนับพันนับหมื่นถูกปล่อยออกมาจากคันธนูที่ถูกซุกซ่อนอยู่ทางด้านหลังทัพหลวงของอิสุให้นัยน์ตาสีดำถึงกับเบิกกว้าง

“ ตั้งโล่!!!”     ถึงจะตะโกนสั่งออกไปแบบนั้น แต่ทหารของคามาคุระไม่น้อยเลยที่ไม่ได้พกโล่ติดตัวมาด้วย....เพราะมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากเกินไปสินะ

เขาลืมไปได้อย่างไร...ว่าอิสุเชี่ยวชาญด้านการใช้ธนูที่สุด

พวกนั้นควบคุมมันได้...

ร่างสง่าบนหลังม้าสีดำได้แต่สบถอย่างเจ็บใจ จะสั่งให้ถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเพราะถูกล่อให้เข้ามาในระยะธนูของศัตรูอย่างไม่ทันรู้ตัว ทวนในมือถูกตวัดขึ้นมาเพื่อใช้ป้องกันห่าธนู....ไม่ใช่แค่ทหารหรอกที่ไม่พกโล่มาด้วย....ตัวเขาเองก็เช่นกัน



ธนูลูกสุดท้ายตกลงไปบนร่างกายที่แน่นิ่งของทหารคามาคุระ...

ฮิบาริ เคียวยะได้แต่ลดทวนลงด้วยใบหน้าเจ็บแค้น นัยน์ตาสีดำอำมหิตจ้องเขม็งไปยังกองทัพของอิสุที่ยืนดูอยู่ไกลๆ....ถ้าจะคิดว่าคามาคุระจะยอมถอยไปเพียงแค่นี้ละก็...คิดผิด!!

ม้าสีดำพุ่งทยานเข้าหาศัตรูอย่างไม่กลัวห่าธนูระลอกที่สอง...นัยน์ตาสีดำเหลือบไปมองทหารของตนที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง....แต่พวกที่เหลืออยู่นี่แหละจะเป็นคนฝังอิสุให้จมดิน เพราะหากเป็นพวกเดนตายของคามาคุระแล้วละก็ ใครก็ไม่มีวันเอาชนะได้!

ใบหน้าของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระที่ควรจะหม่นหมองกลับแสยะยิ้มยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาสีดำมีแต่แววหิวกระหายที่จะได้ขย้ำคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

“ เสริมทัพเข้าไปอีก!”    และมิใช่เพียงแม่ทัพของทัพหน้าเท่านั้นที่เป็นปิศาจ แม่ทัพของทัพหลวงเองก็เช่นกัน...ทั้งๆที่เห็นว่ากองทัพของตนถูกธนูพวกนั้นเล่นงานก็ยังไม่สะทกสะท้านใดๆ

และพวกทหารที่บุกเข้าไปใหม่ต่างก็มีโล่ไปด้วยทั้งนั้น....

และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเจ้าเมืองอิสุเริ่มจะนิ่งสนิท

ชักจะไม่แปลกใจ...ว่าทำไมเจ้าเด็ก ยามาโมโตะ ทาเคชิ ถึงได้กล้าทำเรื่องแบบนั้นกับลูกชายคนเล็กของเขา...เพราะพวกคามาคุระมันไม่กลัวตายแบบนี้นี่เอง!

“ ทัพหน้าบุกเข้าไป เราจะเปลี่ยนมาใช้พลธนูซุ่มยิงเอา!

คำสั่งที่ออกมาจากปากของเจ้าเมืองทั้งสองฝ่ายทำให้เหล่าทหารต่างบุกเข้าปะทะกันอีกครั้ง....สายฝนเริ่มจะโปรยปรายลงมาและเริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ


จนในที่สุด...ต่างฝ่ายต่างก็มองไม่เห็นซึ่งกันและกัน.....


แตรสงครามของทั้งสองฝั่งดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ย....เป็นสัญญาณให้ถอยทัพ....

เพราะพายุที่พัดเข้ามาแทรกแทรงทำให้ยังไม่สามารถจะรู้ได้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้....


ทัพทั้งสองต่างมุ่งหน้ากลับฐานที่มั่นของตัวเอง  ใบหน้าคมของฮิบาริ เคียวยะ นิ่งสนิทอยู่บนหลังม้าที่กำลังควบกลับไปยังค่าย คงมีเรื่องให้ต้องคิดอีกมากมายหากต้องการที่จะเป็นผู้ชนะ...อิสุไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด

“ ฮึ....”       ริมฝีปากเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคน....สมแล้ว...ที่เป็นพี่น้องของเจ้า....แววตาที่ไม่เคยยอมแพ้ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอกว่านั่นมันเหมือนกับแววตาของเจ้าไม่มีผิดเลย...สึนะโยชิ






เสียงแตรไม่ได้ดังอยู่แค่ที่สนามรบ....

ใบหน้าคมของยามาโมโตะ ทาเคชิ หันกลับไปมองยังทิศที่มาของเสียงก่อนจะยิ้มหน่ายๆ แล้วสั่งให้ทหารของตนถอยทัพกลับไป

ทั้งๆที่หาช่องทางเข้ามาในตัวเมืองอิสุได้แล้วแท้ๆ....

“ เจ้าพาทหารกลับไปก่อน แล้วก็ฝากผูกม้าของข้าเอาไว้ที่นอกเมืองอิสุด้วย เดี๋ยวข้าตามกลับไป”      ร่างสูงใหญ่กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะเอ่ยบอกกับรองแม่ทัพ

“ ท่านจะไปไหนหรือขอรับ?”     รองแม่ทัพถามกลับมาด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วง เพราะการที่คนซึ่งถูกตามล่าตัวอย่างร่างสูงตรงหน้าจะมาเดินลอยชายอยู่ในอิสุนั้นมันดูจะบ้าบิ่นเกินไป  ใบหน้าคมจึงตอบกลับไปด้วยยิ้มเย็นๆ...ก่อนจะหายไปกับเงามืด

“ ไม่ต้องห่วงหรอก....ข้าแค่จะแวะไปดูนกน้อยในกรงทองของข้าก็เท่านั้นแหละ”      







ร่างสูงใหญ่ของว่าที่เจ้าเมืองอิสุเดินเข้าไปในเรือนด้วยใบหน้านิ่ง ต่างจากผู้เป็นพ่อที่ออกอาการให้เห็นว่าหงุดหงิดที่ไม่สามารถขับไล่พวกคามาคุระได้ในศึกเพียงครั้งเดียว บรรดาลูกชายที่เหลือต่างทยอยกันเดินเข้ามา

พี่ชายคนโตถอดหมวกคาบุโตะเปียกโชกมาวางเอาไว้ หยดน้ำจากสายฝนยังคงหยดเป็นทางจากร่างกายของพวกตน

“ ใบหน้าเจ้า...เหมือนมีอะไรคาใจอยู่แบบนั้นแหละ?”      ผู้เป็นพ่อหันมาหาลูกชายคนโตที่ขมวดคิ้วน้อยๆมาตั้งแต่ออกจากสนามรบ

“ เจ้าไปบอกฮายาโตะไป...ว่าพวกเรากลับมาแล้วและปลอดภัยดี”     แต่แทนที่จะตอบคำถาม ร่างสูงกลับหันไปสั่งน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

ใบหน้าที่เคยยิ้มน้อยๆอยู่เสมอนิ่งคิดราวกับกำลังทบทวนอะไรบางอย่างในใจ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อที่รอคำตอบอยู่นานแล้ว

“ ทำไม....ข้าไม่เห็น ยามาโมโตะ ทาเคชิ อยู่ในกองทัพของคามาคุระเลย...มีใครได้ประมือกับเจ้าเด็กนั่นบ้างหรือเปล่า?”    หลังจากที่คำถามหลุดออกไปทุกคนในที่นั้นต่างก็นิ่งคิด แล้วคำตอบที่ส่งกลับมาก็คือใบหน้าที่ส่ายไปมา

ยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นลูกชายของเจ้าเมืองคามาคุระ ไม่มีทางที่จะแต่งกายด้วยชุดธรรมดาๆของทหารทั่วไปแน่ๆ อย่างน้อยเขาก็น่าจะเห็นหมวกคาบุโตะที่ประดับด้วยเขาสัตว์ในสนามรบมากกว่านี้....เพราะเท่าที่เห็นนี่มีเพียงแค่ใบเดียว...ซึ่งเป็นของ ฮิบาริ เคียวยะ

“ นี่พวกเจ้า!”       ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระหันไปเรียกทหารยามสองสามคนที่ยืนอยู่หน้าห้องให้เข้ามา ก่อนจะสั่งออกไปว่า

“ ไปตรวจดูที่ชายป่ารอบๆตัวเมืองอิสุ...โดยเฉพาะที่ด้านหลังของเรือนเจ้าเมือง...ว่ามีรอยเท้าม้าอยู่บ้างหรือเปล่า?”







เพราะทราบข่าวเรื่องที่ว่าบรรดาพี่ชายของเขากลับมากันครบ รวมทั้งกองทัพของอิสุเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากองทัพของคามาคุระ ทำให้ร่างบอบบางที่ถูกขังอยู่ในห้อง โล่งใจจนสามารถออกไปอาบน้ำได้อย่างผ่อนคลาย

ร่างกายเปลือยเปล่าลงไปนั่งแช่อยู่ในบ่อน้ำธรรมชาติท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องลงมาให้ผิวขาวที่โผล่พ้นน้ำยิ่งดูนวลเนียนน่าสัมผัส

เพราะมีกำแพงไม้ไผ่ล้อมเอาไว้ทำให้คนที่อาบน้ำอยู่ไม่คิดที่จะระวังตัว

ใบหน้าสวยเหม่อมองพระจันทร์กลมโต...เป็นเพราะว่าพอจะวางใจได้บ้างหรือไงกันนะ คำพูดของพี่ชายคนโตเลยกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง...คำพูดที่ตอนนั้นเขาไม่ทันจะมีโอกาสได้ถาม...

อย่าให้ท่านพ่อ...ต้องเสียลูกชายไปกับคำว่า “ตัวประกัน” อีกเป็นครั้งที่สองเลย ฮายาโตะ

มันหมายความว่ายังไงกันแน่? หรือมันจะแปลว่า จริงๆแล้วอิสุก็ส่งใครบางคนไปเป็นตัวประกันอยู่ที่คามาคุระอย่างที่ยามาโมโตะบอกจริงๆ....แล้วคนคนนั้นก็เป็นลูกชายคนหนึ่งของท่านพ่อ เช่นเดียวกับเขา...

“ มันน่าหงุดหงิดนัก! เจ้าพี่บ้านั่นรู้อะไรไม่เคยบอกข้า!”      ใบหน้าสวยที่ดูเหม่อๆจู่ๆก็เปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้ง  ทำให้คนที่แอบดูอยู่ถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู


....นานแค่ไหนกันแล้วนะ โกคุเดระ...ที่ข้าไม่ได้เห็นหน้าเจ้า....

มือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ที่ห่างออกไปพอสมควรค่อยๆเอื้อมออกไป ร่างบอบบางที่เห็นอยู่ไกลๆจึงราวกับว่าถูกโอบอุ้มอยู่บนฝ่ามือ

.....คิดถึง....คิดถึงเหลือเกิน......

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เฝ้ามองร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน จนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นกลับเข้าห้องไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่คมกล้าอีกครั้ง

....ยิ่งได้มาเห็นเจ้าแบบนี้ ไฟปรารถนาของข้ายิ่งลุกโชน...และข้าสัญญาเอาไว้เลยว่า ข้าจะเอาตัวเจ้ามาอยู่ในอ้อมแขนของข้าให้ได้....ภายในศึกครั้งนี้!







เนื่องจากบรรดาลูกชายของเจ้าเมืองอิสุต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ทหารยามที่ถูกสั่งให้ไปตรวจดูที่ชายป่าจึงกลับมารายงานต่อลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระเพียงคนเดียว

“ พบรอยเท้าม้าจำนวนมากอยู่ที่ชายป่าจริงๆขอรับ และส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ด้านหลังเรือนของท่านเจ้าเมืองจริงๆ”

สิ่งที่ทหารรายงานออกมานั้นทำให้ใบหน้าของคนที่ฟังอยู่ถึงกับนิ่งสนิท ฝ่ามือทั้งสองกำแน่นอย่างเจ็บใจ....ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่พาทหารพวกนั้นมาจะเป็นใคร...เพราะหากไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับเมืองอิสุดีจะไม่มีทางรู้ว่า ชายป่าพวกนั้นจะเชื่อมต่อกับที่ไหนบ้างและทางเข้าอยู่ตรงไหน พวกเขาถึงได้วางใจไม่ทำรั้วกั้น

เจ้าอีกแล้ว.....ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!!







สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาเป็นวันที่สองติดต่อกัน และดูท่าว่าจะไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ 

อิสุอยู่ใกล้กับทะเล จึงไม่แปลกที่จะเจอพายุอยู่บ่อยๆ

ยังดีที่ท้องทุ่งของโอดาวาระอยู่บนเนิน พวกเขาจึงไม่ต้องย้ายที่ตั้งค่ายไปไหน

ร่างสูงยืนเหม่อมองสายฝนอยู่ภายในกระโจมของตน หัวใจถูกปล่อยให้ล่องลอยไปถึงใครบางคนที่ยังอยู่ในอิสุ  จนกระทั่งเสียงเรียกจากทหารยามดังมาให้ได้ยิน

“ ท่านทาเคชิขอรับ....ท่านเจ้าเมืองเรียกประชุมด่วนขอรับ”     ใบหน้าคมพยักหน้ารับก่อนจะเดินฝ่าสายฝนเข้าไปในกระโจมหลังใหญ่ที่เอาไว้ประชุม....ถ้าจะวางแผนการรบเขาว่ามันก็เร็วไป เพราะดูๆไปแล้วฝนคงไม่หยุดในวันสองวันนี้แน่....ถ้างั้นจะมีเรื่องอะไรกัน?

หลังจากที่แม่ทัพและทหารระดับสูงต่างมากันครบ เจ้าเมืองคามาคุระก็ประกาศออกไปด้วยเสียงดังกังวาน

" สงครามกับอิสุในครั้งต่อไป....ให้ทาเคชิ....เป็นแม่ทัพใหญ่"     ทหารคนอื่นๆที่นั่งอยู่รายรอบต่างหันไปมองเจ้าเมืองคามาคุระเป็นตาเดียว เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าจะสั่งออกมาแบบนั้นในเมื่อ ฮิบาริ เคียวยะ ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน

" ส่วนเคียวยะ....เจ้ากลับไปคามาคุระกับข้า"     มีแต่ความสงสัยอยู่เต็มใบหน้าของทุกคน มีเพียงลูกชายสองคนที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย...เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเมืองคามาคุระหรือเปล่า? ทำไมถึงได้ปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนำทัพเพียงลำพัง แถมตัวเองยังถอนทัพหลวงกลับคามาคุระเสียอย่างนั้น

" เจ้าต้องเอาอิสุ กลับมาให้ข้าให้ได้...เข้าใจนะทาเคชิ"      ไม่มีคำอธิบายที่มากกว่านั้น แต่เพราะแผนการที่เคยทำมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้ผล คนอื่นๆในที่นั้นจึงไม่มีใครกล้าคัดค้าน ร่างสูงใหญ่ของลูกชายคนรองจ้องมองเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นพ่อแทนคำตอบรับ  นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาววับด้วยหัวใจที่ไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานาน


ในที่สุด...สิทธิ์ขาดในการเก็บกวาดอิสุก็มาอยู่ในมือเขา....


“ แล้วก็....หากยังเหลือเรื่องค้างคาใจอะไรในอิสุ....ก็ไปจัดการเสียให้เรียบร้อย”     ร่างสูงใหญ่ก้มหัวให้ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อไปด้วยสายตามืดมน...


ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย....แน่นอน




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




นั่งพับเพียบลงไปอย่างหมดแรง...จบไปอีกตอนแต่กรงมันทำไมยังไม่แตกว้า....*สลด*....อ่า เอ่อ...ตะ ต้องขออภัยที่หายไปหลายเดือนแต่กลับมาเนื้อเรื่องก็ยังไม่ไปไหนเหมือนเดิม โฮววววววว แต่ก็นะ ถ้าได้ไปง่ายๆมันก็ไม่ค่อยจะมีค่าดิ เนอะๆ เพราะงั้นต้องให้ยามะมันเป็นเด็กอดทนมากๆหน่อย ครึ ครึ *ล้มโต๊ะ*

ต้องขอบคุณทุกๆเสียงทวงถามสำหรับเรื่องนี้นะค้า >w< ดีใจทุกครั้งเลยนะเวลาที่มีใครถามว่า เมื่อไหร่ดาวตกตอนที่ 9 จะมาซักทีค้า รอจนจะเอาปืนอาก้าไปถล่มบ้านคนแต่งอยู่แล้วค่า ตอนนี้ยัยมี๊เริ่มกระจิตกระใจดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ คงกลับมาต่อเรื่องนี้ได้อีกยาวเลย (ยาวเลยเร๊อะ!!)

ตอนหน้า รับรองว่า กรงแตกแน่!

แล้วก็สำหรับตอนที่ 9 นี้ หากไม่มีวันเกิดของใครบางคนมาค้ำคอ บางทีอาจจะยังไม่เสร็จง่ายๆนะนี่ 5555 ถึงแม้ว่ามันอาจจะเรียกไม่ค่อยได้ว่าของขวัญ ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะไม่ค่อยมีบทหวานๆ จริงๆทั้งสองคู่แม่งไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ ง๊ากกกก   แต่อย่างน้อยเก๊าก็อยากจะบอกเจ้าของวันเกิดนะว่า




สุขสันต์วันเกิดนะค้า น้อง M1

มีความสุขมากๆน้า ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนก็ขอให้ได้เจอแต่คนที่ดีๆ(อย่างสาวญี่ปุ่นข้างห้องคนนั้น55) คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนา สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์นะค้า ^ ^






สุดท้ายแอบเอามาแปะล่อลวง สำหรับแฟนๆอ.อามาโนะขราที่ยังไม่ได้ดู Psycho Pass คึหึหึ....อันนี้เป็นลายเส้นของอ.อามาโนะตอนที่ดีไซน์ตัวละครให้กับเรื่องนี้ค่ะ เห็นแล้วมันโฮกเนอะคะ >/////< คิดถึงรีบอร์นเลยอ่า ลายเส้น อ.จะสวยไปไหน


คุณโค...พระเอกหล่อโฮกของเรื่อง >/////<




โชโงะซัง....หล่อเลว(?)ประจำเรื่อง อร๊ายยยยย โคตรสัปป้าเลยเนอะคะ




สุดท้าย...สึนะ(?)โมริ...นางเอกของเรื่องค่ะ 555 ทูน่าได้อีกมากอ่ะ


สนใจตามไปดูคาแรกเตอร์ที่เหลือได้ในเวปออฟฟิศเชียลได้เลยค่า  จิ้ม>> psycho-pass

เรื่องนี้ อ.อามาโนะดีไซน์ตัวละครอย่างเดียวนะคะ ไม่ได้แต่งเนื้อเรื่อง และในฉบับมังงะก็ไม่ได้เป็นคนวาดเองนะคะ เป็นอ.อีกคนนึงวาด (แต่ลายเส้นเป๊ะมากอ่ะ อย่างกะอ.อามาโนะวาดเองเลย55)

แล้วเจอกันค่า






11 ความคิดเห็น:

  1. อ่านจบแล้วค้าาาาา แบบว่า ง๊ากกกกก ทำไมตัดจบแบบนี้ล่ะค้า จบแบบนี้มันคาใจนะเค้อ > < ชอบประโยคนี้มากเลยอ้ะค่ะ “ ที่คามาคุระก็ขังนกตัวหนึ่งเอาไว้...หากเจ้าจะหาเพื่อนมาให้มัน...ข้าก็ไม่ว่าอะไร” มันใช่อ้ะพี่กวาง มันใช่เลยอ้ะ!!!! (อินี่บ้าไปแล้ว 555+) แล้วก็ยามาโมโตะ เอ็งจะนั่งถ้ำมองเป็นพระอิฐพระปูนทำม้าย มันต้องบุก(?)เข้าไปทำอะไรสักอย่าง(?)เซ่!! =[]= ส่วนป๊ะป๋าทำถูกแล้วเค่อะ ส่งลูกชายไปหานกน้อยของตัวเอง ไหนๆก็ฝากฝังซะขนาดนั้นแว้ว > < อยากอ่านต่อ โฮรกกกกกกก

    ปล. ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้มากเลยค่ะ แบบว่าอึนกับการอ่านฟิคภาษาอังกฤษมานานแล้วพอมาอ่านแบบไทยเต็มขั้นแล้วมันฟินไปนอกโลกเลยอ้ะ 5555+ ข้างห้อง?คงสงสัยแล้วว่าเอ๊ะทำไมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ? กร๊ากกกก

    ตอบลบ
  2. กรี๊ด.....!!! หนุกมากเลยคร่าาาาา

    ติดตามเรื่อยนะคร่...^[]^

    ตอบลบ
  3. อ้ากกกกกกกก!!พี่กวางรีบมาต่อเลยนะๆๆ><"

    แอบกรี๊ดฉากหนูก๊กอาบน้ำำ-..- ทำไมไม่เข้าไปฉุดเลยหล่ะห้ะยามะ!!!

    แอบเศร้าพี่กวางยังไม่แฮปปี้เบิร์ดเดย์มุกเลยงะ่TT^TT
    สรุปฝั่งไหนจะชนะนะ ?? แต่ว่าเชียร์ทั้งสองใั่งเลยอ่ะ55

    แอบสครีมpsyco-pass คนแรกคือร่างอวตารท่านฮิ คนที่สองอวาตารสัปป้า คนที่สามอวตารทูน่า

    อ้ากก!! ไม่ดูไม่ได้แล้วววว ><" จะติดตามมค่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หว๋าาาา อย่าเพิ่งเศร้าไปเลยนะ ขอเวลาเก๊าหน่อยนะ ไม่ได้ลืมของขวัญน้องมุกหรอกน่า กำลังตบจูบ เอ้ย กำลังซาบซึ้งกับความรักของทั้งคู่อยู่ 555 แต่อาจจะต่างจากที่ขอไปนิดนึงนะ ^ ^" (จากแฟนซีไปพีเรียด มันไม่นิดแล้วเพ่!!)

      ลบ
  4. ชอบว๊ากกกกกกกกก ๆ !!!!!

    ตอบลบ
  5. เขย่าๆๆๆๆ เอาตอนต่อไปมาเดี๋ยวนี้น๊าาาาาาาาาาาาาาา!!!!

    นี่ถึงขนาดไปถ้ำมองก๊กจังเลยรึ ฮึ่ม ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ซะแล้ว แกมันต้องตายยยยย อิยาม๊าาาาาาาาา

    ว่าแล้วว่าก๊กต้องเป็นสาร์นเจรจาสันติภาพอันเดียวในเรื่องแน่ๆ

    ทำไมถึงอยากให้ก๊กเอามีดจ่อคอประชดยามะสุดๆเลยกันแน่นะ สงสัยตัวเองจริงๆพักนี้ซาดิสเหลือเกิน

    สงสารพี่ๆของก๊ก แค่รักน้องมากไปเท่านั้น ทำไมยามะไม่คิดมั่งเลยนะว่าถ้าจัดการไปแค่คนเดียวก๊กเสียใจแน่ๆ

    แล้วทำไมเราจินตนาการหน้าพี่ชายคนโตเป็นสัปปะรดในไร่ได้หว่า นิสัยขี้เล่นขี้แกล้งเหมือนกัน เอ๊ะ หรือว่ามันเป็นไร่สัปปะรด

    ว่าแต่ก๊กมีพี่น้องกี่คนกันแน่ คาใจจริงๆ

    (เข้าไปลอบลักหลับซือจังดีก่า โหะๆๆๆ)

    ตอบลบ
  6. รอตอนต่อไปอยู่นะคะ~~~>////<

    ตอบลบ
  7. เนียนนะเนียน ทำไมไปแค่ดู ทำอะไรสักอย่างซี่!
    ทำไมอยู่ดีๆ ก็นึกถึงโรมิโอ&จูเลียตหวา พระเอกฆ่าพี่เขยตัวเอง (ยั๊งง คิดไปไกลแล้ว) เอร๊ยยย สงสารก๊กคุง

    ตอบลบ
  8. ///คราวก่อนจะเม้น เม้นหายไปเกลี้ยง= =;; เน็ตกาก...

    อิย๊า า า า า า า า า า า า า า า า ////สครีม


    เนียนว้อยครับ ทำไมมันเริ่มจะดาร์คขึ้นทุกทีทุกทีวะคะ!!? =[]= นี่กะทะลายให้วอดเลยสินะ หวาๆๆๆ ใจเย็นๆก๊อน เค้ารู้ว่าตัวเองน่ะ รักก๊กม๊ากกกมากกก.... เเต่ทำไมเเกทำ(?)ยังกะเเกจะฆ่าพี่เขยเเกเลยล่ะคะ!!?

    //นังริยากุมตับเเป๊บ...

    สงสารก๊ก นู่นก็พี่...ไอ้ช่วยก็อยากช่วย เเต่คนที่จะต้องสู้ด้วยดันเป็นคนรักตัวเองซะได้... เลือกทางไหนก็เศร้าเหมือนกันหมด งั้นอยู่ในกรงทอง(?)ต่อไปเถอะลูก จะได้ไม่เป็นภาระต่อตับไตของเหล่าเเม่ยก//ฮะ?...เพราะถ้าหนูไปสู้จริง นังริยาคนนี้น้ำลายฟูมปากเเหงๆ...ตัวก็นิดนึงเองน้าา={}= โอ้ม่ายยยย *บ้าไปเเล้ว*


    ตอบลบ
  9. กรี๊ดดดด

    ท่านพ่อเข้าใจลูกชายทั้ง2ดีมาก 5555555555+

    ตอบลบ
  10. เกิดสงครามระหว่างความรักเนี่ย

    มาม่าจริงๆๆๆๆๆๆๆ
    5555555555555
    ยามะก้อไม่ได้แอ้มก็กสักที

    ตอบลบ