Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : CHEQUERED FLAG#1


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : CHEQUERED FLAG#1

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         





รีไว...กับบทสัมภาษณ์ในนิตยสารกีฬาชื่อดังของอิตาลี




ความในใจของคนสัมภาษณ์

ตอนที่ผมขับรถออกมาจากมิลานเพื่อไปยังบ้านในเขตอุทยานของ รีไว ในมาราเนลโล ผมใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะผมเคยได้ยินมาว่าเขาเกลียดนักข่าว ผมจึงสงสัยว่าการพบกันในครั้งนี้ผมจะโดนไล่ตะเพิดหรือถูกขว้างขวดซอสมะเขือเทศใส่หน้าอย่างที่ผมมักจะได้ยินมาเมื่อมีคนไปขอสัมภาษณ์เด็กในปกครองของเขาหรือเปล่า

แต่หลังจากที่ได้นั่งคุยกัน ท่าทีของรีไวเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคาดหมายของผมโดยสิ้นเชิง!

เมื่อผมกับช่างภาพเดินทางถึงบ้านในเขตอุทยานของเขา หลังจากที่ยืนขาแข็งกดออดอยู่นานจนคิดว่ารีไวคงหนีการสัมภาษณ์ไปแล้วแน่ๆและในบ้านก็คงไม่มีใครอยู่ แต่จากการที่ผมลองส่องตามซี่ระแนงของประตูรั้วดูก็พบว่ารถทั้ง 4 คันยังจอดอยู่ครบผมจึงอดทนกดออดต่อไป...ไม่สิ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าที่บ้านของเขามีรถกี่คันก็อย่างที่ทราบกันว่าไม่มีใครรู้ข้อมูลส่วนตัวของรีไวมากนัก และผมก็น่าจะเป็นนักข่าวคนแรกที่ได้มาเหยียบบ้านของสองนักขับชื่อก้องโลกอย่างรีไวกับโกคุเดระ

เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผมยืนอยู่หน้าบ้าน...ผมจำได้ค่อนข้างแม่นเพราะผมเกือบจะแข็งตายจากอากาศเย็นๆของเขตป่า  ใช่  มันเป็นช่วงเช้าของวันเสาร์ แน่นอนว่าผมไม่ได้ไปก่อนเวลานัดแล้วผมคิดว่ามนุษย์มนาปกติก็น่าจะตื่นกันแล้ว  แต่ผมก็เคยได้ยินมาบ้างว่าโกคุเดระมักจะตื่นสายซึ่งนั่นทำให้ผมชักไม่แน่ใจว่าในบ้านที่ไม่มีคนออกมาเปิดประตูทั้งๆที่เหมือนผมจะได้ยินเสียงดังอยู่ข้างในนี่มีคนตื่นอยู่หรือเปล่า

ผมเกือบจะถอดใจและหันหลังกลับ แต่แล้วจู่ๆประตูรั้วก็เลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างที่ไม่ได้อยู่ในชุดสีแดงของรีไว!

มันเป็นลุคที่แปลกตาผมนิดๆเพราะเขาอยู่ในเสื้อแขนยาวมีฮูดกับกางเกงยีนส์ที่ดูสบายๆ ผมนึกว่าเขาจะมาให้สัมภาษณ์ผมในเสื้อที่มีโลโก้ของเฟอร์รารี่เสียอีก  เขาบอกผมด้วยใบหน้าที่ไม่ได้บูดบึ้งว่า   “โทษที ชั้นเพิ่งรู้จากเจ้าเอลวินเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองว่าพวกนายจะมาสัมภาษณ์ พอดีเมื่อคืนมีอะไรนิดหน่อยโซฟาข้างล่างเลยยังไม่ได้เก็บกวาดน่ะ แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้วละ เชิญ”

ผมประหลาดใจมากที่เขาพูดกับผมยาวเป็นหางว่าวแบบนั้น ผมนึกว่าเขาจะโผล่ออกมาแล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า ไสหัวไป! อะไรแบบนี้ซะอีก(หัวเราะ)

ช่างภาพกับผมเดินเข้าไปในบ้านของเขา ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆที่จะได้เปิดเผยชีวิตที่ลึกลับของเขาให้คนทั่วโลกรับรู้  บ้านของเขาไม่ได้เป็นเหมือนปราสาทแดรกคูล่าอย่างที่ใครๆเดากัน ไม่ได้รกทึบทั้งๆที่อยู่กลางป่า  อาคารที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นบ้านแบบโมเดิร์นที่ดูโปร่งๆสบายๆ คุณจะใกล้ชิดกับธรรมชาติและผ่อนคลายมากแน่ๆถ้าได้อยู่ในบ้านที่มีแต่สีเขียวล้อมรอบหลังนี้

รีไวเดินนำผมไปที่ทางเข้าบ้าน ผมเหลือบไปเห็นรถ 4 คันที่จอดเรียงกันอยู่ในโรงจอดรถอย่างรู้สึกแปลกใจอีกแล้ว เพราะมันไม่ได้มีแต่เฟอร์รารี่อย่างที่ผมคิดเอาไว้และรถสีขาวกับสีดำอีกสองคันก็ดูไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไหร่ซะด้วย  Ferrari F12 Berlinetta , Ferrari Carlifonia , Alfa Romeo 8C Spider Limited version แล้วก็ BMW 5Series Sedan คือรถที่จอดอยู่ในโรงจอดรถของบ้านนี้

มีเสียงโครมครามดังออกมาจากอาคารอีกหลังที่เชื่อมต่อกันด้วยเฉลียงไม้ ผมหันไปมองอย่างสงสัยแต่ด้วยสีหน้าที่ยังเรียบเฉยของรีไวผมจึงคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ เลยไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วเดินตามเขาเข้าไปยังอาคารที่อยู่ทางฝั่งซ้าย

ความรู้สึกแรกตอนที่ก้าวขาเข้าไปผมค่อนข้างจะประทับใจไม่น้อยเลยกับบ้านที่สะอาดเอี่ยมและทุกอย่างก็ถูกจัดเก็บเอาไว้เรียบร้อยทั้งๆที่เขาบอกว่าเมื่อคืนเพิ่งจะทำอะไรบางอย่างที่โซฟาสีดำนี่แต่เท่าที่ผมดูมันก็เรียบร้อยดี?

เฟอร์นิเจอร์เป็นแบบโมเดิร์นก็จริงแต่สไตล์การแต่งบ้านของเขานับว่าใช้ได้ มันดูอบอุ่นสมกับที่เป็นบ้านต่างจากที่ผมคิดว่ามันน่าจะหรูหราอลังการตามแบบฉบับคนดังทั่วไป แต่ทุกอย่างที่เขาใช้ล้วนเป็นของธรรมดาๆ อ้อ แล้วก็กว่าครึ่งคงจะได้มาจากเฟอร์รารี่เพราะผมเห็นแต่ม้าเต็มไปหมด(หัวเราะ)

รีไว นั่งลงที่โซฟาอีกฝั่งด้วยท่าทางสบายๆ ถึงใบหน้าของเขาจะไม่ได้ยิ้มแย้มแต่ก็ไม่น่ากลัวอย่างที่ผมกังวลมาตลอด เสียงที่เขาตอบคำถามผมค่อนข้างทุ้มน่าฟัง ผมว่าการที่ผมเสี่ยงตายมาขอสัมภาษณ์เขาในครั้งนี้ทำให้ผมค้นพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีสเน่ห์มากทีเดียว ถึงเขาจะไม่ได้นุ่มนวลและยังคงตอบคำถามของผมด้วยคำพูดตรงๆสั้นๆ แต่แบบนั้นมันก็สมกับที่เป็นเขา ผู้ชายที่แข็งแกร่งและดุดัน

เอาละ  มาดูกันซิว่าผมถามอะไรเขามาได้บ้างจากหัวข้อ “วันสบายๆในบ้านของเฟอร์รารี่หมายเลขหนึ่ง” นี่น่ะ


ถาม : เพิ่งจะจบครึ่งแรกของการแข่งขันในฤดูกาลนี้ไปสินะครับ เป็นยังไงบ้าง คุณคิดว่าจะคว้าแชมป์ปีนี้มาได้อีกไหม
รีไว : ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะสำหรับคะแนนของนักแข่ง


ถาม : ดูเหมือนคุณจะกังวลที่คะแนนของทีมผู้ผลิตมากกว่าสินะครับ? เพราะโกคุเดระยังลงคู่กับคุณไม่ได้และนักขับสำรองก็ยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่คะแนนส่วนใหญ่เลยได้มาจากคุณคนเดียว?
รีไว : รถถูกปรับแต่งมาเพื่อเจ้าฮายาโตะ ก็ไม่แปลกหรอกที่นักขับสำรองจะทำได้ไม่ดีในรถที่ชื่อ F14T HAYATO น่ะ


ถาม : หมายความว่าพวกทีมวิศวกรมีแผนที่จะให้โกคุเดระลงในฤดูกาลนี้สินะครับ ว่าแต่โกคุเดระเป็นยังไงบ้าง? ผมไม่เห็นข่าวของเขามาพักใหญ่
รีไว : ยังต้องทำกายภาพสำหรับโปรแกรมของนักขับฟอร์มูล่าวันอยู่ แต่ถ้าแค่เดินหรือวิ่งเหมือนคนปกติก็ทำได้แล้วละ

ถาม : ถือว่าฟื้นตัวไวทีเดียว ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านข้างๆนั่นใช่ไหมครับ? เหมือนผมจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง(หัวเราะ)
รีไว : อยู่...คงเป็นเสียงหมีน่ะ

ถาม : หมี? เป็นสัตว์เลี้ยงหรอครับ?
รีไว : ก็ไม่เชิง...เป็นสัตว์ป่าที่แอบเข้ามา แล้วไล่ไม่ยอมไป ก็เลยเลี้ยงเอาไว้

ถาม : ไม่ดุหรอครับนั่น?
รีไว : สำหรับคนอื่นก็คงดุ แต่กับเจ้าฮายาโตะมันเป็นหมีค่อนข้างปัญญาอ่อนเลยทีเดียว

ถาม : เล่นเอาผมไม่กล้าเข้าไปทักทายโกคุเดระเลยนะครับ มาถามถึงบ้านที่คุณอยู่นี่กันบ้าง ถือเป็นทำเลที่ดีเลยนะครับที่นี่ สร้างมานานแล้วหรือยังครับ
รีไว : ก็ตั้งแต่ตอนที่มาอยู่กับเฟอร์รารี่ใหม่ๆ

ถาม : แล้วมีสัตว์อื่นๆเข้ามาเหมือนหมีนั่นอีกหรือเปล่าครับ? ไม่กลัวหรอครับ?
รีไว : ไม่มีนะ 

ถาม : คุณอยู่บ้านบ่อยไหมครับ ถ้าไม่นับช่วงเวลาที่ต้องไปแข่ง
รีไว : ถ้าไม่ต้องไปแข่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้านนี่แหละ

ถาม : มีวิธีการพักผ่อนยังไงบ้างครับ? ดูทีวี? ปลูกต้นไม้? อะไรแบบนี้หรือเปล่า?
รีไว : มัวแต่วุ่นวายกับคนที่อยู่ด้วยกันก็หมดวันแล้วละ

ถาม : จะว่าไปจากที่นี่เข้าไปในตัวเมืองมาราเนลโลก็ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่ คุณเข้าไปทุกวันหรือเปล่าครับ?
รีไว : ก็เกือบทุกวันแหละ ถูกยัยฮันซี่เรียกเข้าไปเทสรถบ้าง ไปรับไปส่งเจ้าเด็กเหลือขอที่โรงเรียนบ้าง ไปซื้อของหรือไม่ก็กินข้าวเย็นบ้าง

ถาม : เมื่อกี้คุณว่าไปรับไปส่งใครที่โรงเรียนนะครับ?
รีไว : นั่นไง ลงมาพอดี


ผมขอตัดคำถามในครึ่งแรกเอาไว้แค่นี้ เพราะในขณะที่ผมกำลังสัมภาษณ์รีไวอยู่ จู่ๆก็มีคนที่ผมไม่คาดฝันว่าจะมาเจอที่นี่ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน!

คุณคงตะลึงจนตาถลนแน่ถ้าคุณเป็นผมในตอนนั้น เพราะคนที่ว่านั่นคือ เอเลน เยเกอร์!

มีข่าวลือค่อนข้างหนาหูมานานแล้วอีกทั้งเจ้าตัวก็ยังเข้าๆออกๆพิตการาจของเฟอร์รารี่เป็นว่าเล่น หลายคนก็เดากันไปว่าเด็กคนนี้เป็นเพื่อนของโกคุเดระเพราะอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะเจ้าตัวมักไปไหนมาไหนกับรีไว รวมถึงมักจะยืนอยู่ในพิตฝั่งของรีไวมากกว่า  แต่ก็ด้วยความที่รีไวไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามใดๆกับสื่อที่ไหน จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังคงคลุมเครือ แล้วในวันนี้ผมก็มีโอกาสดีๆที่จะได้ถามสักที!

ผมเปลี่ยนหัวข้อการสัมภาษณ์เอาตามใจชอบแบบนี้หวังว่าคงไม่โดน บก. ดีดหน้าผากเข้าให้หรอกนะ(หัวเราะ) แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นประเด็นร้อนที่ใครๆก็อยากรู้ใช่ไหมล่ะ!


ถาม : เอ่อ...คุณรีไว...คือ...จะเป็นไรไหมครับ...ถ้าผมจะขอถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับเด็กคนนั้นด้วย
รีไว : เอาสิ


คุณรู้ไหมว่าผมต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหน ผมนึกว่าหัวผมจะแดงเถือกกลับไปเพราะขวดซอสมะเขือเทศของเขาซะแล้ว แต่พอเขาตอบผมด้วยคำตอบที่เหลือเชื่อนั่นผมจึงดีใจจนแทบจะกระโดดกอดช่างภาพ เพราะนี่คือข่าวใหญ่แน่นอน!


ถาม : คุณกับเด็กคนนั้น...เอ่อ...เอเลน เยเกอร์ สินะครับ? คือ...กำลังคบกันอยู่จริงๆใช่ไหมครับ
รีไว : เด็กนั่นเดินลงมาจากห้องนอนของชั้น...ถ้าไม่คบกันอยู่แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ?

ถาม : ที่เราเห็นว่าพิตการาจของเฟอร์รารี่ไม่มีสาวๆสวยๆแวะเวียนมาบ้างเลยนี่ก็เป็นเพราะคุณชอบผู้ชายมากกว่าสินะครับ?
รีไว : เปล่า ไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่เด็กนั่นดันเป็นผู้ชายมันก็ช่วยไม่ได้

ถาม : หมายความว่าขอแค่เป็นเอเลนสินะครับ
รีไว : ........(พยักหน้า)

ถาม : แล้วไปเจอกันได้ยังไงครับ? เพราะคุณน่าจะอายุต่างจากเด็กคนนั้นพอสมควร?
รีไว : เจ้าเด็กเหลือขอนั่นบุกเข้ามาที่พิตการาจแล้วแหกปากโวยวายว่าขอข้อมูลรถแข่งหน่อย จะเอาไปเป็นข้อมูลปรับแต่งรถบังคับวิทยุ แล้วจากนั้นมาก็โดนตามตื้อจนลงเอยอย่างที่เห็นนี่แหละ

ถาม : คุณเรียกเขาว่าอะไรนะครับ?
รีไว : เด็กเหลือขอ เห็นแบบนั้นแต่ดื้อสุดๆ

ถาม : เป็นคำเรียกที่น่ารักดีนะครับ
รีไว : คิดว่างั้นหรอ?

ถาม : ถ้างั้น สนามแข่งรถบังคับวิทยุที่เห็นอยู่บนเฉลียงนั่นก็เป็นของเอเลนสินะครับ
รีไว : ใช่

ถาม : แปลว่าเอเลน เยเกอร์อยู่กับคุณที่นี่สินะครับ?
รีไว : ใช่

ถาม : คบกันมานานหรือยังครับ?
รีไว : สองปีกว่าแล้ว

ถาม : แหวนที่นิ้ว(นางข้างซ้าย)นั่นแทนแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงานอะไรประมาณนี้หรือเปล่าครับ
รีไว : ก็ไม่นะ แค่ใส่ไว้เพราะรำคาญเจ้าเด็กเหลือขอนั่นรบเร้าเท่านั้นแหละ

ถาม : คุณกล้าบอกเราแบบนี้แสดงว่าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นรู้แล้ว? (อาจจะมีหลายๆท่านยังไม่ทราบแต่เอเลน เยเกอร์เป็นลูกชายคนเดียวของคริชา เยเกอร์ ตัวแทนรัฐบาลของแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญา เรียกว่าเป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลเลยละ)
รีไว : รู้แล้ว

ถาม : มีปัญหาอะไรไหมครับเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา
รีไว : กว่าจะผ่านมาได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆละนะ ใครที่คิดจะจีบเด็กนั่นถ้าร่างกายกันกระสุนไม่ได้ก็อย่าหวังเลย

ถาม : (หัวเราะ)แปลว่าคุณพ่อหวงมากสินะครับ? ดูๆไปแล้วอัลฟ่าโรเมโอที่จอดอยู่ในโรงจอดรถคงจะเป็นของเอเลน?
รีไว : .......(พยักหน้า)

ถาม : ใครขี้หึงกว่ากันครับ?
รีไว : ไม่รู้สิ เพราะใจร้อนด้วยกันทั้งคู่เวลาเจอใครมาเกาะกะอีกฝ่ายก็ตรงเข้าไปต่อยเลย แบบนั้นมันเรียกว่าขี้หึงหรือเปล่า? (ตอบแบบนี้รีไวน่าจะขี้หึงแน่ๆแต่ไม่ยอมรับ)

ถาม : ทำกับข้าวกินเองหรือเปล่าครับ? คุณหรือเอเลนเป็นคนทำ?
รีไว : ไม่ใช่ทั้งคู่นั่นแหละ ถ้าบ้านข้างๆนั่นไม่อยู่ก็จะซื้อเข้ามาหรือไม่ก็ออกไปกินข้างนอกกัน

ถาม : บ้านข้างๆ? หมายถึงโกคุเดระเป็นคนทำ?
รีไว : นั่นก็ไม่เชิง (ใบหน้าสบายๆของรีไวเริ่มขมวดคิ้ว ผมจึงคิดว่าเลี่ยงที่จะถามถึงเด็กในปกครองคนนั้นดีกว่า เพราะคิดว่ารีไวคงยังไม่อยากให้รู้ว่า “คนที่เป็นพ่อครัวของบ้านนี้” เป็นใคร เอาไว้สักวันผมจะหาทางไปสัมภาษณ์เจ้าตัวเองก็แล้วกัน(หัวเราะ))

ถาม : ปกติแล้วมีให้ของขวัญกันบ้างไหมครับ? ของขวัญชิ้นล่าสุดที่คุณให้เอเลนคืออะไร?
รีไว : ก็มีบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอะไหล่รถ

ถาม : อะไหล่รถ? สมกับที่เป็นแฟนนักขับเอฟวันเลยนะครับ(หัวเราะ)
รีไว : ก็นะ...เห็นอะไหล่ทามิย่าแล้วตาเป็นประกายกว่าเห็นเพชร เป็นคนแบบนั้นแหละเด็กนั่น

ถาม : อย่างงี้คุณเองมีตามไปดูเขาตอนแข่งรถบังคับวิทยุบ้างหรือเปล่า? ปกติจะเห็นเขาตามไปดูคุณบ่อยๆ (เอเลนเป็นแชมป์รถบังคับวิทยุรุ่น F104 ของปีที่แล้วในทามิย่าอิตาเลี่ยนกรังปรีด์)
รีไว : ถ้าว่างจากแข่งส่วนใหญ่ก็จะไป แทบจะต้องอุ้มกลับบ้านละเวลาเด็กนั่นแข่งแต่ละที ต้องใช้สมาธิค่อนข้างมากเลยจะเหนื่อยกว่าปกติ

ถาม : ดูท่าทางเอเลนก็จะรู้จักกับคนในพิตการาจของเฟอร์รารี่ดี?
รีไว : จะมีใครจำเด็กเหลือขอที่กล้าเข้ามาแหกปากขอข้อมูลตรงๆแบบนั้นไม่ได้บ้าง (ผมคิดว่าผมเห็นเขาหัวเราะนะ?)

ถาม : แล้วเอเลนล่ะ มีให้ของขวัญอะไรคุณบ้างหรือเปล่า?
รีไว : ก็มีพยายามจะให้ตามเทศกาลอยู่เหมือนกันนะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างผิดความคาดหมายไปหน่อย อย่างล่าสุดเมื่อวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมาเด็กนั่นก็พยายามจะทำเค้กช็อกโกแลตให้แต่สรุปก็ได้เป็นบราวนี่ง่ายๆออกมาแทน

ถาม : (หัวเราะ) ถึงจะทำไม่สำเร็จแต่ก็ถือว่าน่ารักดีนะครับ
รีไว : คงงั้น

ถาม : คำถามสุดท้ายแล้วครับ  มีเคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่ยังไงครับ?
รีไว : ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แค่คิดว่าจะไม่ยอมยกเด็กนั่นให้ใครก็เท่านั้นแหละ


เป็นคำตอบที่ฟังดูสั้นๆง่ายๆแต่ผมคิดว่าสาวๆทั่วโลกคงกำลังอิจฉาเอเลนอยู่แน่ๆ น่าเสียดายที่ผมมีเวลาไม่มากเพราะหากผมรู้ว่าจะได้โอกาสขนาดนี้ผมคงขอเวลามาจากทีมบอสของเฟอร์รารี่เท่าที่ผมอยากได้เลยจริงๆ การได้นั่งคุยกับรีไวในครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกินและผมเชื่อว่าใครที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้คงจะเทใจมาให้รีไวเหมือนผมแน่

ยังไงปีนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้คว้าแชมป์โลกมาให้ได้ล่ะ!









นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองจนกระทั่งตัวอักษรสุดท้ายก่อนที่จะต้องมาอายม้วนเสียเองกับบทสัมภาษณ์ที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน ถึงแม้ว่าในวันที่มีการสัมภาษณ์เขาจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยแต่ก็เพราะไม่คิดว่าจะเกี่ยวกับตัวเองเลยไม่ได้อยู่ฟัง

ป่านนี้คนทั้งโลกคงจะรู้เรื่องของเขาจนหมดแล้ว....

เพราะไม่ใช่แค่นิตยสารของอิตาลี แต่ตอนนี้มันถูกเอาไปแปลเป็นหลายภาษาและไม่ว่าจะไปลงที่หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารกีฬาของประเทศไหนก็ล้วนเป็นที่สนใจและขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

คุณรีไวนะคุณรีไว...ทำไมไม่บอกเขาบ้าง เซอร์ไพรส์ติดๆกันขนาดนี้เขาก็เขินจนแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นให้ได้แล้วเนี่ย...












ขอย้อนเวลากลับไป 6 วัน 4 ชั่วโมง 15 นาที  22 วินาที ก่อนที่บทสัมภาษณ์นี้จะถูกตีพิมพ์ลงนิตยสาร....







.
.
.
.
.
.
.
.

“ เจ้าเด็กโง่! รูปถ่ายของคนที่ตายไปแล้วจะสำคัญเท่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างเจ้าได้ยังไง?!”   สองแขนแข็งแรงรวบเอาร่างโปร่งบางเข้ามากอดไว้ เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นทำให้ไหล่กว้างถึงกับสั่นเทาด้วยความกลัว....ภาพของคนในอ้อมแขนที่กอดกรอบรูปอยู่ในกองเพลิงทำให้เขากลัวจับใจ...กลัวว่าจะต้องสูญเสียเด็กนี่ไป....

“ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ....”   เสียงสั่นเครือดังมาจากใบหน้าหยิ่งทระนงที่เกยอยู่บนหัวไหล่บอบบาง


“ เข้าใจสักทีสิว่าเรารักเจ้า สเลน...”

.
.
.
.
.




“ ฮึก...ฮึก....ฮืออออออออออ”   แค่เสียงสูดน้ำมูกที่ดังมาตั้งแต่เมื่อสองนาทีก่อนก็ทำให้บนขมับของนักขับมือหนึ่งแห่งทีมม้าลำพองมีเหงื่อผุดพอสมควรแล้วนะ แต่พอได้ยินเสียงปล่อยโฮออกมาเท่านั้นแหละ มือแข็งแรงจึงจำต้องวางหนังสือลงก่อนจะก้มมองเจ้าคนที่นอนพาดอยู่บนหน้าตัก

“ โฮ่ย...เป็นอะไรของแกเจ้าเด็กเหลือขอ?”   มือแข็งแรงจับหัวสีน้ำตาลให้หันมา จากที่ร่างโปร่งบางนอนคว่ำกอดหมอนอยู่จึงพลิกมานอนหงายหนุนตัก

“ ก็กว่าทั้งสองคนจะเข้าใจกันได้ ผมละลุ้นแทบตาย พอได้ยินท่านเคานต์บอกรักแบบนี้มันเลย...ฮึก ฮึก...”    .......อ้อ...ไอ้หนังโบราณๆที่ดูอยู่นั่นสินะ?

“ เป็นฉากบอกรักที่ซึ้งมากเลยครับ ฮืออออออ ผมก็อยากได้ยินแบบนั้นบ้าง”   ร่างโปร่งพลิกตะแคงเข้าหาหน้าท้องของเขาก่อนจะกอดเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไป

“ จริงสิ!”   แล้วใบหน้ามนก็เงยขึ้นมาเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรออก

“ ....หื๋ม?”   ฝ่ามือแข็งแรงสางเส้นผมสีน้ำตาลเล่นในขณะที่รอให้เจ้าเด็กตรงหน้าเอ่ยออกมาว่าจะเอาอะไรอีก

เอเลนมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเขาก็ปีกว่าแล้วตั้งแต่ที่พ่อของเด็กนี่ต้องย้ายกลับไปที่โรม วันไหนที่ไม่มีแข่งพวกเราจึงแทบจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน

“ จะว่าไปคุณรีไวยังไม่เคยบอกรักผมเลยสักครั้งนี่ครับ?”   หะ....แล้วคำที่เจ้าเด็กนี่พูดออกมาก็มีแต่จะทำให้เขาผงะไป....ทั้งที่อุตส่าห์ตีเนียนมาตลอดที่จะไม่พูดคำน่าอายแบบนั้น แต่ไอ้ภาพยนตร์โบราณสมัยวิกตอเรียนั่นกลับทำให้เด็กนี่นึกออกซะได้

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบขึ้นไปมองฉากจบสุดแสนจะแฮปปี้กลางทุ่งหญ้าและฝูงแกะของท่านเคานต์แห่งปราสาทวอร์ริคกับเด็กในปกครองนั่นอย่างนึกเคือง

“ คุณรีไว~~ พูดสิๆๆ...ฉันรักนาย....แค่นี้เอง~~~”   แรงเขย่าเบาๆอย่างรบเร้าทำให้เขาเบือนหน้าที่เริ่มจะขึ้นสีหนีไปอีกทาง....มัน “แค่นี้” ที่ไหนกันเล่า จะให้คนอย่างเขาพูดออกมาเนี่ยนะ...

“ ผมยังพูดได้เลย  ผมรักคุณรีไวๆๆๆ เอ้า! ตาคุณรีไวพูดแล้ว!”   .....เจ้าเด็กเหลือขอนี่มัน....มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดใบหน้าที่กำลังร้อนผ่าวก่อนจะสงบจิตสงบใจแล้วหันพรวดกลับไปกดสองข้อมือบางนั่นลงกับพื้นเตียง


จากที่เป็นฝ่ายถูกต้อนตอนนี้เขาจะเป็นฝ่ายไล่เอง


“ เอเลน...”   นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องลงไปในดวงตาสีมรกต แต่คนที่ถูกกดติดกับเตียงกลับยิ้มแห้งๆแทนที่จะดีใจเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเอง  เพราะเด็กนี่คงจะรู้ว่าสิ่งที่เขาจะบอกมันไม่ใช่คำว่ารัก แต่เป็น.....

“ แค่การกระทำมันยังบอกไม่พอหรือไง?”  รอยยิ้มมุมปากไม่น่าไว้ใจถูกส่งไปให้ แต่เจ้าเด็กเหลือขอก็ยังมองสวนกลับมาด้วยสายตาดื้อดึง

“ ไม่พอครับ”  .....หึ....จะเอาให้ได้เลยสินะเจ้าเด็กนี่....เขาหลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกไปก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาใบหูของคนข้างล่าง

“ หื๋ม....ถ้าไม่พอชั้นก็จะบอกให้จนกว่านายจะพอใจเลยละ”   แล้วริมฝีปากก็กดจูบลงไปที่ซอกคอ

“ เอ๋? ไม่ใช่ด้วยการกระทำสิครับ! คุณรีไวนี่ละก็....อื้อ!”   ทุกคำพูดถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นของปีศาจก็สามารถล่อลวงให้ฝ่ามือบางที่ออกแรงดันน้อยๆนั่นเคลิบเคลิ้มจนกลายเป็นฝ่ายเหนี่ยวรั้งลำคอของเขาเข้าไปหาเสียเอง

ลิ้นร้อนยังคงพัวพันกันไม่หยุดหย่อนและเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาในการปลดเสื้อผ้าของเจ้าเด็กเหลือขอนี่เท่าไหร่ เพราะท่อนล่างมันยังไม่ได้ใส่เลยตั้งแต่เมื่อคืน...ฝ่ามือแข็งแรงลูบไล้ไปบนต้นขาเนียนก่อนจะลากสูงขึ้นเรื่อยๆ ชายเสื้อเชิ้ตชุดนอนถูกเลิกขึ้นไปให้พ้นหน้าท้องแบนเรียบก่อนที่เขาจะละใบหน้าจากริมฝีปากสีสดนั่นออกมากดลงที่แผ่นอกบาง ผิวเนื้อนุ่มที่กลืนกินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อถูกกดจูบเบาๆไล่ลงไปตามแนวกลางลำตัว

“ อ้า...”   เสียงครางหลุดออกมาเป็นระยะๆ ทั้งลมหายใจอุ่นๆ ทั้งเส้นผมสีดำของเขาที่ละไปตามผิวเนื้อเปลือยเปล่าคงจะไปกระตุ้นเร้าอารมณ์ของเด็กนั่นได้ไม่ยาก เพราะเอเลนลุ่มหลงต่อการล่อลวงของเขาง่ายๆแบบนี้แหละ มันถึงได้ทำให้อยากจะพรากเอาความบริสุทธิ์ใสซื่อแบบนั้นมาอยู่ในมือของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ร่างโปร่งบางแอ่นรับฝ่ามือที่ตรงเข้าครอบงำส่วนอ่อนไหวของร่างกาย สายตาออดอ้อนเว้าวอนนั่นมันเร้าใจเขาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งใบหน้ามนทรมานราวกับจะขาดใจก็ยิ่งทำให้อยากจะใส่เข้าไปจนแทบทนไม่ไหว แค่ได้เห็นปฏิกิริยาและร่างกายที่บิดเร่าของเอเลนก็ทำให้ข้างล่างตื่นตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องสัมผัสหรือชักนำเลยสักนิด บอกตามตรงว่าต่อให้เป็นดาราเอวียังไม่เคยมีใครทำให้เขาอยากได้มากขนาดนี้เลย

“ อะ...อื้อ...คุณรีไว....”   ลมหายใจของเด็กนี่เริ่มจะถี่กระชั้น เขาจึงหยุดมือที่รูดขึ้นลงตามแกนกายของเอเลนก่อนจะพลิกลำตัวบางๆนั่นให้คว่ำหน้าลงไปกับหมอน...คงไม่ต้องใช้เจลหล่อลื่นเพราะสิ่งที่ตกค้างมาจากเมื่อคืนมันยังอยู่...ดูจากปลายนิ้วเปียกแฉะของเขาที่ถูกดึงออกมาหลังจากที่สอดใส่เข้าไปในช่องทางคับแน่นก็คิดว่าน่าจะพอ

“ เอเลน....”   เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเรียกชื่อเบาๆที่ใบหูเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าไป ริมฝีปากพรมจูบลงไปบนแผ่นหลังเนียนในขณะที่ฝ่ามือก็จับความเป็นชายของตัวเองจ่ออยู่ที่ปากทางซึ่งพร้อมแล้ว




…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


และคงไม่มีอะไรจะน่าหงุดหงิดใจไปมากกว่าโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัดขวางในเวลาแบบนี้อีกแล้ว!!

เท่านั้นยังไม่พอ...



กริ๊ง.....



เสียงออดหน้าบ้านที่ไม่เคยดังมาเป็นชาติก็ดังขึ้นมาอย่างกับนัดกันเอาไว้งั้นแหละ!!

ใบหน้าคมได้แต่กัดฟันกรอด สันกรามสั่นหงึกๆอย่างระงับความโกรธ ทั้งเสียงโทรศัพท์ทั้งเสียงออดทำเอาไม่รู้ว่าควรจะหันไปกระทืบใครก่อนดีเลย!


“ โฮ่ย มีอะไร?”  มือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้กว่ามากดรับ แล้วเสียงที่คุ้นเคยของทีมบอสแห่งเฟอร์รารี่ก็ดังมาตามสาย

“ โทษที พอดีชั้นยุ่งๆเลยลืมบอกนายไป...ว่าวันนี้จะมีนิตยสารไปสัมภาษณ์นายที่บ้าน ช่วยต้อนรับหน่อยก็แล้วกัน พอดีทางนั้นเส้นใหญ่เลยปฏิเสธไม่ได้น่ะ...”    ...........แกเองสินะไอ้บอสบ้าที่ทำให้ออดหน้าบ้านดังไม่หยุดแบบนี้ แล้วทำไมมันถึงเพิ่งจะมาบอกเอาป่านนี้เนี่ย?!

“ ซูซี่! อย่าเพิ่งวิ่งสิ เปียกหมดแล้ว!”   ซูซี่?....อ่อ...หมาที่เจ้าเอลวินเลี้ยงไว้สินะ ที่ว่ายุ่งๆเนี่ย........มันน่ากระทืบให้ม้ามแตกจริงๆสิให้ตายไอ้บอสบ้านั่น!

“ คะ คุณรีไว....”   สันกรามถึงกับกัดแน่นเมื่อก้มลงไปมองนัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่า ปลายนิ้วกดวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปที่ปลายเตียง

“ ชิ!”   ริมฝีปากสบถออกมาเบาๆอย่างรู้สึกขัดใจ...แต่อะไรที่มันเริ่มไปไกลแล้วก็คงต้องรีบๆจบมันไปก่อน...มือแข็งแรงจึงจับลงไปที่บั้นท้ายตึงแน่นก่อนจะสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปรวดเดียว

“ อ๊า~~”   ใบหน้ามนถึงกับซุกลงไปหมอนเพื่อกลบเสียงคราง นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองแผ่นหลังเนียนพลางกัดฟันกรอด....แค้นนี้ชั้นต้องชำระแกแน่เอลวิน!

เสียงสวบสาบดังหนักๆไม่กี่ครั้งแล้วน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักเข้าไปในร่างกายโปร่งบางเช่นเดียวกับหยาดหยดที่ไหลเลอะเต็มหน้าท้องและต้นขาขาว

ร่างโปร่งที่พยายามทรงตัวเอาไว้ค่อยๆนอนราบลงกับพื้นเตียงเมื่อแกนกายที่ยังไม่หดตัวเท่าไหร่ถอนพรวดออกไป ใบหน้ามนหอบแฮ่กก่อนจะตะแคงมองร่างแข็งแกร่งที่ลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าด้วยใบหน้าหงุดหงิด

“ คุณรีไว....โซฟาข้างล่างมันยังไม่ได้เก็บ....”   เสียงเพลียๆเอ่ยออกมาจากปากของคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงทำให้นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนเขากับเด็กนี่เพิ่งจะทำอย่างว่ากันบนโซฟาก่อนจะมาต่อกันบนเตียง เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ทันจะได้เก็บอะไรๆที่ทิ้งเอาไว้

ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเตะไอ้บอสบ้านั่นให้ตายคาฝ่าเท้าจริงๆ!

“ เดี๋ยวชั้นเก็บเอง...นายลุกไหวแล้วก็ตามลงไปล่ะ”   ใบหน้าคมขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเสียงออดยังดังไม่หยุด...แล้วไอ้หมีบ้ามันไปไหนเนี่ย?! ปกติต้องออกไปดูแล้วสิ!...อะไรไม่ได้ดั่งใจก็พาลใส่ไอ้คนที่อยู่บ้านข้างๆไว้ก่อน

“ เอ๋? ผมต้องออกไปด้วยหรอครับ?”  

“ ใช่...ไม่ต้องพูดอะไรหรอก แค่ลงไปให้เห็นก็พอ”   อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ...แต่เพราะเขามีแผนบางอย่างอยู่ในใจน่ะสิ ถึงได้บอกเด็กนั่นออกไปแบบนั้น

“ อื้อ....ครับ...เดี๋ยวผมตามลงไป”   ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆลุกจากเตียง ท่าทางเหมือนลูกแมวบิดขี้เกียจแบบนั้นมันทำให้เขาอยากจะเสียบกลับเข้าไปซะให้รู้แล้วรู้รอด....ถ้าไม่มีเสียงออดนรกนี่ดังอยู่ในหูละก็นะ!

สองขาเตรียมจะก้าวลงบันไดแต่เสียงของอีกคนก็เรียกเอาไว้เสียก่อน

“ คุณรีไว เดี๋ยวครับ!

“ ......?”

“ ห้ามพูดอะไรแปลกๆในการสัมภาษณ์นะครับ”    ใบหน้ามนมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจนัก...เพราะคุณรีไวไม่เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหน ปกติแล้วเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเกลียดนักข่าวมากจนไม่มีใครกล้ามาสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ  คราวนี้ที่ยอมให้สัมภาษณ์ดีๆนี่มันน่าสงสัยชะมัด

“ หึ...รู้แล้วน่า”

“ อ๊ะ! แต่ว่าถ้าจะบอกรักผมละก็ บอกได้เลยนะครับ”   ร่างโปร่งบางหันมาหยอกเย้าด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มแต่กลับโดนดีดหน้าผากเข้าให้

“ เอาไว้ชั้นจะกลับมาบอกทั้งคืนเลยเป็นไง”   แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เอเลน เยเกอร์รู้สึกว่าเพิ่งจะขุดหลุมขนาดใหญ่ฝังตัวเองไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง....โธ่...บอกแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอกครับ!...ริมฝีปากสีระเรื่อได้แต่บ่นขมุบขมิบไล่หลังร่างแข็งแกร่งที่ก้าวขาเดินลงบันไดไป


ที่จริงแล้วเรื่องของเขากับคุณรีไวคนภายนอกยังไม่รู้กันเท่าไหร่  เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชายสื่อถึงได้ไม่สงสัยและไม่มีใครคิดว่าเขานี่แหละ...คือแฟนของนักขับมือหนึ่งแห่งเฟอร์รารี่ที่ใครๆต่างก็จับตามองกัน...สำหรับคนนอกพิตการาจสีแดงแล้ว...ความสัมพันธ์ของเขากับคุณรีไวยังค่อนข้างจะคุมเครือ...นะ...ก็อย่างที่บอกว่าคุณรีไวเกลียดนักข่าวมาก เวลาใครจะเข้ามาถามอะไรก็ชอบทำหน้าอย่างกับจะไปฆ่าเค้าเลยไม่มีใครกล้าถาม นั่นรวมไปถึงเรื่องของเขาด้วย


ร่างโปร่งลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเตรียมลงไปข้างล่างอย่างที่คุณรีไวบอก นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปเห็นแผ่นบลูเรย์ของหนังที่เพิ่งดูเมื่อเช้าเลยหยิบติดมือลงไปด้วย....เอาไปให้โกคุเดระดูบ้างดีกว่า...แต่อย่างคุณยามาโมโตะคงจะบอกรักจนเบื่อแล้วแน่ๆ...ดีจังเลยน้า~

“ ลุกไหวแล้วหรอ?”   คุณรีไวที่นั่งคุยกับนักข่าวได้ดีอย่างผิดคาดทักขึ้นมาเมื่อเขาก้าวขาลงไปถึง  ใบหน้าที่ดูจะตกตะลึงของนักข่าวและช่างภาพทำให้เขาได้แต่เกาแก้มอย่างทำตัวไม่ถูก

“ ครับ...เดี๋ยวผม...ไปอยู่กับโกคุเดระก็แล้วกัน...”   ร่างโปร่งพยักหน้าให้นักข่าวและช่างภาพก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางอายๆไปยังบ้านอีกฝั่งที่มีเสียงดังโครมครามมาตั้งแต่เมื่อกี้


“ เอ่อ...คุณรีไว...คือ...จะเป็นไรไหมครับ...ถ้าผมจะขอถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับเด็กคนนั้นด้วย”  ใบหน้าตื่นเต้นของนักข่าวหนุ่มหันกลับมาถามนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ด้วยไม่คิดว่าจะมาเจอเด็กที่ใครๆต่างก็สงสัยกันมานานแล้วว่าเข้าไปยืนในพิตการาจสีแดงในฐานะอะไร เพราะจะว่าเป็นเพื่อนของโกคุเดระ ฮายาโตะก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากเด็กหน้าตาน่ารักคนนั้นมักจะยืนอยู่ในพิตฝั่งของรีไวเสียมากกว่า

“ เอาสิ”  และพอเสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต ใบหน้าของนักข่าวหนุ่มก็แย้มบานอย่างกับได้ทองคำซักตันนึง...แหงละ...นี่คงจะเป็นข่าวใหญ่ที่นิตยสารนี่เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้รู้ความจริงจากปากของเขา

“ ขอบคุณครับ!!”  

“ คุณกับเด็กคนนั้น...เอ่อ...เอเลน เยเกอร์ สินะครับ? คือ...กำลังคบกันอยู่จริงๆใช่ไหมครับ”

“ เด็กนั่นเดินลงมาจากห้องนอนของชั้น...ถ้าไม่คบกันอยู่แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ?”   คำพูดของนักขับมือหนึ่งถึงกับทำให้นักข่าวหนุ่มหน้าแดง...เพราะที่บอกว่าเดินลงมาจากห้องนอนนั้นมันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งสองคนไปถึงขั้นไหนกันแล้ว...ไม่มีอะไรต้องค้างคาใจอีกต่อไป

“ ไปเจอกันได้ยังไงหรอครับ? แล้วสนามแข่งรถบังคับวิทยุบนเฉลียงนั่นก็ของเด็กคนนั้นงั้นหรอครับ? แปลว่าเอเลน เยเกอร์อยู่กับคุณที่นี่สินะครับ? คบกันมานานหรือยังครับ? แล้ว.....ฯลฯ....”   คำถามถูกยิงมาอีกเป็นชุดโดยนักข่าวหนุ่มคงลืมไปแล้ว...ว่าหัวข้อของการสัมภาษณ์ในตอนแรกมันคือ วันสบายๆในบ้านของเฟอร์รารี่หมายเลขหนึ่งน่ะ










ร่างโปร่งบางก้าวขาเข้าไปในบ้านฝั่งขวาและยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากทักเจ้าของบ้าน เสียงตะโกนลั่นก็ทำเอาสองขาถึงกับชะงัก

“ จับมันไว้!!

“ เอ๋?  จับ??”   ใบหน้ามนผงะด้วยความมึนงงเพราะไม่รู้ว่าโกคุเดระกับคุณยามาโมโตะกำลังทำอะไรกันอยู่? แล้วจะให้เขาจับอะไร? แต่พอกวาดสายตาลงไปมองที่พื้น สัตว์เลื้อยคลานหน้าตาคล้ายงูที่ไถลไปมานั่นก็ทำให้สองขากระโดดเหยงขึ้นโซฟาแทบไม่ทัน!

“ ว๊ากกกกกกกก!!   แล้วริมฝีปากของเขาก็ช่วยเพิ่มเสียงที่มันดังอยู่แล้วให้ดังยิ่งขึ้นไปอีกอย่างช่วยไม่ได้....



“ แฮ่กๆๆ....เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย...”   นัยน์ตาสีมรกตกลมโตเหลือบไปมองปลาไหลที่กำลังเลื้อยยั้วเยี้ยอยู่ในกระป๋องน้ำ หน้าตาเหมือนงูนั่นทำเอาสยดสยองไม่น้อยเลยทีเดียวกับปริมาณที่มากขนาดนี้  ดูเหมือนหลังจากที่ไล่จับกันอยู่พักใหญ่ตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีแล้วมั้ง?

“ ก็ไอ้หมีบ้านี่สิ เดินสะดุดอากาศล้มหัวทิ่มจนทำให้กระป๋องมันคว่ำ ปลามันเลยดิ้นหลุดไปได้”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินหันไปงอหงิกใส่ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเกาหัวยิ้มร่า...โกคุเดระเริ่มพูดกับเขามากขึ้น ช่วงหลังๆมานี้เลยสื่อสารกันด้วยปากมากกว่าโทรจิตเหมือนแต่ก่อน

“ ว่าแต่จะเอาปลาไม่น่าไว้ใจพวกนี้มาทำอะไรน่ะ?”

“ ข้าวหน้าปลาไหลย่างซอสหวานญี่ปุ่น อร่อยอย่าบอกใครเลยล่ะ! แน่นอนว่าถ้านายจะกินก็ต้องช่วยพวกชั้นย่างด้วย”   ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำบอกออกมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี...แต่งตัวแบบนี้เพิ่งกลับมาจากวองโกเล่สินะ?....และถึงแม้ว่าชื่ออาหารของดินแดนซามูไรนั่นจะไม่คุ้นเคยซ้ำไอ้เจ้าปลาหน้าตาเหมือนงูนี่ก็ดูไม่น่าไว้ใจแต่พอบอกว่าต้องย่างด้วย ความซุกซนเนื่องจากยังไงก็ยังเป็นเด็กจึงทำให้ใบหน้ามนพยักหน้ารัวๆอย่างนึกสนุก

เป็นเพราะโกคุเดระยังกลับไปขับรถไม่ได้เนื่องจากขายังไม่หายดีจึงทำให้ช่วงที่คุณรีไวไม่อยู่บ้าน เขาจึงไม่ต้องเหงาเพราะมีสองคนนี้อยู่ด้วย...แล้วอีกหน่อยถ้าโกคุเดระไปแข่งเขาไม่ต้องแกร่วอยู่คนเดียวหรอเนี่ย เพราะดูท่าทางว่าคุณยามาโมโตะก็คงไม่ได้กลับมาบ่อยๆถ้าโกคุเดระไม่อยู่

อยากตามไปด้วยจัง....


“ นายไปทำกายภาพอีกทีเมื่อไหร่?”   เขาถามออกไปในขณะที่มือก็พยายามใช้ตะเกียบคีบปลาไหลวางลงไปบนตะแกรง สกิลการใช้ไม้สองอันในการกินอาหารของเขาพัฒนาขึ้นเพราะอยู่กับสองคนนี้นี่แหละ

“ อีกสองวัน....นายไปแข่งใช่ไหม?”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลพยักรับ พรุ่งนี้เขาเองก็มีแข่งรถบังคับวิทยุที่มิลานและคงจะไม่ได้อยู่บ้าน...นัยน์ตาสีมรกตทอดมองขาของโกคุเดระ ถึงมันจะกลับมาเดินได้ตามปกติแต่ถ้าจะต้องขับรถซึ่งต้องมีการเหยียบคันเร่งและเบรกหนักๆ ก็อาจจะยังต้องทำกายภาพบำบัดต่อเพื่อให้สามารถออกกำลังกายในปริมาณที่นักขับเอฟวันจำเป็นต้องทำได้

“ จริงสิ ชั้นเพิ่งได้บลูเรย์หนังพีเรียดมาเรื่องนึง นายเอาไว้ดูสิ ซึ้งจนน้ำตาไหล”   เขาชี้นิ้วไปที่กล่องบลูเรย์ซึ่งมีตัวหนังสือว่า Last Word เขียนอยู่ที่ด้านหน้าซึ่งตอนนี้มันวางอยู่บนโซฟา  ใบหน้าสวยของโกคุเดระพยักรับจนเขาเองก็ชักอยากจะรู้ว่าหนังโรมานซ์นั่นจะทำให้ใบหน้าที่ติดจะเย็นชานี่เปลี่ยนไปเป็นยังไง

“ กลิ่นอะไรน่ะ?”   เสียงทุ้มของคุณรีไวดังอยู่ที่ประตูและเมื่อเขาหันไปมองก็เห็นร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั่นยืนอยู่

“ สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรอครับ? อ่ะ กลิ่นปลาไหลย่างซอสครับ หอมเนอะ”  ใบหน้านิ่งพยักให้พร้อมๆกับเสียงรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านแล่นออกไปพอดี

“ เอ๋?...มีสัมภาษณ์ด้วยหรอ? นายก็น่าจะบอกชั้นมั่งนะ จะได้ไปเปิดตัวกับโกคุเดระบ้าง”   เสียงดังโครมครามจากการไล่จับปลาไหลยังไม่ทันจะเงียบได้นานเท่าไหร่ ดูเหมือนคุณหมีวายร้ายก็เริ่มจะหาเรื่องกวนประสาทคุณรีไวให้เกิดเสียงดังจากการตีกันอีกแล้ว และจากปีกว่าๆที่อยู่ด้วยกันมามันเลยทำให้เขากับโกคุเดระหันไปสนใจปลาบนเตาไฟนั่นดีกว่าจะเสียเวลามาห้าม

“ เปิดตัวอะไรของแกไอ้หมีบ้า อย่าหวังเลยว่าชั้นจะให้โลกรู้เรื่องของแก!   ร่างแข็งแกร่งเดินไปนั่งลงที่โซฟา...นะ...ถึงจะตีกันยังไงแต่คุณรีไวก็กินอาหารที่คุณยามาโมโตะทำอยู่ดีนั่นแหละ

“ ใจร้ายที่สุด~~”   ปลาไหลตัวสุดท้ายถูกคีบไปวางไว้บนจานข้าวก่อนที่พวกเราสี่คนจะลงมือกินมัน  รสชาติหวานๆทำให้รู้สึกเจริญอาหารจนลืมหน้าตาของเจ้าปลานี่ไปเลย





สองคนจากบ้านฝั่งซ้ายกลับบ้านของตัวเองไปนานแล้วเพราะเอเลนต้องไปเตรียมอะไหล่สำหรับวันพรุ่งนี้ บ้านฝั่งขวาจึงเหลือเพียงร่างบอบบบางกับร่างสูงใหญ่เก็บกวาดเศษอาหารและถ้วยจานกันตามลำพัง

มือบางถูฟองน้ำไปตามจานก่อนจะวางมันลงไปบนซิงค์เบาๆ ก่อนหน้านี้เขามักจะทำถ้วยจานแตกเป็นประจำเจ้ายามาโมโตะเลยเปลี่ยนจานในบ้านใหม่เป็นเมลามีนหน้าตาคล้ายจานอาหารแบบญี่ปุ่นแทน ตอนนี้เขาเลยล้างมันได้อย่างปลอดภัย


แชะ...


แล้วเสียงกล้องถ่ายรูปก็ทำให้ใบหน้าที่ก้มมองฟองสีขาวในอ่างล้างจานเงยขึ้นไปมองคนตรงหน้า....ไอ้บ้านี่มันจะถ่ายรูปเขาไปถึงไหน?!

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะมองใบหน้าลั้ลลานั่นด้วยสายตาหาเรื่อง

“ จะหยุดถ่ายหรือจะให้ชั้นล้างมือถือของแกพร้อมจานพวกนี้เลยดี?”

“ โกคุเดระอ่า~~ ก็นายตอนใส่ผ้ากันเปื้อนมันน่ารักจนอดใจไม่ได้เลยนี่นา....”   ว่าแล้วมือใหญ่ก็กดไปอีกหลายรูป จนใบหน้าบูดบึ้งหันไปถอนหายใจอย่างปลงตก

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปมองผนังข้างบันไดที่บัดนี้มันเต็มไปด้วยกรอบรูป เพราะของเดิมที่ติดเรียงขึ้นไปตามขั้นบันไดอย่างสวยงามนั่นมันเต็มจนไม่พอใส่ ไอ้หมีบ้านี่เลยไปซื้อกรอบรูปมาเพิ่มจนตอนนี้ผนังนั่นมันคงจะพังลงมาสักวันจากการถูกเจาะจนพรุนเพื่อแขวนรูป...ไม่รู้จะถ่ายอะไรกันนักกันหนา

“ แล้วแกเอาเศษอาหารไปทิ้งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”   นักขับมือสองของทีมม้าลำพองเงยหน้าขึ้นไปถามร่างสูงใหญ่ที่เดินไปที่โซฟา

“ อื้อ....เอ๋? นี่มันหนังที่เอเลนเอามางั้นหรอ? ดูกันเถอะๆ”

“ ไสหัวไปอาบน้ำก่อนเลยแกน่ะ เหม็นกลิ่นคาวปลาจะแย่แล้ว คืนนี้ค่อยดู!

“ ได้เลยที่รัก!”   แล้วเจ้าของใบหน้าบานแฉ่งนั่นก็วิ่งขึ้นบันไดไปก่อนที่ฟองน้ำในมือเขาจะได้ปาแสกหน้ามัน...เมื่อไหร่หนังหน้านั่นจะมียางอายขึ้นมาได้บ้างนะ! ที่รักๆอะไรนั่นไม่อายบ้างหรือไงไอ้บ้า!

ถึงจะนึกด่ามันอยู่ในใจแต่ริมฝีปากกลับต้องพยายามหุบยิ้มอย่างยากเย็น...เขาเอง...จะพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นได้บ้างไหมนะ



.
.
.
.
.

“ เจ้าเด็กโง่! รูปถ่ายของคนที่ตายไปแล้วจะสำคัญเท่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างเจ้าได้ยังไง?!”   สองแขนแข็งแรงรวบเอาร่างโปร่งบางเข้ามากอดไว้ เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นทำให้ไหล่กว้างถึงกับสั่นเทาด้วยความกลัว....ภาพของคนในอ้อมแขนที่กอดกรอบรูปอยู่ในกองเพลิงทำให้เขากลัวจับใจ...กลัวว่าจะต้องสูญเสียเด็กนี่ไป....

“ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ....”   เสียงสั่นเครือดังมาจากใบหน้าหยิ่งทระนงที่เกยอยู่บนหัวไหล่บอบบาง


“ เข้าใจสักทีสิว่าเรารักเจ้า สเลน...”

.
.
.
.


ฉากสุดท้ายถูกฉายวนซ้ำอีกรอบ แต่เสียงสูดน้ำมูกกลับไม่ได้มาจากร่างบอบบางอย่างที่ควรจะเป็น...

นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองร่างสูงใหญ่ที่นอนพาดอยู่บนหน้าตักด้วยใบหน้าละเหี่ยใจ...แกเป็นเพชฌฆาตไร้หัวใจไม่ใช่รึไงแล้วไหงมาน้ำตาไหลกับหนังรักสมัยวิกตอเรียแบบนี้ได้เนี่ย?

“ เป็นหนังที่ซาบซึ้งอย่างที่เอเลนว่าไว้จริงๆด้วย นายดูสิโกคุเดระ สองคนนั้นกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ต้องผ่านอะไรมามากมายเหมือนพวกเราเลยเนอะ”  

“.....เหมือนตรงไหนกัน? อย่างน้อยถ้าแกฟาดไม้เท้าใส่ชั้นละก็...ชั้นคงสวนกลับไปด้วยกำปั้นไม่มายืนร้องไห้แบบนั้นหรอก!

“ ฮะฮะฮะ...มันก็จริง ไม่สิ ชั้นหมายถึงอุปสรรคที่พวกนั้นต้องเจอต่างหาก มันมากมายเหมือนที่เราเจอเลย  แต่ในที่สุดก็เข้าใจกันได้...มันเป็นฉากบอกรักที่ซึ้งจริงๆเลยนะ”

“ ก็งั้นๆแหละ”   .....เพราะสำหรับเขาแล้วคงไม่มีฉากบอกรักที่ไหนจะยิ่งใหญ่และสำคัญไปกว่าคำพูดที่ยามาโมโตะมอบให้เขาที่หน้ามหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์นั่นอีกแล้ว

“ จะว่าไปนะโกคุเดระ....”   ใบหน้าคมทำหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังทบทวนความทรงจำทำให้เขาก้มลงไปมองอย่างสงสัย

“ นายยังไม่เคยบอกรักชั้นเลยนี่?”   แล้วสิ่งที่ไอ้บ้านี่ดันนึกได้ขึ้นมาก็ทำเอาเขาอยากจะหักแผ่นบลูเรย์นั่นทิ้งจริงๆ!

อุตส่าห์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่อที่จะไม่ต้องพูดคำน่าอายแบบนั้นมาได้ตั้งนาน แต่ไอ้หนังโบราณสมัยวิกตอเรียนี่ดันทำให้ไอ้หมีบ้านึกออกซะได้!

นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นไปมองฉากจบท่ามกลางทุ่งหญ้าและฝูงแกะของท่านเคานต์แห่งปราสาทวอร์ริคกับเด็กในปกครองนั่นอย่างนึกเคือง

“ นะๆโกคุเดระ....พูดให้ฟังหน่อยสิ...ฉันรักนาย...แบบเนี้ยๆ”   ร่างสูงใหญ่พลิกมานอนหงายอยู่บนหน้าตัก ใบหน้าเนียนๆทำเอาหมอนในมือกดลงไปอย่างต้องการจะแก้เขิน

เสียงหัวเราะดังออกมาจากใต้หมอนก่อนที่มือใหญ่จะตะครุบเอวบางเอาไว้แล้วกดลงกับเตียง...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ยามาโมโตะเนียนขึ้นมานอนด้วยกันข้างบนนี้ บางครั้งอะไรหลายๆอย่างของพวกเขาก็มักจะหาจุดเริ่มต้นไม่เจอ รู้ตัวอีกทีก็มีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆไปแล้ว

ใบหน้าคมที่โน้มลงมามักจะแตะหน้าผากของตัวเองกับหน้าผากของเขาก่อน ท่าทางออดอ้อนแบบนั้นดูไม่รู้เลยสักนิดว่าหมอนี่เป็นนักฆ่า ฝ่ามือที่ลูบเขาอย่างอ่อนโยนนี่เปื้อนเลือดมาแค่ไหนกัน แต่ความอบอุ่นที่แผ่ออกมานั้นมันกลับเป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้

“ หรือถ้านายไม่อยากจะพูด จะบอกรักชั้นด้วยการกระทำก็ได้ เอ้า! จูบชั้นเลยสิ”


ตุ้บ!!


แล้วก็กลายเป็นหมอนใบใหญ่ที่เพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่ได้จูบไปเต็มๆ  ร่างบอบบางล้มตัวนอนหันหลังให้ก่อนที่ในบ้านฝั่งขวาจะได้ยินเสียงง๊องแง๊งดังอยู่อีกพักใหญ่


ดูท่าว่าเรื่องราวของท่านเคานต์แห่งปราสาทวอร์ริคกับเด็กในปกครองจะทำพิษนักขับทั้งสองของเฟอร์รารี่ไปอีกพักใหญ่ เพราะตราบใดที่คำว่า “รัก” ยังไม่หลุดออกจากปากมา ทั้งหมาและหมีก็คงไม่เลิกราง่ายๆแน่....





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




GLIDE : CHEQUERED FLAG ยังไม่จบนะค้า จนกว่าคุณรีไวจะพูดว่า “รักนะเด็กโง่ว” ออกมานั่นแหละ ฮิ้ววววว ก็มาดูกันต่อไปว่าคุณท่านจะใช้วิธีไหนบอกรักเด็กเหลือขอคนนี้กัน >////< คืออันที่จริงแล้วคุณกวางเล็งไว้ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเขียนเรื่องนี้แรกๆแล้วละ แอร๊ยยยย ตื่นเต้น~~

ส่วนชื่อตอน CHEQUERED FLAG นี่ก็คือธงตาหมากรุกนั่นเองค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟ มันคือธงที่จะโบกสะบัดเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันแล้วและใครที่ได้เข้าไปอยู่ใต้ธงนี้เป็นคนแรกก็คือผู้ชนะ >w< ก็...ถือว่าเป็นตอนจบที่แท้จริง(?)ของ GLIDE ละนะ5555

สำหรับตอนพิเศษตอนนี้ก็ตั้งใจแต่งมาแฮปให้คุณปุ๊ก ผู้อยู่เบื้องหลังการทวงฟิครีเออย่างเสมอต้นเสมอปลาย ฮ่าๆๆ


สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านาคะคุณปุ๊ก~~ >3<


คือจากที่บอกว่าตอนแรกนี่จะเอ็นซีกว่าตอนสอง แต่ทำไปทำมาเพราะต้องตัดตอนตรงนี้เลยทำให้ฉากเอ็นซีหนักๆถูกโยกไปตอนที่สองแทน TvT รอคุณกวางปั่นหน่อยนะคะ แหะแหะ

ส่วนบทสัมภาษณ์ตอนต้นเรื่องนั่น พอดีว่าคุณกวางไปอ่านบทสัมภาษณ์ของคิมิ ไรโคเน่น (นักขับเอฟวัน ตอนนี้ขับคู่กับคุณอลองในเฟอร์รารี่นี่แหละค่ะ) แล้วเป็นบทสัมภาษณ์ที่น่ารักมากอ่ะ คุณกวางเลยแอบลอกซะเลย (โดนตบ) ใครสนใจก็เชิญอ่านต้นฉบับได้ที่....  คุยสบายๆ สไตล์ Kimi Raikkonen    ขอบคุณเจ้าของบลอคสำหรับเรื่องราวดีๆที่แปลมาให้อ่านกันด้วยนะคะ >v<



นอกจากธงตาหมากรุกแล้ว GLIDE ยังมีตอนพิเศษที่ตั้งใจจะเขียนอีก 2 ตอนค่ะ ตอนนี้ได้ชื่อมาแล้น ไม่ใช่ธงฟ้า ธงเขียวหรอกน่า555

GLIDE : OVERSTEER
GLIDE : SLICK

ส่วนจะเกี่ยวกับอะไรนั้น...ค่อยว่ากันตอนหน้า555 คุณกวางยังสับสนตัวเองอยู่ตอนนี้ ขอตบตีในหัวก่อนนะคะ ^  ^” ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆการทวงถามนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า ^ ^






4 ความคิดเห็น:

  1. แก่ก็แก่แล้ว...จะคึกไรหนักหนาครับ//โดนเก้าอี้กระแทกหัวดับ
    เอโร่ยดีจัง...หุๆลุกหมาน้อยก็ช่างน่ารักซะจริง..จนเจ้าของต้องหาเรื่องวกมาช่วงล่างทุกที55555555555
    เล่นเอาไม่รู้เป็นเพราะลูกหมาน้อยน่ารักเกินไป หรือเฮียหื่นเกินไปจนวกมาเรื่องนี้ได้ตลอดกันแน่555555
    มีความรู้สึกว่ามันคุ้นๆดีจังนะกะฉากสารภาพรักเนี่ย555555 ยังกะก็อปแป๊ะมาเลย

    ยามะนี่พ่อครัวหัวหมีสินะ แลดูเป็นวันสงบสุขที่วุ่นแปลกๆดีนะ กรั่กๆ
    ปักธองรอลุ้นว่าน้องหมากะหมีจะสามารถพิชิตธงชัยได้หรือไม่

    ตอบลบ
  2. คิดถึงเรื่องนี้มากอ่าาา ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ ตอนนี้กำลังรอพี่กวางจะกลับมาแต่งเรื่อง santyclaus is coming to town ต่อเมื่อไหร่ รอฟิคทุกเรื่องค่าาา

    ตอบลบ
  3. บอกตรงๆเลยว่า ไม่คิดว่าจะได้อ่านฟีลมุมแบบนี้จริงจัง คือมันก๊าววววววววววววววววววววววมากกกกกกกกค่ะกวางซาม๊าาาาา อ้ากกกกชอบมากกกกกกกก คือบทสัมภาษณ์ดีงามมากกกกกก อ่านแล้วฟินโฮกกกกก ชอบที่ท่านท่อนขาเป็นแบบที่ท่านท่อนขาเป็นมากมายยย แถมเค้าอินไปกับนักข่าวเรื่องขวดซอสมะเขือเทศ(?)มากกกกกด้วยนะคะถถถถถถก็ตามหลัก(?)มันควรจะปลิว(?)จริงๆนี่เนาะคะถถถถถ แอบกรี๊ดลุคที่พ่อคุณลงมารับนักข่าวด้วย > _ < ได้ฟีลชุดฮู้ดสีน้ำตาลที่กวางซามะใส่ให้obitsuของคุณรีไวเลยค่ะ > __ < คุณรีไวดูดีอ้ะะะะ คิดแล้วก็ชักอยากจะไปหามาเล่นบ้าง(?)ด้วยเลยค่ะ แงงงงง
    แล้วคือไอ้บทสัมภาษณ์นี่เริ่มต้นมาก็ดีอยู่นะคะ แต่พอมีเรื่องหมีวายร้ายปุ๊บถึงจุดแหกโค้ง(?)เลยค่ะถถถถถถถถถถถถถถถถ โอ่ยยยยเค้าชอบพลอตที่แทนเนียนเป็นหมีนี่มากเลยค่ะกวางซามะ ไม่รู้ว่าเคยบอกไปหรือยัง แต่ว่าเค้าชอบจริงๆนะคะ เนียนในวัยผู้ใหญ่(?)ก็เหมือนหมีจริงๆน่ะล่ะ ยิ่งมาเต๊าะ(?)หนูก๊กในวัยสิบกว่าแล้วก็แบบบ อยากจะชูแท่งคบเพลิง(?)ไล่หมีไปตะปบแมวป่า(?)รัวๆๆๆจริงๆ > __ <

    ตอนที่นักข่าวถามว่าแล้วหมีไม่ดุเหรอ เค้าลงไปฮากลิ้งกับคำตอบของคุณรีไวมากจริงๆนะคะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ “สำหรับคนอื่นก็คงดุ แต่กับเจ้าฮายาโตะมันเป็นหมีค่อนข้างปัญญาอ่อนเลยทีเดียว” โอ่ยยยยยย ฮามากกก โคตรใช่!!!!!!!! รักประโยคนี้ รักจนขนาดอยากจะเอาไปขึ้นปก(?)ในเฟสมากจริงจังเลยค่ะกวางซามะะะ ถถถถถถถถถถ

    แล้วเหนือสิ่งอื่นใดคือ เค้าจะตายยยยย ไม่สิ เค้าตายยยยยยยยยยย(?)ไปแล้วนะคะะกับการเปิดตัวคนรักของท่านท่อนขา ตายยยยมากกกอ้ะะะะ โอ่ยยยยไม่คิดว่าพ่อคุณจะเปิดเผยด้วยลักษณะแบบนี้จริงจัง ใครว่าคุณรีไวไม่โรแมนติค(?)!!!!!! คนๆนี้แผนสูงแผนเยอะมากกกกก อ้ากกกกกบทสัมภาษณ์นี้ดีงามมมมมมากกกกกกกกกกกกจริงจัง ฮืออออ และแต่ละคำตอบของพ่อคุณนี่ไม่ทนนนนนนนนนน –เด็กนั่นเดินลงมาจากห้องนอนของชั้น...ถ้าไม่คบกันอยู่แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ? – ตายยยยยยยยยยรอบที่หนึ่ง –เปล่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่เด็กนั่นเป็นผู้ชายก็ช่วยไม่ได้– ฟื้นจากเมื่อกี้แล้วตายอีกรอบบบบบบบบบบบบบบบบ ฮืออออออ ก่อนจะตายสนิทกับเคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก กวางซามะเค้าฟินมากกกง่ะ ฮือออออ ฟินมากจริงจังงงงง รักคู่นี้ โฮรววววววววว

    อยากบอกนักข่าวรัวๆๆๆๆ ว่าตูข้า(?)คนอ่านบทสัมภาษณ์คนนึงล่ะที่ไม่คิดอิจฉาเอเลนเลยยยยย เพราะจุดนี้อิจฉาคุณรีไวมากโฮกกกๆๆๆๆๆ ถถถถถถ อยากจิมีบุญได้เป็นคุณรีไว(?)สัก4วิ(?) อยากจิน้วยเอเลนนนนนนนนนนน #โดนคุณรีไวกระทืบตายคาหน้าบทสัมภาษณ์ว่าอย่าได้ฝันถถถถ

    ว่าสครีมบทสัมภาษณ์เหนื่อย(?)แล้ว เจอฉากหนูเลนสูดน้ำมูกเพราะละครรักพีเรียดนี่จะสครีมไม่ทนนนนนนนน ฮือออ หนูเลนน่ารักมากกก อะไรคือนอนพาดอยู่บนหน้าตักดูละครรรรรรรรรรรรร เค้าจะตายยยยกับฉากนี้ ฮืออออออ แถมอ่านมาเรื่อยๆคือลูกรักอยู่ในชุดที่ไม่มีท่อนล่างอีกกกกกก ตายสนิทททเลยย > __ < แล้วอะไรคือคุณรีไวจะบอกด้วยการกระทำอย่างเดียวววเลยกันนนคะนั่นนน โอ่ยยย บอกให้เด็กเค้าชื่นใจไปสักคำ กระซิบข้างหูเบาๆ(?)เด็กก็ระทวยให้กดต่อ(?)แล้วว #เดี๋ยววว #เอเลนร้องไห้ทำไมลูก > __ < แต่เค้าชอบบบบง้ะ ชอบที่เอเลนดื้อดึงงงแบบนี้มากๆเลย ฮือออออ แล้วอะไรคือในขณะที่กำลังจะฮัดช่า(?) มีสายเข้าจากเอลวินนนนนก๊านนนน ถึงจะอยากร่วมด้วย(?)ช่วยกระทืบ(?)ให้ม้ามแตก แต่คิดอีกที ตู้โทรศัพท์(?)ตูข้ายังไม่ได้ เพราะงั้น ท่านท่อนขาก็เข้าใจเอลวินเข้าหน่อยยยย(?) ไหนๆก็เลี้ยงหมา(?)เหมือนกันไม่ใช่เหรอออออออ ถึงจะเลี้ยงกันคนละแบบก็เถอะนะถถถถถถ แต่เอาจริงๆเค้าฮาตรงซูซี่ ลั่นเลยค่ะ ถถถถถถถถถถถถถ ก่อนจะมาสครีมลั่นที่ท่านท่อนขาเอาจนจบ(?) อ้ากกกกกกกกก ผู้ชายคนนี้ บ้าจริงงง > __ <

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แล้วในขณะที่ฟากนึงก็เอาแต่ฮัดช่ากัน(?) แต่ไหงอีกฟากถึงมีแต่ฉากไล่จับปลาไหล(?)กันค๊าาากวางซาม๊า ถถถถถถ เห็นใจเนียนหน่อยเรื่องนี้เนียนอายุเยอะ(?)แล้วนะคะ ถถถถถถ #โดนเนียนกระซวก ฉากเอเลนร้องว๊ากกก นี่เค้านึกภาพออกเลยค่ะเอเลนน่าร๊ากกกกกกกถถถถถ แต่เค้าหลงรักบ้านฟากนี้มากมายเลย ครื้นเครง(?)มากมายแหกปากกันตลอด ชอบที่จะเห็นคนคิ้วกระตุก(?)บ่อยๆนะคะ ถถถถถถถถถถถถ
      เค้าสครีมฉากสองสาวน่ารักคุยกันมากๆๆเลยค่ะ ฮืออออ แต่ก่อนโทรจิตก็สครีมเหนื่อยแล้ว พอมีได้คุยกันเยอะๆแบบนี้อยากจะเข้าไปรวบมาน้วยทั้งคู่เลย > _ <

      เนียนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อัดรูปมาเผื่อ(?)บ้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง โอ่ยยยย หนูก๊กให้เนียนถ่ายๆไปเถอะนะลูกนะ เผื่อป้าทางนี้จะได้อนิสงค์(?)ด้วยบ้าง โฮรวววว แค่คิดถึงภาพหนูก๊กใส่ผ้ากันเปื้อนล้างจานมันไม่จริงๆๆเนาะคะกวางซามะะะ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

      บอกตามตรงว่าเค้าฟินกับสรรพนามคำว่า ที่รัก ของเนียนจริงๆนะคะ คือคำนี้มันเหมาะกับคนๆนี้จริงๆ ไอ้คนที่มีสองบุคลิกเนี่ยย ปัญญาอ่อนน้อย(?) กับ ปัญญาอ่อนมาก(?) ถถถถถถถถถถ #โดนดาบกระซวกรัว คือใครพูดก็ไม่ก๊าวววเท่าเนียนอ้ะ > __ < ฮือออออ พอมีคำนี้มาที่ไรเค้าอดยิ้มหน้าบานฟินโฮกๆๆๆๆมากๆๆไม่ได้เลยค่ะ
      แล้วเค้าก็ไม่คิดว่าจะมีฉากคู่ 8059 ดูละครรักจริงๆค่ะ พอเลื่อนมาเจอเท่านั้นแหละ คือฮานำเลย เพราะเค้ารู้ว่าหนูก๊กไม่ใช่คนที่สูดน้ำมูกแน่ๆ แล้วก็จริง โอ่ยยยยยยยยยย อิเนียนนนน เอ็งเป็นเพชรฌฆาตรไม่ใช่เรอะะะะ จะมาสูดน้ำมูกหาอะไรรรรรรรรถถถถถถถถถถ โอ่ยยยตบเข่าฉาดแดง(?)ไปหมดแล้วนะคะถถถถ ท่านท่อนขาคะที่ให้สัมภาษณ์ไปถูกต้องแล้วนะคะ กับเจ้าฮายาโตะมันเป็นหมีที่ค่อนข้างปัญญาอ่อนทีเดียว กร๊ากกกกก ชอบประโยคนี้จริงๆๆ เค้าชอบบบพลอตนี้ง้า ดูแผ่นบูลเรย์เดียวกันแท้ๆแต่ได้สองฟีลมากๆ เนียนเอ้ยยย จูบเอ็งยังไม่ได้ บ้านอีกฝั่งเค้าบอกกันด้วยการกระทำไปถึงดาวอังคาร(?)แล้วนะเนียนนนนถถถถถถถถ วอนกวางซามะจัดให้เนียนบ้างอะไรบ้างจริงจังถถถถถ ก่อนที่หมีมันจะปัญญาอ่อนไปมากกว่านี้นะคะถถถถถ

      ฮือออออ ลุ้นมากตอนนี้อยากรู้มากๆเลยว่าสุดท้ายแล้วทั้งหมาทั้งหมีจะได้ยินคำว่ารักสักครั้งจากคนปากแข็งมั้ย > __ < แต่ก็อย่างว่ามารักพี่น้องปากแข็งคู่นี้ก็ต้องทำใจละเนาะคะ > __ < แต่ชอบบพลอตจริงๆๆนะคะ เข้ากับชื่อตอนมากๆๆเลยด้วยยย ชาบูกวางซาม๊าโฮกกกกกก > __ < อ่ะ แอบเห็นว่าจะมีตอนพิเศษอีกสองตัว ฮือออออ ดีใจ รักเรื่องนี้นะคะ จริงๆก็รักทุกเรื่อง > _ < แต่การได้อ่านต่อเรื่องที่ชอบเป็นอะไรที่คนอ่านน้ำตาจะไหลค่ะ ฮืออ ดาวตก(?)ง่ะกวางซาม๊า (กอดขา(?)) #โดนกวางซามะโบกว่ามาตกอะไรตรงนี้ถถถถถ

      Ps. ขอสารภาพว่าจริงๆเค้าแอบมีเข้ามาอ่านตอนนี้ได้พักนึงแล้วค่ะ แต่เค้ายังไม่มีเวลาเขียนเรียงความ(?)ให้จริงจังเค้าก็เลยมาช้าแบบนี้ แต่ประเด็นคือเพราะฉากเอเลนเล่นสูดน้ำมูกแทคทีม(?)กับหมีเนียนด้วยดีวีดีหนังรัก(?)พีเรียดสมัยวิคตอเรียเรื่อง Last word นี่ล่ะ เค้าถึงได้ตัดสินใจข่มความอาย(?)แจ้นไปสครีมกับกวางซามะว่าเค้าอยากจะมีเก็บ ถถถถถ เป็นเรื่องน่าอายที่ใช่เวลามาพูดที่นี่มั้ยยยยย Orz แงงงง แต่เค้าดีใจมากจริงๆค่ะ ที่เค้าได้มาเป็นคอลเลคชั่น(?)นะคะะ น้วยขอบคุณอีกหลายๆรอบเลยค่ะ > __ <

      ลบ