KHR Au S.fic Series [8059] พบ : 01 : พานพบ


[Au S.Fic Series HBD.HAYATO][8059]    พบ    [09-09-10]


ครึ ครึ...ของขวัญปีนี้ มี๊ก็บ้าพออีกเช่นเคยนะหนูฮายะ คึหึหึ....ถึงจะมาช้ามากกกกกกกก(เพราะมันไม่เสร็จ)และอาจจะเห็นว่าเค้าลงฟิกแค่เรื่องเดียว...อาจจะสงสัยกันว่า...มันเป็นอะไรหรือเปล่า? มีอะไรมากระทบกระเทือนใจ?หรือยังไง? ปกติมันต้องลงฟิกบ้าระห่ำกว่านี้? ใช่ค่ะ...เพิ่งจะผ่านดราม่าบางอย่างมา...มันเลยทำให้ฟิกเรื่องนี้อาจจะไม่ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก...เพราะมันมีการเปลี่ยนพระเอกกันกลางอากาศ ฮะ ฮะ....ถอดบางสมการออกไปแล้วเปลี่ยนมาเป็น 8059 ทั้งหมด

แง๊...หม่ามี๊ขอโทษนะหนูก๊ก แต่มี๊ยังจี๊ดๆอยู่ง่ะ....เอาไว้สักวัน.....ไว้สักวัน....

อ่า....ถึงแม้จะลงเรื่องเดียว....

แต่ฟิกเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ค่ะ....มีทั้งหมด 4 ตอน....เนื้อเรื่องในแต่ละตอนไม่เกี่ยวกันเลย....แต่ว่า....ถ้าอ่านจนจบแล้วจะรู้ว่า...มันมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน? ชื่อก็บอกเอาไว้โต้งๆละงิ หึหึ....

นะ...เมื่ออ่านจบแล้วจะรู้ว่า....ทำไมมันถึงเอามาลงช้า....ฮู่ววว ปาดเหงื่อ.....เพราะโปรเจ็คมันเริ่มมากว่าครึ่งแล้ว จะไม่ทำให้มันจบก็เสียดาย ^ ^ เลยปั่นกันจนวินาทีสุดท้าย เหะ เหะ โค้งขออภัยหากมันจะช้าไปหน่อยนะคะ ^ ^

 

 “พานพบ”  

 
: KHR Fanfiction Au
: 24Yamamoto x 24Gokudera
: Romance 
: PG 



คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ









ในวันที่มีหิมะตกโปรยปราย....

หลายๆคนต่างเลือกที่จะหลบอยู่ในบ้าน....

แต่เด็กผู้ชายในชุดกิโมโนสีดำคนหนึ่งกลับวิ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน....











“ นายน้อย!!! อย่าหนีนะขอรับ!        เสียงตะโกนโหวกเหวกจากข้างนอกรั้วทำให้นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมอง สองมือเล็กๆกำลังค่อยๆปั้นเจ้าตุ๊กตาหิมะขึ้นมา ถึงแม้จะบิดๆเบี้ยวๆแต่ตอนนี้เจ้าก้อนกลมๆสองลูกก็กำลังจะสูงกว่าตัวของเด็กน้อยแล้ว ร่างเล็กบางของเด็กชายวัยห้าขวบลุกขึ้นยืนพรางเมียงมองไปยังต้นเสียง ใบหน้าเล็กน่ารักหันไปหันมาจนเส้นผมสีเงินสวยราวกับสีของหิมะนั้นพลิ้วกระจาย



เงาร่างของอะไรบางอย่างยืนอยู่ที่ขอบรั้วก่อนที่มันจะกระโดดลงมาที่ตรงหน้า ร่างเล็กของเด็กชายผมเงินยกสองแขนขึ้นบังหน้าโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่น



ตุ้บ....



เสียงของหนักๆกระทบกับผืนดินที่เต็มไปด้วยหิมะ และความเย็นที่กระเด็นมาต้องใบหน้าทำให้เด็กชายผมเงินค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพตรงหน้า



“ อ๊า...เจ้า!!.....ทำตุ๊กตาหิมะของข้าพังหมดแล้ว!      สิ่งที่นัยน์ตาสีมรกตเห็นคือร่างที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าตนเท่าไหร่ของเด็กชายผมสั้นสีดำสนิทคนหนึ่ง นอนหงายหลังทับเจ้าตุ๊กตาหิมะที่อุตส่าห์ปั้นมาตั้งหลายชั่วโมงจนกระจัดกระจาย ใบหน้าของเด็กชายผู้นั้นยิ้มแย้มมาให้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้นั้นมีแววซุกซนแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความร่าเริง



“ ชี่.....เงียบๆก่อน....ข้ากำลังถูกผู้ร้ายตามล่าตัวอยู่นะ”       นิ้วชี้เล็กๆจรดลงที่ริมฝีปากเป็นสัญลักษณ์ว่าให้เงียบ สองมือเล็กของเด็กชายผมเงินจึงยกขึ้นปิดปากเอาไว้แน่น ด้วยหลงเชื่อคำของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มเปา



เสียงองครักษ์และผู้ติดตามตัวเงียบหายไปแล้ว ทำให้เด็กชายผมดำเริ่มหันมาสนใจร่างเล็กๆที่ตรงหน้า



“ เอามือออกได้แล้วละ พวกนั้นไปแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”         ใบหน้าเล็กของคนที่หลงเชื่อพยักหน้ารับแรงๆด้วยความภูมิใจแบบเด็กๆว่าได้ช่วยคนคนหนึ่งเอาไว้....เหมือนตัวเองเป็นวีรบุรุษในนิทานที่ท่านแม่เล่าให้ฟังไม่มีผิด.....



“ เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ....”      เด็กชายผมดำหันไปมองซากกองหิมะที่กระจัดระจายอยู่รอบตัว



“ อ๊ะ! ใช่....เจ้าทำตุ๊กตาหิมะของข้าพัง!        จากใบหน้าที่กำลังภูมิใจกลับมาบูดบึ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น



“ ฮะ ฮะ ขอโทษทีนะ....ถ้างั้น...เรามาทำมันขึ้นมาใหม่ดีไหม?”        เด็กชายผมดำยกมือขึ้นเกาหัว แต่ก็นึกสนุกกับเรื่องตรงหน้ามิใช่น้อย



“ แน่อยู่แล้วละ ก็เจ้าทำมันพังนี่”      ร่างเล็กๆกอดอกพร้อมกับทำแก้มป่อง ให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ








นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราสองคน.....

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.....ไม่ว่าจะต้องอธิษฐานอีกสักกี่ครั้ง....เราก็ยังวอนขอ....ให้เราได้พบกันแบบนั้นอยู่เช่นเดิม.....









ร่างของเด็กชายผมดำที่ดูจะสูงขึ้นเล็กน้อยยังคงกระโดดลงมาจากกำแพงรั้วเช่นเคย



“ นี่! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้วห๊ะ ว่าให้เดินเข้ามาทางหน้าบ้านดีๆ!       หลังจากวันนั้นของเมื่อสองปีที่แล้วอีกไม่นาน เด็กชายผมเงินจึงได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วเด็กชายที่ปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่ด้วยกันวันนั้น เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมือง ปกติเด็กชายผมดำจะถูกอบรมสั่งสอนในเรื่องต่างๆทั้งการปกครอง การต่อสู้ มารยาททางสังคมและอีกมากมายอยู่ในปราสาทสีดำที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ซึ่งไม่ว่าจะมองจากมุมใดในเมืองนี้ก็จะเห็นมันทั้งสิ้น....ปราสาทของเจ้าเมืองที่ไม่ว่าใครๆต่างก็ใฝ่ฝันที่จะได้เข้าไปอยู่ในนั้น....แต่เด็กชายผมดำกลับอยากที่จะหนีออกมา...หาอิสระและการที่ไม่ต้องถูกบังคับให้ทำแต่เรื่องที่ตนไม่ชอบ....



“ ฮะ ฮะ เข้ามาข้างหน้า คนอื่นๆเค้าก็รู้หมดสิ”        เค้าก็รู้กันหมดแล้วไม่ใช่รึไง! เด็กชายผมเงินเพียงแต่คิดในใจ....วันนั้น....คนทั้งเมืองต่างวุ่นวายกับการตามหาตัวนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของเมือง...แต่เจ้าตัวกลับมานอนหลับปุ๋ยอยู่เคียงข้างลูกชายคนเดียวของร้านขายผ้าตัดกิโมโนร้านใหญ่ของเมืองเสียแบบนั้น แล้วหลังจากถูกพากลับไป....ไม่นาน...เด็กชายผมดำก็หนีออกมาหาเด็กชายผมสีเงินคนนี้อีก....หลายครั้งเข้า....พวกเหล่าผู้ติดตามจึงเลิกที่จะตามหา แต่มารอรับที่หน้าร้านนี้คงดีกว่า....



“ เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ”       เด็กชายผมดำโหนตัวขึ้นมานั่งเคียงข้างเด็กชายผมสีเงินที่ยังคงง่วนกับการทำอะไรบางอย่าง



“ ว่าวไง...เจ้าไม่รู้จักหรอ....บ้านนอกจริงๆ”     เด็กชายผมเงินแอบเหน็บ แต่เด็กชายอารมณ์ดีก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ กลับเอ็นดูในความน่ารักของเพื่อนเพียงคนเดียวคนนี้



“ ข้าจะไปรู้จักได้ไง...ในเมื่อข้าไม่เคยได้ออกจากปราสาทนั่นไปไหนเลยนี่...”      ใบหน้าที่เคยยิ้มร่าแกล้งทำเป็นสลดให้อีกคนที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงหลงกลเริ่มจะเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก



“ งะ...งั้นก็รู้จักซะซี่...นี่เค้าเรียกว่าว่าว เดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าเล่นเอง”      เด็กชายผมดำแอบลอบยิ้ม...ทำไมเขาจะไม่เคยเล่น...ถึงจะอยู่ในปราสาทก็มีที่กว้างพอที่จะเล่นมันได้และเขาก็รู้จักมันดีเพราะพวกทหารนั้นช่างสรรหาอะไรมาให้เขาเล่นเพื่อป้องกันเขาหนีออกมา



“ ว่าวของเจ้านี่สวยดีนะ”      สมกับที่เป็นลูกชายของร้านชื่อดัง กระดาษที่ใช้ทำว่าวนั้นมีลวดลายที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ราวกับว่า....เป็นลายของผ้าที่ใช้ทำกิโมโน....



“ ใช่ไหมล่ะ....ท่านพ่อบอกว่า....พอข้าเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะ...ท่านจะยกชุดกิโมโนที่มีลวดลายแบบนี้ให้กับข้า”      นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองลวดลายบนตัวว่าวด้วยความสนใจ ภาพในความคิดของเด็กน้อยทำให้เผลอพูดออกไป....



“ ถ้าเจ้าใส่....ต้องสวยมากแน่ๆ....”      





เด็กชายสองคนเดินไปตามคันนาที่ทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา...





ว่าวตัวสวยถลาเล่นลมอยู่นับครั้งไม่ถ้วน มือคู่น้อย รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะขับประสานไปทั่วท้องทุ่ง ความสุขเล็กๆของเด็กชายตัวน้อยๆสองคนซึ่งกำลังก่อรูปก่อร่างขึ้นมาเป็นความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึก....เกินกว่าที่จะสามารถถอนมันออกไปจากหัวใจได้....ในภายหลัง....



เด็กชายผมสีดำเอนหลังลงที่ผืนหญ้านิ่ม เด็กชายผมสีเงินเดินมานั่งลงที่เคียงข้าง สายตาทั้งคู่เหม่อมองออกไปยังฟากฟ้ากว้างที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม



“ อยากอยู่กับเจ้าแบบนี้ตลอดไปจัง”       เสียงเปรยสบายๆออกมาจากปากของเด็กชายผมดำ



“ ฮึ เจ้าเด็กขี้เกียจ เจ้าไม่อยากกลับไปเรียนที่ปราสาทละสิ....ข้าน่ะ....อยู่ที่นี่เสมอละเจ้าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาสิ ไม่เห็นจะยาก”      



“ แล้วถ้าวันหนึ่ง ข้าไม่สามารถมาหาเจ้าได้เพราะว่าข้าอยู่ไกลเกินไปล่ะ เจ้าจะว่ายังไง”



“ ข้าก็จะรอเจ้าอยู่ตรงนี้แหละ รอจนกว่าจ้าจะมาหาข้าได้นั่นแหละ”



“ สัญญานะ”



“ อื้อ!









คำสัญญาในวันนั้น....

ไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้มันจริงๆ ในอีกสามปีต่อมา....









ไฟสงครามที่รุนแรงนั้นแผ่ขยายมายังเมืองแห่งนี้โดยมิอาจหลีกเลี่ยง จากการเข้าร่วมรบและพ่ายแพ้ทำให้จำต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอีกฝ่าย แต่เพื่อปกป้องเหล่าพลเมืองให้อยู่ได้อย่างสงบสุขเช่นเดิม....ไม่ว่าฝ่ายผู้ชนะจะเรียกร้องสิ่งใดมา....ผู้แพ้ก็จำต้องทำตามอย่างไม่มีทางขัดขืน



ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าเมืองถูกสั่งให้เดินทางไปอยู่ในดินแดนของศัตรูเพื่อเป็นหลักประกันว่าเมืองนี้จะไม่คิดแข็งข้ออีก....




“ เจ้าต้องไปจริงๆหรอ....”       น้ำเสียงเหงาหงอยดังขึ้นจากเด็กชายผมสีเงินที่ยืนอยู่ตรงหน้า



“ พรุ่งนี้แล้วละ...วันนี้ข้าเลยจะมาหาเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย...คงไม่ได้เจอกันอีกนานเลยนะ โกคุเดระ”       เด็กชายผมดำยังคงยิ้มแย้มมาให้ถึงแม้ดวงตาสีเปลือกไม้จะไม่ได้ยิ้มด้วยเลยก็ตาม พรุ่งนี้....เขาก็ต้องเดินทางไปจากที่นี่ ไปอยู่ในที่ที่ไม่รู้จัก ต้องจากเพื่อนรักและคนสำคัญคนเดียวคนนี้ไปไกลแสนไกล....ถึงไม่อยากจะทำ อยากจะวิ่งหนีเหมือนทุกๆครั้ง แต่ทว่าเพื่อความปลอดภัยของเมือง เพื่อให้ร่างเล็กๆตรงหน้ายังคงอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข เขาจะต้องไป...



“ นี่....ข้าให้เจ้า....”      มันคือว่าวตัวนั้น....



“ ถ้าเจ้ากลับมาที่นี่อีก...แล้วเห็นคนที่ใส่กิโมโนด้วยลวดลายนี้...เจ้าจะได้จำได้ว่าคือข้า”      มือเล็กที่ยื่นว่าวมาให้กำลังเริ่มสั่นน้อยๆ น้ำตาใสกำลังไหลลงมาจากใบหน้าน่ารัก



“ ฮะ ฮะ ถึงไม่มีมันข้าก็จำเจ้าได้น่า...โกคุเดระ...ข้าจะลืมคนที่มายืนส่งข้าแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ได้ไง”      มือของเด็กชายผมดำยกขึ้นไปลูบที่แก้มใสให้น้ำตานั้นเหือดแห้งไป....เพราะเจ้าคือเพื่อนคนสำคัญของข้า...เพื่อนเพียงคนเดียว...และคนเพียงคนเดียวที่มีความสำคัญต่อข้า...แล้วข้าจะลืมเจ้าได้ยังไง



“ แต่ข้าจะเก็บมันเอาไว้ดู เผื่อว่าจะเห็นหน้าเจ้าอยู่ในนั้น”      มือของเด็กชายยื่นออกไปหยิบว่าวตัวสวยมาไว้ในอ้อมแขน



“ ฮึก...สักวัน....เจ้าต้องกลับมาหาข้านะ....”       เด็กชายผมเงินยังร้องไห้สะอึกสะอื้น ให้อีกคนดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ มือของเด็กชายผมดำลูบลงไปที่เส้นไหมสีเงินนิ่มอย่างแผ่วเบา....



“ อื้อ!   ข้าสัญญา...ว่าข้าจะกลับมาหาเจ้าแน่...โกคุเดระ”











แต่ไฟสงครามนั้นร้อนแรงและยาวนานกว่าที่คิด....

สิบกว่าปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน...รู้เพียงแต่ข่าวคราวบ้างเท่านั้น....












“ วันนี้ข้าเอาผ้าเข้าไปส่งในปราสาท ได้ข่าวมาว่า....นายน้อยกำลังจะถูกส่งตัวกลับมา”        เรื่องราวที่ท่านพ่อกับท่านแม่กำลังคุยกันนั้นทำให้มือบางที่กำลังจับพับผ้าให้เรียบร้อยถึงกับนิ่งค้าง.......ยามาโมโตะกำลังจะกลับมา......



“ ฮายาโตะ...เจ้ายังจำได้ไหม...นายน้อยชอบหนีมาอยู่กับเจ้าที่นี่ตอนเด็กๆน่ะ”      ท่านพ่อหันกลับมาถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ.....เขาจะลืมลงได้ยังไง....เด็กชายผมดำซึ่งเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา...ตอนนี้เจ้าคงจะเติบใหญ่ขึ้นมากเลยสินะ....แล้วเจ้า....จะยังจำข้าได้อยู่หรือไม่....จะรู้บ้างไหม...ว่าข้าคิดถึงเจ้าอยู่ทุกวัน



“ อื้อ...”      ร่างบางตอบรับเบาๆก่อนที่จะหอบผ้าพับใหญ่เดินเข้าห้องไป.....จากเด็กชายตัวเล็กๆกลับเติบโตขึ้นมางามสง่าราวกับพญาหงส์ ใบหน้าเล็กกลับเรียวสวยไม่สมกับที่เป็นผู้ชายเลยสักนิด ร่างกายก็ดูบอบบางราวกับผู้หญิง ผิวพรรณนั้นขาวกระจ่างและสะอาดสะอ้านสมกับที่อยู่ในร้านขายผ้ามาตั้งแต่เกิด ยามเมื่อก้าวเดินกลิ่นกายหอมกรุ่นจะฟุ้งกระจายไปทั่ว....กลายเป็นเสน่ห์เย้ายวนในแบบที่เจ้าตัวไม่ได้ต้องการเลยสักนิด เพราะมันทำให้ดูแปลกแยกแตกต่างจากผู้ชายวัย20กว่าๆทั่วไปยิ่งนัก





ข่าวเรื่องการกลับมาของนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวนั้นดูจะสร้างความยินดีไปทั่วทั้งเมือง....สาวๆที่มาซื้อผ้าต่างพูดคุยกันเรื่องนี้และพยายามเลือกสรรแพรภัณฑ์ที่สวยสดงดงามเพื่อจะได้สะกดสายตาของนายน้อยซึ่งน่าจะกลายเป็นหนุ่มใหญ่แล้วตั้งแต่แรกเห็น....นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชุดกิโมโนที่แขวนอยู่ที่ผนัง.....ถ้าเจ้าเห็นมันแล้ว...จะจำข้าได้หรือไม่...





ในที่สุดวันแห่งการต้อนรับกลับบ้านก็มาถึง....




ขบวนม้าที่วิ่งมาแสนไกลค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าท่ามกลางสายตาของเหล่าประชาชนที่มาร่วมต้อนรับด้วยความยินดี ที่ขบวนนั้นมีทั้งทหารของที่เมืองนี้และ....ทหารที่คงจะถูกส่งมาคุมตัวของเมืองฝ่ายศัตรู......นายน้อยยังไม่ได้รับอิสระโดยสมบูรณ์....



ร่างบอบบางพยายามแหวกผู้คนที่มายืนออกันอยู่ที่หน้าร้านของตน เพื่อหวังเพียงว่าจะได้เห็นหน้าของคนที่ตนเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน



เสียงกุบกับของเท้าม้าดังขึ้นมาอยู่ไม่ไกล....และในที่สุดนัยน์ตาสีมรกตก็มองเห็นร่างสูงสง่างามในชุดกิโมโนและกางเกงฮากามะเต็มยศนั่งอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลไหม้ ร่างกายที่เคยเป็นเด็กซึ่งไม่ต่างไปจากเขาตอนนี้กลับสูงใหญ่สมชายชาตรีกว่าเขามากมายนัก ภายใต้เสื้อกิโมโนนั่นคงจะเป็นกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน ใบหน้าของเด็กชายผมดำคนเดิมก็เปลี่ยนไปแล้ว มันกลายเป็นใบหน้าคมหล่อเหลาซึ่งมีรอยแผลเป็นซึ่งเน้นให้ดูคมเข้มยิ่งขึ้นอยู่ที่ปลายคาง....ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปอย่างไร....แต่เพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่ต้องการให้เปลี่ยนไป....นั่นคือแววตาร่าเริงและสะท้อนแต่ภาพของเขาในแบบเดิม....



แต่ทว่า....



ชั่ววูบที่ร่างงามสง่าบนหลังม้าเคลื่อนตัวผ่านหน้าไป....ดวงตาที่บังเอิญสบประสานกันนั้นทำให้รู้ว่า....



คนตรงหน้าไม่ใช่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่เขารู้จักอีกต่อไป...



ในดวงตาสีเปลือกไม้คู่นั้นไม่มีแววของอะไรหลงเหลืออยู่ มีเพียงความมืดมิดไร้ความสดใส ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเย็นชาจนน่ากลัว ไม่...แม้แต่จะสนใจหรือแสดงออกว่าจำเขาได้เลยสักนิด



ร่างบอบบางยังคงยืนมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆลับสายตาไปด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บแปลบ....ทั้งๆที่เขาเฝ้ารอวันนี้มาตลอด....วันที่สัญญากันเอาไว้ว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้ง....แต่แล้วเจ้าก็ลืมข้าไปจนหมดสิ้น....



เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน....ยามาโมโตะ



หรือว่าข้านั้นไม่มีค่าควรที่เจ้าจะจดจำอีกต่อไปแล้ว....















คืนนี้มีงานเทศกาลฤดูร้อนที่ศาลเจ้า....และคนจากปราสาทก็คงจะมาร่วมฉลองด้วยอย่างแน่นอน....



นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองชุดกิโมโนตรงหน้าก่อนที่จะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาสวมใส่....



ให้มันรู้กันไปเลยว่าเจ้าลืมข้าไปแล้วจริงๆใช่หรือไม่...ข้าจะได้เลิกหวังเลิกรอคอยเจ้าเสียที...












ร่างบอบบางเดินเข้าไปในประตูโทริอิสีแดงสดของศาลเจ้าท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ต่างจับจ้องมองมา.....ข้าไม่ชอบถูกมองด้วยสายตาแบบนี้เลย....แต่ข้าอยากรู้.....ข้าจึงจำต้องใส่กิโมโนตัวนี้มา



ร้านรวงมากมายต่างตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง แสงไฟประดับและเสียงเรียกลูกค้าทำให้ดูมีชีวิตชีวา ร่างบอบบางเดินไปเรื่อยๆ สายตาสอดส่ายหาใครบางคนที่ไม่น่าจะหายาก....รอบกายของนายน้อยคงเต็มไปด้วยคนห้อมล้อม...



แล้วก็จริงอย่างที่คิด.....ทั้งสาวๆและเหล่าทหารต่างยืนล้อมหน้าล้อมหลังร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดยูคาตะสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าคมยังคงนิ่งเฉย นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงมืดสนิท....ร่างบอบบางที่ยืนมองอยู่ไกลๆได้แต่ถอยกลับมา...คงไม่มีทางเข้าถึงตัวของร่างสูงได้....



ลูกชายคนเดียวของร้านขายผ้าชื่อดังเดินเล่นอยู่ในงานด้วยความเบื่อหน่าย....เขาคงคิดผิด...ที่มางานวันนี้...เห็นได้ชัด....ว่าเป็นเขาฝ่ายเดียวที่จำร่างสูงได้และคอยตามหาทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทางว่าจะมองหาเขาเลยสักนิด...... ร่างบางตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่ร้านช้อนปลาทองกลับดึงดูดสายตาให้เข้าไปราวกับเด็กๆ



อย่างน้อย....ได้อะไรติดมือกลับไปก็ยังดี....นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งไปยังเจ้าปลาทองตัวน้อย ช้อนกระดาษในมือจ่ออยู่ที่บนอ่างปลาพร้อมที่จะตวัดลงไปทุกเมื่อ



ครึก!



อ่างขยับไหวก่อนที่จะมาชนมือบางจนช้อนร่วงลงไปในอ่างทั้งๆที่ยังไม่ได้ช้อนเลยสักนิด ใบหน้าสวยหันกลับไปมองคนที่เดินชนอ่างทันที....เป็นทหารในชุดซามูไรร่างสูงใหญ่ที่ติดตามมากับนายน้อยของเมืองนั่นเอง



“ มีอะไร...”      เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังของทหารคนนั้น เสียงนั่นทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง....เสียงของยามาโมโตะ



“ ขอโทษขอรับ ข้าบังเอิญเดินชนอ่างจนทำให้ช้อนกระดาษของนางหล่นลงไป...”      ร่างสูงใหญ่ขยับออกมาจนเห็นทั้งใบหน้าและร่างกายได้อย่างชัดเจน



“ ขอโทษเขาแล้วให้เงินไปซื้ออันใหม่ซะ”     น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนที่จะหันกลับไป แผ่นหลังกว้างเดินจากไปโดยที่ไม่แยแสเขาเลยสักนิด....ในใจนั้นเจ็บแปลบ.....ทั้งๆที่เผชิญหน้ากัน...ทั้งๆที่เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าใส่กิโมโนชุดนี้.....แต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นก็ยังคงไม่สะท้อนภาพของเขา....จำเขาไม่ได้เลย



ใบหน้าสวยสลดลง มองเงินเล็กน้อยในมือที่ทหารคนนั้นยื่นให้.....ข้าคงจะบ้าไปเอง...ที่รอเจ้ามาตลอดสิบกว่าปี!



ร่างบางขว้างเงินพวกนั้นลงกับพื้นดินแล้วหันหลังเดินไปอีกทาง....พอกันที....ข้าไม่มีเพื่อนอย่างเจ้า...ข้าไม่มีคนสำคัญอย่างเจ้า....ไม่มี....ไม่มี!












เสียงขบวนแห่ใกล้เข้ามาแล้ว ทำให้ทุกคนในงานต่างวิ่งสวนกับร่างบางเพื่อที่จะเข้าไปมุงดู....ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ขบวนแห่ที่สวยสดงดงามจนไม่มีใครสนใจ....ร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆหายไปกับเงามืด.....



ร่างบอบบางเดินกลับบ้านด้วยหลากหลายความรู้สึก...โกรธ....หงุดหงิด....เศร้า....สมเพชตัวเอง....บันไดลงจากศาลเจ้านั้นร้างไร้ผู้คนเพราะต่างก็คงรอชมขบวนแห่กันจนหมด...แสงตะเกียงสลัวๆจากข้างทางส่องให้เห็นถนนที่ปูด้วยหินเพียงรำไร



ในขณะที่จะก้าวพ้นขั้นสุดท้าย....มือใหญ่ของใครบางคนก็ฉุดกระชากร่างบางเข้าไปที่พงหญ้าข้างทาง มือใหญ่อีกข้างปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ร่างบางของลูกชายร้านขายผ้าจึงได้แต่ดิ้นรนด้วยเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลยด้วยซ้ำ ร่างทั้งร่างดูเหมือนจะโดนหิ้วไปมากกว่าจะเรียกได้ว่าลาก เพราะร่างของอีกคนนั้นสูงใหญ่และแข็งแรงกว่าตนหลายเท่า นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างด้วยความกลัว แต่จะร้องเรียกให้ใครมาช่วยได้เล่า.....



โดนลากมาจนถึงชายป่าหลังศาลเจ้า ก่อนที่ร่างบางจะถูกผลักให้ลงไปกองอยู่ที่พื้น เมื่อมองหน้าคนที่กระทำอุกอาจก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง.....





คนงานของร้านขายข้าวสารที่อยู่ตรงข้ามร้านของเขาเอง......





“ ทำไมเจ้า....”



“ ข้าชอบเจ้าน่ะสิ! ชอบมาตั้งนานแล้ว แต่เจ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใครเลย วันนี้แหละ...ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้า!       ร่างใหญ่ที่ดูตะกละตะกรามผลีผลามเข้ามาหาร่างบอบบางที่ยังคงตกตะลึง มือบางได้แต่ผลักไสใบหน้าที่พยายามจะเข้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอ สัมผัสที่น่ารังเกียจทำให้รู้สึกขยะแขยงไปหมด ปากอยากจะร้องเรียกให้ใครมาช่วยแต่ก็โดนมือใหญ่ปิดเอาไว้แน่น



ฉั๊วะ!!!



เสียงคมดาบฟาดฟันผิวเนื้อก่อนที่ร่างใหญ่ซึ่งพยายามจะข่มเหงเขาอยู่จะล้มลงไปต่อหน้า....



คนที่ยืนอยู่เบื้องหลังทำเอาแทบหยุดหายใจ.....ยามาโมโตะ....



นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าคมที่ยังคงนิ่งเฉยอย่างตกตะลึง...แต่แล้วภาพของความเฉยชาที่มีต่อเขามาตลอดตั้งแต่กลับมาก็ทำให้ใบหน้าสวยรีบปรับกลับมาเป็นปกติ...ร่างบอบบางทำเพียงแค่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะโค้งให้คนตรงหน้า    “ขอบคุณท่านที่มาช่วยข้า....ข้าขอตัวก่อน....”     เงยหน้าขึ้นแต่พยายามไม่มองใบหน้าคมที่ยิ่งเห็นจะยิ่งตอกย้ำให้เจ็บปวด ร่างบอบบางเตรียมจะเดินหนี....แต่แล้ว....มือใหญ่กลับรั้งข้อมือเล็กเอาไว้.....



“ อยู่กับข้าก่อนได้ไหม....โกคุเดระ....”      ถ้อยคำที่ทำเอาร่างบางหันกลับมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองเห็นอยู่ตรงนี้กลับมีแววอ่อนโยน....เหมือนแววตาของยามาโมโตะคนเดิม...คนที่เขารู้จัก.....



นัยน์ตาสองคู่ได้แต่สบประสานกันอยู่นิ่งนาน.....มือใหญ่ที่ยังจับข้อมือเล็กเอาไว้ออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเพราะอีกคนก็โผเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรงแต่โดยดี....ไออุ่นของกันและกันถูกถ่ายทอดผ่านอ้อมแขนที่แสนคิดถึง



“ ข้าคิดถึงเจ้า...โกคุเดระ”     ใบหน้าคมซุกมาที่หัวไหล่บอบบาง สองแขนกอดกระชับร่างที่เฝ้าคิดถึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแน่น เช่นเดียวกับใบหน้าสวยที่ซบลงที่แผงอกอบอุ่น นัยน์ตาสีมรกตปิดลงด้วยหัวใจที่รู้สึกผ่อนคลาย     “ข้าก็เหมือนกัน...ยามาโมโตะ...”




ร่างทั้งสองหายเข้าไปในป่าลึก.....




เนินเขาเรียบมีเพียงหญ้าปกคลุมกับต้นไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่เพียงต้นเดียวคือที่ที่ทั้งสองร่างตัดสินใจนั่งลง....เบื้องหน้าที่มองเห็นอยู่ไกลๆคือแสงสว่างที่มาจากศาลเจ้า....ป่านนี้....พวกทหารคงจะกำลังตามหาตัวนายน้อยกันให้จ้าละหวั่น....เหมือนกับวันแรก....ที่เขาหนีออกมาจากปราสาท....และมีร่างบอบบางคนนี้นั่งอยู่เคียงข้าง



นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าคมนั้นอมยิ้มอย่างกำลังนึกสนุก....ไม่เหมือนเจ้าคนที่แสดงตัวเป็นนายน้อยที่เย็นชาโหดเหี้ยมคนนั้นเลยสักนิด...ที่อยู่ตรงหน้านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเจ้าสินะ!



“ แล้วทำไมเจ้าต้องทำเหมือนไม่รู้จักข้าด้วย!       ใบหน้าสวยเริ่มจะบึ้งตึงเมื่อนึกถึงสิ่งที่ร่างสูงคนนี้ทำให้ตนต้องเจ็บปวดและคิดมาก



“ ฮะ ฮะ ข้าขอโทษ....แต่ว่าข้าน่ะ....จะให้ใครรู้เรื่องของเจ้าไม่ได้หรอกโกคุเดระ....เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ข้าต้องการให้ปลอดภัยจากเงื้อมมือและสายตาของพวกนั้น”      ใบหน้าคมยิ้มอย่างฝืนๆ



“ เจ้ายังโดนคุมตัวอยู่สินะ....”      ที่ทำไปทุกอย่างเพราะต้องการให้เขาปลอดภัยอย่างนั้นเองหรอ....ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปจริงๆ



“ ก็แบบนั้นแหละ...แต่ว่า....ไม่เป็นไรหรอก...ข้าจะหนีออกมาหาเจ้า เหมือนตอนเด็กๆที่ข้าหนีมาหาเจ้าประจำไง!       โดนจับได้แน่นอน....ร่างบางไม่อยากจะพูดแบบนั้นหรอกแต่เมื่อครั้งอดีตมันก็เป็นแบบนั้นมาแล้ว....



“ เจ้าไปอยู่ที่นั่นคงลำบากมากเลยสินะ....”       ใบหน้าคมเพียงแต่อมยิ้มแล้วเหม่อมองออกไปไกล....เจ้าต้องไปเจอกับอะไรมาบ้างกันนะ



“ ไม่ใช่เรื่องน่าจดจำหรอก...ข้าอยากฟังเรื่องของเจ้ามากกว่า”      ใบหน้าที่ดูเหงาๆหันกลับมายิ้มให้เขา ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนลงมาที่ตัก มือใหญ่ลูบไล้ลายผ้ากิโมโนด้วยสายตาหลงใหล......   “เจ้าใส่มันแล้วสวยมากอย่างที่ข้าคิดจริงๆด้วย...โกคุเดระ...”





เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังขับขานประสานไปกับเสียงหริ่งเรไรจนถึงเช้า...น้ำค้างพร่างพราวอยู่บนยอดหญ้า มือใหญ่แกะเสื้อคลุมฮาโอริของตนออกแล้วคลุมลงไปบนไหล่บาง



“ โกคุเดระ...อีกสองวันเจ้ามาหาข้าที่นี่ได้ไหม....ข้าอยากเจอเจ้าแต่ข้าไม่อยากเข้าไปหาเจ้าที่บ้านเพราะทหารคงรู้ได้ไม่ช้าแน่”     นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองมาอย่างเว้าวอน ให้ใบหน้าสวยพยักหน้าลงน้อยๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมทันทีก่อนที่มันจะขยับเข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากมน



“ เพื่อนที่ไหนเค้าต้องหลบๆซ่อนๆเจอกันแบบนี้บ้างเนี่ย”      ใบหน้าสวยทำแก้มป่องราวกับเด็กๆ



“ ฮะ ฮะ...งั้นเจ้าเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นคนรักข้าดีไหมล่ะ หลบๆซ่อนๆเจอกันมันจะได้สมเหตุสมผล”        คำพูดเนียนๆพร้อมใบหน้ากวนประสาททำให้ฝ่ามือบางฟาดลงไปที่ไหล่ทันที



“ ข้าตีเจ้าด้วยความรัก เพราะงั้นห้ามร้อง!       นิ้วชี้เรียวชี้ไปที่ตรงหน้าของคนที่กำลังจะออดอ้อนอย่างรู้ทัน....เจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากเด็กชายผมสีดำคนนั้นเลยสักนิด...คนตรงหน้าคนนี้นี่แหละ...คือยามาโมโตะของเขาตัวจริง....




จากวันนั้น....




ร่างทั้งสองยังคงลักลอบออกไปพบกันบนเนินเขานั้นดังเดิม....เรื่องราวต่างๆถูกถ่ายทอดให้แกกันฟัง ทั้งเรื่องที่พบเจอมา เรื่องน่าหัวเราะ เรื่องน่าเศร้า เรื่องที่ฟังดูแล้วเงียบเหงา ถูกเล่าผ่านริมฝีปากของกันและกัน ความทุกข์ใจไม่สบายใจที่ได้ไปพบเจอมาต่างเบาหวิวและถูกระบายออกไปเมื่อได้มานั่งอยู่เคียงข้างกัน มันคือความสุขที่พบเจอได้เพียงเล็กน้อยหากเทียบกับช่วงเวลาในหนึ่งวัน....แต่แค่นั้น....มันกลับเป็นพลังให้ทั้งสองกลับยืนหยัดต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างไม่กลัวเกรง....




“ เจ้าเมืองที่ข้าไปเป็นตัวประกันอยู่กำลังจะมีคำสั่งให้เราไปร่วมรบกับกองทัพฝ่ายตะวันตก”       นั่นคือถ้อยคำที่ทำเอาหัวใจของร่างบางแทบจะหล่นวูบ.....ร่วมรบ....



“ แล้วถ้ากองทัพฝ่ายตะวันตกพ่ายแพ้ล่ะ”     ใบหน้าสวยก้มลงมองใบหน้าของคนที่นอนหนุนอยู่บนตักท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง



“ เราก็จะตกเป็นเชลยและถูกจับไปประหารด้วยข้อหากบฏ”      ถึงใบหน้าคมจะทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ร่างบางกลับรู้สึกได้ถึงความสั่นไหวในดวงตาสีเปลือกไม้คู่นั้น



“ เจ้าต้องไปด้วยหรือ”     เพิ่งจะได้กลับมายังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ



“ ถ้ามีคำสั่งมา....ข้าก็ต้องไป....”       ถึงเขาจะเป็นผู้ชายเช่นกัน แต่ไม่เคยเข้าใจความหมายของคำว่าชายชาตินักรบที่ยอมทิ้งได้แม้แต่ชีวิตเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรี เพราะเขาเป็นคนที่ต้องรอคอยอย่างเจ็บปวดอยู่เบื้องหลังอยู่เสมอ



“ ข้าไม่อยากให้เจ้าไป...”       ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่เอาแต่ใจ แต่ร่างบางกลับไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยออกไป



“ ฮะ ฮะ...เพราะแบบนี้แหละข้าถึงได้รักเจ้า”      ร่างสูงลุกขึ้นมานั่ง สองมือประคองใบหน้าสวยก่อนที่จะจรดหน้าผากลงไปที่หน้าผากมน....ข้าอยากได้ยิน.....คำพูดที่จะฉุดรั้งข้าเอาไว้ไม่ใช่ไสสงให้ข้าไปตาย....เพราะนั่นมันจะยิ่งทำให้เขาอยากกลับมา....



ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วใบหน้าสวยก่อนที่จะหยุดลงที่ตรงริมฝีปากสีระเรื่อ....ลิ้นร้อนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในโพรงปากที่ยอมให้แต่โดยดี...ร่างทั้งสองค่อยๆโน้มเอนลงบนผืนหญ้าหนานุ่ม กิโมโนถูกแหวกออกอย่างแผ่วเบา ผิวเนื้อแนบไปซึ่งกันและกันจนแทบจะหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เสียงหอบหายใจดังประสานไปกับเสียงครางอย่างสุขสม ร่างกายที่ต่างผูกมัดกันและกันให้สัญญานั้นหนาแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม....














หลังจากนั้นไม่นานคำสั่งให้ไปร่วมรบก็มาถึง....

นัยน์ตาสีมรกตจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ามองแผ่นหลังกว้างเดินจากไป....ในใจเฝ้าภาวนาให้คนตรงหน้านั้นปลอดภัย....

เจ้าจะต้องกลับมาหาข้าอีก....ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งที่เจ้าเดินจากไป....เจ้าจะต้องกลับมา....














แต่ทว่า....



กองทัพฝ่ายตะวันตกนั้นพ่ายแพ้....











ในใจของร่างบางนั้นร้อนรนราวกับถูกไฟสุมอยู่ตลอดเวลา...ทุกค่ำคืนยังคงออกไปรอคอยอยู่ที่เดิม....หวังเพียงแต่ว่าจะได้เจอหน้ากันอีกครั้ง



เจ้าสัญญาแล้วว่าจะกลับมา.....













เวลายังคงเดินผ่านไปกับความหวังที่แทบจะพังทลาย....


ไม่ว่าจะเฝ้ารออย่างไรเขาก็ไม่กลับมา....














มือบางปลดกลอนประตูออกอย่างแผ่วเบา....เขารอได้มาเป็นสิบปี...กับเวลาแค่นี้.....



ประตูไม้หน้าร้านค่อยๆแง้มออกทีละนิด...วันนี้เขาก็จะไปรออยู่ที่เดิม.....นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปทั่วให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้ เรียวขาค่อยๆก้าวย่างออกมาจากบ้านอย่างที่เคยทำเป็นปกติ...ในขณะที่หันกลับไปเพื่อปิดประตู ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ตรงเข้าประชิดที่ด้านหลัง กลิ่นคาวเลือดทำให้ร่างบอบบางถึงกับผงะเตรียมจะวิ่งหนี แต่มือใหญ่ก็คว้ามือเล็กเอาไว้เสียก่อน



“ ยามาโมโตะ?”       ถึงแม้จะไม่แน่ใจแต่เงาร่างที่มองเห็นจากแสงสะท้อนของแสงจันทร์นั้นช่างคล้ายร่างที่เคยกอดกันมานับครั้งไม่ถ้วน



“ ข้าเอง...โกคุเดระ”      เสียงทุ้มที่เคยพร่ำกระซิบซึ่งกันและกันทำให้ร่างบางโผเข้าหาอย่างที่ไม่มีรีรอ อ้อมแขนที่คุ้นเคยกอดกระชับมาทั้งร่างอย่างคิดถึง  ความเป็นความตายที่ผ่านมาทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต...รู้ซึ้งถึงคุณค่าของช่วงเวลาที่จะได้กลับมาหาคนที่รัก



“ ข้ากลับมาหาเจ้าแล้ว....และข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าปลอดภัย”      สิ้นสุดคำพูด ร่างบอบบางถูกดึงออกจากอ้อมแขนช้าๆ นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นมองมาด้วยแววตาของความเจ็บปวด ริมฝีปากประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อแผ่วเบา ก่อนที่จะจับร่างบางแล้วผลักเข้าไปให้อยู่ที่เบื้องหลังประตูบ้าน โซ่เส้นใหญ่ถูกคล้องเอาไว้ ทำให้เหมือนบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่



“ ยามาโมโตะ?”     มือบางทุบที่ประตูอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของร่างสูง ก่อนที่จะวิ่งไปยังช่องแคบๆช่องหนึ่งซึ่งคนในบ้านเอาไว้มองออกไปที่หน้าบ้าน สิ่งที่มองเห็นทำให้นัยน์ตาสีมรกตนั้นเบิกกว้าง....



เหล่าทหารในชุดที่ไม่เคยเห็นร่วมสิบคนกำลังยืนล้อมยามาโมโตะอยู่......ไม่นะ.....



มือที่เคยสัมผัสเขาจับดาบเอาไว้มั่น....นัยน์ตาที่ดุดันและแข็งกร้าวคู่นั้นบ่งบอกเอาไว้ว่าจะสู้ไม่ถอย...ไม่ว่าอีกฝ่ายจะได้เปรียบแค่ไหนก็ตาม



มือที่ถือดาบเงื้อขึ้นในขณะที่อีกฝ่ายต่างพุ่งเข้ามาพร้อมๆกัน!




ไม่นะ.....










“ ยามาโมโตะ!!!










เสียงดาบเชือดเฉือนผิวเนื้อและเสียงคนล้มลงทำให้นัยน์ตาสีมรกตนั้นปิดแน่น...ไม่อยากจะรับรู้ความจริงอะไรอีก....อย่าทิ้งข้าไป....อย่าทิ้งข้าไป!



ร่างที่อยู่เบื้องหลังกำแพงนั้นทรุดลงกับพื้น น้ำตามากมายไหลลงมาไม่ได้หยุด สิ่งที่รับรู้อยู่ตรงหน้านั้นโหดร้ายจนไม่อาจจะทำใจได้ไหว สองมือยกขึ้นปิดหน้า ร่างกายที่สั่นสะท้านนั้นแทบจะทรงตัวไม่อยู่
















น่าแปลก....



ที่คมดาบครั้งนี้กลับไม่รู้สึกเจ็บ.....



นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลืมขึ้นอย่างช้าๆ เลือดที่กระเซ็นอยู่เต็มหน้านั้นคือเลือดของเขาหรือเปล่า?



แต่แล้วเงาร่างของใครบางคนที่ยืนยู่ตรงหน้านั้นก็ทำให้นัยน์ตาเบิกกว้าง.........................ท่านพ่อ.......



“ ไปซะทาเคชิ!       เสียงที่ออกมาจากปากของคนที่เป็นเจ้าเมืองนั้นทำร่างสูงถึงกับมึนงง



“ แต่ว่าข้า.....”



“ หนีไปจากที่นี่ซะ จากนี้ไปข้าจะบอกพวกนั้นว่าเจ้าตายไปแล้ว!



“ แต่ข้าเป็นนักรบ แล้วจะให้หนีไปได้อย่างไร!



“ เจ้าไม่ห่วง....คนที่อยู่ข้างหลังบานประตูนั้นหรืออย่างไร....”         สิ่งที่ได้ยินทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้าง



“ ท่าน....รู้.......”         นัยน์ตาของพ่อมีแววอ่อนโยน รอยยิ้มถูกส่งมาให้พร้อมกับกล่องไม้ยาวในมือ



“ เจ้าเป็นลูกชายของข้านี่....แล้วจะมีเรื่องอะไรของเจ้าที่ข้าจะไม่รู้...รับนี่ไป....มันคือของที่ข้าตั้งใจทำให้พวกเจ้า แม้ข้าจะไม่อาจอวยพรให้พวกเจ้าได้ แต่ต่อจากนี้ไปขอให้พวกเจ้าจงไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเถอะนะ”     กล่องไม้ในมือของพ่อถูกรับเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะก้มลงไปจรดพื้น



“ ขอบคุณท่านพ่อ!















โซ่เส้นใหญ่ถูกปลดลงไปจากประตูบ้าน....



ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาร่างบอบบางที่ยังคงนั่งร้องไห้ มือใหญ่วางลงไปที่หัวไหล่สั่นเทา ใบหน้าที่เลอะคราบน้ำตาเงยขึ้นมาด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนทั้งร่างอีกครั้ง.....   “จากนี้...ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป...”













เรือลำน้อยลอยละล่องอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสีฟ้าใส....



ข้ามทะเลเซโตะนี้ไปจะเป็นเกาะใหญ่ที่ยังไม่ค่อยมีใครไปถึง....



ที่นั่น....เขาทั้งสองจะไปสร้าง “บ้าน” ที่เป็นของพวกเขา สร้างที่ที่เขาจะอยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่ต้องลักลอบหรือหนีออกมาพบเจอกันอีก...







ร่างบอบบางเชิดหน้าขึ้นรับลมทะเลที่ไม่เคยรู้จัก เช่นเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง มือใหญ่โอบกอดเอวบางเอาไว้...ในอ้อมแขนของร่างบางนั้นกอดของที่ถูกเอาออกมาจากกล่องที่พ่อของร่างสูงมอบให้ไว้.....มันคือดาบสองเล่ม...




เล่มหนึ่งเป็นดาบยาวสีดำสนิทส่วนอีกเล่มเป็นดาบขนาดกลางสีขาว ทั้งลวดลายและเชือกที่พันอยู่ที่ปลอกดาบทำให้รู้ได้โดยไม่ยากว่ามันถูกสร้างเอาไว้คู่กัน…..


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.




นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราสองคน.....

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.....ไม่ว่าจะต้องอธิษฐานอีกสักกี่ครั้ง....เราก็ยังวอนขอ....ให้เราได้พบกันแบบนั้นอยู่เช่นเดิม.....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


พานพบ.....

จบบริบูรณ์........  








ยังเหลืออีก 3 ซี่รี่ย์นะค้า....เลื่อนลงไปโล้ด....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น