ใครลืมตอนก่อนหน้านี้ไปแล้วก็ตามไปอ่านได้ที่นี่นะค้า
นานซะจน....^
^””..... จิ้ม>> KHR Au S.Fic [8059] Light - House : Opening
KHR
Au S.Fic [8059] ประภาคาร : Segunda.
:
KHR Fanfiction Au
:
8059
:
Warmhearted Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เช้าวันนี้ท้องฟ้าก็ยังมืดครึ้ม...
ร่างบอบบางตื่นขึ้นมาอีกทีบนเตียงนอนของตัวเอง
ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าไม่มีร่องรอยของดินโคลนหลงเหลืออยู่
แค่คิดว่าใครเช็ดทำความสะอาดให้ก็ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหน้าสวยหันไปหันมาถึงแม้ว่าวันนี้ท้องฟ้าจะยังหม่นหมอง
แต่บรรยากาศก็ต่างจากเมื่อวาน
ดูเหมือนพายุจะผ่านพ้นไปแล้ว...
ร่างบางลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อมองหาใครอีกคน
แต่ในบ้านนั้นกลับเงียบสนิท
ที่โต๊ะกินข้าวในห้องครัวมีเพียงอาหารหนึ่งชุดกับกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า.....
“ ฉันลงไปซ่อมหลังคานะ ตื่นขึ้นมาแล้วก็กินข้าวด้วยล่ะ”
ใบหน้าสวยทำปากยื่น...หมอนั่นไม่ใช่พ่อเขาซักหน่อยทำตัวอย่างกะพ่อหวงลูกสาวไปได้
กะอีแค่ข้าวเขาก็รู้หรอกน่าว่าต้องกินมันลงไป
ร่างบอบบางทิ้งตัวนั่งลงไปบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่นหลังจากที่ทำภารกิจของตัวเองเสร็จแล้ว
กินข้าวก็กินแล้ว....น้ำท่าก็อาบแล้ว....รดน้ำต้นทานตะวันก็ทำแล้ว....นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองหมู่เมฆที่ค่อยๆเคลื่อนตัวจากไปอย่างไร้จุดหมาย....พอหมอนั่นไม่วิ่งหัวเราะเหมือนคนบ้าไปมาอยู่รอบๆตัว...ที่นี่มันก็ช่างเงียบเหงา
ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบตะกร้าก่อนจะควานหาขนมปังออกมาทำแซนวิสง่ายๆแล้ววางลงไปในนั้น
แขนบางหิ้วตะกร้าแล้วมุ่งหน้าออกไปจากบ้าน...ไปยังที่ที่เขาเพิ่งไปมาเมื่อคืน
ได้ยินเสียงตอกตะปู
โป๊ก โป๊ก แว่วมาแต่ไกล
เสียงหัวเราะสดใสยังคงผสานไปกับเสียงเห่าของเจ้าหมาตัวใหญ่...แค่ได้ยิน
ทำไมใบหนาของเขาถึงได้แอบยิ้มกันนะ
“
อ้าว โกคุเดระ?”
เสียงทักดังมาจากคนที่ปีนขึ้นไปอยู่บนโครงสร้างหลังคาที่เพิ่งต่อขึ้นมาใหม่
ร่างสูงเอาเสื้อยืดที่เคยสวมใส่ไปพันไว้บนหัวทำให้ตอนนี้ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นจึงเปลือยเปล่า
ใบหน้าใสของคนที่แอบมองจึงสะบัดหน้าไปอีกทางเพื่อหลบซ่อนรอยแดงบนหน้าของตัวเอง
“
กินเหลือ เลยเอามาให้!” มือบางยื่นตะกร้าออกไปให้คนข้างบนหลังคายิ้มกว้าง
เพราะดูยังไงๆก็ไม่ใช่ของเหลือ
ร่างสูงกระโดดลงมาก่อนจะจับมือบางให้ไปนั่งลงที่ปากถ้ำ
“
ขอบใจนะโกคุเดระ นายก็กินด้วยกันสิ”
“
ก็บอกแล้วไงว่าของเหลือ แปลว่าชั้นกินไปแล้วไงไอ้บ้า!”
“
น่า....” ไม่ว่าเปล่า
มือใหญ่ยังหยิบแซนวิสยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากอิ่ม
“
อร่อยจัง”
ใบหน้าคมเปื้อนยิ้มกัดแซนวิสเคี้ยวตุ้ยๆ
คนที่นั่งข้างๆบ่นงึมงำค่อยๆกัดทีละคำๆ
“
ก็ขนมปังธรรมดาๆ มีแต่คนบ้าอย่างแกแหละที่บอกว่าอร่อย”
มือบางแบ่งขนมปังยื่นไปให้เจ้าหมาที่ทำท่าระริกระรี้อยู่ใกล้ๆ
“
เอาน้ำไหม” เสียงห้วนถามออกไป
“
อื้อ”
ร่างสูงหันมาหาแต่ก่อนที่จะรับขวดน้ำไป
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็จ้องเขม็งมาที่ริมฝีปากของร่างบาง
“
มะ มีอะไร....”
เพราะโดนสายตาที่จริงจังคู่นั้นจ้อง ทำให้ร่างบางประหม่าขึ้นมาทันที
“
เปล่า...ขนมปัง...ติดอยู่น่ะ”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปลี่ยนไปขี้เล่นเหมือนเดิมก่อนที่มือใหญ่จะรีบรับขวดน้ำไป
ร่างสูงยืนขึ้นแล้วกระโดดกลับขึ้นไปอยู่บนหลังคา ได้แต่ปล่อยให้อีกคนที่นั่งคอยอยู่ข้างล่างมึนงง
“
อะไรของมัน...ไม่เห็นมีอะไรติดซักหน่อย?”
มือบางลูบใบหน้าปอยๆ แต่ก็ไม่เห็นมีเศษขนมปังอย่างที่ร่างสูงว่า
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตรงนั้น
ถึงจะมีเสียงหยอกล้อดังมาตามปกติ แต่ทำไม
เขาถึงรู้สึกได้ว่าร่างสูงพยายามหลบสายตา....
จะให้มองต่อไปได้ยังไงกันเล่า....
เมื่อกี้เขาเกือบจะเผลอก้มหน้าไปจูบริมฝีปากสีระเรื่อนั่นอยู่แล้ว
ใบหน้าคมรีบสะบัดไล่สิ่งที่อยู่ในใจ ก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตามุงหลังคาต่อไป
จะให้ร่างบางรู้ไม่ได้....ความต้องการของเขา....
จากคืนที่พายุเข้าผ่านมาแล้วเป็นอาทิตย์
ร่างบางนั่งเกยคางอยู่ที่ขอบหน้าต่าง
มือลูบไล้กลีบของดอกทานตะวันที่กำลังบานเต็มที่ด้วยดวงตาที่เหม่อลอย
หมอนั่นตั้งใจจะหลบหน้าเขาแน่ๆ....
เพราะหมู่นี้แทบจะไม่มีเสียงหัวเราะให้ได้ยิน
ร่างสูงจะตื่นมาทำอาหารให้เขาตั้งแต่เช้า จากนั้นก็จะหายหัวไปทั้งวัน
พอถามก็บอกว่าต้องไปซ่อมนู่นซ่อมนี่ กลับมาอีกทีก็ดึกดื่นจนเขาหลับไปแล้ว
ทำไมกัน....
ถ้าแค่ไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่แล้วก็บอกกันตรงๆก็ได้
เขาก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่ตัวภาระที่ไม่มีประโยชน์
แสงแดดเปลี่ยนเป็นสีส้ม...วันนี้หมอนั่นก็คงกลับมาตอนดึกๆอีกสินะ...แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว
คงต้องถามให้รู้เรื่อง เขาจะได้มีเวลาเย็บเสื้อผ้าที่เคยใส่มาที่นี่
แล้วจากไปก่อนที่พายุลูกใหม่จะมา
ข้างนอกหน้าต่างเริ่มมืดสนิท
นัยน์ตาสีมรกตเห็นไฟบนยอดประภาคารกระพริบติดขึ้น...หมอนั่นต้องอยู่บนนั้นแน่ๆ...ร่างบางมองไปที่ประตูประภาคารด้วยสายตามุ่งมั่น
ก่อนจะเปิดเข้าไป
ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่ที่ระเบียงบนประภาคาร
สองมือยกขึ้นมาหนุนที่ท้ายทอยเอาไว้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมองดวงดาวที่พร่างพราวอย่างไร้จุดหมาย
ถึงแม้ว่าเขาจะสรุปได้ว่าเขารู้สึกยังไงกับร่างบาง
แต่ว่ามันก็ยังหาทางออกของความรู้สึกนั้นไม่เจอ
แล้วนับวันเขาก็จะยิ่งอาการหนักมากขึ้น
แค่มือเผลอไปสัมผัสอีกฝ่าย ร่างกายก็ร้อนเป็นไฟ
“
เฮ้อ.....”
เลยได้แต่มานอนถอนหายใจกับดวงดาวอยู่แบบนี้เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทำให้ร่างสูงลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
คนที่จะมาเดินขึ้นบันไดประภาคารเอาเวลาแบบนี้น่าจะมีอยู่แค่คนเดียว
ใบหน้าคมเริ่มลุกลี้ลุกลน เพราะว่าอยู่บนนี้เลยจนด้วยหนทางหลบหนี
ทำไงดี....เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าหรือว่าอยู่ใกล้ร่างบางในตอนนี้
ร่างสูงลุกขึ้นตั้งใจจะไปหลบอยู่หลังเงาของตะเกียงไฟ
แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาไปไหน ร่างบางก็ขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าเสียก่อน
“
แหะแหะ...มีอะไรหรอโกคุเดระ”
เขาพยายามยิ้มให้ตามปกติ แต่นัยน์ตาสีมรกตเวลานี้ก็ทำเอาหัวใจแทบจะหล่นวูบ
“
ถ้าแกไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่แล้วก็บอกกันมาดีๆสิ ฉันพร้อมที่จะไป” ใบหน้าสวยบอกออกมาด้วยสายตาจริงจัง
ไข่มุกน้ำงามของเขากำลังจะขุ่นมัวด้วยมือของตัวเขาเองจนได้
สิ่งที่ได้ยินจากปากของร่างบางทำเอาเขาใบหน้าชาวาบ
“
ไม่ใช่แบบนั้นนะโกคุเดระ” เขาปฏิเสธออกไปด้วยใบหน้าจริงจังที่สุดเท่าที่เคยทำมา
แต่ทว่าร่างบางกลับตะโกนใส่หน้าเขาด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด
“
ถ้างั้นแล้วมันเพราะอะไรล่ะ?! แกตั้งใจหลบหน้าชั้นเพราะอะไร?!”
ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไง...นี่เขาทำอะไรลงไป...เขาทำให้ร่างบางเข้าใจผิด
ทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดเพราะคิดว่าเขาไม่ต้องการ......ในที่สุดก็สูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อตัดสินใจที่จะบอกออกไป
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
เขาทำได้แค่ทำใจยอมรับมัน...ถึงแม้ว่าจะเป็นคำปฏิเสธก็ตาม...
“
นายเคยถามฉันใช่ไหม...ว่าฉันต้องการอะไรจากนาย....แล้วถ้าตอนนี้ฉันบอกนายว่า
ฉันต้องการร่างกายของนายอย่างที่นายคิด...นายจะว่ายังไง...จะหนีฉันไปไหม” นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างที่เขาคิด
ร่างบางตรงหน้าคงจะรังเกียจแล้วก็วิ่งหนีเขาไปแน่ๆ
“
ฉันไม่อยากให้นายไปไหนทั้งนั้น อยากให้อยู่ด้วยกัน
เพราะงั้น....ฉันจึงจำเป็นต้องถอยห่างออกมา...เพราะทุกครั้งที่ฉันอยู่ใกล้นาย
ฉันก็จะเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ต้องการร่างกายของนายอย่างควบคุมไม่ได้” ใบหน้าสวยนิ่งค้างกับคำสารภาพของเขา
ถ้าร่างบางจะถอยหนี เขาคงไม่แปลกใจเลย
ในเมื่อร่างบอบบางนั่นต้องเคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาในอดีต
แล้วตอนนี้คนที่คิดว่าจะอยู่ด้วยแบบเขา คนที่อุตส่าห์ไว้ใจแบบเขา ยังทำเรื่องแบบนี้ลงไปอีก
เป็นใครก็คงจะสิ้นหวังด้วยกันทั้งนั้น
ดวงตาสีมรกตที่จ้องมองเขาอยู่นั้นสั่นไหว
ในขณะที่เขาคิดว่าร่างบางจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไป….
มือบางกลับแตะลงมาที่มือของเขาก่อนจะกุมมันเอาไว้....
“
เอ๋?”
เขาได้แต่ตกใจกับปฏิกิริยาของคนที่อยู่ตรงหน้า
นัยน์ตาสีมรกตมองตรงมาที่ใบหน้าของเขาอย่างจริงจังก่อนจะถามเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“
นอกจากร่างกายของฉันแล้ว...แกยังอยากได้อะไรอย่างอื่นจากฉันอีกหรือเปล่า?”
คำถามที่ถูกตั้งขึ้นมานั้นช่างตรงกับใจของเขา
“
ถ้าบอกออกไป...นายต้องหาว่าฉันโรคจิตแน่ๆ...แต่ฉันอยากได้ทุกอย่างของนาย...ทั้งร่างกาย...และหัวใจ” นั่นคือคำตอบที่เขาตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
และมันก็ทำให้ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่มันจะรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา เล่นเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“
โกคุเดระ? เป็นอะไรไป? ฉันขอโทษนะ ทำให้นายกลัวใช่ไหม ขอโทษนะๆๆ” มือใหญ่ทั้งสองข้างกุมมือบางเอาไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะวิ่งหนีไป
ใบหน้าสวยส่ายหน้าช้าๆแล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาแทบจะหัวใจหยุดเต้นออกมา...
“
ไอ้บ้า...ถ้าแกเอาหัวใจของฉันไปแล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะ...เพราะงั้นต้องเอาหัวใจของแก....มาแทนหัวใจของฉันที่แกจะเอาไปเท่านั้น
ฉันถึงจะยอมยกให้แก”
“
โกคุ....เดระ.....”
เขาเรียกชื่อคนตรงหน้าออกไปอย่างเลื่อนลอย....เพราะไม่อาจจะเชื่อได้
ว่าตอนนี้เขาไม่ได้กำลังฝันไป....สองมือที่สั่นน้อยๆเอื้อมออกไปก่อนจะคว้าลำตัวบางเข้ามากอดเอาไว้
ทั้งกลิ่นกายที่คุ้นเคย
ทั้งความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากร่างกายบอบบาง มันทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้กำลังฝันไป
นอกจากร่างบางจะไม่รังเกียจไม่ปฏิเสธแล้ว
ยังยอมรับและยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา
“
โกคุเดระ....”
มือใหญ่เชยคางมนขึ้นมาให้ดวงตาสบประสานซึ่งกันและกัน
ถ้อยคำที่เขาจะพูดต่อไปนี้คือคำสาบาน...ว่าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้คนตรงหน้าเช่นกัน
“
....ฉันรักนาย…..”
นัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่า
ประกายของน้ำที่คลอหน่วยตานั้นสวยงามไม่แพ้ดวงดาวที่พร่างพราวท้องฟ้าในเวลานี้เลยสักนิด
ทั้งริมฝีปากแดงระเรื่อที่ราวกับมีแรงดึงดูดให้ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้
ก่อนจะแนบริมฝีปากของตัวเองลงไป
เพื่อถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ถึงแม้ริมฝีปากที่ไร้เดียงสาทั้งคู่จะแนบสัมผัสกันอยู่แบบนั้น
ความอบอุ่นนุ่มละมุนก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สองแขนแข็งแกร่งกอดกระชับร่างบอบบางที่ยอมจมหายไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
กว่าใบหน้าจะยอมละออกมาจากกัน ก็ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน
ใบหน้าสวยเอียงอายเสหลบไปมองอย่างอื่น
สองแขนดันตัวเองออกมาจากร่างกายของอีกฝ่ายก่อนจะทำเป็นหันกลับไปสนใจฟากฟ้าสีดำที่มีแต่ประกายระยิบระยับ
หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นระรัวน่ากลัวว่าจะหลุดออกมาจากแผ่นอก
มือบางเกาะราวกันตกของระเบียงประภาคารเอาไว้
ลอบยิ้มน้อยๆกับตัวเองไม่ให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองเห็น
คำว่ารักนั้นมีอานุภาพมหาศาลขนาดนี้เลยหรือ
แค่ได้ฟังมันถึงทำให้หัวใจมีความสุขจนแทบล้นทะลักออกมาได้มากขนาดนี้
...เขาดีใจจริงๆ...ที่ยังมีชีวิตอยู่
รู้สึกได้ว่าร่างสูงขยับเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆจากไออุ่น
มือถูกกอบกุมเอาไว้ก่อนจะมีแรงดึงให้นั่งลงไปที่พื้นระเบียง
ลงไปเคียงข้างกับคนที่นั่งลงไปก่อนแล้ว
“
ตอนกลางคืน...ที่นี่ก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยนะ ว่าไหม?” เสียงสดใสเริ่มทำลายบรรยากาศเขอะเขิน
“
ก่อนหน้านี้...ช่วงที่นายยังไม่มาที่นี่
ตอนกลางคืนฉันมักจะขึ้นมานอนดูดาวอยู่บนนี้ตลอดเลย...อยู่คนเดียวแล้วมันเหงา....แต่พอนายมาฉันก็ไม่ได้ขึ้นมาบนนี้อีกเลย...ฉันดีใจจริงๆนะที่นายมาอยู่ด้วยกันที่นี่” ร่างสูงยังคงพูดอยู่คนเดียว
ใบหน้าคมหันมาจับจ้องร่างบอบบางที่ก้มหน้างุดซ่อนความแดงระเรื่อเอาไว้
“
เพราะงั้นนะโกคุเดระ....”
ใบหน้าคมค่อยๆยื่นเข้ามาหาก่อนจะเอียงเงยหน้ามองใบหน้าสวยที่ก้มอยู่
นัยน์ตาสีมรกตแลมองนัยน์ตาสีเปลือกไม้อย่างเขินอาย
ใบหน้าต่างชะงักค้างมองซึ่งกันและกัน
เช่นเดียวกับคำพูดที่ถูกหยุดเอาไว้แค่นั้นเนิ่นนาน แล้วรอยยิ้มอบอุ่นก็เผยขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่ร่างสูงจะพูดประโยคต่อไปให้ใบหน้าสวยร้อนผ่าวหนักกว่าเดิม
“
ได้โปรด....อยู่กับฉันที่นี่ตลอดไปเลยได้ไหม...” นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง ใบหน้าสวยพยักหน้าลงน้อยๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงคลางแคลงใจกับประโยคแบบนี้ แต่หากว่ามันออกมาจากปากของหมอนี่...ตอนนี้...มันคงเหมือนกับ...คำขอแต่งงาน...
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวล
สองมือใหญ่กุมมือบางเอาไว้ก่อนจะยันไปที่พื้น
ท่อนบนของร่างสูงยื่นใบหน้าเข้ามาหาใบหน้าสวย ริมฝีปากแตะสัมผัสกันอีกครั้ง
แต่คราวนี้ร่างสูงแล่บลิ้นเลียริมฝีปากอิ่มราวกับจะขออนุญาต
ใบหน้าสวยยอมอ้าริมฝีปากขึ้นน้อยๆลิ้นร้อนจึงแทรกผ่านเข้ามาได้
เรียวลิ้นถึงแม้ว่าจะอ่อนกับเรื่องแบบนี้ทั้งคู่แต่กลับเติมเต็มซึ่งกันและกันจนมันกลายเป็นจูบที่หวานล้ำ
ร่างสูงค่อยๆปล่อยให้น้ำหนักตัวโถมทับร่างบางจนเอนไปข้างหลังเรื่อยๆ
จนในที่สุดแผ่นหลังบางก็แตะลงไปที่พื้นระเบียงประภาคารโดยมีอีกคนคร่อมอยู่
ใบหน้าต่างยังคงจ้องมองกันและกัน เพราะเพิ่งละริมฝีปากออกมาใบหน้าจึงยังหอบน้อยๆ
“
ขอได้ไหม...โกคุเดระ...”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เว้าวอนอ้อนจนคนที่อยู่ใต้ร่างเสไปมองฟากฟ้าเป็นประกาย
“
ที่แบบนี้....น่ะหรอ......”
เสียงกระซิบตอบแผ่วเบาทำให้ใบหน้าคมยิ้มกริ่ม มือเริ่มลากเลื้อยไปตามขาเรียวก่อนจะลูบเข้าไปในชุดนอนกระโปรงของร่างบางจนมันเลิกขึ้น
ต้นขาขาวผ่องทำให้อดที่จะจ้องมองไม่ได้
“
ที่แบบนี้แหละ...นายไม่คิดว่าโรแมนติกดีหรอกหรอ?” ใบหน้าคมจงใจกระซิบที่ใบหูแดงระเรื่อก่อนจะกดจูบลงไปที่ซอกคอ
ยิ่งคนข้างใต้ไม่ปฏิเสธ ชุดนอนกระโปรงก็ถูกเลิกขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ผืนผ้าลากผ่านหน้าท้องแบนเรียบที่เกร็งนิดๆ
จนขึ้นไปถึงยอดอกสีชมพูแล้วเลยผ่านหัวสีเงินออกไปกองอยู่ที่พื้น
ร่างกายบางเปลือยเปล่าผิวขาวน้ำนมยามเมื่อต้องแสงจันทร์ยิ่งดูนวลเนียน
งดงาม....ราวกับไข่มุกซึ่งทอประกายอยู่ในความมืดของท้องทะเลลึก
“
ฉัน...เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกนะโกคุเดระ...ถ้ามันยังไม่ดีพอนายก็อย่าหัวเราะล่ะ”
ใบหน้าคมยังคงซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอระหงอย่างหลงใหล...ก็เขาอยู่บนเกาะแบบนี้จะให้ไปทำกับใครที่ไหนได้
แม้แต่กับผู้หญิงยังไม่เคย กับผู้ชายเลยไม่ต้องพูดถึง
“
ไอ้บ้า...ฉันจะรู้ได้ไงล่ะว่าดีไม่ดี...เพราะนี่ก็...ครั้งแรกเหมือนกัน....” ในขณะที่เสียงเบาหวิวนั้นพูดออกมา
ใบหน้าสวยก็แดงระเรื่อ....เพราะทุกครั้งก็หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด...แต่ครั้งนี้คง
ไม่ต้องคิดที่จะหนี...
ได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นในลำคอของร่างสูงก่อนที่
“
อ๊ะ” มือใหญ่จะลากไล้ไปทั่วลำตัวบาง
ไม่ว่าจะผ่านไปตรงไหนมันก็ทำให้ร้อนลุ่มดังไฟ
เสียงครางใสกระตุ้นให้ใบหน้าคมฝังริมฝีปากลงไปที่ลาดไหล่ของคนข้างใต้ก่อนจะฝากร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้
“
อื้อ...อื้ม”
ในขณะที่ริมฝีปากประกบเข้าพัวพันกันอีกครั้ง
มือที่เคยลากไปเรื่อยๆกลับไปวนเวียนอยู่ที่หน้าท้องแบนเรียบ
ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้อารมณ์เริ่มพลุ่งพล่าน
แต่ริมฝีปากที่ยังถูกครอบครองอยู่ก็ทำให้ร่างบางแทบสำลัก
จะว่าทรมานก็ใช่
จะว่ารู้สึกดีก็ไม่อาจปฏิเสธ
มืออีกข้างที่เคยโอบอุ้มแผ่นหลังนิ่มเอาไว้ค่อยๆปล่อยมันลงไปบนกองเสื้อของร่างบาง
ก่อนจะย้ายมาลูบไล้อยู่ที่แผ่นอกขาว จุดไวสัมผัสบนยอดอกแข็งเกร็ง
เสียงอื้ออึงประท้วงออกมาจากคนที่แทบจะหมดลมหายใจ จนใบหน้าคมจำต้องละออกมาจากริมฝีปากสีแดง
“
แฮ่ก...แฮ่ก...อ๊า!”
ร่างบอบบางบิดเร่าทันทีที่ส่วนไวสัมผัสที่ด้านล่างถูกลูบไล้ก่อนที่มือใหญ่จะจับมันเอาไว้
ปลายนิ้วโป้งลากกดที่ปลายแกนกายจนร่างบางไม่อาจอยู่นิ่งได้อีก
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองร่างที่อยู่ข้างใต้ด้วยสายตาพึงพอใจ
ยิ่งดูทรมานก็ยิ่งเร้าอารมณ์...ถึงจะบอกว่าเขาไม่เคยทำกับใครแต่แค่เรื่องช่วยตัวเองก็ต้องเคยอยู่แล้ว...แต่ดูท่าว่าร่างบางที่กำลังถูกเขาครอบงำอยู่นี้จะไม่ใช่
เพราะร่างกายนุ่มนิ่มนั้นไวสัมผัสกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียว
...เป็นไข่มุกน้ำงาม
ที่คงความบริสุทธิ์เอาไว้ทุกอณูจริงๆ....
“
อะ...อ้า...อื้อ...”
เสียงครางดังผสมไปกับเสียงคลื่นที่สาดซัด เอวบางแอ่นรับมือที่ขยับขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว
นัยน์ตาสีมรกตหวานเยิ้มตอนนี้มันกำลังล่องลอยไปไกลเฉกเช่นเดียวกับอารมณ์ที่เตลิดไม่รู้ไปอยู่ไหน
“
อ๊ะ....” แต่แล้วความรู้สึกเคลิบเคลิ้มก็ต้องค้างชะงัก
เมื่อมือใหญ่หยุดลง ใบหน้าสวยหันมามองอย่างสงสัย
ริมฝีปากอ้าน้อยๆนั่นเหมือนกำลังจะเอ่ยถามแต่ก็เขินอายจึงได้แต่ขยับไปมาโดยไม่มีเสียงอะไรรอดออกมา
น่ารักจริงๆ...ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปาก...ที่เขาละมือออกมาก็เพราะว่าจะถอดเสื้อผ้าของตัวเอง
และเมื่อสิ่งกีดขวางทุกอย่างลงไปกองรวบกับชุดนอนกระโปรง
ใบหน้าใสที่ลอบมองเขาอยู่ก็ดูจะแดงขึ้นไปอีก
ไม่รู้ว่าร่างบางใบหน้าร้อนผ่าวด้วยกล้ามเนื้อของเขา
หรือว่าร่างกายที่เปลือยเปล่าของเราทั้งคู่ หรือว่า....ความเป็นชายของเขาที่มันขยายตัวตั้งชัน
และมันก็ใช่ว่าจะเล็กๆ
“
พร้อมนะ” ใบหน้าคมก้มลงไปกระซิบบอก
ใบหน้าสวยส่ายไปมาแต่นัยน์ตาหวานฉ่ำนั่นตอบตกลง
ทำเอาร่างสูงถึงกับหัวเราะเบาๆออกมา
“
อ้า...” ร่างบางถึงกับสะดุ้งน้อยๆ
เมื่อแกนกายที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ถูกสัมผัสอีกครั้ง
ความร้อนลุ่มจากแกนกายใหญ่แนบลงไปก่อนที่ร่างสูงจะพลิกกายบางให้ลุกขึ้นมานั่งบนตัก
มือข้างหนึ่งกอบกุมมันเอาไว้ ส่วนอีกข้างโอบเอวบางไม่ให้หงายหลังลงไป
“
เอามือนายมาช่วยด้วยสิ”
ใบหน้าคมกระซิบบอกคนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
มือบางขยับเข้ามาใกล้แกนกายทั้งคู่อย่างกล้าๆกลัวๆ
“
อื้อ!!” นิ้วยาวสอดประสานไปกับมือบางแล้วค่อยๆขยับขึ้นลง
ไปตามแกนกายร้อนที่แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ร่างสูงซุกใบหน้าไว้ที่ซอกคอระหงที่ส่งเสียงครางออกมา
ลมหายใจติดขัดตามจังหวะของหัวใจที่เต้นสูง
มือที่ขยับนั้นเร็วขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ เสียงครางผสมปนเปไปกับเสียงหอบหายใจ
ใบหน้าทั้งคู่ก็มีแต่เหงื่อเกาะพราว เช่นเดียวกับร่างกายที่ร้อนผ่าว
“
อะ อา อ๊า....”
มือกำรอบแกนกายทั้งคู่ก่อนจะรูดแรงๆอีกครั้ง
แล้วเสียงครางสูงก็ดังขึ้นเมื่อสิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในถูกปลดปล่อยออกไป
“
แฮ่ก...แฮ่ก.....”
ร่างบอบบางหอบหายใจหนักหน่วงพรางทิ้งตัวซบอยู่ที่หัวไหล่ของร่างสูง
รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่เปรอะเปื้อนอยู่ที่หน้าท้อง ใบหน้าใสแดงระเรื่อ
และเมื่อจะดึงมือที่ถูกบังคับให้ขยับไปด้วยกลับมาก็ต้องนัยน์ตาเบิกกว้างแล้วผงะถอยออกไปมองใบหน้าคม
“
เอ๋?...ไม่จริงน่ะ...ทำไมของแกยัง.....”
.....ยังตั้งชันอยู่ใช่ไหมล่ะ?
ของเขาน่ะ...ใบหน้าคมมองคนบนหน้าตักด้วยรอยยิ้มที่พาเอาร่างบางถึงกับขนลุก
กายบางตั้งใจจะลุกหนีแต่มือใหญ่ก็คว้าเอาไว้ได้เสียก่อนจะกดลงกับพื้น
“
ก็เพราะนายนั่นแหละโกคุเดระ”
เพราะนายมันเร้าอารมณ์ฉันเกินไป...
“
อื้อ...แฮ่ก แฮ่ก....อ๊ะ....”
ลมหายใจยังไม่ทันที่จะเข้าที่ดี
แกนกายของร่างบางก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าคมก้มลงไปที่แผ่นอกบาง
แล่บลิ้นออกไปหยอกล้อยอดอกสีชมพู
เมื่อโดนกระตุ้นทั้งข้างบนข้างล่างมีหรือคนที่อ่อนประสบการณ์จะต้านไหว
ร่างสูงลอบยิ้มกับกายบางที่บิดเร่าด้วยฝีมือของเขา....จริงๆเขาก็รู้มาแต่ภาคทฤษฎีที่พ่อเคยสอนเอาไว้...ว่าร่างกายของเขาจะเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายได้...แล้วนั่นมันจะคือจุดสูงสุดของแรงปรารถนาทั้งปวง
อะไรที่ไม่รู้
ก็มีแต่ต้องลองดูละนะ
ขาเรียวขาวถูกจับแยกออกจากกัน
โดยเจ้าของร่างนั้นได้แต่นอนหอบมองมาด้วยสายตาอ่อนระทวย
ริมฝีปากสีแดงอ้าออกปล่อยเสียงครางพร้อมกับร่างที่สะดุ้งน้อยๆเมื่อริมฝีปากของร่างสูงเข้าครอบครองแกนกายของร่างบางเอาไว้
ความเปียกแฉะของช่องปากกับเรียวลิ้นที่ให้ความรู้สึกต่างจากฝ่ามือทำให้ร่างบอบบางแทบจะคลั่ง
นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่น ใบหน้าสวยเชิดขึ้นจนเส้นผมสีเงินแผ่กระจายไปบนพื้นไม้ของระเบียงประภาคาร
สติทั้งมวลลอยละล่องขาวโพลนจนไม่ได้รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาสีเปลือกไม้กำลังสอดส่องมองหาช่องทางที่จะเข้าไปในตัวบางๆนั่นอยู่
และก็ดูเหมือนจะเจอในที่สุด
นิ้วยาวที่ยังคงชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นที่เคยอุ่นๆอยู่ที่หน้าท้องของทั้งสองฝ่าย
มันค่อยๆสอดเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ด้านหลังของร่างบางอย่างช้าๆ
และเพราะใบหน้าสวยยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับความสุขสมที่ริมฝีปากของร่างสูงมอบให้จึงไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังโดนบุกรุกเข้ามา
“
อื้อ!!” จนกระทั่งมันเพิ่มขึ้นเป็นสองนิ้ว
คราวนี้ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก สะโพกมนพยายามถอยหนีสิ่งแปลกปลอม
แต่แกนกายก็ยังถูกครอบครองอยู่
“
ยะ หยุดนะ...เอาอะไรเข้ามาน่ะ...” ร่างบอบบางผงกหัวขึ้นมาดูแต่ก็มองไม่เห็น
นัยน์ตาสีมรกตจำต้องหลับแน่นทั้งน้ำตาคลออีกครั้งเมื่อถูกเรียวลิ้นกดย้ำที่ปลายยอด
ความรู้สึกที่กำลังจะล้นทะลักถูกหักห้ามเอาไว้เมื่อร่างสูงละริมฝีปากออกมาแล้วแทนที่มันด้วยมือใหญ่ที่กดส่วนปลายไว้ไม่ให้ปลดปล่อย
“
ฮ้า...ฮ้า...ฉัน..ฉันจะ...อ๊ะ” ใบหน้าคมยกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าสวยเว้าวอน
มันช่างดูออดอ้อนจนทำให้เขาร้อนไปหมดทั้งร่างกาย ที่ข้างล่างนั้นก็ไม่ได้ต่างกัน
ผนังข้างในนั้นมันอ่อนนุ่มและลุ่มร้อน ทั้งยังบีบรัดโอบรอบนิ้วของเขาแน่น
แค่นิ้วที่เข้าไปอยู่ข้างในยังทำให้รู้สึกดีขนาดนี้
แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นที่มันกำลังรออยู่แล้วล่ะ
แค่คิดก็แทบคลั่ง
“
โกคุเดระ...” ร่างสูงยื่นใบหน้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ร่างกายบางสั่นระริกเพราะอดกลั้นแทบจะไม่ไหว
สิ่งแปลกปลอมที่ค้างคาอยู่ข้างหลังเองก็ทำให้อึดอัดจนแทบจะขาดใจ
“
ยามะ....อึก....”
นัยน์ตาสีมรกตหยาดเยิ้มเว้าวอนให้ร่างสูงยอมปล่อยตนไป ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะโดนทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ร่างสูงขยับตัวไปอยู่กลางหว่างขาเรียว
ก่อนที่จะค่อยๆดึงนิ้วทั้งสองออกมา
“
อึก อื้อ!! เจ็บ!”
ร่างบางร้องแทบไม่เป็นภาษาเมื่อแกนกายของร่างสูงค่อยๆสอดใส่เข้าไปในช่องทางด้านหลัง
สิ่งแปลกปลอมที่ทำให้อึดอัดอยู่จนถึงเมื่อครู่เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กำลังแทรกเข้ามา
มันทั้งร้อนทั้งใหญ่โต จนช่วงล่างราวกับจะฉีกขาดออกจากกันให้ได้
“
ยะ หยุด...ไม่ไหวแล้ว...พอทีเถอะ...นะ...”
มือบางสั่นระริกจับไหล่หนาแน่น
น้ำเสียงอ้อนวอนขอให้หยุดนั้นทำเอาร่างสูงที่กำลังกัดฟันทนถึงกับชะงักค้าง ส่วนปลายเพิ่งจะสอดใส่เข้าไปได้แค่นิดเดียวก็ดูเหมือนช่องทางที่คับแน่นนั่นจะไม่ไหวเสียแล้ว
เขาเองก็รู้มาแต่ทฤษฎีจะให้ดึงดันต่อไปก็ไม่กล้าเสี่ยง
“
โกคุเดระ....ขอโทษนะ...ฉันจะหยุดเดี๋ยวนี้แหละ ไม่เป็นไรนะๆ” ใบหน้าคมก้มลงไปจูบที่รอยน้ำตาที่ไหลลงมาบนแก้มใส
“
อึก....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
ทั้งๆที่ร่างสูงบอกว่าจะหยุดให้แต่ไม่รู้ว่าทำไมมือบางกลับยื่นไปรั้งแขนแข็งแรงเอาไว้
“.........”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองสองมือบางที่รั้งเขาเอาไว้ทั้งๆที่มันตรงข้ามกับสิ่งที่ปากบอกออกมา
ปฏิกิริยาของร่างบอบบางตอนนี้มันตีกันให้มั่วไปหมด ใบหน้าคมยิ่งกัดฟันแน่น
เขาเองก็จะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“
อ๊า!!”
เสียงครางดังก้องไปทั่วประภาคารเมื่อร่างสูงตัดสินใจสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปในช่องทางคับแน่นภายในรวดเดียว
ปลายเล็บของคนโดนกระทำจิกลงมาที่ท่อนแขนแข็งแรงจนเลือดซิบ
“
แฮ่ก...แฮ่ก....จะ เจ็บ...”
น้ำใสๆไหลลงมาตามแก้มเนียนอีกครั้ง
ร่างบางบอกออกมาเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านที่มากกว่านั้น
ทำให้คนข้างบนที่มองลงมาด้วยสายตาเป็นห่วงพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง
ใบหน้าคมก้มลงไปไล้เลียที่ใบหูของคนข้างใต้ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่เป็นดั่งมนต์ตราซึ่งจะนำพาความเจ็บปวดให้มลายหายไป
“
ฉันรักนายนะ โกคุเดระ...รัก....”
ร่างสูงเริ่มขยับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผ่อนลมหายใจลงไปได้บ้างแล้ว
ความอึดอัดคับแน่นทำให้น้ำตายังคงไหลงมาไม่ได้หยุด
ร่างกายบางช่วงล่างเหมือนจะฉีกขาดออกจากกันเพราะความใหญ่โตที่สอดแทรกเข้ามา
สองขาจำต้องอ้าออกกว้างอย่างน่าอายเพื่อช่วยให้เจ้าสิ่งนั้นมันเข้ามาได้ง่ายขึ้น
แต่มันก็ยังเจ็บจนสติเริ่มจะพร่าเลือน
“
รัก....”
มีเพียงเสียงกระซิบนี้ที่ทำให้ทุกการรับรู้ยังคงอยู่
ถึงแม้จะเจ็บแทบขาดใจแต่แค่ได้ยินคำคำนี้มันก็รู้สึกเหมือนจะมีลมอะไรบางอย่างที่มาช่วยพัดพาความเจ็บให้ค่อยๆหายไป
“
อึก....อื้อ.....”
ริมฝีปากแนบสัมผัสกันนับครั้งไม่ถ้วน
เรียวลิ้นค่อยๆแทรกเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน
ใบหน้าสวยแดงซ่านหอบหายใจเมื่อริมฝีปากต่างละออกจากกัน
นัยน์ตาสีมรกตที่มีน้ำตาคลอยิ่งเพิ่มแรงปรารถนาให้ร่างสูง
“
โกคุเดระ....”
สองแขนแข็งแรงโอบรอบแผ่นหลังเนียนก่อนจะกอดกระชับเข้าหาตัวเองด้วยความรักใคร่
ใบหน้าสวยเกยอยู่ที่ไหล่กว้างก่อนจะปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลลงไปตามแก้ม....มีความสุข.....มีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมแขนคู่นี้....
“
อึก....อ่ะ.....”
ท่อนล่างเริ่มขยับรุนแรงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้อีก
ถึงแม้จะเจ็บแต่ความรู้สึกดีที่แฝงมาก็ทำให้เสียงครางเข้ามาแทนที่เสียงร้องห้าม ร่างกายท่อนบนต่างกอดก่ายจนแทบจะหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียว
แรงขยับหนักหน่วงและถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
เสียงครางไม่ได้ศัพท์ดังก้องไปทั่วประภาคาร
เช่นเดียวกับเสียงหอบหายใจที่แทบจะแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร
ฝ่ามือใหญ่รั้งสะโพกมนเข้าหาตัวก่อนจะกดแกนกายเข้าไปเป็นครั้งสุดท้าย
เช่นเดียวกับมืออีกข้างที่ยอมปล่อยร่างบอบบางให้ไปพร้อมกันแต่โดยดี
ความอุ่นวาบซาบซ่านไปทั่วหน้าท้องและช่องทางด้านหลัง
เสียงครางสูงดังขึ้นก่อนที่ทุกความปรารถนาจะถูกถ่ายทอดให้แก่กันจนหมด
ถ้อยคำรักพร่ำกระซิบอยู่ที่ใบหู
มันช่างอ่อนหวานจนแทบจะสำลักเป็นความสุขออกมา
ร่างกายทั้งสองยังคงจมอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน.....
และจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์.....
นัยน์ตาสีเปลือกไม้กระพริบปริบๆท่ามกลางความสว่างไสวของยามเช้า
ความนุ่มนิ่มที่สองแขนกอดเอาไว้ช่วยยืนยันได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน
ร่างบอบบางยังคงหลับปุ๋ยซุกใบหน้าเอาไว้ที่แผงอกของเขา เนื้อตัวของเราทั้งคู่เปลือยเปล่ากอดกันอยู่บนเตียงแคบๆในห้องที่ตอนนี้กลายเป็นของร่างบางไปแล้ว
เมื่อก่อนมันเคยเป็นห้องของเขา...แต่จากนี้ไปมันคงจะกลายเป็นห้องของเรา...
ใบหน้าคมอมยิ้ม
กดจมูกลงไปที่หน้าผากใสของคนที่ยังหลับสนิท ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่ให้อีกคนต้องตื่นขึ้นมา
จะว่าไปร่างบางอาจจะลุกไม่ไหวไปอีกเป็นวันๆนั่นแหละ
ร่างสูงลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างเตียงก่อนจะดึงผ้าผืนบางมาห่มคลุมให้บนร่างกายที่ขาวผ่องจนแทบจะกลืนหายไปกับแสงแดด
ใบหน้าคมก้มลงไปจูบแผ่วเบาบนแก้มใสของคนที่ยังไม่มีสติ
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงไม้เก่าแก่ดังขึ้นมาเมื่อมือข้างหนึ่งยันลงไป
อ่า...คงต้องทำอะไรกับมันสักหน่อยสินะ...
เสียงตอกตะปู
โป๊ก โป๊ก ดังผสมผสานมากับเสียงคลื่น นัยน์ตาที่เพิ่งตื่นยังคงเบลอๆ
เหม่อมองท้องฟ้าสว่างจ้าที่น่าจะเลยช่วงเช้าไปนานโขแล้ว
ร่างกายที่ถูกใช้อย่างหนักหน่วงเมื่อคืนลองขยับตัวดู
ผลที่ได้คือใบหน้าสวยต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บร้าวที่แล่นลิ่วขึ้นมาจากช่วงล่าง
“
อื้อ...เจ็บชะมัด...”
ร่างบางพยายามลุกขึ้นนั่งพรางบ่นกระปอดกระแปด ผ้าห่มที่คลุมกายอยู่หลุดร่นลงไปกองอยู่แถวๆหน้าท้อง
และยิ่งต้องหน้าแดงเมื่อมองเห็นร่องรอยที่ร่างสูงฝากเอาไว้ให้
“
หนอย...”
ต้องพยายามข่มรอยยิ้มด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ก็แค่ไม่อยากให้ไอ้บ้านั่นได้ใจ...ว่าแต่มันหายหัวไปไหนกัน?
ทำไมมีแต่เขาที่ลุกไม่ขึ้น?
ใบหน้าสวยหันไปหันมารอบกาย
นี่เขากลับลงมานอนอยู่ในห้องแล้วนี่นา นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็น่าอาย
แล้วแบบนี้เขาจะขึ้นไปบนยอดประภาคารโดยไม่รู้สึกอะไรได้ไง
เสียงตอกตะปูดังคู่มากับเสียงงัดแงะอะไรบางอย่าง
ร่างบอบบางจึงตัดสินใจที่จะลุกไปดู
ทำอะไรของมันอีกล่ะ
ไอ้บ้านั่น...
ร่างบางเดินกะโผลกกะเผลกไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ห้องนี้คือห้องเดียวที่ไม่เคยเข้ามา
ร่างสูงกำลังรื้อเตียงหลังใหญ่อยู่ในห้อง
นัยน์ตาสีมรกตจึงได้แต่มองการกระทำนั้นด้วยความสงสัย
“
อ้าว? ตื่นแล้วหรอโกคุเดระ? ไหวไหม? จะไปอาบน้ำหรือว่ากินข้าวก่อนดี?” ร่างสูงรีบลุกขึ้นมาล้อมหน้าล้อมหลัง
ให้ร่างบางได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน...อย่ามาทำเหมือนเขาเป็นสาวน้อยที่เพิ่งโดนพรากความบริสุทธิ์นะ!
“
ไม่ต้องมายุ่งเลย แล้วแกน่ะ ทำอะไรอยู่?”
มือบางผลักใบหน้าคมที่เข้ามาคลอเคลีย ก่อนจะหันไปสนใจเตียงหลังใหญ่นั่นแทน
“
ก็จะเอามันไปไว้ในห้องฉันที่ตอนนี้เป็นห้องของนาย
แล้วอีกหน่อยก็จะเป็นห้องของเราไง” ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าไอ้หน้าแย้มบานนี่มันน่าขนลุกแปลกๆ
“
เตียงที่อยู่ในห้องนั้นมันแคบใช่ไหมล่ะ แถมมีเสียงดังด้วย มันจะน่ารำคาญนะถ้าเราทำ
โอ๊ย!”
มือบางเขกมะเหงกให้คนที่พูดจาไม่รู้จักอาย
ก่อนจะสะบัดตัวหันหลังให้เพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าว ขาก้าวเดินออกมาจากห้องแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไป
ร่างบอบบางกลับออกมาอีกทีด้วยกลิ่นสบู่หอมฟุ้ง
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่แลมองคนที่เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาด้วยความสงสัย...ทั้งๆที่ใช้แชมพูแล้วก็สบู่เหมือนกันแท้ๆ
แต่ทำไมร่างบางๆนั่นถึงได้ซับกลิ่นหอมยวนใจได้มากมายขนาดนี้
“
มองอะไร?!” ใบหน้าสวยส่งนัยน์ตาดุๆมาให้ทันทีที่ตัวเองรู้สึกว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ
ก็ดูมันสิ จ้องซะถ้าเขาเป็นปลากัดก็คงท้องไปแล้ว!
“
ฮะฮะฮะ...นายมาก็ดีเลย เดี๋ยวฉันจะขนเตียงไปประกอบเข้ากันใหม่ในห้องนู้น
นายช่วยหาผ้าปูเตียงในตู้นั่นทีสิ อ้อ
จะเอาเสื้อของแม่ย้ายไปไว้ในตู้ที่ห้องนู้นเลยก็ได้นะ”
ร่างสูงเดินยิ้มร่าขนชิ้นส่วนเตียงที่ถูกแยกไว้ออกไปยังห้องฝั่งตรงข้าม ใบหน้าสวยงอหงิกเดินฟึดฟัดไปที่ตู้หลังใหญ่
ทำไมเขาต้องทำตามที่มันบอกด้วย
มือเปิดตู้ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะมองหาผ้าปูที่นอนที่ร่างสูงว่า
แต่สายตาก็มองเห็นเพียงชุดนอนกระโปรงที่แขวนเรียงอยู่เป็นตับ...มันเป็นแบบเดียวกันหมด
ต่างกันที่สีนิดหน่อย...ตกลงว่าชุดของแม่ที่เขาใส่อยู่นี่...มันไม่ใช่ชุดนอนแต่เป็นชุดที่ใส่ปกติประจำวันสินะ...รู้สึกละเหี่ยใจขึ้นมาทันทีที่จะต้องอยู่ในชุดแบบนี้ไปอีกนาน
“
เจอไหม?”
ร่างสูงถามในขณะที่หอบแผ่นไม้เดินผ่านหลังไป
“
อือ”
มือบางยื้อยุดผืนผ้าที่ดูท่าว่าน่าจะเป็นผ้าปูที่นอนออกมาจากชั้นที่อยู่เหนือหัว
“
มันเคยเป็นเตียงของพ่อกับแม่ของฉันมาก่อนละ”
งั้นห้องห้องนี้ก็คือห้องของพ่อแม่ของร่างสูงนั่นสินะ
ใบหน้าสวยหันไปมองคนที่ยังคงเดินยิ้มอารมณ์ดีหอบแผ่นไม้ย้ายไปอีกห้องอย่างที่ไม่ได้รู้สึกเศร้าหมองยามที่นึกถึงเรื่องราวในอดีตหรือคนสำคัญที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
หมอนี่คงถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรัก
ถึงแม้จะต้องสูญเสียทุกอย่างไปจึงยังคงยิ้มได้ ยังคงสว่างไสวและมองโลกในแง่ดีอยู่แบบนี้
ใบหน้าสวยยิ้มเศร้าๆเมื่อนึกถึงอดีตของตัวเอง.....มันคงจะต่าง.....จากร่างสูงโดยสิ้นเชิง.....แล้วเขาก็คงจะบอกเรื่องนี้กับยามาโมโตะไม่ได้
เพราะไม่อยากสูญเสียอีกฝ่ายไป.....ไม่อยากให้รังเกียจ....คนที่มีตำหนิอย่างเขา
เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาเช่นทุกวันทำให้นัยน์ตาที่ปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้นมารับวันใหม่....ไม่รู้ว่าเป็นเช้าที่เท่าไหร่แล้วที่ตื่นขึ้นมาโดยมีร่างบอบบางอยู่ในอ้อมแขน
นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองใบหน้าสวยที่ยังคงหลับสนิท
ทั้งหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกรัก...รักจนไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนที่ได้
แต่ยิ่งผูกพันกันมากเท่าไหร่
เขาก็ยิ่งอยากรู้จักตัวตนของคนตรงหน้าให้มากยิ่งขึ้น
อยากรู้....อยากรู้ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับโกคุเดระ
ทว่า....
ร่างบางกลับไม่เคยเปิดปากบอกเขาเลย
ไม่ว่าจะเพียรถามยังไง
นัยน์ตาสีมรกตจะหม่นเศร้าราวกับว่าอดีตที่ผ่านมานั้นมันไม่น่าจดจำ ก่อนจะใช้ความปากร้ายซุกซ่อนมันเอาไว้ไม่ยอมให้เขารู้
มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ....อะไรที่ทำให้ไข่มุกของเขาเปล่งประกายอย่างเต็มที่ไม่ได้
เงามืดอะไรที่มันปกคลุมหัวใจของร่างบางอยู่....
“
อื้อ......”
ร่างบอบบางส่งเสียงในลำคอก่อนจะบิดขี้เกียจด้วยการเอาสองมือมายันแผ่นอกของเขาเอาไว้ราวกับลูกแมว
ท่าทางที่ไร้ซึ่งความหวาดระแวงแบบนั้นมันทำให้เขายิ้มออกมา
ถึงจะยังปิดบังเรื่องในอดีตเอาไว้ก็ไม่เป็นไร
ในเมื่อความเชื่อใจในปัจจุบันนั้นมันสำคัญกว่า
ขอแค่โกคุเดระเชื่อใจเขา....และอยู่กับเขาไปตราบนานเท่านาน....เท่านั้นก็พอแล้ว
“
โฮ่ง!!” เสียงเจ้าหมาตัวโตเห่าดังคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ
ห้องครัวที่เคยสะอาดสะอ้านบัดนี้กลับเต็มไปด้วยผงแป้ง
ใบหน้าใสมีแป้งขนมปังกระจายเป็นหย่อมๆเพราะแรงหยอกเย้า
ใบหน้าคมกับเส้นผมสีดำเองก็ไม่ได้ต่างกัน
กลิ่นขนมปังที่อบเสร็จใหม่ๆลอยกรุ่นไปทั่วบ้าน
นัยน์ตาสีมรกตจ้องผ่านฝาเตาอบเข้าไปด้วยดวงตาเป็นประกาย
เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้ทำขนมปังเองกับมือ
ปฏิกิริยาน่าเอ็นดูทำให้ร่างสูงเผลอยิ้มออกมาก่อนจะคว้าถุงมือมาใส่เอาไว้
“
ได้แล้วละโกคุเดระ....ถอยออกมาก่อนสิเดี๋ยวฉันจะเอามันออกมา”
ฝาเตาอบถูกเปิดออกก่อนที่มือใหญ่จะค่อยๆยกถาดขึ้นช้าๆ
ขนมปังฟูนุ่มถูกวางลงไปบนโต๊ะโดยมีร่างบอบบางจ้องตามทุกวินาที ท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆทำให้เขาเผลอดีใจตามไปด้วย
“
ลองกินตอนร้อนๆดูสิ อร่อยมากเลยนะ”
ก้อนขนมปังถูกวางลงไปในมือบางก่อนที่มันจะถูกโยนไปมาเพราะว่าความร้อน
แก้มป่องเป่ามันเบาๆเพื่อให้ไออุ่นระบายออกไปบ้าง ก่อนที่ริมฝีปากสีระเรื่อจะงับมันเข้าไป
แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็เป็นประกายด้วยรสชาติสดใหม่ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน
กับเรื่องเล็กๆแค่นี้ก็รู้สึกมีความสุข.....สุขจนอยากให้วันคืนแบบนี้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
ได้เห็นรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงหัวเราะ ได้รู้จักกับความสว่างไสวเช่นนี้ตลอดไป
ทว่า.....
อดีตที่เคยทำไว้ก็ไม่อาจลบล้างไปได้หากยังไม่ชดใช้......
เสียงหวูดเรือที่ดังแว่วอยู่ไม่ไกลทำให้พวกเขารู้ว่ากำลังจะมีคนมาหา
ใบหน้าคมหันไปมองที่นอกหน้าต่างอย่างไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนัก
“
เรือของหน่วยงานที่ประภาคารนี้สังกัดอยู่น่ะ....ครึ่งปีทีเขาก็จะมาเช็คความปกติของประภาคารที.....ไม่ต้องห่วงหรอก
ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร” ร่างสูงยิ้มมาให้แต่นัยน์ตาสีมรกตกลับเต็มไปด้วยความกังวล
สองมือเกาะลงไปที่ชายเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะสบสายตาสีเปลือกไม้ด้วยแววเว้าวอน
“
นี่....อย่าบอกใครได้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่....อย่าให้ใครรู้ว่านายมีคนมาอยู่ด้วย....ได้ไหมยามาโมโตะ?” ความร้อนลนที่ร่างบางแสดงออกมาทำให้ร่างสูงเผลอพยักหน้ารับ
ในใจเพียงแต่คิดไปว่า โกคุเดระที่ลอยน้ำมาด้วยสภาพนั้นอาจจะแค่หวาดระแวงว่าใครจะมาทำร้าย...ว่าใครจะมาจับตัวกลับไป...
แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอก....
ร่างบอบบางหลบเข้าไปอยู่ในห้องเมื่อเสียงเห่าอย่างเริงร่าของเจ้าจิโร่ดังอยู่ที่หน้าบ้าน
และไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังตามมา
บทสนทนาที่ร่างสูงพูดกับชายแปลกหน้าก็เป็นเพียงเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับประภาคารทั่วๆไป
ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่จะทำให้คนที่หลบอยู่หลังประตูต้องกังวลใจ
ร่างบางลอบถอนหายใจก่อนจะพยายามแง้มประตูออกไปดู....ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน....อย่างน้อยๆก็เป็นคนที่ไม่มีสิทธิ์จะจับเขากลับไป....อย่างน้อยๆก็โล่งใจไปได้อีกวัน
ทว่า...ก่อนจะได้สบายใจ
นัยน์ตาสีมรกตกลับต้องเบิกกว้างกับสิ่งที่อยู่ในมือของผู้ชายคนนั้น
เพราะนอกจากแฟ้มเอกสารมันยังมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งติดมาด้วย
หนังสือพิมพ์.....ที่มีรูปของเขา....
หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัว
ร่างกายนิ่งงันจนไม่อาจจะขยับไปไหนได้อีก...นิ่งงันจนแม้แต่วิธีหายใจก็แทบจะลืมไปเลย
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่จับจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์แผ่นนั้นพรางเฝ้าภาวนาว่าร่างสูงจะไม่ก้มลงไปมองมัน
ได้โปรด....อย่าเห็นมัน....ขอแค่นายคนเดียวเท่านั้น....ยามาโมโตะ...
“
ดื่มน้ำก่อนนะครับ”
บทสนทนาจะดำเนินต่อไปยังไงร่างบอบบางแทบจะไม่ได้สนใจ
สองมือเพียงยกขึ้นมาบีบกันแน่นพร้อมกับชะโงกหน้ามองออกไปที่หลังประตูด้วยหัวใจที่ยังเต้นโครมคราม....จะทำยังไงดี....จะทำยังไงไม่ให้ยามาโมโตะเห็นหนังสือพิมพ์นั่นดี....
หัวสมองเฝ้าคิดหาทางออกจนแทบจะระเบิด
เช่นเดียวกับหัวใจที่แทบจะทะลุออกมาจากหน้าอก.....กลัว.....ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
“
ถ้างั้นจะขึ้นไปดูบนประภาคารเลยไหมครับ?”
น้ำเสียงสดใสยังคงพูดคุยกับผู้ชายคนนั้นต่อ แล้วร่างของทั้งคู่ก็เดินออกไปจากบ้านพร้อมๆกัน
ร่างกายนิ่งงันที่ยืนอยู่หลังประตูชะโงกหน้าออกไปดูอีกครั้ง.....ก่อนที่มันแทบจะทรุดนั่งลงไปกับพื้น....
หนังสือพิมพ์นั่น....ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะพร้อมๆกับแฟ้มเอกสารบางส่วนที่ไม่ได้ใช้
ขอบคุณพระเจ้า......
ขอบคุณจริงๆ......
นัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่าจ้องมองมันราวกับคนจะหมดแรง
“
เฮ้อ......”
ใบหน้าสวยถึงกับถอนหายใจออกมา น้ำตาพาลจะไหลลงมาให้ได้ มือบางยกขึ้นไปกอบกุมหัวใจที่เต้นกระหน่ำให้ค่อยๆสงบลง....อย่าเพิ่งดีใจไป....ตราบใดที่ยังมีหนังสือพิมพ์นั่นอยู่
เรื่องมันก็ยังไม่จบ
เขาต้องทำลายมัน.....ก่อนที่มันจะมาทำให้ชีวิตของเขากับยามาโมโตะต้องจบลง
ใบหน้าสวยหันไปมองเงาวูบไหวของคนสองคนที่กำลังเดินขึ้นไปบนบันไดเวียนของประภาคาร
ก่อนที่ร่างบอบบางจะค่อยๆย่องออกมาจากห้อง
นัยน์ตายังคงจ้องเขม็งอยู่ที่เงาผลุบๆโผล่ๆตามช่องเจาะของบันไดเวียน....จะให้คนแปลกหน้านั่นเห็นเขาไม่ได้...แล้วก็จะต้องเอาหนังสือพิมพ์นั่นมาให้ได้ด้วย!
มือบางเอื้อมไปที่หนังสือพิมพ์ด้วยใจลุ้นระทึก
ตุ้บ!!
แรงดึงทำให้แฟ้มที่เทินอยู่ตกลงมาเสียงดัง
ความตระหนกแล่นวาบไปทั่วหัวใจทันที
ใบหน้าสวยค่อยๆหันไปมองที่ประภาคาร ก่อนจะโล่งใจได้เมื่อทั้งสองคนนั้นอยู่สูงเกินกว่าจะได้ยินเสียงทางนี้
เกือบไป....
ร่างบางย่องกลับเข้ามาในห้องก่อนจะซุกหนังสือพิมพ์เอาไว้ที่ใต้หมอน....รอเวลา....จนกว่าชายแปลกหน้านั่นจะกลับไป....
เสียงพูดคุยดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทั้งสองคนเดินลงมาจากประภาคาร
ชายแปลกหน้ายืนจดบันทึกอะไรสักอย่างอยู่หน้าโต๊ะก่อนจะรวบแฟ้มทั้งหมดขึ้นมาทำท่าจะลากลับไป
หัวใจของคนที่แอบดูอยู่เริ่มจะผ่อนคลาย
ทว่า....
“
เอ....ฉันว่าฉันเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาด้วยนะ? ยามาโมโตะคุงเห็นบ้างหรือเปล่า?”
จู่ๆชายแปลกหน้าก็พูดขึ้นมาทำเอาหัวใจของร่างบางแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...
“
ไม่เห็นเลยนี่ครับ?”
แต่แล้วเสียงสดใสของร่างสูงก็ตอบออกไป
ชายแปลกหน้าได้แต่ทำหน้างงก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“
อือๆ สงสัยว่าฉันคงลืมไว้บนเรือมั้ง...งั้นฉันไปละ ฝากดูแลประภาคารนั่นด้วยนะ” ชายแปลกหน้าพูดขึ้นมาทำเอาคนที่หลบอยู่หลังประตูถึงกับถอนหายใจ
ผู้ชายคนนั้นเตรียมจะเดินออกไปพร้อมๆกับยามาโมโตะที่เดินไปส่ง ร่างสูงหิ้วปี๊บใส่น้ำมันตะเกียงไปด้วย
สงสัยว่าจะลงไปเอาน้ำมันที่เรือของผู้ชายคนนั้น
ดีละ...
เมื่อเสียงประตูปิดลง
มือบางก็ดึงหนังสือพิมพ์ออกมาจากใต้หมอนทันที....จะปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ไม่ได้
ร่างบอบบางเดินตรงไปที่ห้องครัวก่อนที่เตาไฟจะถูกจุดขึ้นมา
แล้วหน้าหนังสือพิมพ์ก็ถูกหย่อนลงไปช้าๆ...ให้ไฟลุกลามจนเผาไหม้ไปทั่วทั้งฉบับ
นัยน์ตาสีมรกตยังจับจ้องอยู่ในกองเพลิง....
เขาจะไม่ยอม.....ให้อะไรมาทำลายความรักที่ยามาโมโตะมอบให้เขา
จะไม่ยอม....สูญเสียแสงสว่างนั้นไปอีกแล้ว....
จิตวิญญาณจึงมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า....ว่าหากสิ่งใดคิดจะเข้ามาขัดขวาง....สิ่งใดคิดจะพรากเขาออกจากยามาโมโตะ
เขาจะทำลายมันด้วยมือคู่นี้เอง
เหมือนที่เขาเคยทำมาแล้ว.....ในอดีตที่เน่าเฟะนั่น
ร่างบอบบางยังคงยืนอยู่ที่หน้าเตาไฟ.....
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า
ร่างสูงนั้นกลับมาแล้ว.....
และแผ่นหลังบอบบางที่กำลังเผาหนังสือพิมพ์อยู่นั้น
มันก็เห็นเต็มสองตาของยามาโมโตะ....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
เดี๋ยว?!!
ทำไมยัง To be Con. อยู่อีกละฟร้าาาาาาาา >[
]<!!!
หายหัวไปหนึ่งปีเต็มๆกับฟิคเรื่องนี้
แล้วโผล่หัวกลับมาตอนนี้ทั้งตอนก็ไม่ได้จะคืบหน้าไปไหนเล้ย!
แล้วยังจะไม่จบอีก!!! ง๊ากกกก....น้องมิยะ เก๊าขอโต๊ด.....TT^TT....เอาเป็นว่าไม่แก้ตัวละกัน ก็มันไม่เสร็จอ่ะ ฮือออออ
Segunda
เป็นภาษาสเปน แปลว่าลำดับที่สองค่ะ ก็นะ...ทั้งๆที่มันควรจะมีแค่ Opening
กับ Ending….แล้ว ลำดับที่สองมาจากหน๊ายยยยยยย
>[ ]<!!
สไลด์ตัวลงพื้นก้มหัวลงไป...ขอโทษอีกครั้งจริงๆค่ะน้องมิยะ ฮือออออ
โอเค
พร่ำเพ้อกันมาพอแล้ว มาเข้าเรื่องจริงจังกันบ้างดีก่า....
สุขสันต์วันเกิดนะค้า
น้องมิยะ >w<
มีความสุขมากๆๆๆน้า
ขอให้สมหวังดังที่ตั้งใจทุกประการเลยนะคะ
ไม่ว่าจะหวังสอบเข้าคณะอะไรก็ขอให้ได้ดังหวัง หวังอยากได้อะไรก็ขอให้ได้ตามนั้น
หวังอยากให้ก๊กโดนใครกดก็ได้ตามนั้น
หวังให้ทากะกดซึระยังไงก็ได้ตามนั้น...เดี๋ยวๆๆๆ
เริ่มออกทะเล....โอเค....ขอให้เป็นปีที่ดีๆ เจอแต่สิ่งที่ดีๆคนที่ดีๆ
สุขภาพร่างกายแข็งแรงนะคะ ^
^v
ส่วนของขวัญที่ยังไม่ค่อยจะเสร็จดีนี่ก็....เอาไว้มีเวลาค่อยมาอ่านนะคะ
เอาไว้สอบเสร็จอะไรเสร็จแล้วค่อยมาอ่านน้า
เก๊าไม่รีบหรอกแค่จะเอามันมาเป็นกำลังให้อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ฮิ้วววว (เน่ามากพี่)
ยะ ยังไงก็จะพยายามเอาตอนจบมาให้ได้ก่อนที่หนูจะมาอ่านนะ *พรากๆๆ*
นี่ก็ได้ข่าวว่าไปสร้างไห
ให้เรื่องนี้เพิ่ม เพราะตั้งใจจะเขียนเวอร์ชั่นรุ่นที่สองของ 6927
ให้เป็นของขวัญวันเกิดสัปป้า ทว่า....ขนาดเวอร์ชั่น 8059 ออริจินัลมันยังไม่เสร็จ
แล้ว อันนั้นจะเสร็จได้ยังไง 5555 (โดนเสียบ) อุเหม่....เกาะแห่งรักของเรากำลังจะใหญ่ขึ้นไปอีกแล้วนะเนี่ย
ฮิฮิ
ยะ
ยังไงก็เจอกันตอนหน้าค่า ^
^//
อ๊ากกกกก มาแล้วว
ตอบลบพี่กวาง บอกตามตรงว่าดีใจที่มันยังไม่จบค่า
ในที่สุดก้ได้รู้แล้วว่าไอ้การกดแบบใสๆ(?)มันเป็นยังไง
แต่ไอ้อดีตของลูกสาวนี่มันยังไงค้า มาอัพต่อเถอะนะๆ;w; อยากอ่านต่อง่าา
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เรื่องนี้มันสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สุดยอดของความสวยเลยค่ะพี่กวาง ยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอบอุ่นไปถึงหัวใจเลยอ่ะ ส่องสว่างกลางความมืดจริงๆ โฮกกกกกกกกกกก หลงรักไม่ไหวแล้วค่ะ เดี๋ยวเค้าจะกลับมาเม้นท์น้าพี่กวาง ไม่จบไม่เป็นไรหรอกค่ะ เค้ารอได้เสมอเน้พี่กวาง เหอๆ อยากสอบไวๆแล้วสิ นี่ยังไม่ลงสนามแรกเลย GAT PAT ก็มาเลื่อนอีก เดือน 1 จะได้มาปั่นฟิคมั้ย ทึ้งหัว* ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ มีกำลังใจกลับหลุมอ่านหนังสือต่อเยอะเลยอ่ะ ฮว้ากกกกกกกกกกกกกก >//////<
ตอบลบอรั้ย ชอบมากกก
ตอบลบชอบฉากในประภาคารฉากนั้นมาก ๆ เลยค่ะพี่กวาง
ชอบตรงคำว่า ขอได้ไหม โกคุเดระ โฮ้ว!
ถ้าปกติยามะเวอร์ชั่นดาร์ก ๆ เนียน ๆ นี่จะไม่ขออย่างนี้เลยนะเนี่ย >_<
หนูก๊กมีอดีตอะไรงิ ถึงขนาดขึ้นนสพ.เลย
อ่านแล้วอบอุ่นมาก ๆ เลยค่ะ อมยิ้มเหมือนคนบ้า
ยามะนายใสมาก ขอให้ใสไปจนหยดสุดท้ายนะ
อย่าเพิ่งดาร์กตอนเห็นหนูก๊กเผาหนังสือพิมพ์ล่ะ เค้าลุ้น ><
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง
//ดาเมจตาย
ตอบลบพี่กวางคะ...นี่ละค่ะ ความใสพีจีของยามะที่ริยาตามหาT////////////////T กรี๊ดดดดดดด เขินอะ เขินไป 8059บ้านเลยเอ้า !! เปิดตอนมาด้วย ความอึนของเนียน เเละความซึนผสมความน้อยใจของก๊ก อารมณ์เเบบว่า คุณยามะกลัวว่าถ้าพูดออกไปเเล้วก๊กจะรังเกียจ ส่วนก๊กก็คิดในใจว่า ถ้ารังเกียจกันก็บอกมาตรงๆ โว้ยยย ให้มันได้งี้สิ!!= =;; เมะอึนเคะซึน เเบบนี้ ริยาจะเป็นลมค่ะ
ส่วนฉากบนประภาคารนี่ฟินมากกกกกกกกกกกกกก อ่านเเล้วฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฟินมากถึงมากที่สุด =//////////////= ขอเเต่งงานท่มกลางเเสงดาวนี่มันเป็นอะไรที่...(เเม่ยกตาย)
ใครบอกเอ็นซีตลก หนูอ่านเเล้วเขินอะ เขินมากด้วยยยยยย!! TT/////TT เขินเเบบไม่รู้จะทำยังไง อ่านไปจิกหมินไปเลยทีเดียว
ว่าเเต่น้องก๊กมีอดีตอะไรอะคะ คือเเบบว่ามันคาใจ เกิดอะไรขึ้นคะลูก?? บอกยามะมันดีไหม TT^TT ยามะมันไม่โกรธหนูหรอก (??) คนรักกันต้องไม่มีความลับต่อกันนะเอ้อ
(เเต่ท่าทางจะเรื่องใหญ่น่าดู ถึงขั้นลงหนังสือพิมพ์อะ)
รอพาร์ทต่ออย่างใจจดใจจ่อนะคะ!!