Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 11


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : 11

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

          
         



ในขณะที่ใบหน้าสวยกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง นัยน์ตาสีเปลือกไม้กลับเหลือบดูกระจกมองหลังเป็นระยะๆ


ที่ยังไม่ตามมาทันทีแบบนี้แสดงว่าสึนะยัง “ให้เวลา” เขาอยู่

รอยยิ้มจางๆเผยอยู่บนใบหน้าคม...เปลี่ยนไปมากเลยนะ ทั้งเขาทั้งสึนะ...นึกไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนพวกเขาก็เคยเป็นแค่เด็กญี่ปุ่นธรรมดาๆที่ต่างก็ใช้ชีวิตวัยเรียนไปวันๆ ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งจะกลายมาเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินของอิตาลีที่มีแต่กลิ่นเลือดติดตัวกันแบบนี้


ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง...เพื่อน...ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาตลอดมาจะถูกใครบางคนแซงหน้าไป

ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นฝ่ายหักหลัง...เพื่อน...ของตัวเอง


ใบหน้าคมเข่นยิ้มออกมาต้องเรียกว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำของตัวเองมากนัก...ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนรับหน้าที่จัดการกับคนประเภทนี้แท้ๆ...ทั้งๆที่รู้ดีว่าหนียังไงก็ไม่มีทางหนีพ้นสำหรับคนทรยศ....เพราะหน่วยพิรุณของวองโกเล่นั้นแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ราวกับสายน้ำที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้

แต่เขาก็ยังทำ...


หลายคนคงเฝ้าหาเหตุผลให้กับการกระทำของตัวเอง...แต่เขากลับไม่เคยถามตัวเองเลยว่า...ทำไมถึงได้ทำเพื่อโกคุเดระขนาดนี้

ทำไมถึงได้สนใจ....ทำไมถึงได้...ชอบ...คนคนนี้....ทั้งๆที่ตลอดมาไม่เคยมีอะไรอยู่ในสายตา

ไม่เคยตั้งคำถาม...ไม่เคยหาเหตุผล...ได้แต่ปล่อยให้ทุกการกระทำดำเนินไปตามที่หัวใจต้องการ


หัวใจ....อย่างงั้นหรอ....



“ หึ...”   เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ใบหน้าสวยที่จมอยู่ในความคิดของตัวเองถึงกับหันมามอง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ละจากถนนชั่วครู่เพื่อเหลือบดูใบหน้าใสที่ยังจ้องเขม็งกลับมา ที่หัวคิ้วสีเงินยังคงขมวดน้อยๆเป็นปกติ....เรียกรอยยิ้มให้เผยอยู่ที่มุมปากของเขาก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้า


....นายไม่ใช่คนที่ไม่มีหัวใจอีกต่อไปแล้วนะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....






BMW 5 – Series Sedan  เลี้ยวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดกลางซึ่งตั้งอยู่ที่ปาร์ม่า เป็นเพราะว่าตอนนั้นร่างบอบบางยังไม่รู้ว่าร่างสูงใหญ่จะพาตนไปไหนจึงไม่ได้คิดอะไร เพราะการมาปาร์ม่าก่อนนั้นมันเป็นการอ้อมทั้งๆที่จากโบโลญญ่าไปเวโรน่าเลยมันจะใกล้กว่านี้

รถสีดำวิ่งเข้าไปจอดในที่จอดรถวีไอพีโดยที่ยามไม่ไล่ราวกับรู้ว่าเป็นรถของใคร 

ร่างบอบบางยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถ...ก็จะให้ลงไปไหนในสภาพผ้าห่มผืนเดียวแบบนี้ได้ยังไง...แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเมื่อประตูรถฝั่งที่นักขับของเฟอร์รารี่นั่งอยู่เปิดออก ท่อนแขนแข็งแรงก็อุ้มเอาคนที่ยังงงขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าสาว

“ นี่แก!! ปล่อยชั้นลงนะไอ้บ้า!”   เมื่อกี้ก็เกือบจะฆ่าเขาตาย ตอนนี้ยังจะมาทำให้อับอายอีกงั้นหรอ ถึงจะเสี่ยงชีวิตช่วยเขาแต่เรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันก็คนละเรื่องกันนะ!  มือบางจึงยันเข้าไปที่ใบหน้าที่ยังคงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีผิดกับบรรยากาศตึงเครียดที่มันควรจะเป็น

“ บอกให้ปล่อยไง!”   แล้วร่างบอบบางก็ยังคงดิ้นไปตลอดทาง จนกระทั่งร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมร้านหนึ่งซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่เสื้อผ้าที่ไอ้บ้านี่จะใส่ เพราะมันเป็นแบรนด์ชื่อดังของญี่ปุ่นที่ทำเสื้อผ้าแนว Punk Gothic-lolita

หรือว่า...หาให้เขา?

ที่จริงกับแค่เสื้อผ้าหาเอาตามข้างถนนก็ยังได้...ในเวลาแห่งความเป็นความตายแบบนี้...หมอนั่นมีเหตุผลอย่างอื่นอีกหรือเปล่าที่พาเขามาที่นี่?

นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองราวแขวนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบมาสองสามชิ้นแล้วยัดใส่มือบางก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกปล่อยลงในห้องลองเสื้อ

“ ใส่ซะนะ โทษทีที่เราไม่มีเวลาเลือกมากนัก”  ก็ถ้าไม่มีเวลาจะพามาที่นี่ทำไม? เขาได้แต่ทำหน้าบูดใส่ไอ้คนที่ดูสติไม่ค่อยจะดีนั่น ก่อนจะรับเสื้อผ้ามาเปลี่ยน

นัยน์ตาสีมรกตตวัดมองกระจกแล้วก็พบว่าชุดที่ไอ้บ้านั่นเลือกมาให้มันช่างเหมาะกับตัวเขาจนน่าหมั่นไส้ในความรู้ดี ขาในรองเท้าบูทสูงถึงเข่าก้าวออกไปจากห้องลองเสื้อก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่กำลังยืนจ่ายเงิน...ทั้งๆที่มันก็เป็นภาพปกติแต่อะไรบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ปกติ

แล้วยิ่งเดินตามหมอนั่นออกมาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่า....ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับวองโกเล่

ไม่เช่นนั้นตั้งแต่พนักงานยันผู้บริหารคงไม่รู้จักแล้วก็พยักหน้าทักทายหมอนั่นกันหมดแบบนี้หรอก!

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองแผ่นหลังกว้างอย่างครุ่นคิด  ถึงแม้ว่าพวกระดับสูงของวองโกเล่จะไม่ค่อยปรากฏตัวที่ไหน แต่ด้วยความที่ยังหนุ่มแน่นทั้งรูปร่างหน้าตาก็จัดได้ว่าหล่อเหลากันแทบทุกคน มีทั้งเงินทั้งอำนาจมืด ถึงจะดูอันตรายแต่มันก็คงเร้าใจสำหรับใครหลายๆคน มันจึงเป็นที่สนใจของทุกวงสนทนาได้ไม่ยาก แล้วเขาก็เชื่อด้วยว่าต่อให้นานๆมาที พนักงานสาวพวกนี้ก็น่าจะรู้จักหมอนั่นเป็นอย่างดี

“ ที่นี่...เป็นของพวกแกงั้นหรอ?”  เสียงเรียบถามออกไปเมื่อกลับเข้ามานั่งใน BMW สีดำที่กำลังทะยานออกจากที่จอดวีไอพี

“ ใช่...มันเป็นของวองโกเล่...อือ...จะพูดให้ถูกก็...ที่ฟอกเงินธรรมดาๆนี่แหละ ฮะฮะฮะ”  

“ ธรรมดาบ้านแกสิไอ้บ้า!”   ใบหน้าสวยสะบัดหนีไปมองข้างทาง รู้สึกหมั่นไส้ในความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคนข้างๆขึ้นมาตะหงิดๆ นี่เขากำลังหนีจากการไล่ล่าของพวกมาเฟียอยู่จริงๆใช่ไหมเนี่ย?!




ภาพถนนหนทางที่เริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อยๆทำให้ใบหน้าบูดๆเริ่มปรับกลับมาเรียบเฉย...ถึงจะไม่ค่อยได้กลับมา...ทว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงติดตา ยังคงติดแน่นอยู่ในความรู้สึก ราวกับมันเป็นแผลเป็นที่มองไม่เห็น...แผลเป็นที่ฝังอยู่ในหัวใจ

ใช่...ที่นี่คือที่ที่ทำยังไงก็ลบออกไปจากในหัวไม่ได้ ต่อให้เคยนึกอยากจะลืมแค่ไหน ภาพทุกภาพกลับยังกระจ่างชัดจนน่ากลัว

มันไม่เคยพร่ามัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว...


ภาพของ...เวโรน่า....


แล้วยิ่งรถสีดำขับเข้าใกล้สถานที่ที่เป็นดั่งแผลเป็นมากขึ้นเท่าไหร่ ในอกซีกซ้ายมันก็ยิ่งร้อนดั่งไฟมากขึ้นเท่านั้น

ต่อให้มันจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ต่อให้อาคารไม้สีขาวจะมอดไหม้กลายเป็นตอตะโก ต่อให้จะมีอาคารใหญ่โตหน้าตาทันสมัยสร้างขึ้นมาทับ แต่เขาก็จำได้อย่างแม่นยำว่าสถานที่ที่อยู่ตรงหน้า...คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่แน่นอน

นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างมองห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเวโรน่า ทว่า ดวงตานั้นราวกับมองเลยผ่านมันเข้าไปในอดีต ร่างทั้งร่างแข็งเกร็งราวกับจะหายใจไม่ออก ภาพที่อยู่ในหัวมีทั้งภาพแห่งรอยยิ้มและภาพที่มีแต่สีแดงฉานของเพลิงกาฬ

ทั้งๆที่คิดมาตลอดว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้แล้ว แต่แผลเป็นที่คิดว่าปิดสนิทกลับยังมีรอยแตกให้รู้สึกเจ็บอยู่

ประตูรถถูกเปิดออกตามมาด้วยมือใหญ่ที่จับข้อมือของเขาเอาไว้ก่อนจะลากให้ลงไปด้วยกัน

“ ปล่อยนะ!! ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น! บอกให้ปล่อย!!” 

เขาไม่รู้ว่ายามาโมโตะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงได้พาเขามาที่นี่...พามาราวกับจะตอกย้ำให้คนที่ยังหาทางออกกับเรื่องตรงหน้าไม่เจอยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก...ร่างกายจึงต่อต้านมือใหญ่ๆที่ลากให้เดินตามไป ทั้งดิ้นทั้งสะบัดจนสุดแรงจนคนทั้งห้างหันมามอง

หึ...น่าสมเพชจริงๆ ขนาดกับบอสของวองโกเล่เขายังกล้าเผชิญหน้าโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่กลับสถานที่แห่งนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง...

“ บอกให้ปล่อย!!”  เขายังคงขัดขืนไปจนกระทั่งลิฟท์หยุดลงที่ชั้นบนสุดที่น่าจะเป็นส่วนบริหาร แต่ร่างสูงใหญ่ก็ยังคงลากเขาให้เดินตามไปด้วยใบหน้ายิ้มสบายๆแต่สายตากลับมืดมนจนน่าขนลุก...สายตา...ที่หมอนั่นมักเอาไว้ใช้มองคนอื่นๆที่ไม่ใช่เขา...

ประตูในส่วนสำนักงานถูกเปิดออกและเมื่อพวกเขาก้าวขาเข้าไป พนักงานที่นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งเรียงพรืดเต็มห้องต่างก็หันมาจ้องมองพวกเขาเป็นตาเดียว

และสายตาที่มองมานั้นมันก็ทำให้เขาหยุดการต่อต้านลง....

ไม่เหมือน....

มันไม่เหมือนกับสายตาที่พนักงานของห้างสรรพสินค้าที่ปาร์ม่าใช้มองยามาโมโตะ....ที่นั่น...ถึงจะรู้ว่าหมอนี่เป็นมาเฟียแต่ก็เพราะว่าหมอนี่เป็นคนระดับสูงของวองโกเล่ที่เป็นเจ้าของ สายตาที่มองมามันจึงไร้ซึ่งความหวาดผวาเพราะรู้ว่าหมอนี่จะไม่ทำอันตรายตน

แต่ที่นี่กลับ...

“ โทษที...มีใครรู้บ้างไหมว่าชั้นเป็นใคร?”  เสียงทุ้มที่ประกาศกร้าวออกไปมีแต่จะทำให้พนักงานในนั้นต่างหน้าเสีย หลายคนเริ่มมองหาทางหนีทีไล่กันล่อกแล่ก หลายคนก็มีท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

จริงอยู่ที่ดูเหมือนทุกคนจะรู้จักยามาโมโตะ แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นว่าหมอนี่เป็นเจ้าของที่นี่เลยสักคน

สายตาที่มองมามันบ่งบอกว่าทุกคนเห็นหมอนี่เป็นแค่ตัวอันตราย เป็นแค่....มาเฟีย....


ทำไมกันล่ะ...

วองโกเล่ก็เป็นเจ้าของที่นี่ไม่ใช่หรือไง?....

เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่สร้างทับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเขาไม่ใช่หรือไงกัน?....

พวกมันลงทุนเผาบ้านของเขาจนวอดวาย ฆ่าพี่ๆน้องๆของเขาตายในกองเพลิง...เพื่อที่จะสร้างห้างนี่ขึ้นมาไม่ใช่หรือไง?...


ไม่ใช่....วองโกเล่หรือไง........


ใบหน้าสวยได้แต่นิ่งค้างไปกับความจริงบางอย่างที่เพิ่งจะได้รู้....ถึงจะยังไม่ได้เชื่อสนิทใจแต่ปฏิกิริยาของคนทั้งห้องนี้รวมไปถึงพนักงานในห้างที่พวกเขาเพิ่งจะเดินผ่านมาก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี...ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างต่างไปจากที่เขาจำฝังใจมาตลอด

รปภ.ที่วิ่งกรูกันเข้ามามองเห็นอยู่ทางหางตา แต่เหมือนหัวสมองของเขาจะประมวลผลจนลุกไหม้ไปแล้ว ร่างกายจึงยังคงนิ่งงันอย่างไร้ซึ่งปฏิริยาโต้ตอบใดๆ

“ โกคุเดระ...ไปกันเถอะ...ที่นี่ไม่มีใครรู้จักชั้นเลย...”   เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหูพร้อมๆกับมือใหญ่จับลงมาที่มือของเขา

ถึงแม้ รปภ.จะเข้ามารุมล้อมแต่แค่เห็นดาบของยามาโมโตะ ทุกคนต่างก็ยอมให้พวกเขาเดินผ่านไปด้วยสีหน้าหวาดผวา ยอม...ให้ BMWขับออกไปพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจ...










ร่างบอบบางนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ขั้นบันไดของอัฒจันทร์ครึ่งวงกลมโดยมีร่างสูงใหญ่ยืนอยู่เคียงข้าง

บรรยากาศยามเย็นทำให้ภาพแห่งความหลังที่ยังฝังอยู่ในใจฉายซ้ำกลับไปกลับมา


เมื่อนานมาแล้ว...Teatro Romano di Verona หรือโรงละครโรมันแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งเด็กกำพร้าไม่มีเงินอย่างพวกเขามาใช้แทนสนามเด็กเล่น

มันเป็นโรงละครกลางแจ้งซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาดีเจโดยมีเมืองเวโรน่าเป็นฉากหลัง...ที่นั่งคนดูเป็นโค้งครึ่งวงกลมลดหลั่นกันลงไปตามไหล่เขา...เวทีเป็นเพียงลานกว้างที่อยู่ด้านล่าง

รีไวที่โตกว่าเด็กคนอื่นจะคอยนั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ในตำแหน่งเดียวกับที่เขานั่งอยู่ในตอนนี้ นัยน์ตาสีขี้เถ้านั่นคงเฝ้ามองพวกเด็กๆอย่างเขาวิ่งเล่นกันอยู่บนเวทีราวกับกำลังดูละครฉากหนึ่ง

มันนานมาแล้ว....

นานจนจำไม่ได้แล้วว่า...


วิธียิ้มให้ได้แบบในตอนนั้น...มันต้องทำยังไง




“ คนที่เผาบ้านเด็กกำพร้าเมื่อสิบปีก่อนไม่ใช่วองโกเล่...แต่เป็นใครสักคนที่กำลังใช้ชื่อของวองโกเล่เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและตอนนี้วองโกเล่ก็กำลังตามล่าตัวมันอยู่”   เสียงทุ้มดังออกมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยามาโมโตะตัดสินใจที่จะบอกความจริงที่ตัวเองรู้กับเขา

“ น่าเสียดายที่เรื่องมันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว การสืบสาวมันเลยยากมากทีเดียว...อีกทั้ง...เชื่อได้เลยว่ามันต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่ธรรมดาเพราะว่าการกลบเกลื่อนหลักฐานนั้นทำได้ดีจนแม้แต่เจ้ามุคุโร่ยังยอมรับ”

“ ตอนนี้...สิ่งที่พวกเราทำได้คือรอให้หางพวกมันโผล่ออกมาเอง...โดยใช้วิธีการแบบมาเฟีย”   แล้วเสียงทุ้มก็เงียบหายไป...ไม่ได้บอกเขาต่อว่าวิธีการที่ว่านั่นมันคืออะไร


เรื่องจริงมันคืออะไรกันแน่....?


สิ่งที่เขาแค้นมาตลอดสิบปีนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาอย่างงั้นหรอ?


ใครบางคนแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อโยนความผิดให้วองโกเล่?


แต่งขึ้นมาเพียงเพื่อจะให้เขาไม่กล้าเปิดปากหากเขามีชีวิตรอดเพราะชื่อของอีกฝ่ายเป็นถึงมาเฟียที่ยิ่งใหญ่คับอิตาลี.....ซึ่งมันก็สำเร็จด้วยดีจริงๆ...เพราะเชื่อมาตลอดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นฝีมือของวองโกเล่  รีไวถึงได้ห้ามไม่ให้เขาแก้แค้น ห้ามไม่ให้เขารื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก...และเรื่องนี้ก็คงจะเงียบหายไปถ้าเขาไม่ดื้อดึงจนถึงตอนนี้

วองโกเล่เองก็คงไม่รู้ว่ามีใครบางคนใช้ชื่อของตนหาผลประโยชน์อยู่


ใครบางคน....ที่ทำเอาเพลิงแค้นของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกไม่รู้กี่เท่า!!



“ โกคุเดระ....”   เสียงเรียกดังมาจากใบหน้าคมที่ลดมาอยู่ในระดับเดียวกันเมื่อยามาโมโตะคุกเข่าลงตรงหน้า มือใหญ่เอื้อมมาจับมือเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ หันหน้ามาหาวองโกเล่ได้ไหม....”  สิ่งที่ใบหน้าคมเอ่ยออกมาทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง

“ ขอร้องละ...อย่าเป็นศัตรูกับวองโกเล่เลยนะ”  ใบหน้าสวยได้แต่นิ่งอึ้งไป...ถึงแม้ว่าตอนนี้เป้าหมายของเขากับวองโกเล่จะไปในทางเดียวกันแต่พอยามาโมโตะเป็นคนเอ่ยประโยคนี้ออกมา มันก็อดคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ไม่รู้ทำไม

ที่พูดแบบนี้ เพราะไม่ว่ายังไงนายก็คงเลือกวองโกเล่ ไม่ใช่ชั้นสินะ....


“ โกคุเดระ...ชั้นไม่ได้โกหกนายนะ ที่บอกว่าชอบนาย”  เหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ประโยคที่เอ่ยตามออกมาจึงปัดเป่าความน้อยใจให้กลายเป็นรอยแดงบนแก้มใสแทน

“ ชะ ชั้นก็ไม่ได้โกหก ที่บอกว่าจะฆ่าแก...เผลอเมื่อไหร่แกตายแน่!”  ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มรับกับความปากไม่ตรงกับใจ...เพราะแบบนี้แหละถึงได้น่ารัก

นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองใบหน้าสวยที่เหมือนจะยอมสงบลงได้ ในตอนแรกมันอาจจะเป็นแค่หน้าที่ที่ต้องคอยคุ้มกันโกคุเดระให้ดี ในฐานะพยานคนสำคัญ แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าเขาคงจะถอนตัวไม่ขึ้น

“ ชั้น...จะยอมให้ความร่วมมือด้วยก็ได้...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเชื่อใจพวกแกนะ!”  และสิ่งที่ริมฝีปากสีแดงนั่นเอ่ยออกมาก็ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจ...

ที่เหลือก็แค่ไปเคลียร์กับสึนะ...





เรื่องที่สืบมาได้หลายๆเรื่องถูกเล่าให้โกคุเดระฟังในระหว่างที่กำลังเดินกลับไปที่รถ และพอร่างสูงใหญ่บอกออกไปว่าน่าจะมีพวกเจ้าหน้าที่รัฐรวมไปถึงพวกนักการเมืองมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย ใบหน้าสวยก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“ หมอนั่น...รู้ว่าชั้นมาจากเวโรน่า ทั้งๆที่ชั้นกับรีไวไม่เคยบอกใครว่าเคยอยู่ที่นี่ เพราะพวกเราก็รู้ว่าอาจจะโดนฆ่าปิดปากเอาได้ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราสองคนหนีไปได้...ในเมื่อตอนนี้คดีนั้นมันสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุเพลิงไหม้...ทั้งๆที่จริงแล้วมันคือการวางเพลิง”  โกคุเดระพึมพำออกมาขณะที่เข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ  BMWสีดำทะยานออกไปจากที่จอดอย่างตั้งใจจะกลับไปโบโลญญ่า

“ หมอนั่น....?”  เขาถามออกไปในขณะที่ตาก็จ้องมองถนน

“ ผู้แทนรัฐบาลของแคว้นเวเนโต...คนที่ดูแลเวโรน่าอยู่ในตอนนี้...แกจำตอนที่พวกแกไปดูการแข่งของชั้นที่มอนซ่าได้ไหม หมอนั่นเป็นคนมอบถ้วยให้ชั้นก่อนจะบอกชั้นว่า...ชั้นคือความภาคภูมิใจของคนแคว้นเวเนโต.....ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเอมิเลีย-โรมัญญาที่มาราเนลโลอยู่สิ? หรือไม่ก็ลอมบราดีที่มิลานอยู่สิ?”

สิ่งที่โกคุเดระพูดออกมาทำให้เลือดในกายรู้สึกร้อนแปลกๆ....เอาละสิ...นี่เป็นข้อมูลใหม่ของพวกเขาเลยละ....นี่แปลว่านอกจาก คริชา เยเกอร์ ผู้แทนรัฐบาลคนก่อนของเวเนโตก่อนที่จะย้ายไปประจำที่เอมิเลีย-โรมัญญาซึ่งวองโกเล่ยังไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนจึงยังไม่ได้บอกโกคุเดระไป มันยังมีคนที่น่าจะพัวพันเพิ่มขึ้นมาอีก...แล้วก็ใหญ่ไม่แพ้กันเลยด้วย

ดูท่าทางงานนี้ วองโกเล่จะเจอตอเข้าให้แล้ว....ถ้าไม่เก็บหลักฐานให้ดีๆดูท่าจะลำบากแหะ

แต่ก็นับว่าการไปปรากฏตัวใกล้ๆโกคุเดระกับรีไวในครั้งนั้นจะได้ผลดีทีเดียว.....ใช่....วองโกเล่ต้องการบอกให้พวกมันรู้...ว่าเรารู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกเอาชื่อไปใช้และเราก็พร้อมจะงัดข้อกับใครก็ตามที่ทำให้วองโกเล่เสื่อมเสีย

วองโกเล่ต้องการจะบอกให้พวกมันรู้และโผล่หางออกมาเอง....

พวกมันจะต้องสงสัยแน่ว่าทำไมวองโกเล่ที่ไม่เคยไปปรากฏตัวที่ไหนถึงได้เลือกที่จะไปดูการแข่งขันนั้น เพราะไม่ว่าการเคลื่อนไหวใดๆของวองโกเล่เดซิโม่อย่างสึนะ ก็จะเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว

ทีนี้...พอพวกมันสงสัย ก็จะเริ่มสืบประวัติโกคุเดระและรีไว...และจะรู้ได้ในทันทีว่าสองคนนั้นเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้บ้านเด็กกำพร้า...เป็นพยานคนสำคัญ...ที่จะพลิกคดีว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการวางเพลิง

และในเมื่อวองโกเล่ไม่ใช่คนทำ สักวันหลักฐานมันต้องสาวกลับไปถึงตัวพวกมันแน่...เพราะฉะนั้น...มันต้องโผล่หางออกมา....


เพื่อจัดการกับพยานทั้งสองคนอย่างแน่นอน


วองโกเล่ก็แค่รอเวลา...แล้วจับมันให้ได้คาหนังคาเขาก่อนที่มันจะลงมือกับพยานทั้งคู่...เพราะงั้นเขาจึงต้องวางมือจากเพชฌฆาตมาเป็นบอร์ดี้การ์ดให้โกคุเดระชั่วคราว

ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงที่โกคุเดระอาจจะโดนทำร้าย...แต่มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อนี่เป็นวิธีการของมาเฟีย...




แต่เรื่องนั้นมันจะเป็นยังไงตอนนี้คงไม่ใช่เวลาจะมาคิด...เพราะเขาคงต้องเอาตัวรอดจากข้อหาทรยศนี่ให้ได้เสียก่อน

รถสีดำหลายคันที่วิ่งตามมาอย่างน่าสงสัยทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบดูกระจกมองหลังเป็นระยะๆ


หมดเวลาแล้วอย่างงั้นหรอ....

ทั้งๆที่อุตส่ากล่อมโกคุเดระได้แล้วแท้ๆ....


ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งจนคนข้างๆคงเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าสวยหันกลับไปมองข้างหลังด้วยสายตาที่ยังเรียบเฉย จนกระทั่ง


ปัง!!!


เสียงทักทายดังสนั่นของกระสุนที่ยิงไล่มาอย่างตั้งใจจะข่มขู่ให้หยุดหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ มือจึงหักพวงมาลัยก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในถนนสายแยก ร่างบอบบางโงนเงนไปตามแรงเหวี่ยง คิ้วเรียวเพียงแค่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ท่าทางที่ไม่ได้ตื่นตระหนกนั่นทำให้รู้ว่าโกคุเดระคงผ่านเรื่องแบบนี้มาไม่ใช่น้อย

คุ้นเคยกับการถูกตามล่า...


ปังๆๆ!!!


“ เลี้ยวซ้ายข้างหน้าสิ”   ริมฝีปากสีแดงเอ่ยบงการอยู่บนเบาะข้างๆสองมือที่กอดอกตัวเองอยู่เคาะนิ้วลงไปบนท่อนแขนบางอย่างหงุดหงิดกับการขับรถของเขา

“ ครับๆ”  เขาตอบรับพร้อมกับเลี้ยวไปตามที่ร่างบอบบางบอก จากถนนใหญ่กลายเป็นตรอกแคบๆที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ถึงเขาจะขับลำบากขึ้นแต่อย่างน้อยพวกข้างหลังก็ต้องเรียงหนึ่งเข้ามา ไม่สามารถจะตามมาประกบยิงข้างๆได้

“ ให้เร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง? ข้างหลังนั่นตามมาจะยิงหัวแกได้แล้วนะ!

“ ครับๆ”  จะเร็วยังไงได้ในเมื่อมีแต่ลังแต่กล่องอะไรขวางอยู่เต็มไปหมด

“ จะหลบทำไมล่ะ? ชนมันไปสิไอ้กล่องพวกนั้นน่ะ!”  ห๋า? ก็รู้อยู่หรอกว่าปกติเจ้านักขับของม้าสีแดงนี่บ้าระห่ำขนาดไหน แต่จะให้เขาเอา BMW ไปบดขยะแบบนั้นมันก็...

“ ขับรถอย่างกับเต่าคลานแบบนี้จะไปหนีใครพ้น! มานี่! ชั้นขับเอง!” 

“ แต่ว่าคันนี้ชั้นเพิ่งถอยมาใหม่นะ เพิ่งถอดป้ายแดงออกไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง.....”   .....ไอ้สายตาประมาณว่า ถ้าแค่นี้ไม่มีปัญญาซื้อก็อย่ามาสะเออะเรียกชั้นว่าที่รัก นั่นมันอะไรกันน่ะ? เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้เขาต้องยอมสละพวงมาลัยให้แต่โดยดี

ร่างบอบบางก้าวข้ามมายังเบาะของเขาด้วยความทุลักทุเลเพราะจะปล่อยคันเร่งตอนนี้ก็ไม่ได้ ทำให้โกคุเดระจำต้องนั่งลงมาบนหน้าตักของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ตัวนิ่มๆกับกลิ่นผมหอมๆทำให้รู้สึกว่าจะเอา BMW ไปบดขยะอีกซักคันก็คงไม่เป็นไร แล้วในขณะที่กำลังเคลิ้ม...

“ ไปนั่งนู่นสิไอ้บ้านี่!  เสียงห้าวก็ทำให้ฝันเป็นอันล่มไป

“ จ้ะที่รัก โอ๊ย!”  ไม่ว่าเปล่ามือบางข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยเสยมาที่คางเต็มๆเมื่อมองเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเขาเข้า...คุณพ่อสอนมาดีสินะ ว่าอย่าไปนั่งตักผู้ชายแปลกหน้า!

เขาย้ายตัวเองไปนั่งที่ฝั่งข้างคนขับแทน แล้วหลังจากที่ฝ่าเท้าบางแตะคันเร่งได้ ทั้งกล่องทั้งลังที่เขาพยายามขับหลบมาตลอดก็ถูกชนกระเด็นลอยข้ามรถไปเป็นว่าเล่น ได้ยินเสียงทั้งปืนทั้งเบรกสนั่นหวั่นไหวอยู่ข้างหลัง ใบหน้าคมจึงหันไปมองผลงานของนักขับมือสองแห่งทีมเฟอร์รารี่ ที่บัดนี้ดูเหมือนจะสลัดพวกที่ตามมานั้นหลุดได้ภายในพริบตา เมื่อรถคันหน้าดูเหมือนจะเสียหลักพุ่งชนหัวส่งน้ำดับเพลิงจนน้ำพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ได้ยินเสียงชนโครมก่อนจะมีควันลอยคลุ้งขึ้นมาจากด้านหลัง

ร่างสูงใหญ่ทิ้งกายพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ นอกจากจะขับรถได้ใจถึงแล้วยังนับว่าโกคุเดระฉลาดเป็นกรดที่ล่อพวกมันมาในตรอกแบบนี้ เพราะแค่รถคันแรกชนอะไรสักอย่าง คันหลังๆก็ตามมาไม่ได้แล้ว

นี่คงเป็นประสบการณ์ตรงจากการเอาตัวรอดอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรมของมิลานมานานเป็นสิบปีสินะ...ไม่งั้น ร่างบอบบางนั่นคงไม่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องได้ขนาดนี้...คงเป็นเพราะไม่มีใครแตะต้องได้นั่นเอง

BMW สีดำทะยานออกมาจากตรอกอย่างลืมไปว่า...ไม่ได้มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้พื้นที่ของเมืองนี้อยู่ฝ่ายเดียว


เอี๊ยดดดดด!!!


Series5 Sedan หักหลบสุดตัวเมื่อมองเห็นว่ามีรถสีดำมาจอดขวางเอาไว้หลายสิบคัน ควันและกลิ่นไหม้จากล้อที่บดเบียดถนนลอยคลุ้งจนดูมืดมัว

“ ชิ!”  ใบหน้าสวยสบถอยู่หลังพวงมาลัย เพราะดูเหมือนจากนี้ไปคงใช้รถหนีไม่ได้อีก...ร่างทั้งสองจึงจำต้องลงไปจากรถ

มือใหญ่ปลดดาบที่สะพายไหล่อยู่ออกมาถือไว้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองกลุ่มคนที่ยังคงยืนอยู่ในเงามืด...สึนะจะส่งใครมากันนะ?...ฮิบาริหรือว่ามุคุโร่?...เพราะถ้าไม่ใช่สองคนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะส่งแค่ลูกน้องมาไล่ล่าเขา...เพราะมันเท่ากับส่งมาตายเปล่า

นัยน์ตาสีเปลือกไม้หลับตาลงก่อนที่จะยืดดาบออกไปสุดแขน ลมหายใจถูกสูดเข้าไปพร้อมๆกับคมดาบที่ค่อยๆถูกถอดออกจากฝัก ประกายสีเงินที่วาววับรับกับแสงยามเย็นทำให้มีหลายคนถึงกับก้าวถอยหลัง

รอยยิ้มเย็นๆฉายอยู่ในใบหน้าคมเมื่อนัยน์ตาสีเปลือกไม้เปิดขึ้นมา...ดูเหมือนจะไม่มีทั้งฮิบาริและมุคุโร่อยู่ในกลุ่มคนตรงหน้า...เพราะจากจิตสังหารที่เขาสัมผัสได้ ไม่มีจิตสังหารใดที่ไม่หวั่นไหวยามเมื่อเขาชักดาบอยู่เลย


พวกนั้นไม่ใช่วองโกเล่


แต่น่าจะเป็นแก๊งของศัตรูที่เขาคงไปก่อความแค้นเอาไว้ พวกนั้นเลยตามมาจัดการเขาทันทีที่รู้ว่าเขามาที่นี่ตามลำพัง

เพราะสึนะไม่มีทางทำอะไรที่เสียเปล่าอย่างการส่งลูกน้องมาตายแบบนี้แน่

ใบหน้าคมแสยะยิ้มมืดมนขึ้นมาทันที...ถึงจะเป็นวองโกเล่เขาก็ไม่ได้คิดจะเกรงใจอยู่แล้ว ยิ่งไม่ใช่แบบนี้ก็......


“ ตกลงนั่นคนของแกหรอ?”  ร่างบอบบางที่ยืนอยู่เคียงข้างถามออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ...สงสัยจะเป็นความแค้นส่วนตัวของชั้นเอง ฮะฮะฮะ”  ซึ่งเขาก็ไม่เคยจำซะด้วยว่าไปสร้างความแค้นไว้กับใครและที่ไหนบ้าง...ในเมื่อมันมากมายจนนับไม่ไหว

“ แล้วทำไมชั้นจะต้องมาพัวพันกับเรื่องโง่ๆของแกด้วยเนี่ย!  ใบหน้าสวยเริ่มกระฟัดกระเฟียดขึ้นมา...ก็...ประมาณนั้นแหละ เขาเหยียบไปที่ไหนทีไรก็มักจะมีเรื่องน่าสนุกแบบนี้อยู่เสมอ ตื่นเต้นจนเลือดเดือดพล่านเลยใช่ไหมล่ะ?

เขากำลังเหลือบมองโกคุเดระด้วยสายตาห่วงๆเพราะร่างบอบบางมีเพียงมือเปล่า ต่างจากเขาที่มีดาบคู่ใจ ไอ้ครั้นจะยกให้...แทนที่การต่อสู้มันจะจบไวๆโกคุเดระอาจจะบาดเจ็บเพราะใช้ดาบไม่เป็นเสียมากกว่า

แล้วก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเขามองอยู่ด้วยสายตาแบบไหน ใบหน้าสวยจึงหันมาขมวดคิ้วให้ราวกับจะบอกว่าเขาห่วงไม่เข้าเรื่อง

แล้วฝ่าเท้าของนักขับแห่งทีมเฟอร์รารี่ก็ดีดขวดเบียร์ที่กลิ้งอยู่แถวนั้นขึ้นมา มือบางจับปากขวดเอาไว้ก่อนจะฟาดมันกับเสาไฟ


เพล้ง!!!


จากมือเปล่าก็มีอาวุธขึ้นมาทันที ยิ่งนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวราวกับเสือดุจ้องเขม็งมองศัตรูอย่างไม่กลัวเกรงเช่นเดียวกับปลายแหลมของขวดแก้วแตกในมือที่ส่องประกายวาววับราวกับจะบอกว่าใครกล้าเข้ามา...ตาย!....ก็ทำให้เขาถึงกับยิ้มออกมา

สมกับเป็นว่าที่ภรรยามาเฟียจริงๆเลยนะ...


และทันทีที่ขาทั้งสองคู่ก้าวออกจากกัน เสียงปืนก็ดังสนั่น

อาจจะฟังดูเหลือเชื่อแต่ก็ต้องบอกว่ากระสุนไม่อาจทำอะไรสายลมและสายน้ำที่พลิ้วไหวไม่อยู่กับที่นั่นได้เลย คมดาบยังคงตวัดฟาดฟันใส่สันคอของศัตรูจนเลือดสาดกระเด็น เช่นเดียวกับขวดแก้วคมกริบที่เสียบทะลุหน้าท้องของฝ่ายตรงข้ามจนทรุดลงไปกองกับพื้น

ใบหน้าคมยังคงอมยิ้มสบายๆราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับหยดเลือดที่กระเซ็นอยู่ตามลำคอและข้างแก้ม นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงมองกลุ่มคนที่หันปืนเข้าหาตัวเองราวกับพยัคฆ์มองเหยื่อ เพลงดาบชั้นสูงตวัดออกไปราวกับไม่ได้ออกแรงอะไรมากนักแต่มันกลับตัดหัวของใครสักคนจนขาดกระเด็น ทั้งไออำมหิตทั้งจิตสังหารที่แผ่อยู่รอบตัวทำให้ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำนั้นยิ่งดูอันตรายมากกว่าเดิมหลายเท่าถึงแม้จะยิ้มอยู่ก็ตาม

เรียวขากระโดดข้ามร่างของคู่อริที่ล้มลงมากองอยู่ที่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนกำลังเสริมจะไม่ได้ลดลงเลย

เสียงปืนเงียบลงในชั่วอึดใจทำให้แผ่นหลังบอบบางปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้างใหญ่ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหันมองศัตรูที่อยู่โดยรอบ จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาฝีมือเหนือกว่าแต่ทว่าเรื่องจำนวนก็เป็นปัญหาไม่ใช่น้อย

ยิ่งการต่อสู้ผ่านไปยาวนานเท่าไหร่ นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าสวยเริ่มจะหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามากล้ำกลายมากขึ้นๆ...ปล่อยไว้นานกว่านี้คงไม่ดีแน่...


ปัง!!!


แล้วกระสุนก็แยกพวกเขาออกจากกันอีกครั้ง


ปังๆๆๆ!!!


นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทันเห็นปากกระบอกปืนมากมายหันเข้าใส่ร่างบอบบางที่กลิ้งตัวหลบ มือบางปาขวดแก้วที่คมหายไปเกือบหมดแล้วเข้าใส่อีกฝ่ายจนมันแตกกระจาย ใบหน้าสวยได้แต่กัดฟันกรอดพลางสอดสายตาหาอาวุธชิ้นต่อไป แต่ยังไม่ทันจะคว้าอะไรได้ กระสุนที่มาจากทุกทิศทุกทางก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับนิ่งค้างอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง...

ไม่ทัน....หลบไม่ทันแล้ว....



ปังๆๆๆ!!!



ลมหายใจหยุดนิ่งไปโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นัยน์ตาสีมรกตหลุบต่ำมองเห็นเพียงแค่ปลอกกระสุนมากมายที่กลิ้งอยู่บนพื้น....กับปลายดาบที่ยังคงมีเลือดไหลลงมาเป็นทาง....

และเมื่อใบหน้าสวยเงยขึ้นไปเห็นแผ่นหลังกว้างที่ยืนขวางกระสุนอยู่ นัยน์ตาก็ถึงกับเบิกกว้าง

“ ยะ...ยามาโมโตะ?”   ใบหน้าคมเพียงหันกลับมายิ้มด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะหันกลับไปจับจ้องคู่อริที่ยังคงหันปืนเข้าใส่ด้วยสายตามืดมน ถึงจะรู้ว่าน้ำอุ่นๆที่ไหลลงไปตามแขนของเขาคืออะไรแต่ก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะเจ็บแค่ไหน

เพราะที่ใต้อกซ้ายมันปวดกว่า...

ถ้าเมื่อกี้เขาขยับเข้ามาช่วยไม่ทัน...มันจะเกิดอะไรขึ้นกับโกคุเดระ....ไม่อยากจะคิด...ไม่อยากจะคิดเลย

มือที่จับดาบอยู่กระชับมันเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว จิตสังหารที่ใช้เพียงเพื่องานเพียงอย่างเดียวนั้นเทียบไม่ได้กับจิตสังหารในตอนนี้....ในยามที่เพชฌฆาตต้องการที่จะปกป้องหัวใจของตัวเอง...

“ โกคุเดระ...รออยู่ตรงนี้นะ...แค่แป๊บเดียวเท่านั้น...”  เสียงทุ้มเยือกเย็นจนน่าขนลุกเอ่ยออกมา ก่อนที่สองมือจะกระชับดาบมั่นแล้วหันคมออกไป...จะให้พวกมันได้เห็นเพลงดาบที่ร้ายกาจที่สุดของผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่!

“ เพลงดาบชิงุเระโซเอ็นริว กระบวนท่ารุกพิเศษที่ 11 Beccata di Rondine!!”  

แล้วเสียงโหยหวนที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดก็ร้องระงมราวกับอยู่ในขุมนรก

ร่างบอบบางได้แต่นั่งมองการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายฝนที่บ้าคลั่ง ประกายของคมดาบที่ตวัดไปมาจนมองไม่ทันนั้นทำให้รู้สึกราวกับมีสีฟ้าของสายน้ำห่อหุ้มอยู่ทั่วร่าง...นี่น่ะหรอ...ยามาโมโตะ ทาเคชิ...นี่น่ะหรอผู้ชายที่ทำตัวเหมือนคนบ้าเวลาอยู่กับเขา

ทั้งๆที่หมอนั่นมันนักฆ่าโดยกำเนิดชัดๆ


แก้มใสรู้สึกได้ถึงหยดน้ำจึงยกมือขึ้นไปกันมันเอาไว้เพราะเพลงดาบโหดเหี้ยมนั่นยังคงอาละวาดไม่หยุด...นี่มันไม่ใช่น้ำ...แต่เป็นเลือด...

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปรอบๆกายที่เต็มไปด้วยสีแดงฉานราวกับอยู่ในทะเลโลหิต กลิ่นคาวแห่งชีวิตทำให้รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาจนไม่ทันระวังว่าจะมีอะไรบางอย่างลอยเข้ามาหาและกว่าหางตาจะแลไปเห็น มันก็ใกล้จนทำได้แค่ยกมือขึ้นบังใบหน้าของตัวเองเท่านั้น


ผลัวะ!!!


แล้วก่อนที่มันจะทำให้ใบหน้าสวยมีแผล ฝ่าเท้าของใครบางคนก็ยันมันลงไปจมแผ่นดิน

นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆมองไล่ไปบนรองเท้าบูทสีดำที่คุ้นตาก่อนจะพบว่าสิ่งที่ลอยมานั้นคือท่อนแขนของใครสักคนและสิ่งที่เหยียบมันอยู่ก็คือท่อนขาในชุดลำลองของเฟอร์รารี่! หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวขึ้นมาทันที เพราะไม่คิดว่าคนคนนั้นจะตามมาช่วยเขาถึงที่นี่ ไม่คิดว่าคนคนนั้นจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

“ รีไว...”  ไม่รู้ทำไมยามที่เงยหน้าขึ้นไปเห็นใบหน้าโกรธๆนั่นมันถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ความกังวลและสิ่งที่รบกวนจิตใจมันราวกับจะถูกปัดเป่าออกไปเมื่อมีคนคนนี้ยืนอยู่ใกล้ๆ


รู้สึกปลอดภัย...ทุกครั้งที่ได้ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชายคนนี้


“ จะก่อเรื่องไปถึงไหนไอ้เด็กบ้า ลุกขึ้นมา!”  ถึงแม้ว่าคำพูดคำจาจะไม่ได้น่าฟัง ถึงแม้ว่าฝ่ามือที่ฉุดกระชากเขาขึ้นไปจะไม่ได้นิ่มนวล แต่ความห่วงใยที่ส่งผ่านมานั้นเขารับรู้มันได้

“ อื้อ!”  เสียงในลำคอจึงตอบรับกลับไป พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆยืนหยัดลุกขึ้นสู้เคียงข้างร่างทั้งสองที่กำลังช่วยกันจัดการศัตรูอยู่ตรงหน้า


ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว...ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาได้!








ร่างโปร่งบางได้แต่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ในรถ ทั้งเสียงปืน ทั้งเสียงโหยหวน ทั้งกลิ่นเลือดที่ลอยหึ่งมาถึงข้างในรถแบบนี้ใครมันจะไปนั่งอยู่นิ่งๆได้  นัยน์ตาสีมรกตมองภาพตรงหน้าด้วยความกังวลระคนหวาดกลัว...กลัว...ว่าคุณรีไวจะเป็นอะไรไป

ถึงเขาจะไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากความรีบร้อนและสีหน้ากังวลของคุณรีไวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมันก็ทำให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ...เกิดอะไรขึ้นกับ โกคุเดระ ฮายาโตะ สักอย่าง

อะไรที่มันน่ากลัว...ยิ่งกว่าตอนที่เขาถูกพวกใต้ดินที่มิลานจับตัวไปเสียอีก

ใบหน้ามนได้แต่หันไปหันมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง...คุณรีไวสั่งให้เขารออยู่ในรถแล้วเสียงปืนที่ดังอยู่ตลอดเวลาแบบนี้เขาก็ไม่คิดว่าคนธรรมดาๆอย่างเขาจะเข้าไปช่วยอะไรได้ด้วย...ลงไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ...แบบนั้นสินะ


ปัง!!!


เสียงปืนที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้ร่างกายสะดุ้งโหยงขึ้นมา นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองภาพตรงหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความชุลมุน ถึงคุณรีไวจะเก่งกาจขนาดไหนแต่ถ้าโดนคนที่เยอะกว่ามากแบบนั้นรุม แถมอีกฝ่ายยังมีปืนอีก.....

“ อ้า!!! ทนไม่ไหวแล้ว!!”  ริมฝีปากสีระเรื่อโวยวายอยู่คนเดียวก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

ถึงเขาจะลงไปช่วยเรื่องต่อยตีไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องเรียกตำรวจมาละก็เขาทำได้แน่....ถึงแม้ว่าตำรวจอิตาลีจะไม่สนใจการตีกันของมาเฟียก็เถอะ!

“ ว่าไงเอเลน?”   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเมื่อปลายสายถูกกดรับ

“ พ่อ...คือว่ามีเรื่องให้ช่วยหน่อย...”






แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจเป็นร้อยนายก็เข้ามาเคลียร์ทำให้มาเฟียฝ่ายตรงข้ามยอมล่าถอยไปในที่สุด...ถึงแม้ว่ากว่าครึ่งค่อนจะอยู่ในสภาพปางตายไปแล้วก็เถอะนะ








ไฟกระพริบของไซเรนสว่างวาบเป็นจังหวะสาดกระทบให้เห็นร่างโปร่งบางที่กำลังยืนคุยกับตำรวจอยู่ เศษซากของความเสียหายนั้นแทบไม่นาเชื่อเลยว่าฝ่ายหนึ่งจะมีแค่สามคน...และสองในสามคนนั้นก็กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ข้างรถพยาบาล

“ แกจะไปตายที่ไหนชั้นไม่สน แต่อย่าลากเด็กนั่นไปตายกับแกด้วย! ชั้นขอสั่งให้แกเลิกยุ่งกับเด็กในปกครองของชั้น ไม่งั้นชั้นจะเหยียบแกจมดินแน่ยามาโมโตะ ทาเคชิ!”  ร่างที่เตี้ยกว่ากระชากคอเสื้อสูทของร่างสูงใหญ่ลงมาด้วยใบหน้าโกรธจัด...โดยมีร่างบอบบางทำได้แค่ยืนดูอย่างไม่รู้จะห้ามยังไงเพราะตัวเองก็ถูกคาดโทษเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  นัยน์ตาสีมรกตมองหน้าของผู้ปกครองในแบบที่นานๆจะได้เห็น.....รีไวที่ไม่เย็นชา...รีไวที่พูดมากกว่าปกติ... รีไวที่เป็นแบบนี้เพราะเรื่องของเขา

“ ฮะฮะฮะ”  ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยกมือยอมแพ้แล้วหัวเราะเนียนๆพลางหันมามองหน้าเขาอย่างขอความช่วยเหลือ

ใบหน้าสวยจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะก้าวขาเข้าไปขวาง มือบางจับมือของผู้ปกครองเป็นเชิงขอร้องว่าให้ปล่อยร่างสูงไป

“ ชั้นจะไม่หาเรื่องวองโกเล่อีก...”   แล้วสิ่งที่ โกคุเดระ ฮายาโตะ พูดออกไปมันก็ทำให้มือแข็งแรงที่กำลังกระชากคอเสื้อสูทอยู่ถึงกับหยุดชะงัก ใบหน้าโกรธๆหันมามองใบหน้าสวยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง...ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่เคยปล่อยวาง คนที่โกรธแค้นวองโกเล่มาทั้งชีวิตจะพูดคำนี้ออกมาได้

“ แต่ชั้นจะให้ความร่วมมือกับวองโกเล่...เพราะคนที่เผาบ้านของเราไม่ใช่วองโกเล่...แต่เป็นใครสักคนที่เอาชื่อของวองโกเล่ไปใช้...ทำให้เราหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมาเปิดโปงมันเพราะคิดว่าคนที่เราต้องสู้ด้วยคือมาเฟีย”  มือบางที่วางอยู่ข้างลำตัวกำแน่นจนคนเป็นผู้ปกครองรับรู้ถึงความแค้นและความแน่วแน่จนค้านไปก็คงไม่มีประโยชน์

เด็กนี่มันก็ดื้อไม่ต่างไปจากเอเลน...เพียงแต่มันดื้อเงียบไม่ตะโกนโวยวายเหมือนเจ้าลูกหมานั่น....แต่ก็อย่างว่าละนะ ถ้าไม่ดื้อคงอยู่กับเขาไม่รอดมาจนถึงป่านนี้

มือแข็งแรงยอมปล่อยคอเสื้อสูทออก...ถ้าศัตรูไม่ใช่มาเฟียเขาก็พอจะวางใจได้บ้าง...อีกอย่าง...ดูจากสภาพของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่มีแผลประปรายอยู่ตามตัว โดยที่เจ้าฮายาโตะ ไม่มีแผลแม้แต่รอยเดียวแล้วก็พอจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ ฮะฮะ ก็อย่างที่ชั้นเคยบอกนายนั่นแหละ ว่าวองโกเล่ไม่ได้เป็นคนทำ....”    ใบหน้าคมยิ้มสบายๆอย่างไม่ได้ถือสาที่ถูกอีกฝ่ายมองด้วยสายตาราวกับอยากจะหวดท่อนขามาข้อหาไปยุ่งกับเด็กในปกครองของตน นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองคราบเลือดและรอยกระสุนตามพื้นและผนังตึก ก่อนจะเหลือบไปมองรถตำรวจที่ยังเปิดไฟไซเรนอยู่รอบกายพลางยิ้มเย็นๆ...ดูท่าทางจะเป็นฝีมือของ เอเลน เยเกอร์ สินะที่พาตำรวจออกมาได้แบบนี้...แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเด็กนั่นไม่ธรรมดาเลย

เขาที่เป็นมาเฟียรู้ดี...แต่ดูท่าว่ารีไวกับโกคุเดระจะไม่รู้ถึงความพิเศษในข้อนี้ของเด็กนั่น

และเมื่อนัยน์ตาสีเปลือกไม้แลเห็นร่างโปร่งบางที่เพิ่งคุยกับตำรวจเสร็จแล้วกำลังเดินกลับมา รอยยิ้มที่มุมปากก็เผยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจงใจเอ่ยออกไปให้ได้ยิน

“ แต่จากที่วองโกเล่สืบมา มีความเป็นไปได้ว่าคนที่เผาบ้านเด็กกำพร้าของพวกนาย...จะเป็นพวกเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมไปถึงนักการเมืองที่อยู่ในเวโรน่าในสมัยนั้น...อืม...สิบปีก่อน...สินะ”


นักการเมืองที่อยู่ในเวโรน่า....เมื่อสิบปีก่อน......


คำคำนี้ลอยเข้าไปในหูของคนที่กำลังเดินเข้าไปอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างกายโปร่งบางจึงถึงกับนิ่งค้างไป....



นักการเมืองที่อยู่ในเวโรน่า....เมื่อสิบปีก่อน......

นั่นมัน...พ่อ...ของเขาไม่ใช่หรือไงกัน...



ใบหน้ามนถึงกับชาวาบ ถึงจะไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่เรื่องที่ทั้งสามคนคุยกันมันก็ทำให้พอจะเดาได้ว่า...มันน่าจะเกี่ยวกับการที่ทำให้คุณรีไวและโกคุเดระ ฮายาโตะ ต้องระหกระเหินไปใช้ชีวิตเหมือนพวกขยะสังคมอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรมของมิลาน...ทั้งๆที่เคยมีบ้านมีครอบครัว....

แล้วคนที่ทั้งสามคนพูดถึงกันอยู่นั่น...ก็คือคนที่ทำให้ทั้งสองคนต้องเป็นแบบนั้น

พ่อ...ของเขา?







“ โฮ่ย ไอ้เด็กเหลือขอ?”   เสียงทุ้มของคุณรีไวทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์ ทั้งสามคนขยับเข้ามาใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ในหัวมัวแต่คิดเรื่องของพ่อจนไม่ทันได้สังเกต

“ กลับบ้านได้แล้ว”  นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองมือของคนรักที่กำลังจับข้อมือของเด็กในปกครองลากกลับไปด้วยกัน อะไรหลายๆอย่างมันทำให้รู้สึกสับสนจนหัวใจอยู่ไม่เป็นสุข ทำไมจู่ๆก็รู้สึกกลัว ทำไมจู่ๆก็รู้สึกคิดมากไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือเล็กน้อยแค่ไหน...นี่เขาเป็นอะไร...เพราะเรื่องที่ได้ยินมันกระทบกระเทือนจิตใจขึ้นมาหรือยังไง...มันถึงได้รู้สึกอย่างที่ไม่สามารถจะบอกออกมาได้ว่ากำลังรู้สึกยังไง มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองร่างแข็งแกร่งลากร่างบอบบางให้เดินตามไป...ไม่ว่ายังไงก็ยังรู้สึกอิจฉา...กับความผูกพันที่เขาคงไม่อาจจะเข้าไปแทรกได้...ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งสองคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกันและมันก็อาจจะเกี่ยวพันกับพ่อของเขาด้วย...ยิ่งคิด...นัยน์ตายิ่งสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำยังไง

จนกระทั่งเสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ

“ ขอบใจนะ...ที่มาช่วยเก็บกวาดให้”   ใบหน้าคมของร่างสูงใหญ่นั่นยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเดินตามสองคนนั้นไปให้เขาได้แต่มองตาค้าง...ผู้ชายคนนั้นรู้...ว่าเขาเป็นคนเรียกตำรวจมา?






มือที่แข็งแรงดั่งคีมเหล็กปล่อยข้อมือบางออกเมื่อเดินมาถึงรถ นัยน์ตาขี้รำคาญมองเฟอร์รารี่สีแดงของตนอย่างเพิ่งจะนึกได้ว่ามันนั่งได้แค่สองคน!

ใบหน้านิ่งตวัดกลับไปมองเด็กในปกครองที่ยังคงนิ่งเฉยตามเดิมสลับกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆและร่างโปร่งบางที่กำลังเดินตามมา...ในหัวกำลังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไง...จะให้เจ้าฮายาโตะไปกับเขาแล้วปล่อยอเลนไปกับไอ้หมีนั่นก็ไม่ได้....แต่จะปล่อยให้ฮายาโตะไปกับเอเลนสองคนก็อันตรายเกินไป ถ้ามีใครเล่นงานกลางทางจะป้องกันตัวกันยังไง แล้วเขาก็ไม่อยากไปกับไอ้หมีนั่นสองต่อสองด้วย เดี๋ยวจะเผลอฆ่าสัตว์ตัดชีวิต!

“ เดี๋ยวชั้นกลับกับหมอนั่นก็ได้”   เสียงเรียบเอ่ยออกมาจากใบหน้าสวยทำให้คนที่กำลังคิดไม่ตกจำต้องยินยอมอย่างช่วยไม่ได้

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้าไปหา ยามาโมโตะ ทาเคชิ ก่อนจะกระชากคอลงมาด้วยใบหน้าหาเรื่อง

“ โฮ่ย...ไอ้หมีเหลือขอ...”   ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มแห้งกับคำเรียกที่คงจะมีแต่คนคนนี้แหละที่กล้าเรียกเพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่ว่าหมีแบบนี้

“ ห้ามแกพาเจ้าฮายาโตะไปแวะที่ไหนเด็ดขาด....โดยเฉพาะโรงแรม อ้อ ม่านรูดก็ไม่ได้...ห้ามจับ ห้ามถูกเนื้อต้องตัว ห้ามล่าม ห้ามขัง ห้ามฯลฯ.....”   สารพัดที่จะนึกขึ้นมาได้ และทุกข้อห้ามก็ทำให้ร่างโปร่งบางที่ตามมาถึงทีหลังถึงกับมองด้วยสายตาอ่อนใจ...ในเมื่อสิ่งที่คุณรีไวเอ่ยห้ามผู้ชายคนนั้น มันเป็นสิ่งที่ตัวเองทำกับเขาทั้งนั้น...

ไม่ดูตัวเองบ้างเลยนะ ว่าไอ้ที่ห้ามชาวบ้านเขาอยู่น่ะ ตัวเองก็ทำมาแล้วทั้งหมด!











และกว่าใบหน้าที่แสดงออกว่ากำลังหงุดหงิดจะสงบลงได้ เฟอร์รารี่สีแดงก็แล่นออกมาจากที่เกิดเหตุได้สักพัก

นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆที่รู้สึกจะเงียบไป...เพราะเขามัวแต่สนใจเจ้าฮายาโตะหรือเปล่านะ เด็กนี่ถึงได้เงียบไปแบบนี้

" อยากไป...ไหนล่ะ...."   ริมฝีปากเอ่ยถามด้วยความพยายามที่จะง้ออย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

" เอ๋?"   ร่างโปร่งบางสะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันมาทำหน้าสงสัย

" ก็ตอนขามา นายบอกเหมือนกับว่ามีที่ที่อยากไป?"  ใบหน้านิ่งเสกลับไปมองที่ถนน ถ้าเป็นในยามปกติที่จิตใจไม่ว้าวุ่นร่างโปร่งบางคงดีใจกับความเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายพยายามจะมีให้ แต่ในตอนนี้ความกังวลมันมีมากเกินไปจนได้แต่ตอบออกไปว่า

" ปะ เปล่าครับ..."  ทำไมจู่ๆคำพูดมันก็จุกอยู่ที่ลำคอ ทำไมถึงไม่กล้าบอกออกไปว่าอยากกลับไปดูบ้านที่เคยอยู่....ทำไมถึงไม่กล้าบอกว่าเมื่อสิบปีก่อนเขาก็อยู่ที่นี่.....ที่เวโรน่าแห่งนี้

แค่ได้ฟังสิ่งที่ทั้งสามคนพูดกัน ทำไมเขาถึงได้กังวลจนต้องปิดบังคุณรีไวแบบนี้ด้วย ถึงแม้ว่าช่วงเวลามันอาจจะตรงกัน แต่ก็ใช่ว่าพ่อของเขาจะรู้เห็นด้วยเสียหน่อย...มันต้องไม่ใช่แบบนั้น มันต้องไม่ใช่แน่ๆ...พ่อของเขาต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้...ต้องไม่เกี่ยว...

สองมือที่วางอยู่บนหน้าตักต้องพยายามบังคับไม่ให้มันเผลอกำแน่นขึ้นมา...ถึงจะเชื่อมั่นในตัวพ่อของตนมาตลอดแต่เขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อทำอะไรเอาไว้บ้าง งานของพ่อเป็นอย่างไร ตอนที่ไม่ได้อยู่ในบ้านพ่อเป็นคนยังไง...เขาไม่เคยรู้เลย...

เพราะฉะนั้นถึงจะเชื่อมั่นแต่ริมฝีปากกลับไม่ยอมเอ่ยความจริงออกไป...ยังเลือก...ที่จะปิดบังมันเอาไว้....

ไม่ยอมบอกคุณรีไว...ว่าพ่อของเขาเป็นใคร....





Ferrari F12 Berlinetta ขับผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และร่างโปร่งบางก็รู้ดีว่าที่นี่คืออะไร ใบหน้ามนจึงหันกลับไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ

" บ้านของจูเลียต...อยากเข้าไปดูไหม?"   แล้วเสียงทุ้มที่ถามออกมาก็พาเอาร่างทั้งร่างแข็งเกร็ง...เป็นเพราะอีกฝ่ายคิดว่าเขาไม่เคยมาเวโรน่าจึงอยากจะพาไปดูสถานที่ขึ้นชื่อของที่นี่


เมือง...ที่ใช้เป็นฉากของบทประพันธ์อันเลื่องชื่ออย่าง โรเมโอกับจูเลียต


" ไม่ครับ"   เขาคงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลถ้าไม่ใช่เวลานี้ที่เรื่องราวจากปลายปากกาของเช็คสเปียร์เรื่องนี้มันจะทำให้รู้สึกจุกในใจขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

กับโศกนาฏกรรมความรักอันบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวที่ต้องพรากจากกัน...เพราะต่างมาจากตระกูลคู่อริ...เพราะความแค้นความชิงชัง...ที่กว่าจะปล่อยวางได้ก็ต้องสูญเสียลมหายใจของทั้งสองคนไปแล้ว


ทำไม...ถึงได้นึกถึงตัวเองขึ้นมา....


ทำไม...ถึงได้รู้สึก....กลัว....






คุณรีไวครับ...


ถ้าพ่อของผมเป็นคนทำเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ คุณจะทิ้งผมไปหรือเปล่า...

คุณจะอยู่ข้างโกคุเดระ ฮายาโตะและมองเห็นผมเป็นศัตรู...

หรือว่าคุณจะอยู่ข้างผมโดยยอมเป็นศัตรูกับวองโกเล่และโกคุเดระ ฮายาโตะ...


เพราะผมไม่แน่ใจ...ผมถึงได้เลือก...ที่จะโกหกคุณ...












อัลฟ่าโรเมโอสีขาวขับเข้าไปในบ้านของตัวเองอีกครั้งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี...โกคุเดระ ฮายาโตะ กลับถึงบ้านในเขตอุทยานของมาราเนลโลโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเพราะคุณรีไวแทบจะโทรจิกตลอดทาง....ใบหน้ามนยิ้มน้อยๆกับตัวเองเมื่อก้าวขาลงมาจากรถ

ถึงปากจะบอกว่าไม่ได้ห่วงแต่ดูจากการกระทำแล้วเขาก็รู้...ว่าคุณรีไวหวงน้องชายคนนี้มากขนาดไหน...มาก....จนเขาไม่กล้าคิด...ว่าถ้าต้องเลือกฝั่งขึ้นมา คุณรีไวจะก้าวขาไปหาใคร...เพราะไม่เคยรู้เลยว่าเขาเองสำคัญกับคุณรีไวได้ครึ่งนึงของโกคุเดระ ฮายาโตะหรือเปล่า

ใบหน้ามนได้แต่ถอนหายใจก่อนจะสะบัดใบหน้าไปมา...เลิกคิดมากได้แล้ว พอเป็นเรื่องของคุณรีไวทีไรทำไมถึงได้คิดมากขนาดนี้กันนะ!

ร่างโปร่งบางก้าวขาเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันจะได้ถอดรองเท้า เสียงคุ้นหูที่ไม่คิดว่าจะได้ยินตอนนี้ เวลานี้ ที่นี่ ก็ทักมาเสียก่อน

“ กลับมาแล้วหรอ...เอเลน”

“ พ่อ?”   นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างเพราะพอจะเดาออกว่าพ่อถึงกับกลับมาจากโบโลญญ่าด้วยเรื่องอะไร

“ นั่งลงสิ...คราวนี้พ่อคงจะต้องถามแล้วนะ...ว่าลูกกำลังเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่กับอะไรกันแน่? คราวที่แล้วก็พวกใต้ดินที่มิลาน คราวนี้ยังเป็นมาเฟียของเวโรน่าอีก”   ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ...ถ้าผมบอกออกไปว่าพวก “วองโกเล่” ด้วย พ่อคงจะแทบลมจับแน่

“ ผมก็แค่...ช่วยเพื่อนของผม....”

“ เพื่อนลูก?...บอกพ่อได้ไหมว่าใคร?”

“................โกคุเดระ ฮายาโตะ....”   ในใจนึกขอโทษร่างบอบบางผมสีเงินคนนั้น...เพราะเขาบอกพ่อไม่ได้ว่าคนที่ยุ่งเกี่ยวอยู่ด้วยจริงๆคือคุณรีไว...บอกพ่อไม่ได้จริงๆว่าเขามีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณรีไวกันแน่...บอกไม่ได้จริงๆว่ากำลังคบกับคุณรีไวอยู่...

เพราะเขาก็รู้ถึงสถานะของตัวเองดี...ว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองและตัวแทนรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญาแห่งนี้และในสายตาของพ่อที่ดูแลประคบประหงมเขามาอย่างดีก็คงเห็นว่าเขายังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก...โดยเฉพาะกับความรักที่มันไม่เป็นไปตามธรรมชาติแบบนี้

เขาอาจจะถูกสั่งให้เลิกคบกับคุณรีไวทันที...


“ หื๋อ?...โกคุเดระ ฮายาโตะนี่....นักขับที่อายุน้อยที่สุดของวงการฟอร์มูล่าวัน? ที่อยู่ทีมเฟอร์รารี่ใช่ไหม?”

“ พ่อรู้จักด้วยหรอครับ?”  นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ผู้เป็นพ่อกำลังครุ่นคิดถึงคนที่ตนพูดถึง...อย่างน้อยก็ยังพอเบี่ยงประเด็นเรื่องคุณรีไวไปได้บ้าง...อย่างน้อยถ้าให้พ่อค่อยๆทำความรู้จักกับสองคนนั้นและพวกเฟอร์รารี่...อะไรๆมันก็น่าจะมีความหวังขึ้นมาได้บ้าง


แต่แล้ว...หนทางที่คิดว่ากำลังสว่างไสวกลับดับวูบไปในทันทีเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยประโยคถัดไปออกมา


“ เลิกคบกับเด็กคนนั้นซะ...เด็กนั่น....มีประวัติไม่ดี...ถึงแม้เฟอร์รารี่จะพยายามปกปิดมันเอาไว้...แต่พ่อก็รู้...ว่าเด็กนั่นมาจากที่แบบไหน...แค่เพื่อนน่ะ หาใหม่ได้ไม่ยากหรอกเอเลน”

ร่างทั้งร่างของเขาได้แต่ชาวาบไปกับคำสั่งของพ่อ

น้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นมันราวกับหมุดที่ตรึงร่างเขาเอาไว้

ทำไม....


ทำไมกันล่ะ....


ทำไมพ่อถึงทำเหมือนกับว่ารู้จัก โกคุเดระ ฮายาโตะ เป็นอย่างดีขนาดนี้....




หรือว่าอดีตที่เวโรน่า...จะเป็นฝีมือของพ่อจริงๆ...




แล้วก็....



แค่เพื่อน....ยังสั่งแบบนี้



ไม่ต้องคิดเลยว่าเรื่องของเขากับคุณรีไว....พ่อจะสั่งยังไง....








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




แปะข้อมูลและรูปของเมืองเวโรน่า ใครสนใจสถานที่ที่กล่าวถึงในเรื่องเชิญดูได้ที่นี่นะก๊า (เป็นรีวิวการท่องเที่ยวอิตาลีอ่ะนะ ตอนต้นๆจะเป็นเมืองวิเซนซ่า ส่วนของเวโรน่าอยู่กลางๆเป็นต้นไปค่ะ ไปดูโรงละครโรมันกันเต๊อะ อย่างโรแมนติกอ่ะ โฮววววว)



อือ...นี่เราก็กวาดเมืองทางเหนือของอิตาลีมาหลายเมืองแล้วเนอะคะ แต่ขอเก็บ เวนิช เอาไว้ก่อง น่าเขียนให้ละเอียดมากๆเลยอ่ะเมืองนี้ >////< ส่วน GLIDE จะย้ายลงไปภาคกลางของอิตาลีกันบ้าง อิอิ เพราะกะว่าจะให้ฐานบัญชาการของวองโกเล่อยู่ในลาซิโอ้ โรม ไม่ก็ฟลอเรนซ์ค่ะ ขอจิ้นแป๊บ =w=


และก่อนจะเวิ่นออกนอกโลกไปไกล กลับเข้ามาแฮปให้น้องสาวผู้แข็งแกร่ง(?)ของเก๊าก่อนนะ 555


สุขสันต์วันเกิดนะค้าน้อง M1

ย้อนไปหลายวันเลย555 ทั้งๆที่แต่งตอนนี้ตั้งแต่วันคล้ายวันเกิดหนูแต่ก็มาเสร็จเอาป่านนี้ *ทรุด* อะ เอาเป็นว่า มีความสุขมากๆนะค้า หน้าที่การงานขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี เจอแต่เรื่องดีๆคนดีๆนะคะ *w* ขอให้ไม่เจ็บไม่ป่วย ร่างกายแข็งแกร่งทรงพลังแบบนี้ตลอดไป (คำอวยพรมันแมนไปไหมพี่ หนูก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ทุ่มคนราวกับนุ่นได้เท่านั้นเอง555) ยื่นของขวัญที่เรียกไม่ค่อยจะได้ว่าของขวัญให้ แหะแหะ.....คือแต่งจบแล้วเพิ่งมานึกได้ว่าหนูขอฉากที่มี เอเลน ก๊ก และทูน่ามารวมกัน....อืมๆ เอเลนมี ก๊กมี...แล้วทูน่าหายไปหน๊ายยย

อะ เอาเป็นว่า ถ้าอยากเห็นทูน่า เปิดตอนที่ 10 ก็แล้วกันนะ (โดนทุ่ม)



ก็เนื่องด้วยมีคน(ชื่อน้องเมท) ส่งคลิปที่มีคนเต้นโคฟเวอร์เพลง GLIDE มาให้ดูแล้วคุณกวางสครีมมากกกกกก ชอบจนเก็บเอาไว้คนเดียวไม่อยู่555 เลยเอามาแปะแบ่งกันดู




โอยยยยย เห็นรีไวซามะกับเอเลนเต้นก็ใจสั่นแล้วอ่ะเนอะ พอมาเจอแบบคนเป็นๆเต้นแบบนี้มี๊อยากจิกรี๊ดให้ลั่นบ้าน โคตรเท่ห์เลยค่ะ!!! คือมันแบบเลื้อยๆแล้วก็กระชากๆอ่ะ คืออธิบายไม่ถูกแต่มันดู GLIDE มาก!!!(อะไรของมัน = =?) กรี๊ดดด ยิ่งชอบเพลงนี้เข้าไปใหญ่ ให้ตายเหอะ >/////< แค่เนื้อเพลงก็ทำเอาจิ้นไปไกลแระ ลุคของเพลงยังใช่อีก โฮกกกกกกกกก


ปล่อยคุณกวางมันเพ้อไปค่ะอย่าสนใจ = =




อันนี้เป็นอีกเวอร์ชั่นนึง ถึงจะเปลี่ยนท่าเต้นใหม่แต่ความ GLIDE(?) ก็ยังอยู่ โอย นี่ก็ชอบค่ะ >w<

ชอบทุกอย่างที่เป็นเพลงนี้ ชอบจนเหมือนคนบ้าเลยค่ะ โฮวววววว GLIDE!!!


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วมากๆเลยนะค้า ^ ^ ขอบคุณทุกๆการติดตามด้วยค่ะ คุณกวางแม่งออกนอกอ่าวไปทำปฏิทินมา555 สนใจเชิญชมได้ในเอนทรีก่อนหน้าเด้อ

ฟังเพลง GLIDE ทีไรจะนึกถึงอะไรที่มันเท่ห์ๆหล่อๆเลวๆ (เฮ้ย!!) มืดๆเจ้าเล่ห์ๆ แล้วเมื่อวันก่อนเพิ่งสติแตกกับฟิกเกอร์สเกลตัวนึงไปค่ะ  แปะรูป




Sasuke G.E.M.Series!!! คือคุณกวางชาบูซีรี่ย์นี้มากอ่ะ เพราะส่วนใหญ่จะทำออกมาสวยมากกกกก เห็นนารุโตะกับครูคาคาชิออกมาซักพักแล้วก็ยังว่าอยู่ว่า...แล้วพระเอก(บ้านพ่อง)ของเรื่องจะไม่ออกกะเค้าบ้างหยอก๊า ปรากฏว่า ซาซึเกะไม่เคยทำให้ผิดหวังค่ะ!!  ออกมาแล้วค่ะ!! แถมเป็นลุคหล่อเลวด้วยค่ะ!!! อ๊ากกกกสิคะ!! ลงไปนอนตายน้ำลายฟูมปากอยู่ใต้โต๊ะที่ทำงานก่อนจะตะกุยตะกายขึ้นมาสั่งอย่างกับคนสติแตก โอยยยย เหนื่อยมากกกกก คนปกติไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ555

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า



ปล.ใครสนใจฟิคซาซึเกะ เชิญได้ที่เรื่อง “จะรักตลอดไป” นะค้า ภูมิใจนำเสนอมากเรื่องนี้ คือเป็นเมะที่เลวที่สุดตั้งแต่ที่เคยแต่งฟิคมาแล้วค่ะ แต่มันส์มากเลยค่ะตอนแต่งเรื่องนี้ 555 (incestและคู่แรร์นะค้า)



6 ความคิดเห็น:

  1. มาแว้ววววววว
    แอบสงสารเอเลนแหะตอนนี้. เป็นอะไที่จุกอกน่าดูเลยนะ
    ป๋าน่าสงสัยมากเคอะ รีไวโผล่มาเหยียบหัวคนพร้อมต่อมคุณพ่อแตกซ่าน
    อ่าว่าแล้วว่าก๊กต้องไม่เป็นไรอืมๆ
    บอกตรงนะฮะเรื่องนี้อ่านๆไปแล้วคู่รีเอมันดูมาคุจัง//เขี่ยพื้น
    ติดตามอยู่ตลอดนะเน้ ถึงหลังๆจะเงียบๆก็เถอะ
    รักษาสุขภาพด้วยนะเน้

    ตอบลบ
  2. "นายไม่ใช่คนไม่มีหัวใจอีกต่อไปแล้วนะ ทาเคชิ!" เพราะหัวใจมันอยูกับปลาหมึกน้อยแล้วสิน่ะ! อ้ากกก ฟินมากเวอร์ค่ะพี่กวาง ไอหมีหื่นมีหัวใจแล้ว แล้ว ๆ เมื่อไหร่ปลาหมึกน้อยจะมีหัวใจให้บ้างน้า แอบอยากดมผมหนูก๊กอีกคน เนียนได้เปรียบอ้ะ หุวววว

    พี่กวางยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยน๊า ฉากบู๊นี่บรรยายทีเห็นภาพชัดเจนยังกะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยอะ :b

    แอบสงสารเอเลน แอบฮาคุณผู้ปกครองตาขวาง อะไจะหวงขนาดน้านนน โห้ะ สู้ ๆ นะคะพี่กวาง

    ตอบลบ
  3. อ่าา ก็รู้ความจริงไปหนึ่งอย่างแล้วแหละนะว่าไม่ใช่วองโกเลที่ทำ
    ก๊กหนูแกร่งมาก ขวดปากฉลามเลย สมแล้วที่เป็นว่าที่ภรรยามาเฟียอย่างที่ไอ้หมีนั้นมันคิด 5555 ยังไงก็คิดเข้าข้างให้ก๊กมาเป็นที่รักหรือภรรยามันได้ตลอด 55555

    ป๋าคริชาออกโรงแล้ว ม่ายยยย โผล่มาก็ขัดขวางเลย ไม่อยากจะคิดเหมือนที่เอเลนคิดจริงๆว่ากับรีไวจะขัดขวางซะขนาดไหน TT


    ตอบลบ
  4. กวางซาม๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    โอ่ยยยยยยยยยยยยยยยยย จะตายให้ได้จริงจัง!!!!!
    อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แต่เค้าฟินกับพาร์ทนี้มากกจริงจัง !!!!!!!!
    ฮืออออออออออออออออ 8059 ดาเมจตายไปเลย
    จริงๆเค้าคร่ำครวญตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว
    และบอกตรงๆว่าเอาพลังงานที่เหลืออยู่ทั้งหมดของแต่ละวันนั้นมานั่งมาอ่านวน(?)
    #แกมันบ้า TT __ TT
    ขอโทษที่มาคอมเม้นท์ให้ช้านะคะกวางซามะ แต่พลังงานไม่พอจริงจัง
    #ได้ข่าวถ้าแกไม่มัวเอาแต่อ่านวนแกก็มีเหลือพอจะมาเขียนเรียงความไม่ใช่เร๊อะ = =

    ....นายไม่ใช่คนที่ไม่มีหัวใจอีกต่อไปแล้วนะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....
    คือ.........แม่เจ้าาาาาาสครีมมมมมมแตกในใจกันไม่ให้ชาวบ้านเรียกตำรวจมาด่า(?)
    ถ้าพ่อนักฆ่าโดยกำเนิดที่ไม่เคยสนใจอะไร และในสมองกลวงๆ(?)นั่น
    กลับหาคำตอบให้ตัวเองได้ชัดเจนแบบนี้!!!!!!!!!!!!! ไม่ตายจะยังไงไหววววว > __ <
    ไหนจะเรื่องที่พ่อคุณเนียนรู้ใจภรรยาตัวเองทุกเรื่องแบบนี้ก็แดดิ้น(?)แบบนอนสต๊อป(?)
    #มันแลดูไม่ใช่ผู้ใช่คนเข้าไปใหญ่แล้ว 55555
    บอกตรงๆว่าถ้าพ่อเนียนมีเวลาและไม่ใช่ในยามที่ถูกตามล่าแบบนี้
    ชุดที่พ่อเนียนมันเลือก มันต้องเป็นเคนเนียนใส่(?)ให้คนสวย > _ < ในห้องลองแน่!
    #คือมันก็ยังจะพยายามจิ้นแตกหน่อเข้าไป

    แล้วคือฉากที่คุณภรรยานั่งบังคับบอกทางแล้วยามะตอบแค่ครับๆนี่...ตายยกหนึ่ง
    พอเจอฉากที่ต้องนั่งตักคุณสามีเพราะจะขับเอง นี่ตายยยยยยยยไม่ต้องฟื้นนน
    อิจฉายาม๊าาาา(?) 5555555555 เฮ้ย รู้สึกตัวเองฟินแบบยามะ(?)ค่อดดดดดด
    คือก็เข้าใจว่ากำลังถูกล่า การเปลี่ยนมาขับแทน มันก็ค่อนข้างจะทุลักทุเลแน่นอน
    แต่มันจำเป็นต้องนั่งตัก(?)กันด้วยหรือหือออออออออออ > ____ <
    แล้วที่พีคสุดๆคือ ไอ้ตอนที่พ่อเนียนอิดออดไม่ยอมให้รถที่เพิ่งถอยมาใหม่พังตามคันเก่า
    แล้วเจอสายตา.... llllllถ้าแค่นี้ไม่มีปัญญาซื้อก็อย่ามาสะเออะเรียกชั้นว่าที่รักlllllll
    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! อ๊ากกกกกกก ไม่ทนนนนนนนน (กอดเกาะกวางซามะ(?))
    ไม่ไหวแล้วววว > ____ < บอกตรงๆว่าพาร์ทนี้ทำลายสติเรามาก คือเพิ่งจะตายชอตนี้
    ชอตใหม่ยิงมาอีกแล้ว แถมรัวมาอีกหลายลูก ถ้าเป็นลูกกระสุนจริงๆ ตอนนี้เราพรุนได้ที่แล้ว

    ล่ะค่ะ
    อารมณ์คือจากที่โดนกลั่นแกล้ง(?)ให้แดดิ้นไปจิ้นคู่นี้เอง(?)มาตลอด
    กวางซามะมาจัดให้ถี่(?)ขนาดนี้ รักสุดใจเลยค่ะ > ____ <

    กวางซามะยังคงเป็นคนที่บรรยายทุกๆอย่างได้เจ๋งโคตร(ขออภัยไม่สุภาพ(?))
    คือเรายังคงชอบอ่านการบรรยายของกวางซามะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือฉากตื่นเต้น

    หรือแม้กระทั่งฉากเรียกเลือด(?) 555555
    อย่างพาร์ทนี้ ฉากสถานที่แต่ละที่ที่เลือกมาก็สวยโฮกกกกกกอยู่แล้ว
    กวางซามะยังบรรยายให้ความสวยของสถานที่นั้นได้ดีมากๆๆ อ๊ากกกก
    #ไม่รู้จะพิมพ์ยังไงให้เป็นภาษาคน(?) TT __ TT
    #เค้าพยายายามอยู่จริงๆนะ555555

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อีกจุดที่ฟินมากคือจุดที่ต้องสู้ร่วมกัน(?) เค้าแอบคิดถึงดาวตกโฮก (55555 มันยังจะโยง)
      คือจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ได้หวังว่าจะได้เห็นคู่นี้ได้สู้ด้วยกัน
      ทั้งๆที่ยังไงมันก็ต้องมีแท้ๆ ก็เรื่องมันเกี่ยวกับพวกมาเฟีย โลกใต้ดิน บลาบลา = =
      หรือเพราะโดนกลั่นแกล้ง(?)มากเกินไปเลยทำให้ต่อมคาดหวังเออเร่อร์(?) #ล้อเล่นนะคะ 555
      แล้วสารภาพจากใจจริงจังว่า ฉากที่หนูก๊กดีดขวดขึ้นมาด้วยปลายเท้า
      แล้วจับปากขวดตีขวดให้แตกเพื่อใช้เป็นอาวุธ
      นี่เท่โคตรรรรรรรรรรรรร แม่เจ้าาาาาาาาาาา
      รัศมีภรรยามาเฟีย(?)ออร่าแทงตาบอด(?)ค่อดดดดดดดด > __________ <
      ก๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถ้าหนูจะดาเมจกันขนาดนี้~~~~
      T ______ T รักโกคุเดระ ฮายาโตะ
      ฮืออออออออ ถ้ามีฟิกเกอร์ฟิกม่าก๊กตัวไซส์ไม่มินิขายนี่จะไม่ลังเลเลย
      #ตอนนี้กำลังคิดว่าอยากจะไปสอยชิกิตามกวางซามะมาจิ้นเป็นก๊กแทนจริงจัง(?)
      #โดนดาบเสียบ = =

      แล้วคือกวางซามะจัดให้ทั้งพ่อเนียน ทั้งท่านท่อนขา
      ความรู้สึกที่ต่างคนต่างบอกว่าห่วงเจ้าเด็กดื้อปากไม่ตรงกับใจนี้มัน
      ล้นหลามออกมากระแทกเข้าเบ้าตา(?)ไม่ยั้งเลยจริงจัง > ___ <
      แม่เจ้าาาาาาา ฟินค่อดดดดดดดดดดด
      ไหนจะพ่อเนียนปกป้องภรรยาสุดชีวิต ไหนจะแสดงความดาร์ค(ที่เราโคตรคุณ(?)พ่อโคตร

      คุณ(?)แม่ชอบ(?))ออกมาแบบเต็มสตรีม
      แล้วไหนจะมีท่านท่อนขาที่โผล่มาด้วยท่อนขา(?)ก่อนเลยนั่นอีก
      ไอ้ความรู้สึกปลอดภัยของหนูก๊กที่เห็นเฮย์โจวนั้นฟินค่อดดดดดดดด
      บอกตรงๆว่ากวางซามะปูเรื่องมาให้ก๊กรู้สึกแบบนั้นได้ลื่นมากจริงๆ คือไม่สะดุดเลย
      เพราะถ้าไม่มีคนนี้ก็ก๊กก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นจะให้ไม่รู้สึกปลอดภัยที่สุดได้ยัง
      ไงถ้าหากมีคนนี้อยู่ข้างกาย (กระโดดหมุน360องศาฟิน < _ <
      รักฟิคกวางซามะมากจริงจัง !!!! รักษาสุขภาพด้วยน้าา

      ปล.1 โฮ่ยยย ไอ้หมีเหลือขอ <<< โดนใจค่อดดดด โดนใจจนอยากจะได้คลิปเสียง(!!!!!)
      ปล.2 ซาสึเกะ หล่อมากกกกกกกกกกกกกกกก จากที่ไม่เคยสนใจ แต่จะสนเพราะไอ้ฟิกเกอร์ตัวนี้เนี่ยแหละ แม่เจ้าาาาา
      ปล.3 กวางซามะ......ใจร้าย~ แกล้งเค้าอยู่เรื่อยเลย~ #5555555555 คืออยู่ๆก็อยาก repeat(?)

      ลบ
  5. ตอนเนียนพาก๊กหนีมันก็ดราม่าดี
    ระหว่างผู้พิทักษ์ที่ต้องเลืกระหว่างหน้าที่กับหัวใจ
    ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เจ็บอยู่ดี
    อารมณ์กำลังเตรียมดรา่ม่าได้ที่
    ไหนจะฉากหนีการตามล่าที่นั่งลุ้นอยุ่ว่าจะเป็นวองโกเล่ตามมาหรือไม่
    เจอประโยคนี้เข้าไป "คุณพ่อสอนมาดีสินะ ว่าอย่าไปนั่งตักผู้ชายแปลกหน้า!"
    ขำกร๊ากเลยค่ะ
    ก็ถ้าสอนมาไม่ดีก๊กจะรักษาพรหมจรรย์ได้ขนาดนี้หรอคะเนียน
    ก๊กนี่ว่าที่สะใภ้วองโกเล่เชียวนะ//โดนรีไวล์ถีบ
    แต่ฉากบู๊แบบแท็กทีมของคุ่นี้มันใช่อ่ะ
    ลีลาสอดประสานกันมากสมกับเป้นเนื้อคู่กัน
    ติดอย่างเดียว
    โดนรีไวล์โผล่มาขโมยซีนแบบเนียนๆ

    หนูเอเลนนนนนนนนนนนน
    ตอนนี้ถึงบทหนูจะน้อย
    แต่บทมันอินเนอร์อ่ะ
    มันจุกอกไปหมด
    กลัวไปหมดว่าบ้านตัวเองจะเป็นคนกอ่เรื่องให้รีไวล์กับก๊กต้องมีชีวิตอันโหดร้าย
    ใจนึงก็รักอีกใจก็เจ็บอ่่ะงานนี้

    ตอบลบ