KHR Au S.Fic [1859] -- Wo Ai ni : 01--


ปล.ฟิคบรรยายล้วนๆ ไม่ควรอ่านตอนง่วงนอน ฮ่าๆๆ และ....คุณฮิไม่ซึน =[ ]= ....บุคลิกและสภาพแวดล้อมของตัวละครเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะนะคะ  บอกกันไว้ก่อน ^ ^

KHR Au S.Fic [1859]    -- Wo Ai ni : 01--


: KHR Fanfiction Au
: 21Hibari x 14Gokudera
: Romantic Action
: PG

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







ปืน......นั้นเข้าใจง่าย....

มันไม่เคยทรยศ....มันไม่เคยเรียกร้อง....

มันไม่เหมือนกับสัตว์กินพืชที่เรียกว่ามนุษย์.....

ทั้งทรยศหักหลัง....ทั้งเรียกร้องต่างๆนานา....

มนุษย์......เข้าใจยาก......






ชิ้นส่วนอาวุธที่ฉุดคร่าชีวิตถูกเช็ดทำความสะอาดก่อนจะถูกประกอบกลับเข้าที่เดิม ปืนสีดำสนิทถูกเสียบลงไปที่ซองใส่ซึ่งเหน็บอยู่ที่รักแร้ เสื้อโค้ทสีดำตัวยาวสะบัดสวมลงมาทับจนไม่อาจมองเห็น  แสงไฟรำไรลอดเข้ามาทางมู่ลี่บานเกล็ดหลุดห้อยของบานหน้าต่างเก่าคร่ำคร่าตกกระทบให้เห็นใบหน้าคมเย็นชา เป็นเพียงส่วนเดียวที่มองเห็นได้ในความมืด เพราะส่วนอื่นๆของร่างกายล้วนปกคลุมด้วยสีดำ  ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มก่อนจะสะบัดของที่ซุกซ่อนเอาไว้จนมองเห็นเป็นประกายสีเงินแวววับในมือ


ถึงปืนจะเข้าใจง่ายและทำให้ทุกอย่างจบภายในนัดเดียว แต่สิ่งที่เขาเลือกที่จะใช้กลับกลายเป็น.......ทอนฟา


เพราะมันทำให้ได้ลิ้มรสชาติการตายอย่างช้าๆ ของเหยื่อที่ร่ำไห้ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว....สัตว์กินพืชอ่อนแอที่มีแต่จะต้องโดนขย้ำ!





เสียงกอกแก่กดังขึ้นที่ด้านหลัง ตามสัญชาตญาณของนักฆ่า ทอนฟาจึงพุ่งออกไปจากมือในทันที ก่อนที่มันจะไปปักลงที่ผนังห่างจากใบหน้าของผู้มาใหม่ไม่ถึงคืบ


“ มีงานใหม่น่ะครับ”         และใบหน้าเรียวของผู้ส่งสาร ก็ดูจะไม่ได้สะทกสะท้านกับการต้อนรับของเจ้าบ้านมากนัก มือภายใต้ถุงมือสีดำหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อโค้ทหนังตัวยาว ก่อนจะไล่สายตาสองสีอ่านให้อีกฝ่ายได้ยิน


“ งานนี้ท่าจะยากสำหรับคุณ....เพราะสิ่งที่ต้องทำคือ.... “คุ้มครอง” .....ไม่ใช่ “ฆ่า””


“ ...............”


“ โกคุเดระ  ฮายาโตะ.....นั่นคือชื่อที่เค้าจะใช้เมื่อไปถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น.....ผู้ว่าจ้างคือประธานกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ให้คุณคุ้มครองทายาทเพียงคนเดียวให้ปลอดภัยในขณะที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น”


“ นานแค่ไหน”


“ ปีครึ่ง....คุณหนูนั่นจะไปเรียนในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน....แต่นั่นก็แค่เบื้องหน้าแหละนะ”       ร่างสูงโปร่งยักไหล่อย่างไม่ยี่หระนัก


“ คึหึหึ......มาจ้างนักฆ่าชั้นแนวหน้าอย่างคุณให้คุ้มครองเนี่ย....คิดว่าคงไม่ได้ไปเรียนแบบนักเรียนธรรมดาหรอก”


“ ...............”


“ อ้า....แล้วก็น่าดีใจอยู่ไม่ใช่หรือครับ....ที่คุณจะได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน.....กลับไปใช้ชื่อที่ไม่ได้ใช้มาเสียนานอย่าง....ฮิบาริ เคียวยะ....นั่นน่ะครับ”       มือภายใต้ถุงมือหนังพับเก็บกระดาษไว้ที่เดิม แล้วสาวเท้าไปยังประตูหน้าห้องบ่งบอกว่า เรื่องที่จะสนทนามีเพียงแค่นี้


“ อีกสองวัน...ช่วยไปรับตัวคุณหนูคนสวย แล้วออกเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวให้ไปถึงญี่ปุ่นก่อน 6 โมงเย็นด้วยนะครับ”


“ อีกเรื่องนึง.....ผมไม่คิดว่าคุณหนูนั่นจะชอบให้คุณทักทายเธอด้วยทอนฟาแบบนี้หรอกนะครับ...ยังไงก็อดใจเอาไว้หน่อยล่ะ”      ใบหน้าเรียวของผู้มาเยือนเบือนไปมองทอนฟาที่ปักอยู่ที่ผนัง ก่อนจะยกมือขึ้นโบกแล้วเดินหายออกไป


ใบหน้าคมยังคงเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ของราตรีที่แสนวุ่นวายภายในย่านพักอาศัยของคนชั้นล่างที่แออัดยัดเยียด ห้องพักเก่าๆที่มีเพียงเตียงเหล็กขึ้นสนิมกับกลิ่นอับๆ ที่ใช้เพียงซุกหัวนอนและหลบซ่อนตัว เขาอยู่ที่นี่จนเคยชินกับกลิ่นสกปรกและกลิ่นของเลือด  อยู่ที่นี่....ที่ย่านสลัมของเมืองใหญ่และศิวิไลอย่าง.....ฮ่องกง....


นัยน์ตาคู่คมเหลือบลงไปมองกลุ่มคนและเสียงดังเซ็งแซ่ จากเบื้องล่าง.....อีกสองวันเขาก็จะหนีหายไปจากความวุ่นวายเหล่านี้.....ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์.....เพียงแต่รู้สึกราวกับว่าเลือดในกายมันจะเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องไปที่ไหน...และจะต้องกลับไปใช่ชื่อที่ทิ้งมาเสียนานจนเกือบลืมไปแล้วว่า



เขาชื่อ ฮิบาริ  เคียวยะ....



ฮึ...แต่คิดดีแล้วหรอ ที่จะให้นักฆ่าอย่างเขาไปคุ้มครอง..... ไม่กลัวหรือไงว่าเขาจะเผลอขย้ำไปโดยไม่รู้ตัวน่ะ














ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่กับคนที่ปลิดชีวิตผู้อื่นราวกับผักปลาแบบเขา ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับกลับกลายช่วงเวลาแห่งฝันร้าย เขาจึงใช้เวลาที่จะพักเพียงไม่นานแล้วเลือกที่จะตื่นแต่เช้าเพื่อลงมาสูดอากาศที่ก็ไม่ได้ถือว่าจะบริสุทธิ์สดใสอะไร ขายังคงก้าวเดินผ่านไปยังย่านตลาดเก่าคร่ำคร่าที่ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายของฝูงชนซึ่งมาจับจ่ายใช้สอย ถึงจะน่ารำคาญแต่มันก็เป็นแหล่งกลบดานชั้นดี เพราะกลิ่นที่ผสมปนเปพวกนี้มันช่วยลบเลือนกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งออกมาจากร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี


เสียงพูดคุยต่อราคาไปจนถึงด่าทอดังข้ามหัวไปมา ตรอกแคบๆนั้นเบียดเสียดไปด้วยชาวจีนจนดูน่าอึดอัด  แต่เขาก็ยังแฝงกายเข้าไป


เขาไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก....


ยังคงไม่ชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนมาสุมหัวกัน....แต่ที่ยังเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันของอาหารข้างทางและเสียงดังเซ็งแซ่แบบนี้ได้นั่นก็เพราะเขามองไม่เห็น....ว่าที่อยู่รอบกายเป็นสิ่งมีชีวิต....


บัดนี้สำหรับเขามีเพียงเป้าหมายเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิต และต้องริดมันทิ้งไปก็เท่านั้น


ขาเลือกที่จะไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านโจ๊กเก่าๆ ก่อนจะตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะหนึ่งในสองตัว สภาพภายในร้านทั้งคับแคบทั้งเหม็นอับ แต่ชามใส่โจ๊กนั้นกลับหอมกรุ่นและอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาเหลือบมองรอบๆกายอย่างระแวดระวัง เพราะเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับกลิ่นเลือด ดวงตาจึงต้องถูกลับจนคมกล้าอยู่เสมอ


หนังสือพิมพ์ยับยู่ยี่ถูกกางขึ้นมาบังใบหน้าเอาไว้ หน้ากระดาษแผ่นข้างในถูกพลิกเปิดๆไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก จนกระทั่งดวงตาเหลือบไปเห็นหน้าที่เกี่ยวกับวงสังคมชั้นสูง.....ภาพทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มธุรกิจชื่อดังถูกพิมพ์หลาอยู่หนึ่งในสี่ของหน้า.....นัยน์ตาจึงจับจ้องมองอย่างจดจำรายละเอียด


เพราะพรุ่งนี้ชีวิตของเด็กนี่ก็กำลังจะตกอยู่ในกำมือของเขา...


ร่างเล็กๆดูบอบบางแต่กลับโดดเด่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมจากผู้คนที่อยู่ในชุดสูทหรูหราของงานราตรี แต่ที่น่าแปลกใจคือเด็กนี่เป็นผู้ชายหาใช่คุณหนูคนสวยอย่างที่ไอ้หัวสับปะรดเจ้าเล่ห์นั่นบอก ถึงรูปร่างจะไม่ใกล้เคียงกับเด็กวัยเดียวกันแต่ถึงอย่างนั้น ทายาทนักธุรกิจพันล้านก็มางานในสูทเข้ารูปสีขาวทั้งตัว.....ถ้าเป็นลูกสาวคงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนยอมให้มาเปิดตัวด้วยชุดแบบนั้นแน่


“ นี่อะไรน่ะ?”       เสียงเจือความสงสัยปนเอาแต่ใจของใครบางคนแว่วเข้ามาในหู และเมื่อเหลือบมองอยู่เบื้องหลังหนังสือพิมพ์นัยน์ตาของเขาก็เผลอหรี่ลงอย่างใช้ความคิด


ไม่น่าจะเป็นไปได้.......


“ ปลาหมึกเสียบไม้ไงแม่หนู...มีอยู่ทั่วเกาะฮ่องกงขนาดนี้อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักน่า...ว่าไง...จะเอากี่ไม้ ถ้าไม่เอาก็หลีกไปซะ เกะกะๆ”        เจ้าของร้านเชื้อชาติจีนแท้พูดจากับลูกค้าแบบไม่ใส่ใจนัก มือปัดๆไล่คนที่ยังคงยืนจ้องถาดอาหารเสียบไม้ย่างข้างถนนที่เต็มไปด้วยมันเยิ้มอย่างสนอกสนใจ


“ กินได้หรอ?”       ใบหน้าสวยที่ไม่ต่างไปจากในหนังสือพิมพ์ที่เขาถืออยู่เบ้ปากหลังจากมองกองอาหารบนถาดอยู่นาน


“ วะ! ยัยเด็กนี่! หาเรื่องกันหรือไง ห๊ะ!      ร่างท้วมหน้ามันจากควันเตาย่างเดินอาดๆออกมาจากหลังร้าน แต่ร่างบอบบางในเสื้อแขนยาวมีฮูดสีดำกับกระโปรงสั้นลายสก๊อตสีแดงเลือดนกส่งให้ขาขาวยิ่งดูเรียวสวยภายใต้ถุงน่องสีดำกับรองเท้าบูทสูงคนนั้น กลับไม่เกรงกลัว ใบหน้าสวยเชิดขึ้นจนผมสีเงินสั้นระต้นคอส่องประกายระยิบระยับเมื่อจับต้องกับแสงแดด


ไม่น่าจะเป็นไปได้........


“ ก็ถามดีๆนี่!       แต่ไอ้ท่าทางไม่กลัวใครและเอาแต่ใจแบบนั้น มันกลับทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะตรงดิ่งไปคว้าแขนเล็กแล้วออกแรงลากจนร่างทั้งร่างแทบจะติดมือไป


“ อ๊ะ!! นายเป็นใครเนี่ย! ปล่อยนะ!! บอกให้ปล่อย!        เสียงโวยวายลั่นนั่นไม่ได้ทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจมากนัก...เพราะย่านร้านตลาดแบบนี้ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะร้องแค่ไหนหรือจะเป็นจะตายยังไง ก็ยังคงไม่มีใครสนใจและต่างดำเนินต่อไปแต่ชีวิตของตน


มือที่แข็งแรงดุจคีมเหล็กของเขายังคงบีบข้อมือเล็กแล้วลากให้เดินตามมา นัยน์ตาเหลือบมองใบหน้างอง้ำนั้นเป็นระยะๆสลับกับลอบสังเกตรอบๆกายที่เห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ.....


ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครดูออกเลยก็ตาม....


แขนเล็กยังพยายามที่จะสะบัดมือของเขาให้หลุด ท่าทางพยศยิ่งกว่าม้าอีกทั้งนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวเอาแต่ใจบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเด็กนี่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างถูกตามใจแค่ไหน


ก็สมกับที่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มธุรกิจอันดับหนึ่งของฮ่องกง....


แต่ยิ่งสะบัด มือของเขาก็ยิ่งบีบรัดข้อมือเล็กๆนั้นมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีแดงนั่นตั้งใจจะโวยวายออกมาอีก แต่ชั่วพริบตาที่ประกายสีเงินของอะไรบางอย่างแว่บเข้ามาในดวงตา ทั้งริมฝีปากทั้งข้อมือต่างก็ถูกเขาหยุดและฉุดรั้ง ร่างบางๆเซถลาซบลงมาที่หน้าอกก่อนที่แขนอีกข้างของเขาจะตวัดกอดเอาไว้แล้วกลิ้งไปตามพื้นพร้อมๆกัน



ปัง! ปัง! ปัง!!!



เสียงปืนดังลั่น และไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วย่าน ความสับสนอลหม่านจากผู้คนมากมายที่พยามจะวิ่งหนีตาย ทำให้เขาพลิกตัวก่อนจะดันร่างในอ้อมแขนเข้าไปยังซอกตึก หลบสายตาของนักฆ่าชั้นปลายแถวได้อย่างไม่ยากเย็น


พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเลือกให้เขามาคอยคุ้มครองเด็กนี่ ทั้งๆที่เขาเป็นนักฆ่า


นักฆ่าย่อมเข้าใจนักฆ่า....และน่าจะรู้ว่ากระสุนจะมาจากทางไหน


ฮึ...แบบนี้ก็น่าสนุกดี....เกมส์ที่เดิมพันด้วยชีวิต




ร่างในอ้อมแขนขยุกขยิกให้เขาก้มหน้าลงไปมอง ใบหน้าใสที่อยู่ใกล้แค่คืบนั้นกำลังพยายามยื่นหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆออกไปมองภาพเบื้องหลังโดยใช้ไหล่ของเขาเป็นที่กำบัง เสียงหัวใจเต้นระรัวได้ยินชัดเจนจากร่างกายที่แนบชิด จากใบหน้าที่เอาแต่ใจกลับกลายเป็นกังวล แต่โดนตามล่าขนาดนี้เด็กนี่กลับไม่ได้หวาดกลัวจนไร้สติ


แปลว่าคงรู้ตัวอยู่แล้วงั้นสิ....


ก็แค่สัตว์กินพืชตัวเล็กๆที่ต้องเป็นเหยื่อในเกมส์ไล่ล่าของเขา


ริมฝีปากเผลอแสยะยิ้มเพราะในใจกำลังตื่นเต้นกับการละเล่นตรงหน้า.....ดูซิว่าพวกมันจะทำยังไง....ถ้าหากเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเหยื่อตัวนี้ไปจากเขา....หากเด็กนี่จะต้องตายเขาจะเป็นฝ่ายขย้ำมันเอง






แขนบางๆถูกลากให้ออกเดินอีกครั้ง ท่ามกลางซอกซอยเหม็นอับที่เขารู้จักทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี เจ้าสัตว์กินพืชนั่นยังคงพยศเหมือนเดิมถึงแม้จะต่างจากเมื่อก่อนหน้านิดหน่อยนั่นก็คือริมฝีปากสีแดงนั่นไม่ร้องโวยวายให้หัวกระสุนมันตามหาพวกเขาเจอได้ไวขึ้น


โทรศัพท์มือถือสีดำถูกยกขึ้นมายามที่เด็กนั่นคิดว่าเขากำลังเผลอ แต่ก่อนที่จะได้กดอะไรลงไปไหล่บอบบางทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับจนแผ่นหลังกระแทกกำแพง นัยน์ตาสีมรกตปิดลงด้วยรู้สึกเจ็บเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาจ้องมองที่เขาเขม็งอย่างเคียดแค้น ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอออกคงตั้งใจจะด่าอะไรแต่เขากลับหยุดมันด้วยคำพูดเพียงคำเดียว


“ โกคุเดระ ฮายาโตะ...”        


ใบหน้าใสนิ่งค้างอย่างตกตะลึง ร่างกายที่เคยต่อต้านกลับนิ่งงันในทันที


“ นะ....นายรู้จักชื่อนั้นได้ยังไง....”


“ เพราะฉันคือคนที่จะต้องไปญี่ปุ่นพร้อมกับแก”          เขาตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหันหลังไประแวดระวังใครก็ตามที่กำลังจะเดินผ่านไป และในขณะที่กำลังจะขยับกายมือของเจ้าสัตว์กินพืชนั่นก็คว้ามาที่แขนเสื้อ


“ นายคือบอดี้การ์ดของฉัน ตามที่ป๊าบอกงั้นหรอ? ฉันจะไม่เชื่อจนกว่านายจะบอกชื่อของนายมา!       นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวมองสบประสานมาอย่างเอาจริงเอาจัง มันทำให้เขาเบือนหน้าหนีก่อนจะยิ้มเหยียด ชื่อของเขาน่ะหรือ......


“ ฮิบาริ  เคียวยะ”



โครม!!!



เสียงลังไม้ล้มระเนระนาด เขาเพียงแค่เหลือบตาไปมองและไวเท่าสัญชาติญาณมือก็คว้าหัวสีเงินให้ก้มหลบลง



ปังๆๆ!!!



เสียงปืนดังติดต่อกันอีกหลายนัด ทำให้ไม่มีเวลาสงสัยอะไรอีกต่อไป ขาทั้งสองคู่วิ่งไปตามตรอกเล็กๆที่ทั้งมืดทั้งแคบ เสื้อโค้ทสีดำถูกตวัดคลุมร่างเล็กๆที่ก้มหัวซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสียงกันสาดผุพังร่วงกราวไล่หลังมาไม่ขาดสาย...... ช่างเป็นพวกที่ใช้กระสุนได้เปลืองจริงๆ....


แสงสว่างตรงหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าตรอกแคบๆนี่กำลังจะสิ้นสุดลง เสียงรถวิ่งทำให้รู้ได้ว่าข้างหน้าคือถนนใหญ่ เขารู้ดีว่าไม่ควรจะวิ่งออกไป ....แต่ทว่า.....มันไม่ทันแล้ว เมื่อคนในอ้อมแขนวิ่งนำออกไปด้วยความตระหนกจนไม่ได้มองหรือรับรู้สิ่งรอบกาย


สิ้นสุดแสงสว่างจ้า  นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อต้องยืนเผชิญหน้าอยู่กับชายในชุดสีดำที่ต้องการชีวิตของตน….


แผ่นหลังบางได้แต่ชะงักงันราวกับเวลานั้นหยุดอยู่กับที่....





ปัง!!!





มือบางจับกุมอยู่ที่หน้าอกของตัวเอง แต่ทว่าคนที่ล้มลงไปกลับเป็นชายตรงหน้า ใบหน้าสวยที่ยังคงหวาดผวาและเกร็งเขม็งค่อยๆหันมามองเขาที่ก้าวเข้าไปยืนเคียงข้าง


เขม่าลอยคลุ้งจากปากกระบอกปืนในมือ….


ไม่มีเวลาให้แม้แต่จะหายใจ....มือของเขาคว้าแขนบางให้ร่างของเด็กนั่นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้งก่อนจะตวัดตัวกลับไปหาตรอกคับแคบ....เขาไม่ได้จะก้าวเข้าไป.....เพียงแต่ยืนมั่นอยู่กับที่พร้อมปากกระบอกปืนที่แน่วแน่....และใครก็ตามที่ก้าวขาออกมา......






ปัง! ปัง! ปัง!!






ระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าเด็กนั่นยังคงมีเท่าที่แขนจะเอื้อมถึง จะบอกว่าเด็กนั่นยอมเดินตามมาอย่างเงียบๆก็คงไม่ถูกนักในเมื่อเขาเป็นฝ่ายลากมาเอง ใบหน้าใสดูเหนื่อยล้าและการที่เห็นเขาฆ่าคนไปต่อหน้าต่อตาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกเช่นนี้คงทำให้อีกฝ่ายเข็ดขยาดและหวาดกลัว....เพราะเช่นนั้นจึงเลิกคิดที่จะต่อต้านแล้วกระมัง


ประตูเหล็กเก่าๆถูกเปิดออกโดยไม่ต้องไขกุญแจ ในห้องนี้ไม่มีของมีค่าอะไรให้ต้องรักษา อีกทั้งเวลาที่หนีมาคงไม่มีเวลาพอที่จะมัวมานั่งไข และเมื่อเหวี่ยงร่างเล็กๆเข้าไปในห้อง กลอนที่ดูแน่นหนาพอสมควรก็ถูกสับลง 


นัยน์ตาสีมรกตมองที่ประตูสลับกับหน้าของเขาราวกับอยากจะพูดอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็ทำเพียงแค่เสหน้าไปอีกทาง


พฤติกรรมทุกอย่างก็เป็นเหมือนๆสัตว์กินพืชทั่วๆไป....ที่จะหวาดกลัวต่อสัตว์กินเนื้อที่ร้ายกาจราวกับปิศาจเช่นเขา.....


ไม่มีอะไรต่างไปเลย.......


ไม่ว่าใครก็หวาดกลัว ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเข้าใกล้ จนสุดท้ายแล้วก็จะหนีไปไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยบอกว่าจะรักและจะอยู่เคียงข้างกันจนกว่าหมดลมหายใจ....คนที่ทำให้เขาทิ้งชื่อ ฮิบาริ เคียวยะ แล้วจากบ้านเกิดมา....


ถึงแม้เจ้าเด็กนี่จะทำให้เขาต้องกลับไปใช้ชื่อที่ไม่อยากคิดถึงอีกครั้ง.....แต่มันกลับไม่มีอะไรที่ต่างไปเลย.....


“ เหม็น......”        คำพูดที่ทำเอาเขาหลุดออกจากภวังค์แล้วหันใบหน้าเรียบเฉยกลับไปมองเจ้าตัวดีที่เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงเหล็กขึ้นสนิม


“ จะให้ฉันอยู่ที่นี่น่ะหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก ทั้งสกปรกทั้งเหม็น พาไปหลบในที่ที่มันดีกว่านี้หน่อยสิ อย่างเช่นในร้านเค้กที่คนธรรมดาเค้าไปกินกัน”       ใบหน้าหยิ่งยโสกลับมาเชิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสองแขนที่ยกขึ้นมากอดอก....จะบอกว่าความเอาแต่ใจมันมีมากกว่าความหวาดกลัวอย่างงั้นหรอ?


ชักจะน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อย....แบบนี้คงต้องปล่อยเอาไว้ก่อนที่จะขย้ำทิ้ง


เขาแสยะยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องกลับมาอย่างไม่กลัวเกรง มือยกขึ้นจับลำคอระหงอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวก่อนจะออกแรงกดให้แผ่นหลังบางๆติดไปกับผนัง นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวปิดลงข้างหนึ่ง เขาคงจะเผลอใส่แรงมากไปหน่อย....ถึงจะปากกล้าแต่เด็กนี่ก็ยังเป็นแค่เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินแถมบอบบางยิ่งกว่าแก้วเจียระไน


“ ผู้ชายสินะ...”        มือที่บีบต้นคอลูบอยู่ที่คอหอย อวัยวะอีกอย่างที่สามารถทำให้แยกแยะได้ว่าคนตรงหน้าเป็นเพศอะไรกันแน่ ถึงแม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กนี่เป็นผู้ชาย แต่ยามที่แต่งตัวราวกับเด็กผู้หญิงแบบนี้แล้วมันก็ทำเอาสับสนได้ไม่ยาก


“ ห๊ะ!! อ๊ะ!! ชะ ชั้นไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้นะ แต่ว่า...แต่ว่า........”          ใบหน้าเนียนก้มงุด สีแดงระเรื่อลุกลามไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานใบหน้านั้นก็เชิดกลับมาพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวเฉกเช่นเดิม


“ แต่ว่า...?”


“ กะ...ก็แค่.....”        ถึงจะทำเป็นห้าวหาญ แต่เจ้าสัตว์กินพืชตัวเล็กๆนี่ก็ยังอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมบอกตามเดิม


“ หนีออกมาเลยต้องปลอมตัว?”       และราวกับเขาพูดแทงใจดำ ร่างตรงหน้าสะอึกก่อนจะสะบัดหน้าหนี


“ ก็ชั้นไม่อยากไปญี่ปุ่น...”         ใบหน้าใสพ่นลมหายใจทำแก้มป่องก่อนจะบ่นงึมงำถึงความในใจ นัยน์ตาที่แข็งกร้าวคู่นั้นดูราวจะหงอยเหงาอยู่ชั่วครู่


“ ลูกแหงติดบ้าน ?”        


“ แก๊!!         และเมื่อเจอเขาพูดจายั่วโมโห นัยน์ตาคู่นั้นก็กลับมาแข็งกร้าวพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่อย่างไม่กลัวเกรง....วูบหนึ่งที่เขาเผลอยิ้มออกมาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานาน


“ แกจะอยากไปหรือไม่อยากก็ไม่ใช่ธุระของฉัน....แต่วันพรุ่งนี้แกจะต้องไปถึงญี่ปุ่นก่อน 6 โมงเย็น...และอยู่ที่นั่นจนกว่าหน้าที่ของฉันเสร็จสิ้น”




ชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ....

การใช้ชีวิตร่วมกัน.....ระหว่าง....

คนที่ทิ้งสิ่งที่เรียกว่าหัวใจไปแล้วแบบเขา....

กับคนที่ยังมีหัวใจแต่ไม่อาจกลับไปอยู่ใกล้ๆหัวใจของตัวเองได้อย่างเด็กนี่.....





.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.






เหม่อ........เมื่อไหร่จะไปถึงญี่ปุ่น..... (=_=)....Intro ยาวไปไหมเนี่ย?? ล่อไปทั้งตอนเลย อ๊ากกกกกก

เดินคอตกไปซบไหล่น้องสโนว์....แง~~~ เค้าขอโทษ~~~~....ความตั้งใจแรกคือ ระวีกานดา...แต่ทว่าดองไว้นานจัดเลยไม่รู้ว่าตอนนี้คาแรคเตอร์ของตัวละครมันเปลี่ยนไปกันขนาดไหนแล้ว พอจะลงมือแต่งฟิคเข้าจริงๆเลยออกอาการเกร็งสุดหูรูด เพราะงั้น....หันกลับมามองหลุมเดิม....ฟิครีบอร์นละกัน...ถ้างั้นแต่ง 1869 ตามที่เคยขอไว้ดีก่า....ก็หายไปลั้ลลาได้ซักพักหลังจากตัดสินใจได้...แต่ทว่า....นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าตรูอยากจะเขียนอะไร =[ ]= หันมาดูปฏิทิน....7วัน....7วัน.....ไม่ทันแน่ โฮกกกกก

งั้นหยวนๆ 1859 ละกัน เล่นมันง่ายๆงี้แหละ วะฮะฮะ (โดนโบก!)....แบบว่า....พอดีวันไหนซักวันเดินผ่านโทรทัศน์ซึ่งใครซักคนในบ้านเปิดเอาไว้แล้วมันกำลังฉาย  “ลิลลี่สีเลือด” (กุหลาบเฮ้ยสีกุหลาบ)อยู่ นึกสงสัยว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร เลยยืนดูซะ...^ ^”....(ออกทะเลได้อีกชีวิตมัน).....นางเอกรวย หนีอาเตี่ยมาจากฮ่องกง แล้วพระเอกคอยเป็นบอดี้การ์ดให้ เพราะนางเอกถูกอาเตี่ยตามให้กลับฮ่องกงไปแต่งงาน.....อะฮ้า.....คุณฮิก๊กเลยนี่หว่า...ยืมหน่อยแล้วกันส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจิ้นต่อเอง......(นี่มันลอกพล็อตชาวบ้านเค้านี่เฮ้ย!/ ไม่ใช่ชาวบ้านนะ นี่มันโสภี พรรณรายเลยนะ เรียนรู้จากครูถือว่าไม่ผิด...แถได้อีก)   ....ค่ะ....นี่คือแฟนฟิคชั่น  “ลิลลี่สีเลือด” feat.KHR ค่ะ..... (สรุปว่าไม่ได้มีเค้าเรื่องของเดิมทั้งสองเรื่องเลยงั้นสินะ....= =)

เป็นครั้งแรกที่เขียนแบบ Hibari ‘s Side ล้วนๆ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ สำหรับเรื่องนี้พอจะเข้าใจเลยค่ะว่าอ่านแล้วจะไม่รู้ว่าจะคอมเม้นต์เรื่องอะไร ฮ่าๆๆ แต่คนแต่งอยากแต่งแบบนี้เอง แบบที่มันเงียบๆงึมๆ ค่อยเป็นค่อยไป เบาๆเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้น แต่สายใยบางอย่างจะค่อยๆถักทอไปเรื่อยๆ  >/////<

ตอนแต่งฟังเพลงพวกนี้อยู่ค่ะ โดยเฉพาะเพลง Koishikute ของ Piko ที่เป็นแรงบันดาลใจของฟิคเรื่องนี้เลยละค่ะ บรรยากาศมันเลยดูเหงาๆเหมือนเพลง ต้องขอบคุณเจ้าของวันเกิดจริงๆที่แนะนำเพลงนี้ให้ได้รู้จัก ^ ^



และสุดท้ายที่อยากจะตะโกนกู่ร้องบอก หวออายหนี่ ( Wo ai ni) ให้ก้องโลก


สุขสันต์วันเกิดค่ะน้องสโนว์~~


ตอนต่อไปจะตามมาโดยไวนะคะ ปั่นไฟลุกอยู่ตอนนี้ ^ ^



  

4 ความคิดเห็น:

  1. เอร๊ยยยยยยย ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    เดี๋ยวเค้าขอไปจัดการกับฟิคตัวเองก่อนแล้วจะตามมาอ่าน อ่าน อ่าน เอริ๊กๆๆๆ 1859 คิดถึงง

    สะ สอบเสร็จแล้ว (ปาดเหงื่อ -_-;) มาอ่านฟิคพี่กวางดีกว่า อะฮ้า ^[]^ ดี๊ด๊าขึ้นมาทันทีเมื่ออ่านสมการกลับไปกลับมา 1859 โฮกกกกก

    มาเริ่มกันเลยเนอะ ฉากบรรยายคุณฮิจะเป็นหลัก ซึ่งดูอึมครึมและมืดมนสมคาร์แร็กเตอร์นักฆ่าดีมากๆค่ะ ดูเย็นชาไร้หัวใจดีจริงๆเลยอ่ะ ชอบบรรยายเปิด เกิดการเปรียบเทียบที่ขัดแย้งสวยมากๆ ปืนเข้าใจง่าย มนุษย์เข้าใจยาก

    หึหึหึ มีคนมาบอกข่าวบอกงาน ไอ้เรารึก็นึกว่าใคร ที่แท้พ่อหน้ามนทรงผมสัปปะรดเจ้าเก่าเจ้าเดิม เหอๆ และแล้วก็ไปรับคนสวย ตอนที่พระนางเจอกันแล้วยิงตู้มต้ามๆนั้นระทึกใจดีค่ะ เห็นฉากขึ้นมาราวมาเฟียที่รัก (เห้ย ลิลลี่สีกุหลาบเฟ้ย) คุณฮิตอนยิ้มแสยะนั้นคิดภาพตามแล้วเท่ขาดใจเลยค่ะ พร้อมมีคนสวยร่างบางในอ้อมกอด เอร๊ยยยยย ได้อารมณ์ปกป้องมาก พอพ้นอันตรายก็จับกด (ติดผนังๆ อย่ามองเค้าอย่างนั้นสิ ฮ่าๆ) เห็นด้วยกับคุณฮิ ก็หนูก๊กดันปลอมตัวแบบนี้ ใครเขาจะไปรู้ว่าเป็นผู้ชาย หน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณเธอคุณหนูผู้ดี สวยซะขนาดนี้

    ชอบหนูก๊กคาร์แร็กเตอร์นี้นะคะ ดูชินชากับการไล่ล่า ไม่หวาดกลัวเกินเหตุ (แต่มาอยู่กับคุณฮินี่แหล่ะ สั่นได้ก็สั่นแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ /โดนทอนฟาโบก)

    อา...เค้าจะไปญี่ปุ่นกันแล้ววววววววววว รอต่อไปว่าคุณหนูอยู่กับปิศาจร้าย ปิศาจจะอดทนไม่ขย้ำไปอีกนานแค่ไหนกัน

    เป็นอินโทรที่ยาวได้ใจดีจริงๆเลยค่ะ จะรอต่อไป (อย่าลืม 10 สิงหา นะพี่กวาง ย้ำอีกที 10 สิงหา หา หา )

    จรลีหนีหายยยย

    ตอบลบ
  2. จะบอกว่าเห็นฟิคใหม่อัพสองเรื่องพร้อมๆกัน แต่ดิ่งไปอ่าน 6927 ก่อนล่ะ อิอิ พี่กวางโบกกระเด็น ฮ่าฮ่า เค้าไม่ค่อยจะลำเอียงเลยใช่ม๊าาา อิอิ << มาบอกแบบนี้สงสัยคุณมุจะโดนพี่กวางกลั่นแกล้งอีกแน่ๆ ฮ่าฮ่า ข้อหาหมั่นไส้ :P

    ฟิคออกแนวบรรยายสินะค๊าา อ่านเรื่อยๆ เก็บรายละเอียดเล็กน้อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป คุณฮิปรับตัวเพื่ออำพลางตัว ผู้ใหญ่ขึ้นตั้งเยอะ ก็ต้องรู้จักแยกแยะอยู่แล้วล่ะนะ ก็ยังคงเป็นคนเงียบๆเหมือนเดิม ดูเหงาๆเน๊อะ รอใครสักคนมาทำให้ชีวิตอบอุ่นขึ้น มีสีสันขึ้น จะได้ไม่เหงาอีกต่อไป

    คนส่งข่าวไล่อ่านตัวหนังสือบนกระดาษด้วยตาสองสี อุฮิ >__< ทำงานด้วยกัน สินะค๊าา มาส่งข่าวให้ด้วย ความสัมพันธ์ระดับไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ไม่กัดกัน รู้ที่อยู่กัน พูดจาแทงใจดำรู้เรื่องเก่าๆก็คงจะ รู้จักกันมากพอตัวเลยเน้ออ

    คุณฮิไม่อยากไปญี่ปุ่นก็พอจะเดาสาเหตุได้ แต่ก๊กก็ไม่อยากไปญี่ปุ่นเหมือนกันหรอเนี่ย ทำไมน๊าา ไปเรียนอะไรกันน้อ หรือมีธุระอะไรต้องไปเจอไปจัดการ

    มือปืนไร้หัวใจคนนี้จะกลับมามีหัวใจอีกครั้ง เพราะคุณหนูเอาแต่ใจคนนี้หรือป่าว จะไปเจอสถานการณ์อะไรบ้างต้องรอลุ้น เหมือนหนังบู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน ทำให้หลงรักกันหรือป่าวนะ (พอดีทางนี้ก็ไม่ได้ดูกุหลาบสีเลือดอะไรนั่นเหมือนกันค่ะ)

    อินโทรหรอคะเนี่ย นึกว่าครึ่งเรื่อง 555+ แต่ก็ยังไม่ได้ออกจากฮ่องกงเลย ตอนหน้าคงไปถึงญี่ปุ่นกันสักที? หรอ? แล้วจะไปเจออะไรยังไงกันน๊าา

    ก๊กแต่งตัวแบบเด็กผู้หญิงด้วยล่ะ ตอนแรกแอบคิดว่าแฟชั่นใหม่หรอ ใส่กระโปรงสก๊อต ฮ่าฮ่า ทีแท้ก็ปลอมตัวใช่มะ แค่หน้าตาทรงผมอะไรๆก็เหมือนเด็กผู้หญิง เพราะงั้นง่ายนิดเดียวแต่ใส่กระโปรงก็พอ

    จอรอดู?อ่าน?บอดี้การ์ดขย้ำเด็กในความดูแลฮับ หึหึ

    สุดท้ายยก่อนจะจบเม้นท์ต้องบอกว่า HBD น้องกี้ด้วยคนค่าาา

    ตอบลบ
  3. อร๊ายยยยยย

    ก๊กน่ารักน่ากิน

    5555+

    ท่านฮิแอบเคลิ้มหล่ะเซ่

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ6 สิงหาคม 2566 เวลา 07:46

    จะฆ่ากันก่อนหรือเปล่าา

    ตอบลบ