KHR AuS.Fic HBD.Yama [8059] --- Heart of DEMON : หัวใจราชันย์ ---

  
---  Heart of DEMON : หัวใจราชันย์ ---

: KHR Fanfiction Au
: 8059
: Period Romance Dark Fantasy Angst 
: NC-17 ++


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







เขาตื่นขึ้นมาอีกทีท่ามกลางเสียงนกร้องและท้องฟ้าสดใส มองไปรอบๆก็เห็นเพียงผนังอาคารเก่าๆที่ฝุ่นจับหนาราวกับว่าไม่ได้ผ่านการใช้งานมานาน พยายามลุกขึ้นมาจากเตียงไม้สกปรกแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อร่างกายมันยังอ่อนแรง


นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาชั่วข้ามคืนแล้วก็ให้แปลกใจที่เขายังมีชีวิตอยู่...ทั้งๆที่น่าจะตายๆไปซะ แล้วให้เพลิงสีแดงเผาร่างกายที่แสนสกปรกในสายตาของใครๆทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด...ความเจ็บแปลบพุ่งเข้าสู่อกด้านซ้าย ถึงจะถูกทำร้ายมาแค่ไหนแต่พอกำลังจะถูกฆ่าให้ตายด้วยน้ำมือของคนที่เคยยิ้มแย้มให้กันแบบนั้น...มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าอะไร


เขา....จะขอร้องไห้บ้างจะได้ไหมนะ....


แล้วทำไมในเวลาแบบนี้....


ภาพที่เขานึกถึง จึงกลายเป็นปีกสีดำคู่ใหญ่บนแผ่นหลังของชายผู้นั้นไปได้....


บอกว่าตัวเองเป็นคนช่วยเขา...ทั้งๆที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้....แต่ถึงอย่างนั้นทำไมสายตาของเขายังเฝ้ามองหาชายผู้นั้นอยู่อีก....เพราะเขาเป็นนักบุญอย่างนั้นหรือ ถึงได้ไม่โกรธถึงได้ไม่เกลียด....หรือมันเป็นเพราะอะไรกัน


สายตาหันไปมองท้องฟ้าสว่างจ้านอกหน้าต่าง...กลางวันแบบนี้คงไม่มีทางได้เจอหรอก...ราชันย์แห่งรัตติกาลผู้นั้นน่ะ....


“ คิดถึงข้าอยู่ละสิ...”       เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังอยู่ที่ข้างใบหูทำเอาร่างบอบบางสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้กลับค่อยๆหย่อนเท้าลงที่พื้นข้างเตียง กลุ่มลมสีดำที่ลอยอยู่รอบร่างสูงค่อยๆจางหายไปก่อนที่ใบหน้าคมหล่อเหลาจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้


“ ทะ...ทำไม....”         ร่างบอบบางพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะขยี้ตามองอีกฝ่ายให้ชัดๆสลับกับดวงอาทิตย์ที่ยังคงเปล่งแสงอันแรงกล้าอยู่บนท้องฟ้า


“ ไม่มีสิ่งใดกักขังข้าได้...ที่เจ้าไม่เคยเห็นข้าตอนกลางวันนั่นเพราะข้าก็แค่อยากให้พวกเจ้าเชื่อตามสิ่งที่พวกเจ้าคิดไปเองนั่นมากกว่า.....หรือเจ้าอยากจะลองกักขังข้าดูไหมล่ะ? ข้าจะบอกวิธีให้”        นัยน์ตาสีเปลือกไม้ปรายตามาที่ร่างกายของเขาด้วยแววลวนลาม


“ มะ...ไม่....”        นัยน์ตาสีมรกตเสมองไปทางอื่นพร้อมกระชับชุดนอนตัวบางที่สวมมาตั้งแต่เมื่อคืน ท่าทางขัดขืนแบบเอียงอายเช่นนั้นมันยิ่งทำให้ร่างสูงอยากจะไล่ต้อน


“ ที่นี่....?”        ลองถามออกไป...ในเมื่อชายผู้นี้เป็นคนพาเขามาก็น่าจะรู้อะไรบ้าง


“ โบสถ์ร้างที่ข้าเป็นคนทำลายเองเมื่อร้อยปีก่อน”         คำพูดที่ได้ยินทำให้หวนนึกไปถึงที่ที่เขาจากมา


“ แล้ว....โบสถ์ของฉัน....”          ยังไงชายผู้นี้ก็คือปีศาจที่อาจจะทำแบบเดียวกับสถานที่ที่อยู่ในตอนนี้ก็ได้ ในใจของเขารู้สึกกังวลกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน เพราะเมื่อคืนก่อนที่จะสลบไปในอ้อมแขน เขาได้ยินแต่เสียงกรีดร้อง เสียงวิ่งวุ่นโกลาหล


“ ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว....ด้วยมือของพวกมันเอง”         นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง สิ่งใดก็ไม่เป็นห่วงเท่า....


“ แล้วคุณพ่อล่ะ? คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง?”         มือบางขยุ้มไปที่เสื้อเชิ้ตสีดำบนแผงอกกว้าง ในใจเต้นระรัวรู้สึกกลัวกับคำตอบเหลือเกิน คุณพ่อเป็นผู้มีบุญคุณและยังเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในตอนนี้ที่เขา....เชื่อใจ


“ ไม่รู้สิ...ข้าไม่ได้สนใจมัน”        ใบหน้าสวยเงยมองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยดวงตานิ่งค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ทำไมชายผู้นี้ถึงได้ใจร้ายและคอยแต่จะกลั่นแกล้งเขาแบบนี้


“ ท่านนี่มัน!         สองมือที่กำเสื้อของอีกฝ่ายอยู่นั้นสั่นระริก


“ ปีศาจ....!          แต่แทนที่คำพูดนี้จะหลุดออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อ มันกลับออกมาจากปากของร่างสูงแทน ใบหน้าคมยิ้มสบายๆราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรที่ถูกเรียกแบบนั้น ร่างสูงทรุดนั่งลงที่ขอบเตียงก่อนจะรวบข้อมือบางที่ยังเกาะเสื้อของตนอยู่เอาไว้ด้วยกัน


“ อื้อ!      นัยน์ตาสีมรกตปิดแน่นเช่นเดียวกับริมฝีปากที่เผลอเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวเมื่อใบหน้าคมหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ ปลายลิ้นร้อนแล่บเลียที่ริมฝีปากสีระเรื่อ และกว่าที่จะรู้สึกตัว สัมผัสเย็นๆของอะไรบางย่างก็แตะลงมาที่ริมฝีปาก นิ้วยาวดันมันเข้ามาจนร่างบางต้องอ้าปากรับ


“ อ๊ะ!       และเมื่อกัดฟันลงไป น้ำหวานฉ่ำก็แพร่กระจายไปเต็มปาก นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมองสิ่งที่อยู่ในมือใหญ่    “ องุ่น....?”


" กินซะสิ"       แล้วพวงองุ่นก็มาวางอยู่บนต้นขาของร่างที่ยังนั่งงงอยู่บนเตียง มือบางค่อยๆแกะลูกองุ่นใส่ปากอย่างที่ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกนัก ตอนนี้แม้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร เขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลยสักนิด


" แล้วนี่ชุดของเจ้า....เราจะอาศัยอยู่ที่นี่กัน"


" อ๊ะ..."       นัยน์ตาสีมรกตได้แต่จับจ้องมองชุดที่พับเอาไว้เรียบร้อยอย่างแปลกใจ ในเมื่อมันคือชุดของนักบวชที่เขาใส่อยู่ปกติ เขามองไปที่ร่างสูงด้วยแววตาสงสัย แต่ก็มีเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา


" ข้าพาเจ้ากลับไปอยู่ในห้วงแห่งรัตติกาลไม่ได้ ที่นั่นมันอันตรายเกินไปสำหรับ 'เหยื่อ' อย่างเจ้า"       เพราะถึงเขาจะเป็นราชาของพวกปีศาจ แต่ขึ้นชื่อว่าปีศาจมันก็หาดีไม่ได้ทั้งนั้น มีเพียงความละโมบหิวกระหายและไม่มีใครจงรักภักดีกับใครจริงจัง หากวันใดที่เขาไม่มีอำนาจ พวกมันก็แว้งกัดเขาได้ทันทีเช่นกัน เพราะเช่นนั้นเขาไม่มีวันเอาเหยื่อที่เขาถูกใจไปล่อหูล่อตาพวกมันอย่างเด็ดขาด ในเมื่อร่างบอบบางนี่มีกลิ่นที่หอมหวานยิ่งกว่าใคร เชื่อได้เลยว่าต้องมีปิศาจอีกหลายตัวอยากได้....และจะว่าไปไอ้พวกที่มีพลังพอๆกับเขามันก็ยังมีอยู่....


นัยน์ตาสีเปลือกไม้เผลอมองริมฝีปากสีระเรื่อขยับไปมาในขณะที่ขบกัดผลองุ่นในปาก แก้มใสที่ป่องออกมานั้นดูน่าสัมผัส จากใบหน้าอมทุกข์ของคนที่ต้องแบกรับความหวัง บัดนี้มีเพียงใบหน้าที่ดูไร้กังวลของคนที่จะใช้ชีวิตธรรมดาๆเพียงแค่นั้น


นี่เขาคงจะเป็นปีศาจที่ผ่าเหล่าผ่ากอที่สุด เพราะนอกจะไม่ฆ่าให้ตาย ยังคิดที่จะเลี้ยงมนุษย์อ่อนแอแบบนี้ให้อยู่ข้างกายอีกต่างหาก










ร่างสูงใหญ่นั่งเท้าคางมองแผ่นหลังบางที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูอาคารร้างที่ไม่ได้ใช้มากว่าร้อยปี ทุกท่วงท่าที่แลดูงดงามอ่อนโยนนั้นสะกดสายตาของคนที่ใช้แต่กำลังแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างมาเช่นเขาได้อย่างน่าประหลาด  ท่อนแขนบางพยายามยกโต๊ะหินที่ล้มระเนระนาดซึ่งดูจะหนักไม่ใช่เล่นขึ้นมาตั้ง แต่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหน โต๊ะก็ไม่ยอมขยับ เขามองเห็นนัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองมาที่เขาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอร้อง


ได้แต่ลอบยิ้มกับความดื้อดึงของคนตรงหน้า มือใหญ่จึงยกขึ้นโบกน้อยๆ สายลมสีดำพัดพาไปให้โต๊ะหินขยับตั้งขึ้นอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมามอง แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยคำขอบคุณอีกเช่นเดิม


ร่างบอบบางที่กำลังก้มๆเงยๆนั้นกลับมาอยู่ในชุดนักบวชสีดำสนิทตามเดิม....จะว่ามันเป็นรสนิยมโรคจิตของปีศาจเช่นเขาก็ได้ ที่รู้สึกดี....เวลาที่ได้พรากความบริสุทธิ์จากร่างกายบอบบางที่อยู่ในชุดศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น....ยิ่งต้องห้าม...ก็ยิ่งปลุกเร้าให้ความต้องการยิ่งมีมากขึ้น


ใบหน้าสวยหันมามองด้วยสายตาหวาดๆเมื่อเห็นเขานั่งมองด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก


เขาหันหน้าออกไปมองภายนอกที่เริ่มจะมืดสลัว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปโอบเอวบางให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก


" หิวจัง...."         ใบหน้าคมก้มกระซิบที่ใบหูซึ่งเริ่มจะมีสีแดงระเรื่อ


" กะ...เก็บฉันเอาไว้กินหรอ....?"        เขาอยากจะขำกับความคิดของร่างในอ้อมแขนจริงๆ


" ใช่...."


" ..........."          ไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถอยหนี


" ปีศาจระดับล่างอาจจะหิวกระหายเลือดและเนื้อ....แต่สำหรับข้าแล้วไม่ใช่....สิ่งที่สร้างพลังให้กับปีศาจที่อยู่มานานจนเบื่อกลิ่นคาวโสมมพวกนั้นยังมีอยู่อีกมากมาย สิ่งที่เติมเต็มความหิวกระหายของข้าได้มีตั้งแต่ความหวาดกลัว ความอิจฉาริษยา ความมืดและชั่วช้าในจิตใจของมนุษย์...นอกนั้นก็ยังมี....ตัณหา..ราคะ"


" เอ๊ะ?....มะ....ไม่นะ....."        เหมือนร่างบอบบางในอ้อมแขนจะเริ่มรู้แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร จึงเริ่มออกแรงต่อต้าน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อชวนมอง


" หึ....ถ้าเจ้าไม่รั้งข้าเอาไว้....ข้าออกไปล่ามนุษย์ข้างนอกก็ได้....จะเอาซักกี่คนดี? ทั้งหมู่บ้านเลยเป็นไง? เอาไอ้พวกที่ทำร้ายเจ้ามาทรมานดีไหม? ยิ่งมันกลัวมากเท่าไหร่ข้าก็จะยิ่งอิ่มมากขึ้นเท่านั้นนะ"        ใบหน้าคมเอ่ยยิ้มยั่วเย้า ให้ใบหน้าสวยได้แต่ก้มหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไง....ความจริงแล้วเขาจะไม่ว่าเลยถ้าหากร่างบางจะแค้นเคืองมนุษย์พวกนั้นแล้วปล่อยให้เขาออกไปฆ่ามันเสียให้หมด


แต่กระนั้นมือบางก็ยังรั้งปลายเสื้อของเขาเอาไว้.....


แขนแข็งแรงยกร่างบอบบางขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย ด้วยไม่ทันตั้งตัวทำให้แขนเล็กคว้าโอบไปที่รอบคอแกร่งอย่างหาหลักยึด ใบหน้าจึงห่างจากอีกฝ่ายแค่คืบ ความร้อนผ่าวถูกสูบฉีดไปทั่วจนต้องหลบหน้าไปอีกฝั่ง


.....น่ารัก.....


ร่างบอบบางถูกวางลงอีกครั้งบนเตียงไม้เก่าแก่ที่บัดนี้มีแต่ขนนกสีขาวที่เจ้าแห่งราตรีกาลไปหามาแทนฟูกนอน


“ ทำให้ข้าพอใจสิ.....แล้วข้าจะอยู่กับเจ้า....นั่นหมายความว่าใครต่อใครก็จะไม่เดือดร้อน....”        มันคือข้อต่อรองของปีศาจ....นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าคมที่ยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ยามเมื่อกระซิบถ้อยคำนั้นออกมา...ภายในใจรู้สึกขมขื่นกับสภาพของตัวเองจนอยากจะร้องไห้...พอจะเข้าใจแล้วว่าจากนี้ไปก็คงต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะของเล่นของปีศาจอย่างนั้นสินะ....คงตั้งใจจะใช้ชีวิตของผู้คนมาบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ คงจะคิดว่านักบุญอย่างเขาไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องเลือกที่จะช่วยเหลือมนุษย์


“ ท่านมัน....ร้ายกาจที่สุด...”        เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะปิดลงอย่างยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่างสูงจะหยิบยื่นให้ ถึงอย่างไรเสียร่างกายนี้ก็ไม่อาจถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าได้อีกแล้ว แต่หากมันยังสามารถช่วยใครๆเอาไว้ได้...หากมันจะปกป้องคุณพ่อที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไรเอาไว้ได้....


อีกอย่าง...


การปกป้องคนบริสุทธิ์ที่ไม่ได้มีจิตใจบริสุทธิ์ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของที่บริสุทธิ์เพื่อปกป้อง....


สัมผัสเปียกๆของปลายลิ้นแตะลงที่ซอกคอระหง มือใหญ่ค่อยๆไล่แกะกระดุมของเสื้อคลุมสีดำออกอย่างไม่รีบร้อน ทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนผิวกายที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว ร่างที่นอนนิ่งกลับสะดุ้งน้อยๆ กระดุมถูกแกะออกไปแค่บางส่วนก่อนที่เสื้อเชิ้ตจะเป็นเป้าหมายต่อไป  ลาดไหล่บอบบางปรากฏให้เห็นเมื่อคอเสื้อถูกดึงลงมา เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยแต่ก็ยังไม่หลุดออกจากร่างกายยิ่งทำให้ร่างบอบบางดูเย้ายวนมากกว่าเดิม ใบหน้าสวยที่ทำหน้าราวกับโดนบังคับแบบนั้นมันก็ยิ่งเร้าความต้องการมากยิ่งขึ้น


มือใหญ่ดึงต้นแขนบางให้ร่างที่นอนอยู่ลุกขึ้น ก่อนจะยกให้มานั่งคร่อมที่หน้าตัก ริมฝีปากกดจูบลงไปที่ลาดไหล่และซอกคอ ส่วนมือก็ลูบไล้พรางกดแผ่นหลังบางไม่ให้ขืนตัวออกห่าง ความนุ่มนิ่มของผิวเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาแค่บางส่วนกำลังกระตุ้นความต้องการของปีศาจร้ายได้มากมายนัก อาภรณ์ท่อนล่างถูกดึงออกไป พร้อมกับมือใหญ่ที่ลูบไล้ต้นขาขาวให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก


จากที่ดูเหมือนจะเริ่มคล้อยตามกลับผลักไสอย่างเอาเป็นเอาตาย สงสัยว่าร่างกายคงจะยังจดจำกับการกระทำที่รุนแรงของเขาในครั้งแรกได้ดีเกินไป


ใบหน้าคมลอบยิ้มกับปฏิกิริยาของร่างในอ้อมแขน เหยื่อที่ยอมง่ายๆมันก็ไม่สนุก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่าแปลกใจที่เขาไม่อยากให้ร่างตรงหน้าต้องเจ็บอีก


“ นี่....จะบอกอะไรให้นะ....ว่าเจ้าคือคนแรกที่ข้าจะอ่อนโยนด้วย...”         กระซิบคำพูดธรรมดาๆลงไปที่ใบหู แต่เพราะมันคือคำพูดของราชันย์แห่งรัตติกาลเช่นเขาหรือไรจึงทำให้ร่างที่ต่อต้านสั่นสะท้านกลับสงบนิ่งลง นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างค่อยๆมองมาที่ใบหน้าของเขาราวกับรับรู้ว่านั่นคือคำปลอบโยน แววตาที่ตื่นตระหนกนั้นค่อยๆอ่อนลง ริมฝีปากแดงระเรื่ออยู่นิ่งรอรับจุมพิตแผ่วเบาจากเขา


ปลายลิ้นร้อนไล่เลียผิวขาวเนียนละเอียดราวกับจะกลืนกินให้หมดทุกส่วนของร่างกาย ใบหน้าสวยสะบัดขึ้นเมื่อความเปียกแฉะแตะลงที่ยอดอก แรงดูดดึงนั้นมีพลังราวกับจะดึงสติที่มีออกไป เสียงครางใสจึงหลุดลอดให้ได้อาย ร่างบอบบางจึงเลือกที่จะฝังใบหน้าเอาไว้กับกลุ่มผมสั้นสีดำสนิทเพื่อปกปิดเสียงที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ยิน


“ อื้อ!      แต่มันคงจะทำได้ยากยิ่งเมื่อจุดเร้าความรู้สึกที่เบื้องล่างกำลังถูกมือใหญ่จู่โจมขนาดหนัก ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายเล็กๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องราวของคาวโลกีย์ ไม่เคยรู้จักความสุขสมที่แสนทรมานแบบนี้ สติที่มีจึงถูกล่อลวงไปอย่างง่ายดาย


“ อ้า....”       เสียงครางปนหอบหายใจทำให้ใบหน้าคมลอบยิ้ม นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองร่างที่เริ่มจะขยับไปตามการบังคับของเขา...ร่างที่ยังอยู่ในชุดของนักบวชหลุดลุ่ย....ความบริสุทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าสรรค์สร้าง....แต่เขาไม่ยอมให้มันเก็บเอาไว้คนเดียวหรอก ในเมื่อตอนนี้ปีศาจดำมืดอย่างเขา กำลังจะกระชากความผุดผ่องนั้นให้มาเป็นของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า....หึ


“ อึ๊ก!...”       คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่สอดใส่เข้ามาที่ช่องทางเบื้องหลัง แต่ไม่นานความหอมหวานที่ร่างสูงปรนเปรอให้ก็ทำให้ลืมมันไปเสียสิ้น ทั้งเรียวลิ้นที่ยังคงขบกัดอยู่ที่ยอดอก ทั้งมือใหญ่ที่ยังขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง ทำให้นักบวชตัวน้อยถูกครอบงำโดยปีศาจร้ายโดยสมบูรณ์


“ อะ...อื้อ!!..”       ร่างที่เผลอไผลไปกับความสุขสมสะดุ้งทันทีที่ความแข็งขืนของอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าของเมื่อกี้มากนักถูกสอดใส่เข้ามาแทน ช่องทางคับแน่นเผลอบีบรัดไปโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ทำให้ความพยายามควบคุมตัวของร่างสูงหมดไป ความอ่อนนุ่มที่ร้อนลุ่มบวกกับร่างกายที่เย้ายวนและกลิ่นที่บริสุทธิ์หอมหวาน ทำให้ร่างสูงใหญ่ทนไม่ไหวอีกต่อไป


“ อ๊ะ อ๊า...เจ็บ!       ร่างบอบบางถูกยกขึ้นแล้วกดกระแทกลงมาให้แกนกายสอดใส่เข้าไปได้ภายในทีเดียว มือบางกดเล็บจิกลงไปที่แผ่นหลังราวกับจะระบายซึ่งความเจ็บปวดที่เบื้องล่าง มือใหญ่ยังคงจับสะโพกมนขยับขึ้นลงตามแต่ใจของตน


“ อื้อ! อ้า....อะ....อ้า....”         แต่นอกจากความเจ็บแน่นแล้ว ความรู้สึกดีที่แทรกผ่านมาด้วยก็ทำให้ร่างกายบางไร้ซึ่งแรงต่อต้าน แรงขยับเริ่มจะสอดรับซึ่งกันและกัน ความรุนแรงซึ่งห้ามไม่อยู่เพราะต่างเติมซึ่งความต้องการที่มากขึ้นเรื่อยๆของทั้งสองฝ่าย เสียงหอบหายใจหนักหน่วงสอดประสานไปกับแรงขยับที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ


ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับไปไล้เลียริมฝีปากของร่างสูงอย่างไร้สติ รอยยิ้มถูกใจเผยขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นรุกเข้าไปในโพรงปากเล็ก จูบที่เร้าร้อนกำลังกลืนกินร่างบอบบางไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเบื้องล่างที่รุกไล่อย่างหนักหน่วง จนในที่สุดมือใหญ่กดสะโพกมนลงไปให้ร่างในกำมือนั้นกระตุกเฮือกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ความอุ่นวาบจะรินรดเปื้อนกายของทั้งสองฝ่าย ราวกับสีขาวและสีดำที่กำลังไหลมาผสมผสานซึ่งกันและกัน


เมื่อริมฝีปากถูกละออกมา นัยน์ตาสีมรกตหรี่ปรือก็ปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างอันบริสุทธิ์ที่เอนพิงซบมาที่แผ่นอกกว้าง ทั้งกล้ามเนื้อทั้งความร้อนของผิวกายที่สัมผัสได้ทำให้น้ำตาไหลออกมา...ความผิดบาปในใจกำลังตีกันจนยุ่งเหยิง...ทั้งๆที่เป็นผู้อุทิศตนให้กับพระผู้เป็นเจ้า แต่กลับคล้อยตามไปกับการล่อลวงของปีศาจได้อย่างง่ายดาย ทำเรื่องไม่สมควรไปได้อย่างง่ายดาย และที่ยิ่งทำให้หัวใจเจ็บแปลบคือความรู้สึกดีที่มันไม่สมควรจะเกิดขึ้นนั่น


“ ฮึก...”        ถ้าจะมีสิ่งที่เขาจะรังเกียจสักชิ้นในโลก ก็คงจะเป็นร่างกายและหัวใจที่ไม่เข้มแข็งของเขาเอง....ร่างกายและหัวใจที่เผลอไผลไปกับความแปดเปื้อน


คางมนถูกเชยขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อน้ำตากำลังจะไหลลงมาอีก ริมฝีปากอบอุ่นจุมพิตลงมาให้นัยน์ตาเบิกกว้าง มันทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวลจนความสับสนในใจดูเหมือนจะหายไป ถึงแม้จะไม่มีคำพูดใดๆแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองลงมามันกลับทำให้จิตใจสงบเสียยิ่งกว่าคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า


ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น...ทั้งๆที่ท่านคือปีศาจร้ายที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขา











ถึงแม้ว่าทุกค่ำคืนจะผ่านไปในฐานะอาหารของซาตาน....แต่ตอนกลางวันกลับต่างออกไป....


นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองร่างบอบบางที่ยังคงคุกเข่าสวดมนต์ต่อหน้ารูปปั้นพระผู้เป็นเจ้าผุกร่อนอย่างไม่เกรงใจสายตาซาตานอย่างเขาเลยสักนิด เห็นแล้วก็ให้รู้สึกตะหงิดๆชอบกล...นอกจากนั้นยังรู้สึกว่าเจ้ามนุษย์รูปร่างบอบบางอ่อนแอนี่ยังกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขามากขึ้น นัยน์ตาสีมรกตที่เคยหวาดเกรงสั่นระริกนั่นก็หายไปกลายเป็นแววตาแข็งขืน


“ นี่...ข้าว่าเจ้าเอาเวลาที่บ่นพึมพำนั่นไปล่าสัตว์หาอาหารดีกว่านะ จะหวังให้ข้าไปเก็บผลไม้มาเลี้ยงเจ้าทุกวันเหมือนสัตว์เลี้ยงนั่น ข้าไม่เอาด้วยหรอกนะ”       ร่างสูงพูดออกมาแบบไม่ใส่ใจในขณะที่นอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ใช้ในโบสถ์


“............”         ใบหน้าสวยหันมาส่งสายตาดุ ก่อนจะหันกลับไปสวดมนต์ต่อ


“ ฉันจะไม่ออกไปล่าสัตว์ เพราะว่าฉันไม่ได้กินเนื้อ!       หลังจากสวดเสร็จก่อนจะเดินออกไปจากโบสถ์ที่เหลือผนังเพียงสองด้านกับหลังคาอีกนิดหน่อย ร่างบางก็ยังอุตส่าห์เดินมาแขวะเขาถึงที่  แต่นั่นมันก็ทำให้ราชาแห่งปีศาจยิ้มอย่างอารมณ์ดีแบบที่ไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้กับใครหรือสิ่งใด ไม่เคยยิ้มแบบนี้ได้ในห้วงแห่งราตรีกาล


ร่างบอบบางทำแปลงผักเอาไว้ที่หลังเรือนพัก และตอนนี้ใบหน้าอ่อนโยนก็กำลังยิ้มน้อยๆยามเมื่อรดน้ำต้นผักที่เริ่มจะส่งใบสีเขียวแทรกพื้นดินขึ้นมา และในระหว่างที่รอให้ผักหญ้านั้นโตขึ้น นักบุญตัวน้อยก็ออกไปหาผลไม้กินเองไปก่อน


“ มนุษย์อย่างเจ้านี่....โตขึ้นมาด้วยอะไรกันนะ?...เส้นใยกับใบเขียวๆพวกนั้นน่ะหรอ?”


“ ถ้าอยากรู้ก็ลองกินดูสิ”


“ ไม่เอาละ...ข้ากินเจ้าอร่อยกว่าเยอะ”        และนั่นก็ทำให้ใบหน้าสวยหันมาส่งสายตาดุๆทั้งแก้มแดงระเรื่อ มือบางวางบัวรดน้ำลงก่อนจะออกเดินไปยังป่าด้านหลังโดยมีร่างสูงเดินตามไปติดๆ


ขึ้นชื่อว่าป่า แน่นอนว่าคงไม่มีผลไม้ต้นเตี้ยๆที่จะให้เก็บกินได้ง่ายนัก....ร่างบางยืนมองผลองุ่นป่าที่พันต้นไม้แห้งอยู่สูงลิบด้วยดวงตาปริบๆ ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นยังคงไม่เคยขอร้องออกมาเหมือนเดิม มีเพียงนัยน์ตาสีมรกตที่เหลือบมองมาที่เขาเท่านั้น


ก็นะ....จะปล่อยให้หิวตายไป ไอ้ที่อุตส่าห์ล่อลวงมาตั้งนานก็สูญเปล่าหมดสิ...


หรือจะว่าเขาแพ้ท่าทางไร้เดียงสาแบบบริสุทธิ์ผุดผ่องของเด็กนั่นดี?


มือใหญ่โบกน้อยๆก่อนที่ลมสีดำจะโอบอุ้มพวงองุ่นให้ค่อยๆหลุดร่วงลงมาอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ในมือบางที่ยกขึ้นไปรอรับ ใบหน้าสวยยิ้มน้อยๆก่อนจะหันกลับมาพูดให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างอย่างแปลกใจ


“ ขอบคุณ...”



ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ที่อกด้านซ้ายนี่มันคืออะไร?

หรือว่าปีศาจอย่างเขาก็มี......หัวใจ










จู่ๆฝนก็เทลงมาโดยไม่มีเค้าลาง ร่างบอบบางวิ่งฝ่าสายฝนไปตามเนินดินที่อ่อนตัวและเริ่มจะลื่นเฉอะแฉะ นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันไปมองเป็นระยะๆเพราะดูท่าแล้ว เจ้านักบุญนี่จะไม่ค่อยสันทัดเรื่องการออกกำลังสักเท่าไหร่


ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนักจนแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่ด้วยสายตาของซาตานย่อมมองเห็นไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพไหน....แต่ก็ใช่ว่าคนที่วิ่งตามหลังจะเป็นเหมือนกัน....ร่างบางที่ตัวเปียกโชกล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง จนสภาพตอนนี้ไม่ต่างไปจากลูกหมาตกน้ำตัวมอมแมม


“ อ๊ะ!    เสียงอุทานดังขึ้นเรียกให้ใบหน้าคมหันกลับไปพบกับความว่างเปล่า สายตาที่ดีเกินมนุษย์พยายามมองหาด้วยความรู้สึกวูบโหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


เสียงของหล่นปนไปกับเสียงเฉอะแฉะทำให้ร่างสูงหยุดชะงักก่อนที่ปีกสีดำจะโผล่ออกมาจากกลางหลังด้วยสัญชาตญาณ เมื่อร่างบอบบางที่กำลังกลิ้งลงไปตามเนินดินลื่นๆปรากฏแก่สายตา อะไรบางอย่างแล่นแปล๊บเข้ามาในความรู้สึก....ทั้งๆที่ไม่ใช่ร่างกายของเขาที่เจ็บ....แต่ทำไมแค่เห็นภาพนั้นถึงได้รู้สึกเจ็บเสียยิ่งกว่า


ทำไมกัน ?


ปีกคู่ใหญ่โผบินขึ้นไปก่อนจะคว้าลำตัวบอบบางเอาไว้ได้ แขนแข็งแรงเผลอกระชับกอดร่างในอ้อมแขนแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว  “เจ้า....ไม่เป็นไรใช่ไหม?!    เอ่ยถามออกไปด้วยเสียงไม่มั่นคงนัก ไม่เหมือนกับซาตานจอมร้ายกาจที่ใครๆต่างก็กลัวเกรงเลยสักนิด


“ อื้อ”        เสียงตอบกลับมาพร้อมใบหน้ามอมแมมของร่างในอ้อมแขนมองมาอย่างขอบคุณ ดูเหมือนจะแค่ลื่นแล้วกลิ้งลงไปตามเนินดินเรียบๆเท่านั้น....ความรู้สึกโล่งใจที่เห็นมนุษย์ที่ตนเคยคิดว่าเป็นของเล่นนั้นปลอดภัยนี่มันคือ อะไรกัน...











เทียนถูกจุดวางไว้บนโต๊ะภายในห้องที่มืดสลัว ถึงแม้ว่าบนร่างกายบางจะไม่มีแผลแต่กลับได้พิษไข้มาแทน เสียงครางครือน้อยๆของคนที่นอนอยู่บนเตียงบ่งบอกว่ากำลังทรมาน ทำให้ซาตานนั้นเริ่มนั่งไม่ติด


เขาเคยแต่ฉีกกระชากร่างกายของมนุษย์ แต่ตอนนี้กลับต้องมาคอยดูแลร่างกายที่อ่อนแอแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้เลยว่าจะต้องทำยังไง


มือแตะลงไปที่ผิวที่เคยขาวสะอาดซึ่งบัดนี้มันกลับแดงระเรื่อและร้อนระอุ ในสมองพยายามค้นหาความทรงจำในห้วงชีวิตที่ผ่านมากว่าพันปี ว่ามีครั้งใดบ้างที่เขาเคยเห็นมนุษย์ทำอย่างไรกับอาการเจ็บป่วยเช่นนี้


ร่างสูงใหญ่เดินหายไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนที่ถ้วยดินเผาจะถูกถือติดมือมาพร้อมกับน้ำเต็มเปี่ยม ผ้าขนหนูถูกจุ่มลงไปแล้วนำขึ้นมาบิดหมาดๆ จากนั้นจึงนำมันไปลูบไล้ที่ผิวเนียนใส


ทำซ้ำไปซ้ำมา จนดูเหมือนว่าอาการทรมานของร่างตรงหน้าจะหายไปจนกลายเป็นหลับสนิทในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของคนที่เฝ้าดูแลก็ยังคงเป็นห่วง


นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก้มลงมองที่สองมือของตัวเอง...เพิ่งจะรู้....ว่าปีศาจอย่างเขาแตกต่างกับมนุษย์อย่างร่างบางมากขนาดนี้....





จากที่แค่คิดว่าเป็นของเล่นกลับเฝ้ามอง...

จากที่แค่มองกลับอยู่ใกล้...

จากที่แค่อยู่ใกล้มันกลับไม่เพียงพอ

จากนี้ไปเขารู้แล้วว่ามันคือ....สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า....ความรัก






แต่หากมันแตกต่างกันมากขนาดนี้....


มากขนาดที่แค่รักอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ....


หรือว่าเขาควรจะปล่อยมือไป...ปล่อยให้ร่างบางได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ด้วยกัน....มนุษย์ที่จะสามารถดูแลและปกป้องได้ในฐานะมนุษย์เหมือนกัน...





ไม่.....

ไม่มีทาง.....





นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองมือบางที่วางอยู่ข้างลำตัว ความอบอุ่นที่แผ่เข้ามานั้นทำให้ตัดสินใจแน่วแน่

ต่อให้ต้องปกป้องด้วยมือของปีศาจ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยร่างบางไป.....



ในเมื่อเจ้าเองก็ยังจับมือของข้าเอาไว้อยู่เช่นกัน












ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นก็จะพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย...


ใบหน้าคมนั้นยังคงเรียบเฉย แต่อะไรในแววตาของปีศาจกลับทำให้คนป่วยอย่างเขารู้สึกอุ่นใจ ตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงคุณพ่อคนเดียวที่คอยดูแลยามที่เขาป่วยไข้ แต่ถึงอย่างนั้นยามที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของคุณพ่อทุกครั้งแบบนี้  มือที่เปียกชื้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกจับเอาไว้ตลอดเวลาแบบนี้




คำพูดที่ว่าซาตานนั้นร้ายกาจที่สุดในหมู่ปีศาจ...ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจได้อย่างดี....

เพราะปีศาจทั่วไปอาจจะหลอกล่อขอกินร่างกาย แต่ซาตานนั้นล่อลวงเอาไปได้แม้แต่.....หัวใจ




กลิ่นซุปหอมฉุยลอยมาแตะจมูกเมื่อร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อมองเห็นอาหารที่ผ่านการปรุงซึ่งไม่คิดว่าซาตานนั้นจะทำได้


“ ข้าไปขอมนุษย์ที่อยู่ในหมู่บ้านมา เจ้าไม่ต้องทำหน้าหวาดระแวงขนาดนั้นหรอกน่า มันกินได้แน่นอน”        จะไม่ให้หวาดระแวงได้ไง? แถมอย่างท่านเนี่ยหรอจะไปขอเค้ามา? ให้ตายยังไงก็เชื่อไม่ลงเด็ดขาด นี่คงจะไปขู่บังคับจากครอบครัวที่น่าสงสารที่ไหนสักแห่งละสิ  มือบางรับถ้วยมาอย่างนึกปลง  มีแต่ต้องรีบหายเท่านั้นถึงจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครไปมากกว่านี้


ช้อนเซรามิกที่มีซุปอยู่เต็มถูกยกขึ้นมาเป่าแล้วเอาเข้าปากไป ท่ามกลางสายตาที่มองมาด้วยแววลุ้นระทึกของร่างสูง และเมื่อเห็นมือบางตักกินต่อไปนัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ดูจะโล่งอก


“ กินไหม?”        ร่างบางหันมาถามอย่างนึกอายเมื่อถูกจ้องเอาๆ ในใจกำลังคิดว่าเขาป่วยอยู่แบบนี้แล้วซาตานนี่จะไม่หิวแย่แล้วหรอ....แต่จะให้ถามออกไปตรงๆก็น่าอายเกินกว่าจะรับได้เมื่อนึกถึงวิธีให้อาหารที่ร่างสูงต้องการ


“ ไม่ละ....เอาไว้เจ้าหายป่วยแล้วข้าค่อยกินทีเดียว”        ใบหน้าสวยแดงแปร้ดขึ้นมาทันที นึกในใจว่าไม่น่าขุดหลุมฝังตัวเองแบบนั้นเลย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายยิ่งอยากจะหายตัวไปในชามซุปให้รู้แล้วรู้รอด


“ ข้าไม่จำเป็นต้องกินทุกวันเหมือนมนุษย์อย่างเจ้าหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”        อ้าว?  งั้นที่ทำทุกวันนั่นมันอะไรกันล่ะ? ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาด้วยแววตาสงสัยกลายๆหาเรื่อง แต่ร่างสูงก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้   มือใหญ่สะบัดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนก่อนจะคลุมทับที่ไหล่ของคนป่วยอีกชั้นหนึ่ง


อากาศยามเช้าของวันนี้กำลังเย็นสบาย แต่สำหรับคนป่วยแล้วอาจจะเย็นเกินไป   ในขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามาให้กระดูกสันหลังเสียววาบ  ร่างสูงใหญ่ชะงักค้างไปก่อนจะหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่างช้าๆ...


กลิ่นไอไม่เป็นมิตรแบบนี้....


จากใบหน้าอารมณ์ดีกลับเครียดขมึงขึ้นมาทันที สิ่งที่ทำให้ราชันย์แห่งรัตติกาลกังวลได้คงมีอยู่ไม่กี่ปัจจัย


“ เจ้ารออยู่ในนี้นะ...อย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาด”


เสียงทุ้มสั่งอย่างเย็นเฉียบให้ร่างบางรับรู้ได้ทันทีว่ากำลังมีสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักเกิดขึ้น เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยมีสักครั้งเลยที่คนตรงหน้าจะดูมืดมนได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะโดนรุมล้อมมากแค่ไหนแต่ใบหน้าคมก็ไม่เคยมีแววของความกังวลเช่นครั้งนี้....ใครกำลังจะมา....และอะไรกำลังจะเกิดขึ้น?


ร่างสูงใหญ่เดินออกไปต้อนรับอากาศที่ว่างเปล่าภายนอกโบสถ์อย่างเชื่องช้า ไม่แปลกหรอกที่จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน....เขาก็บอกแล้วว่าปิศาจนั้นหาดีไม่ได้ นี่คงไม่เห็นเขาอยู่ในห้วงแห่งรัตติกาลเลยคิดจะออกมาเล่นงานเพราะคิดว่าเขาคงบาดเจ็บหรือกำลังอ่อนแออย่างนั้นสินะ แล้วปีศาจที่คิดจะต่อกรกับเขาได้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ตนเท่านั้น


ถ้าให้เดาจากกลิ่นไอน่าขนลุกแบบนี้...


ฉัวะ!!!


หมอกบางๆรวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นคมมีดพุ่งเข้าเสียบร่างสูงใหญ่ในทุกทิศทุกทาง ลมสีดำเข้าปัดป้องได้อย่างทันท่วงทีก็จริงแต่เลือดหยดใหญ่ก็ไหลรินลงไปจากแขนแข็งแรงของซาตาน ใบหน้าคมเหลือบมองอากาศที่ว่างเปล่าพร้อมกัดฟันกรอด


เล่นทีเผลอแบบนี้คงมีอยู่คนเดียว


“ ออกมา!!! ไม่งั้นข้าจะเป่าหมอกของเจ้าให้กระจุย!!


“ คึหึหึ....ราชาของพวกเรา....อ่อนแอลงไปหรือเปล่านะ....หมอกบางๆแค่นี้ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะหลบไม่พ้น”        เสียงหัวเราะเย็นๆลอยออกมาก่อนที่ร่างกายจะปรากฏให้เห็น จากพื้นที่ว่างเปล่าค่อยๆมีสายหมอกมาจับตัวกันหนาแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นรูปร่างดั่งเช่นมนุษย์สูงโปร่ง ใบหน้าเรียวมีรอยยิ้มละไมดูเป็นมิตร แต่นัยน์ตาสองสีนั้นก็หาความเชื่อใจได้ไม่


“ ข้าไม่จำเป็นต้องหลบหมอกของเจ้า แล้วมีอะไรถึงได้โผล่หัวออกมา?!        จะว่าเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นศัตรูก็ไม่เชิง สำหรับเจ้าปีศาจที่มีผมทรงประหลาดผู้นี้ ปกติเจ้านี่จะก่อกวนเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยสร้างความเสียหายร้ายแรงอะไร ไม่เคยอยู่ใต้คำสั่งแต่ก็ไม่เคยฝ่าฝืนกฎที่เขาตั้งเอาไว้


“ มันวุ่นวาย ข้าเลยมาตามเจ้ากลับไป...หรือไม่ก็......”        สองมือแบออกราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้


“ ฆ่าเจ้าทิ้งซะ แล้วบัญชาทุกอย่างด้วยมือของข้าเอง”       คำพูดนั้นดูจริงจังมากกว่าจะล้อเล่น รอยยิ้มละไมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้าย


“ หึ....ถ้าอย่างนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้ แต่คงจะไม่มีทาง”         ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ในห้วงแห่งราตรีกาลแต่ก็ใช่ว่าเขาจะอ่อนแอลง  ใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายดูเหมือนจะถูกใจที่เขายังเป็นเหมือนเดิม แต่ยังไงเสียก่อนที่เขาจะหายออกมาแบบนี้ ปีศาจไม่น้อยคงจะรู้อยู่บ้างแล้วว่า....อะไร....ที่ผูกมัดเขาเอาไว้ที่นี่


“ โอย่ะ.....นั่นสินะที่ทำให้เจ้าละทิ้งรัตติกาลมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแบบนี้”       นัยน์ตาสองสีแลมองร่างกายบอบบางที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่ข้างหลังประตูโบสถ์


“ คึหึหึ...ราชันย์แห่งรัตติกาลกลับมาหลงรักมนุษย์อ่อนแอเช่นนี้....ช่างโง่เขลาเสียจริงๆ”


“ หึ....ข้าว่าผู้ที่โง่เขลาคือปีศาจอย่างเจ้าที่ใช้ชีวิตมาเป็นพันๆปีแต่ไม่เคยคิดที่จะแสวงหาความสุขที่แท้จริงมากกว่า”


“ ความสุขที่แท้จริง ?”


“ คึ...ฮ่าฮ่าฮ่า....ความไม่จีรังยั่งยืนแบบนั้นเป็นความสุขที่แท้จริงตรงไหนกัน?....เอาเถอะ...ไว้ให้ข้าเป็นราชันย์คนใหม่แล้วข้าจะบอกเจ้าเองว่าความสุขที่แท้จริงมันคืออะไร”


“ หึ...ข้าจะบอกเจ้าให้นะ....ว่าเมื่อก่อนข้าก็เคยพูดแบบนี้...เพราะเช่นนั้นเจ้าเองก็จงระวังตัวไว้...อย่าให้มาหลงรักมนุษย์เช่นเดียวกับข้า...ที่เจ้าคิดว่าโง่งม”


สิ้นสุดคำพูดทั้งรอยยิ้มเย็นๆที่ร่างสูงของซาตานมอบให้ ปีศาจร้ายนัยน์ตาสองสีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที....ไม่มีทาง....เขาจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้น......อากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นหมอกควันก่อนจะกลับกลายเป็นผีเสื้อสีม่วงนับพันนับหมื่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีร่างสูงใหญ่ที่เริ่มแสยะยิ้มอย่างกระหายในการต่อสู้เฉกเช่นสันดานดิบของปีศาจพึงมี เลือดสีดำที่หยดลงสู่พื้นเมื่อครู่ค่อยๆระเหยกลายเป็นกลุ่มลมสีดำและกำลังพวยพุ่งออกมารับกองทัพผีเสื้อ ก่อนที่ความคมกริบของมันจะตัดผ่านผีเสื้อเหล่านั้นไปอย่างไม่ยากเย็น....แต่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ ในเมื่อมีพลังและฝีมือใกล้เคียงกัน....


ผีเสื้อที่กระจัดกระจายขาดวิ่นกลับมารวมตัวกันใหม่และพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนภายใต้การบงการของฝ่ามือเรียวที่ยกเหยียดขึ้นมาตรงหน้า แต่ร่างสูงใหญ่ก็ยังคงสมกับที่เป็นราชันย์แห่งรัตติกาล เมื่อยังคงไม่สะทกสะท้านกับการโจมตีแม้แต่น้อย


“ นี่.....เจ้าทำไมไม่กลับไปเป็นราชาของพวกเราเหมือนเดิมแต่โดยดีล่ะ?”      ใบหน้ามนถามออกมาทั้งรอยยิ้มละไมที่เชื่อไม่ได้


“ เจ้าอาจจะลืมไป....แต่ข้ายังไม่เคยทิ้งนามราชันย์ของพวกเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว”        สายลมสีดำยังคงปะทะกับผีเสื้อหมอกสีม่วงอย่างไม่ลดละ ต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบต่างขาดวิ่นกระจุยกระจายปลิวหายไปกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนไปเป็นสีดำทะมึน ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดผ่าลงมาอย่างผิดธรรมชาติให้สมกับที่เป็นการต่อสู้ของผู้ที่มีพลังสูงสุดแห่งโลกปีศาจ


“ ถ้าเช่นนั้น ก็จงกลับไปโดยทิ้งมนุษย์นั่นเอาไว้ที่นี่....แต่หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะจัดการให้เอง!        แล้วจู่ๆหมู่ผีเสื้อก็เปลี่ยนทิศทางการโจมตี ในเมื่อตอนนี้มันกลับพุ่งไปหาร่างบอบบางด้วยความเร็วที่แม้แต่สายลมสีดำก็เอาไม่อยู่ หัวใจดูเหมือนจะวูบหายไป นัยน์ตาทั้งสองคู่เบิกกว้างพร้อมกับเสียงตะโกนก้องของซาตาน


“ หยุด!!!      ร่างสูงใหญ่กางปีกสีดำออกมาก่อนจะพุ่งถลาเข้าไปขวางเอาไว้ ผีเสื้อนับหมื่นพุ่งเข้ากรีดแผ่นหลังกว้างที่โอบกอดปกป้องคนรัก เลือดสีดำพุ่งทะลักกระจายตัวออกมาจากรอยแผล ก่อนที่ร่างกายจะทรุดลงไปกับพื้นดิน


“ มะ....ไม่นะ......”       เสียงสั่นเครือดังมาจากเจ้าของอ้อมแขนเล็กที่ประคองร่างสูงใหญ่เอาไว้ สภาพของคนตรงหน้าทำเอาหัวใจดวงเล็กสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว


“ นะ....นี่...พูดกับฉันสิ......”        เสียงที่พูดกับคนในอ้อมแขนไร้ซึ่งความมั่นคง มือบางที่จับไหล่กว้างกำลังสั่นระริก


" แค่ก!"       เลือดสีดำกระอักไอออกมาจากริมฝีปากลงไปกองรวมกับเลือดที่ไหลจากแผ่นหลังมายังพื้นดินให้ตรงนั้นราวกับเป็นทะเลเลือด ถึงจะเจ็บปางตายแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้คมกล้ายังคงแข็งกร้าว ร่างสูงใหญ่ซวนเซจะล้มลง ที่ยังคุกเข่าทรงตัวอยู่ได้ก็เพราะสองมือบางที่คอยประคองเอาไว้


" อั่ก  แค่กๆ"      ใบหน้าคมยังคงไอออกมาเป็นเลือด ก่อนที่จะซบหน้าลงไปที่ไหล่บาง เสียงหอบหายใจดังหนักหน่วงจนใบหน้าสวยหวาดวิตกหนักกว่าเดิม เสียงเดินสวบสาบดังเข้ามาใกล้ให้อ้อมแขนเล็กยิ่งกระชับแน่นขึ้นไปอีก นัยน์ตาสีมรกตมองตรงไปยังบุคคลที่ไม่รู้จักด้วยประกายตากร้าว


" คึหึหึ...คิดว่าอย่างเจ้าจะปกป้องเขาได้อย่างนั้นหรือ..."        นัยน์ตาสองสีมองเหยียดมาที่มนุษย์ร่างบาง...เพราะดวงตาแบบนี้สินะ ราชันย์ของพวกเขาถึงได้หลงใหล อีกทั้งยังกลิ่นที่หอมหวานกว่าใครนี่ก็อีก เห็นสภาพของคนที่เคยยิ่งใหญ่กลายเป็นแบบนั้นก็ยิ่งให้สงสัยว่าร่างบอบบางที่ดูอ่อนแอนี่มีอะไรดีกัน มือเรียวจึงหมายจะเอื้อมออกไปสัมผัสผิวขาวใสที่ยังคงกอดร่างสูงใหญ่คนนั้นเอาไว้แน่น


" อย่า....."       มือที่เอื้อมออกไปชะงักค้างด้วยสัญญาณอันตรายจากคำพูดแผ่วเบาที่ได้ยิน...มันไม่ใช่คำที่ออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ แต่มันมาจากใบหน้าคมที่ก้มลงหอบหายใจอยู่กับไหล่บางต่างหาก


" อย่าบังอาจมาแตะต้องของของข้า!!!"          และชั่วพริบตาที่ร่างสูงหันกลับมาพร้อมเสียงตะโกนก้อง แขนข้างที่เอื้อมออกไปก็สลายกลายเป็นผุยผงไปในทันทีด้วยสายลมอำมหิตสีดำสนิท


" อึ่ก...."        คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาสองสีเคร่งเครียดเมื่อความรู้สึกเจ็บแล่นลิ่วมาจากหัวไหล่ แขนข้างที่หายไปดูเหมือนจะโดนเป่าจนไม่อาจเรียกคืนได้ภายในเวลาอันสั้น


" ไสหัวไป...ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย...ว่าอย่ามายุ่งกับของของข้า"        ใบหน้าคมนิ่งสนิทเต็มไปด้วยแววมืดมน ทำให้ใบหน้าเรียวของปีศาจตาสองสีได้แต่กัดฟันกรอด...ขนาดโดนไปขนาดนั้น ชายผู้นี้ก็ยังมีพลังเหลือถึงขั้นทำให้แขนของเขาหายไปได้...เพราะฉะนั้น....


" คึหึหึ...."      ใบหน้าเรียวกลับมายิ้มละไม มืออีกข้างยังคงเรียกหมอกผีเสื้ออกมาไม่ขาดสาย


ครืนนนน.....


เสียงฟ้าร้องกัมปนาท ฟากฟ้ากลายเป็นสีดำสนิทเฉกเช่นเดียวกับอารมณ์ของผู้ที่ได้ชื่อว่าซาตาน ถึงแม้ร่างสูงจะลุกขึ้นยืนอย่างซวนเซแต่อ้อมแขนก็เปลี่ยนกลับไปโอบกอดร่างบอบบางเอาไว้ สายลมสีดำพันห่อหุ้มร่างกายก่อนจะพุ่งทะลวงออกไปแล้วตรงเข้าหาร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ผีเสื้อนับพันพยายามเข้ามากันเอาไว้แต่พลังมหาศาลก็ไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ด้วยมือที่เหลือเพียงข้างเดียว


โครม!!!


" อั่ก!"      ร่างสูโปร่งถูกอัดกระเด็นไปชนกำแพงโบสถ์จนอิฐร่งกราวลงมา ร่างที่ถูกพลังทำลายล้างเล่นงานถึงกับทรุดไปกองอยู่ที่พื้นท่ามกลางความตื่นตระหนกของร่างบอบบาง มือใหญ่ตั้งท่าจะซ้ำให้ตายแต่มือบางก็ยกขึ้นมาจับห้ามเอาไว้


" ............."        เพราะมีความสำคัญไม่ใช่หรือถึงไม่ได้ฆ่าให้ตายไปตั้งแต่คราแรก  ทั้งท่านและก็เขาคนนั้น....ทั้งๆที่ถ้าจะทำให้ถึงตายก็ทำได้ไปตั้งนานแล้ว    นัยน์ตาสีมรกตส่งไปยังนัยน์ตาสีเปลือกไม้ราวกับว่าเข้าใจ


ใบหน้าคมจึงแต่แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ


“ กลับไปซะ เจ้ายังมีหน้าที่อยู่ไม่ใช่หรือไง”        ใช่....เขาไม่คิดที่จะฆ่ามันมาตั้งแต่ต้น...เพราะมันจะต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะราชันย์แห่งรัตติกาลคนต่อไป...


“ คึหึหึ.....เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดจนข้าเอือมระอา....คิดจะทำอะไรก็ทำ คิดจะทิ้งไปง่ายๆก็ทิ้ง....ข้าเบื่อเต็มทนแล้ว จากนี้ไปข้าจะจัดการห้วงแห่งรัตติกาลด้วยมือของข้าเอง อย่าเสนอหน้ากลับไปล่ะ”           ทั้งๆที่มีพลังมากกว่าใคร แต่หากหัวใจไม่อยากจะกลับไปมันก็คงจะช่วยไม่ได้....นัยน์ตาสองสีลอบมองร่างบอบบางในอ้อมแขนแข็งแกร่งนั่นอีกครั้ง....ความบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนั้นเองสินะ ที่ยึดครองหัวใจของราชันย์แห่งรัตติกาลเอาไว้ได้


หึ....น่าสมเพชจนอยากจะยิ้มให้


ไอหมอกกลับมารวมตัวกันที่รอบๆร่างสูงโปร่งอีกครั้ง ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับรอยยิ้มละไมที่ดูจะต่างไปจากตอนแรกเล็กน้อย  ถึงอีกฝ่ายจะยังคงแผ่ความร้ายกาจมาให้ แต่ก็ดูเหมือนจะจากกันไปด้วยดี


“ อึ่ก......”        ร่างสูงทรุดลงในสองแขนเล็กที่พยายามประคอง ดูจากบาดแผลแล้วคงได้รับความเสียหายไม่น้อย


“ ข้าไม่เป็นไร....”        มือใหญ่ยกขึ้นลูบแก้มใส เมื่อมองเห็นสายตาเป็นกังวลที่มองมา


“ แค่เจ้ายอมเป็นอาหารให้ทั้งวันทั้งคืน ไม่นานก็คงจะหายแล้ว”         และร่างบางก็แทบอยากจะผลักร่างสูงทิ้งเสียตรงนั้น ใบหน้าคมกลับมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายคลายกังวล  นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มกลับมาสว่างสดใส....หากเป็นเจ้านั่น...เขาคงพอจะไว้ใจได้ว่า อย่างน้อยชีวิตในภายภาคหน้าเขาจะไม่ต้องวุ่นวายกับการคอยจัดการปีศาจที่จะมาก่อกวน เพราะเจ้านั่นคงจะไม่สั่งให้ใครมาตามล่าเขาอย่างแน่นอน










ร่างสูงถูกประคองจนกลับเข้าไปอยู่ในเรือนพักได้สำเร็จ ขนนกสีขาวบนเตียงถูกเปลี่ยนเป็นสีดำตามรอยเลือดที่หยดลงไป  มือบางหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดแผ่นหลังกว้างให้อย่างช้าๆ รอยแผลมากมายที่เห็นทำให้หัวใจเจ็บแปลบ เพราะความอ่อนแอของเขาร่างสูงถึงถูกเล่นงาน เพราะปกป้องเขาร่างสูงถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้


ผ้าพันแผลถูกพันให้ตามแบบการรักษาของมนุษย์ ทั้งๆที่ร่างสูงนั้นก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็น เพราะมันเป็นการโจมตีของปีศาจที่มีพลังระดับเดียวกันแผลจึงหายช้ากว่าปกติ แต่อีกไม่นานมันก็จะสมานกันไปเอง 


ผ้าขนหนูถูกบิดแล้วพาดไว้กับขอบกะละมัง ก่อนที่ร่างบอบบางจะมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงด้วยใบหน้าไม่สบายใจ และร่างสูงก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังกังวลใจเรื่องอะไร


มือใหญ่ล้วงเข้าไปในเสื้อสีดำของตัวเองที่กองอยู่ข้างกาย ก่อนจะหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาแล้วคล้องสวมให้ที่ลำคอของร่างบาง


“ เอ๋ ?...นี่มัน.....ไม้กางเขน ?”         ใบหน้าสวยก้มลงมองไม้กางเขนที่ถูกสวมอยู่ที่คอของตนอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าซาตานจะพกของแบบนี้ติดตัว สองมือบางประคองมันขึ้นมาพิจารณา  มันคือไม้กางเขนที่ทำมาจากเงินแท้ยาวประมาณหนึ่งคืบ ทั้งลวดลายที่ถูกสลักเสลาอย่างวิจิตร ทั้งความเก่าแก่ ดูๆไปแล้วน่าจะเป็นของสำคัญที่คงจะตกทอดกันมาอย่างยาวนาน


“ มันเกิดขึ้นมาพร้อมกับตัวของข้า”        ใบหน้าคมพูดออกไปทั้งรอยยิ้มเย็นๆ


“ เก็บมันเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะมันคืออาวุธเพียงชิ้นเดียวในโลกที่จะสามารถสังหารข้าได้”         นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน...เพราะทุกถ้อยคำนั้นหมายความว่า.....




“ ข้าจะมอบชีวิตของข้า.....ให้เจ้า....”










.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


To be continue...





เฮ้ยทำไมมันไม่จบซักทีวะ =[ ]=!!!

ตะ...ตอนหน้า...สั้นๆอีกตอนเดียวน่า...ฮะฮะ (โดนโบก!)

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และแรงเชียร์จากหลายๆคนมากๆเลยนะคะ แค่บอกข้าพเจ้าว่า “อ่านแล้วนะ อยากอ่านต่อมากๆเลยค่ะ” แค่นี้ก็อยากจะปั่นหูดับตับไหม้เอามาลงต่อไปแล้วอ่ะ  (ยิ่งบางคนบอกว่ารอเรื่องนี้ถึงขั้นเข้ามาเปิดโกดังดูวันละหลายรอบ >/////< ดีใจมากๆเลย รู้ไหมอ่ะ) ขอบคุณมากๆนะค้า

ที่หายไปเป็นอาทิตย์เพราะหมู่นี้ติดภารกิจค่อนข้างหนักหน่วงอยู่อ่ะนะ

เอาละ โปรโมทกันอีกรอบ เหะเหะ ในฐานะเป็นหนึ่งในสต๊าฟกะเค้าด้วย.... Double Date D18+8059 Only Event ค่า......เหลืออีกเดือนเดียวแล้วนา...ไปเจอกันได้ที่งานนะคะ งานนี้ปั่น Mad D18และ8059 เพื่องานนี้โดยเฉพาะ  70 นาทีเต็ม (คนทำถึงขั้นตายได้เลยอ่ะขอบอก)

สนใจรายละเอียด ทั้งคอสเพลย์ เกมส์ ของรางวัล เซอเคิล ในงานติดตามได้ที่บลอคหลักค่ะ


13 พฤศจิกายน 2554  เจอกันที่ ITF สีลมค่ะ  ใครไปไม่ถูกสอบถามได้ทุกช่องทาง ทั้งเมล์ เม้นต์ที่นี่ เม้นต์ที่บลอคหลัก เฟสบุค หรือจะให้สต๊าฟไปรับเป็นการส่วนตัวก็ได้นะ ครึ ครึ (พากันหลงเลยอ่ะดิทีนี้...)

แล้วเจอกันนะ *w*



3 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ปีศาจตาสองสีโพล่มาด้วยหล่าา

    แฮ่ สครีมผิดประเด็นสินะ ฮา // โดนเสย อิอิ

    ตอนนี้หว๊านนนหวานนน หวานนมากกกก ป้อนองุ้น หาของกิน ดูแลยามป่วย ฯลฯ

    กระหนุงกระหนิงกันได้น่าหยิกมากกกกกอ่ะ

    ฉากสองคนเค้าสู้กันมันส์มากกกกก

    ยามะเท่ห์โคตร สมกับที่เป็นราชันย์ และ ว่าที่ราชันย์ คึหึหึ

    โฮกกกกกกก ตอนที่อ่าน เหมือนนึกออกว่าจะพิมพ์อะไรบ้าง

    แต่พออ่านจบแล้วนึกไม่ออก นึกออกอย่างเดียว เ้ก๊าอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

    เพราะงั้น รีบดิ่งไปอ่านตอนต่อไปก่อนดีกว่า ฮ่าฮ่า

    กำลังสนุกๆเลยยย แว่บไปหน้าต่อไปละเน้ >///

    ตอบลบ
  2. ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่เพิ่งโผล่หน้าโผล่ตามาค่ะพี่กวาง ในที่สุดตรูก็มีโอกาสได้มาอ่านสักที ฮว้ากกกกกกกกก T[]T

    หึหึหึ ตอนนี้อบอวลไปด้วยรัก!! น่ารักมากมายเลยค่ะพี่กวาง มันแฝงอยู่ในอารมณ์มืดๆดำๆของแฟนตาซีแบบนี้ ชอบอ่ะ รู้มั้ยพี่กวาง ว่าทุกครั้งอิเนียนมันบอกหิวแล้วยิ้มๆ เจ้าเล่ห์ๆ อ่ะ แทบจะละลายแทนหนูก๊ก อ๊ากกกกกกกกกกก ร้อนผ่าวไปหมดทั้งตัวแล้วค่ะ เขินอ้ะ (เอ็งคือหนูก๊กเรอะ!!) แบบว่าทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งดาร์ก ทั้งน่ารัก ทั้งเท่จนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

    ขอมาตรงตอนที่มีปิศาจหน้ามนหัวสับปะรดโผล่มา หึหึหึ เหมาะดีค่ะ สองคนนี้ เหมือนเป็นคู่แข่งกันกลายๆ อร๊าายๆ แอบจับอารมณ์ได้ตรงที่บอกว่า ไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะมารักมนุษย์แบบนี้ หึหึหึ จริงหรือเปล่า เจอใครสักคนอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นา...ฮ่าๆ (แอบแซวๆ) ถ้าเกิดยามะไม่ยอมกลับห้วงรัตติกาล ราชันย์ก็จะเป็นคุณมุสินะ แต่ว่าอยู่ที่นี่คือความสุขที่แท้จริง ซึ้งอ่ะ ความสุขกับยศถาบรรดาศักดิ์ และอำนาจบริวาร เทียบไม่ได้กับหนูก๊กสินะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอาไปเลย เอาใจไปได้เลยยยยย

    เห็นฉากสองหล่อฉะกันแล้ว มันส์มากกกกกก

    ตื่นเต้นๆๆ อยากอ่านตอนต่อไปค่ะ ขอไปอ่านนะคะ เอิ๊ก

    ตอบลบ
  3. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!(กรีดร้องลั่น)
    ท่าทางที่ก๊กเคี้ยวองุ่นช่างน่ารักมากจริงๆค่ะ
    ยามาะเจ้าเล่ห์แบบนี้สิค้ะถึงจะสุดยอดดดดดดดดด!!!
    รสนิยมท่านช่างสุดยอด ขอคารวะ ขนาดจับก๊กมาอยู่ที่โบสร้างกับตัวเองสองต่อสองแล้วยังจับให้ก๊กใส่ชุดซิสเตอร์ต่ออีก
    เป็นปีศาจที่น่ารักในสายตาเราจริงๆ
    มันต้องแบบนี้สิยามะ(ยอกนิ้วให้) จะเก็บก๊กไว้กินทีหลังสินะ กู้ดไอเดีย!!!

    ชอบอ่ะๆๆๆๆ ชอบแนวเรื่องแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ จะอ่านกี่ทีก็ชอบอ่า
    หนูก๊กออกซึนๆปนใสซื่อ ส่วนยามะก็ดาร์กเจ้าเล่ห์
    คู่นี้ในเรื่องนี้คาแรกเตอร์มันเข้ากันได้ลงตัวจริงๆค่ะ
    มันเหมือนกับว่าความรักของคนกับปีศาจค่อยๆก่อตัวขึ้น มันช่างเข้ากันได้อย่างลงตัวจริงๆค่ะ
    ยิ่งอ่านก็แทบจะละลายให้กับสายตาของยามะที่มองมาที่ก๊ก
    เราชอบมากๆเลย ประมาณว่าปีศาจที่ไม่เคยมีหัวใจ รักใครไม่เป็นอย่างยามะ กลับต้องหันมารักมนุษย์ตัวน้อยๆอย่างหนูก๊กอ่า~
    ยามะมันเนียนแล้วก็เนียนได้จนทำเอาเค้ายกโล่ให้ไปเลยค่ะ

    ท่านพี่~ สุดยอดมากเลยค่ะ
    บรรยายได้ถูกใจมากๆเลย ตอนที่ทั้งคู่กดกันทั้งๆที่ก๊กยังอยู่ในชุดซิสเตอร์ การที่ได้จิ้นภาพเรือนร่างของก๊กในฉากที่เสื้อผ้าจะหลุดแต่ก็ไม่หลุดนี่มันได้อารมณ์สุดยอดมากค่า เอาใจเค้าไปเต็มๆเลย!!!(อ๊ะ ที่พูดแบบนี้ เค้าไม่ได้หื่นนะ)
    ชอบฟิคเรื่องนี้อ่า ชอบมากๆๆๆๆเลย
    ไม่รู้จะสครีมออกมายังไงแล้วอ่า~ แทบจะครวญครางไม่เป็นภาษาอยู่แล้ว!!!

    แม่นแล้วยามะ มันคือความรักนั่นเอง ในที่สุดก็เข้าใจซักทีนะ
    โฮกกกกกกกกกกกกก ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับปีศาจในฟิคเรื่องนี้ที่ท่านสื่ออกมาให้เค้าอ่านมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆค่ะ ชอบบบบบบบบบอ่า
    ก๊กต้องอ่อนแอ น่าปกป้อง แบบนี้สิถึงจะถูกใจ
    น่ารักจริงๆค่ะ ฉากที่คนเย็นชาอย่างยามะคอนเป็นห่วงก๊กอยู่ตลอกเวลา มันทำให้เราคิดว่าคู่นี้มันเกิดมาคู่กันจริงๆนั่นแหละ
    ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!! ทนไม่ไหวแล้ว ชอบฟิคเรื่องนี้สุหูรูด ไม่เคยประสาทกินอย่างนี้มานานแล้ววววว

    ส่วนท่านมุนี่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นคนร้ายนะ แต่ไปๆมาๆนี่ลึกๆดูเป็นคนดีนา~
    อืมๆๆๆ ในที่สุดท่านก็พบแล้วใช่ไหมว่าอะไรที่ทำให้เรามีความสุขและสำคัญมากที่สุดในชีวิต
    สิ่งๆนั้นก็คือหนูก๊กนั่นเอง!!!

    อ๊ากกกกกกกกกกก ขอโทษจริงๆนะพี่กวาง หากข้าน้อยพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมา อ่านไม่รู้เรื่อง
    โฮยยยย ทนไม่ไหวแล้ว รับวิ่งไปอ่านตอนสุดท้ายอย่างเร่งด่วนก่อนทที่เลือดจะหมดตัว

    ตอบลบ