KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059] -- BiOS : 01 --


KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059]  -- BiOS : 01 --

: KHR AU Fanfiction
: 8059
: Action  Horrors
: NC-17
  
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ



  
อันนี้เป็นแผนที่โรงเรียนนามิโมริฉบับ BiOS พร้อมเส้นทางที่ยามะวิ่งไป ลายเส้นอาจจะชั่วร้ายไปบ้างก็ทำเป็นมองไม่เห็นทีนะ ฮ่าๆ  ใช้ประกอบการจิ้นเผื่อใครนึกไม่ออก *w* (อันนี้เป็นแผนผัง (PLAN)นะคะ)






ลูกเบสบอลถูกตีออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ได้ยินเสียงร้องครางอย่างหมดแรงออกมาจากปากทีมตรงข้าม จนผมเผลอยิ้ม มือปล่อยไม้เบสบอลลงกับพื้นแล้ววิ่งออกไปเหยียบเบสด้วยท่าทางสบายๆ เพราะไม่ว่ายังไงนั่นมันก็เป็นโฮมรันไปแล้ว


เสียงนกหวีดดังขึ้นให้รู้ว่าวันนี้จบการซ้อมของชมรมเพียงเท่านี้


“ แกนะแก เจ้ายามาโมโตะ...เมื่อไหร่จะเลิกทำโฮมรันซักทีฟ๊ะ”       เพื่อนร่วมชมรมที่คราวนี้ซ้อมอยู่ในทีมตรงข้ามกระโดดมากอดคอผมพร้อมยกมือขยี้หัวให้อย่างหมั่นไส้


“ ฮะ ฮะ ฮะ”      ผมหัวเราะเหมือนทุกๆที ก็มีแต่เรื่องนี้แหละที่ผมสามารถเอาไปอวดใครๆได้


“ หัวเราะอะไร เจ้าเอสของชมรม นี่แน่ะๆๆ”      มีมืออีกหลายคู่ร่วมผสมโรงด้วย เช่นเดียวกับเสียงหัวเราะที่ดังไปตลอดทางจนถึงห้องชมรม


“ นี่พวกนาย...วันนี้อยู่ประชุมเรื่องตารางซ้อมกันด้วยนะ”      รุ่นพี่วาตานาเบะ...กัปตันของชมรมคนปัจจุบันพูดออกมาพรางขยับแว่นตา ถึงแม้ว่าจะเป็นคนมีฝีมือและสมาชิกต่างให้ความไว้วางใจ แต่บางครั้งเพราะเอาจริงเอาจังมากเกินไป คนในชมรมเลยมักอยากแกล้งขึ้นมาซะแบบนั้น


“ รับทราบ! แต่ขอเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะคร้าบ...”       เสียงยานคางดังออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และก่อนที่กัปตันผู้มุ่งมั่นจะได้ไล่ตะครุบตัว สมาชิกปีสองก็อันตธานหายไปไม่เหลือแม้แต่เงาของใครสักคน


“ ชิ...ไวอย่างกับปรอทเลยนะไอ้พวกลูกลิงนี่”      


“ หว๋า...อย่าทิ้งเสื้อผ้าเกลื่อนกลาดแบบนี้ได้ไหม...”        เสียงหมดแรงดังมาจากผู้จัดการทีม....คิโยโกะ....ดอกไม้หนึ่งเดียวของทีมเบสบอล ที่ไม่รู้ว่าหลุดมาได้ยังไง เพราะรูปร่างหน้าตานั้นน่ารักระดับดาวโรงเรียนได้


“ เอ่อ....ตกลงจะประชุมไหมครับ?”       โซสุเกะ....สมาชิกปีหนึ่งที่ยังหัวอ่อนเดินเข้ามาถามกัปตันที่เริ่มเข้าสู่โหมดโหด


“ ถึงจะเหลือแค่สามคนก็ต้องประชุม!”     มือดันแว่นตาขยับเป็นประกายก่อนจะหายเข้าไปในห้องชมรมอีกครั้ง


“ เอ๋...นี่รวมฉันด้วยหรอ?....”       ผู้จัดการทีมร้องออกมาอย่างน่าสงสารแล้วเดินตามเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้กองเสื้อผ้าระเกะระกะอยู่ที่พื้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าตามเดิม


ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมห้องชมรมเบสบอล ต่างจากที่ทางเดินมีหลังคาที่เชื่อมระหว่างสองอาคารซึ่งบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสมาชิกปีสอง


“ ฮ่าๆๆ เห็นหน้าของกัปตันไหม? ชั้นว่าพรุ่งนี้พวกเราไม่มีชีวิตอยู่จนถึงโฮมรูมแน่ๆเลยว่ะ”       สึกิชิม่า...เป็นทั้งเพื่อนร่วมชมรมและร่วมห้องของผมเอ่ยออกมาพรางหัวเราะอย่างไม่ได้กลัวเกรงตามที่พูดเลยแม้แต่น้อย


“ แล้วเอาไง? จะไปไหนกันต่อไหม?”       คาริยะ....เพื่อนร่วมชมรมของผมอีกคนถามออกมา


“ เกมส์เซ็นเตอร์!!”      ใครสักคนในกลุ่มของพวกเราเสนอขึ้น


“ ฉันคงต้องขอบายละ ต้องกลับไปช่วยพ่อ”      ผมเอ่ยออกไป....ที่บ้านของผมเป็นร้านขายซูชิ ที่ตอนเย็นจะยิ่งขายดีจนมือแทบจะไม่ว่าง อย่างผมถึงจะทำอะไรไม่ค่อยเป็นแต่ก็ยังต้องไปอยู่ช่วย


“ นายมันก็เป็นซะแบบนี้ละน้า...ถึงได้ไม่คืบหน้ากับคิโยโกะจังซักที”    
                                                                                                    

“ ฮะ ฮะ ฮะ”       ผมเบื่อที่จะปฏิเสธเต็มที ดูเหมือนพวกนั้นจะสนุกสนานกับการจับคู่ผมกับผู้จัดการทีม ไม่ว่าผมจะบอกว่าไม่ใช่ยังไงก็ไม่ได้ฟังกันเลย


ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าเด็กคนนั้นจะชอบผมจริงอย่างที่พวกนั้นบอกหรือเปล่า แต่สำหรับผมน่ะ...ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย


เพราะว่าผม......มีคนที่แอบชอบอยู่แล้วน่ะสิ







ผมแยกทางกับเพื่อนๆที่หน้าตึกเรียน ก่อนที่จะเดินย้อนกลับมาที่ด้านหลังเพราะถ้าออกทางนี้จะใกล้บ้านผมมากกว่า...สายตาเหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องพยาบาลโดยอัตโนมัติ


แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมองเห็นเงาของใครอยู่ในนั้น


เย็นป่านนี้แล้วทำไมยังมีคนอยู่?


ผมเดินตรงเข้าไป....เสียงหอบหายใจทำให้ฝ่าเท้าถึงกับชะงัก...ร่างกายขยับไปยืนพิงผนังก่อนจะค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ....เป็นไปได้ก็ไม่อยากเข้ามาขัดจังหวะใครนักหรอกนะ...แต่ว่า... “ห้องพยาบาล” ...มันเป็นที่ที่คนที่ผมเฝ้ามองมักจะมาสิงสถิตอยู่เป็นประจำน่ะสิ


แล้วสิ่งที่ผมมองเห็นก็เล่นเอานัยน์ตาเบิกกว้าง


นั่นมัน.....โกคุเดระ?


แต่ว่าเขาไม่ได้กำลังทำเรื่องอย่างว่ากับใคร แต่สิ่งที่อยู่ในมือของเขาน่ะมัน....


เข็มฉีดยา?


ร่างกายของผมมันขยับไปโดยอัตโนมัติอีกแล้ว มือคว้าไปที่มือบางที่กำลังกดเข็มฉีดยาลงไปที่ท่อนแขนของตัวเอง ใบหน้าสวยของเขาเงยขึ้นมามองอย่างตกใจ แต่ก็ยังสะบัดตัวหนีการจับกุมของผมแล้วกดเข็มฉีดยาลงไปจนหมดจนได้


“ แฮ่ก แฮ่ก....”       ใบหน้าสวยมีแต่เหงื่อเกาะพราว ร่างกายที่ดูผอมบางกว่าคนในวัยเดียวกันเซมาตกอยู่ในอ้อมแขนของผมอีกครั้ง


“ นี่นาย...กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย...ตอบมาโกคุเดระ นี่มันยาอะไร?!”      ผมคว้าร่างกายของเขาเอาไว้ ต้องคาดคั้นจนกว่าจะยอมตอบให้ได้ เพราะถ้ายานั่นเป็นยาเสพติดผมคงต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง



ใช่....คนที่ผมเฝ้ามองมาตลอดก็คือเขานี่แหละ...



“ นาย...?”       เขาหันมามองด้วยสายตาว่าเรารู้จักกันด้วยหรอ?


“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ!    ตอบมาก่อนว่านั่นมันยาอะไร?!”        ผมมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง....ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเข้าใกล้เขาได้ขนาดนี้....และในสถานการณ์แบบนี้....


“ ..........”        เขายังคงไม่ตอบ แต่มือบางแปะกระดาษแผ่นหนึ่งมาที่แผงอกของผม....ในกระดาษแผ่นนั้นมีแต่ภาษาอังกฤษซึ่งแน่นอนว่าผมอ่านไม่ออกหรอก เพียงแต่ที่ท้ายชื่อที่อยู่บนหัวกระดาษมันสะกดง่ายๆว่า …..Vitamin…..


“ วิตามิน?”      ถึงจะสงสัยว่ามันมีวิตามินที่ถึงกับต้องฉีดแบบนี้ด้วยหรอ แต่จากอาการของคนตรงหน้าก็ไม่น่าจะเป็นยาเสพติด เพราะโกคุเดระยังมีสติอยู่ ใบหน้าใสยังมีเลือดฝาด นัยน์ตาสีมรกตยังเป็นประกาย และร่างกายก็เริ่มจะทรงตัวได้เรื่อยๆ


“ ปล่อยได้แล้ว”      เขาผลักตัวผมออกมาก่อนจะรีบหันไปเก็บเข็มฉีดยาที่จะว่าไปก็หน้าตาแปลกไปจากเข็มฉีดยาปกติ แล้ววิ่งหายออกไปจากห้องให้ผมได้แต่เหม่อมองตามแผ่นหลังของเขาไปอย่างไม่อาจจะฉุดรั้งอะไรได้


ในเมื่อผมกับเขา.....เราไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกัน....


และในสายตาของเขานั้นจะมีผมอยู่บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้....




ผมไม่ได้เรียนอยู่ในห้องเดียวกับเขา...แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะแม้แต่คนที่อยู่ห้องเดียวกับเขา คนที่เขาพูดคุยด้วยก็ยังเรียกได้ว่า....ไม่มีเลย....


เขามักจะอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว...คนในห้องเดียวกันบอกว่าเขาขาดเรียนบ่อย...และอาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขาไม่แข็งแรงเหมือนคนทั่วไป เลยไม่ชอบสุงสิงกับใคร...มันก็มีอยู่หรอกนะคนป่วยที่ไม่อยากให้ใครมาสนใจ ไม่อยากให้ใครมาสมเพชตัวเอง


เพราะแบบนั้นผมเลยได้แต่เฝ้ามอง...


ผมสนใจเขาที่ตรงไหน....ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ....


รู้แต่ว่า....ผมชอบมองทุกกิริยาท่าทางของเขา ความบอบบางนั่นมันเรียกร้องสัญชาตญาณของผมให้เข้าไปปกป้อง....ประมาณนั้น


ใบหน้าก้มลงไปมองที่สองมือของตัวเอง...ความนุ่มของผิวเนื้อของเขายังคงอยู่....กลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยออกมาจากตัวเขาก็ยังไม่จางหายไปไหน


อยากสัมผัส....อยากกอดรัดเขาให้มากกว่านี้....











เมื่อคืนนี้ผมนอนแทบไม่หลับ....จากสัมผัสที่มันตกค้างอยู่ที่ร่างกายทำให้ผมรู้ตัวว่า...แค่เฝ้ามองอย่างเดียวมันคงจะไม่พอแล้วสำหรับผม...วันนี้...จะต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้ได้พูดคุยกับเขาอีก


“ ไปนะครับพ่อ”


“ โชคดี ทาเคชิ!”      ผมเปิดประตูเลื่อนของร้านซูชิเก่าแก่ออกมาก่อนจะยกมือป้องตาเพราะแสงแดดที่เจิดจ้ากว่าปกติ....นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ ทำไมวันนี้แดดแรงขนาดนี้


ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินฮัมเพลงตามปกติ....แต่ทั้งๆที่ผู้คนก็ออกมาใช้ชีวิตกันในแบบที่เห็นทุกๆวัน แต่มันกลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้มันต่างออกไป...อะไรกันนะ?


สายตาคมกริบของผมเหลือบมองไปรอบๆกาย สรรพเสียงที่เข้าหูมามันฟังดูนิ่งงันจนรู้สึกขนลุก


จริงๆด้วย....


ไม่มีเสียงของสายลม....ไม่มีเสียงของฝูงนก...ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากมนุษย์


เกิดอะไรขึ้น?


หรือว่าผมจะหลอนไปคนเดียว?


“ โฮ่ย ยามาโมโตะ! เดินมาคนเดียวอีกแล้วหรอฟ๊ะ พ่อหนุ่มหน้าตาดี! ทำไมไม่หาใครควงมาซักคนละว้า”      ได้ยินเสียงแซวพร้อมแรงกดทับที่ไหล่และลำคอ....สึกิชิม่า...เพื่อนในชมรมนั่นเอง


“ เมื่อไหร่กัปตันโหดนั่นจะเลิกโทรจิกให้มาซ้อมเช้าซักทีว้า”       คาริยะ ที่เดินหาววอดมาร่วมวงอีกคน เสียงหัวเราะเฮฮาทำให้ผมลืมความผิดปกติรอบกายไปทันที





และทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...




เสียงลูกเบสบอลกระทบไม้ดังขึ้นเป็นโฮมรันที่สองของเช้านี้ ผมยกมือป้องแดดมองตามลูกสีขาวที่พุ่งไปในท้องฟ้าที่มีเพียงก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยๆ....ไม่ว่าจะมองขึ้นไปกี่ครั้งวันนี้ก็ยังคงไม่มีนกสักตัว


ความนิ่งงันของบรรยากาศนี่มันอะไรกัน? จะมีใครรู้สึกถึงมันได้แบบผมไหมนะ?


“ เลิกซ้อมได้!”      เสียงกัปตันตะโกนอยู่ไกลๆทำให้ผมยกไม้เบสบอลขึ้นพาดไหล่ก่อนจะเดินสบายๆกลับไปยังข้างสนาม


“ รุ่นพี่ยามาโมโตะคะ...ผ้าขนหนูค่ะ”       ผู้จัดการทีมยื่นผ้าขนหนูสีขาวให้ผมด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ผมรับมาแบบไม่ได้คิดอะไรแต่ไอ้เสียงโฮ่แซวอยู่ข้างหลังนี่สิ


“ ฮิ้วๆ อยากได้ผ้าขนหนูบ้างจังน้า”


“ โธ่...พวกรุ่นพี่นี่ละก็....”      กลายเป็นคิโยโกะที่หันไปเง้างอดใส่พวกนั้นแทนที่จะเป็นผม


ผมเดินไปที่อ่างคอนกรีตยาวที่เอาไว้ล้างหน้า สายตาเหลือบมองระเบียงทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังห้องพยาบาลโดยอัตโนมัติ....แล้วผมก็เห็นเขา....เดินอยู่ตรงนั้น


วันนี้โกคุเดระก็มาโรงเรียนสินะ...


แต่ผมยังไม่ทันจะเรียกหรืออะไร เขาก็ผลุบหายเข้าไปในห้องพยาบาลเสียก่อน


ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร...วันนี้....ยังอีกยาวไกล ผมจะต้องหาทางเข้าไปคุยกับเขาให้ได้









วิชาวรรณคดีไม่ว่าจะทำยังไงก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าไปในหัวผมเท่าไหร่เลยแหะ...ผมละสายตาจากหน้ากระดานออกไปมองทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างแทน พยายามจะรับฟังเสียงของสายลมหรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยแต่มันก็ยังคงนิ่งสนิท ราวกับว่าพวกมันได้หายไปจากโลกใบนี้แล้วยังไงอย่างงั้น


ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง ว่าผมคงจะคิดเรื่องของโกคุเดระจนเพี้ยนไป


อะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ทำให้สายตาของผมหันไปสนใจในทันที


คน ?


ใช่....ผมคิดว่ามีใครสักคนที่ดูท่าทางจะเมา มาเกาะอยู่ที่ประตูรั้ว....ก่อนที่จะยื่นแขนเข้ามาและพยายามจะพังประตูด้วยการเอาตัวเข้ากระแทกเหล็กโปร่งสีดำสนิท....


ผมคิดว่าหมอนั่นท่าจะเมาจริงๆ


ดูเหมือนจะมีกรรมการนักเรียนและอาจารย์ฝ่ายปกครองวิ่งออกไปห้ามปราม แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะพังประตู จนอาจารย์จับแขนเขาแล้วดันออกไป...และช่วงเวลาหลังจากนั้นผมก็แทบจะลืมหายใจ


เมื่อมือของอาจารย์ที่จับแขนชายคนนั้นอยู่ถูกกระชากออกไปก่อนจะโดนกัดจนขาด...ด้วยปากของชายคนนั้น


เลือดสาดกระจายตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของกรรมการนักเรียนที่เดินออกไปด้วยกัน คนที่อยู่แถวๆนั้นต่างก็วิ่งเข้าไปหมายจะช่วย


ประตูโรงเรียนถูกเปิดออก....นักเรียนหลายคนช่วยกันตะครุบตัวชายคนนั้นเอาไว้ แต่ทว่า กลับกลายเป็นฝ่ายถูกกัดเสียเอง...ดูท่าทางว่าชายคนนั้นจะไม่ได้เมาอย่างที่ผมคิดเสียแล้ว


นั่นมัน...อะไรกัน ?


อาจารย์ที่ถูกกัดแขนจนขาดมีท่าทางแปลกไป และชายคนนั้นไม่ว่าจะถูกทุบตียังไงก็ไม่ยอมล้มลง...หมอนั่นมีท่าทางหิวกระหาย ราวกับว่าการได้กัดกินเลือดเนื้อสดๆจะช่วยบรรเทาอาการนั้นได้


ตอนนี้....ดูเหมือนทุกคนในห้องจะหันมาสนใจเหตุการณ์ชุลมุนที่อยู่หน้าประตู ผมมองเห็นชายและหญิงอีกสองสามคนเดินมาตามถนนหน้าโรงเรียน....ด้วยท่าทางเหมือนชายคนแรก


แย่แล้ว!


ผมอยากจะตะโกนบอกนักเรียนที่ออกไปช่วยไกลเกลี่ย แต่ปากมันก็ไม่ยอมขยับ  มีอีกหลายคนที่ถูกกัด และผมก็ได้แต่ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้






ใครจะไปคิด....ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง....หายนะ....จะมาเยือนโรงเรียนนามิโมริของผม








ผมวิ่งไปตามระเบียงทางเดินที่เต็มไปด้วยรอยเลือดสาดกระเซ็น กลิ่นคาวเหม็นคละคลุ้ง รองเท้าผ้าใบสะดุดเข้ากับร่างไร้ลมหายใจของเพื่อนที่เคยยิ้มเคยหัวเราะมาด้วยกันที่บัดนี้นอนเกลื่อนอยู่เต็มไปหมด สภาพร่างกายนั้นเละเทะจนแทบจำไม่ได้ว่าเป็นใคร


บางคนก็ถูกกัดจนตาย บางคนก็มีร่องรอยว่าถูกอะไรบางอย่างฟาดที่หัว...เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดคนที่ตายไปแล้วแต่ดันลุกขึ้นมาเดินได้แบบนั้น


โรงเรียนนามิโมริกำลังเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมีจริงอย่าง


.....ซอมบี้.....


“ อุก....”       ผมยกมือขึ้นมาอุดปาก ถึงจะอยากอ้วกแค่ไหนก็ต้องบังคับตัวเองให้วิ่งต่อไป


เสียงอื้ออึงดังอยู่เบื้องหลัง ฝูงศพคืนชีพที่กำลังไล่ตามผมอยู่นั้นต่างก็ใส่ชุดนักเรียน ผมทำได้แค่กัดฟันกรอดแล้ววิ่งอย่างสุดกำลัง....ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่รับรู้ได้ถึงบรรยากาศผิดปกติเมื่อเช้า....แต่ใครเล่าจะรู้....ว่าสิ่งที่มีแต่ในหนัง จะออกมาโล้ดแล่นอยู่ในโรงเรียนแบบนี้!


“ โกคุเดระ....ขอให้นายยังปลอดภัยทีเถอะ...”       ผมเฝ้าภาวนาในขณะที่ขาก็วิ่งไป ตอนนี้ในมือของผมไม่มีอาวุธอะไร เพราะฉะนั้นจึงทำได้แค่วิ่งตรงไปยังห้องชมรม


อย่างน้อยที่นั่นก็มีไม้เบสบอล....


มือเลื่อนประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วแล้วก้าวขาเข้าไป ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะสนใจว่าในห้องจะมีซอมบี้อยู่ไหม 


“ นะ นั่นใคร?”       เสียงที่ถามออกมาอย่างหวาดๆเป็นเสียงของกัปตันที่มีไม้เบสบอลอยู่ในมือ


“ แฮ่ก...ผมเอง....ยามาโมโตะ....แฮ่ก แฮ่ก....”     ผมหอบหายใจพรางยกสองมือขึ้นเพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่ใช่ซอมบี้


“ ยามาโมโตะ ปิดประตู!”       เขาตะโกนบอก ทำให้ผมรีบเลื่อนประตูปิดทันที เหนื่อยจนลืมไปซะสนิท


“ แฮ่ก...แฮ่ก...รุ่นพี่ อยู่ที่นี่คนเดียวหรอ”      ผมลงไปนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง


“ โซสุเกะอยู่ข้างในอีกคน”       กัปตันชี้นิ้วไปที่เด็กปีหนึ่งที่ยืนถือไม้เบสบอลเฝ้าหน้าต่างอีกบานด้วยอาการหวาดผวา


“ นายยังไม่ได้ถูกกัดใช่ไหม?”      กัปตันขยับแว่นมองไปตามร่างกายของผม ผมจึงได้แต่โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ


“ ดี! ถ้างั้นเราต้องช่วยกัน แล้วออกไปจากที่นี่ให้ได้”     เขาสมกับที่เป็นกัปตันจริงๆ ในขณะที่เด็กปีหนึ่งนั่นดูท่าทางจะกลัวจนแทบไม่มีสติเหลือ


“ แต่ว่า...ผมต้องออกไปตามหาคนคนนึงก่อน...ผมมาที่นี่เพราะจะมาขอยืมไม้เบสบอล”      ผมพูดออกไปในขณะที่ลมหายใจเริ่มเข้าที่ ไม่มีเวลาจะมานั่งพักตราบใดที่ผมยังไม่เห็นว่าโกคุเดระปลอดภัยดี


“ งั้นหรอ....งั้นก็ฝากคิโยโกะด้วยแล้วกัน”       ดูท่าทางจะเข้าใจผิดว่าผมจะไปตามหาผู้จัดการทีม แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่มีเวลาจะอธิบายอะไร จึงได้แต่เดินไปหยิบไม้เบสบอลคู่ใจ


“ ยามาโมโตะ! อย่ากลับมาที่นี่อีก ฉันคิดว่าอีกไม่นานที่นี่จะไม่ปลอดภัย ถ้ายังไงไปเจอกันที่โกดังของพวกชมรมต่อรถ เผื่อจะมีอะไรให้เราพอจะใช้หนีออกไปได้บ้าง...ฉันให้เวลานายจนกว่าจะบ่ายสามนะ อย่าลืมล่ะ!”       ผมพยักหน้ารับก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด.....เปิดประตูแล้ววิ่งออกไปสุดกำลัง


ก่อนบ่ายสามงั้นหรอ....เหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวเองไม่ใช่รึไง


“ โกคุเดระ....นายอยู่ที่ไหนกัน....”


ผมก้าวขาวิ่งตรงไปยังห้องพยาบาล...สถานที่สุดท้ายที่ผมเห็นเขาเมื่อเช้า


แต่ในห้องกลับว่างเปล่าไร้เงาของผู้ใด มีเพียงเลือดที่สาดกระจายไปทั่วเตียงที่เขาเคยนอน....ในใจของผมมันร้อนลนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าได้แต่หันไปหันมาอย่างครุ่นคิดว่าอย่างเขาจะไปที่ไหนได้อีก ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ตัดใจ...ผมจะต้องหาเขาให้เจอ!


เสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ข้างหลังม่านของเตียงที่อยู่ถัดไป


ผมหันไปมองด้วยความดีใจ...บางทีอาจจะเป็นเขา.....ขาผมรีบก้าวเข้าไปหา


“ โกคุเด...!!!”       แต่ทว่าคนที่โผล่ออกมานั้นกลับไม่ใช่คนที่ผมตามหา ใบหน้าที่หิวกระหายกำลังกระโจนเข้ามาหาผม


“ แฮ่.......”        เสียงแหบพร่าดังมาจากลำคอของอีกฝ่าย ดูจากชุดกราวด์เปื้อนเลือดที่สวมใส่อยู่ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คืออาจารย์ห้องพยาบาล ผมเอาไม้เบสบอลยันฝ่ามือที่ตะกุยตะกายหมายจะกัดผมให้ได้....ให้ตายเหอะ ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนี้....แขนที่ยันเอาไว้เริ่มสั่นจนอาจจะต้านต่อไปไม่ไหว.....อาจารย์สาวของห้องพยาบาลคนที่เคยร่าเริงและชอบแซวผมที่ชอบเดินมาแอบมองโกคุเดระที่นอนหลับอยู่ที่เตียง...บัดนี้กลับมีเพียงใบหน้าราวกับสัตว์ป่า....ผมได้แต่กัดฟันกรอด....เป็นแบบนี้ไปแล้วผมคงจะใจอ่อนไม่ได้ ฝ่าเท้ายกขึ้นยันจนอีกฝ่ายล้มลงไปที่พื้นก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ


ผลั๊วะ!!


ผมฟาดไม้เบสบอลลงไปที่หัวจนในที่สุดอีกฝ่ายก็แน่นิ่งไป  เลือดสาดเป็นจุดๆมาบนใบหน้า แต่ทว่ามันก็ไม่เท่ามือที่สั่นเทาของผม


ถึงพวกมันจะเป็นศพที่คืนชีพขึ้นมา ไม่มีสติ ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตวิญญาณ แต่ผม....ก็ไม่ใช่คนที่ใจแข็งพอที่จะฟาดใครด้วยไม้เบสบอลได้โดยไม่รู้สึกอะไร


“ โกคุเดระ...”      พยายามเรียกสติกลับคืนมา แล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องไปด้วยความระมัดระวัง เวลาผ่านมาขนาดนี้ อาจจะมีคนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อของพวกมัน


“ กรี๊ดดดดดด!!!!”       เสียงร้องของเด็กผู้หญิงดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังวิ่งผ่านห้องคหกรรม


“ โธ่เว้ย!”      สบถออกมาดังๆ ทั้งๆที่ไม่มีเวลาแล้วแต่ผมก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้


มือกระชากประตูห้องคหกรรมออกก่อนจะกระโดดเข้าไป เหลือบมองเป้าหมายที่อยู่ในห้องก่อนที่ไม้เบสบอลจะฟาดลงไปที่หัวพวกมันอย่างไม่มีลังเล


“ ระ รุ่นพี่ยามาโมโตะ!”       คิโยโกะ...ผู้จัดการทีมของผมนี่เองที่เกือบจะโดนเล่นงาน เธอตรงเข้ามากอดผมเอาไว้ก่อนที่จะร้องไห้โฮ ผมหันไปมองเพื่อนของเธออีกคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง


“ พวกเธอไม่เป็นไรใช่ไหม”     ผมดันไหล่ของคิโยโกะออกช้าๆ ผมไม่มีเวลาจะมาปลอบใจใครในตอนนี้


“ ฟังนะ...ไปที่โกดังของพวกชมรมต่อรถ กัปตันรออยู่ที่นั่น แล้วเราจะหนีออกไปด้วยกัน”      ผมตั้งใจจะผละออกมา แต่ทว่ามือเล็กก็รั้งเสื้อของผมเอาไว้


“ รุ่นพี่จะไปไหนคะ?! ให้พวกเราไปด้วยเถอะ เราสองคนคงไปที่โกดังนั่นเองไม่ไหวแน่”      เป็นความจริงที่ว่ามือของคิโยโกะนั้นสั่นระริก ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ


“ ฉันต้องตามหาคนคนนึง....ไม่รู้ว่าจะไปทันเวลานัดหรือเปล่า ยังไงพวกเธอ....”


“ ให้เราไปด้วยนะคะ!”        เธอยังคงดื้อดึงที่จะตามไป แต่ผมก็เข้าใจแหละว่าคงจะหวาดกลัวเต็มที่....เมื่อกี้...ถ้าผมไม่เข้ามา ป่านนี้พวกเธอคงจะไม่มีลมหายใจไปแล้ว


“ เฮ้อ.....ก็ได้...แต่ต้องดูแลตัวเองกันด้วยนะ”      ทั้งสองคนพยักหน้ารับทั้งน้ำตา คงจะคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าไปตายด้วยกันสองคน


ผมวิ่งขึ้นไปชั้นบนของอาคารเรียน เปิดประตูห้องทุกห้อง กวาดสายตาอย่างรวดเร็ว และหลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด....แต่ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโกคุเดระ


“ แฮ่ก...แฮ่ก....รุ่นพี่คะ...จะต้องวิ่งไปอีกไกลไหม คนคนนั้นเค้าอาจจะ....”       นัยน์ตามืดมนของผมตวัดมองไปที่เด็กสาวสองคน ทำให้คำพูดที่จะเอ่ยต่อมานั้นเงียบหายไป


“ ถ้าพวกเธออยากจะไปที่โกดังก่อนก็แยกกันไปได้เลย”        คิโยโกะทำแก้มป่องราวกับกำลังจะบอกว่าไม่พอใจที่ผมเห็นใครคนนั้นสำคัญกว่าตัวเอง


“ เค้าเป็นใครกัน?! ทำไมรุ่นพี่ต้องห่วงขนาดนั้น!”        และด้วยความรำคาญผสมผสานกับความเครียดผมจึงพูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด


“ เค้าเป็นคนที่ชั้นรัก....พอใจรึยัง!”        เท่านั้นแหละ....ทั้งสองคนจึงได้แต่วิ่งตามมาโดยไม่ปริปากอะไรอีก


ห้องนี้เป็นห้องสุดท้ายในตึกนี้แล้ว...เป็นไปได้ผมไม่อยากจะเข้าไปนัก เพราะในนั้นมันมีแต่ชั้นหนังสือซึ่งไอ้พวกซอมบี้จะโผล่มาจากซอกไหนก็เห็นได้ยากกว่าห้องโล่งๆ


....ห้องสมุด...


“ กรี๊ดดดด”        แต่ก่อนที่จะได้เอื้อมมือไปยังประตู เด็กสาวเพื่อนของคิโยโกะก็ร้องออกมา มือที่เต็มไปด้วยรอยเลือดของใครบางคนกำลังดึงแขนของเด็กคนนั้นเข้าไปในหลืบ ผมพุ่งตัวเข้าไปก่อนที่ไม้เบสบอลในมือจะฟาดจนเลือดสาดมาเต็มหน้าเด็กสาว


“ ฮืออออ”      ร่างเล็กๆทรุดลงกับพื้นตัวสั่นงันงก ท่าทางเด็กนั่นจะกลัวเกินกว่าจะวิ่งต่อไปไหว...ผมคงต้องพาพวกเธอไปส่งที่โกดังก่อนที่จะตามหาโกคุเดระต่อไป


“ ฉันขอเข้าไปดูในห้องนี้ก่อน แล้วจะพาพวกเธอไปที่โกดัง”       เด็กสาวทั้งสองคนยืนกอดกันตัวสั่น พยักหน้ารับทั้งน้ำตา


ประตูถูกเลื่อนเปิดออก ในห้องนี้เองก็เละเทะไม่แพ้ห้องอื่นๆ ชั้นหนังสือล้มระเนระนาด แต่ถึงแม้จะมีเลือดสาดไปทั่ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหรือศพคืนชีพตัวใดหลงเหลืออยู่


เพราะบรรยากาศมันนิ่งเกินไป....


ถึงแบบนั้นผมก็ยังก้าวขาเข้าไป นัยน์ตากวาดมองจนทั่วเพื่อให้แน่ใจ....ร่างกายขยับไปยังโต๊ะริมหน้าต่างตัวหนึ่งซึ่งผมมักจะมองเห็นโกคุเดระนั่งอยู่เป็นประจำจากทางสนามเบสบอล....แล้วร่างของคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ใต้โต๊ะก็ทำเอาผมเบิกตากว้าง....ทำไมผมถึงเพิ่งคิดได้...ว่านอกจากห้องพยาบาลแล้ว...ที่นี่ก็เป็นอีกที่ ที่โกคุเดระชอบมาเป็นประจำ


“ โกคุเดระ.....”      ผมเอ่ยเรียกให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองด้วยเสียงเบาหวิว


และเมื่อดวงตาของเราสบประสานกัน ผมก็หยุดยั้งตัวเองไม่ให้โผเข้าไปกอดเขาไม่ได้  ร่างบอบบางถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนก่อนที่ผมจะกระชับอ้อมกอดแน่น


“ ดีใจจริงๆที่นายไม่เป็นไร....”       ผมกระซิบที่ข้างหูเขา ดูท่าทางเขาจะยังงงกับการกระทำของผมจึงได้แต่นิ่งงัน


ผมละร่างกายออกมาก่อนจะมองตาเขาตรงๆ ตอนนี้นอกจากความดีใจแล้วคือจะต้องหนีให้รอด


“ ไปกับฉันนะโกคุเดระ....เราจะหนีออกไปด้วยกัน”         เขาพยักหน้าน้อยๆ ผมจับมือของเขาแน่นก่อนจะส่งสัญญาณบอกเด็กสาวทั้งสองคนที่มีท่าทางตกใจเสียยิ่งกว่าตอนเจอซอมบี้ เพราะคงไม่คิดว่าคนที่ผมตามหาจะเป็นเขา


สายตามองไปยังลานดินระหว่างสองอาคารเรียนซึ่งเป็นทางเดียวที่จะไปโกดัง...เหล่าซากศพเดินได้ยังคงยืนอยู่ประปราย...มือของผมกระชับมือเขาอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า




“ ไปกันเถอะ!



.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




ห้ามแอบอ่าน Talk ก่อนที่จะอ่านตอนที่ 1 จบนะก๊ะ




เอาละ ไปต่อตอนที่ 2 กันเลย!



8 ความคิดเห็น:

  1. อยากบอกเจ๊ซายะว่า เจ๊กินอะไรผิดสำแดงไปหรือครับ = =" วันนี้เห็นมาแนวสยองขวัญแบบBiohazardเลย

    ตอบลบ
  2. ซอมเบ้ ซอมเบ้ ซอมเบ๊ เบ้ เบ้!!!! ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก กำลังจะก้าวเข้าไปสู่โลกสีเลือดที่มีแต่ซอมบี้ค่ะ

    ฮึก! ตื่นเต้นอ่ะ!!! เดี๋ยวนะๆๆ เม้นท์จากล่างขึ้นบนคงไม่เป็นไรใช่มั้ยคะพี่กวาง ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด โดยส่วนตัวถ้าดูหนังแล้วก็จะชอบแบบนี้แหล่ะ หลีกหนีสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ เอาให้ผ่าแผ่นดินซุกซ่อนจนล้มประดาตายกันไปข้างนึงนั่นแหล่ะชอบอ่ะ เหมือนกำลังดูหนังผีฝรั่งอย่างผีชีวะอยู่เลยค่ะ พี่กวางเขียนบรรยากาศได้หวีดหวิวเร้าอารมณ์ เปิดทางให้ซอมบี้โผล่ได้ดีมากอ่ะ อ่านแล้วคิดถึงภาพศพ ภาพเลือด แขนขาด ขาขาดแล้วมันได้อารมณ์สุดๆ (เห้ย)

    พูดถึงพระนาง เรื่องนี้ชอบหนูก๊กอีกแล้ว (ชอบทุกเรื่องแหละหล่อนน่ะ) ดูแบบน่าทะนุถนอมจริงๆเน้อ ให้ฟีลหนุ่มน้อยปริศนาเหมาะสมกับเป็นนางเอกในโลกซอมบี้อย่างนี้มากเลยค่ะ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พูดน้อย แต่ดูแล้วมีเสน่ห์ให้ก้าวเข้าไปหลงโฮกๆ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ใช่มั้ยล่ะยามะ ไม่ใช่แค่เอ็งหรอกที่ชอบมอง ยัยคนที่อยู่หน้าจอคอมตอนนี้ก็มองไปปาดน้ำลายไปแล้วค่า หนูก๊กในเรื่องนี้จะทำอะไรดูเซ็กซี่ไปหมดเลยอ่ะ คิดภาพตอนถือเข็มฉีดยาแล้วมันอยากกรี๊ดดดดดด โฮกกกกกกกกกกกกก ทำตาปรือๆหน่อยสิลูกรัก (ว้ากก ไอ้มิยะมันบ้าไปแล้ว อย่าไปสนใจมัน)

    ต่อๆ แหม่!! ยัยผู้จัดการตูดหมึก! ชั้นรู้นะว่าหล่อนหลุดเข้ามาในชมรมเบสบอลได้ยังไง ย้ากกกกก จะมาจับอิเนียนล่ะเซ่ ให้ตายเถอะ แล้วถามมาได้ว่าเขาสำคัญกับรุ่นพี่ยังไง ก็แน่นอน เป็นคนที่อิเนียนมันทั้งรักทั้งหลงน่ะสิยะ!!! (นี่มันก็บ้าไปแล้ว นางร้ายเข้าสิง แฮ่ พ่นไฟ!!) โดนตอกหน้ากลับไปนี่สะใจ วะฮ่าๆๆๆๆๆ แต่ว่าเพราะมียัยผู้จัดการนี่แหล่ะนะ เรื่องนี้ถึงได้มีสีสันมากขึ้น

    ก่อนจะอ่านตอนต่อไปอยากบอกว่า เค้ารักซอมบี้ โฮกกกกก

    ตอบลบ
  3. ที่จริงกะว่าจะตามเม้นท์ทุกเรื่องของพี่กวางนะคะ ....แต่ไม่ไหวจริงๆ เอาเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะฮะ ;_;


    เปิดเรื่องมานี่เหมือนกำลังดูหนังสักเรื่องที่บรรยากาศทึมๆ
    นึกถึงเรซิเด้นท์ อีวิล ประมาณนั้นเลย

    ยามะนี่ลางสังหรณ์เร็วมาก แต่มันก็น่าแปลกใจจริงๆ ล่ะเนอะ ถ้าเกิดวันหนึ่งไม่มีนกออกมาบิน รึสัตว์อื่นไม่ออกมาวิ่ง

    ยามะทำไมนายเอาแต่แอบมอง หา!!!
    ทำไมไม่เข้าไปคุยล่ะ เอาแต่แอบมองแอบรักเงียบๆ อยู่ได้ โว้ยยยยยย
    ยัยคิโยโกะ...นี่บอกตรงๆ ตอนแรกก็ไม่อะไรนะ คิดว่าเป็นตัวประกอบคนหนึ่ง แต่พอตอนที่ถามยามะว่าคนที่ยามะตามหาสำคัญยังไง แถมทำท่าแบบนั้น ฮึ่ยยยยยย น่าหมั่นไส้เป็นที่ยิ่งเลยค่ะ
    ทำไม ยามะมันจะตามหาใครก็เรื่องมันเซ่! หล่อนก็แค่คนที่เค้าช่วยเพราะมนุษยธรรม อย่ามาเยอะ!!!

    ต่อๆ ฉากครูโดนกัดแขนขาดนั่นต้องเขย่าขวัญมากอย่างแน่นอน นับถือยามะนะที่มันเห็นอย่างนั้นแล้วยังคุมสติไว้ได้ เก่งจริงอะไรจริง
    แล้วพอเกิดเหตุอย่างนั้นสิ่งแรกที่นึกถึงโกคุ อร้ายยยยยยย เยี่ยมกู๊ดมากค่ะ ลูกเขย
    หนีไปให้รอดกันนะ ทั้งสองคน (หมั่นไส้คิโยโกะอย่างยิ่ง ฉะนั้นหล่อนจะเป็นยังไงก็เรื่องของหล่อน)

    ตอบลบ
  4. หยองจริงๆ ค่า หมั่นไส้ยายคิโยโกะ เจอก๊กเข้าไป หงอเลยล่ะสิ 5555

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ9 ตุลาคม 2556 เวลา 23:39

    เพิ่งเคยอ่านเวอร์ชั่นนี้นะเนี่ย แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร สุโค้ย >w<

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ8 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:06

    สารภาพตรงๆว่ามาอ่านเรื่องนี้เพราะยังรอเวอชั่นรีเออยู่
    แล้วอยากรู้ว่าเรื่องราวของฝั่งยามะก๊กเป็นไงเลยจัดซะ

    ฟีลของฝากนี้ต่างกับอีกฝั่งอย่างเห็นได้ชัด
    ฝั่งนู้นรีไวล์เขาเป็นทหารขณะที่ฝั่งนี้ยามะเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆที่เป้นนักกีฬาเบสบอลแค่นั้นเอง
    ฉากบู๊เลยลุ้นกันไปคนละแบบ
    แทนที่จะเห็นถืออาวุธหนัก
    ก็ปราบซอมบี้ด้วยไม้เบสบอลนี่แหละ
    แต่ฉากซอมบี้กัดแขนครูขาดนั่นคงเป้นอะไรที่หลอนดีแท้
    สะพรึงสุดๆ
    แล้วสิ่งแรกที่ยามะนึกถึงคือก๊กด้วย
    บทพระเอกมากอ่ะนาย

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2558 เวลา 09:13

    เค้าเป็นคนที่ฉันรัก พอใจรึยัง
    เป็นไงสาวๆเต็มหูใช่มั้ยย55555
    แต่ฉากฉีดยานี่มันกิ้บก้าวมากค่ะ เซ็กซี่ ฮี่ๆ
    ไม่เคยได้คุยกับคุณพี่กวางของทุกคนสักทีค่ะ ไม่กล้า ได้แต่ตามอ่านตามเม้นเงียบๆอยู่ในเงา
    ตามรอสั่งด้วยค่ะชอบทุกเรื่องเลยจริงๆ
    ช่วงนี้พอเครียดมาได้ฟิคของคุณพี่นี่แลที่ปลอบโยนจิตใจ ขอบคุณมากนะคะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ4 สิงหาคม 2566 เวลา 08:54

    แนวซอมบี้ลุ้นระทึกมากกกก ชอบมากค่ะะะ โกคถเดระสายเงียบหรอแหวกแนวมากกก

    ตอบลบ