KHR AuS.Fic [Valentine] BLACK LotuS : 8059


KHR AuS.Fic [Valentine]  BLACK LotuS : 8059

: KHR Au Fanfiction
: 8059  
: DarkDrama 
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ดอกบัวคือสิ่งที่ผู้คนเทิดทูล แต่หากสิ่งที่เทิดทูลนั้นกลับดำมืด....

ถึงอย่างนั้นดอกบัวก็คือดอกบัววันยังค่ำ....


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.




เพอร์เฟค


คงเป็นคำที่เหมาะสมกับคนที่ยืนอยู่ในสายตาของผมอย่างที่สุด


ผมไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว....


คนที่ยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายปีที่สองคนหนึ่ง เขากับผมอยู่คนละห้องกันและแทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย  เพราะดูเหมือนเส้นทางของผมกับเขาต่างก็แยกกันไปคนละทาง  เขามีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่ง วันๆก็เอาแต่จับปากกาและคงไม่คิดที่จะออกไปโดนแสงแดด ผิวเนียนนั่นถึงได้ขาวจัดต่างจากผมซึ่งวิ่งอยู่ท่ามกลางแสงตะวันแทบจะทั้งวัน  เขามาจากตระกูลนักธุรกิจชั้นนำต่างจากผมซึ่งเป็นลูกชายของร้านซูชิธรรมดาๆ  เขาไม่เคยยิ้มแต่ถึงอย่างนั้นใครต่อใครต่างก็หลงใหลในตัวเขา


“ โกคุเดระ....”


เสียงของเด็กหนุ่มที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ซึ่งเพิ่งเดินมาถึงและตรงเข้าไปรวบเอวบางนั่นเข้าไปแนบชิด ใบหน้าสวยเพียงแค่หันมายิ้มเหยียดที่มุมปาก นัยน์ตาสีมรกตเหยียดมองก่อนที่จะหันหน้ากลับไปที่นอกหน้าต่าง ปล่อยให้อีกคนกอดกระชับโดยไม่คิดจะโต้ตอบใดๆ


ใช่...ทุกคนต่างหลงใหลในตัวเขาและต่างก็คิดว่าตนจะสามารถหยุดยั้งสายลมที่ไม่อาจจับต้องให้กลายมาเป็นของตัวเองได้


แต่มันกี่คนกันแล้ว...ที่โดนหลอกให้รักหัวปักหัวปำแล้ววันหนึ่งก็โดนเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี


เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ และผู้ชายส่วนใหญ่ก็ไม่อาจต่อต้านอำนาจแห่งไฟราคะของเขาได้ ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนหากได้อยู่ใกล้เขา...ไม่นานก็ต้องยอมสยบอยู่แทบเท้า....รายไหนก็รายนั้น


ผมได้ยินชื่อเสียงของเขามามากพอดูและรู้ตัวว่าไม่ควรจะอยู่ใกล้โดยเด็ดขาด ผมไม่รู้ว่าเขาหลายใจหรือว่าไม่เคยรักใครจริง แต่การที่จะกอดหรือจูบกับใครก็ได้แบบนั้นคงไม่ใช่คนที่ผมต้องการมาอยู่เคียงข้างอย่างแน่นอน


คนที่ร้อนราวกับไฟอย่างเขาคงไม่อาจอยู่เคียงข้างน้ำที่เย็นฉ่ำอย่างผมได้...


“ ทาเคชิ! คอยนานไหม?”


น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยเรียกผมจากทางด้านหลังให้ผมหันไปพบกับใบหน้าสวยที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคบกันมาได้หลายปี เธอคือผู้หญิงที่ดีที่สุด ทั้งน่ารักและอ่อนโยน เธอคือดวงตะวันอันอบอุ่นซึ่งผมสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะรักเธอตลอดไป....


ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เธอก่อนจะยื่นมือออกไปกุมมือเล็กๆนั่นเอาไว้แล้วก้าวเดินไปตามระเบียงทางเดินด้วยกัน โดยไม่ทันได้เห็นสายตาอีกคู่ที่มองตามมา














ฮึ....ความรักงั้นหรอ?


มันมีจริงซะที่ไหนไอ้ของแบบนั้น....


ริมฝีปากเหยียดยิ้มก่อนที่มือจะผลักคนที่เกาะอยู่ที่หลังออกไปให้พ้นตัว...น่ารำคาญ....ทำไมถึงได้มีแต่คนงี่เง่าทั้งนั้นที่เข้ามาพัวพันกับผม....ทั้งๆที่คิดว่าถ้าทำตัวดีๆซักนิดก็จะยอมคบให้นานสักหน่อยแท้ๆ ผมสะบัดมือที่พยายามจะฉุดรั้งผมเอาไว้ออกอย่างไม่ไยดี ก่อนจะทิ้งให้ผู้ชายที่ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสมเพชนั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น


ขาก้าวเดินตามคู่รักตัวอย่างของโรงเรียนไปอย่างนึกสนุก....


เขาเป็นคนเดียวที่ไม่หลงไปกับเสน่ห์ลวงตาของผม


ทั้งๆที่ใครๆต่างก็หมายปองในตัวผมแต่เขากลับไม่ยอมเข้าใกล้ มือใหญ่คู่นั้นยังคงจับมือของผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดเวลา...ผมไม่ได้อิจฉาแต่บางครั้งก็คิดว่าอยากจะลองพิสูจน์ดู...ว่าความรักมันมีจริงๆในโลกใบนี้หรือเปล่า


แผ่นหลังกว้างของเขาช่างเหมาะสมกับแผ่นหลังแบบบางของเธอ....ทั้งสองคนเป็นคู่รักที่ไม่ว่าใครในโรงเรียนต่างก็อิจฉา...เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอนั้นช่างเหมาะสมกันอย่างที่สุด เขาคือนักเบสบอลความหวังของชมรมส่วนเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโรงเรียน


เวลา...ที่เขาและเธอต่างบอกว่ารักกันมา....มันจะเพียงพอที่จะพิสูจน์คำว่ารักหรือเปล่านะ


รัก....คำที่คนอย่างผมคงจะไม่มีวันเข้าใจ....















แสงแดดสีส้มที่ส่องกระทบพื้นทางเดินทำให้ขาของผมรีบก้าวให้เร็วกว่าปกติ วันนี้ผมก็ซ้อมจนเย็นและเธอคงจะรอผมอยู่ที่ห้องเรียนอย่างไม่ต้องสงสัยเพื่อที่เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน เธอไม่เคยต่อว่าหรือแสดงท่าทีแง่งอน ไม่เคยเอาแต่ใจให้ผมต้องลำบาก ผมเฝ้าคิดมาตลอดว่าผมช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีที่มีแฟนน่ารักและเข้าใจในตัวผม


จนแม้แต่สิ่งที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่งคือเบสบอล...เธอก็ยังไม่ว่าอะไร...


พ้นจากเลี้ยวที่มุมบันไดนี้ไปก็จะเป็นห้องเรียนของผมและเธอก็คงจะนั่งรออยู่ที่นั่น แต่ก่อนจะได้ก้าวไปแผ่นอกของผมก็ชนเข้ากับหัวสีเงินของใครบางคนจนอีกฝ่ายล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้น ผมรีบก้มลงไปขอโทษเพราะมัวแต่รีบเลยไม่ทันระวัง แต่เมื่อใบหน้าของคู่กรณีเงยขึ้นมามือที่จะยื่นไปให้จับก็ต้องหยุดชะงัก


....โกคุเดระ ฮายาโตะ.....















....ยามาโมโตะ  ทาเคชิ......


เขาน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้อีกนิด...เพราะมัวแต่รีบเลยเข้าแผนของผมได้อย่างง่ายดาย...


ริมฝีปากเหยียดยิ้มร้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่โดยเลือกใช้ใบหน้าที่เย่อหยิ่ง มือชะงักค้างที่เหมือนจะยื่นมาให้ ผมก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นก่อนจะพยายามพยุงตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล และในที่สุดเขาก็ขยับมือที่นิ่งค้างนั่นมาจับที่ไหล่ผมเพื่อช่วยพยุง


ผมปัดมือนั้นออกด้วยใบหน้านิ่ง แสดงให้เขารู้ว่าผมหยิ่งยโสและไม่ต้องการความช่วยเหลือ....เพราะผมรู้....ว่าเขาไม่มีทางหลงเสน่ห์ของผมแน่หากจงใจเย้ายวนเขา...และผมเอง...ก็ไม่ได้ต้องการให้เขามาหลงรักผมเหมือนคนอื่นๆ....แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ......


เสียงฝีเท้าแว่วมาไม่ไกล.....ร่างที่ทรงตัวไม่อยู่ของผมจึงเซไปมาก่อนจะล้มลงในอ้อมแขนของเขาที่ยื่นเข้ามารับอย่างไม่ได้คิดอะไร....ที่หางตาแลเห็นผู้หญิงคนนั้นหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่....ผมจึงค่อยๆละออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างช้าๆ จงใจให้ใบหน้าเฉียดเข้าไปใกล้ปลายจมูกเป็นสันของเขา ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นไปสบดวงตาสีเปลือกไม้นั้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงทำให้เขารู้ว่าผมเขินอาย....เพื่อปกปิดรอยยิ้มร้ายที่กำลังจะเผยออกมา


ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้หญิงคนนั้นวิ่งหนีไปก่อนที่ใบหน้าคมของเขาจะเงยขึ้นไปมองอย่างตื่นตะลึง


“ เดี๋ยวก่อน!!!      เขาตะโกนออกมาพร้อมกับวิ่งตามเธอไป


ส่วนผมก็ได้แต่ยืนยิ้มสะใจอยู่เบื้องหลัง.....มือกำผ้าเช็ดหน้าที่แอบคว้ามาจากกระเป๋ากางเกงของเขา ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์




ความรักมันมีที่ไหนกัน....

แต่หากมันมี....ฉันก็จะทำลายมันเอง....















กว่าที่ผมจะปรับความเข้าใจกับเธอได้ก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ เธอบอกว่าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแต่ใบหน้ากลับยังเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ....บางครั้งมันก็ทำให้ผมหงุดหงิด....หงุดหงิดที่เธอไม่สงสัย หงุดหงิดที่เธอไม่ต่อว่าอะไรผมเลย สิ่งที่เราแสดงออกต่อกันมีเพียงความความอบอุ่นและอ่อนโยน....แต่ผมรู้ตัวดีว่าแท้ที่จริงแล้วการที่เราจะรักกันมันไม่ได้มีแต่ด้านนี้ด้านเดียวเท่านั้น....เราไม่เคยทะเลาะกัน....เพราะต่างก็พยายามไม่ทำในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ชอบ.....ผมรู้...ว่ามันเป็นความคิดที่ผิด...เพราะตะกอนแห่งความสงสัยและความไม่พอใจมันมีแต่จะทับถมอยู่ในใจของเรา....จนวันหนึ่ง...มันอาจจะเต็มจนล้นทะลักผลักดันให้สิ่งที่ใส่มันอยู่นั้นพังทลาย....


เธอเดินเงียบๆอยู่ข้างๆผมเช่นทุกเช้า แต่วันนี้ดูจะเงียบผิดปกติ ผมไม่เห็นว่ามีอะไรจะต้องกังวลใจ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าผมเองก็เป็นที่ต้องตาของสาวๆมากแค่ไหน และเธอก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้ง....หรือจะเป็นที่ครั้งนี้คนที่เธอรู้สึกว่าต้องสู้ด้วยคือ โกคุเดระ ฮายาโตะ?  เธอจึงกังวลใจจนผมรับรู้ได้แบบนี้


มือของผมกอบกุมลงไปที่มือของเธอก่อนจะบีบเบาๆให้เธอมั่นใจในตัวผม ให้เธอรู้ว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นไม่อาจจะทำอะไรผมได้.....


นัยน์ตาสีมรกตที่แตกต่างไปจากที่ผมคิด....มันไม่ได้เย้ายวนหลอกล่อให้ติดกับ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองจนน่าสยบ


ผมเดินมาส่งเธอที่หน้าห้องเรียนซึ่งอยู่คนละห้องกับผม เมื่อมือเลื่อนเปิดประตูให้ สายตากลับถูกสะกดด้วยประกายสวยงามที่กระทบเส้นผมสีเงิน ใบหน้าสวยของเขาเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ร่างบางในเสื้อเชิ้ตสีขาวราวกับจะหายไปกับแสงอาทิตย์ ผมเพิ่งเคยเห็น...ว่าเขางดงามขนาดไหน....และผมลืมไปได้ยังไงว่าเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกับเธอ
















รอยยิ้มน้อยๆเผยออกมาเมื่อเสียงประตูเลื่อนถูกปิดลง


ขนาดผมนั่งอยู่ตรงนี้ยังรับรู้ได้ถึงสายตาที่เขามองมายังผม...แล้วเธอ...ที่ยืนอยู่ใกล้กันขนาดนั้นจะไม่รู้ได้ยังไง....ผมลุกขึ้นจากโต๊ะช้าๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าที่วางไว้ใต้โต๊ะแล้วเดินไปยังโต๊ะของเธอ


“ ฝากคืนให้เขาด้วย...”     ผมวางผ้าเช็ดหน้าลงไปที่โต๊ะของเธอก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ความสงสัยมันชักพาความไม่ไว้ใจมาให้กับคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ต่อไป


ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างสนามเบสบอล แน่นอนว่าผมไม่คิดจะใช้วิธีการออดอ้อนออเซาะแบบผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้น ผมไม่มีทางเดินเข้าไปหาใคร มีแต่คนอื่นๆจะเข้ามาหลงใหลในตัวของผมเอง หลงเสน่ห์แห่งความเหย่อหยิ่งถือตัวที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากจะกำราบให้อยู่หมัด


เสียงน้ำไหลลงกระทบกับอ่างคอนกรีตทำให้ผมลอบยิ้ม มือใหญ่ของคนที่กำลังล้างหน้าควานหาผ้าขนหนูที่พาดๆไว้แถวๆนั้น ผมจับมันขยับออกไปให้ไกลกว่าเดิมแล้วมือใหญ่นั่นก็ยิ่งควานหาเป็นบ้าเป็นหลังยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งเสียงหัวเราะของผมหลุดออกไปเขาถึงได้ลืมตาขึ้นมาก่อนจะกระโดดถอยหลังด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ผมหัวเราะหนักกว่าเก่าจงใจให้เขาเห็นใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของผมก่อนจะทำท่าทางเหมือนเพิ่งรู้ตัวแล้วกลับมาตีหน้านิ่งหยิ่งผยองดังเดิม


เขามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป....


แบบนั้นแหละ ดีแล้ว....


ผมทำท่าจะเดินผ่านไปแต่มือของเขาก็คว้าแขนของผมเอาไว้


แบบนั้นแหละ....ดีแล้ว....


“ ขานาย...เมื่อวานนี้ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ดู”      ที่ชนกันเมื่อวานนั่นน่ะหรอ? จะเป็นไรได้ไงล่ะ? ในเมื่อทุกฉากนั่นคือสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมา ผมจึงส่ายหน้าสองสามทีก่อนจะพยายามเดินหนีอีกครั้ง แต่มือของเขาก็ยังคงจับแขนผมเอาไว้


แบบนั้นแหละ....ดีแล้ว....


นั่นก็เพราะว่า.....


“ ทาเคชิ....”       เสียงที่ฟังดูไร้เรี่ยวแรงของผู้หญิงคนนั้นทำให้ใบหน้าคมของเขาตื่นตะลึงก่อนจะมองข้ามไหล่ของผมไป ผมหันหน้าตามไปน้อยๆก่อนจะปล่อยสายตาเหยียดๆอย่างผู้ที่เหนือกว่าไปให้ ผ้าเช็ดหน้าในมือของเธอร่วงลงที่พื้นดินพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาที่สองแก้มดูแล้วช่างน่าสงสาร


แต่ผมมันร้ายกาจยิ่งกว่าปิศาจ....น้ำตาพวกนั้นจึงไม่อาจทำให้ผมรู้สึกอะไรได้


ไหล่ของเขากระทบกับไหล่ของผมเมื่อเขาวิ่งตามเธอไป...


ความรัก....มันไม่มีอยู่ในโลกใบนี้หรอก....ยามาโมโตะ ทาเคชิ

















ข่าวที่ถูกเล่าขานทุกวงสนทนาของเช้าวันนี้คงไม่พ้น เรื่องการเลิกกันของคู่รักตัวอย่างของเขาและเธอที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ใครจะไปคิดว่าคู่รักที่เหมาะสมและดูจะรักกันมากขนาดนั้นจะเลิกกัน แต่เมื่อชื่อมือที่สามถูกเอ่ยออกไปหลายคนกลับไม่รู้สึกแปลกใจ...ในเมื่อมันคือชื่อของผมเอง


ผมยังคงเดินต่อไปท่ามกลางสายตาเกลียดชังหรือไม่พอใจที่ส่งมาให้...แน่นอนว่าผมไม่รู้สึกอะไร....


ผมไม่เคยรู้สึกผิดที่ทำให้พวกเขาต้องเลิกกัน เพราะหากแค่นี้ยังผ่านมันไปไม่ได้.....ก็อย่าได้รู้จักคำว่ารักเลย


ได้ยินเสียงอ้อนวอนของใครบางคนแว่วมาและผมก็จำได้ว่ามันคือเสียงของเขา....ผมก้าวเท้าเข้าไปอย่างไม่ลังเล ภายในห้องมีเพียงเธอและเขา....มือของเขาพยายามจะรั้งมือของเธอเอาไว้ ใบหน้าของคนทั้งสองมีแต่ความเจ็บปวด ผมจึงได้แต่หยุดยืนดูอยู่ที่ประตู


“ โกคุเดระ! นายบอกเธอสิว่าเราสองคนไม่มีอะไรกัน ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ!     เขาตะโกนออกมาเพื่อขอให้ผมช่วย


“ ไม่รู้จัก?”      ผมตีหน้าเศร้าก่อนจะพูดออกไปเบาๆ ใบหน้าคมของเขาถึงกับชะงักค้าง ราวกับเพิ่งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร...คงจะรู้ตัวได้สักทีนะว่าทุกๆอย่างมันเป็นแผนการของผมเอง ผู้หญิงคนนั้นสะบัดมือของเขาแล้ววิ่งหนีไป แต่คราวนี้เขาไม่ได้วิ่งตามไปแต่กลับมองมาที่ผมด้วยสายตาน่ากลัว


“ ฮึ...”     ผมเพียงแค่หยักไหล่แล้วส่งยิ้มร้ายให้เขา....คิดว่าผมเจอพวกผู้ชายน่ากลัวๆที่ไม่คิดจะยอมเลิกกับผมมาเท่าไหร่แล้วล่ะ? พวกนั้นน่ะทำได้ทุกอย่างเพื่อฉุดรั้งผมเอาไว้เลยนะ...แล้วคิดว่าผมจัดการยังไงถึงได้รอดปลอดภัยมายืนอยู่ตรงนี้ได้กันล่ะ?















“ นายมันร้ายกาจที่สุด”     ผมกัดฟันพูดกับคนตรงหน้าที่เดินจากไปอย่างไม่ไยดี มือได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บใจ


ผมหวดลูกเบสบอลอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้เรี่ยวแรงทั้งหมดมันหายไป และเมื่อเดินขึ้นบันไดบ้านแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงผมจะได้หลับไปโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรอีก  ผมไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่ผมเฝ้าทะนุถนอมมาอย่างดีจะต้องจบลงแบบนี้ ทั้งรอยยิ้มทั้งความอบอุ่นของเธอ มันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว....เพราะเธอไม่เคยพูด เพราะเธอไม่เคยบอก ผมจึงไม่รู้เลยว่าเธอกักเก็บอะไรเอาไว้ในใจบ้าง จนกระทั่งมันระเบิดออกมาผมจึงได้รู้ว่า ที่เราต่างคิดว่าเรารักกันนั้นมันไม่ใช่....ความรักที่มีแต่ด้านดีเพียงด้านเดียวนั้นแท้จริงแล้วมันไม่ใช่ความรัก...


ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นตะกอนที่สะสมในใจของผมและเธอมานานแล้ว...แต่พอนึกถึงหน้าคนที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลาย ในใจกลับลุกเป็นไฟ


อยากจะแก้แค้น อยากจะบดขยี้ อยากจะทำให้ใบหน้าที่เย่อหยิ่งนั่นเต็มไปด้วยน้ำตาและสำนึกสักทีว่า การเอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่นมันเป็นเช่นไร


และแทนที่ผมจะตามหาผู้หญิงที่ผมรักเพื่อขอคืนดีอีกครั้ง ขาของผมกลับเดินไปตามเส้นทางที่คิดว่าโกคุเดระน่าจะอยู่ ผมควรจะเลิกยุ่งกับเขาและหนีออกมาให้ไกล แต่ใบหน้าเย่อหยิ่งเยาะเย้ยซึ่งทำราวกับว่าทุกคนนั้นต่ำเตี้ยจนต้องกลายเป็นเบี้ยล่างของเขาแบบนั้นมันทำให้ผมทนไม่ได้ ผมอยากจะสอนให้เขาได้รู้จักความเจ็บปวด แต่ผมก็ไม่ได้ฉลาดอย่างเขาถึงจะได้วางแผนและเล่นละครได้ไร้ที่ติเช่นเขา ผมมีก็แต่กำลัง....และคิดว่ามันคือสิ่งเดียวที่เหนือกว่าเขาอย่างแน่นอน


เสียงครางแผ่วเบาดังลอดออกมาจากประตูห้องเรียนซึ่งบัดนี้คงไม่มีใครอยู่แล้ว ในขณะที่ผมต้องอดทนต่อความเจ็บปวดเจียนตาย แต่เขากลับมาหาความสุขอยู่กับใครสักคน....มือของผมกำแน่น...มืออีกข้างกระชับไม้เบสบอลก่อนจะฟาดลงไปจนบานประตูหลุดออกจากผนัง  คนที่กำลังกอดกันอยู่ที่โต๊ะหลังห้องตัวหนึ่งหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว


ผู้ชายที่ผมจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งในโรงเรียนหันมองมาด้วยสายตาตกตะลึง แต่คู่กรณีของผมกลับมองมาด้วยสายตาเย็นชาดังเดิม คอเสื้อของเขาเปิดออกจนเห็นลาดไหล่ รอยจูบสีระเรื่อยังคงฝังอยู่บนต้นคอให้เห็นอย่างชัดเจน....ทั้งๆที่ผมเจ็บจนหายใจแทบไม่ออก....แต่เขากลับ......


ความโมโหพุ่งลิ่วไปทั่วร่างกาย ความชิงชังทำให้ผมขาดสติ มือกระชากแขนเล็กของเขาแล้วลากให้ตามมาก่อนจะหันไปเอาไม้เบสบอลชี้หน้าอีกคนที่ได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม     เลิกยุ่งกับหมอนี่ซะ ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!”


และผมจะเป็นคนเดียว ที่จะทำให้เขาเจ็บปวดอย่างที่สุด!!


ผมผลักเขาเข้าไปในห้องเก็บของก่อนจะล็อคประตูเสียงดังอย่างจงใจให้เขาได้ยิน แว่บหนึ่งซึ่งผมมองเห็นแววตกใจในดวงตาสีมรกตของเขา ก่อนมันจะกลับมาเย็นชาและเย่อหยิ่งดังเดิม


ผมพอจะรู้....ถึงวิธีที่เขาใช้รับมือกับบรรดาผู้ชายที่เคยคบกันมาว่าเขาเขี่ยคนพวกนั้นทิ้งได้อย่างไรถึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาเลย.....หลอกใช้ความรักของคนพวกนั้น.....เพราะพวกนั้นคิดว่าสักวันโกคุเดระอาจจะกลับมารักตนอีกจึงไม่ทำอะไรรุนแรง ได้แต่เฝ้ารออย่างไร้ความหมาย....


แต่มันใช้กับผมไม่ได้ผล...เพราะว่าผมไม่เคยรักเขา


และผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอ่อนโยนกับคนที่ทำลายความรักของผมด้วย!


ในขณะที่ผมเดินเข้าหา เขาก็ก้าวถอยออกห่าง ท่าทางเหมือนกำลังหาทางหนี มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกที่จะต้อนเขาให้จนมุม กับคนที่เคยแต่ทำร้ายคนอื่นอย่างเขา ให้มาโดนเสียเองบ้างจะได้สำนึกเสียที


นี่....ในนี้มันอึดอัด....ไปที่อื่นเหอะนะ       ดูเหมือนเขาจะเริ่มเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนอ้อนวอนผม แต่ผมจะไม่มีวันใจอ่อนยกโทษให้คนอย่างเขา  มือของผมบีบลงไปที่ข้อมือเล็กก่อนจะดันแผ่นหลังบางของเขาไปชิดกับผนังห้อง ใบหน้าสวยมีแววตกใจทั้งๆที่พยายามจะทำหน้าให้นิ่งเหมือนเดิม


“ กลัวอะไรล่ะโกคุเดระ....อย่างนายน่าจะคุ้นกับเรื่องแบบนี้ดีนี่?”     ผมแกล้งโน้มหน้าเข้าไปใกล้ลำคอที่เริ่มจะแข็งเกร็งของเขา รอยจูบสีแดงที่ฝังอยู่บนคอขาวทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง....ใจจริงแล้วผมไม่ต้องการที่จะถลำลึกกับเขาไปมากกว่านี้ ไม่ต้องการจะสัมผัสร่างกายที่แสนสกปรกซึ่งผ่านมือใครต่อใครมาไม่รู้กี่คนของเขา....เพราะสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำคือการใช้กำลังบังคับกักขังให้เขาอยู่ข้างๆผม ไม่ให้เขาไปยุ่งกับใครอีก ไม่ให้เขาไปทำร้ายใครอีก และผมก็รู้ว่ามันคงจะเป็นเรื่องยากและทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี....กับคนที่ไม่เคยพออย่างเขา


ใช่...ผมตั้งใจจะทำให้เขาไปไหนไม่ได้....ไม่ได้รับความรักจากใคร...แม้แต่ผม...


“ ปะ...ปล่อย.....”       ผมแกล้งเป่าลมอุ่นๆไปที่ใบหูที่พยายามหลบเลี่ยงของเขา สองแขนก็ยันผนังคร่อมลำตัวบางของเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้


“ อย่ามาแตะตัวชั้น! รู้หรือเปล่าว่าชั้นเป็นใคร! บ้านแกอาจจะล้มละลายได้ในชั่วพริบตานะ!       อ้อ....ใช่....ผมลืมไปได้ยังไงว่าบ้านของเขานั้นมีทั้งเงินและอำนาจ เพราะแบบนี้ใครๆเลยไม่กล้าหือกับเขา....แต่สำหรับร้านซูชิเล็กๆที่ศักดิ์ศรีอยู่เหนือปากท้องแบบครอบครัวของผมแล้ว....


“ ฮึ....คุณหนูเอาแต่ใจอย่างนายคงจะไม่มีใครดัดสันดานแย่ๆให้สินะ ถึงได้เห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นแบบนี้น่ะ...”       มือเล็กๆของเขาพยายามผลักแผ่นอกของผมออกอย่างเอาเป็นเอาตาย....


“ บอกให้ปล่อย!      เขารวบรวมแรงทั้งหมดผลักผมออกมาจนได้ ผมยืนมองท่าทางร้อนลนของเขาด้วยใบหน้านิ่งแบบที่ไม่เคยใช้กับใครมาก่อน แล้วดูท่าทางเขาเองก็จะตกใจกับท่าทีของผมเช่นกัน ใบหน้าสวยนั่นถึงได้ตื่นตระหนกและขาวซีด....ซึ่งผมกลับรู้สึกดีที่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของเขา.....


“ คนที่สันดานแย่คือแกเองต่างหาก! เหอะ...รักงั้นหรอ?....อย่ามาพูดให้ขำ ถ้ารักกันจริงแค่โดนฉันสะกิดนิดเดียวแค่นั้นมันก็ไม่ถึงกับเลิกกันหรอก ยัยผู้หญิงนั่นก็แค่หาเรื่องเลิกกับแกต่างหากละม้าง”       เขาถอยไปจนสุดขอบผนังก่อนจะกลับมาลอยหน้าลอยตาพูดจาถากถางผม


“ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักแกหรอก...แล้วแกเองรักยัยนั่นจริงๆน่ะหรอ?....ไม่ใช่ว่าคบกันเพราะคนอื่นบอกว่าเหมาะสมหรือไง....น่าสมเพชชะมัด”       ผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาทำหน้ายังไงตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา เพราะอารมณ์ที่กำลังดีขึ้นของผมกลับดำมืดขึ้นภายในชั่วพริบตาและสติที่มีขาดออกจากกันทันที


โครม!!!


“ คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาดูถูกความรักของฉัน!!!      ผมเหวี่ยงร่างบางๆของเขาลงไปนอนอยู่กับพื้นก่อนจะตามลงไปคร่อมแล้วกดสองมือเล็กๆนั่นเอาไว้กับพื้น


“ คนที่สกปรกทั้งตัวและหัวใจอย่างนายไม่มีสิทธิ์....”       ผมโกรธ ผมโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โมโหจนอยากจะบีบคอเขาให้ตายๆไปซะ


“ อื้อ!!!!       ริมฝีปากของผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากสีสดของเขาด้วยการบังคับ เขาพยายามสะบัดหน้าไปมาแต่ผมยึดปลายคางของเขาเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง บังคับให้เขาอ้าปากออกก่อนที่ผมจะสอดลิ้นเข้าไป...ในเมื่อเขาชอบเรื่องแบบนี้มากนัก....ผมก็จะทำให้เขาตายภายใต้จุมพิตที่เต็มไปด้วยความขมขื่นแบบนี้แหละ....ผมสอดลิ้นเข้าไปพัวพันกับลิ้นของเขาที่ไม่โต้ตอบอะไรแต่กลับต่อต้านผลักไสอย่างเก้ๆกังๆ


?!!!


ทำไมกัน.....ทั้งๆที่เขาน่าจะช่ำชองกับเรื่องแบบนี้....แต่นี่....ราวกับว่า....แค่จูบเขาก็ยังทำไม่เป็น!


“ แฮ่ก แฮ่ก....”       เขาหอบจนตัวโยนเมื่อผมถอนริมฝีปากออกมา มือเล็กข้างที่เป็นอิสระยกขึ้นมาถูริมฝีปากพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกตที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก....


เขากำลังกลัว ?


ผมสะบัดหน้าสองสามที....ไม่มีวันจะเชื่อในการกระทำของเขาอีกแน่นอน....คนอย่างเขา....คนที่ทั้งกอดทั้งจูบกับผู้ชายไม่เลือกหน้าอย่างเขา....บางทีอาจจะเชี่ยวชาญเสียจนรู้ว่าจะทำอย่างไร้ให้อีกฝ่ายคิดว่านี่คือครั้งแรกของตนก็เป็นได้ ผมปล่อยให้ความมืดในจิตใจเข้ามาครอบครองสติแทนที่จะเป็นสำนึกด้านดี....ใช่....คนอย่างเขา คนที่ทำลายความรักของผม....หากผมจะทำลายเขาบ้างมันก็คงถือว่าเสมอกันแล้วละ


“ อื้อ!!!!       ผมฉีกกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออกจากกันก่อนจะฉีกบางส่วนเอามาพันรอบปากของเขาไม่ให้ส่งเสียงอะไรออกมาได้อีก นอกจากรอยจูบที่ต้นคอแล้วบนร่างกายของเขาไม่มีร่องรอยใดๆอีก มันขาวนวลเนียนละเอียดเสียจนผมเข้าใจเลยว่าทำไมใครๆต่างก็หลงใหลในตัวเขา


“ อื้อๆๆๆ!     เขาต่อต้านผมเต็มกำลังอย่างที่ผมนึกแปลกใจ


“ เป็นอะไรไป...โกคุเดระ....นายก็แค่อ้าขาให้ฉันเข้าไปเหมือนที่นายทำกับคนอื่นไง...ถนัดไม่ใช่หรอ เรื่องแบบนี้....หื๋ม...”       ผมแล่บลิ้นเลียที่สันกรามสั่นระริกของเขา ตอนนี้ไม่มีเค้าความหยิ่งยโสอยู่บนใบหน้าหวาดผวาของเขาอีก และเมื่อผมจับขาของเขาแยกออกจากกัน ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกอย่างเห็นได้ชัด


“ อื้อ!!!!      เขาหลับตาแน่นเมื่อผมดึงดันสอดใส่ความเป็นชายของผมเข้าไปในช่องทางคับแน่นของเขา....มันแน่นเสียจนน่าแปลกใจ....กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งจนผมเผลอขมวดคิ้ว ร่างของเขาสั่นสะท้านปนกระตุกเป็นพักๆ น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มของเขา......


ทำไม.......?


หรือผมจะเข้าใจอะไรผิด ?


ทำไมร่างกายที่น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ของเขาถึงได้มีปฏิกิริยาตรงกันข้าม ?


ราวกับว่า......นี่คือครั้งแรกของเขา.....


อย่าบอกนะว่า.....เขาไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน....แม้แต่จูบก็ไม่เคยน่ะ


แต่ปฏิกิริยาจากร่างกายของเขาทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโกหกกันได้เสียด้วย....ทุกอย่างมันบอกแบบนั้นจริงๆ....ว่าผม....คือคนแรกของเขา





เขาสลบไปทันทีที่ทุกอย่างจบสิ้นลง....


ผมได้แต่นั่งกอดเข่ามองร่างขาวบริสุทธิ์ที่หลับใหลไม่ได้สติของเขาอย่างพินิจพิจารณา ขาวขนาดนี้แต่กลับไม่มีร่องรอยอะไรเลย สายตามองไล่ไปจนถึงโคนขา เลือดสีแดงผสมปนเปไปกับน้ำรักของผม เลือดที่ออกเยอะเกินไปจนไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้อีก......


นี่ผม.......


กำลังทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่านะ.....
















เขาไม่มาโรงเรียนอีกเลยตั้งแต่วันนั้น.....


แทนที่ผมจะดีใจและหันไปคิดหาวิธีที่จะขอคืนดีกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมรัก....แต่ผมกลับนึกถึงเรื่องของเธอไม่ออก เพราะตอนนี้ภาพที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมกลับเป็นภาพของเขา ที่เดินโซเซจากไปพร้อมกับคราบน้ำตาในวันนั้น


เขาต้องเป็นปิศาจแน่ๆ จึงสามารถทำให้ผมบ้าคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ได้


ผมตัดสินใจแล้วว่ายังไงเย็นนี้ผมก็จะต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง....ทั้งๆที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือเรื่องอะไร และมีอะไรที่เราจะต้องคุยกัน ทั้งๆที่เราต่างก็เป็นราวกับศัตรูคู่แค้น เขาทำลายความรักของผมและผมทำลายร่างกายของเขา....ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมควรจะขอโทษเขาหรือควรจะเหยียบย่ำให้เขารู้ถึงความผิดที่เขาทำเอาไว้กับผม


ตอนนี้.....ผมแค่อยากเห็นหน้าเขา.....

















สองแขนยังคงโอบกอดตัวเองแน่น พร้อมกับใบหน้าซบลงไปที่หัวเข่า น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างกับคนเสียสติ ภาพในวันนั้นไหลวนซ้ำไปซ้ำมาราวกับม้วนฟิล์มที่ถูกฉายซ้ำไม่มีวันจบ


ผมไม่ควรจะรู้สึกอะไร ผมไม่ควรจะร้องไห้....ผมรู้ดี....ว่าคนที่ทำร้ายใครต่อใครมามากมายอย่างผม ที่ถูกทำให้เป็นแบบนี้ก็น่าจะเป็นบาปกรรมที่ตัวเองต้องได้รับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาได้ ผมไม่อาจยับยั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจของผมได้


กับคนที่ไม่เคยเชื่อ...ว่าความรักมีอยู่จริงอย่างผม....


ร่างกายจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ว่า...ผมยังมีส่วนเล็กๆในจิตใจที่ยังอยากจะเชื่อ...ว่าความรักมันมีอยู่จริง....


ผมต้องการจะเก็บร่างกายเอาไว้....ให้คนที่ผมรัก.....เพียงคนเดียวเท่านั้น


ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าผมจะทำตัวเหลวแหลก คบใครไม่เลือกหน้า นั่นเพราะว่าผมต้องการที่จะค้นหา แต่หากไม่ใช่....ผมก็ไม่มีทางมอบร่างกายหรือแม้แต่จูบให้อย่างเด็ดขาด ผมรู้ว่าผมทำผิดที่เอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่นเพียงเพื่อค้นหาสิ่งที่เรียกว่าความรักของตัวเอง....ผมผิดที่ทำเพื่อตัวเอง....เพราะเช่นนั้นตอนนี้...ผมจึงไม่มีหน้าที่จะกลับไปค้นหาสิ่งที่เรียกว่าความรักอีกต่อไป....


เพราะถึงผมจะค้นเจอ...แต่ผมก็ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เค้าอีกต่อไป...


สองแขนกอดกระชับตัวเองให้แน่นขึ้นราวกับว่าต้องการบดขยี้ให้มันแหลกสลายไป....ร่างกายที่สกปรกไปแล้วนี่น่ะ


“ โกคุเดระ!!!!         เสียงตะโกนโหวกเหวกมาจากทางหน้าบ้านทำให้ผมสะดุ้งเฮือก น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายของผมสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่


“ ออกมาคุยกันก่อน โกคุเดระ!!       สองมือของผมยกขึ้นปิดหู ร่างกายถดถอยตามสัญชาติญาณไปอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องก่อนจะซุกตัวลงไปราวกับไม่อยากให้ใครหาเจอ....ผมกลัว ผมไม่อยากเจอเขา.....ได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้นราวกับเขากำลังพังประตูรั้วบ้านเข้ามาก่อนจะได้ยินเสียงพ่อบ้านออกไปช่วยกันจับตัวเขาออกไป เสียงตะโกนไล่และเสียงร้องเรียกชื่อของผมดังปะปนกัน ผมเอามือปิดหูให้แน่นขึ้นกว่าเดิม....ผมไม่อยากฟัง....ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น.....ผมกลัว


เปลือกนอกที่หยิ่งทระนงและไม่เคยกลัวเกรงต่อสิ่งใดไม่เว้นแม้แต่บาปกรรมแต่เนื้อในจริงๆแล้วกลับเต็มไปด้วยความเหงาและอ่อนแอ....นั่นแหละ....คือตัวผม

















ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมวันนี้ทุกสายตาถึงได้จับจ้องมาที่ผม....


เพราะวีรกรรมที่ผมไปก่อเอาไว้เมื่อวานนั้นทำให้ผมถูกเรียกไปตักเตือนจากผู้อำนวยการเรียบร้อยแล้ว...แน่ละ...การถือไม้เบสบอลไปหวดประตูแถมข่มขู่บ้านของผู้สนับสนุนใหญ่ของโรงเรียนอย่างตระกูลโกคุเดระแบบนั้น....ไม่ว่าใครที่รู้ก็ต้องคิดว่าผมเสียสติไปแล้วแน่ๆที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไป


และนั่นมันยิ่งทำให้ข่าวลือของผมกับเขาถูกแต่งแต้มขึ้นอย่างเมามัน ใครๆต่างก็คิดกันว่าผมกับเขาคงจริงจังกับอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน.....คนที่ใจดีไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่เคยโกรธอย่างผมถึงขั้นใช้กำลังเพื่อฉุดรั้งให้มาเป็นของตัวเอง....ส่วนคนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างเขากลับไม่ยอมมาโรงเรียนเสียตั้งหลายวัน....และแน่นอนว่าตอนนี้ผมกับเขาถูกจับคู่ให้เป็นคู่ที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปีไปเรียบร้อยแล้ว


ผมควรจะออกมาแก้ข่าวและบอกใครต่อใครว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด....ผมควรจะทำแบบนั้นหากอยากจะกลับไปคืนดีกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมรัก.....แต่ผมกลับนิ่งเฉย....เพราะตอนนี้สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวคือ....ผมจะพบกับเขาได้อย่างไรต่างหาก


ถึงแม้จะโดนเตือนว่าหากก่อเรื่องอีกผมจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที แต่ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของเขาอีกครั้ง


ทำไมกัน....


ทำไมผมต้องสนใจใบหน้าที่ดูเจ็บปวดของเขาด้วย....สิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่เขาควรจะได้รับไม่ใช่หรือ....แล้วทำไมผมถึงต้องเอาอนาคตของตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ด้วย


ประตูอัตโนมัติหน้าบ้านของเขาค่อยเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ผมขยับตัวเข้าไปยังมุมรั้วของบ้านที่อยู่ติดกันทันที ผมมองเห็นพ่อบ้านลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาใส่ไว้ในรถและไม่นานร่างบางๆที่ดูจะขาวซีดกว่าปกติของเขาก็ก้าวออกมาจากบ้าน ใบหน้าสวยที่เคยมั่นใจและเชิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาวันนี้มันกลับดูเศร้าหมอง ยิ่งเห็นเขาเป็นแบบนี้ผมมีแต่จะยิ่งรู้สึกหงุดหงิด...หงุดหงิดจนแทบจะควบคุมตัวไม่ได้.....สายน้ำที่เคยเย็นฉ่ำอย่างผมกำลังเดือดเพราะเขา...กำลังบ้าคลั่งเพราะเขา....ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าผมจะเป็นแบบนี้ไปได้...


รถแล่นผ่านหน้าผมไปโดยที่เขาคงไม่รู้ตัว.......กระเป๋าเดินทางและเส้นทางที่รถกำลังแล่นไป.....


มันทำให้ผมกำมือแน่นเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะหนีผมไป....
















รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนอยู่ที่หน้าสนามบินนาริตะ.....


จะว่าผมอ่อนแอก็ช่าง แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเขา...ถึงเขาหรือใครๆจะเห็นว่านี่มันคือเรื่องเล็กๆที่เด็กม.ปลายจะเผลอมีอะไรกัน...แต่สำหรับผมมันคือเรื่องใหญ่มาก....และมันคงจะกลายเป็นบาดแผลที่มองไม่เห็นไปอีกนานแสนนาน


ผมนั่งลงที่ม้านั่ง...รอเวลาที่กำลังจะมาถึง....ผมไม่รู้ว่าจะไปนานแค่ไหนหรือจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่....เหลียวมองไปที่รอบกายก็พบแต่คนที่ไม่รู้จัก....


เสียงพ่อบ้านเรียกให้ลุกไปที่ช่องตรวจหนังสือเดินทาง....ไม่มีใครสักคนที่จะฉุดรั้งผมเอาไว้....ไม่มีใครสักคนบอกผมว่า อย่าไป....แม้แต่คนที่ควรจะปลอบโยนผมในขณะที่ผมร้องไห้อย่างคนที่ได้ชื่อว่าพ่อกับแม่ของผมก็ตาม


ผมก้าวขาไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หากก้าวผ่านช่องข้างหน้านี้ไปแล้ว....อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก....ก้มลงมองพาสปอร์ตในมือก่อนจะตัดสินใจก้าวขาเข้าไปยังช่องทางตรงหน้า....ไม่มีเสียงของใครที่จะฉุดรั้งผมเอาไว้....ฮึ....มันจะมีได้ยังไงล่ะ...ในเมื่อความรักมันไม่มีอยู่ในโลก


“ โกคุเดระ!!!       เสียงตะโกนก้องจนทุกคนในสนามบินหันไปมองเป็นตาเดียว เสียงที่ทำให้นัยน์ตาของผมเบิกกว้าง  ผมจำได้ดีว่าเสียงนี้เป็นของใคร และนั่นมันยิ่งทำให้ผมรีบก้าวเดินเข้าไปด้านในให้เร็วยิ่งขึ้น มือยื่นพาสปอร์ตให้พนักงานอย่างรวดเร็ว


“ โกคุเดระ!      ทั้งเสียงตะโกนทั้งเสียงวิ่งใกล้เข้ามาจนผมเผลอก้มหน้า พนักงานรับพาสปอร์ตไปเปิดดูและเมื่อเห็นชื่อของผมเขาจึงได้แต่นิ่งค้าง เช่นเดียวกับผมซึ่งยังยืนนิ่งอยู่กับที่จนกระทั่งมือของใครบางคนคว้าข้อมือของผมเอาไว้แล้วกระชากตัวผมกลับไป


“ โกคุเดระ....แฮ่ก....แฮ่ก....”        ใบหน้าที่มองเห็นทำเอาร่างกายของผมสั่นระริกอย่างที่ยังจดจำได้ดีถึงทุกการกระทำของเขา


“ นายยังไม่ได้ขอโทษชั้นนะ....เพราะงั้นห้ามไปไหนทั้งนั้น”     ถึงคำพูดจะแสนโอหังแต่มือใหญ่ที่กำข้อมือของผมเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหนีไปอีกนั่นกลับทำให้รู้สึกตรงกันข้าม   “มานี่!!!     เขากล้าออกคำสั่งกับคนอย่างผมแล้วยังลากผมออกมาโดยไม่สนใจสายตาของใครอีก


“ บอกตามตรงนะ...ว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้....ไม่รู้ว่าจะรั้งนายเอาไว้ทำไมทั้งๆที่นายเป็นฝ่ายทำร้ายฉันก่อน...ฉันรู้แต่ว่ามันหงุดหงิดชะมัดที่เห็นนายทำหน้าแบบนี้น่ะ...เอ้า! ขึ้นไป!       เขาพูดไปพร้อมกับออกแรงลากผมออกมาจากอาคารผู้โดยสารขาออกก่อนจะบังคับให้ผมขึ้นไปนั่งบนมอเตอไซค์คันใหญ่ และเมื่อผมไม่ยอมทำตามเขาก็อุ้มผมขึ้นไปวางไว้บนเบาะด้านหลังนั่นจนได้ และเมื่อมันออกตัวอย่างรวดเร็วผมจึงจำใจต้องกอดไปที่เอวของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้


ตั้งแต่เกิดมาจนโตป่านนี้....ผมเพิ่งเคยขี่พาหนะชนิดนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ.....เพราะแบบนี้หรือเปล่านะมันเลยทำให้ผมตื่นเต้นจนลืมความรู้สึกในใจไปจนหมด....
















เสียงทุ้มต่ำของเครื่องยนต์ตลอดจนความอบอุ่นของอุณหภูมิที่แนบอยู่ที่ด้านหลังทำให้รู้ว่าผมไม่ได้กำลังฝันอยู่....


แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือเรื่องจริง....ผมบุกไปฉุดคร่าผู้ที่เป็นดั่งศัตรูออกมาต่อหน้าต่อตาคนนับพัน....นี่ผมทำอะไรลงไป....และเพราะอะไรมันถึงทำให้คนใจเย็นอย่างผมเลือดร้อนขึ้นมาขนาดนี้ ผมจอดรถอีกทีที่หน้าบ้านของผมเอง ดึกขนาดนี้พ่อคงจะหลับไปแล้ว ผมจึงลากเขาเข้าบ้านโดยไม่สนใจว่าเขาจะต่อต้านหรือจะโวยวายยังไง


เมื่อปิดประตูห้องแล้วผมโยนเขาลงที่เตียงของผมเอง ดูท่าทางว่าเขาจะยังกลัวผมอยู่ไม่ใช่น้อยจากร่างกายที่สั่นระริกจนรู้สึกได้ ผมกดร่างของเขาเอาไว้กับเตียงก่อนจะหยิบเนคไทที่ไม่เคยใช้ของผมมามัดข้อมือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้กับข้อมืออีกข้างหนึ่งของผม


“ นายจะได้หนีชั้นไปไหนไม่ได้อีก...”       ผมกระซิบบอกเขาที่ข้างใบหูก่อนจะนอนทาบทับลงไปบนร่างกายที่เริ่มจะหมดแรงต่อต้านของเขา


“ อยากจะแก้แค้นอย่างงั้นหรอ”       เขาพูดออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรง


“ อาจจะใช่...แต่ที่มากกว่านั้นคือฉันต้องการให้นายอยู่ข้างๆ...ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”       แขนข้างที่เป็นอิสระโอบกอดคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างแผ่วเบา ร่างของเขาดูจะนิ่งค้างไป ผมจึงซบใบหน้าลงไปที่ไหล่ของเขา


“ อยู่ข้างๆ....”       น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือ มือของเขาเลื่อนมาโอบไหล่ของผมไว้และไม่นานผมก็ได้ยินเขาปล่อยโฮออกมาจนผมตกใจรีบลุกขึ้นมานั่งมองเขาอยู่บนเตียง


ท่าทางร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆของเขาทำเอาผมแปลกใจและอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้....คนที่หยิ่งทระนงและร้ายกาจเช่นเขาจะทำแบบนี้เป็นด้วย


“ ฉันน่ะ....ฉันน่ะ....ยังไม่ยกโทษให้แกหรอกนะ ถึงแกจะคิดว่าฉันคงนอนกับใครต่อใครมาเยอะ แต่ว่า แต่ว่า....ที่จริงแล้ว...ฮึก....เรื่องนี้มัน...สำคัญ...ฉันไม่เคย....ฮึก ฮึก”      เขาพูดไปสะอื้นไป ผมยกมือไปขยี้หัวเขาแทนคำพูดที่จะบอกว่า ผมรู้และเข้าใจทุกอย่าง


“ จะให้ฉันอยู่ข้างๆ...แกคงเตรียมใจเอาไว้แล้วสินะ....ฉันจะเล่นงานแกแน่...ฮึก ฮึก”       เป็นคำขู่ที่ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แต่ก็คงต้องยอมรับว่าจากนี้ต่อไปชีวิตที่สงบสุขของผมมันคงจะหายไปแล้ว


“ หึ...นายเองก็เหมือนกันนั่นแหละ...จากนี้ต่อไปจะไม่ให้คบกับใครอีกแม้แต่คนเดียว”        ต้องอยู่กับฉันเท่านั้น....


และนั่น....


มันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของผมกับเขา....


เขาทำให้ผมรู้.....ว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นความรัก.....มันกลับไม่ใช่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมมีให้กับเขา.....
















เขาทำให้ผมรู้......ว่าความรักมีอยู่ในโลกใบนี้....


ผ่านมาสองเดือนแล้วที่ผมกับเขาค่อยๆโน้มเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ นึกถึงวันหลังจากวันนั้นที่ผมตัดสินใจจะกลับไปโรงเรียนตามเดิมแล้วก็ให้ลอบยิ้ม....มันก็เป็นเช่นปกติที่ทุกเช้าพ่อบ้านจะขับรถไปส่งผมที่โรงเรียน...แต่วันนั้นมันต่างออกไป เมื่อจู่ๆรถที่กำลังวิ่งออกจากประตูรั้วบ้านก็เบรกสุดตัวจนผมที่นั่งอยู่บนเบาะหลังแทบหัวทิ่ม...ไอ้บ้าคนหนึ่งกระโดดมาขวางรถเอาไว้อย่างไม่กลัวตาย....และเมื่อผมเงยหน้าไปมอง ร่างสูงที่คุ้นตาของเขาก็เดินมาหยุดลงที่ประตูข้างรถ


เขาเปิดมันออกแล้วกระชากตัวผมลงจากรถ พร้อมกับคำพูดนิ่งๆที่เขาใช้กับผมแค่คนเดียวเท่านั้นว่า


ลงมานี่        ทั้งน้ำเสียงที่นิ่งสนิท ทั้งใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม ทั้งมือที่บีบข้อมือของผมจนเจ็บ ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมามันราวกับว่าเขายังคงโกรธกับสิ่งที่ผมทำลงไปอยู่...มันทำให้ความรู้สึกลึกๆในใจของผมมันเจ็บแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้....ผมเฝ้าคิด....ว่าเขาคงไม่มีวันอภัยให้กับผม....จนกระทั่ง....


จากวันนี้เป็นต้นไปเราจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน       คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้นัยน์ตาของผมเบิกกว้าง ใบหน้าคมของเขาเสมองไปทางอื่นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็มองเห็นรอยแดงบนแก้มของเขาได้อย่างชัดเจน....น่าแปลก....กับคำพูดและการกระทำแค่นี้แต่มันกลับทำให้คนอย่างผมถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยยิ้มให้ใครแบบนี้มาก่อน....ผมยอมรับ....ว่าผมดีใจ


ผมสะบัดข้อมือออกจากมือของเขาก่อนจะหันกลับเข้าไปในรถ แว่บหนึ่งที่นัยน์ตาของผมสบประสานกับนัยน์ตาของเขาซึ่งแววของความผิดหวังมันฉายชัดอยู่เต็มสองตาสีเปลือกไม้นั่น....เขาคงคิดว่าผมปฏิเสธแล้วจะกลับไปนั่งในรถตามเดิม....แต่มันไม่ใช่....ในเมื่อมือของผมคว้าไปที่กระเป๋าของตัวเองแล้วโยนไปให้เขาซึ่งรับเอาไว้แทบไม่ทัน


จะให้เดินไปก็ได้ แต่ชั้นจะไม่ถือกระเป๋านั่นเองหรอกนะ!”        ผมพยายามทำหน้างอเพื่อปกปิดรอยยิ้ม เขาทำหน้าเอ๋ออยู่พักนึงก่อนจะกลับมายิ้มกว้างให้ผม


วันนั้นเป็นวันที่ซากุระบาน....รอบกายของผมกับเขาจึงเต็มไปด้วยสีชมพู....


ผมเพิ่งรู้ว่าความอบอุ่นจากมือของใครสักคนที่กอบกุมมือของเราเอาไว้มันเป็นยังไง....


และสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ก็เป็นความจริง เพราะจากวันนั้นมาผมก็ต้องถูกเขาลากให้ไปอยู่ข้างๆตลอดและไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถจะมาเกาะแกะผมได้อีก


“ ฉันไม่อยากให้ใครโดนนายทำร้ายเหมือนฉันอีก...”      เขาบอกผมมาว่าอย่างงั้น แต่ถึงเขาไม่ทำอย่างนั้นผมเองก็ไม่คิดจะไปยุ่งกับใครอีกแล้ว...เพราะผมรู้...ว่าสิ่งที่ผมค้นหาอยู่นั้น


ผมพบมันแล้ว...


และจากนี้ไป ผมจะดูแลมันให้ดี และเขาจะได้รู้ว่า....ผมยังคงร้ายกาจเหมือนเดิม


ตาของผมจ้องเขม็งไปยังบริเวณทางเดินหน้าห้องของเขา ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นยังรักเขาอยู่และยิ่งเธอรู้ว่าผมกับเขากำลังคบกันอยู่จริงๆเธอก็ยิ่งไม่อยากปล่อยเขาไป....ใช่...ช่วงเวลาที่เธอทำแง่งอนใส่เขาก็เพื่อให้เขาตามไปง้อและจะได้รู้ว่าเธอสำคัญต่อเขา....แต่เธอพลาด....


และผมจะไม่ยอมพลาดเหมือนเธอแน่....


ผมจะไม่วิ่งหนีและรอให้เขาตามไปง้อ....ในเมื่อเขายังไล่ฟาดคนที่จะมายุ่งกับผมซะเลือดท่วมขนาดนั้น ผมก็จะยืมวิธีของเขามาใช้บ้าง


“ ทา....เค...ชิ....อยู่นี่เองหรอ?”      ผมเดินเข้าไปพร้อมกับปรายตามองผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเรียกเขาด้วยเสียงหวานทำเอาเขามองหน้าผมอย่างแปลกใจ...แน่นอนว่าเวลาอยู่กันสองคนผมยังคงทำตัวเป็นแมวไม่ยอมเชื่องกับเขาอยู่


“ นี่...เปลี่ยนใจแล้วละ....ฉันไม่ไปกับที่บ้านแล้วแต่จะอยู่ดูนายซ้อมดีกว่า”       ผมควงแขนข้างหนึ่งของเขาก่อนจะกอดแน่น ใบหน้าซบลงไปที่ไหล่แล้วออดอ้อนราวกับลูกแมวตัวน้อย แน่นอนว่าสิ่งที่พูดออกไปผมมั่วขึ้นมาเองทั้งนั้นเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่เขาจะทำหน้างง


“ หลังจากนั้นเราจะได้กลับบ้านด้วยกันไง”         ท้ายประโยคผมจงใจมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าที่ทำให้รู้ว่าเหนือกว่าและอย่ามายุ่งกับเขาอีก....เพราะว่าเขาเป็นของผม


“ ฮะฮะ...ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ เพราะงั้นขอโทษด้วยนะ”        เขาเกาหัวพร้อมกับปฏิเสธเธอ...สงสัยว่าเธอคงจะมาชวนเขาไปไหนแน่ๆ...และเมื่อเธอเดินจากไปผมผลักแขนที่เนียนมาโอบเอวผมออกพร้อมกระทืบเท้าซ้ำให้จนเขาร้องโอดโอย


“ อย่าให้จับได้นะว่านอกใจ....ไม่งั้นฉันเจื๋อนทิ้งแน่! บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าจะให้ฉันอยู่ข้างๆแกต้องเตรียมรับมือให้ดีน่ะ!















“ จะ...จ้า.....”         ผมยกเท้าขึ้นมากุมอย่างเจ็บปวด ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ไม่มีหัวใจอย่างเขา คนที่เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นอย่างเขา เมื่อคิดจะมีใครสักคนขึ้นมาจริงๆจะขี้หึงได้ขนาดนี้ และวิธีการของเขาก็ตรงไปตรงมาตามประสาคุณหนูที่ไม่เคยกลัวอะไร เขาจะบุกเข้ามาแสดงตัวอย่างชัดเจนและลุยกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาตอแยผม มีอะไรเขาก็จะด่าผมตรงๆไม่เคยเก็บเอาไว้ในใจให้ผมต้องเดา....ผมอยู่กับเขา ผมกลับสบายใจเสียยิ่งกว่า


“ แล้วก็....ฉันให้เวลาแกซ้อมแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นนะวันนี้”        เขาสะบัดตัวเดินจากไปทิ้งเอาไว้แต่คำพูดเอาแต่ใจ....ใช่....เขาไม่ยอมให้ผมเห็นเบสบอลสำคัญกว่าตัวเขา....และผมกลับไม่รู้สึกอะไรหากผมจะรักเขามากกว่าเบสบอล


เขาต้องเป็นปิศาจแน่ๆ...ถึงได้ทำให้ผมเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้


เกือบทุกเย็นเขาจะแวะมากินข้าวที่บ้านผมแลกกับการช่วยงานเล็กๆน้อยๆในร้านขายซูชิที่ดูเขาจะเข้ากับพ่อของผมได้เป็นอย่างดี ประกายตาของเขาจะสดใสขึ้นมาทันทีที่เห็นมากุโระตัวโตโดนแล่อยู่บนเขียง เป็นภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจริงๆสำหรับคุณหนูผู้เย่อหยิ่งอย่างเขาว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ได้


เขาจะอยู่กับผมที่ร้านจนมืดจึงจะยอมให้ผมเดินไปส่งที่บ้าน


ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้เป็นคนแบบนี้....ไม่เคยรักใคร ไม่เคยเห็นหัวใคร และไม่สนใจว่าจะต้องทำร้ายใครไปบ้าง....เพราะที่ข้างกายเขานั้นว่างเปล่า....ถึงจะมีเงินมีอำนาจ....แต่เขากลับไม่เคยได้รับความรัก จึงไม่เคยรู้ว่าจะแสวงหามันมาอย่างถูกต้องได้อย่างไร....ถึงเขาจะมีพ่อกับแม่ แต่ทั้งคู่ก็แทบจะไม่เคยได้กลับบ้าน


เขาจึงเหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก....ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่ร่างกายกลับเย็นชืดเหมือนศพที่ไร้ซึ่งชีวิตและความอบอุ่น


ผมเอื้อมมือไปกุมมือของเขาที่เดินอยู่ข้างๆ...


“ หื๋อ?”      ใบหน้าสวยของเขาหันมามองด้วยความสงสัย


ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่ยิ้มให้แล้วจับมือของเขาเอาไว้แบบนั้น....ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะสอนให้เขารู้จักความเจ็บปวด....แต่จากนี้ไปทั้งผมและเขาคงผลัดกันสอน...ให้อีกฝ่ายได้รู้จัก....คำว่ารัก....


นิ้วเรียวเล็กของเขาสอดประสานเข้ามาตามง่ามนิ้วของผมก่อนที่ใบหน้าสวยจะอมยิ้มแล้วเสมองไปทางอื่น....ผมชอบมองเวลาที่เขาอาย....ถึงแม้ว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆเขาจะร้ายกาจขนาดไหน จะเย่อหยิ่งและมองไม่เห็นหัวใคร....แต่ผมรู้...ว่าแท้ที่จริงแล้วเขานั้นบริสุทธิ์ทั้งตัวและหัวใจ....


.
.
.
.
.
.
.
.

สำหรับผม  เขาเหมือนดอกบัว...

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ดอกบัวคือสิ่งที่ผู้คนเทิดทูล แต่หากสิ่งที่เทิดทูลนั้นกลับดำมืด....

ถึงอย่างนั้นดอกบัวก็คือดอกบัววันยังค่ำ....


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



BLACK  LotuS : 8059
FIN









โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยาม๊าลูกเขยมี๊กลับมาแล้ววววววววววว T^T ดีใจน้ำตาไหลพรากเลยค่ะ...กับสปอยด์ตอนล่าสุด.....ฮือออออ เพิ่งรู้ตัวว่ารักยามะมากขนาดนี้ ปกติจะตบตีแย่งหนูก๊กกันตลอด(เฮ้ยๆ) คราวนี้เห็นหน้ามันหลังจากที่ลุ้นกันแทบตายว่าลูกสาวตรูจะเป็นหม้ายหรือไม่ อ้า...พอได้เห็นหน้ายามะอีกทีนี่มันดีใจสุดหูรูดไงไม่รู้อ่า >w<  แล้วไอ้ฉากโคลสอัพมาที่หน้าหนูก๊กตอนจบตอนนั่นมันอะไรค๊า อ.อามาโนะขา >w< ร้ากกกก อ.ที่สุดเลยค่า อร๊ายยยยยย กำลังดีใจแบบซึนๆอยู่สินะลูกสาวมี๊ ปลาบปลื้ม.....

อะแฮ่ม....กลับมาก่อนๆ

อะ เอ่อ....เอาดาร์กช็อกโกแลต95%มาให้ในวันวาเลนไทน์ปีนี้ค่า ฮ่าๆๆๆ (ลงเร็วไปหน่อยเพราะกะลังปั่นอีกฝั่งอยู่ อยากให้อารมณ์ทิ้งช่วงเวลาอ่านสักสองสามวัน555)  หลังจากปีที่แล้วให้บิตเตอร์ช็อกโกแลต กับฟิกเรื่อง ของขวัญ ไปแล้ว อิอิ ปีนี้เลยขอขมกว่าเดิมอีกสักเล็กน้อย (เร๊อะ) ความจริงไม่คิดว่าจะแต่งออกมาทันหรอกนะนี่ แต่ว่าดันมีเพลงเพลงหนึ่งออกมาในช่วงวันที่ 26 มกรา แบบว่าฟังแล้วมัน.........สติหลุด..........บอกได้แค่นี้แหละ แต่จะหลุดไปขั้นไหนก็ได้ออกมาเป็น BLACK Lotus ทั้งสองเวอร์ชั่นนี่แหละค่ะ ^ ^” ขออนุญาตไม่แปะเพลงให้ฟังนะคะ แต่หากใครอยากจะรู้ว่าเพลงแบบไหนมันถึงได้ออกมาเป็นฟิกแบบนี้ ลองหามาฟังเอาเอง....LOTUS….Dir en grey ....ค่ะ (เตือนก่อนแล้วนะ)

ฟิกเรื่องนี้ยังมีอีกเวอร์ชั่นนึงนะคะ เป็น 1859 ค่ะ แต่ทางนั้นจะขมน้อยกว่านี้ จะใช้ตัวละครยืนพื้นคือหนูก๊ก ซึ่งหนูก๊กของซีรี่ย์ BLACK LotuS จะสวยเริดเชิดแรง!! เหมือนกันแต่ทั้งสองเวอร์ชั่นต่างกันที่...พระเอก....กร๊ากกกก ก็แบบว่า ถ้าหากหนูก๊กไม่ได้เจอกับยามะแต่ดันไปเจอกับคุณฮิแทน เรื่องราวมันจะเปลี่ยนไปอีท่าไหนต้องลองไปอ่านดูเน้....คาดว่าจะได้ลงวันที่ 14 กุมภา พอดิบพอดี(หรือจะมีเลทก็ไม่รู้ =3=)

แล้วก็....

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่า......>w<....(ล่วงหน้าเล็กน้อย ครึ ครึ)

ใครรักคนแต่งฟิกเรื่องนี้ยกมือหน่อยจิ....ฮิ้วววว.....(จะมีใครกล้ายกไหมนิ?55)

ช่วงที่ผ่านมาที่ไม่ได้เอา ชิกิ มาลงเลยนั่นก็เพราะมัวแต่เคี่ยว “ดอกบัวสีดำ” นี่แหละค่ะ 8059 อาทิตย์นึงกับ 1859อีกอาทิตย์นึง(นี่ยังไม่เสร็จเลยเนี่ย)....ไม่ได้แต่งฟิกแบบใช้เวลาอยู่กับมันนานๆแบบนี้มานานแล้วเหมือนกันน้า ตั้งแต่บอร์ดดำหายไป....T^T....หวังว่าจะยังคงสนุกอยู่(หรือเปล่า)นะ ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ค่ะหมู่นี้ รู้สึกว่าฟิกที่ตัวเองแต่งไม่สนุกเท่าเดิม แง๊...ทำเอาเกร็งไปหมดจนเรื่องเดิมๆที่ค้างๆอยู่ไม่กล้ากลับไปแต่งต่อกันเลยทีเดียว ^ ^”

อะ เอาเป็นว่า หนุกไม่หนุกยังไงก็ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ....ขอให้ความรักลอยอยู่รอบๆตัวในวันนี้และทุกๆวันเลยค่ะ!! ^ ^

ไปเขียนแบบบ้านตัวเองต่อ....คร่อกกก....จากนี้ไปจะมีเวลาได้ทำอะไรได้แค่ไหนก็ไม่ยู้ T^T แม่ไปซื้อบ้านเก่ามาหลังนึงให้ข้าพเจ้ายำเล่น >w< ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยยย....คึหึหึ...มันคงจะเป็นบ้านที่เต็มไปด้วย 59 และ 59 และ 59!!! ว่าแต่ใครออกตังค์ค่ารีโนเวทอ่ะ? =[ ]= ปกติเวลาออกแบบให้ชาวบ้านนี่ไม่เคยสนใจว่าจะแพงหูฉี่ขนาดไหน..แต่พอต้องมาทำของตัวเองเริ่มจะรู้ซึ้ง ^ ^” อ่า...ไอ้กระเบื้องนั่นมันแพงเนอะ ^ ^” หรือไม่ก็ ไม้สองนิ้วแปดนี่มันก็ไม่ใช่ถูกๆเนอะ ^ ^” ฮะฮะ หมู่นี้เลยต้องเปลี่ยนจากไปเดินเล่นตามงานการ์ตูนเป็นไปเดินเล่นตามบุญถาวรแทน = =” มีใครเคยไปไหม? มันเป็นสถานที่ที่สุดยอดมากมาย มีขายตั้งแต่พื้นยันหลังคารวมทั้งวัสดุก่อสร้างอีกละลานตา อู้ววว แต่พอไปเดินแล้วก็พบว่า....ไอ้กระเบื้องที่ตรูจะใช้มันไม่มีขายในบุญถาวรนี่หว่า =[ ]= ลืมไปซะสนิท....อ่อก

ปล.หากบ้านหลังนี้เสร็จแล้ว ขออัญเชิญ Yarisสีขาวที่มีหมายเลขทะเบียน  กค 8059 มาจอดสักวันสองวัน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านด้วยนะค้า ครึ ครึ

ปล.2 งานสถาปนิกปีนี้กำลังจัดอยู่ละเน้....>w<...เมืองทองโล้ด....สถาปนิกที่ไปอย่าลืมลงทะเบียนด้วยล่ะ เพราะว่า พวต.3แต้มนะเออ (ฮร๊วกกกก ยุ่งยากจริงจริ๊งงงง ไม่ค่อยได้ใช้แต่ไม่มีก็ไม่ได้ ใบกส.เนี่ย แง่ง แบบว่าไม่อยากไปสอบใหม่ กว่าจะได้มันมาก็นับว่าเป็นการสอบที่จริงจังที่สุดในชีวิตแล้วฮร่ะ ปกติไม่เคยอ่านหนังสือเป็นเดือนๆก่อนจะสอบหรอกนะเฮ้ย)

ปล.3 อยากทำคลิป 8059 อ่ะ....>/////<....

ปล.4 โดนคนแถวๆนี้ (หลายคนด้วย) ล่อลวงให้ติดอนิเมะเรื่องนึงอยู่ค่ะ Nabari no Ou โฮกกก หนุกดีอ่ะ >w<



6 ความคิดเห็น:

  1. โฮกกกกกก สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้าด้วยเน้อออ
    อ่านจบแล้วววว ยาวววจุใจดีจังเลยยยยค่าาา
    อยากจะรู้ว่ามีชายหนุ่มคนไหนจะยอมหลงรักดอกบัวสีดำแบบนี้จริงๆบ้าง โฮกก
    คนอย่างยามะนี่มันแฟนในฝันของทุกๆคนเลยนะเฟ้ยย
    เวลาอ่านแล้วชอบเปรียบเทียบกับชีวิตจริงๆง่ะ คิดแบบนี้ทุ๊กที ฮ่าฮ่า
    กร๊ากกกก อ่านไปเพ้อไป

    ก๊กเอ๊ยยย ช่างเล่นตลกกับชีวิตได้น่าหวาดเสียว ฮะฮะ ดีนะที่คนๆนั้นคือยามะ
    ผู้หญิงนั่นกับยามะ ก็คงไม่ได้รักกันจริงๆด้วยนั่นแหละ
    คบกันเพราะสถานการณ์พาไป แรงเชียร์จากคนรอบข้าง ใช่ม๊าา
    เพราะงั้น ก็เลยไม่รู้สึกผิดว่าก๊กทำผิด หรือยามะทำผิด สักเท่าไหร่ อิอิ
    เพราะงั้นสำหรับเค้าก็เลยคิดว่ามันไม่ค่อยดาร์กหล่ะ
    ถึงจะเจอยามะดาร์กๆไปหน่อยนึงแต่โหมดปกติมันก็คนเชื่องๆละน๊า
    ยอมให้อยู่กับเบสบอลแค่ครึ่งชม.กร๊ากกกก
    มันต้องแบบนั้นเซ่ ต้องสนใจชั้นมากกว่าทุกอย่าง กด like รัวๆๆ >////<

    กำลังรออ่าน 1859 เห็นบอกว่าถ้าในสถานการณ์เดียวกันแต่เป็นคุณฮิ
    งืมมถ้าเป็นคุณฮิ แล้วมันจะไม่ดาร์กกว่าหรอ เพราะคุณฮิโหดกว่า เงียบกว่า
    ไม่แสดงออกมากกว่า แล้วมันจะไม่ดาร์กไปกว่ายามะได้ยังไง๊
    คุณท่านเอะอะก็ใช้กำลัง ไม่พูดกันให้เข้าใจแล้วก๊กก็ยิ่งคิดมาก
    แล้วไหงพี่กวางบอกว่า ทางนั้นดาร์กน้อยกว่า
    แต่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะมันเป็นฟิค หึหึ เพราะงั้นจะรออ่านนะคะ

    แล้วก็สำหรับสปอย ยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้งน๊าาเจ้าบ้าเบสบอล
    ดีใจมากกกก โพล่มาโชว์เทพรับเคียว?หอก?อาวุธของเดม่อนได้
    แถมยังปัดกลับไปได้ด้วย สุดยอดดดดดด
    แถมตบท้ายด้วยประโยคซึ้งๆ พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ ซึ้งงงงอ่ะ

    ฉากที่คาโอรุกำลังจะถูกเดม่อนจัดการ สึนะทำท่าเป็นห่วง
    แล้วก๊กบอกว่า "เจ้านั่นมันทำร้ายยามะนะ"
    (อย่าไปห่วงมันสิครับมันทำร้ายยามะจนเกือบจะตาย ผมเกือบจะเป็นม้าย)
    ฮะฮะ แอบซับนรก เพราะคิดว่า ก๊กยังผูกใจเจ็บ คนที่ทำร้ายยามะอยู่
    โฮกกก เจ็บแค้นแทนกันด้วยยย กรี๊ดดดดดด
    แต่ยามะดันมาช่วยคาโอรุ ซะนี่

    ภาพสุดท้าย ก๊กเลยโมโห
    "เจ้าบ้าเอ๊ย ชั้นอุตส่าห์เป็นห่วง ดันโพล่มาทำซึ้ง นึกว่าจะไม่รอด บากะบากะ!!"

    กร๊ากกกกกกกกก มาเพ้อซะยาวเลย
    อ๊ะเรื่องบ้านเห็นเปรย นึกว่าจะหาบ้านเฉยๆที่แท้จะทำบ้านใหม่
    โอ้ น่าภูมิใจดีอ่าได้ออกแบบทำอะไรๆแล้วได้อยู่เองเนี่ย สุดยอดเลยน๊าาา^^
    อยากเห็นจังบ้านที่มีแต่ 59 59 59 เต็มไปหมดเนี่ยย ฮะฮะ

    สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลย ยังคงสนุกมากๆเหมือนเคยค่ะ
    รออ่านผลงานพี่กวางอยู่น๊าาา ^^
    สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ขอให้กวาดช็อกโก้ลดราคาได้เยอะๆเน้ ฮ่าฮ่า

    ตอบลบ
  2. ได้ฮ่ะ ไว้จะขับไปเที่ยวหา 555 แล้วอาจตามมาด้วยการถูกไล่ออกจากงานเพราะมัวแต่ไปหมกอยู่กับบ้านของก๊กจัง ...ว่าแต่ ฟิกที่เคยตามจิกอ่ะ อย่าลืมนะจ๊ะ จะตามจิกต่อไปจนกว่าโลกจะสลาย....

    ..ส่วนตัวไม่ค่อยจิ้นเรื่องชิกิเลย เลยไม่ค่อยได้อ่าน ที่ชอบเพราะคนวาดคนเดียวกับโฮชิน การ์ตูนสายธรรมดาเรื่องแรกที่เราจิ้น555 ตัวละครมันชายทั้งน้านนนนนน

    เรื่องนี้ มันดาร์กมากฮ่ะ อ่านไปแรกๆไม่น่าเชื่อคุณกวางจะกล้าเอาก๊กมาทำได้ขนาดนี้ อ่านไปมือก็ลูบคลำไม้หน้าสามฝังตะปูไป เผื่อๆว่าเนื้อเรื่องเกินรับไหวคงมีการบุกไปหาที่กรุงเทพแล้วอาจมีคดีทำร้ายร่างกายที่ไร้สาระที่สุดในประเทศไทยเกิดขึ้น ส่วนยามะโผล่มาก็มีแฟนเชียว อ่านแล้วเครียดฮ่ะ ดีที่ตอนจบออกมาโอเค เชื่ออยู่แล้วว่าคุณกวางไม่มีทางให้ก๊กตกไปเป็นของใครนอกจากยามะหรอก (หรืออาจเป็นของคุณฮิแล้วแต่หัวฟิก) จะรอของคุณฮินะก๊ะ ดาร์กซึนกับดาร์กซึนกว่า เจอกันคงได้วางมวยกันทุกวันแน่

    ชอบมาก...ยามะกระโดดตัดหน้ารถ ...นี่ถ้าเป็นเราขับคงเหยียบไปแล้ว ข้อหาหมั่นไส้โชว์ความเป็นพระเอก ส่วนก๊กก็จะตกเป็นของเรา...เอิ่ม นอกเรื่อง เอาเป็นว่าก๊กเค้าราศีดีกว่า มีการเดินเข้าไปในรถทิ้งยามะใจแป้วหน้าแตกด้วย555 อ่านฟิกเรื่องนี้แล้วคิดถึงแฮร์รี่พอตเตอร์กับโชแชงเลยอ่ะ โชเลยต้องมาเสียใจที่ทำหยิ่งไม่เข้าเรื่อง แฮร์รี่เลยไปรักจินนี่แทน แต่ยามะคงร้ายกว่า เพราะเลิกไม่กี่วัน ความรู้สึกเปลี่ยน...ก๊กคงมีดีจริงๆ

    แล้วจะเมลหาเรื่อยๆนะค๊า ตอนนี้ก็ยุ่งๆมั่งดันไปลงเรียนภาษาญี่ปุ่นทีเดียวสองคอร์ส ตอนนี้ภาษาตีกันยุ่งในสมองใช้ได้ เรียนตามก็แทบไม่ทัน นี่โดดเข้าหาภาษาอังกฤษอีกแล้ว หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ

    เรื่องบ้านก็สู้ๆค่ะ ทีนี้ก็สบายล่ะเวลาไปเที่ยว...ว่าแต่มันอยู่กรุงเทพหรือสุโขทัยกันล่ะ....ตอนนี้ก็ทำบ้านใหม่เหมือนกันค่ะ แล้วจะถ่ายห้องใหม่มาอวด แต่คงอีกนานนนนนนนนนน

    ตอบลบ
  3. หนูก๊ก ไหงลูกเป็นแบบนี้ละลูก = [ ] =

    ตอบลบ
  4. สมกับเป็นดาร์กช็อกโกแลตมาค่ะ ยามะแอบดาร์กได้ใจมาก ๆ
    ส่วนหนูก๊กก็ร้ายจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงน่ารักอยู่ดี
    ยิ่งเอาแต่ใจยิ่งน่ารัก จะไม่ใครในโลกที่เอาแต่ใจแล้วน่ารักได้อย่างนี้อีกไป (เริ่มเพ้อไปไกล)

    ตอบลบ
  5. อ่านฝั่งนี้จบแล้วค่ะ มาอ่านหลัง1859

    แต่ถึงพี่กวางจะบอกว่าฝั่งนี้มันขมกว่า1859 แต่กี้อ่านแล้วกลับรู้สึกว่า8059 หวานกว่านะคะ อาจจะสวนกระแสกับชาวบ้านไปหน่อยแต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ
    ทาง8059 ถึงจะเริ่มกันด้วยความร้ายของก๊กคุง แต่สุด้ทายก็จบแฮปปี้เอนดิ้งดี คงเพราะว่าจบแฮปปี้เลยทำให้มันไม่ค่อยขมมั้งคะ แต่คู่1859นี่อาจจะมีได้เกลียดหรือแย่งฟงแย่งแฟนกัน แต่เพราะคุณเคียวเป็นพวกไร้ความรู้สึก เจอกันอย่างเย็นชาแบบนี้ (ถึงขั้นเล่นกุญแจมือ) กี้ว่าอันนี้ค่อนข้างแรง(กว่า) เพราะส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการจองจำ ฝั่งนี้สำหรับกี้เลยกลายเป็นหวานไปค่ะ

    เอ..ซีรี่ย์นี้นี่รู้สึกเหมือนได้ดูละครเลยค่ะ เรื่องนี้จะออกแนวๆ นายต้องเป็นของฉันจะได้ไม่่ไปยั่วยวนใครที่ไหนอีก ๕๕๕๕

    ฝั่งนี้ที่ชอบที่สุดก็ฉากที่ก๊กร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดยามะค่ะ ไม่ได้ซาดิสแต่อย่างใด แต่รู้สึกว่าฉากนั้นได้อารมณ์ดี ดูแล้วเหมือนเด็กตัวเด็กๆที่ระเบิดความอดทนออกมาเลย

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ2 สิงหาคม 2566 เวลา 08:00

    ดีมากกกกก ลุ้นมากจะรักกันยังไง ค่อยๆเรียนรู้กันไปนะ ใจฟูไม่ไหวว น่ารักทั้งคู่

    ตอบลบ