KHR S.fic [1896] Kizuna…แปลว่า...สายสัมพันธ์ : Second Story [Hibari’s side]


KHR S.fic [1896]   Kizuna…แปลว่า...สายสัมพันธ์ : Second Story [Hibari’s side]

: KHR Fanfiction
: Hibari Kyoya x Dokuro Chrome
: PG
: Romance



คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ (เฮ้ย!!! จะเตือนทำไมวะ!!! ชายรักหญิงมันก็ถูกแล้วนิ)








.
 .
.
.
สายฝนที่โปรยปรายอยู่ภายนอก ทำให้สายตาคมกริบเพียงแค่ชายมอง “ร่ม” ที่เสียบอยู่ข้างประตูเท่านั้น ขาก้าวออกไปโดยที่ไม่คิดจะใช้มัน

เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องปกป้อง...




สายฝนที่โปรยปรายอยู่รายรอบ ทำให้สายตาหม่นหมองเหม่อลอยมอง “ร่ม” ที่เคลื่อนผ่านหน้าไปมา ร่างทั้งร่างยังนั่งตากฝนอยู่แบบนั้น

เพราะตอนนี้ยังไม่รู้จักวิธีที่จะใช้มัน...

 .
 .
 .
 .
 .
 .
 .




ทั้งๆที่เป็นวันฝนพรำ แต่พวกสัตว์กินพืชก็ยังออกมารวมกลุ่มให้เขาขย้ำ มือสะบัดทอนฟาให้เลือดที่เกาะอยู่สาดไปบนพื้นถนน ปนเปไปกับสายฝนให้เลือดที่เคยแดงข้นค่อยๆเจือจางแล้วไหลลงท่อไป สายตาที่ทอดมองตามไม่ได้มีความรู้สึกสงสารเจ้าของน้ำสีแดงนั่นเลยสักนิด

นัยน์ตาสีดำคมกริบเหลือบมองกองซากสิ่งมีชีวิตที่ร้องครวญครางอย่างสมเพช มือเก็บทอนฟาเข้าที่ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ไยดี...ในเมื่อหน้าที่ของเขามันจบลงแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก

ชายเสื้อกักกุรันโบกสะบัดพัดหยาดน้ำที่เกาะพราวให้กระเด็นไปตามจังหวะที่ขาก้าวเดิน นัยน์ตาสีดำสนิทยังคงเหลือบไปรอบๆเพื่อมองหาอะไรก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในกฎ

แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนอกจากร่มที่เดินสวนกันไปมา...

มีเพียงชั่วครู่ที่เผลอนึกถึงครั้งหนึ่งที่เคยใช้มัน...และนั่นคงจะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิต....

เพราะตอนนี้ โรคุโด มุคุโร ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว...และเด็กคนนั้นคงเลือกที่จะอยู่ข้างกายชายที่เขาชิงชัง

มันควรจะเป็นแบบนั้น....

ใช่...มันควรจะเป็นแบบนั้น

แล้วถ้างั้น ภาพภายในสวนสาธารณะที่เขากำลังมองเห็นนี่มันคืออะไรกัน ?







ถึงแม้จะเป็นวันฝนพรำหรือวันไหนๆ เราก็ยังคงถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนเดิม ไหล่เล็กสั่นน้อยๆจากความหนาวเย็นที่สายฝนมอบมาให้ผ่านชุดนักเรียนที่ไม่คุ้นตา ใบหน้าเล็กก้มลงมองชุดของนามิโมริที่ถูกวางทิ้งไว้ให้เมื่อตอนตื่นขึ้นมา รอบกายนั้นว่างเปล่าไร้เงาของท่านมุคุโรและใครๆ มีเพียงชุดนี้ที่วางเอาไว้

เพราะแบบนั้นเลยมาอยู่ที่นี่....เพราะคิดว่าท่านมุคุโรคงอยากให้เรามาหาบอส

เงยหน้าขึ้นรับสายฝนก่อนจะมองไปบนถนนเส้นเล็กที่เชื่อมต่อไปยังบ้านของบอสอย่างลังเล สองมือกำชายกระโปรงแน่นก่อนจะก้มหน้าลงอย่างตัดใจ...ไม่ได้...เราไม่อยากจะเป็นภาระ ไม่ว่าจะบอสหรือใครๆ

มือหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าก่อนจะจ้องมองมันด้วยสายตาเศร้าสร้อย

นอกจากชุดนักเรียนของนามิโมริแล้วก็มีเพียงกระดาษแผ่นนี้ที่ท่านมุคุโร่วางทิ้งเอาไว้

“ ออกไปซะ”

เป็นข้อความสั้นๆง่ายๆ แต่ทำไมถึงยากที่จะเข้าใจ...

เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า....อาจจะทำอะไรที่ทำให้ท่านมุคุโร่ไม่พอใจ....แต่ว่าเราก็แค่......

“ อ๊ะ?!”      เผลออุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ๆกระดาษในมือก็ถูกมือใหญ่ของใครบางคนแย่งไป








คนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ตรงนี้กลับมานั่งสั่นเป็นลูกนกอยู่ที่ชิงช้าตัวเดิม คนที่เขาเฝ้าคิดว่าป่านนี้คงจะยิ้มได้เพราะการกลับมาของชายคนนั้นกลับกำลังทำหน้าเศร้าหมองอยู่เพียงลำพัง

และคราวนี้ก็ไม่มีความลังเลเหมือนเมื่อก่อน ขาก้าวตรงเข้าไปในสวนสาธารณะก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างเล็กที่ยังคงก้มมองกระดาษเปียกชื้นโดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะรู้ตัวถึงการมาของเขา

“ อ๊ะ?!”      เสียงอุทานเล็กๆดังออกมาจากริมฝีปากที่เริ่มจะซีดเซียว เมื่อมือของเขากระชากกระดาษแผ่นนั้นมาดูโดยไม่บอกกล่าว


....ออกไปซะ.....


เป็นข้อความสั้นๆง่ายๆ แต่มันทำให้เขาถึงกับอยากจะขย้ำคนที่เขียนมันขึ้นมาให้ตายคามือ

ยิ่งได้มองสีหน้าที่เจ็บปวดของคนที่ยังนั่งสั่นอยู่ตรงหน้ามันก็ยิ่งพาให้หงุดหงิดหนักกว่าเดิม

เธอจะต้องเจ็บปวดเพราะมันไปอีกนานแค่ไหน จะต้องร้องไห้เพราะมันอีกกี่ครั้ง....ทั้งๆที่มันทำแบบนี้ ทั้งๆที่มันทิ้งเธอไป ทั้งๆที่มันขับไล่อย่างไม่ไยดีเมื่อหมดประโยชน์....ทั้งๆที่เป็นแบบนี้....ทำไมถึงยังเชื่อมั่นในตัวมันอยู่อีก

มือขย๋ำกระดาษจนแหลกเละก่อนจะปาลงถังขยะไปต่อหน้าต่อตาคนตรงหน้าที่มองมาด้วยดวงตาเบิกกว้างซึ่งเหลืออยู่ข้างเดียว

“ แล้วจากนี้จะไปไหน?”     เอ่ยเสียงนิ่งถามออกไป มีเพียงใบหน้าเล็กส่ายช้าๆแทนคำตอบส่งกลับมา

“ เอ๊ะ?!”      ได้ยินเสียงอุทานเล็กๆเมื่อมือของเขาจับลงไปที่มือซึ่งสั่นน้อยๆของเด็กนั่นแล้วออกแรงลากให้เดินตามมา.....ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะหลอกตัวเองว่าที่ให้เด็กคนนี้อยู่ใกล้ๆที่ช่วยเหลือเด็กคนนี้เอาไว้ก็เพราะต้องการจะต่อสู้กับโรคุโด มุคุโร่....แต่ตอนนี้เขาจะไม่พูดแบบนั้น เพราะถ้าหมอนั่นไม่เอา....เขาก็จะเก็บเอาไว้เอง

มือผลักประตูไม้หน้าบ้านบานใหญ่ก่อนจะลากร่างเล็กๆติดมือเข้าไป

“ อยู่ที่นี่...จนกว่าจะบอกฉันได้ว่าเธอมีที่ไป ”







ร่างเล็กบางถูกทิ้งไว้ให้อยู่ที่ห้องเดิม เขาเดินกลับไปอีกครั้งเมื่อคิดว่าเด็กคนนั้นคงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

ยูกาตะสีม่วงที่ไม่ได้เห็นมานานถูกพาดผ่านอยู่บนร่างกายเล็ก ใบหน้าที่แดงน้อยๆของคนตรงหน้าก้มลงเมื่อเขาจ้องเขม็งไปยังตนเอง....ก็แค่สงสัยว่าเด็กคนนั้นผอมลงไปหรือเปล่า? ยูกาตะที่มันน่าจะพอดีเลยดูหลวมไปนิดหน่อย

สายตาคมกริบเปลี่ยนเป้าหมายไปยังชุดนักเรียนเปียกชื้นที่ถูกพับไว้เรียบร้อย เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่แค่จ้องมอง เด็กคนนั้นก็รีบก้มลงไปหยิบกองผ้าขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง ใบหน้าเล็กเลิ่กลั่กนั่นทำให้เขาเผลอยิ้มในใจก่อนจะใช้สายตาบอกคนตรงหน้าว่าให้เดินตามมา

เสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างกล้าๆกลัวๆเดินอยู่ข้างหลังไม่ห่าง ก่อนที่จะมาหยุดลงที่หน้าห้องห้องหนึ่ง เขาเลื่อนเปิดประตูก่อนจะเดินนำเข้าไป....มันคือห้องซักผ้า...ความจริงที่นี่มีพ่อบ้านคอยดูแล แต่เขาก็ไม่อยากจะให้ใครมาจับต้องเสื้อผ้าของเด็กคนนี้นักหรอก....ก็แค่กลัวว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างโรคุโด มุคุโร่ อาจจะวางยาอะไรไว้ เดี๋ยวคนของเขาจะเป็นอะไรไปก็เท่านั้นแหละ

มือของเขาคว้าไปที่เสื้อผ้าซึ่งอยู่ในอ้อมแขนโดยที่เจ้าของมันไม่ทันตั้งตัว มือเล็กพยายามจะตามมาคว้ามันเอาไว้ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่ทันมือของเขาที่จับมันยัดลงไปในเครื่องซักผ้าเรียบร้อย เขายื่นนิ้วไปกดปุ่มบนเครื่องซักผ้าช้าๆให้ดวงตากลมโตที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวดูและมันก็เป็นการบอกเป็นนัยว่าครั้งต่อไปเธอต้องทำเอง

เพราะเขารู้...ว่าเด็กคนนี้ไม่อยากเป็นภาระให้กับใคร

ซึ่งมันก็เหมือนกับเขา....ที่ไม่ชอบพึ่งพาอาศัยใครนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำให้เท่าที่จำเป็น เพราะต้องการให้ต่างฝ่ายต่างอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ลำบากใจ

ในระหว่างที่นั่งรอมีเพียงเสียงของสายฝนเท่านั้นที่ดังอยู่รอบกาย เขาทอดสายตามองราวตากผ้าที่ยังคงตั้งอยู่กลางลานกว้าง...ฝนตกแบบนี้คงจะไปตากตรงนั้นไม่ได้แล้วละ....เพราะงั้นเขาจึงเดินออกไปหยิบเชือกเส้นหนึ่งกลับมา ก่อนจะทำราวตากผ้าจำเป็นเอาไว้ให้ร่างเล็กบางที่ได้แต่ยืนมองด้วยท่าทางราวกับว่าอยากจะเอ่ยห้ามแต่ก็ไม่กล้าบอก มือเล็กยกขึ้นมาเหมือนจะขอทำเองแต่ก็ถูกชักกลับไป....น่าแปลก....ที่ท่าทางอึกๆอักๆแบบนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้เขารำคาญใจ

และในขณะที่จะเดินออกจากห้องมาเพื่อไปบอกพ่อครัวเกี่ยวกับอาหารของวันนี้...มือเล็กของเด็กคนนั้นก็ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน

“ ขอบคุณ....”       เสียงเล็กๆที่แทบจะกลืนหายไปกับเสียงของสายฝนมันทำให้เขานัยน์ตาเบิกกว้าง ความอุ่นวาบที่รู้สึกได้รินไหลไปที่หัวใจแบบที่ว่าห้ามยังไงก็ไม่ทัน

วินาทีนั้นเขาอาจจะ.......ไปแล้วก็ได้.....










หลังจากที่เดินออกมาจากห้องครัวระหว่างทางที่จะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ใบหน้าก็หันเข้าไปมองในห้องซักผ้าโดยอัตโนมัติ....เด็กคนนั้นไม่อยู่แล้ว

คงจะกลับไปอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเขา....ห้องที่บัดนี้กลายเป็นของเด็กคนนั้นไปแล้ว...

ในห้องซักผ้ามีเพียงความว่างเปล่ากับชุดนักเรียนหญิงไซส์เล็กที่แขวนอยู่ เขาไม่ได้โรคจิตแต่ที่ยืนมองอยู่อย่างนี้เพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้...ว่าควรจะให้เด็กคนนั้นเข้าเรียนที่นามิโมริ...โรงเรียนของเขา

อย่างน้อยก็จะได้อยู่ในสายตา เผื่อว่าเจ้าคนเจ้าเล่ห์นั่นจะโผล่ออกมา เขาจะได้ขย้ำได้ทันเวลา

มันก็แค่นั้นแหละ!


“ พรุ่งนี้...ใส่ชุดนักเรียนนั่นแล้วไปกับฉัน...เธอจะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนนามิโมริ ถ้าไม่ทำตามจะต้องโดนขย้ำ”       แล้วเขาก็บอกเด็กคนนั้นในระหว่างที่ทานอาหารด้วยกัน ใบหน้าเล็กผงะไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง ก่อนที่มันจะกลับมาละมุนละไมอย่างที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็น

ยิ้มอยู่งั้นหรอ?

แล้วทำไมเขาจะต้องไปตื่นเต้นกับท่าทางแบบนั้นด้วย!

มือยกถ้วยข้าวสวยขึ้นมาก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดอะไรอีก คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ค่อยๆกินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน แต่เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ได้อึดอัดเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม...ความรู้สึกที่โดดเดี่ยวเดียวดายกลับค่อยๆมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม...ทั้งๆที่คนอย่างเขาไม่ควรจะยอมรับมันแท้ๆ










เช้าวันนี้ถึงอากาศจะยังไม่ปลอดโปร่งนักแต่ฝนก็ยังไม่ได้ตกลงมา....และนั่นมันก็ทำให้เขาไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากให้ใครเห็นอย่างเช่นการกางร่ม...

ร่างเล็กบางเดินกอดกระเป๋าตามมาท่ามกลางสายตาสงสัยจากใครต่อใคร ใบหน้าของเด็กคนนั้นก้มงุดจนไม่ทันมองว่าจู่ๆเขาก็หยุดเดิน หน้าผากใสเลยชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาเต็มๆ ได้ยินเสียงอุทานเล็กๆออกมาก่อนที่เด็กคนนั้นจะรีบถอยหลังให้ห่างออกไป

เขารู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้กลัว แต่เป็นปฏิกิริยาส่วนตัว...อย่างนั้นสินะ...

ก่อนที่จัดการเดินตรวจตราโรงเรียนของเช้านี้ เขาคงต้องจัดการเรื่องของคนตรงหน้านี่ก่อน มือจึงจับลงไปที่ข้อมือของอีกฝ่ายแล้วลากให้เดินตามไป เรื่องจะย้ายใครเข้าหรือออกจากโรงเรียนนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะงั้นจึงมีแค่เรื่องเดียวที่ต้องจัดการ

ประตูห้องรับแขกถูกเปิดออกก่อนที่เขาจะปล่อยให้ร่างเล็กๆนั่นยืนกอดกระเป๋าแน่นอยู่กลางห้อง นัยน์ตากลมโตที่เหลืออยู่ข้างเดียวเหลือบมองตามแผ่นหลังของเขามาอย่างกล้าๆกลัวๆ....เขาก้าวขาไปยังตู้ที่อยู่ติดข้างฝา...ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะอยู่แถวๆนี้...

ค้นไปค้นมาก็เจอกับของที่ต้องการ เขาถือมันก่อนจะเดินกลับไปหาคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน นิ้วจัดการติดมันไว้ที่แขนเสื้อของเด็กคนนั้น


....ปลอกแขนที่เขียนเอาไว้ว่า “คุมกฎ”.....


“ ใส่มันเอาไว้ เวลาที่เดินอยู่ในโรงเรียนนี้”     เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย...ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะให้เด็กคนนี้ทำหน้าที่อย่างที่เขาทำ...เพียงแต่แค่มีปลอกแขนนี้...ก็จะไม่มีใครเข้ามาทำร้ายอย่างแน่นอน

นัยน์ตากลมโตเหลือบมองมันด้วยสายตาสั่นพร่าซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร


และยิ่งไม่รู้ไปใหญ่...ว่าทำไมตัวเองต้องทำแบบนี้ด้วย...


ทั้งๆที่คิดมาตลอด....ว่าสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อเขากับเด็กคนนี้เอาไว้ก็คือผู้ชายคนนั้น...แต่เพราะอะไรกัน...ในเมื่อตอนนี้คนตรงหน้าก็ถูกไล่ออกมาจากโกคุโย...โดคุโร โคลม ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรืออะไรก็ตามที่เชื่อมโยงกับโรคุโด มุคุโร่แล้ว.....แล้วทำไมสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอถึงยังคงอยู่









ดูเหมือนกับว่าที่เขาให้เด็กคนนั้นสวมปลอกแขนเอาไว้ เขาจะคิดถูก...

เพราะการที่ต้องไปอยู่ใกล้ๆซาวาดะ สึนะโยชินั้น...อันตรายน้อยเสียที่ไหน...ในเมื่อบอสที่เด็กนั่นเรียกก็เป็นแค่เจ้าห่วยดีๆนี่เองเวลาที่อยู่ในโรงเรียน ไม่ใช่แค่จะปกป้องใครไม่ได้ ยังเป็นไอ้ตัวโชคร้ายที่คอยแต่จะดึงดูดคนแปลกๆเข้าไปหาอีกต่างหาก และแค่คนพวกนั้นเห็นปลอกแขนที่อยู่บนแขนเสื้อของโดคุโร โคลม พวกมันก็ถอยหนีกันหมด

แต่ถ้ามันไม่ยอมถอย...คนที่คอยเฝ้ามองอยู่ไกลๆแบบเขาก็จะจดจำหน้าพวกมันเอาไว้....

หึ....แต่วันนี้ก็ยังไม่มีใครให้เขาขย้ำอยู่ดี

สายตาจับจ้องไปยังคนสองคนที่เดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มของเจ้าสัตว์เล็กซาวาดะ สึนะโยชิ...เจ้าสามตัวนั่นมันก็จับกลุ่มสุมหัวกันเป็นเรื่องปกติ ปล่อยไปก็คงไม่เป็นไร เพราะงั้นเขาจึงหันมาจ้องมองสองคนที่เดินจากมา จากหน้าต่างของห้องรับแขก

ซาซางาวะ เคียวโกะ กับ โดคุโร โคลม

ทำไมกันนะ...พอได้เห็นใบหน้าที่ดูสดใสขึ้นของเด็กคนนั้น เขาถึงได้รู้สึกเบาใจขึ้นมา...








สายฝนที่โปรยปรายลงมาในตอนเย็นทำให้เด็กของชมรมกีฬาต่างวิ่งหลบเข้าไปในตัวอาคารกันให้จ้าละหวั่น และไม่นานร่มหลากสีสันก็กระจายตัวกันเต็มถนนทางออกของโรงเรียน

ฝนตกแบบนี้เขาเองก็คงจะออกไปยืนที่ประตูไม่ได้ เพราะงั้นเลยคิดจะเดินสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของห้องเรียนแทน

จากเสียงที่เคยดังจ้อกแจกจอแจกลับเงียบลงไปถนัดตา เมื่อนักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปกันหมด

ขาก้าวเดินไปตามระเบียงหน้าห้องอย่างที่ไม่ได้คิดว่าจะยังมีใครรออยู่ ท้องฟ้าอึมครึมเริ่มจะเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม วันนี้เขาก็คงจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย...ถ้าไม่ติดที่ว่าสายตาเหลือบไปเห็นแผ่นหลังเล็กๆของใครบางคนเข้าเสียก่อน

เด็กคนนั้น....ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีก?

แผ่นหลังที่คุ้นตานั่นกำลังยืนกอดกระเป๋าอยู่ที่หน้าห้องล็อคเกอร์เก็บรองเท้า ท่าทางที่ไม่รู้จะทำยังไงกับสายฝนตรงหน้าทำให้เขาเผลอยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว...นั่นคงกำลังยืนรอให้ฝนหยุดอยู่สินะ...ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเด็กคนนั้นคงเดินตากฝนกลับไปแบบไม่ได้คิดอะไรแน่ๆ

แล้วก็ที่ไม่ได้กลับกับซาซางาวะ เคียวโกะ เพราะไม่อยากเป็นภาระ?

เขาเดินเข้าไปในห้องล็อคเกอร์ให้คนที่ยืนอยู่ตามลำพังถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อหันมาเห็นเขาเข้า

ถ้าเป็นล็อคเกอร์ของคุซาคาเบะคงจะมีอยู่บ้างหรอกมั้ง....ไอ้สิ่งที่เรียกว่าร่มพับ...

เขาหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิดที่จะรอขออนุญาตจากเจ้าของมันก่อน แล้วเดินไปที่ประตูทางออก มือกางร่มพับแล้วหันไปมองคนที่ยังคงยืนกอดกระเป๋า นัยน์ตากลมโตเหลือบมองขึ้นมาก่อนจะเดินอย่างกล้าๆกลัวๆเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกัน

หรือว่าตอนนี้....เขาจะมีสิ่งที่อยากปกป้อง...ถึงได้ยอมใช้มัน








ตอนนี้...กำลังจะมีการต่อสู้ของตัวแทนอะไรซักอย่างซึ่งเขาไม่ค่อยจะได้ตั้งใจฟังนัก สิ่งที่รับรู้มีเพียงอย่างเดียวคือหากเขายอมช่วยเจ้าคนที่ชื่อฟง....เขาจะได้สู้กับคนที่เขาอยากจะสู้ด้วย อย่างเจ้าม้าพยศดีโน่  เจ้าสัตว์เล็กในโหมดต่อสู้ หรือแม้แต่........โรคุโด มุคุโร

ดูเหมือนเจ้านั่นเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส เพราะแบบนั้นสินะถึงได้ทิ้งเด็กคนนั้นเอาไว้ที่นี่

แล้วถ้าเธอรู้ว่ามันกำลังจะกลับมา....เธอยังจะกลับไปหามันอีกไหม?

สายตาเขาได้แต่ทอดมองพื้นเสื่อทาทามิด้วยอารมณ์ที่บอกได้แค่ว่าไม่ค่อยจะดีนัก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดว่าเด็กคนนั้นจะกลับไปหาหมอนั่น

ถ้าเขาจะห้าม...เธอจะยอมฟังบ้างหรือเปล่า?

แล้วเขาจะห้ามเอาไว้ด้วยเหตุผลอะไร?

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดกลิ่นของอาหารก็โชยมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครบางคน....พ่อบ้านของเขาไม่ได้ก้าวเดินด้วยจังหวะแบบนี้....ถ้าเช่นนั้นก็คงจะมีแค่อีกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่

แล้วประตูก็เปิดออก...เด็กคนนั้นเป็นคนถือถาดอาหารเข้ามาตามที่เขาคาด เขาไม่คิดจะถามหาพ่อบ้านว่าทำไมไม่ยกอาหารมาเอง แต่คงจะเป็นเพราะคนตรงหน้า ที่อาสาเข้าไปช่วย

ก้มลงมองอาหารในจานด้วยสายตาที่พยายามทำให้นิ่งเฉยเป็นปกติ ทั้งๆที่สิ่งที่เห็นอยู่นั้นมันไม่ปกติ...ผักที่หั่นไม่เท่ากันแบบนี้ไม่มีทางหลุดรอดออกมาจากพ่อครัวของเขาแน่....นี่คงจะเป็นฝีมือของคนตรงหน้าสินะ

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากโดยที่รอบกายยังคงมีเพียงความเงียบเหมือนเดิม จะต่างออกไปก็ตรงที่วันนี้มีนัยน์ตากลมโตที่เหลือบมองขึ้นมาอย่างมีความคาดหวัง...และเขาก็เพียงแค่เคี้ยวข้าวต่อไปด้วยท่าทางปกติ

ถ้าเป็นคนอื่นคงจะทำหน้าสลด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ใช่....ใบหน้าเล็กอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองต่อไป

ราวกับจะเข้าใจ....ว่าท่าทางของเขามันหมายถึงอะไร....

ความจริงรสชาติของอาหารนั้นจัดว่าใช้ได้ทีเดียว....เพียงแต่คนอย่างเขา...ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากชมอาหารของคนที่ตั้งใจทำให้อย่างไรก็เท่านั้นเอง

มือวางตะเกียบลงเมื่ออาหารในจานนั้นหมดเกลี้ยง เขานั่งจิบน้ำชาไปพรางแอบเหลือบมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปพราง...เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าใบหน้าเล็กนั่นซีดกว่าปกติ?  ทั้งๆที่ไม่ได้ตากฝน ทั้งๆที่อยู่ในบ้านที่อบอุ่น แล้วอะไรที่จะทำให้ไม่สบายได้?

สายตาเหลือบมองลงไปที่หน้าท้องของเด็กคนนั้นโดยอัตโนมัติ...เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่อยู่ในนั้นหรือเปล่านะ?...ถ้าโรคุโด มุคุโร่ ไล่คนตรงหน้าออกมา แล้วภาพลวงตาที่อยู่ในนั้นล่ะ?

“ก่อนจะนอน ฉันจะให้คนเอายาไปให้ กินซะด้วยล่ะ”     เขาเอ่ยกำชับออกไปก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องทานอาหาร

ก็แค่จะปล่อยให้มาป่วยตายในบ้านนี้ไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ...










วันนี้เป็นวันแรกของศึกตัวแทนอะไรซักอย่างนั่น และเขาก็ได้รับนาฬิกาข้อมือสำหรับหัวหน้าทีมมาจากเจ้าคนที่ชื่อฟง...กติกาก็ไม่ได้มีอะไรมาก...แค่ขย้ำนาฬิกาของพวกมันให้หมดภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น

เขาเปิดประตูบ้านเข้ามาด้วยใบหน้าหงุดหงิด...ทั้งๆที่จัดการซาซางาวะ เรียวเฮได้แล้ว แต่เจ้าสัตว์กินพืชอีกสองตัวกลับร้ายกาจกว่าที่คิด

โกคุเดระ ฮายาโตะ กับ ยามาโมโตะ ทาเคชิ หนีรอดไปจากมือเขาได้แบบไม่น่าให้อภัย

เขาอาจจะประมาทไปเอง เพราะไม่ค่อยได้ต่อสู้กับคนที่ใช้ไฟธาตุพิรุณและวายุ แล้วยิ่งสองคนนั้นร่วมมือกันทำงานเป็นคู่ จากที่คิดว่าไม่น่าจะอันตรายเท่าไหร่...ตอนนี้เขาคงต้องคิดใหม่

ขาก้าวผ่านหน้าห้องทานอาหารที่ไฟยังคงเปิดอยู่ ใบหน้าจึงหันไปมองแล้วก็พบว่าเด็กคนนั้นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารโดยที่ยังไม่มีอะไรพร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย

นั่งรอเขาอยู่?

มือจึงเปิดประตูแล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม   “ ถ้ามันดึกแล้ว คราวหลังก็กินไปก่อน”    เขาพูดออกไปด้วยเสียงนิ่ง ใบหน้าเล็กที่ก้มลงราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิดนั่นทำให้เขาชะงัก

“ แต่คราวหน้า...จะไม่กลับดึกก็แล้วกัน”      เอ่ยออกไปพรางเสมองจานอาหาร รู้สึกว่าที่ใบหน้าจะร้อนๆยังไงไม่รู้ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไร ใบหน้าเล็กที่มองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาบ้าง

แล้วมื้ออาหารที่ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบงันก็ดำเนินต่อไป

ในขณะที่คีบอาหารเข้าปาก เขาก็สังเกตร่างเล็กๆที่นั่งอยู่ตรงหน้าไปด้วย ที่ข้างกายของเด็กคนนั้นมีผ้าปิดปากของคนเป็นหวัดวางอยู่ด้วย แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนใบหน้าจะซีดลงกว่าเมื่อวานอีก...แบบนี้มันไม่น่าจะใช่หวัดหรือไข้ธรรมดาๆแล้ว

แต่อย่างน้อยก็ยังดี...ที่ข้อมือเล็กๆนั่นไม่ได้มีนาฬิกาแบบที่เขาสวมอยู่ด้วย...แสดงว่า ซาวาดะ สึนะโยชิ ไม่ได้ให้เด็กคนนี้ร่วมต่อสู้ในศึกตัวแทนอะไรนี่ด้วยสินะ

แล้วเจ้าคนเจ้าเล่ห์นั่นล่ะ? ไม่ต้องการพลังของเด็กคนนี้แล้วอย่างนั้นใช่ไหม? คงไม่ได้ลอบมาหาตอนที่เขาไม่รู้หรอกนะ?

พยายามมองลึกลงไปในดวงตากลมโตที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว สายตาที่กักเก็บความกังวลเอาไว้แบบนั้นมันคืออะไรกัน หรือเจ้านั่นจะมาหาจริงๆ

แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้...









ตั้งแต่ที่แยกกันที่ห้องทานอาหาร....เขาก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสวนมาตลอด

แล้วมันก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาค่อยๆเดินผ่านไป...เสียงไอรุนแรงจนคนที่ได้แต่นั่งฟังอย่างเขาเริ่มจะทนไม่ไหว จึงตัดสินใจที่จะลุกไปดู มือเลื่อนประตูของห้องตัวเองออกก่อนจะพบว่าภายนอกนั้นมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากทางเดินเท่านั้นที่ส่องสว่างสลัวๆ ขาก้าวออกไปจุดหมายคือห้องที่มองเห็นอยู่ตรงข้ามสวน

รอบกายยามนี้เป็นเวลาดึกสงัด แล้วมันก็คงจะไม่ดีนักที่เขาจะเข้าไปในห้องของเด็กผู้หญิงตามลำพัง

แต่ใครจะสน ในเมื่อนี่มันเป็นบ้านของเขา!

อย่างน้อยเขาก็เคาะประตูก่อนสองสามครั้งและในเมื่อมันมีแต่เสียงไอตอบกลับมา เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง

ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจที่แข็งเป็นหินถึงกับหล่นวูบ...

เด็กคนนั้นไม่ได้ไอธรรมดา แต่กำลังกระอักเลือด!!!

ร่างกายขยับเข้าไปหาโดยอัตโนมัติ สองมือสอดเข้าไปกระชับร่างที่ยังไอไม่หยุดเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน มือเล็กที่ปิดปากตัวเองอยู่นั้นเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเซียวจนน่ากลัว

“ โคลม!   โดคุโร โคลม!!!”     เขาเรียกเธอพรางเขย่าตัวเบาๆ เด็กคนนั้นหอบหายใจหนักหน่วงก่อนจะลืมตามองมาที่เขาอย่างไม่มีสติ ในขณะที่เขาคิดว่าเธอจะเรียกหาเจ้าผู้ชายคนนั้น แต่ชื่อที่เธอเอ่ยออกมากลับทำให้เขาสั่นสะท้าน


“ คุณ....เมฆา....?”


สองแขนอุ้มร่างเบาหวิวนั้นขึ้นทันที ขาก้าวออกไปจากห้องก่อนที่จะสมองจะสั่งด้วยซ้ำ

“ ห้ามเป็นอะไรนะ....ฉันสั่งเธอว่าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด!!!

“ เอารถออก!!!”     เขาตะโกนสั่งพ่อบ้าน ดูเหมือนเสียงโครมครามที่เขาทำจะทำให้ลูกน้องที่อยู่ในบ้านเล็กตื่นขึ้นมากันจนหมด แต่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจอะไรในเมื่อร่างในอ้อมแขนนั้นสำคัญกว่า ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางที่ดูทรมานของเด็กคนนี้จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบได้ขนาดนี้

ตลอดระยะทางจากบ้านไปโรงพยาบาล...ตลอดเวลาที่เด็กคนนั้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา...เธอยังคงไอออกมาเป็นเลือดไม่ได้หยุด...สายตาเขาเหลือบลงไปมองบริเวณหน้าท้องของเด็กคนนั้นซึ่งยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัด...ภาพลวงตาของอวัยวะภายในหายไปอย่างที่เขาคิดจริงๆ

สองมือได้แต่กระชับไหล่เล็กเข้าหาตัว จากความเป็นห่วงยิ่งสุมไฟแค้นในใจให้ลุกไหม้เข้าไปอีก........ไอ้ผู้ชายคนนั้น....


โรคุโด มุคุโร่!!!








สายน้ำเกลือและสายให้เลือดระโยงรยางค์อยู่สองข้างของเตียง ถึงแม้ว่าใบหน้าเล็กนั่นจะยังดูทรมานแต่อาการไอเป็นเลือดก็สงบลงได้บ้างแล้ว

ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลเขาก็นั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้มาตลอด จนกระทั่งฟ้าข้างนอกหน้าต่างกลายเป็นสีส้มและค่อยๆสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ สายตาของเขาก็ยังไม่ละไปจากใบหน้าเล็กที่ยังไม่ได้สติ

หลายต่อหลายครั้งที่เด็กคนนั้นเหมือนกับฝันอะไรสักอย่าง มือเล็กจึงไขว่คว้าหาใครบางคนที่เอื้อมไม่ถึง และเขา...ก็เป็นคนดึงมือนั้นให้กลับมาก่อนจะกุมมันไว้ที่ข้างเตียงเสียงอืออาที่ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวยิ่งทำให้เขาจับมือเล็กๆนั้นแน่นขึ้นอีก

หลายครั้งที่เขาเผลอก้มลงมองวองโกเล่เกียร์ที่อยู่ที่ข้อมือของตนเอง...ไฟของเขา...ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ

อยากจะทำให้สีหน้าและร่างกายที่กำลังเจ็บปวดนี้หายไปเสียที

“ ท่าน...มุคุ...โร่....”      เสียงที่หลุดลอดออกมาจากหน้ากากออกซิเจน ทำให้เขาถึงกับกัดฟันกรอด...ถึงจะชิงชัง ถึงจะรังเกียจเคียดแค้น...แต่ตอนนี้ก็มีแต่ต้องยอมรับว่าคนที่จะช่วยร่างเล็กบางตรงหน้าได้ มีเพียงแต่ผู้ชายคนนั้น

เขาตัดสินใจลุกออกไปจากข้างเตียง หันใบหน้ามามองคนที่ยังไม่ได้สติอีกครั้งก่อนจะก้าวขาออกจากห้อง

วันนี้ก็จะมีการต่อสู้ของศึกตัวแทน....เขาจะใช้มันบังหน้าเพื่อลากตัวหมอนั่นกลับมาให้ได้!








น่ารำคาญนัก....นึกว่าจะหาตัว โรคุโด มุคุโร่ ได้ง่ายๆ แต่มันกลับยากเย็นกว่าที่คิด เขาเลยต้องกลับมาที่โรงพยาบาลด้วยมือเปล่า

การต่อสู้ของคืนนี้จบลงแล้ว เขาไม่ได้เจอกับหมอนั่นและมันก็ยิ่งทำให้ร้อนลนขึ้นเรื่อยๆเมื่อเดินไปตามทางเดินหน้าห้องผู้ป่วย รู้ทั้งรู้อยู่ว่าอาการของเด็กคนนั้นจะรอนานไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้แค่กระจายกำลังของคณะกรรมการคุมกฎให้ออกตามหาตัวของโรคุโด มุคุโรเท่านั้น

เสียงโครมครามดังมาจากในห้องผู้ป่วยโดยที่ขาของเขายังไม่ทันจะก้าวไปถึงดี......เกิดอะไรขึ้น?.....เขาเร่งจังหวะการก้าวเดินจนแทบจะเป็นวิ่ง มือเปิดประตูเข้าไปก่อนจะใจหายวาบกับภาพตรงหน้า

โดคุโร โคลม....เด็กคนนั้นกำลังพยายามลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะล้มลงไป กวาดเอาสายน้ำเกลือและขาตั้งล้มระเนระนาด

“ จะลุกขึ้นมาทำไม!”     เขาเผลอตวาดออกไปทั้งๆที่ไม่ใช่วิสัยของตัวเอง สองมือตรงเข้าไปจับไหล่บางของคนที่ยังพยายามจะฝืนลุกขึ้น

“ ฉัน...ต้องไปช่วยท่านมุคุโร่...คนพวกนั้น...คนพวกนั้น....”     เสียงเล็กละล่ำละลักบอก แต่มันก็ทำให้เขาถึงกับกัดฟันกรอด มือเผลอบีบไหล่เล็กจนเจ้าของร้องอุทานออกมาเบาๆ

“ อยากจะตายนักใช่ไหม?! ถ้าอยากจะตายฉันจะเป็นคนขย้ำเธอเอง!....ยังไงก็ไม่ปล่อยให้ไปตายเพื่อเจ้าผู้ชายคนนั้นแน่...”     น้ำเสียงมืดมนกดต่ำจนคนที่ถูกตรึงไหล่เอาไว้ได้แต่มองใบหน้าของเขาอย่างตกใจ แขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางก่อนจะยกร่างเบาหวิวขึ้นไปเหวี่ยงลงบนเตียง

“ แค่ก แค่ก แค่ก”     คนที่ยังอยู่ในอาการโคม่าไอออกมาเป็นเลือดแต่ทอนฟาเหล็กกล้าก็ยังคงโหดเหี้ยมสมชื่อ เมื่อมือของเขากดมันเอาไว้ที่ซอกคอของคนบนเตียง

“ ทำไม...ทำไมถึงยังเห็นมันเป็นคนสำคัญ...ทำไม....ทั้งๆที่มันไยดีเธอที่ไหน...ตอบฉันมาว่าทำไม?!”     เขาไม่รู้เลย...ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป...ใช้เสียงแบบไหน...เพราะภายในใจมันกำลังถูกสุมไปด้วยไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชังแม้กระทั่ง....อิจฉา

ทำไม....ทั้งๆที่คนที่อยู่ตรงนี้คือฉัน แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเดินไปหามัน....

ครั้งแล้ว....ครั้งเล่า....


ทำไม.....




ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้.......







“ คุณ...เมฆา.....”     เสียงที่เรียกชื่อเขา ไม่ใช่ชื่อของหมอนั่นทำให้ร่างกายชะงักไปเล็กน้อย มือบางที่เต็มไปด้วยเลือดจับมาที่มือของเขาซึ่งยังกดทอนฟาเอาไว้กับคอของเธอ นัยน์ตากลมโตที่สั่นพร่าทำให้เผลอคลายมืออย่างไม่รู้ตัว...คนที่ไม่มีจุดอ่อนอย่างเขากลับแพ้ดวงตาคู่นี้....ทุกที

“ แค่กๆ....ไม่ใช่......”       เสียงแผ่วเบาปะปนออกมากับเสียงไอ ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นจะตายยังไงก็ยังพยายามจะแก้ตัวให้มัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขายิ่งเกลียดหมอนั่นได้ยังไง

“ ท่านมุคุโร่....ไม่ได้...เรียกภาพลวงตาของ...อวัยวะเทียมกลับไป....แต่เป็นเพราะ...เป็นเพราะฉันเอง....ที่ไม่...ไม่ยอมรับมัน”     กว่าคำพูดทั้งหมดจะหลุดออกมาได้ ใบหน้าเล็กก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก

ว่าแต่สิ่งที่เธอพูด....หมายความว่ายังไงกัน?

เขาได้แต่จับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมานอย่างเจ็บใจ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เรื่องระหว่างเด็กคนนี้กับโรคุโด มุคุโร่ ดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่าที่เขาคิด ระหว่างสองคนนั้นมันยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้อยู่อีก....แล้วทำไมความรู้สึกแบบนี้มันจะต้องทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังจมดิ่งลงไปในหลุดมืดๆที่ไม่มีแม้แต่ที่ให้เขายืนแบบนี้ด้วย

มือเล็กๆที่สั่นระริกพยายามเอื้อมมาแตะที่มือของเขาซึ่งละจากทอนฟามากำแน่นอยู่บนเตียง

“ เพราะว่าฉัน....ต้องการที่จะเป็นคนที่จะสามารถเดินเคียงข้างไปกับท่านมุคุโร่ได้...ไม่ใช่ตัวถ่วง...ที่ต้องให้ท่านมุคุโร่คอยปกป้อง คอยช่วยเหลืออยู่แบบนี้....”     ใบหน้าเล็กสงบลงเมื่อเอ่ยถึงความตั้งใจของตัวเองออกมาจนเขาได้แต่มองใบหน้ายามนี้ของเธออย่างนิ่งงัน....หมายความว่า....เด็กคนนี้ไม่ยอมรับภาพลวงตาอวัยวะเทียมจากผู้ชายคนนั้น เพราะต้องการจะสร้างมันขึ้นมาเอง ต้องการจะเดินเคียงข้างหมอนั่นด้วยขาของตัวเอง

“ อยากจะเข้มแข็ง....”       เธอพูดออกมาได้แค่นั้นก่อนที่น้ำตาจะไหลพรั่งพรูลงมา ไหล่เล็กสั่นสะท้านร้องไห้ราวกับเด็กๆที่กักเก็บความทุกข์ใจมานาน ส่วนเขาก็ได้แต่อึ้งไปกับความเข้มแข็งของคนตรงหน้า

มือที่กำแน่นของเขาคลายออกก่อนจะยกขึ้นไปกดศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีม่วงให้เอนซบมาที่แผงอกของเขา  น้ำตาที่ไหลลงมานั้นซึมซับผ่านเสื้อเชิ้ตของเขาเข้ามาจนรู้สึกได้ แขนอีกข้างค่อยๆยกขึ้นไปก่อนจะวางเอาไว้บนแผ่นหลังเล็กบาง


และนั่นคือครั้งแรกสำหรับเขา....กับสัมผัสที่เรียกว่า....กอด....


“ เธอน่ะ....มันก็แค่สัตว์กินพืชตัวเล็กๆ....แต่สัตว์กินพืชตัวเล็กๆ มันก็มีความเข้มแข็งในแบบของมันเอง”

“ ก็ได้...ฉันจะยอมให้เธอไป...”     คนที่อยู่ในอ้อมแขนชะงักไปก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขาทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอด นัยน์ตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมีแววสั่นพร่าแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอีก  เล่นเอาเขาทำอะไรไม่ถูก

ก็ยอมให้ไปแล้วนี่? ไม่ได้ใช้กำลังบังคับ ไม่ได้ทำร้ายด้วย แล้วทำไมยังร้องไห้อีก?

คราวนี้เป็นมือเล็กที่ยกขึ้นมาเกาะอกเสื้อเขาเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปแล้วเอ่ยคำพูดที่ทำเอาเขาใบหน้าร้อนผ่าว

“ คุณเมฆา....ขอบคุณ....”

ร่างทั้งร่างชะงักงันจนได้แต่ยืนนิ่งให้เธอพักพิงอยู่แบบนั้น....






ถึงจะยอมให้เด็กคนนั้นไป แต่เขาก็ตั้งข้อแม้ว่า ถ้าไม่สามารถสร้างอวัยวะเทียมของตัวเองได้ ก็อดไปเหมือนเดิม

และก็ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะพยายามได้ดี อีกอย่างพวกเราก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งหนึ่งที่เคยไปเยือนโลกอนาคต ฮิบาริ เคียวยะตอนอายุ 25 ปี เคยช่วยเธอในการสร้างอวัยวะเทียม....เพราะฉะนั้นคราวนี้ก็ต้องทำได้....ด้วยพลังไฟของเขาและพลังใจของเธอ


สายลมภายนอกนั้นเย็นสบาย แต่สายฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด ทั้งเขาและเธอออกมายืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลและตอนนี้สายตานิ่งสนิทของเขาก็กำลังจ้องเขม็งไปยังร่างเล็กบางของเด็กคนนั้นที่เปลี่ยนชุดกลับไปใส่ชุดนักเรียนของโกคุโยตามเดิม

เขาสะบัดหน้าก่อนจะหันหลังให้ เตรียมจะก้าวขาออกเดินไปในทางฝั่งตรงข้ามกับที่เด็กคนนั้นจะไป

“ คะ...คุณเมฆา....”     แต่แล้วเสียงเรียกเล็กๆนั้นก็ทำให้ขาก้าวต่อไปไม่ออก

“ ขอบคุณ...นะคะ....”      ดีแล้ว...ที่เขายืนหันหลังให้ ไม่งั้นเด็กคนนั้นต้องเห็นแน่...ว่าหน้าของเขามันกำลังแดงเพราะความร้อนผ่าวนี่อยู่



“ แล้วก็....คุณเองก็เป็นอีกคน....ที่ฉันอยากจะเข้มแข็งพอที่จะสามารถเดินเคียงข้างได้....”      



มือ...ที่ถือร่มอยู่ของเขาสั่นระริกอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ นัยน์ตาเบิกกว้างไปกับถ้อยคำที่ได้ยิน ไม่ต้องพูดถึงหัวใจ...ที่มันเต้นระรัวรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ

เขาก้มหน้าลงทั้งรอยยิ้มที่พยายามซุกซ่อนไม่ให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเห็น  มือยื่นร่มกลับไปให้ทั้งๆที่ยังหันหลังให้ตามเดิม



“ จะรออย่างไม่คาดหวังก็แล้วกัน.....เพราะฉันคิดว่า....ยังไงซะ ชุดนักเรียนของนามิโมริก็ดีกว่าชุดของโกคุโย”

เธอรู้ใช่ไหม....ความหมายของประโยคประโยคนี้....



เขาเหลือบไปมองคนที่ยืนดวงตาเบิกกว้างอยู่ข้างหลัง ก่อนที่ตาข้างนั้นจะหรี่ลงพร้อมรอยยิ้มน้อยๆบนแก้มใส มือเล็กยื่นมารับร่มไป....พร้อมกับสายสัมพันธ์ที่แน่นหนายิ่งกว่าเดิม




ถึงแม้ว่าเส้นทางที่ต่างเดินไปจะแยกออกจากกัน....

แต่สายสัมพันธ์นั้นจะเชื่อมถึงกัน....ตลอดไป.....




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Kizuna…แปลว่า...สายสัมพันธ์
Second Story

END



…=w=…

อ้าปากค้างกันเลยสิที่เห็นฟิคเรื่องนี้อีกครั้ง555 อาจจะแหว่งๆไปบ้าง ก็อย่างที่รู้กันว่าฟิคเรื่องนี้นั้นมันจะมีสองฝั่ง คือ จะบรรยายคู่กันทั้งฝั่งคุณฮิและหนูโคลม...คึหึหึ....แล้ว Second story จะมีฝั่งคุณฮิคนเดียวได้ยังไง *w* ฝั่งหนูโคลมมีแน่นอนค่า....เจอกันวันที่ 30 นี้น้า....>w<...

แล้วก็ที่เริ่มลงมือกลับมาแต่งเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง ก็เพราะว่ามีคนใกล้ตัวบอกว่าเมื่อไหร่จะแต่งต่อซักที ทั้งๆที่อิคนแต่งมันกะตอนเดียวจบแบบถอดใจไปแล้วนะนั่น555 ไม่ใช่ไม่อยากแต่งต่อหรอก แต่ว่ากลับไปอ่านตอนแรกทีไรก็....อ๊ากกกก ทำไมมันแต่งไว้ดีแบบนี้วะ (คิดแบบนั้นจริงๆนะ อาจจะว่ายกหางตัวเองแต่ชอบฟิคเรื่องนี้มากๆอ่ะ อะไรหลายๆอย่างมันโดนเอง555) แล้วแต่งเพิ่มไปมันจะดีเท่าไหม? กังวลจนหลอนเองไปต่างๆนานา สรุปก็เลยไม่ได้ต่อซักทีทั้งๆที่ขีดที่หัวเรื่องไว้แล้วว่ามันจะ To be Con. ^ ^”

เพราะงั้นต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะที่ถามหาและต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะที่มีวันนี้ เลยลุกขึ้นมา....เอาวะ จะดีได้เท่าเดิมไหมไม่รู้แต่ตรูจะแต่ง!!! กร๊ากกกก เพราะงั้นนะ...


สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องสโนว์!!!


มีความสุขมากๆน้า ขอบคุณที่มีวันนี้ ขอบคุณที่ได้รู้จักกันและขอบคุณอีกหลายๆอย่างที่ทำให้กันมา และถ้าไม่ว่าอะไรคุณพี่ก็จะขออวยพรให้น้องสาวที่น่ารักคนนี้ได้พบได้เจอกับเรื่องดีๆในชีวิต อะไรที่มันร้ายๆก็สลัดมันทิ้งไปได้จนหมดน้า ขอให้ยิ้มได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น (แต่ยิ้มตลอดเวลาจะกลายเป็นคนบ้าได้นะ ต้องระวัง555)

ส่วนของขวัญงงๆชิ้นนี้ ขออนุญาต feat.กับอีกคนที่มีวันคล้ายวันเกิดหลังหนูไม่กี่วัน 555 ฝั่งหนูโคลมจะตามมานะ เพราะงั้นจะรอให้ลงครบก่อนแล้วค่อยมาอ่านกะได้ แหะแหะ ไม่รู้จะถูกใจไหม ขอแค่ยิ้มเพราะความน่ารักของคุณฮิหนูโคลมในเรื่องนี้ซักนิดดดดด คนแต่งก็ลอยแล้วค่า555 (แต่ถ้าไม่ชอบก็อย่าเอาอะไรมาปาหัวเค้านะ แง๊ หมุดๆๆ)

ความจริงกะปั่นฟิคที่ค้างไว้ของปีที่แล้วมาให้ด้วย แต่ไม่ทัน ยอมรับงี้เลยหรอเฮ้ย!!  แค่ซีนความรู้สึกของพระ-นางในฟิคเรื่องนี้ก็เล่นเอาคนแต่งหง่อยจะกินแล้วอ่ะ พูดกันบ้างก็ด๊ายยยยย ฮ่าๆๆ แต่สนุกนะ เวลาได้บรรยายคุณฮิตอนแอบดูหนูโคลม แล้วก็สนุกนะเวลาได้บรรยายความรู้สึกหนูโคลมเวลาเขิน >////<

แล้วก็เนื้อเรื่องนี่อิงออริจินัล ภาคเซอร์วิส ภาคอัลโกบาเลโน่ นะก๊ะ อาจจะสปอยด์เล็กน้อยถ้ายังอ่านไม่ถึง แต่ก็ไม่กระทบกับเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่นา...แค่จะบอกว่าตอนที่หนูโคลมถูกมุคุคุไล่มา เธอกินอยู่หลับนอนยังไง...ก็อ.อามาโนะขราไม่ได้กล่าวไว้นี่นา *w* (ไม่เหมือน 8059 นะ คู่นั้นอ.แกเขียนบอกไว้หม๊ดดดด ว่าก๊กไปนอนบ้านใครยังไง *q*)


ก่อนจะจำจากไกล.....ตอนนี้ติดอนิเมะอีกเรื่องนึงอีกแล้วค่ะ Chihayafuru หนุ่มแว่นผมดำสุดยอดมากกกก วาตายะ อาราตะ บันซายยยยย ปกติไม่ค่อยอะไรกับหนุ่มแว่นนะ แต่คนนี้นี่ขอเหอะ ชอบมากกกกกเพราะอะไรก็ไม่รู้อ่ะ

เวิ่นไปเรื่อย ^ ^” อันนี้ตะหาก...


HAPPY BIRTHDAY Snow_fredel !!!


แฮปปี้ แฮปปี้ แฮปปี้นะ!!!






ปล.เพราะโดนเจ้าของวันเกิดล่อลวงอะไรบางอย่าง(?)นี่แหละค่ะ เลยได้ฟิคเรื่องนึงมา....


KHR Au S.fic [8059]  Ryuusei

ข้ากับเจ้า....ดาวตก....ก๊กกับยามะดาร์ก =[ ]=?

จะออกมาอีท่าไหน....Coming Soon….
ปัดสนิมๆๆ เหมือนไม่ได้แต่งพีเรียดมาพักใหญ่ ครึ ครึ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น