KHR Au.fic [All59] Alice in Vongola World : 08



KHR AuS.fic [All59] Alice in Vongola World : 08


: KHR Au Fanfiction
: All59 
: PG
: RomanticComedy


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ








Alice in the Sea ~~~






มิ้ง มิ้ง ~~~


ยิ่งได้ยินเสียงจักจั่นร้องให้ระงม ผมยิ่งรู้สึกร้อนหนักขึ้นกว่าเดิม  แสงแดดที่สาดส่องไปทั่วนั่นก็ช่างเจิดจ้าแรงกล้าสมกับที่เป็นฤดูร้อนจริงๆ 


ผมเดินด้วยท่าทางเหี่ยวๆออกจากห้องนอน....วันนี้มันร้อนจนปลาทูน่าอย่างผมรู้สึกขาดน้ำจนจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ


และถึงแม้จะรอแล้วรอเล่า เจ้ากระต่ายอลิสที่อาสาจะไปเอาน้ำเย็นๆมาให้ดื่มก็ไม่กลับมาเสียที  ผมนอนอ้าปากพะงาบๆรออยู่ในห้องมานานสองนาน....ไอ้ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้เจ้าหมาป่ายามาโมโตะมันอาการน่าเป็นห่วงกว่าผมเยอะ...ปกติมันก็คบไม่ได้อยู่แล้ว แล้วยิ่งร้อนๆแบบนี้เข้าไปอีก.....จากที่กลิ้งอยู่กับพื้นดีๆมันเริ่มมีอาการหลังแข็ง ตาขวาง น้ำลายยืด และอีกไม่นานมันคงจะลุกขึ้นมาไล่กัดผมตามประสาหมาบ้าเป็นแน่แท้....ผมเลยรีบหาข้ออ้างลุกหนีมันมาซะก่อน


ผมเดินลงมาถึงห้องครัวที่เงียบสนิท.....โกคุเดระคุงไปไหนล่ะ?


ร้อนขนาดนี้ผมเลยไม่คิดว่าจะมีสโตรกเกอร์หน้าไหนทนได้...ทั้งคุณฮิบาริที่ต้องอยู่ในกักกุรันสีดำตลอดเวลา  เจ้าพ่อมดเป๋อที่เสื้อคลุมรุ่มร่ามออกปานนั้น  และยิ่งเจ้าพืชไร่ฉ่ำน้ำนั่นไม่มีวันอยู่กลางแดดได้นานๆแน่นอน เพราะงั้นจึงไม่คิดว่าจะมีใครมาลอบจับเจ้าลูกสาวกระต่ายสุดโมเอ้ของผมไปแน่ๆ


จะมีก็แต่เจ้าตัวเองนั่นแหละ.....ที่จะไปเดินตกท่อตกบ่อที่ไหนแล้วขึ้นมาไม่ได้เอง....


ผมหันไปหันมาก็เห็นเพียงกระติกน้ำแข็งต้องสงสัยที่มีขนาดใหญ่ขนาดกินกันได้สามบ้าน....แม่ไปซื้อมาตอนลดราคาอีกแล้วหรือไงนะ? ผมเดินเข้าไปใกล้ด้วยสังหรณ์ใจบางอย่าง


กะ...โกคุเดระคุง.....        แล้วก็ผิดไปจากที่คิดซะที่ไหน เมื่อเจ้ากระต่ายตัวน้อยที่คงจะเผลอตกลงไปในกระติก กำลังนอนแหมะอยู่บนก้อนน้ำแข็งด้วยใบหน้ามีความสุขสุดๆ


ผมได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆ....ยังไงซะกระต่ายก็เป็นสัตว์ที่มีขนปกคลุมทั่วร่างกาย ก็คงไม่ชอบความร้อนซักเท่าไหร่นั่นแหละนะ ฮะฮะ










ทะเล?!”


ใช่!  เรากำลังจะไปทะเลกัน         ฤดูร้อนก็ต้องคู่กับทะเลอยู่แล้วละนะ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเช็คแบตให้เรียบร้อยพร้อมเช็คสภาพกล้องอย่างไม่ต้องสงสัยในขณะที่นั่งรถไฟไปยังโอกินาว่า โดยมีเจ้ากระต่ายอลิสกับเจ้าหมายามาโมโตะโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่



และหลังจากจัดการเอาสัมภาระไปยัดไว้ที่บังกะโลเป็นที่เรียบร้อย ผมกับเจ้ากระต่ายตัวน้อยก็มายืนสูดลมทะเลอยู่ที่ชายหาด สองแขนยกขึ้นบิดขี้เกียจ ถึงจะเป็นฤดูร้อนแต่ที่นี่ก็มีลมพัดตลอดเวลา....อ้า....เย็นสบายดีจัง


ทะเลๆๆ~~”       ดูท่าทางเจ้าสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ของโลกทั้งสองตัวจะตื่นเต้นกันมากเลยนะ แต่กว่าผมจะอธิบายให้เข้าใจว่าทะเลคืออะไรได้ก็ใช้เวลาอยู่ไม่น้อย...





เป็นลานกว้างๆที่มีแต่โชยุ ?       น้ำใสๆนี่แหละ แค่มีรสชาติเค็มเฉยๆเฟ้ยเจ้าหมาสองบุคลิก!

งั้นเราก็ควรใส่ชุดกันรังสีเพื่อไม่ให้เหม็นและสกปรกสินะครับ        พอเลย...โกคุเดระคุง...ถ้าเปลี่ยนจากชุดกันรังสีมาเป็นทูพีชสีชมพูละก็ คุณพ่อโอเคนะ





ทะเลๆๆๆ ~~~”       เจ้าสิ่งมีชีวิตสูงสองคืบวิ่งด้วยท่าทางลั้ลลาเตรียมจะถลาออกไปยังชายหาด....ช้าก่อน!.....ผมรีบจับไหล่บางๆของเจ้ากระต่ายอลิสเอาไว้ ส่วนไอ้หมายามะจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมัน


ทาครีมกันแดดก่อนโกคุเดระคุง       


ครีมกันแดด ?         ใบหน้าเล็กน่ารักหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยซึ่งโมเอ้หาใดเปรียบ ผมยื่นขวดครีมกันแดดให้แต่เจ้ากระต่ายตัวน้อยก็มองมันอย่างฉงนจนใจไม่รู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไรอยู่ดี


ถะ....ถ้างั้น.....ก็ไม่ผิดสินะ....ถ้าป๊ะป๋าจะทาครีมกันแดดให้ลูกสาว(?)กระต่ายผู้ไม่รู้เรื่องอะไร


ผมแสยะยิ้มเยี่ยงเทวดาพร้อมเทครีมลงบนฝ่ามือ เจ้ากระต่ายอลิสยืนนิ่งๆให้ผมทาครีมไปบนผิวขาวๆแต่โดยดี โดยที่นัยน์ตาสีมรกตก้มลงมองตามราวกับกำลังเรียนรู้.....โอยยยยย.....ท่าทางมันโมเอ้ก็จริงแต่ตอนนี้ผมกำลังจะตายให้ได้เพราะผิวขาวๆนี่ต่างหาก....มันนิ่มมากกกกกกกกกกกกเลยครับ อยากจะร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตัน....


สึนะ....เลือดหยดละ       อ้าวเฮ้ย!  ไม่ใช่น้ำตาที่ไหลพราก แต่เป็นเลือดกำเดาของผมเองมากกว่า ผมรีบป้ายมันก่อนจะหันไปยิ้มใสๆให้เจ้าลูกสาว(?)กระต่ายที่หันมามองตาแป๋ว


ทาให้ชั้นมั่งสิ!”       เจ้าหมายามะนึกอยากจะมาสำอางอะไรกันตอนนี้ฟ๊ะ ผมหันไปส่งสายตาประมาณว่ารอไปก่อนเหอะให้มัน  แต่มือเจ้าหมาป่าก็คว้าเอาขวดครีมกันแดดไป.....อ้อ.....ทาเองก็ได้สินะ  นั่นสิ   แมนๆอย่างแกคงไม่อยากให้ใครมาทาผิวให้หรอกจริงมะ


ชะ...เฮ้ย!!!”       แต่แทนที่มันจะทาที่ผิวของมันเอง มันดันแปะมือลงไปที่ผิวของเจ้ากระต่ายซะอย่างงั้น  ไหนว่าให้ทาให้ไง?! แล้วนี่แกสแล๋นมาจับผิวของลูกสาว(?)ชั้นได้ง๊าย!!


มานี่สิ ยามาโมโตะ....ส่วนโกคุเดระคุงก็สวมเสื้อเชิ้ตซะนะ ผิวจะได้ไม่เสีย         ผมรีบคว้าตัวเจ้าหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนที่มันจะเนียนลูบไล้ผิวใสๆของเจ้ากระต่ายตัวน้อยไปมากกว่านี้.....จากนี้ไปก็ถึงเวลาทาผิวแบบถึงเลือดถึงเนื้อกันแล้วละนะ  หึหึ....








ที่ชายหาดวันนี้มีคนอยู่ไม่มากอย่างที่คิด ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัวดูแล้วอบอุ่นราวกับมีใครจัดฉาก(?) ไม่มีไอ้พวกท่าทางอันตรายที่ตั้งใจมาหลีสาวให้ผมต้องกังวลใจในความปลอดภัยของเจ้ากระต่ายอลิส 


ผมเดินเข้าไปไกลฟองคลื่นที่ซัดมากระทบหาดทรายแล้วหายลงทะเลไปอีกรอบ ได้ยินเสียงคิกคัก ดังมาจากเจ้าตัวเล็กๆทั้งคู่เมื่อขาจุ่มลงไปในน้ำ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสทำให้คุณพ่ออดที่จะดีใจไม่ได้ที่เจ้ากระต่ายดูท่าทางจะมีความสุข


มือที่ถือกระป๋องพลาสติกใบเล็ก จุ่มลงไปในน้ำแล้วตักขึ้นมา แล้วราดทรายที่แห้งสนิทก่อนจะค่อยๆกอบมันขึ้นมาก่อให้เป็นรูปเป็นร่าง


ปราสาททรายไง...เป็นความสนุกอย่างหนึ่งของการมาทะเลละ       ผมสอนเจ้ากระต่ายที่นั่งยองๆมองตาแป๋ว....มือเล็กๆกอบทรายขึ้นมาแล้วทำเป็นรูปทรงภูเขาเหมือนที่ผมทำ  เจ้าหมายามะอาสาคอยไปตักน้ำให้


ผมปล่อยให้เจ้าสิ่งมีชีวิตไซส์มินิทั้งสองคนนั่งก่อปราสาททรายกันกระหนุงกระหนิง ทำให้ผมมีเวลาสแกนความปลอดภัยได้มากขึ้น  ผมยืนหันมองไปรอบๆเพราะรู้สึกราวกับว่ามีสายตาของใครจ้องมองอยู่


ผู้คนที่นั่งเล่นอยู่บนชายหาดหรือลอยคออยู่ในทะเลนั้นไม่มีใครน่าสงสัย แต่ไอ้คนที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดๆคือ ไอ้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของไลฟ์เซฟเวอร์นั่นมากกว่า


ไลฟ์เซฟเวอร์ คือ เจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลือคนที่จมน้ำและดูแลความปลอดภัยของชายทะเล....ปกติจะนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงแล้วคอยสอดส่องมองคนไปทั่วๆหาด....แต่นี่ผมก็ยืนจ้องตากันมาอยู่นาน....แต่ไอ้กล้องส่องทางไกลนั่นดูยังไงๆก็ไม่ขยับไปมองอย่างอื่นเลยสักนิด


ผมลองขยับตัวไปจากตำแหน่งเดิม....แต่กล้องส่องทางไกลนั่นก็ยังนิ่งสนิท....เมื่อมองไล่สายตาตามไปก็รู้ได้ทันทีว่าเป้าหมายของมันคือเจ้ากระต่ายอลิส!!


ไอ้มนุษย์หัวดำที่ทำตัวเยี่ยงสโตรกเกอร์เช่นนั้นมันคงจะมีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับ แถมพ่วงมาด้วยเจ้าสิ่งมีชีวิตสูงสองคืบหัวทองที่มองๆไปแล้วคล้ายจะเป็นพ่อมดด้วยแบบนั้น.....คุณท่านฮิบาริกับคุณดีโน่ไม่ผิดแน่!


นี่ถึงขั้นลงทุนมาทำงานเป็นไลฟ์เซฟเวอร์เพื่อจะได้ตามสโตรกลูกสาว(?)กระต่ายของผมอย่างไม่เป็นที่น่าสงสัยอย่างนั้นเลยใช่ม๊ายยย....


แต่ก่อนจะได้ไปสนใจคุณท่านทั้งสองมากไปกว่านั้น อะไรบางอย่างก็แว่บเข้ามาที่หางตา  ผมหันหน้าไปมองบุรุษปริศนาคนหนึ่งซึ่งกำลังจมอยู่ในน้ำด้วยท่วงท่าหยึกหยึยจะว่าคล้ายปลาหมึกก็ไม่ใช่ อะมีบาก็ไม่เชิง ผมยืนมองด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าอยู่นานว่าตกลงเขาผู้มีเส้นผมเกรียนสีเงินๆนั่นกำลังทำอะไรอยู่ ?


ดูไม่ออกเลยครับคุณท่านว่านั่นกำลังว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลินหรือว่ากำลังจะจมน้ำตายกันแน่? ผมเลยจำใจต้องเดินเข้าไปยังเก้าอี้ของไลฟ์เซฟเวอร์ที่ยังคงส่องลูกสาวกระต่ายสุดโมเอ้ของผมอย่างไม่กลัวโดนประนามหยามเหยียดจากชาวบ้านเลยซักนิด


“ อะ...เอ่อ.....คะ คือ...ผมคิดว่ากำลังจะมีคนจมน้ำตายน่ะครับ”


“ มีหรือไม่มี!  เอาให้แน่ ....ฉันกำลังยุ่ง!         ยุ่งมากกกกกเลยสินะครับ ไอ้การนั่งส่องลูกสาว(?)ชาวบ้านแบบนี้น่ะ    ผมหันกลับไปมองบุรุษปริศนาให้แน่ใจ....ดูเหมือนมือที่แหวกว่ายอยู่นั้นจะค่อยๆชูขึ้นเหนือน้ำเหมือนพยายามส่ง SOS อะไรซักอย่างก่อนจะค่อยๆจมหายลงไปในทะเล.....ตกลงว่าอีตานั่นจมน้ำจริงๆด้วย!


“ มีครับ!  มีๆๆ”


“ ฮึ....”        สะ  สายตาบ่งบอกว่าน่ารำคาญชัดๆ  ตกลงคุณท่านมาเป็นไลฟ์เซฟเวอร์หรือว่าไลฟ์เซิฟทูเดอะเฮลกันแน่


“ ถ้างั้นก็....”


ผลั๊วะ!!!  เจ้าพ่อมดจอมเป๋อที่นั่งอยู่ข้างๆโดนถีบลงมาอย่างไม่มีปราณี


“ ไปช่วยมันซิ  ไอ้ม้าโง่!       ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้าง....นี่คุณท่านนอกจากจะไม่ทำหน้าที่ แล้วยังโบ้ยให้คนอื่นหน้าตาเฉยอีกตะหาก


“ ยะ...อยู่ไหนล่ะ?”         ผมก้มลงไปมองคุณดีโน่ที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากพื้นทราย...ทำไมกะอีแค่โดนถีบตกลงมาแค่นี้ อีตาพ่อมดนี่ถึงได้โชกเลือดปานนี้เนี่ย....ก่อนจะไปช่วยชาวบ้านเค้าช่วยไปทำแผลให้ตัวเองก่อนดีกว่าไหม? และแค่ฝ่าเท้าเล็กๆของเจ้าพ่อมดเป๋อเหยียบลงน้ำเท่านั้นแหละ เลือดก็ไหลลงทะเลจนแดงเถือกอย่างกับมีใครฆ่าหั่นศพเอามาโยนทิ้งกลางทะเลยังไงอย่างงั้น.....


จะไหวไหมครับเนี่ย?


บุ๋มๆๆๆ.......


น่าน....ว่ายังไม่ทันขาดคำ...เมื่อน้ำพ้นหัว ตัวเล็กๆนั่นก็จมหายไปทันที แถมไม่ได้จมให้สบายใจว่าจะว่ายไปช่วยบุรุษปริศนานั่นแล้วด้วยนะ...เพราะมือเล็กๆกลับชูขึ้นมาด้วยท่าทางตะเกียกตะกายก่อนจะพุ่งขึ้นมาหายใจแล้วจมลงไปใหม่ พุ่งขึ้นมาแล้วจมลงไป.......ดูยังไงๆก็กำลังจมน้ำเป็นแน่แท้.....


จบเห่แล้วชีวิตของคุณบุรุษปริศนา…..


ผมยืนสวดมนต์พร้อมวางพวงมาลัยดอกไม้ไว้ที่ชายหาดสองพวง แล้วเดินปลงๆกลับไปหาเจ้าลูกสาวกระต่ายที่ดูกำลังจะสนุกสนานกับการก่อปราสาททรายสุดๆ....ก็นะ....ถ้าไม่สุดจริงนี่ไอ้ปราสาททรายที่ว่านั่นคงจะไม่อลังการงานสร้างอย่างกับมหาราชวังขนาดนี้หรอกเว้ยเฮ้ย!!  นี่ทำอะไรก๊านนนนน!!


ผมยืนมองปราสาททรายขนาดท่วมหัวด้วยปากอ้าค้าง   ไหงจากภาพกระต่ายตัวน้อยค่อยๆกอบทรายมารวมกันแล้วเอามือเล็กๆ แปะ แปะ ให้ทรายกลายเป็นปราสาทหลังน้อย ถึงได้เปลี่ยนสปีชี่มาเป็นพระราชวังกลางทะเลทรายแบบนี้ไปได้เล่าเฮ้ย!


แถมจากที่นั่งยองๆเล่นกองทรายราวกับเด็กๆ ตอนนี้เจ้ากระต่ายอลิสกลับสวมแว่นตา ในมือถือแบบแปลน ที่หัวเล็กๆสวมหมวกนิรภัยแล้วปล่อยให้หูที่พับลงมาแนบข้างแก้ม ถึงจะดูโมเอ้แบบกระต่ายสถาปนิกดี แต่นี่มันผิดที่แล้วลูก!


“ โกคุเดระ ฉันไปตักทรายมาให้แล้ว”        เสียงเนียนๆเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปอ้าปากค้างยิ่งกว่า....ไอ้หมานี่ก็เหมือนกัน ไหงจากกระป๋องทรายเล็กๆกลายเป็นรถแทรกเตอร์ไปได้ละเฮ้ย!


“ ฮี้!!!      แถมมันยังเททรายลงมาทำอย่างกับว่าไม่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้อีกต่างหาก


ยิ่งมองบ่อที่ทรายหายไปรอบๆตัวแล้วผมก็ต้องกลัวจนหน้าซีด....ถ้าตำรวจมาตรวจพบเข้าละก็จบเห่ตามบุรุษปริศนาไปอีกคนแน่ๆ  พวกแกทำอะไรก๊าน!!!


ไม่ได้การ....ก่อนที่ผมจะต้องไปกินข้าวแดงอยู่ในตะราง ให้ไอ้หมาบางตัวมันคาบลูกสาวกระต่ายของผมไปกิน(?) ผมต้องรีบหาทางทำอะไรซะก่อน....และเมื่อสายตาที่หันไปหันมาหันไปเห็นเพิงอะไรบางอย่างที่ข้างๆชายหาดเข้า ไอเดียบรรเจิดจึงเกิดขึ้น...


“ นี่โกคุเดระคุง....มาทะเลทั้งทีเราลงไปเล่นน้ำกันดีกว่านะ...”


“ เล่นน้ำหรอครับรุ่นที่สิบ!        นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที


“ ใช่....แต่ก่อนจะไปลงน้ำ เราไปเช่าห่วงยางกันก่อนดีกว่านะ”       ขึ้นชื่อว่ากระต่าย คงจะว่ายน้ำไม่ค่อยเก่งนัก....


แต่กับไอ้หมาป่าหน้าเอ๋อที่กำลังกระดิกหางอยู่ข้างๆนั่นผมไม่ห่วงมันเลยซักนิด  ต่อให้ DNA ในตัวสัตว์สายพันธุ์สุนัขจะเปลี่ยนไป ต่อให้มีการจับคู่โครโมโซมขึ้นมาใหม่ทำให้สุนัขว่ายน้ำไม่ได้....แต่ผมก็เชื่อว่า...ไอ้หมาสองบุคลิกตัวนี้ต้องว่ายน้ำเป็นแหงแซะ...เพราะอย่างมันไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ผมขอฟันธง!


ผมพาเจ้ากระต่ายอลิสไปยังเพิงเช่าห่วงยาง แต่เมื่อมองยังไงผมก็ไม่เห็นใคร ผมจึงตัดสินใจตะโกนเรียก


“ ขอโทษนะครับ  มีใครอยู่ไหมครับ...ผมมาเช่าห่วงยางครับ....”     ได้ยินเสียงกุกกักบางอย่างดังมาจากใต้กองห่วงยางที่ล้มระเนระนาดราวกับมีวิญญาณพยาบาทสิงอยู่ตรงนั้น  ยิ่งมองมันก็ยิ่งสั่นกึกๆ ในขณะที่ผมกลัวจนขนหัวลุก  เจ้าลูกสาวกระต่ายที่ไม่เคยกลัวอะไรกลับเดินดุ่มๆเข้าไป  แถมด้วยการตะโกนปาวๆเรียกผีสางให้เข้ามาหลอกหลอนเพิ่มอีกแน่ะ


“ ไม่ได้ยินหรือไงฟ๊ะ! ว่ารุ่นที่สิบจะเช่าห่วงยาง โผล่หัวออกมานะเฟ้ยไอ้เจ้าของร้าน ไม่งั้นชั้นจะบรึ้มให้เละเลย!        นี่เราจะมาเช่าห่วงยางเค้านะไม่ได้จะมาขู่กรรโชก  ผมคว้าตัวเจ้ากระต่ายแสบเอาไว้แทบไม่ทัน 


แต่ถึงจะคว้าตัวเจ้ากระต่ายอลิสได้ก็เท่านั้น ในเมื่อไอ้หมาที่อยู่ข้างๆดันฟันฉั๊วะลงไปที่กองห่วงยางด้วยดาบปราบมารของมันเป็นที่เรียบร้อย.........


แล้วแกจะไปฟันมันทำม๊ายไอ้หมาสองบุคลิก!!  ก็ไอ้ของที่เราจะเช่าไปใช้น่ะคือของที่แกเพิ่งฟันมันไปนั่นแหละเฟ้ย!!!  


ผมอ้าปากค้างอย่างละเหี่ยใจ.......แต่ที่ไหนได้....พอกองห่วงยางถูกแบะออกเป็นสองซีกเท่านั้นแหละ  มือเล็กๆของใครบางคนก็โผล่พ้นกองห่วงยางออกมาทันที และไม่นานมันก็ตามมาด้วยเส้นผมสีทองโชกเลือด.....อย่าบอกนะว่าไอ้เสียงกุกกักเมื่อกี้นี้น่ะ.....


“ ขะ...ขอบคุณที่ช่วยนะ สึนะ  แค่เผลอสะดุดล้ม กองห่วงยางมันก็ถล่มลงมาทับแบบไม่รู้ตัวเลยอ่ะ แหะแหะ”          แกเองเร๊อะ ไอ้พ่อมดเป๋อ!   ว่าแต่คุณท่านจมน้ำตายไปแล้วไม่ใช่เร๊อะ ไหงมาโผล่อยู่นี่ได้ล่ะ?!


“ พอดีได้คนที่ว่ายน้ำเก่งอย่างกับปลาหมึกมาช่วยไว้น่ะ ก็เลยมาช่วยเค้าขายของตอบแทน”         แบบนี้ไม่เรียกว่าตอบแทนแล้วคุณท่าน...มาสร้างความหายนะให้เค้าชัดๆอ่ะ....หื๋อ?....ปลาหมึก?.....หรือว่าจะเป็นบุรุษปริศนาคนนั้น?.....ตกลงว่าไม่ได้จะจมน้ำตาย? แล้วก็ดันกลายเป็นว่าไปช่วยไอ้คนที่จะไปช่วยตัวเองจากการจมน้ำแทน.....จะมีอะไรน่าอนาถใจไปมากกว่านี้อีกไหม?


“ ผมจะมาเช่าห่วงยางน่ะครับคุณดีโน่”          แต่ดูเหมือนห่วงยางมันจะพินาศไปหมดแล้วสินะครับ...


“ อ่า.....ถ้าห่วงยางธรรมดาละก็มีอยู่แค่นี้แหละ คงต้องเสียใจด้วยนะ.....อ๊ะ!....แต่ถ้าเป็นห่วงยางรุ่นพิเศษที่ฉันผลิตขึ้นมาละก็...ยังมีอีกเพี้ยบเลยนะ  สนใจไหม?”        ถ้าเป็นของที่คุณท่านทำขึ้นมาเองละก็...ผมขอบายครับ....


“ ลองดูรุ่นนี้สิ...”        แล้วคุณท่านก็ล้วงห่วงยางขนาดจิ๋วที่ดูยังไงคนที่ใช้ได้ก็มีแต่เจ้ากระต่ายอลิสเท่านั้นออกมาจากถุงย่าม


“ นี่ไม่ใช่ห่วงยางธรรมดานะ....เมื่อนายเอาห่วงยางไปกลิ้งกับเสื้อผ้าแบบนี้ “ขน” ที่ติดเสื้อผ้าอยู่ก็จะหลุดออกมาทันที  ทีนี้เสื้อผ้าของนายก็จะสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้เรไรเลยละ!       ....ขอโทษครับ....ห่วงยางนี่มันจำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นอะไรแบบนั้นไว้ทำพระแสงของ้าวอะไรครับ?  คนมาทะเลจะต้องมาห่วงขนติดเสื้อไปทำม๊าย!


ดูยังไงๆ ไอ้ห่วงยางนี่มันก็ทำมาเพื่อดักจับ “ขน” ของเจ้ากระต่ายอลิสชัดๆ


“ ถ้าอันนี้ไม่พอใจละก็....มีอีกอันที่ฉันอยากแนะนำ....นายรู้จัก จากุซซี่ ใช่ไหม?  อ่างอาบน้ำระบบน้ำวนที่จะพ่นลมออกมาทำให้กระแสน้ำช่วยนวดตัวด้วยน่ะ....ห่วงยางอันนี้ใช้แนวคิดเดียวกับจากุซซี่เลย.....พอนายเอาห่วงยางสวมลงไปแบบนี้ แล้วกดปุ่มนี่นะ....มันจะไม่ได้พ่นลมออกมาเพื่อนวดตัวนายหรอก แต่มันจะดูดเศษ “ขน” และเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัวนายออกจนหมด สะอาดนิ้งเลยละทีนี้!       .....เครื่องดูดฝุ่นครับ......ไอ้นี่มันมีแนวคิดมาจากเครื่องดูดฝุ่นครับไม่ใช่จากุซซี่!!    แล้วไอ้ดูดเศษ “ขน” จนสะอาดนิ้งนั่นน่ะ ดูยังไงๆมันก็จ้องจะขโมยขนกระต่ายชัดๆ!


“ เอ่อ...คุณดีโน่....ผมขอเช่าห่วงยางสำหรับเด็กอันเดียวก็พอแล้วครับ”         ผมหันไปชี้ที่ห่วงยางเด็กที่วางอยู่บนชั้นซึ่งยังปลอดภัยจากมหันตภัยคมดาบของเจ้าหมายามะอยู่









เฮ้อ....กว่าจะได้ลงทะเล....ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้เนี่ย....


“ รุ่นที่สิบครับ!  เร็วๆครับ!         น้ำเสียงกระตือรือร้นดังมาจากเจ้ากระต่ายอลิสที่ตอนนี้เอาตัวเข้าไปอยู่ในห่วงยางรูปเป็ดสีเหลือง แล้วลงไปลอยละล่องอยู่ในน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....อ้า.....ช่างเป็นภาพที่โมเอ้เกินจะบรรยาย....


ในขณะที่ผมกำลังจะคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายรูป  เสียงแชะ แชะ ก็ดังเป็นจังหวะมาจากเก้าอี้ไลฟ์เซฟเวอร์ให้ผมหันไปมอง....จากกล้องส่องทางไกล ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นกล้องถ่ายรูปที่ใส่เลนส์ซูมขนาดที่กล้องข้างสนามฟุตบอลระดับโลกยังต้องอาย....ตกลงคุณท่านฮิบาริมาทำอะไรกันแน่ครับ?


ตัวเล็กๆของเจ้ากระต่ายอลิสกระโดดขึ้นไปนั่งที่ข้างหนึ่งของห่วงยาง ส่วนอีกข้างมีเจ้าหมายามะเอามือจับไว้แล้วลอยคอไปด้วยกัน....เอาเหอะ....อย่างน้อยมีไอ้หมานั่นไปด้วยผมก็หายห่วงไปได้นิดหน่อย...


ซะที่ไหนเล่า!!


ในเมื่อยังไม่ทันที่น้ำจะสูงท่วมหัว ไอ้หมาเจ้าเล่ห์มันก็จมพรวดหายลงไปในน้ำหน้าตาเฉย


“ จมแล้วจ้า....จมน้ำแล้วจ้า....”       และเมื่อมันตะกุยตะกายขึ้นมาก็ยังมีหน้าตะโกนขอความช่วยเหลืออีกแน่ะ


“ กะ...โกคุเดระ...ชะ...ช่วยด้วย...”         ผมได้แต่ยืนมองอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อมันสุดๆ หมาบ้าอะไรจะจมน้ำตาย...แหลแน่ๆ....มันสตอเบอแหลแน่ๆ!  


แต่ดูท่าทางเจ้ากระต่ายตัวน้อยจะไม่ได้คิดแบบผม ใบหน้าน่ารักตื่นตระหนกสุดๆ หูสีขาวสองข้างชี้ขึ้นอย่างตกอกตกใจ มือเล็กๆพยายามช่วยฉุดเจ้าหมาจอมเนียนขึ้นมาจากน้ำ ก่อนจะพยายามลากขึ้นฝั่งอย่างไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก....แหงล่ะ....ก็เจ้าหมานั่นมันคงกะเอาไว้แล้วว่าถ้าจมน้ำที่ตื้นแค่นี้ เจ้ากระต่ายสุดรักของมันก็ยังยืนถึงและไม่เป็นอันตรายอะไรไปด้วย  ส่วนไอ้ตัวที่แกล้งจมน้ำนั่นก็แสดงได้สมบทบาทสุดๆ


“ แค่กๆๆๆ...”        เจ้าหมายามะสำลักน้ำแล้วนอนแน่นิ่งอยู่ที่ชายหาด  ปล่อยให้เจ้ากระต่ายตัวน้อยลุกลี้ลุกลนอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี มือเล็กได้แต่เขย่าร่างของเจ้าหมายามะไปมา


“ ยะ...ยามาโมโตะ....”        .....ดูเหมือนเจ้ากระต่ายอลิสจะไม่รู้วิธีช่วยคนจมน้ำนะ...ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก...


แต่หมาป่าเจ้าเล่ห์มันก็ยังคงเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ....เมื่อจู่ๆ...ตำราวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็มาวางแหมะอยู่ที่ข้างกายของเจ้ากระต่ายอย่างน่าสงสัย...แถมหน้าอื่นๆในนั้นก็ถูกฉีกไปซะหมด ยกเว้นหน้าที่บ่งบอกว่า...การช่วยคนจมน้ำต้องเอาปากประกบลงไปที่ปากอีกฝ่ายเพื่อช่วยผายปอด....


เจ้ากระต่ายตัวน้อยเปิดตำราทำท่าจะทำตาม...ริมฝีปากเล็กจ่ออยู่ที่ริมฝีปากที่ลอบยิ้มของเจ้าหมาสองบุคลิก....แต่มีหรือที่คนเป็นพ่อ(?)อย่างผมจะปล่อยให้เป็นแบบนั้น  งานพิทักษ์ริมฝีปากของลูกสาว(?)ก็เป็นงานที่ป๊ะป๋าพึงกระทำ!


ผมคว้าถุงผ้ารูปหมาป่าหน้าตาเบี้ยวๆบูดๆของเจ้ายามาโมโตะขึ้นมาก่อนจะปามันเข้าไปแทรกกลางระหว่างริมฝีปากของทั้งคู่ได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะแกล้งสะดุดล้มแล้วเอามือผลักเจ้ากระต่ายอลิสออกไป ส่วนขาก็ทำทีสะดุดร่างเจ้าหมายามะจนมันกลิ้งไปหลายตลบ....ถ้าแกยังแกล้งสลบอยู่อีก  ฉันจะเขียนตำราบทใหม่ ให้เอาทรายกรอกปากคนจมน้ำซะ! มันจะได้ไปฟื้นขึ้นมาบนดวงจันทร์หรือสวรรค์ชั้นฟ้าไปเลย!


“ อ่ะนี่...ยามาโมโตะ...ห่วงยางของนาย ฉันไปเช่ามาให้แล้วละ นายจะได้ไม่ “จมน้ำ” อีกไง”        ผมยิ้มพิมพ์ใจไปให้เจ้าหมายามะราวกับจะบอกมันว่า ฉันรู้ทันแกหรอก!


เจ้าหมาตัวดีหันไปสบถดัง “ชิ” ที่อีกข้างก่อนจะหันกลับมาทำหน้าเอ๋อรับห่วงยางไปด้วยท่าทางดีใจ.....คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ยังมีแต่เจ้ากระต่ายอลิสดังเดิม....










เกรียวคลื่นค่อยๆขยับขึ้นลงเล็กน้อย เพราะวันนี้เป็นวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะแก่การออกไปแล่นเรือใบสุดๆ.....เรือใบนะ.....แค่เรือใบก็พอ.......ทั้งๆที่คิดถึงเรือใบ แต่ไอ้บ้าที่ไหนเอาเรือยอร์ชออกมาแล่นท่ามกลางทะเลที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าลงมาเล่นน้ำกันแบบนี้เนี่ย!!!


“ คึหึหึ....ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง....แปลกใจฉันจริงปลาไม่กินเหยื่อ....”      ไอ้หมอหัวสับปะรดนี่เองเร๊อะ!!     ยังว่าอยู่ว่าผมคงจะไม่โชคดีพอที่ไอ้ตัวรังควาญอันดับหนึ่งนี่จะหายหัวไป ในเมื่อตัวรังควาญตัวอื่นๆยังมากันครบหรอกนะ!


“ โอย่ะ....บังเอิญจังเลยนะครับ นี่แสดงว่าเรามีชะตาต้องกันสินะครับ คึหึหึ.....ถึงแม้ว่าผมจะล่องเรือยอร์ชตกปลาไปทั่วโลก แต่ก็เป็นอันต้องโคจรมาเจอกันราวกับโลกหมุนรอบดวงจันทร์แบบนี้น่ะครับ คุณกระต่ายตัวน้อย....”       สโตรกเกอร์.....บอกมาเถอะว่าแกเองก็แอบสโตรกเจ้ากระต่ายอลิสเหมือนคุณท่านที่นั่งซูมกล้องถ่ายรูปอยู่ตรงนู้นน่ะ....แล้วก็โลกบ้านไหนมันหมุนรอบดวงจันทร์ฟ๊ะ!


“ ฮึ!  ถ้าแกคิดจะมาตกปลาทูน่าอย่างรุ่นที่สิบละก็...ข้ามศพชั้นไปก่อนเถอะ!        เจ้ากระต่ายอลิสลุกขึ้นยืนบนห่วงยางเป็ดพร้อมชี้นิ้วด่าเจ้าหมอสัปป้าตาสองสีที่ยืนมองลงมาด้วยสายตาระยิบระยับจากบนดาดฟ้าของเรือ.....


ว่าแต่ว่านะโกคุเดระคุง.....ดูท่าเราจะเข้าใจผิดแล้วละ....ลองดูคันเบ็ดของเจ้าหัวสับปะรดนั่นให้ดีๆสิ  มันไม่ได้มาตกปลาทูน่าแน่นอน....ในเมื่อไอ้ของที่ห้อยอยู่ที่ปลายเบ็ดมันคือ แครอทกับสับปะรดต่างหาก!


ขอถามหน่อยเถอะคุณท่าน....ปลาสายพันธุ์ไหนมันกินแครอท!  ดูยังไงๆก็มาตกกระต่ายชัดๆ!


แต่ว่านะ.....แครอทยังพอเข้าใจ....แต่ไอ้สับปะรดที่ห้อยอยู่ด้วยกันนั่น....คุณท่านจะเอามาตกอะร๊าย!!!


“ ถ้างั้น ผมขอตัวล่องเรือตกปลาต่อก่อนนะครับ...คึหึหึ....”        ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ไอ้เรือลำยักษ์นั่นก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะขยับไปไหนเลยสักนิด  แถมพอเห็นว่าแครอทไม่ได้ผล  เจ้าหมอตาสองสีนั่นก็เปลี่ยนเหยื่อเป็นขนมหน้าตาน่ากินแทน.....ชัดเป๊ะเลยทีนี้....ว่ามันไม่ได้ตั้งใจมาตกกระต่ายธรรมดา แต่ว่ามันจะมาตกกระต่ายอลิส!


แล้วก็ได้ผลด้วยแน่ะ....เมื่อผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกๆ มาจากเจ้าคนที่เพิ่งจะชี้หน้าด่าเค้าไปหยกๆ  นัยน์ตาสีมรกตแหงนมองไปที่ปลายเบ็ดด้วยดวงตาเป็นประกาย....ไม่ได้การ....ดูเหมือนห่วงยางเป็ดจะขยับเข้าใกล้เรือทีละนิดๆแล้วซะด้วย  ปล่อยไว้แบบนี้เสร็จมันแน่ๆ


หนอยแน่ะ!   อย่ามาดูถูกคุณพ่อสายพันธุ์ทูน่านะเฟ้ย!


ผมรวบรวมพลังใจและสมาธิลงไปที่ฝ่ามือก่อนจะยกขึ้นเหนือหัว.... “ทูน่าทั้งหลายในโลกใบนี้ จงส่งพลังของเจ้ามาช่วยข้า ณ บัดนี้....โจมตี!!!     


โครม!!!


สิ้นสุดคำพูด เรือยอร์ชที่ลอยนิ่งอยู่ก็โคลงเคลงทันที เงาปริศนาใต้น้ำชนโครมๆเข้าที่ท้องเรือ จนเจ้าคนบนดาดฟ้าเรือถึงกับขมวดคิ้ว


“ คิดจะประกาศสงครามน่านน้ำกับผมอย่างนั้นหรือครับ สึนะโยชิคุง”     แต่ถึงเรือมันจะล่มจะจมมิจมแหล่ เจ้าหมอตัวร้ายก็ยังอุตส่าห์งัดไพ่ตายออกมาอีกจนได้


“ เจอนี่หน่อยเป็นไงครับ....คึหึหึ....อวนเบอร์ 59!!       แล้วแหที่ขนาดรูตาข่ายกว้างเท่าตัวเจ้ากระต่ายอลิสเป๊ะก็พุ่งออกมาจากใต้ท้องเรือ....นี่ต่อให้ตายมันก็จะจับลูกสาวกระต่ายของผมกลับไปให้ได้เลยใช่มะ!


“ สึนะ!  พาโกคุเดระหนีไป!     เสียงตะโกนของเจ้าหมายามะดังขึ้น ทำให้ผมหลับหูหลับตาคว้าตัวเจ้ากระต่าย แล้วว่ายน้ำแบบเอาเป็นเอาตายขึ้นฝั่ง.....หรือว่าเจ้าหมาสองบุคลิกมันจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แล้วโดนอวนนั่นจับไปแทนกระต่ายสุดรักของมัน....ผมแอบซับน้ำตาด้วยความดีใจ...เอ้ย!...ซาบซึ้ง....และเมื่อหันกลับไปเพื่อจะโบกมืออำลาเจ้าหมาเพื่อนยากเป็นครั้งสุดท้าย  ไอ้คนที่ผมต้องอำลากลับไม่ใช่เจ้าหมานั่นซะนี่.....ในเมื่อเจ้ายามาโมโตะเล่นฟาดเรือดับด้วยดาบเดียว....


ไปที่ชอบๆเถอะนะมุคุโร่....แล้วฉันจะเผาสับปะรดไปให้.....


ภาพเรือลำหรูระเบิดตูมเป็นฉากหลังอย่างอลังการให้เจ้าหมายามาโมโตะว่ายน้ำกลับมาราวกับพระเอกหนัง.....


แล้วก็ดูท่าทางมันจะว่ายน้ำเก่งซะด้วยนะ...เจ้าหมานั่น...












แสงอาทิตย์ค่อยๆเลือนหายไปเมื่อยามเย็นมาถึง  ผมได้แต่นั่งหมดแรงอยู่บนชายหาด.....อยากจะประกาศให้ทั้งโลกรับรู้ว่าผมมีความสุขอย่างกับตอนจับดาบไปช่วยพระนเรศวรรบกับตะเบงชเวตี้ยังไงยังงั้น!!!


กะอีแค่มาทะเล ทำไมถึงได้รู้สึกอย่างกับไปล่วงลับอยู่แถวๆด่านเจดีย์สามองค์อะไรเทือกนั้น....เฮ้อ.....


“ อ้า....เย็นๆแบบนี้ถ้าเตรียมบาบีคิวมาด้วยก็ดีสินะ”       เห็นความระยิบระยับของทะเลยามเย็นแล้วมันก็อดที่จะคิดถึงของย่างร้อนๆแบบนั้นไม่ได้แหะ...ผมก็ได้แต่เพ้อขึ้นมาคนเดียว ไม่คิดว่าเจ้ากระต่ายที่นั่งเอาหลังนิ่มๆพิงหลังของผมอยู่จะหูผึ่งขึ้นมาทันที


“ บาบีคิว?”      เจ้ากระต่ายตัวน้อยหันมาด้วยดวงตาสงสัย


“ ก็เหมือนเป็นการกินอาหารเย็นร่วมกันนั่นแหละ แต่ว่าเราจะช่วยกันทำน่ะ  โดยการเอาเนื้อ พริกหยวก สับปะรด มาเสียบไม้แล้วก็เอาไปปิ้งไฟร้อนๆ”


“ น่าเสียดายจังเลยนะครับ ที่เราไม่ได้เตรียมมา....”         หูกระต่ายตกลู่อย่างผิดหวัง  เห็นแล้วดูน่าสงสารจนคุณพ่ออยากจะวิ่งไปตลาดแล้วกวาดเนื้อกับพริกหยวกมาให้หมดเสียนี่กระไร...


“ คึหึหึ....ถ้าเนื้อละก็....มีอยู่นี่ไงครับ...”         เสียงหัวเราะชั่วร้ายและอันตรายเกินกว่ามนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ในเขตพื้นที่นี้ดังแว่วมาจากท้องทะเล....และเมื่อผมหันไปมองก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อไอ้คนที่ผมคิดว่ามันคงโดนระเบิดตายกลายเป็นเปลือกหอยอยู่ก้นทะเลไปแล้วนั่นมันกลับมายืนยิ้มละไมในมือถือเครื่องมือแพทย์ปริศนานามว่าสามง่าม ที่ตอนนี้มันมีหน้าที่ไม่ได้ต่างไปจากเครื่องมือทำมาหากินของชาวประมงเลยแม้แต่น้อย เมื่อที่ปลายแหลมของมันดันมีปลาหมึกยักษ์ห้อยอยู่...


เอาเถอะ....อย่างน้อยก็ถือซะว่ามันมาตกปลา(?)สำเร็จละนะ....


“ ถึงจะมีเนื้อ(ปลาหมึก)อยู่ก็เถอะ แต่เราจะปิ้งมันได้ไงล่ะในเมื่อเราไม่มีเตา”


โครม!!!


และผมยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงล้มโดยความสามารถเฉพาะบุคคลก็ดังมาอยู่ไม่ไกล เมื่อหันไปมองก็เป็นไปตามคาด...คุณดีโน่สะดุดชายผ้าคลุมหกล้มเลือดโชกให้ทรายที่ชายหาดซับเอาไว้ราวกับอยู่ในโคโลเซี่ยมแดนประหารอย่างไงอย่างงั้น


ว่าแต่คุณท่านนี่มีความสามารถจริงๆ ขนาดอยู่บนพื้นทรายแบบนี้ยังล้มได้เสียงดังยังกับอยู่บนพื้นปูนเป๊ะ


“ ฮะฮะ  สึนะ  เอาห่วงยางของฉันไปใช้สิ”        นี่ยังไม่เลิกสร้างความวิบัติให้ร้านห่วงยางเค้าอีกหรอเนี่ย? มันยังไม่เจ๊งบ้งไปอีกเร๊อะไอ้ร้านแบบเนี๊ยะ!


“ นี่น่ะ....เป็นห่วงยางที่พอเอามาวางไว้ที่ชายหาดแบบนี้...มันจะเกิดการสป๊ากกับเม็ดทรายจนกลายเป็นความร้อนขึ้นมา สามารถเผาหญ้าหรือวัชพืชไร่ไร้ประโยชน์อย่างเช่นสับปะรดได้ตายถึงรากเลยละ แล้วพอนายเอาเนื้อเสียบไม้วางลงไป  มันก็จะย่างสุกพอดีๆ...นี่..สามารถปรับระดับได้ด้วยนะ จะเอาแบบแรร์หรือมีเดี้ยมก็ตามสบาย”          สับปะรดบ้านไหนขึ้นในชายหาดวะครับท่าน.....ผมเหล่ตามองไอ้เจ้าของห่วงยางที่กำลังอธิบายหน้าตาเฉย อย่างไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีระหว่างอ้าปากค้างกับละเหี่ยใจ....ในเมื่อห่วงยางที่ว่าเนี่ย....ดูยังไงมันก็เตาไฟฟ้าชัดๆ....ห่วงยางบ้านไหนมันจำเป็นต้องติดไฟได้ด้วยหรือครับคุณท่าน! แถมมันไม่ได้ทำมาเพื่อเจ้ากระต่ายอลิสแน่ๆ เพราะมันมีขนาดเท่ากับตัวคนปกติ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มีแค่ผมกับเจ้าหมอสัปป้านั่นเท่านั้น!


ก็นะ....ถึงจะงงๆ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเนื้อ(ปลาหมึก) กับเตาย่างแล้วละนะ  ที่เหลือก็......


“ ฮี้!!!          เจ้าหมายามะมันไปลากอะไรขึ้นมาจากในทะเลน่ะ?!


ผมวิ่งลงไปดูแล้วก็อ้าปากค้างได้อีก  เมื่อพบกะละมังปริศนาที่ลอยมาตามน้ำ แล้วไอ้ของที่อยู่ข้างในนั่นไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นมันอุปกรณ์ทำบาบีคิวชัดๆ   ผมหันไปหันมาหาต้นตอของมัน แล้วก็หันไปเห็นกะละมังใบต่อไปที่ลอยมาอยู่ไม่ไกล....ในนั้นมีพริกหยวก....ใบต่อไปมีเนื้อวันชั้นดี.....ใบต่อไปมีไม้เสียบบาบีคิว.....เมื่อมองไล่ตามไปที่หลังโขดหินไม่ใกล้ไม่ไกลอันเป็นจุดที่น่าจะปล่อยกะละมังให้ลอยมา  ผมก็เห็นเส้นผมสีดำผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวๆนั้น............คุณท่านฮิบาริแหงแซะ....










กลุ่มควันลอยฉุยอยู่เหนือหาด เสียงแส้กับโลหะปะทะกันเป็นระยะๆขับกล่อมสอดประสานไปกับเสียงคลื่น  จากท้องฟ้าใสๆกลายเป็นท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดาว เจ้ากระต่ายอลิสที่กินจนพุงกางนอนขดตัวหลับปุ๋ยอยู่ในกะละมัง ที่กำลังค่อยๆขยับเลื่อนไปบนพื้นทรายทีละน้อยๆตามแรงลากของเชือกที่ใครบางคนคงจะแอบผูกเอาไว้ตั้งแต่ปล่อยมันลอยน้ำมาแล้วละมั้ง


ผมเงยหน้ามองเจ้าพ่อมดเป๋อที่ยังคงวิ่งไล่กับเจ้าหมอตาสองสีอย่างสนุกสนาน(?)อยู่ที่ริมหาดทราย....ปล่อยไว้งั้นก็แล้วกัน....


“ ยามาโมโตะ กลับบังกะโลกัน”       ถึงนั่นจะเป็นคำชวนธรรมด๊าธรรมดาแต่ผมกับเจ้าหมาป่าก็ต่างรู้กันว่า มันคือสัญญาณเตือนภัย


ผมแกล้งทำมีดในมือหล่นเสียบลงไปบนเส้นเชือกด้วยหน้าตาราวกับว่าไม่รู้เรื่อง  ก่อนที่สองมือจะค่อยๆประคองลำตัวเล็กๆของเจ้ากระต่ายขึ้นมาอุ้มเอาไว้ ใบหน้าหลับปุ๋ยแบบนี้มันช่างโมเอ้จนคุณพ่ออยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปให้หนำใจ.....แต่ช้าก่อน....ตอนนี้ที่สำคัญคือต้องพาเจ้ากระต่ายอลิสกลับไปยังบังกะโลโดยปลอดภัยไร้สโตรกเกอร์!!


ผมเดินดุ่มๆเป็นเงาตะคุ่มๆไปตามความมืดโดยมีเจ้าหม่าป่าคอยระวังหลัง ในที่สุดก็มาถึงบังกะโลโดยไม่มีเงาของใครตามมา


แกรก....


แต่ทว่า เมื่อผมไขกุญแจเข้าไปมันดันมีเสียงไขกุญแจต่อๆไปอีกสองสามครั้ง....ผมเริ่มหันไปมองบังกะโลเพื่อนบ้านด้วยสายตาหวาดผวา....


ข้างขวาคือเจ้าหมอสัปป้า ส่วนข้างซ้ายคือคุณท่านฮิบาริกับคุณดีโน่......



ผมได้แต่ยืนน้ำตาร่วงผล็อย....



อย่างน้อยๆการมาทะเลในครั้งนี้ก็คงหาความสงบไม่ ไปจนกว่าจะกลับแหงแซะ......




เฮ้อ...........





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป.....ไป........ไป........(ยังจะมีต่ออีกเร๊อะ!!)









ละลายกลายเป็นแป้งเปียก.....อ่อก......ในที่สุดก็ไม่ทันวันนี้จนได้....แบบว่าเผลอหลับไปอ่ะคุณกิต ฮือออออออออออออ


เอาน่ะ แต่อย่างน้อยก็เลยมาในระยะพอให้อภัยได้อยู่ใช่มะ (ส่งสายตาปิ๊งๆ)



สุขสันต์วันเกิดค่าคุณกิต



ขอให้มีความสุขมากๆเน้....อยู่เมืองจีนก็ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆไม่มีอาม่าที่ไหนมาทำให้ปวดกะบาลนะค้า ฮ่าๆ ประสบผลสำเร็จทั้งการเรียนการทำงานอย่างที่หวังไว้และสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์จะได้มีแรงมาทวง IF จากเราต่อ คึหึหึ....(โดนโบก)


แหะ แหะ .....อาจจะผิดหวังเล็กน้อย (ไม่มั้ง) ที่ของขวัญที่เตรียมให้ปีนี้ไม่ใช่ IF ....ก็นะ....เขียนจบไวๆเดี๋ยวก็ไม่มีคนทวงฟิคอ่ะดิ อิอิ (วอนโดนไม้หน้าสามอีกแล้วไหมล่ะนั่น) ก็หวังว่าคุณกิตจะยังเอ็นดูกระต่ายอลิสตัวน้อยๆตัวนี้แทนละนะ  TT^TT  นี่เค้าตั้งใจรั่วหลังจากที่ไม่ได้ทำมานานนนนนน แล้วนะเนี่ย ฝืดๆบ้างยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะก๊ะ  เผ่นดีกว่า...5555






ส่วนใครที่รอ “ลิปสติก”   อยู่ก็รอสักครู่เน้....คาดว่าจะลงพร้อมกันสองตอนจบไปเลย อิอิ  กำลังปั่นไฟลุกเพราะได้แรงบันดาลใจไฟท่วมมาจากพระเจ้าอามาโนะอีกแล้วค่ะ....กับสปอยด์ตอน 353 .....โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หลังจากที่ไม่ได้เห็นฉากแบบนี้มานาน มันสครีมได้อีกอ่ะค่า~~~ >w<





ครึ ครึ ..... ท่าทางอย่างกับเดินมาจากบ้านเดียวกัน ไม่งั้นยามะก็ไปรับมาอะไรงี้....ดูไม่เหมือนมาเจอกันกลางทางเลยนะคะ.....*w*....ปกติจะต้องเดินด่ากันมาอะไรงี้ดิ....แต่ตอนล่าสุดนี้เดินมาด้วยกันงุ้งงิ้งเชียวนะ.....หนูก๊กเอ้ย....ตอนก่อนหน้านู้นก็ไปเอาเสื้อเค้ามาใส่ทีละ แล้วเดี๋ยวนี้ยังไปไหนมาไหนกะเค้าอีก...คึหึหึ.....พระเจ้า(?)เป็นใจให้ขนาดนี้....แจกการ์ดเลยไหมจ๊ะ? 


แล้วก็ยังนี่อีก.....

CD BOX ล่าสุดของ KHR กับ Disc แผ่นที่สอง.....




อำนวยภาพโดยคุณอ้อมค่ะ ....โอยยยยย แค่รู้ว่าร้องเพลงด้วยกันอีก ยังคงมองไม่เห็นคุณพี่ ก็สครีมจะแย่แล้วค่ะ พอมาเห็นสกรีนของแผ่นซีดีเข้าไป...อร๊ายยยยยยยย นี่มันโคตรออฟฟิศเชียลเลยนี่คะ โฮกได้อีกค่ะ >w<


แล้วไว้เจอกัน ในอีกไม่นานนะก๊ะ  เหะ เหะ....






5 ความคิดเห็น:

  1. โอย ไม่รู้จะเขียนว่ายังไงดี มันน่ารักมากจนเราอยากจะวาดฉากที่บรรยายในตอนนี้ออกมาเป็นภาพเลยอ่ะค่ะ ไปสะดุดตั้งแต่ตอนก๊กขดตัวนอนหลับในกระติกน้ำแข็งแล้วทำหน้าตามีความสุข พาลคิดไปถึงตอนโกคุเหมียวป่าที่เห็นปลาแล้วลงไปนอนยิ้มแฉ่งเลยอ่ะ อ๊ากกกกกกกกก อยากเอามากอดจริงๆน้องอลิส หรือว่าจะเย็บออกมาเป็นตุ๊กตาดี แต่คงไม่โมเอะเท่า ...ว่าแต่ เรามีเวลาทำด้วยเหรอฟระนั่น
    น่ารำคาญสโตกเกอร์จริงๆนะเค่อะ คิดจะมาทำมิดีมิร้ายลูกของอิชั้น แต่คุณฮิยังดีหน่อย เพราะเป็นหน่วยเซอร์วิสสโตกเกอร์ แบบว่าก๊กอยากได้อะไรขอเพียงเอ่ยปากมันก็เป็นจริง หุหุหุ อยากทาครีมกันแดดให้ก๊กมั่งจังเลย อยากจับผิวขาวๆนิ่มๆเล็กๆ อยากเอามาเลี้ยงที่บ้าน จะป้อนข้าวป้อนน้ำอย่างดี อร๊า (ยามะเอ็งไปไกลๆเลยไป๊)

    ขอบคุณสำหรับฟิกค่ะ รออีฟไออยู่นะก๊ะ (ได้คืบมันจะเอาไม้หน้าสาม) ดีใจมากๆเลย วันเกิดปีนี้มีเซอร์ไพรส์เยอะมาก ขอบคุณมากๆค่ะ

    ตอบลบ
  2. แปะ ป๊าบ จะเร่งมาอ่านในเร็วๆนี้ค่ะ

    มาแล้วๆๆ edit ค่ะ

    พาอลิสไปเที่ยวทะเล~~~~

    กระต่ายก๊กน่าร๊ากกกกกกกกกกกก โมเอะพ้อยกระแทกเข้าตาอย่างจังไปหลายฉากมากกกกกกกกกกก โฮกกกกกกกก นอนอยู่ในกระติกน้ำแข็ง เย็นสบายมั้ยอิหนูเอ๊ยยย ใส่ห่วงยางว่ายน้ำ

    เอ้อ แทรกนิดนึง ตรงที่ว่า คุณสมบัติห่วงยางแต่ละอันที่ดีโน่มันผลิต สุดยอดอ่ะ ไม่ใช่ดีโน่ทำไม่ได้นะเนี่ย สงสัยมันจะผิดพลาดจากห่วงยางธรรมดาๆมาเป็นออฟชั่นสุดพิเศษได้เพราะความซุ่มซ่ามหรือป่าวฟร่ะ เจ๋งอ่ะ !

    แรกๆยังเป็นหมาป่ายามะอยู่ พออีกสักแปปลดขั้นเป็นได้แค่หมายามะ (หมาป่าหายไปกลายเป็นหมาธรรมดาๆ กร๊ากกก) เรื่องมันเก่งอย่างจริงจังมากอ่ะ โชว์เทพหลายกระบวนท่ามากกมายย คนอื่นมันรั่วบัดซบมีแต่อิเนียนนี่ล่ะที่ เป็นผู้เป็นคน เอ้ยเป็นหมาที่ดีสุดๆล่ะ (อินี่ก็ลดให้เป็นแค่หมาธรรมดาๆ ฮ่าฮ่า)

    ก่อปราสาททรายกันดีดี แต่ไหงมีทั้งแทร๊กเตอร์ทั้งแบบแปรนสร้างปราสาทพระราชวังไปได้ฟร่ะ ลูกก๊กจะเอาจริงเอาจังไปไหนฟร้า น่าร๊ากกมากกกก แอร๊ยยยย~~

    คุณฮิเป็นสโตรกเกอร์แบบว่าเจ้าพ่อบุญทุ่มมากอ่ะคะ แค่คุยกันอะไรกันนิดๆหน่อย พี่คุณจัดให้ทันที พร้อมสรรพ โหยยย คนนี้คุณพ่อลูกสาวอย่างสึนะคงจะถูกใจ ปลอดภัยกว่าไอ้ตัวประหลาดอื่นๆเยอะสุดๆแล้วมั้งเนี่ย

    ส่วนคุณพืชไร่ที่น่ารักของเปา~~~ ทำอะไรก็น่ารัก?ค่ะ ดี?ค่ะ สุดๆไปเลยค่ะ เท่ห์?ค่ะ เยี่ยมค่ะ? (กร๊ากกกกก) พยายามจะเข้าใจว่าอาชีพหมอคงมีรายได้เยอะเน๊อะ เอาเรือแบบนั้นมาตกกระต่าย?ได้น่าทึ่งมากกกกกกก คุณหมอสามารถหาปลาได้ด้วยสามง่ามม แบบว่า นึกถึงพวก เซอไวเว่อ ที่ติดเกาะแล้วหาปลาด้วยวิธีนี้อ่าค่าคุณหมอพืชไร่ค๊า เท่ห์มากกกเลยค่า~~~~ โฮกกกกกกกก (อ่านอะไรในย่อหน้านี้แล้ว จงกลับอินเวิร์ดมันให้หมด! ฮะฮะ)

    หลงลืมตรงไปบ้างมั้ยเนี่ย ง่า ช่างเต๊อะ รู้แต่ว่ากระต่ายก๊กน่ารักที่สุดเลยค่าคุณลูกสาวขรา สุดท้ายนี้ก็ HBD พี่กิตย้อนหลังอีกรอบนะคะ อยู่ที่จีนก็น่าจะหนาวเน๊อะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ขอให้เรียนจบไวไวนะคะ เจออุปสรรคอะไรก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีทั้งหมดเลย มีความสุขในทุกๆวันเลยนะคะ ^^

    ปล.8059 กำลังจะกลับมาาาาาา โฮกกก ไม่ใช่ว่าโพล่มาแค่ตอนที่แล้วก็จะหายไปอีกนะค๊าาา หายไปนานน แต่ก็โพล่มาเซอร์วิสสทีนึงเยอะๆแบบนี้ก็โอเคนะก๊ะ ^^"

    ตอบลบ
  3. คิดถึงฟิคเรื่องนี้มากค่าาาาาาาา
    นั่งอ่านไปขำไปอยู่คนเดียวเงียบๆ กลัวบุพการีจะลุกขึ้นมาว่า5555555

    เหล่าสโตรเกอร์ก็ยังคงทำงานอย่างขันแข็งไปเปลี่ยนเลยเนอะคะ
    นี่ขนาดหนีมาทะเลแล้วแท้ๆ ยังตามกันมาแบบครบเซ็ต

    ขำมากค่ะ ยิ่งตอนของกินลอยน้ำมานี่ยิ่งสุดๆ
    ตอนแรกนึกว่าคุณฮิจะลอยตัวเองมาอันดับสุดท้ายซะอีกนะคะเนี่ย กร๊ากกกกก

    กระต่ายอลิสยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยค่ะ ใสซื่อน่ารักที่สุดในสามโลกเลย
    สงสารสึนะคุงมาก ลูกสาว(?)เป็นที่นิยมขนาดนี้ เหนื่อยหน่อยล่ะน้าาา

    ปล.ตอนนี้ถึงยามะจะเนียนมากแต่ก็มีประโยชน์มากเหมือนกัน*มอบรางวัลองครักษ์ดีเด่นให้*

    ตอบลบ
  4. กว่าจะอ่านตอนนี้จบรู้สึกว่าเหนื่อยมาก
    หัวเราะจนเหนื่อย ฮาไม่ไหวแล้ว แต่ละคน ฮ่าๆๆๆ

    รู้สึกอิจฉาสึนะได้ทาครีมกันแดดให้กระต่ายก๊กด้วยอ่ะ
    มันเป็นแผนที่วางมาแล้วใช่ไหม
    นี่ถ้าหมายามะไม่มาวุ่นวายท่าทางจะยังคงละเลงไปอีกนานสินะ ฮ่าๆๆ
    ถ้าเกิดสึนะปุบปับตายไปนี่คงถือได้ว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วหละสินะ
    เราก็อยากลูบไล้ผิวขาว ๆ ของกระต่ายอลิสบ้างจัง

    สโตกเกอร์แต่ละท่านนี่ก็เรียกเสียงฮาได้ดีจริง ๆ
    แต่ที่ได้ใจไปเลยนี่ต้องท่านมุโผล่มาอย่างอลังการและจากไปอย่างอลังการ ฮ่าๆๆๆ

    ส่วนบุรุษปริศนานี่คือคุณพี่หละสินะ เราจำท่าว่ายน้ำท่านได้
    ก็เป็นเอกลักษณ์ซะขนาดนั้น แต่ตอนที่บุรุษปริศนาจมน้ำนี่ดีเท่าไหร่แล้วที่ท่านฮิไม่ถีบส่งสึนะให้ลงไปช่วยแทน ยังดีที่ไปลงกับพ่อมดโน่
    แต่ก็ยังเหลือเชื่ออยู่ดีที่พ่อมดโน่กับบุรุษปริศนาจะเอาชีวิตรอดขึ้นมาจากทะเลกันได้

    ตอบลบ
  5. ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง....แปลกใจฉันจริงปลาไม่กินเหยื่อ

    คราวนี้มา พรานเบ็ดเลยเรอะ 55555555555+

    อ่านฟิคนี้ทั้งฮาแลละนึกถึงเพลงเก่าๆ -0-

    ตอบลบ