KHR Au S.Fic [8059] ความทรงจำในคืนสีเทา : Opening



KHR Au S.Fic [8059]  ความทรงจำในคืนสีเทา : Opening


: KHR AU Fanfiction
: 8059
: Romantic
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ






เสียงพลิกหน้ากระดาษที่เป็นไปอย่างเชื่องช้านั้นช่างเข้ากับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ง่วงงุนและใบหน้าคมเบื่อหน่ายของเด็กหนุ่มที่เอาคางเกยโต๊ะไว้ยิ่งนัก

วิชาการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องสมุดนั้นมันช่างไม่เหมาะกับเด็ก ม.ปลาย ที่ชอบเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเด็กหนุ่มจากชมรมเบสบอลอย่างเขาเลยสักนิด

แต่ก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้จะปิดมิปิดแหล่ จะปิดลงไปจริงๆ ใบหน้าคมก็พยายามแงะตัวเองออกจากโต๊ะก่อนจะสะบัดไปมา...ก็นะ...มีคุณป้าบรรณารักษ์ยืนส่งสายตาอาฆาตมาให้จากหลังเคาเตอร์แบบนั้นใครจะไปกล้าหลับกัน

ร่างที่สูงเกิน 180 ซม.ลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะเดินลอยๆไปยังมุมหนังสือเก่าที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไปนักด้วยกลิ่นอับๆที่ลอยคลุ้งออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะเหยียดขาเข้าไปด้วยซ้ำ...แต่สำหรับคนที่กำลังหาที่นอนแล้ว...ใครจะไปสนกันเล่าว่ามันจะมีกลิ่นราหรืออะไรโผล่ออกมา!

ขายาวย่อตัวลงนั่งก่อนจะเหยียดไปตามพื้นให้แผ่นหลังเอนพิงชั้นหนังสือเอาไว้ นัยน์ตาทำท่าจะปิดลงอีกครั้งเมื่อหาที่นอนเหมาะๆได้...นอกจากวิชามันจะน่าเบื่อแล้ว การที่เขาตื่นแต่เช้ามาออกแรงเต็มกำลังไปกับการหวดลูกเบสบอลทุกวันๆ มันก็ทำให้เพลียอยู่ไม่ใช่น้อย


ครืด....ครืด........ครืด.......


แรงสั่นสะเทือนเบาๆสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ทำให้ใบหน้าง่วงๆก้มลงไปมอง มือใหญ่ล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก และเพราะแบบนั้นแหละ....

มือถือสีน้ำเงินเข้มจึงเกี่ยวเข้ากับหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งจนมันร่วงลงมา....

“ หว๋า...”     ยังดีที่มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะร่วงลงพื้น ส่วนมืออีกข้างก็กดข้อความในมือถือขึ้นมาอ่าน


อย่าลืมหาสถานที่เก็บตัวของปิดเทอมนี้มาด้วยล่ะ


เป็นข้อความที่ส่งมาจากกัปตันชมรมเบสบอลของเขาเอง...ถ้าจะบอกว่าลืมสนิทอย่างที่บอกมาจะโดนฆ่าไหมนะ?.....ปกติแล้วสมาชิกในชมรมจะผลัดกันหาสถานที่เข้าค่ายเก็บตัวของแต่ละปิดเทอมและปิดเทอมนี้มันก็เป็นหน้าที่ของเขา

มือใหญ่พับปิดโทรศัพท์มือถือก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยขึ้นมาพรางหันซ้ายหันขวา....สงสัยคงต้องหาตัวช่วย เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะชำนาญเรื่องสถานที่เสียเมื่อไหร่...จะว่าไปมันก็เหมือนกับการไปเที่ยวกระชับความสัมพันธ์กับคนในชมรมนั่นแหละ ไม่ได้จริงจังว่าจะต้องซ้อมอะไรมากมายนัก แค่เป็นที่ที่ได้อยู่ด้วยกัน มีสนามเบสบอลเล็กๆของโรงเรียนใกล้ๆให้ยืมใช้บ้าง ก็น่าจะพอแล้วละ

ร่างสูงตั้งใจจะเดินออกไปถามเพื่อนในห้อง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในมืออีกข้างยังคงถือหนังสือเก่าที่หล่นลงมาอยู่ จากที่ตั้งใจว่าจะเก็บมันเข้าชั้นก็ราวกับสวรรค์เป็นใจหรือเทพแห่งรักชักพายังไงอย่างงั้นเมื่อหนังสือที่อยู่ในมือดันเป็นหนังสือที่เขาในเวลานี้กำลังต้องการเป็นอย่างมาก!


มินชูคุ – หนึ่งในญี่ปุ่น


มันคือนิตยสารที่ลงเรื่องราวและแนะนำ มินชูคุ....โรงแรมแบบโฮมสเตย์ในญี่ปุ่นนั่นเอง!

โรงแรมที่พักแบบนี้ เจ้าของบ้านจะแบ่งบ้านบางส่วนของตนมาทำห้องพัก โดยที่ตัวเองก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านนั้นด้วย เรียกว่าเหมือนกับอยู่บ้านจริงๆมากกว่าจะเรียกว่าโรงแรม แถมยังมีคนคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้อีก....นี่แหละ สถานที่เก็บตัวสำหรับปิดเทอมนี้ของเขา!

มือใหญ่พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ เพื่อมองหาว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ มินชูคุริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง...ถ้าจำไม่ผิด เมืองเล็กๆนั่นมีโรงเรียนมัธยมต้นซึ่งมีสนามเบสบอลอยู่ด้วย...เจ๋งเลย!


และเมื่อร่างสูงเอาไปเสนอที่ชมรม มันก็เลยผ่านแบบไม่ยากเย็น....








รถบัสประจำทางพาเด็กหนุ่ม ม.ปลาย ราวๆยี่สิบคนปีนลัดเลาะไปตามแนวเขา จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ตั้งอย่างเปลี่ยวเหงาอยู่ข้างทะเลสาบสงบนิ่งซึ่งทุกด้านถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยภูเขา มีเพียงใบไม้ที่ปลิวมาตามสายลมเย็นๆเท่านั้นที่เข้ามาทักทาย เมื่อรอบกายยังคงมีแต่ความเงียบงัน ร้านรวงที่ควรจะเปิดค้าขายกลับซบเซา บางร้านก็ปิดร้าง บางร้านก็เปิดแง้มเอาไว้แค่ครึ่งเดียว

“ เมืองนี้มันมีคนอยู่แน่หรอวะ?”     ใครสักคนในชมรมเอ่ยถามออกมาเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วไม่เห็นใครเลยสักคน ที่ป้ายรถเมล์เองก็มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ลง

“ ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็แบบนี้แหละ เมืองนี้คงจะคึกคักในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไม่ก็ซากุระเหมือนที่อื่นๆนั่นแหละ”     กัปตันยกกระเป๋ากีฬาของตัวเองขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินนำออกไป โดยมีเด็กหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนหาสถานที่นี้มาเดินรั้งท้าย นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาใครสักคนแต่ก็ยังไม่พบใครอีกตามเคย


ทั้งๆที่ไม่มีใครแต่ทำไมเหมือนถูกอะไรบางอย่างจ้องมองอยู่ ?


ตามที่เจ้าของบ้านบอกมา...แค่เดินเลาะไปตามริมทะเลสาบเรื่อยๆแล้วมองหาบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณที่มีตุ๊กตาหินรูปหมากับแมววางอยู่หน้าบ้าน...ซึ่งมันก็หาไม่ยากอย่างที่คิด...

เพราะเมื่อเดินขึ้นเนินมาได้ไม่ไกลก็มองเห็นบ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่สภาพตามกาลเวลาที่คงมีคนอาศัยอยู่มาหลายช่วงอายุทำให้กลิ่นไอเก่าๆลอยออกมาจนเด็กในเมืองอย่างพวกเขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

“ รบกวนด้วยครับ”    กัปตันเปิดประตูบานเลื่อนหน้าบ้านเข้าไปก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับห้วนๆกลับมาจากที่ไกลๆ และหลังจากที่สมาชิกของชมรมเบสบอลทั้งหมดเข้าไปยืนมองนู่นมองนี่อยู่ตรงบริเวณที่สำหรับนั่งใส่รองเท้าอยู่สักพัก ร่างบางระหงในชุดกิโมโนของใครบางคนก็เดินออกมา...

ถึงแม้ใบหน้าเรียวสวยนั่นจะนิ่งเฉยแต่ร่างกายบอบบางที่ค่อยๆนั่งลงไปที่พื้นทางเข้าก่อนจะก้มหัวให้พวกเขาราวกับเป็นแขกคนสำคัญนั้นมันกำลังสะกดสายตาทุกคู่ให้ตกอยู่ในมนต์สะกด....

“ ยินดีต้อนรับ”     ใบหน้ามนดูยังไงก็เรียกได้ว่าสวยนั้นมีแววดื้อรั้นหน่อยๆ ถึงจะเอ่ยออกมาว่ายินดีต้อนรับแต่น้ำเสียงกลับห้วนสั้นไร้ความนุ่มนวล แต่เพราะความรู้สึกที่ว่าคนตรงหน้านั้นพยศน้อยๆยิ่งดึงดูดให้คนที่เป็นผู้ชายอยากจะกำราบให้อยู่หมัด...เพราะฉะนั้นสายตาของสมาชิกชมรมเบสบอลจึงหันไปสนใจร่างที่ยังคงนั่งทับส้นอยู่ที่พื้นไม้กันอย่างไม่ยอมละสายตา

และยิ่งจ้องมองให้ดี หลายคนก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นสัญลักษณ์บ่งบอกเพศที่ชัดเจนอยู่ที่ลำคอ

เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย!!!

“ ผู้จัดการยังไม่กลับ ถ้ายังไงเชิญมารอที่ห้องนี้ก่อนก็แล้วกัน”      มือเล็กบางขาวผ่องผายไปที่ห้องรับแขกแบบญี่ปุ่นซึ่งอยู่ด้านข้าง ก่อนที่ใบหน้าสวยจะเงยขึ้นมา เผยให้เห็นว่านัยน์ตากลมโตนั้นเป็นสีมรกต

ร่างบอบบางในชุดกิโมโนลุกขึ้นเดินนำเข้าไปในห้อง เส้นผมสีเงินแปลกตายาวระใบหูที่ขยับไปมาตามแรงก้าวเดินนั้นชวนมอง...ดูท่าว่าเด็กคนนั้นจะอายุน้อยกว่าพวกเขาเล็กน้อย...อาจจะเป็นเด็ก ม.ต้น

“ ฮ้า~~ เสียดายว่ะ ไม่น่าเป็นผู้ชายเล้ย...”      หลายๆคนครางออกมาอย่างเสียดายเมื่อร่างในชุดกิโมโนหายออกไปจากห้อง

“ เหอะ! ดีแล้วว่ะที่เป็นผู้ชาย เพราะไม่งั้นก็คงเสร็จไอ้หมอนี่อีกตามเคย มันน่าอิจฉาเฟ้ยเจ้ายามาโมโตะ!”      แล้วมือหลายข้างก็ยกขึ้นมาขยี้หัวสีดำของเจ้าของชื่อคละเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อได้อยู่ด้วยกันโดยไม่มีคนนอก สภาพไม่เป็นระเบียบของเด็กหนุ่ม ม.ปลาย ก็เห็นได้ชัดเจนตามปกติ

วันนี้...กว่าจะได้แยกย้ายกันไปพักในห้องใครห้องมันเวลาก็ผ่านไปจนเกือบจะพลบค่ำ เพราะกว่าเจ้าของบ้านซึ่งน่าจะเป็นพ่อหรือไม่ก็อาของเด็กคนนั้นจะกลับมาแสงแดดก็เกือบจะลาลับขอบฟ้า






“ 304....304.....อ่า...อ๊ะ เจอแล้ว!”      ร่างสูงกวาดสายตามองหาห้องของตัวเองก่อนจะพบมันในที่สุด...ห้องสุดท้ายที่สุดปลายทางเดิน...

บ้านหลังนี้ใหญ่ไม่ใช่เล่นๆ เพราะนอกจากเรือนหลังใหญ่แล้วยังมีเรือนเล็กเรือนน้อยแยกย่อยออกมาอีกมากมาย อย่างน้อยมันก็มากพอที่จะแยกพวกเขาให้อยู่แค่ห้องละสองคน แต่ด้วยความที่สมาชิกมันมีจำนวนเป็นเลขคี่ ชายหนุ่มหน้าตาดีที่โดนเพื่อนๆอิจฉาจึงต้องแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว

“ ฮ่าๆ ว่าไปนั่น..”      ใบหน้าคมอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะที่จริงแล้วเขาเป่ายิงฉุบแพ้ต่างหาก...แต่ถึงจะเป็นห้องเดี่ยวก็ใช่ว่าจะอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เพราะห้องข้างๆและข้างๆในเรือนนี้ก็ล้วนแต่เป็นเพื่อนๆของเขาทั้งนั้น

กระเป๋ากีฬาใบใหญ่ถูกวางลงไปที่พื้นก่อนที่ผ้าขนหนูและเสื้อยืดกางเกงนอนจะถูกดึงออกมา

“ เอ๊ะ?!”     ดูเหมือนบนฟูกนอนจะมียูกาตะพับเรียบร้อยวางเอาไว้ให้ เพราะงั้นเสื้อยืดกางเกงนอนเลยถูกยัดลงกระเป๋าอีกที

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองยูกาตะสีเข้มอย่างถูกใจ....ใบหน้าสวยนิ่งๆออกจะบูดเล็กๆของเด็กคนนั้นลอยเข้ามาเมื่อนึกถึงกิโมโนกับยูกาตะ...เด็กคนนั้นคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วก็คงช่วยงานที่บ้านด้วยการคอยดูแลแขกด้วยละมั้ง

จะยังไงก็ช่างเถอะ...อาบน้ำๆๆ

“ เฮ้....ไปอาบน้ำไหม?”      ใบหน้าคมยื่นเข้าไปในห้องของเพื่อนร่วมชมรม ที่มีเพียงมือยกโบกน้อยๆมาให้ว่าไม่ไป ก่อนที่เจ้าเพื่อนตัวดีจะซุกหน้าลงบนฟูกแล้วหลับนิ่งต่อไป...อาจจะดีแล้วก็ได้ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเจ้าพวกนี้...

ร่างสูงเดินไปตามระเบียงทางเดินเพียงลำพัง ก่อนจะเปิดประตูเลื่อนของห้องที่จำได้ว่าเป็นห้องน้ำรวม

ถึงมันจะเป็นห้องน้ำรวมแต่บัดนี้กลับไม่มีใครสักคน...อย่าบอกนะว่าไอ้เจ้าพวกนั้นมันจะไม่อาบน้ำกันหมดเลยน่ะ?

ใบหน้าคมส่ายช้าๆอย่างระอาใจ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเอาไว้แล้วพันรอบเอวด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว มือบิดก๊อกฝักบัวที่มีแต่เสียงเอี๊ยดๆแต่ไม่ยักกะมีน้ำไหลออกมา...หันไปบิดอีกอันที่อยู่ข้างๆกันก็ยังคงนิ่งสนิท

“ เอ....เสียหรือไงนะ?”     จะให้ใส่เสื้อผ้าก็เสียเวลา ร่างสูงจึงตัดสินใจเดินออกไปบอกเจ้าของบ้านทั้งๆที่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบเอวอยู่แบบนั้น

โดยที่ลืมนึกไปว่า....ถึงแม้จะเป็นผู้ชายแต่อีกฝ่ายก็มีใบหน้าราวกับผู้หญิง!

“ เหวอ!! อะไรของแกเนี่ย?!! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้ลามก ไอ้พวกชอบโชว์ ไอ้ๆๆๆ”      ร่างในกิโมโนด่าออกมาเป็นชุดพร้อมใบหน้าสวยที่แดงแปร๊ดเมื่อเขาเปิดประตูห้องรับแขกเพื่อตามหาเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าหายตัวไปอยู่ที่ไหนกันหมด จึงมีเพียงเจ้าเด็กผมสีเงินยืนชี้นิ้วด่าราวกับว่าเขาเป็นพวกวิตถารก็ไม่ปาน....ยังไงก็ช่วยเห็นเขาเป็นแขกหน่อยเถอะ

“ เดี๋ยวสิๆ ชั้นแค่จะมาบอกว่าฝักบัวมันเสียเลยอาบน้ำไม่ได้น่ะ ใจเย็น วางแจกันนั่นลงก่อนนะ”      มือขาวผ่องทำท่าจะยกแจกันขึ้นฟาดร่างสูงจริงๆเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปหาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียว

“ อะไรกัน นายก็เป็นผู้ชายไม่ใช่หรอ? ปกติก็ต้องมีบ้างแหละที่จะเดินแก้ผ้าอยู่ในบ้านน่ะ ฮะฮะ”     มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นห้ามอีกฝ่าย ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นเกาท้ายทอย นัยน์ตาสีมรกตจ้องใบหน้าคมที่หัวเราะอยู่ตรงหน้าเขม็ง

“ ไม่เคยเฟ้ย!”      ยิ่งเหลือบสายตาลงต่ำไปเห็นแผงอกแข็งแรงกับกล้ามหน้าท้องแบบนักกีฬายิ่งทำเอาใบหน้าร้อนผ่าว คงจะเป็นความอิจฉาที่ไม่ว่าจะทำยังไงตัวเองก็ไม่มีทางมีกล้ามหน้าท้องแบบนั้นได้

“ ยังไงก็ช่วยไปดูฝักบัวให้ก่อนเถอะ มันเปิดน้ำไม่ออกน่ะ”      นัยน์ตาสีมรกตยังคงมองอีกฝ่ายด้วยแววไม่ไว้ใจ ไอ้ใบหน้ายิ้มร่ากับท่าทางเอ๋อๆนี่มันเชื่อได้แค่ไหนกันนะ? ถึงแม้เขาจะถูกฝึกมาให้พยายามเป็นคนคอยดูแลแขกที่ดี แต่ให้ตายเถอะไอ้วิถีชีวิตแบบนี้นี่มันไม่เข้ากับนิสัยของเขาเลยสักนิด

ร่างบอบบางเดินดุ่มๆนำหน้าร่างสูงไปยังห้องน้ำด้วยท่าทางหงุดหงิด....มือบางลองบิดๆหมุนๆก๊อกฝักบัวแต่มันก็ยังคงนิ่งสนิท ใบหน้าสวยก้มลงไปจ้องๆมองๆก่อนจะเงยหน้ามาพูดกับร่างสูงว่า

“ แค่นี้ก็ซ่อมเองไม่ได้รึไง แกซ่อมไม่ได้แล้วคิดว่าชั้นจะซ่อมได้งั้นหรอ?”      เล่นเอาแขกที่ยืนมองอย่างมีความหวังถึงกับหลุดหัวเราะพรืดออกมา

“ ฮ่าๆๆๆ”

“ หัวเราะอะไรของแก!”       และไม่ใช่แค่ใบหน้าสวยจะบูดสนิท มือบางก็เผลอบิดเต็มแรงไปที่ก๊อกฝักบัวด้วยความโมโห....และผลมันก็คือ...


ฟู่........


สายน้ำไหลพุ่งออกมาจากแถวๆก๊อกอย่างไร้ทิศทาง ทำให้คนสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับเปียกโชกภายในชั่วพริบตา ริมฝีปากสีแดงได้แต่อ้าพะงาบๆอย่างไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง มือบางได้แต่ปัดป้องสายน้ำที่ยังไหลพุ่งออกมาไม่หยุดไม่ให้โดนใบหน้า

“ นี่! มิเตอร์น้ำอยู่ที่ไหน?!”     กลับเป็นร่างสูงที่ตะโกนถามออกไป เพราะดูท่าแล้วเจ้าเด็กผมสีเงินนี่คงจะหวังพึ่งไม่ได้แน่

“ อะไรนะ?!

“ มิเตอร์น้ำ!

“ อ่า...หน้าบ้านมั้ง...”     ร่างบางตอบกลับมาแค่นั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน ทำให้ใบหน้าคมได้แต่นิ่งค้าง นี่คงไม่ได้จะให้เขาวิ่งไปปิดมิเตอร์น้ำบ้านของตัวเองก็ไม่ใช่ ถึงหน้าบ้านซึ่งอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ในสภาพผ้าขนหนูเปียกๆผืนเดียวแบบนี้หรอกนะ

“ ต้องปิดมันหรอ?...ถ้างั้นแกก็.....”      นั่นไง....ว่าไว้ยังไม่ทันขาดคำ ริมฝีปากสีแดงนั่นก็เอ่ยออกมาพร้อมๆกับสายตาที่ช้อนขึ้นมามองเล็กน้อย ถึงแววตาแข็งกร้าวนั่นจะไม่มีแววออดอ้อนเลยก็ตาม แต่ทำไมร่างกายของเขากลับขยับไปเองซะแบบนั้น...




“ เฮ้อ......”      เสียงถอนหายใจยาวดังออกมาจากใบหน้าคม เทปพันท่อน้ำยังคงคาอยู่ในมือ นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองฝักบัวที่มีสายน้ำพุ่งอย่างนิ่มนวลออกมาด้วยสายตาโล่งอก ก่อนจะหันไปมองเจ้าคนที่อยู่ในชุดกิโมโนเปียกปอนที่ยืนบัญชาอยู่ข้างๆ....จนแล้วจนรอด คนที่วิ่งไปปิดมิเตอร์น้ำ วิ่งกลับมาเปลี่ยนก๊อกฝักบัวแล้ววิ่งกลับไปเปิดมิเตอร์น้ำใหม่...มันก็เป็นเขาทั้งหมด!!

ตกลงใครเป็นแขกใครเป็นเจ้าของมินชูคุกันแน่เนี่ย?!

“ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วใช่ไหม?! ยุ่งยากจริงๆ”     เจ้าเด็กผมสีเงินสะบัดหน้าพรางบ่นออกมา...คนที่ควรจะบ่นน่าจะเป็นเขามากกว่าไม่ใช่หรือไงน่ะ?

แต่กระนั้น เพราะใบหน้าและท่าทางแบบนั้นมันดันทำให้โกรธไม่ลง แก้มป่องที่บูดน้อยๆทำไมมันดูน่าแกล้งมากกว่าจะน่าโมโหไปได้ก็ไม่รู้

“ ฮะฮะ ขอบใจนะ”      ร่างสูงหัวเราะออกมาพรางวางเทปพันท่อลงในตะกร้า และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาดันไปจับจ้องอยู่ที่กิโมโนเปียกลู่ที่แนบลำตัวคนตรงหน้าให้ดูบอบบางยิ่งขึ้นไปอีก


สาบานได้ว่าเขาชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิต...และไม่คิดเลยว่าจะต้องมากลืนน้ำลายไปกับรูปร่างของผู้ชายด้วยกันแบบนี้เลยจริงๆ


คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังถูกจ้องด้วยสายตาแบบไหนทำท่าจะเดินออกไปจากห้องน้ำ และเมื่อเห็นแบบนั้นมือใหญ่ก็เผลอคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แบบไม่ทันตั้งตัว

“ อะไรอีก?”      ใบหน้าสวยหันมามองด้วยแววตาสงสัยแต่ไร้ความเคลือบแคลงใจ ทำให้ร่างสูงผงะไปเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป

“ เอ่อ...คือ....อ่า....ชื่อ! นายชื่ออะไรหรอ?”      เลยเนียนถามชื่อไปซะ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว

“ ...............”       แต่นัยน์ตาสีมรกตดุๆกลับมองมาด้วยสายตาประมาณว่า มันจำเป็นด้วยหรอที่แขกจะต้องรู้ชื่อพนักงานในมินชูคุ ?

“ ถ้าไม่ยอมบอก งั้นชั้นจะเรียกนายว่า”

“ โกคุเดระ ฮายาโตะ!”      ริมฝีปากสีแดงเอ่ยออกมาก่อนที่จะถูกเรียกด้วยชื่อแปลกๆ เพราะคิดว่าใบหน้าเอ๋อๆนั่นมันคงไม่มีปัญญาตั้งชื่อดีๆให้เขาแน่

“ ฮะฮะ เพราะงั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน....ชั้นชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....อีกครึ่งเดือนที่อยู่ที่นี่ก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ!”      แล้วหัวสีดำก็โค้งให้ ทำเอาใบหน้าใสถึงกับแดงระเรื่อ


ตกลงใครมันเป็นแขกกันแน่เนี่ย ?








เสียงลูกเบสบอลกระทบไม้ดังเป็นระยะๆอยู่ในโรงเรียนมัธยมต้นเล็กๆเพียงแห่งเดียวของเมืองที่ถูกรายล้อมไปด้วยหุบเขาแห่งนี้

ถึงโรงเรียนนี้จะมีสนามเบสบอล แต่ด้วยความที่นักเรียนน้อยและไม่มีใครสนใจจึงไม่มีชมรมเบสบอลเป็นของตัวเอง สนามแห่งนี้จึงไม่มีใครใช้มานานแสนนาน

และเพราะแบบนั้น เมื่อช่วงปิดเทอมที่น่าจะเงียบสงบกลับมีเสียงลูกเบสบอล เสียงวิ่ง เสียงตะโกน เสียงหัวเราะ อยู่ที่สนามเบสบอลที่ไม่น่าจะมีคน ทำให้เด็กในโรงเรียนต่างสนใจแวะเวียนมาดูทั้งๆที่เป็นช่วงปิดเทอม

แน่นอนว่ากว่าสองในสามเป็นเด็กผู้หญิง....ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็หนีไม่พ้นจริงๆสำหรับชมรมเบสบอล

และกว่าครึ่ง ของสองในสามนั้น สายตาต่างก็พุ่งเป้ามาที่ เอส ของชมรมอย่างคนที่เพิ่งจะตีโฮมรันไปหยกๆ

“ ไอ้เจ้ายามาโมโตะ เมื่อไหร่จะเลิกตีโฮมรันซักทีฟ๊ะ!”     เสียงตะโกนดังมาจากเพื่อนร่วมชมรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงผมสีดำสั้นยังคงวิ่งสบายๆไปตามเบส ใบหน้าคมหล่อเหลาเวลาที่หัวเราะร่าออกมามันช่างดูเป็นผู้ชายอบอุ่นและใจดีตามแบบฉบับพระเอกการ์ตูนผู้หญิงจนสาวๆที่เกาะรั้วอยู่รอบๆถึงกับเคลิ้มฝัน

“ เกะกะ!”      ถ้าจะไม่มีเสียงวีนของใครบางคนมาขัดจังหวะละก็นะ

ร่างที่ยังอยู่ในชุดกิโมโนถึงแม้จะต้องออกไปเดินข้างนอกถือกล่องข้าวมากมายแหวกฝูงผู้หญิงเข้าไปในสนามเบสบอลจนได้ ก่อนจะวางมันลงด้วยใบหน้าบูดนิดๆ

“ เฮ้! พักกินข้าวกลางวันกันได้แล้ว!”      เป็นเสียงของกัปตันชมรม ไม่ใช่เสียงของร่างบอบบางที่หันหลังเดินกลับออกไปอย่างไม่คิดจะทักทายเลยสักนิด นี่ถ้าเป็นโรงแรมที่อื่นคงถูกไล่ออก ไม่ก็จับไปอบรมมารยาทใหม่ไปแล้วมั้งเนี่ย

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองตามแผ่นหลังบางพรางอมยิ้ม...ทำไมเขาถึงได้สนใจนิสัยแบบนั้นได้นะ?

“ ว๊าย โกคุเดระคุงในชุดกิโมโนละ...”      แล้วก็ดูท่าว่าจะไม่ใช่เขาคนเดียวที่สนใจ เพราะเด็กผู้หญิงหลายๆคนก็จับจ้องเจ้าของใบหน้าสวยบูดบึ้งนั่นเหมือนกัน

ทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงเดินต่อไปราวกับเสียงรอบกายเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา...






ท้องฟ้าข้างนอกนั้นเปลี่ยนจากสีฟ้าใสกลายเป็นสีเทา เสียงตีปิงปองดังคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะเฮฮาของเหล่าสมาชิกชมรมเบสบอลที่ยึดครองโต๊ะปิงปองของโรงแรมเอาไว้เพราะไม่มีแขกคนอื่นนอกจากพวกเรา

ใบหน้าคมของยามาโมโตะก้มลงกดมือถือครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย จนเพื่อนหลายคนต่างมองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ เฮ้ย! แกจะกดมันอีกนานไหมวะ ป่านนี้สาวเจ้าคงงอนละม้างที่แกหนีมาไกลขนาดนี้โดยไม่ยอมพามาด้วยน่ะ ฮ่าๆๆ”     เสียงแซวเอ่ยออกมาให้ใบหน้าคมได้แต่ส่ายหน้าพรางยิ้มหน่ายๆ

“ สาวที่ไหนล่ะ โทรหาพ่อต่างหาก”      ทำไมไอ้พวกนี้ถึงได้คิดว่าเขาจะมีสาวๆซุกซ่อนไว้กันนักนะ ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีใครเลยต่างหาก ไม่ใช่ว่าไม่เคยคบกับใคร แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเขาถึงคบกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้นาน

เพราะได้มาง่ายๆ? เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่เข้ามาสารภาพรักกับเขาก่อน?

แต่ทุกครั้งคนที่บอกเลิกก่อนก็คือพวกเธอ ไม่ใช่เขาสักหน่อย...

มีหลายคนบอกว่า เพราะว่าเขาไม่ได้รักพวกเธอเหล่านั้น เลยคบได้โดยไม่รู้สึกอะไรและไม่อาลัยอาวรณ์เวลาที่พวกเธอจะจากไป

มันก็อาจจะจริง เพราะเขาไม่เคยเศร้าเลย เวลาที่ถูกพวกเธอทิ้งไป...

“ ออกไปข้างนอกแป๊บนะ”     ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นให้เจ้าพวกนั้นรู้ว่าเขาจะออกไปทำไม

แต่จนแล้วจนรอด ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของมินชูคุมันก็ไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่ขีดเดียว...อืม...ยังมีที่ที่ขาดการติดต่อแบบนี้อยู่ในญี่ปุ่นด้วยหรอเนี่ย?

ร่างสูงเดินกดมือถือไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจรอบๆกาย ทำให้เดินหลงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกว่าจะเดินเข้ามาในส่วนของสต๊าฟหรือก็คือเขตพักส่วนตัวของเจ้าของมินชูคุไปแล้ว

ทั้งๆที่ตั้งใจจะเดินออกไป แต่เงาร่างของใครบางคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ด้านหลังประตูเลื่อนที่เปิดแง้มอยู่มันก็ทำให้รอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้าคมราวกับว่าได้เจออะไรที่น่าสนใจ ขาแทนที่จะก้าวเดินออกไปกลับเดินย้อนไปในทางตรงกันข้าม

“ ทำอะไรอยู่น่ะ โกคุเดระ?”

“ เหวอ?!! แกอีกแล้วหรอ!! เข้ามาในนี้ได้ยังไงห๊ะ?!”     ทักออกมาแต่ละคำนี่....ตกแน่...ถ้านี่คือการสอบพนักงานที่ต้องคอยดูแลแขก แต่ร่างสูงก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจแล้วขยับเข้าไปยืนใกล้ๆโดยไม่กลัวมีดในมือบางนั่นเลยสักนิด

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหล่มองคนที่เตี้ยกว่า แขนกิโมโนยาวๆถูกเชือกผ้ามัดรั้งขึ้นไปทำให้ได้เห็นแขนเล็กๆขาวนวลเนียนเป็นครั้งแรก...น่าแปลกใจจริงๆ ที่นอกจากนิสัยแล้วเขายังสนใจรูปร่างของโกคุเดระมากมายขนาดนี้….เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ดันมีรูปร่างผอมบางแบบที่เขาไม่คุ้นเคยน่ะหรอ?

“ หื๋มม์...นายกำลังทำกับข้าวหรอ?”     และที่ร่างบางมัดแขนกิโมโนไว้ให้ดูทะมัดทะแมงนั้นก็เพราะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัวนั่นเอง

“ กำลังทำผักดอง ไม่ใช่กับข้าว...พวกแกก็กินกันไปแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วยังจะต้องทำไปทำไมอีกเล่า เจ้าโง่!”     ร่างสูงได้แต่หัวเราะรับคำด่า...ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าให้ช่วยเห็นเขาเป็นแขกนิดนึงได้ไหม แต่ดูท่าจะสายไปแล้วละ เพราะแม้แต่ความเคารพในฐานะที่เขาน่าจะเป็นรุ่นพี่ยังไม่มีเล้ย

“ ให้ฉันช่วยนะ”       เสียงกระตือรือร้นเอ่ยออกมาจากร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้คนที่เคยทำอะไรง่วนอยู่คนเดียวถึงกับอารมณ์พุ่งปี๊ด

“ ไม่ต้องมายุ่งเลย!”      นัยน์ตาสีมรกตดุๆหันไปจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง เขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร แล้วทำไมหมอนี่ถึงชอบมาตอแยเขานัก เป็นแค่แขกก็น่าจะให้เขาทำอะไรให้เท่าที่ควรแล้วก็กลับห้องของตัวเองไปสิ

“ อ๊ะ?!”      แตงกวาในมือถูกมือใหญ่ๆสีแทนนั่นคว้าเอาไป ก่อนที่เสียงหั่นฉับๆจะดังตามมา ร่างในชุดกิโมโนจึงได้แต่ยืนฟึดฟัดอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าด้านข้างของยามาโมโตะด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะปกติไม่ค่อยได้พูดคุยกับใคร ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้ามาคุยด้วยท่าทางสบายๆแบบนี้ละมั้ง ความรู้สึกอุ่นๆแบบนี้ก็เลยเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก

แต่จะให้ยอมรับก็คงไม่ใช่เขา เพราะยังไงไอ้ใบหน้ายิ้มเนียนๆนั่นมันก็ยังขัดลูกตาอยู่ไม่ใช่น้อย....

“ มันยังไม่ได้ดองแล้วแกจะหั่นมันทำไมเล่า!      

“ ฮะ ฮะ งั้นหรอ?”

ยังหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็น เพราะมันทำให้รู้ว่าหมอนี่เป็นคนที่มีเสน่ห์...






การเข้าค่ายเก็บตัววันที่ห้าเพิ่งจะดำเนินผ่านไปยังไม่ทันจะถึงชั่วโมงดี สมาชิกชมรมเบสบอลก็ต้องมานอนแกร่วอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของโรงแรม เพราะสายฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงสายๆ

และคนที่เป่ายิงฉุบแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบเด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของตำแหน่ง เอส ของชมรมก็ต้องเป็นคนรับหน้าที่ไปเก็บถุงมือเบสบอลที่ตากลมเอาไว้ที่ราวตากผ้าข้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้

อ้อมแขนแข็งแรงวางตะกร้าที่มีถุงมือเบสบอลใส่อยู่เต็มลงที่ข้างๆประตู ก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่างที่มันฟังดูต่างไปจากเสียงของสายฝน


กึก...กึก.....ครืด.....กึก....ครืด.....


เหมือนเสียงใครกำลังพยายามเลื่อนประตู ?

ใบหน้าคมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องรับแขกแบบญี่ปุ่นแล้วก็เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า....ทำไมถึงเป็นเขาทุกทีเลยนะที่ได้เห็นภาพแบบนี้

มือขาวผ่องกำลังพยายามดึงประตูเลื่อนกันฝนที่ทั้งหนักทั้งฝืดออกมา ไม่ใช่แค่มือแต่ลำตัวบางทั้งตัวกำลังดึงดันสุดชีวิตที่จะให้เจ้าบานเลื่อนนั่นขยับออกมากันฝนก่อนที่ห้องทั้งห้องจะเปียกโชก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนัก

“ โธ่โว้ย...ออกมาสิฟ๊ะ!!”     ร่างบอบบางทิ้งตัวไปข้างหน้า สองขาก็ก้าวไปมาแต่ไม่ว่าจะใช้แรงแค่ไหนเจ้าบานเลื่อนก็ยังไม่ยอมขยับ

“ ฮึ่ม...ออกมานะ!!”     คราวนี้ไม่ออกแรงให้เสียเปล่าแต่ลำตัวบางกลับไปยืนชี้นิ้วสั่งเผื่อว่ามันจะเชื่อฟังแล้วยอมเลื่อนตัวเองออกมาดีๆ

“ อุบ...ฮ่าๆๆๆ”     เสียงหัวเราะของใครบางคนทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปเห็นร่างสูงยืนกุมท้องหัวเราะราวกับคนบ้า....ตายๆๆ ใครเห็นก็ไม่ได้ ทำไมต้องเป็นไอ้บ้านี่ด้วย!

ใบหน้าใสแดงแปร๊ด ริมฝีปากอ้าพะงาบๆอย่างพูดอะไรไม่ออก นึกอยากจะกลายเป็นอากาศธาตุไปให้รู้แล้วรู้รอด

“ ฮ่าๆ...นายไปขอร้องชั้นให้มาช่วยก็ได้นะ คิดว่ามันคงดีกว่ายืนสั่งมันอยู่แบบนี้”      ใบหน้าคมยังคงพยายามกลั้นหัวเราะในขณะที่ร่างสูงขยับเข้ามาช่วยดึงประตูบานเลื่อนออกอย่างไม่ยากเย็นนัก ถึงมันจะหนักและฝืดแต่ก็ไม่ครณามือเขาหรอก

“ มะ ไม่ขอบใจหรอกนะ!”       ใบหน้าสวยที่มองมาอย่างทึ่งๆสะบัดหนีไปอีกทางอย่างไม่ยอมรับในความแข็งแรงของอีกฝ่าย...เชอะ...ก็แค่พวกแรงวัวแรงควายเท่านั้นแหละ!

“ เรียบร้อย”      มือใหญ่สองข้างปัดฝุ่นไปมาก่อนจะเงยมองใบหน้าแดงระเรื่อของโกคุเดระ...ถึงปากจะบอกไม่ขอบใจแต่แก้มใสๆนั่นก็ปิดไม่มิดและเมื่อเขายิ้มให้ใบหน้าสวยก็กลับไปบูดสนิทตามเดิม

ร่างบางในชุดกิโมโนเดินกระแทกเท้าเข้าไปนั่งข้างๆกองผ้าก่อนจะค่อยๆหยิบออกมาพับทีละผืนๆ ส่วนอีกคนแทนที่ปิดประตูกันฝนเสร็จแล้วจะกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ร่างสูงกลับล้มตัวลงกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นเสื่อทาทามิก่อนจะมาจบลงด้วยท่านอนคว่ำสองมือเท้าคางมองเจ้าของผมสีเงินที่ยังคงนั่งพับผ้าไปเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกได้แค่ว่ายามที่ได้มองโกคุเดระ...เขาไม่รู้สึกเบื่อเลย

ดูสิ...ใบหน้าสวยที่นิ่งเฉยกำลังค่อยๆบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มก็ค่อยๆเม้มเป็นเส้นตรงขึ้นเรื่อยๆ คิ้วเรียวสวยก็ค่อยๆขมวดติดกันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้ และนัยน์ตาสีมรกตที่เคยหลุบต่ำก็กำลังจ้องเขม็งอย่างหาเรื่องมาที่เขา....ถ้าแกล้งแล้วจะน่ารักขนาดนี้ มีหรือใครจะไม่อยากแกล้ง

“ นี่แก!! ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือไง!! ไสหัวไปให้พ้นๆเลยนะ!

“ ฮ่าๆๆ ใครว่าไม่มีอะไรทำ ชั้นนอนดูนายอยู่นี่ไงล่ะ”      ใบหน้าคมยิ้มให้แต่อีกฝ่ายกลับเห็นว่ามันสุดแสนจะกวนประสาท หมอนที่เอาออกมาผึงแดดจึงฟาดลงไปที่ลำตัวยาว

“ ชั้นไม่ใช่โทรทัศน์นะ! ถึงจะได้ให้แกมานอนดู จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!”    

“ ไม่เอาอ่ะ ก็อยู่กับนายแล้วสนุกดีนี่นา นายก็พับผ้าไปสิ ฉันไม่กวนหรอกน่า นะๆ”      ร่างยาวๆกลิ้งมาหยุดอยู่ใกล้ๆหน้าตักของคนที่ยังนั่งทับส้น มือใหญ่ก็คอยจับข้อมือเล็กไม่ให้ฟาดหมอนลงไปอีก ทำเอาคนสู้ไม่ได้ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะหันมานั่งถอนหายใจอย่างปลงตก

“ ฮึ่ม...อยากจะนอนอยู่ตรงนี้ก็เรื่องของแก แต่ว่าห้ามมองชั้น!!”       ในเมื่อไล่ก็ไม่ไป ห้ามก็ไม่ได้อย่างน้อยก็ขอทำอะไรซักหน่อยเหอะ

“ อื้อ! ไม่มอง”     ทั้งๆที่ปากบอกว่าจะไม่มอง แต่ใบหน้าเอ๋อๆก็ยังคงจ้องมาทางนี้ไม่วางตา...นี่มันตั้งใจจะกวนประสาทใช่ไหม โว๊ย!! ช่างไอ้บ้านี่มันละกัน!

ร่างบอบบางหันไปพับผ้าด้วยใบหน้างอหงิก แล้วก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มจะชินกับการถูกนัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นจ้องมอง เช่นเดียวกับร่างสูง...ที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีร่างบอบบางนั้นอยู่ในสายตา...






ทุกๆเช้าก่อนที่ใครต่อใครจะตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางของโกคุเดระมักจะหอบตะกร้าผ้ามาที่หน้าห้องพัก ก่อนที่จะนั่งคุกเข่าอย่างนอบน้อมแล้วเลื่อนประตูออกอย่างแผ่วเบาพร้อมๆกับเอาผ้าขนหนูผืนใหม่ไปวางไว้ให้ที่หน้าประตูด้านในห้อง แล้วจึงเลื่อนประตูให้ปิดลงตามเดิม

เพื่อนๆในชมรมของเขามักจะพิศวงทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นผ้าสะอาดที่พับเรียบร้อยเตรียมไว้ให้ และไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเจ้าของมินชูคุเอามันมาวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ไม่ใช่กับคนที่ประสาทสัมผัสไวแบบเขา....

วันนี้เขาก็ตื่นขึ้นมาฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆเหมือนเดิม ใบหน้าเผลออมยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่กำลังเดินเข้ามาหา เขาเฝ้านับเสียงเปิดประตูเลื่อนไปเรื่อยๆ

ห้องที่หนึ่ง....สอง......สาม.........สี่............ห้า........และ....

ครืดดดดดด.....

ทันทีที่มือขาวผ่องยื่นเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนู มือใหญ่ก็คว้ามันเอาไว้แล้วดึงตัวบางๆเข้ามาในห้องทันที

“ หว๋า!!! อะ เฮ้ย!!!!”      ยังไม่ทันที่จะรู้ตัวร่างบอบบางก็ถูกเขากดเอาไว้ใต้ร่างเรียบร้อย

“ ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ปล่อยนะ!!”     ริมฝีปากสีแดงออกคำสั่งอย่างกระซิบกระซาบ เพราะอย่างน้อยๆคนที่อยู่ในห้องข้างๆก็ยังหลับอยู่

“ ชั้นละเมออ่ะ โกคุเดระ”      ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงยังทิ้งตัวลงไปทับร่างบางๆเอาไว้ก่อนจะซุกหน้าไปแถวๆซอกคอที่มีเส้นผมสีเงินคลอเคลีย....ใจจริงก็แค่อยากจะแกล้งเล่นเท่านั้นแหละ

“ ละเมอบ้านแกสิ ลุกไปเดี๋ยวนี้เลย!”      มือบางยันใบหน้าเอ๋อๆออกไปก่อนที่ร่างสูงจะยอมลุกตามแต่โดยดี

“ ดูซิ โอบิหลุดหมด”      ร่างบางลุกขึ้นมานั่งทับส้นก่อนจะก้มลงมองความเรียบร้อยของตัวเอง ผ้าคาดเอวผืนกว้างดูเหมือนจะถูกเกี่ยวมันเลยหลุดออกจากกัน และดูเหมือนมันต้องผูกจากทางด้านหลัง

มือบางพยายามเอื้อมไปผูกด้วยท่าทางทุลักทุเล ทำให้คนที่เป็นต้นเหตุคว้าปลายโอบิเอาไว้ก่อนจะช่วยผูกให้

“ นายไม่ได้ผูกมันเองหรอ?”       เส้นผมสีเงินพลิวกระจายตามแรงส่ายหัว

“ แม่เป็นคนจับชั้นแต่งตัวทุกเช้าแหละ แกก็เห็นนี่ว่ามือชั้นเอื้อมไปผูกถึงซะที่ไหน”       คราวนี้เจ้าคนที่พยศอยู่ตลอดเวลากลับนั่งนิ่งๆยอมให้เขาจับเอวแต่โดยดี

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เผลอสำรวจเอวบางอย่างควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้...ว่าถ้าไม่มีโอบินี่มันจะเป็นยังไงกันนะ

“ เสร็จยัง?”       แล้วเสียงห้วนๆก็ทำให้หลุดออกมาจากภวังค์

“ อะ อื้อ!”      สองมือปล่อยชายโอบิอย่างที่เพิ่งจะรู้สึกตัว  นัยน์ตาสีมรกตหันมามองอย่างคาดโทษแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่มีคำว่าขอบคุณตามเดิม ปล่อยให้ร่างสูงได้แต่นั่งเหม่อมองอากาศอยู่ในห้องตามลำพัง...กับความคิดที่ลอยซ้ำไปซ้ำมา

ความรู้สึกเมื่อกี้นี้มันอะไรกัน....วูบหนึ่งเขาอยากจะกระชากโอบิออกมา แทนที่จะผูกมันไว้ด้วยกัน....





ทั้งๆที่เป็นเช้าที่แสนสดใส แต่ร่างสูงกลับมานั่งทอดถอนใจก่อนจะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

อาจจะเป็นอย่างที่หลายๆคนพูด....ว่าเขาไม่เคยรักใครจริง...

เพราะงั้นตอนนี้เลยไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการกับตัวเองยังไง ความรู้สึกที่มีต่อโกคุเดระคือชอบใช่ไหม เรื่องแค่นี้เขายังตอบตัวเองไม่ได้เลย

ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย มันเลยยิ่งยากเข้าไปใหญ่...

ใบหน้าคมสะบัดไปมา ให้คิดต่อไปก็ไม่ได้อะไร อีกอย่างการนั่งคิดก็ไม่ใช่วิถีของเขา มันมีแต่ต้องใช้ร่างกายวัดกันให้รู้ไปเลยนั่นแหละ!

ร่างสูงเดินไปตามระเบียงทางเดิน วันนี้เป็นวันพักซ้อมประจำสัปดาห์ สมาชิกส่วนใหญ่เลยชวนกันออกไปเที่ยวที่น้ำตกใกล้ๆ และพอเขาบอกว่าจะไม่ไปหลายๆคนก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาอย่างกับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาและเจ้าของมินชูคุคนนั้น

ทั้งๆที่ตัวเขาเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลยแท้ๆ......

“ บอกว่าไม่มีใครอยู่ยังไงล่ะ ไปๆ กลับไปกันได้แล้ว!!!”      เสียงใสดังขึ้นอยู่ไกลๆทำให้ใบหน้าคมเผลอยิ้ม

โกคุเดระคงกำลังไล่เด็กสาว ม.ต้น ที่ตามพวกเขามาจากที่โรงเรียนละสิ พักหลังๆมาก็เป็นแบบนี้ตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว จะว่าไปมันก็ดีสำหรับเขาด้วยละนะที่จะมีคนคอยกันให้แบบนี้

ขายาวหยุดลงก่อนที่จะถึงโถงทางออก...ก็ถ้าเขาโผล่ออกไปตอนนี้ สิ่งที่โกคุเดระอุตส่าห์ทำก็เสียเปล่าน่ะสิ ยังไงก็รอให้สาวๆพวกนั้นกลับไปก่อนก็แล้วกัน

“ โธ่....โกคุเดระคุงละก็...ขี้งก!”      ได้ยินเสียงบ่นกระปอดประแปดก่อนที่เสียงประตูเลื่อนจะปิดลง แค่นึกถึงหน้าคนที่ถูกกล่าวหาว่าขี้งก เขาก็กลั้นขำแทบตายแล้ว

ขายาวก้าวเดินออกไป จังหวะที่เปิดประตูเลื่อนจึงไม่ทันได้ฟังว่าที่อีกฝั่งหนึ่งของโถงหน้าบ้าน ประตูเลื่อนอีกบานก็ถูกเปิดออกเช่นกัน....


เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก้าวขาเข้ามาพร้อมๆกับนัยน์ตาสีมรกตที่มองหน้าเธออย่างตะลึงงัน เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็จะมาที่นี่...เหมือนกับคนอื่นๆ

“ เธอ....”       ร่างสูงที่เดินออกไปพอดีหยุดชะงัก แต่ดูเหมือนสองคนที่อยู่ตรงโถงจะยังมองไม่เห็นเขา นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าน่ารักด้วยความสงสัย...ว่าทำไมคราวนี้ โกคุเดระถึงไม่ออกปากไล่....เหมือนคนอื่นๆ

“ อ๊ะ!”      แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไร สายตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็มองเห็นร่างสูงเข้าเสียก่อน

“ คือ...ขอรบกวนเวลาสักครู่ได้ไหมคะ?”     เธอหันมาพูดกับร่างสูงโดยไม่ได้สนใจโกคุเดระที่ยืนมองมาด้วยสายตาเจ็บปวด และไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเห็นมันเข้า เขาถึงได้ชาวาบไปทั้งร่าง...

และแทนที่จะออกปากไล่เหมือนกับคนอื่นๆ ร่างในชุดกิโมโนกลับหลีกทางให้....ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง...

มือใหญ่ได้แต่กำแน่นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ริมฝีปากเผลอสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินนำเด็กผู้หญิงคนนั้นออกไป...





ถึงแม้จะมีเสียงเปิดประตูแต่ภายในมินชูคุก็ยังคงเงียบสนิท...ปกติโกคุเดระจะต้องออกมาต้อนรับแล้ว แล้วนี่ไปไหนกันนะ?

ร่างสูงเดินไปตามระเบียงทางเดิน ก่อนจะกวาดสายตามองหาแผ่นหลังบางๆที่คงจะนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง....แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเขาพบร่างในชุดกิโมโนนั่นนั่งเหม่ออยู่ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งไร้เงาผู้คน

และเมื่อเขานั่งลงไปเคียงข้าง ร่างบอบบางถึงเพิ่งจะรู้ตัว

“ โกคุเดระ....นาย....ชอบเธออย่างนั้นหรอ?”       เสียงทุ้มพูดออกไปทั้งๆที่ในใจนั้นเจ็บแปลบชอบกล ทำไมถึงได้รู้สึกหวง ทำไมถึงได้อยากให้โกคุเดระปฏิเสธออกมา ว่าสายตาที่เขามองเห็นว่ามันเจ็บปวดนั้น มันไม่ได้มีให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น

“ เอ๊ะ?!      ใบหน้าสวยอุทานออกมาอย่างตกใจ ว่าเขารู้ได้ยังไง แต่ยิ่งร่างบางเอาแต่นิ่งเงียบมันก็ยิ่งตอกย้ำคำตอบที่เขาไม่อยากจะรับรู้

ไม่เคยคิดเลยจริงๆ...เรื่องที่ว่าโกคุเดระจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว...และก็เพราะไม่เคยคิดนั่นแหละ ถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับโกคุเดระกันแน่

พอมีใครอีกคนเข้ามา...ถึงเพิ่งได้รู้ตัวว่าชอบอีกฝ่ายมากมายขนาดไหน...



“ ฉัน....ปฏิเสธไปแล้วละ...เพราะว่าฉันเองก็มีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว...”      ร่างสูงพูดออกมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม นัยน์ตาสีมรกตที่หันไปมองนั้นรู้สึกได้

ใบหน้าสวยก้มลงมามองที่มือของตัวเอง ภายในใจที่เศร้าหมองกำลังสับสน...ทั้งๆที่น่าจะดีใจที่ยามาโมโตะปฏิเสธเธอคนนั้นไป เขาจะได้ยังมีโอกาสเริ่มใหม่...แต่คำที่บอกว่า “มีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ของคนข้างๆกลับทำให้จิตใจรู้สึกรับไม่ได้และไม่ชอบใจยิ่งกว่า

“ งะ งั้นหรอ...”      ริมฝีปากสีแดงเลยเอ่ยออกไปได้แค่นั้น เพราะความรู้สึกที่มันกำลังตีกันมั่ว

อยากจะมีเวลาให้คิดทบทวนและตอกย้ำกับตัวเอง...ว่าเขายังชอบเด็กผู้หญิงคนนั้น...ไม่ได้สั่นคลอนไปกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ



“ ฮะฮะ ทำไมนายไม่เริ่มจีบเธอแบบจริงๆจังๆล่ะ ถ้าชอบขนาดนั้น? ฉันเป็นที่ปรึกษาให้ก็ได้นะ”     ทั้งเสียงหัวเราะทั้งรอยยิ้มนั้นมันช่างแห้งแล้ง ถ้าโกคุเดระสังเกตดูก็คงจะรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้พูดจากใจจริง...เริ่มจีบอะไร...ที่ปรึกษาอะไร...ไม่ได้อยากจะเป็น ไม่อยากจะเห็นมันทั้งนั้น แต่ก็ต้องเสแสร้งพูดไป ถึงแม้จะเจ็บแปลบในใจแต่เขาจะทำอะไรได้กันตอนนี้

กว่าจะรู้ตัว หัวใจก็ไม่ได้อยู่ในมืออีกต่อไป...

“ มะ ไม่เอา...”     แต่แล้วเสียงตะกุกตะกักที่ปฏิเสธออกมาก็ทำให้เขาหันไปมองด้วยดวงตาเบิกขึ้นน้อยๆ ร่างบอบบางที่เคยนั่งทับส้นเปลี่ยนมาเป็นกอดเข่าก่อนจะเอาใบหน้าสวยซบลงไป ทำให้เขาไม่รู้...ว่าโกคุเดระกำลังทำหน้าแบบไหน

รู้แต่เพียงว่า....หากโกคุเดระปฏิเสธเพียงนิดละก็....

เขาจะรุกทันที...




“ ทำไมล่ะ? ไม่คิดจะบอกเธอหรอ?”     เสียงทุ้มเรียบๆที่ถามอยู่ข้างๆนั้นช่างจี้ใจดำยิ่งนัก ทำไมกัน...อยากจะให้เขาชอบเธอคนนั้นขนาดนั้นเลยหรอ?

ทั้งๆที่เขาควรจะสบายใจ แต่ทำไมมันไม่สงบได้เลยก็ไม่รู้

“ เค้าคงไม่ชอบชั้นหรอก...”      ถ้าเธอคนนั้นมาสารภาพรักกับยามาโมโตะก็แสดงว่าเธอชอบผู้ชายแบบนี้ ซึ่งเขาไม่มีวันจะเป็นได้

แล้วทำไมเขาถึงต้องหาข้อแก้ตัว...เพื่อที่จะบอกกับตัวเองว่า เขากับเธอคนนั้นคงเป็นไปไม่ได้? แทนที่จะมั่นใจในตัวเองแล้วเดินหน้าต่อไป

เขาจะถอยออกมาจากเธอคนนั้นเพื่ออะไรกัน?

ชอบเธอคนนั้นไม่ใช่หรอ? หรือว่าที่จริงแล้วตอนนี้หัวใจของเขามันกำลังเปลี่ยนไป?

“ ถ้างั้นนะโกคุเดระ...ฉันขอถามให้มั่นใจอีกครั้งได้ไหม ว่านายจะไม่ไปสารภาพรักกับเธอแน่ๆใช่ไหม? นายจะตัดใจจากเธอแน่ๆใช่ไหม? นายจะไม่จีบเธอแน่ๆใช่ไหม?”     คำถามที่ถามรัวมานั้นมันทำให้มือบางเผลอกำแน่น

“ ทำไม? แกจะเปลี่ยนใจไปรับรักเธอหรือไง?!”      ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบ...ทั้งๆตอนที่รู้ว่าเธอคนนั้นชอบยามาโมโตะ ยังไม่เจ็บขนาดนี้เลย

นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งประสานเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้ ก่อนจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้และสะบัดหน้าหนีไปเอง

จึงไม่ได้เห็น...รอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าคม...

มือใหญ่เลื่อนไปดึงมือบางที่วางอยู่บนหน้าตักมากุมเอาไว้ ก่อนจะจงใจกระซิบลงไปที่ข้างหูของคนที่ยังไม่ยอมหันมามองหน้า

“ เปล่า....ชั้นแค่อยากจะมั่นใจ อยากให้นายช่วยยืนยัน...เพราะถ้านายไม่คิดจะจีบเธอคนนั้น ถ้าแบบนั้น ฉันขอจีบนายแทนจะได้ไหม?”     แล้วใบหน้าสวยก็หันมาทันทีที่ประโยคนี้จบลง

“ เอ๊ะ??!     นัยน์ตาสีมรกตมีแต่คำถามและความสงสัยอยู่เต็มไปหมด ใจหนึ่งก็คิดว่าหูฟาดไปเอง หรือไม่ก็เจ้าบ้าตรงหน้าอาจจะใช้ภาษาญี่ปุ่นสลับสับกันไปเอง

“ ยะ ยังไงนะ?”

“ ฮะฮะ....ก็ถ้านายไม่คิดจะบอกรักกับเธอ...ก็ให้ฉันบอกรักนายได้ไหม ยังไงล่ะ”       คราวนี้ดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นมาจนใบหน้าสวยถึงกับร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

ความขุ่นมัวที่อยู่ในหัวใจสองดวงเมื่อกี้ กลับกลายเป็นเต้นแรงเพียงเพราะประโยคเพียงประโยคเดียว

“ ว่าไง...โกคุเดระ”      นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองใบหน้าสวย นัยน์ตาสีมรกตเสลงไปมองพื้นทั้งๆที่แก้มแดงระเรื่อ...มือบางก็ไม่ได้ดึงกลับไป...ริมฝีปากก็ไม่เอ่ยปฏิเสธ

เขายังมีลุ้นสินะ?

“ จะ...จะไปรู้หรอ....”      ริมฝีปากสีแดงพูดออกมาเบาๆก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาผลักเขาออกมาแล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไป

ปล่อยให้ร่างสูงนั่งมองแผ่นหลังบางๆนั่นจางหายไปทั้งรอยยิ้ม

ยังไงซะ ทั้งเขาทั้งโกคุเดระก็เป็นผู้ชายที่เคยชอบผู้หญิงมาก่อน จะให้หันมารักกันในทันทีมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ละนะ

ใบหน้าคมเงยขึ้นมองฟากฟ้าพรางสูดอากาศเข้าปอดก่อนที่จะปล่อยสายตาให้เหม่อลอยไปไกลแสนไกล

จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเขาก็ไม่สน ขอแค่คนคนนั้นคือโกคุเดระก็พอ...






วันนี้อากาศดีสมกับเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่...พรุ่งนี้เช้าพวกเขาก็จะต้องขึ้นรถบัสประจำทางกลับบ้านกันแล้ว เพราะแบบนั้นวันนี้ทั้งวัน สมาชิกชมรมเบสบอลจึงอยู่ซ้อมทิ้งทวนจนแสงแดดยามเย็นมาเยือนถึงได้เคลื่อนตัวกลับ

เสียงพูดคุยเฮฮาตามประสาดังไปตามทาง แสงแดดระยิบระยับที่ทอประกายลงบนทะเลสาบทำให้พวกเราหันมามองได้ในบางครั้ง ก่อนจะกลับไปหัวเราะให้กันเหมือนเดิม

“ กลับมาแล้วคร้าบบบบ”     เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มหลายเสียงดังขึ้นเมื่อประตูบานเลื่อนหน้ามินชูคุถูกเปิดออก

“ ยินดีต้อนรับกลับมาครับ”     แต่วันนี้สียงที่ตอบรับกลับมากลับกลายเป็นเสียงสุภาพของเจ้าของมินชูคุแทนที่จะเป็นห้วนสั้นของเจ้าเด็กผมสีเงิน

“ วันนี้ทางโรงแรมขอจัดอาหารมื้อใหญ่เพื่อเป็นการเลี้ยงส่งให้ด้วยนะครับ ถ้ายังไงอาบน้ำแล้วเชิญที่ห้องอาหารนะ”     แล้วเสียงเฮตอบรับก็ดังขึ้นพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย มีเพียงนัยน์ตาสีเปลือกไม้เท่านั้นที่ยังคงสอดส่ายหาเจ้าของร่างบอบบาง...ไปไหนของเค้ากันนะ?



ร่างสูงเดินไปตามระเบียงทางเดิน....เขาอาบน้ำเสร็จก่อนใคร เพื่อที่จะได้มีเวลามามองหาโกคุเดระก่อนที่จะถึงมื้อค่ำ

ก็ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ยังไม่ได้ฟังคำตอบจากริมฝีปากดื้อรั้นนั่นเลยน่ะสิ...เพราะถึงจะเจอหน้ากันหลายครั้ง แต่เจ้าตัวดีก็หน้าแดงแปร๊ดแล้ววิ่งหนีไปทันทีเลย

ขายาวก้าวเดินไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับดวงตาที่สอดส่องมองหาทุกห้องที่เดินผ่าน แล้วก็ได้ลอบยิ้มเมื่อมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตากำลังเก็บฟูกที่ตากไว้เข้ามาในบ้าน...ยังไงคราวนี้ก็คงจะวิ่งหนีเขาไม่ได้แน่ เพราะอ้อมแขนเล็กๆนั่นกำลังแบกฟูกที่ใหญ่กว่าตัวหลายเท่าจากราวตากผ้ามาวางบนชานไม้ด้วยท่าทางทุลักทุเล

“ ช่วยไหม?”     เสียงทุ้มถามออกไปในขณะที่มือก็ช่วยยันฟูกเอาไว้ ใบหน้าสวยที่เงยมองขึ้นมาแดงเถือกทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

“ เหวอ~~~~”    และไม่รู้ว่าฟูกมันหนักเกินไปหรือว่าเจ้าคนที่แบกมันอยู่ในตอนแรกตกใจเลยปล่อยมือก็ไม่แน่ใจ ทำให้ร่างสูงรับน้ำหนักของมันไม่ไหวจนเซถลา แล้วพาเอาร่างบางล้มลงไปด้วยกัน

แล้วริมฝีปากของเขาก็พลาดแก้มใสๆนั่นไปแค่ไม่ถึงคืบ...

ร่างทั้งสองร่างนิ่งค้างอยู่แบบนั้น เพราะถ้าขยับแม้แต่นิดเดียวคงได้จูบกันจริงๆ

ทั้งเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ทั้งกลิ่นกายที่อยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ ทั้งไออุ่นมันเริ่มกระตุ้นให้ร่างสูงที่อยู่ด้านบนทนไม่ไหว...ใบหน้าคมจึงโน้มลงไปใกล้ๆต้นคอระหงก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆ ทำเอาคนด้านใต้สะดุ้งเฮือกก่อนจะผลักร่างสูงออกไปน้อยๆ

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่มองใบหน้าใสที่แดงระเรื่อ...ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรคงมีใบหน้าแบบนี้กับเขาไม่ได้หรอก

แต่กระนั้นก็ยังอยากได้คำตอบที่ทำให้มั่นใจมากกว่านี้...

“ นี่...โกคุเดระ....ถ้าไม่ชอบ...ทำไมถึงไม่ขัดขืนให้มากกว่านี้ล่ะ?”      ใบหน้าสวยเลยแดงหนักกว่าเก่าก่อนจะเสหน้าไปข้างๆ แต่ไม่ว่ายังไงริมฝีปากดื้อรั้นนั่นก็ยังไม่ยอมรับ

“ กะ ก็...นายเป็นแขกไง....อ๊ะ?!”     ข้อมือบางถูกกดลงที่พื้นทันทีที่ร่างสูงได้ยิน วูบหนึ่งที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปลี่ยนเป็นแววตาที่มืดมนจนคนข้างใต้รู้สึกกลัว

“ กับแขกคนอื่นนายก็ยอมเค้าง่ายๆแบบนี้น่ะหรอ?”      ร่างที่ทาบทับอยู่ข้างบนจงใจกดน้ำหนักร่างกายลงมา ให้ใบหน้าสวยหันหน้าหนี

“ มะ ไม่ใช่นะ...”      เสียงเบาๆดังลอดออกมาจากใบหน้าที่แดงระเรื่อ

“ กับแขกคนอื่นนายก็หน้าแดงแบบนี้ด้วยน่ะหรอ?”      น้ำเสียงทุ้มยังคงไล่ต้อนจนใบหน้าสวยได้แต่หลับตาหนี

“ มะ ไม่ใช่ซักหน่อย...”

“ แล้วถ้างั้น เพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้กับชั้นล่ะ โกคุเดระ?”

“ กะ...ก็..........”



แล้วชั่วอึดใจที่กำลังจะได้ฟังคำตอบ...

“ เฮ้...ยามาโมโตะ...อยู่ในนั้นหรือเปล่า? ไปกินข้าวกานนนน”      เสียงตะโกนเรียกของเพื่อนๆทำเอาร่างสูงถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะปล่อยร่างที่อยู่ข้างใต้ให้เป็นอิสระ และแค่นั้นแหละ เจ้าตัวดีก็พร้อมที่จะวิ่งหนีหายไปอีกตามเคย

นี่ตกลงจะไม่ยอมบอกเขาจนวินาทีสุดท้ายเลยใช่ไหม?







ในที่สุดวันที่ต้องบอกลาก็มาถึง...

แต่จนแล้วจนรอดโกคุเดระก็ยังคงหลบหน้า จนคนเฝ้าตามหาเริ่มระอา

ทำไมถึงได้ปากแข็งแบบนี้นะ....

ทั้งๆที่ปฏิกิริยาที่ร่างกายบางๆนั่นทำออกมา ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่ารักแบบเขายังรู้เลยว่า โกคุเดระก็มีใจให้

ร่างสูงได้แต่เดินถอนหายใจแบกกระเป๋ากีฬาเดินรั้งท้ายกลุ่มสมาชิกชมรมเบสบอลที่กำลังเดินไปขึ้นรถบัสประจำทางที่ป้ายรถเมล์ ใบหน้าคมเฝ้าหันกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า เผื่อว่าโกคุเดระจะแอบตามมา

แต่ทางข้างหลังนั้นก็ยังคงว่างเปล่า....

กระเป๋าถูกวางลงอีกครั้งที่ป้ายรถเมล์ จากตารางการเดินรถแล้ว เขายังมีเวลาอยู่ที่นี่อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น

ร่างสูงยังคงถอนหายใจออกมาไม่รู้ว่านี่เป็นรอบที่เท่าไหร่....ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่พยายาม...แต่แค่เห็นเขาเดินอยู่ไกลๆ ร่างบอบบางนั่นก็จะแว่บหายไปในทันที

ร่างกายเหมือนจะหมดแรงจึงได้แต่นั่งลงไปบนกระเป๋า เวลาที่เดินหน้าไปเรื่อยๆยิ่งทำให้รู้สึกหมดหวังยิ่งกว่าเก่า...ความรักครั้งแรกของเขาจะต้องจบลงแบบนี้น่ะหรอ?

มือใหญ่เผลอกำแน่น....ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว! ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยง้อใครขนาดนี้เสียเมื่อไหร่! วันนี้เขาถอยก่อนก็ได้ แต่อย่าคิดว่าเขาจะถอยตลอดไปก็แล้วกัน!

ตราบใดที่นายยังอยู่ที่นี่ ฉันก็จะกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า!

ใบหน้าคมที่นานๆทีจะดูมืดมนน่ากลัว ทำเอาเพื่อนร่วมชมรมหลายคนเผลอยิ้ม....ก็เพราะว่าเพิ่งเคยเห็นร่างสูงเป็นแบบนี้เพราะผู้หญิง...เอ้อ....ต้องบอกว่าเพราะผู้ชายสินะ?

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองไปบนพื้นถนนอย่างหมดอาลัยตายอยาก...แต่แล้วอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวก็ทำให้นัยน์ตาต้องหันไปจ้องมอง

ชายผ้า?

แล้วไอ้ชายผ้าที่เหมือนชายกิโมโนนั่นจะไปปลิวอยู่หลังต้นไม้ที่ไม่มีอะไรเลยอย่างนั้นได้ไง?

หรือว่า....

ร่างสูงลุกขึ้นออกเดินไปทันที สายตาที่จ้องชายผ้าสีขาวอยู่นั้นไม่อาจละไปไหนได้ เพราะกลัวว่ามันจะหายไปอีก

“ โกคุเดระ!”       เสียงที่เรียกออกไปนั้นทั้งดีใจทั้งประหลาดใจและทั้งรู้สึกอะไรอีกมากมาย สองมือใหญ่ตะครุบตัวคนที่ยืนหลบๆซ่อนๆอยู่หลังต้นไม้ให้มาอยู่ในอ้อมแขน

“ นายจริงๆด้วย”      ทั้งๆที่ดีใจจนอยากจะกระชากร่างบางๆนั่นมากอดให้แน่นๆ แต่เจ้าของใบหน้าสวยกลับดันร่างของเขาออกมาเสียแบบนั้น นัยน์ตาสีมรกตดูหมองแปลกๆแต่อารมณ์นั้นเขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก สองมือจับมือบางเอาไว้เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะหนีไปอีก

“ แล้ว...มีอะไรจะบอกกับฉันหรือไง ถึงได้มาหาทั้งๆที่หลบหน้ามาตลอดแบบนี้?”      จะว่าเพราะคาดหวังหรือเพราะเริ่มเหนื่อยกับการตามหาตามง้ออีกฝ่าย เขาถึงได้พูดออกไปแบบนั้น ใบหน้าสวยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะก้มลง...เป็นเพราะมือถูกเขาจับเอาไว้ถึงได้วิ่งหนีไปไม่ได้งั้นสินะ

เขาควรจะไล่ต้อนต่อไป หรือควรจะปล่อยให้ห่างกันบ้าง บางทีโกคุเดระจะได้ยอมรับใจตัวเองเสียที...

เสียงแตรรถบัสประจำทางดังอยู่ไม่ไกล บ่งบอกว่าเวลาไม่มีเหลืออีกแล้ว....

ทั้งสองมือ ทั้งสองตาของเขาเฝ้าคาดคั้น...ให้ร่างบางตรงหน้าพูดออกมา

แล้วในที่สุด ริมฝีปากสีแดงก็ยอมเอ่ยออกมาจนได้


“ ไม่ไป...ได้ไหม....อยู่ที่นี่กับฉัน...ได้ไหม?”


คำที่ร่างบางพูดออกมามันทำให้ใบหน้าคมถึงกับนิ่งงัน...เพราะมันไม่ใช่คำที่เขาคาดหวัง หัวใจเลยรู้สึกสับสนปนเจ็บปวดน้อยๆ

ทำไมกัน....แค่บอกว่ารักเขามันยากนักใช่ไหม?

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไม่อาจสบกับดวงตาสีมรกตที่จ้องมองมาด้วยแววตาสั่นพร่าได้ ตอนนั้นในหัวมันรู้สึกแค่ว่า เขาอยากจะกลับไปตั้งหลัก กลับไปพักให้ตัวเองใจเย็นลง แล้วก็ปล่อยให้เวลาช่วยทำให้โกคุเดระคิดถึงเขาบ้าง....รู้ตัวบ้างว่าอะไรที่เขาอยากได้ อะไรที่เขาอยากจะได้ยิน

“ โฮ่ย...ยามาโมโตะ...จะไปไหมวะ?!”      เสียงเพื่อนตะโกนเรียกอยู่ข้างหลัง รถบัสคงจอดรออยู่นานแล้ว

มือใหญ่ค่อยๆปล่อยมือบาง ก่อนจะพยายามมองใบหน้าสวยอีกครั้ง

“ แล้วฉันจะกลับมานะ โกคุเดระ....”

แล้วเขาก็หันหลังเดินจากมา....ทั้งๆที่ได้เห็นสายตาเว้าวอนของโกคุเดระเป็นครั้งแรก....







รถบัสค่อยๆเคลื่อนออกไปจากป้าย ร่างสูงได้แต่นั่งอย่างหมดแรงอยู่ที่เบาะหลัง นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อลอยมองภาพทะเลสาบอย่างพยายามสงบสติอารมณ์

เขาอาจจะเรียกร้องเกินไปก็ได้....แต่ไม่ว่าจะผู้ชายคนไหนก็ต้องอยากจะได้ยินคำว่ารักจากปากของคนที่รักทั้งนั้น

ใบหน้าคมเลื่อนจากนอกหน้าต่างหันกลับมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ ใบหน้าของหมอนั่นกำลังอมยิ้มในขณะที่มือก็กำลังพิมพ์ข้อความลงบนมือถือไปด้วย...คงจะส่งให้แฟนละสิ?

“ มันมีสัญญาณให้ส่งได้ด้วยหรือไงน่ะ?”     เขาถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ในหุบเขานี่ เขาก็ยังติดต่อกับคนภายนอกไม่ได้เลยสักครั้ง

“ เปล่า...”    หมอนั่นตอบออกมา ทั้งๆที่มือก็ยังพิมพ์ต่อไป

“ แล้วจะพิมพ์ไปทำไมล่ะ?”

“ ก็ไม่ทำไมละ รอมันส่งได้เมื่อไหร่ก็ให้มันส่งไป...แต่ว่านะ...ชั้นรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขทุกครั้งที่ได้พิมพ์ มีความสุขที่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกๆวันให้เค้าฟัง เพราะเวลาที่พิมพ์ชั้นก็จะคิดถึงเค้า แล้วเวลาชั้นคิดถึงเค้า...ชั้นก็จะมีความสุข”      ถ้อยคำง่ายๆที่ออกมาจากปากของเพื่อนทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้าง

แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าคนที่รักกัน...แค่ได้คิดถึงก็มีความสุข...

แล้วดูเขาสิ...ทำอะไรลงไป....

เขาเคยคิดถึงโกคุเดระบ้างหรือเปล่า....

รู้ทั้งรู้ว่าโกคุเดระเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ การจะให้พูดว่ารักออกมาตรงๆคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

แต่แค่หมอนั่นบอกว่าอยากให้เขาอยู่ด้วย....

ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ...

ว่านั่น...มันยิ่งกว่าคำว่า “รัก” เป็นไหนๆ


“ ขอโทษครับ!! ช่วยจอดรถเดี๋ยวได้ไหมครับ!!”      ริมฝีปากตะโกนออกไปตามที่หัวใจเรียกร้องก่อนที่สมองจะสั่งการเสียอีก

“ พวกนายกลับไปก่อน ชั้นลืมของ เดี๋ยวตามไป”      หันไปบอกเพื่อนร่วมชมรมได้แค่นั้น ก่อนจะแบกกระเป๋าแล้ววิ่งลงจากรถ

สองขาวิ่งกลับมายังทางเส้นเดิม....วิ่ง....วิ่ง....และวิ่ง.....ต่อให้ไกลแค่ไหน ขาก็ยังคงวิ่งต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

อยากกลับไปขอโทษโกคุเดระ...กลับไปขอคืนดี....กลับไปเห็นหน้าใสๆนั่นอีกสักหน่อยก็ยังดี แล้วจากนี้ไม่ว่าจะให้อยู่ด้วยหรือยังไง เขาก็จะไม่ปฏิเสธอีก

ทิวทัศน์รอบกายเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อยๆ ขายาวยังคงก้าวต่อไป แค่ขึ้นเนินนี้ไปเท่านั้นก็จะถึง มินชูคุ ของโกคุเดระ




แต่ทว่า....


ขาที่วิ่งต่อไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกลับหยุดชะงักลงเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้า มินชูคุ ที่เพิ่งจะเดินจากไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว....




ตุบ.....


เสียงกระเป๋ากีฬาที่หล่นลงกระทบพื้นนั้นยังดังไม่เท่าหัวใจของเขาที่หล่นหายลงไปจากร่างกาย

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยตกใจมากขนาดนี้มาก่อน....



นี่มันเกิดอะไรขึ้น.......



ทำไม......




มินชูคุของโกคุเดระ...ถึงได้มีสภาพรกร้างว่างเปล่า ราวกับว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่มานานหลายปี....?


ประตูเลื่อนหน้าบ้านที่เขาเคยเปิดเข้าเปิดออกมาไม่รู้กี่ครั้งกลับผุพังจนแทบจะกลายเป็นซาก  สวนที่เคยเต็มไปด้วยต้นไม้เล็กๆสีเขียวสดกลับมีแต่หญ้าขึ้นจนสูงท่วมหัว ระเบียงไม้ที่เคยมันปลาบกลับฝุ่นเขรอะ กระดานไม้บางแผ่นหลุดออกไปจนแทบจะเดินไม่ได้ 




นี่มันอะไรกัน ?




ร่างสูงได้แต่ยืนตื่นตะลึงอยู่แบบนั้นด้วยร่างกายที่ชาวาบ....


ภาพต่างๆระหว่างเขากับโกคุเดระที่เคยเกิดขึ้นที่นี่แล่นซ้อนไปซ้อนมาอยู่ในหัว....


จะบอกว่านั่นมันเป็นแค่ความฝัน มันเป็นแค่ภาพหลอนอย่างนั้นหรอ?



แล้วหัวใจที่ยังเต้นอยู่ของเขานี่มันคืออะไรกัน....?



มันเกิดอะไรขึ้นกัน......?



โกคุเดระ.....




นายเป็นใครกัน ?




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





เป็นอีกครั้งที่ตัดจบได้น่าตบมากกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ

ทั้งๆที่ความจริงยังเหลืออีกไม่เยอะก็จะจบแล้วแท้ๆ =3= แต่ว่านะๆๆ เพิ่งได้รับเมล์เตือนจากเฟสบุคค่ะ ว่าอาทิตย์นี้มีวันเกิดของใครบางคน(?) จากที่นั่งปั่นเรื่องนี้แบบชิลๆ มันเลยสำลักชานมพรวดก่อนจะหันไปมองปฏิทิน....=[ ]=....ไม่ทันแน่ถ้าไม่ปั่นตั้งแต่วันนี้ ว๊ากกกกกกกก

เพราะงั้น เลยต้องหั่นเรื่องนี้ออกเป็นสองตอน เพื่อ Ryuusei ตอนที่ 9 เค่อะ กรั่กๆๆ (โดนโบก! โบ้ยได้เนียนมากเพ่!)

ส่วนฟิคเรื่องนี้จะมีที่มาที่ไปยังไง ไว้ค่อยมาเม้าท์ยาว หลังจากตอนจบแล้วกันนะค้า  ตอนนี้บอกได้แค่ว่า เป็น “ของฝาก”  จากการเดินทางไกลค่ะ ฮ่าๆๆ อยากเขียนรีวิวให้อ่านมาก ว่าอินี่ไปเจออะไรมาบ้าง เป็นทริปที่มันส์สุดตรีนมากอ่ะ555 รอสักครู่ๆๆ

ไม่ได้แต่งฟิคมานานนนนน.....ยิ่งฟิคชิลๆแบบนี้ยิ่งนานนนนน เข้าไปใหญ่ ^ ^” ยังไงก็ฝากไว้อีกเรื่องด้วยนะคะ เหะเหะ  

จะว่าไปเป็นฟิคเรื่องแรก และเอนทรีแรกที่ลงในโกดังใหม่นี่เลยสิเนอะ เป็นไงบ้างคะ คุ้นตากับมันบ้างยัง ส่วนเจ้าของโกดังยังไม่ค่อยคุ้นเลยค่ะ555 เหมือนที่มัลติพลายเองก็ยังเปิดเข้าไปดูได้อยู่นะ เพราะงั้นที่นี่ค่อยๆทยอยอัพฟิคเก่าแบบชิลๆแล้วกันเนอะ (ดูมัน = =)

ส่งท้ายด้วยรูป ทะเลสาบ ที่อยู่หน้า มินชูคุ หน่อยดีก่า...มันมีสถานที่จริงนะเออ...*w*...(ปล.รูปยังไม่ได้โฟโต้เฉาะใดๆทั้งสิ้น จะเห็นได้จากความดิบของมัน กร๊ากกกก)





ทะเลสาบ Chuzenji ที่ Nikko ค่ะ




ใบไม้ร่วงหมดแล้ว เหลือแดงอยู่ สองสามต้น TT[ ]TT ทำไมไม่รอตรูก๊อนนนนนนน




มินชูคุ ที่เก๊าไปพักต้องเดินรอดโทริอิยักษ์นั่นไปค่ะ *w*





บรรยากาศดูเหงาๆจริงๆ ไปช่วงที่คนญี่ปุ่นเค้ารู้กันว่ามันจะมีหิมะตกเลยไม่มีใครไป...แต่ตรูไม่รู้นี่หว่า 
TT[ ]TT คราวหลังก็บอกกันมั่งเส่ะ





ภาพภายในห้องพักค่ะ ตอนเปิดประตูเลื่อนเข้าไปแล้วเห็นโคทัตสึนี่กรี๊ดแบบไม่อายเจ้าของบ้านเลยค่ะ ใครจะไปคิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้ด้วยอ่าาาา *น้ำตาไหลพราก*  แล้วที่นี่นะ ต้องยกโคทัตสึเพื่อที่จะปูฟูกนอนเองด้วย ^ ^" ยัยผู้หญิงสองตัวนี้ก็เลยบรรเลงกันมั่วเลยค่ะ เอาแบบ...นอนได้ก็พอแล้วมั้ง อะไรปูก่อนปูหลังตรูไม่ยู้ =3=




รูปนี้ถ่ายจากในรถเมล์ค่ะ เป็นถนนเลียบทะเลสาบแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะขึ้นเขา คือ จิตนาการไอ้กิ่งไม้แห้งๆนั่นว่าถ้าไปเร็วกว่านี้อีกซักวันสองวันละก็มันกำลังแดงสะพรั่งก่อนจะร่วงเหลือแต่กิ่งอย่างงี้ดิ ว่ามันจะงามอลังการขนาดไหน โฮกกกกกกกก เสียดายอ่าาาา




มันจะมีถนนขนานกันอยู่สองเส้นค่ะ เส้นนึงเลียบทะเลสาบ อีกเส้นก็อยู่บนเนินสูงขึ้นไปหน่อย ในภาพนี่เป็นทางเดินเท้าที่เชื่อมระหว่างถนนสองเส้น มองลงไปจะเห็นทะเลสาบระยิบระยับ  เห็นสว่างๆแบบนี้ แต่ขอโทษ...อุณหภูมิเกือบติดลบนะค้าาาา หนาวบัดซบอ่ะ =[ ]=





ถ่ายในร้านพิซซ่าค่ะ ฮ่าๆๆ คือมิสามารถออกไปยืนถ่ายข้างนอกได้ เพราะลมจะหอบไป =  ="





โรแมนติกเนอะคะ >w<


แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >3<



7 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากเลยคร๊า......ติดตามมาตั้งเว็บเดิมแล้ว..แต่สมัครไม่ได้สักที เลยแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ยังไงก้อจะติดตามไปเรื่อยๆ เลยคร๊า...ขอบคุนนะคร่ ที่แต่งเรื่องดีๆให้ได้อ่าน ขอบคุนจิงๆคร่...^[]^!!!

    ตอบลบ
  2. อยากให้ลำพูนมีลำพูนคุ (หืม) มีพนักงานนักเลงแบบเน้!!!!!!!!เค้าจาเอาๆๆๆๆๆๆๆ (กระทืบตึงๆๆๆ)

    เป็นคนทำงานโรงแรมที่นักเลงที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยค่า แต่เพราะเป็นน้องก๊กมันถึงได้น่ารักเป็นที่สุด ยกเว้นตาต่ำไปชอบยามะ(เอ๋)

    เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้มาอ่านฟิกคุณกวางเลย พรุ่งนี้ก็สอบ เคี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆ ขอชาร์ตพลังหน่อยเหอะนะเคอะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องสอบก็สู้เค้านะค้าคุณกิต *โบกธงเชียร์*

      ไว้คราวหน้าค่อยไปมันดาระเกะด้วยกันน้า คราวนี้ถูกลากไปแบบงงๆน่ะค่ะ คนที่ไปด้วยก็เป็นเพื่อนสถาปนิก เลยไม่ค่อยได้ไปแหล่งการ์ตูนเท่าไหร่เลย (จะโดนมันโบกดับหลายรอบละ55)

      ลบ
  3. สวัสดีค่ะ หนูดีโน่ เว้ยเฺฮ้ย จากเฟซบุ๊คนะคะ fic ของพี่สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ช๊อบชอบ ><

    ตอบลบ
  4. สวัสดีค่ะพี่กวาง หนูติดตามงานเขียนพี่มาตั้งแต่บล๊อคเก่าแล้ว แต่เม้นไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นสมาชิค
    ชอบงานของพี่มากค่ะ จะติดตามตอนต่อๆ ไปนะคะ
    สำหรับเรื่องนี้ ชอบฉากที่ยามะเริ่มดาร์ก(หื่น)ใส่โกคุ
    มันน่ารักมากๆ เลย ชอบยามะดาร์กอ่ะ ><

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ai_san[ริยา][[dinokyoya yamagoku]]29 ธันวาคม 2555 เวลา 21:39

      อ่านไปเเล้วยิ้มไป>< จะว่าไปเเล้ว นี กามเทพดลใจรึเปล่านั่น อะไรจะบังเอิญเยี่ยงนี้

      *พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้เนียนพบซึนทันใด ก่อนนี้เราอยู่เเสนไกล มินชูคุอยู่ตั้งไกล(?) เนียนก็ยังได้ใกล้กับซึนนน* <--เพลงเค้าเสียหมดเเล้วไอ้บ้า


      ชอบตอนที่ก๊กเข็นที่กันฝนอะ น่ารักดี (ตลกตอนที่เอามือชี้ไอ้ที่กันฝนอะ 55555+) เเล้วก็ตอนที่ซ่อมฝักบัวด้วย =w= เเหมๆๆๆๆๆ หนูก๊กเขาบอบบางร่างน้อย จะไปซ่อมเป็นได้ยังไงคะไอ้คุณเนียน *ไม่ค่อยอวยเลยนังนี่*


      ไอ้คุณพี่เนียน*โปรดสังเกตุสรรพนาม* ไอ้ตอนที่รอเวลาที่ก๊กมาที่ห้องเเล้วลากเข้าไปนั่นมันอะไรคะ เเหม เข้าใจนะว่าอยากเเกล้ง(?) เเต่ว่า เเต่ว่า เเต่ว่า พูดก็พูดเถอะ เเบบนี้มันไม่งามนะคะรู้ไหม ถึงจะพักห้องเดี่ยว(?)นอนอยู่คนเดียวก็เถอะ เเต่เพื่อนๆก็อยู่ห้องข้างๆไม่ใช่เรอะ อย่าทำอะไรอกุศล(?)สิ=3= *เเกนั่นเเล่ะคิดอกุศลคนเดียว*


      ว่าเเต่ หนูก๊ก หนูจะซึนไปไหนลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!! บอกเนียนมันไปเถอะTwT ///ชูป้ายเชียร์


      ว่าเเต่...มินชูคุมันหายไปไหนอะ ทำไมเนียนกลับมาเเล้วไม่เจอ=[]= เฮ้ย


      ปล.ที่มินชูคุบรรยากาศดีจังเลยค่ะ ชอบรูปที่ถ่ายจากร้านพิซซ่าอะ ถ้ายามะกับก๊กไปนั่งพิงไหล่กันอยู่ตรงนั้นจะเป็นยังไงนะ....///นั่งเพ้ออยู่คนเดียว เเต่พูดก็พูดเถอะ ดูอบอุ่นดีจังเลยล่ะค่ะ=..=

      ปล.เมื่อกี๊เค้าเม้นไม่ได้;[];*โดนตบ*

      ลบ