Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : 04
:
Attack on Titan Fanfiction AU
:
Levi x Eren
:
Dark Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
อึก.....” เสียงครางอย่างทรมานดังขึ้นอยู่ในลำคอ
ริมฝีปากพยายามเม้มแน่นไม่ให้เสียงหลุดรอดออกไป หน่วยตาคลอด้วยน้ำใสๆเสมองลงไปที่พื้น
“
มองมาที่ฉัน”
คำสั่งถูกเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มเย็นชา
คนตรงหน้ารู้ทั้งรู้ว่าเขาอายจนอยากจะหายไปกับอากาศ
ก็ยังบังคับให้เขาต้องรับรู้กับความเป็นจริงนี่อยู่อีก
“
ฮึก....อึก.......”
ไหล่ทั้งสองข้างสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ เช่นเดียวกับส่วนอ่อนไหวกลางร่างกายที่เริ่มจะล้นปรี่ไปด้วยความต้องการที่ถูกบังคับให้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
ตัวเขาสบตากับคนที่ยังกอดอกนั่งไขว่ห้างมองมาจากเก้าอี้ไม้ได้แค่แว่บเดียว....ความอับอายก็ทำให้ต้องเสสายตาลงไปหาพื้นอีกจนได้
‘ ช่วยตัวเองให้ชั้นดูเดี๋ยวนี้’
นั่นคือคำพูดแรกหลังจากที่เขาถูกดึงเข้ามาสู่ภาพในอดีต....จากที่หลับอยู่ในห้องพักทหารบนชั้นสองของปราสาทกลับกลายมาอยู่ในคุกใต้ดินอีกแล้ว
ทั้งๆที่คำสั่งมันฟังดูยังไงก็ไม่ปกติ
แต่ตัวเขากลับไม่คิดที่จะขัดขืนอย่างจริงๆจังๆ
จนบางครั้งเขาก็สงสัยนะว่า....ความไม่กลัวใครและใจเด็ดในตัวเขามันหายไปไหนหมด...เมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้
“
อึก.....” ริมฝีปากยังคงกัดกันแน่น
ใบหน้าแดงเถือกกับร่างกายที่เริ่มจะกลายเป็นสีชมพูแบบนี้ก็ยังไม่ทำให้สีหน้าของผู้ชายร่างเล็กที่เอาแต่จ้องเขาเขม็งนั้นเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย.....การกระทำที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของหัวหน้ารีไวทำให้เขาทั้งมีความหวังและหมดหวังไปในครั้งเดียวกัน....
ที่ยอมทำขนาดนี้เพราะในใจยังมีความหวัง....ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอะไรกับร่างกายของเขาบ้าง....ทว่า
ใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าที่ทำอยู่นี้ก็คงเป็นเพียงแค่การทดสอบไททันอะไรนั่นเหมือนอย่างที่ผ่านมา......ถึงแม้ว่าใบหน้าโหดๆนั่นจะดูเหมือนโกรธเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ก็ตาม
“
อื้อ....” ทั้งๆที่ส่วนอ่อนไหวกำลังจะไปแล้วด้วยมือของตัวเอง
แต่ในใจกลับไม่รู้สึกถึงความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว
...ทรมาน....
จู่ๆเสียงขาเก้าอี้ที่ครูดไปกับพื้นก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับเสียงปลดเข็มขัดรวมไปถึงร่างกายของเขาที่โดนผลักลงไปกองอยู่กับพื้นเตียง
“
อุก!!”
ยังไม่ทันที่จะได้เงยหน้ามอง
ความแข็งขืนที่ร้อนราวกับไฟก็สอดใส่เข้ามาในช่องทางคับแน่นโดยไม่ทันตั้งตัว
ริมฝีปากที่ปิดเม้มมาตลอดกลับอ้าค้างอย่างไม่มีเสียงใดๆหลุดรอดออกไปเพราะแค่จะหอบหายใจยังแทบไม่ทัน
“
อึ๊ก....เจ็บ...ยะ อย่า.....”
ช่วงล่างถูกจู่โจมราวกับสัตว์ร้าย
สองมือได้แต่ดึงโซ่ที่มัดข้อมือเอาไว้เพื่อให้ร่างกายรับแรงกระแทกที่รุนแรงจากอีกฝ่ายได้โดยไม่พลัดตกเตียง
เสียงครางไหลออกมาพร้อมกับน้ำตา
การสอดแทรกที่หนักหน่วงทำเอาร่างกายแทบจะชาเพราะว่าเจ็บจนรับไม่ไหว.....
....หัวหน้ารีไวกำลังโกรธอะไรอยู่หรือเปล่า?
ถึงแม้ว่าปกติก็ป่าเถื่อนชอบใช้กำลังอยู่แล้ว
แต่อย่างน้อยปากเสียๆนั่นก็จะพ่นคำร้ายๆออกมา ให้รู้ว่าที่ทำไปเพราะหวังดี.....ไม่ใช่ไม่พูดไม่จาอะไรเลยแบบนี้
“
ฮึก....อึ๊ก!!!”
ปลายเล็บจิกลงไปที่แผ่นหลังเล็กทว่าแข็งแกร่งเมื่อความรุนแรงทั้งหมดกำลังจะจบลงไปกับความอุ่นวาบที่ไหลเข้ามาในร่างกาย
เขาได้แต่หอบหายใจพร้อมกับสายตาที่เริ่มจะพร่ามัว
ใบหน้าเหม่อลอยค่อยๆหงายหลังไปช้าๆตามสติที่รั้งเอาไว้ไม่ได้อีก
แต่แผ่นหลังที่ควรจะล้มตึงลงไปบนที่นอนกลับถูกอ้อมแขนของคนใจร้ายกอดกระชับเอาไว้
คำพูดที่ลอยอยู่ไกลๆทำให้เขาไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆหรือเปล่า......เป็นเสียงของหัวหน้ารีไวจริงๆใช่ไหมนะ?
“
ชั้นไม่เคยอนุญาตให้แกแวะไปไหนหลังจากไปดูที่ที่ไททันสองตัวนั่นโดนฆ่าตาย
เพราะฉะนั้นอย่าเถลไถลจนกลับมาค่ำมืดแบบนี้อีก”
เรื่องอะไรกันนะ?
แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าจะโกรธอยู่จริงๆ.....ที่เขากลับบ้านช้า?......
นัยน์ตาสีมรกตลืมตาขึ้นมาพบกับท้องฟ้าที่ขุ่นมัว....
เสียงทีสไลด์ทำให้เขารู้ว่ากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว.....ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายร่างเล็กคนนั้นกำลังตีกันให้ยุ่งไปหมด....ไม่เข้าใจจริงๆว่าตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไงกันแน่....แต่ที่รู้คือตัวเขาในอดีตคงจะรู้จักหัวหน้ารีไวเป็นอย่างดี....ถึงได้ยังไม่หนีไปไหนทั้งๆที่โดนทำร้ายขนาดนั้น
“
อรุณสวัสดิ์ เอเลน!”
อาร์มินยิ้มสดใสมาให้อยู่หลังโต๊ะดร๊าฟตัวใหญ่
เสียงทีสไลด์คงมาจากเจ้านี่เอง
“
อรุณสวัสดิ์...นี่นายเริ่มดร๊าฟผังแล้วหรอ?”
ถึงแม้จะยังรู้สึกเพลียๆแต่ก็ถือว่าได้นอนเยอะกว่าเวลาเปิดเทอม
เพราะงั้นร่างกายจึงไม่ได้เหนื่อยล้าไปด้วย
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นนั่งขยี้ตาอยู่บนที่นอน
ก่อนจะหันไปมองเตียงที่ตั้งอยู่เรียงๆกัน
ไรเนอร์ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล....และโคนี่ก็เลยต้องไปอยู่เฝ้า
“
ดร๊าฟได้แต่ผังข้างนอกของชั้นหนึ่งเท่านั้นแหละ ก็ข้างในยังไม่ได้วัดเลยนี่” เพื่อนร่างเล็กยิ้มแห้งเพราะอุบัติเหตุทำให้งานล่าช้ากว่าที่คิด
เขาจึงได้แต่สะบัดหน้าไล่ความง่วงงุน.....ช่างมันสิ!
อดีตพวกนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างมัน!....ที่เขามาที่นี่ก็แค่มาทำงานให้เสร็จก็เท่านั้นเอง
อะไรมันจะเคยเกิดขึ้นที่นี่ก็ช่างหัวมัน
เพราะความฝันพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา!!
“
ฮึ่ม.....”
ต้องเรียกความมั่นใจและใบหน้ามุ่งมั่นกลับคืนมา
เอเลน
เยเกอร์ คือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างหาก!!
เพราะคนที่แข็งแรงปานช้างสารอย่างไรเนอร์ไม่อยู่
เขาจึงต้องค่อยๆไปทยอยขนอาหารแห้งที่แวะไปซื้อมาเมื่อวานลงจากรถมินิบัสเอง
ถุงพลาสติกที่ใส่ของจนล้นหลายใบแถมยังมีลังอาหารกระป๋องที่อยู่ในอ้อมแขนทำให้เขามองไม่เห็นว่ามีร่างเล็กๆของใครบางคนอยู่ในห้องครัวด้วย
จนกระทั่งเสียงหวานๆเอ่ยทักขึ้นมาเขาจึงได้รู้ว่าคริสต้ากำลังทำอาหารเช้าอยู่
“
เอาวางไว้ตรงนั้นก็ได้จ้ะ....เดี๋ยวฉันจัดเข้าชั้นเอง”
ใบหน้าน่ารักยิ้มอ่อนหวานมาให้จนใจแทบละลาย....ไม่ว่าผู้ชายคนไหนมาเห็นเข้าก็คงต้องเคลิ้มกันบ้างละ....แล้วเขาก็คิดว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายอยู่นะ....
“
ขอบใจนะคริสต้า” เขาวางข้าวของลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปสนใจของในหม้อที่มือเล็กๆกำลังคนอยู่
“
หอมจัง”
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ราวกับนางฟ้าแล้วยังทำอาหารเก่งอีกต่างหาก
เขาได้แต่มองหญิงสาวด้วยสายตาชื่นชม.....ทำไมผู้หญิงคณะเขาไม่มีแบบนี้บ้างนะ?
แค่คิดถึงซาช่ากับแอนนี่ก็ให้รู้สึกหมดแรงยังไงไม่รู้
ที่จริงเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้ามากนักหรอก
เพราะเรียนอยู่คนละคณะกัน....ไม่เคยคิดว่าจะได้มายืนคุยกันแบบนี้ด้วยซ้ำ....พวกผีดิบแบบเขากว่าจะเข้าคณะและมีสติพอที่จะพูดคุยกับใครได้
ชาวบ้านชาวช่องเค้าก็กลับกันไปหมดแล้ว
อ่า......แต่กรณีของเจ้าแจนอาจจะเป็นข้อยกเว้นนิดหน่อย
“
อุ๊ย?!!” เสียงอุทานเล็กๆดังมาจากคนที่ยังยืนอยู่หน้าเตา
มือข้างที่ไม่ได้ถือทัพพีแตะลงไปที่ดวงตากลมโตซึ่งปิดลงไปข้างหนึ่ง
“
เป็นไรหรือเปล่าคริสต้า?”
“
สงสัยจะพริกเข้าตา.....”
มือเล็กขยี้ลงไปแล้วมันก็ทำให้น้ำตาปริ่มจะไหลลงมามากกว่าเดิม
“
อย่าเพิ่งไปขยี้มันสิ! เดี๋ยวนะ!”
เขาหันไปหันมาก่อนจะคว้ากระดาษทิชชูแล้วขยับเข้าไปยืนใกล้ๆหญิงสาว
มือเชยคางมนขึ้นมาก่อนจะซับเอาผงสีแดงที่ดวงตากลมโตออกช้าๆ
เพราะเป็นส่วนที่อันตรายจึงต้องใช้ความระมัดระวัง
และนั่นมันก็ทำให้เขาต้องใช้เวลายืนจ้องหน้าหญิงสาวอยู่ไม่น้อยทีเดียว
สาบานได้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไร.....
แต่ใครบางคนอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น.....
เพล้ง!!!
“
โอ๊ย?!!”
ผงพริกในดวงตาเพิ่งจะถูกเขี่ยจนออกไปไม่ทันไร
จู่ๆเหยือกเซรามิคที่วางอยู่ไม่ไกลก็แตกโดยไม่ทราบสาเหตุ
เศษกระเบื้องสีขาวกระเด็นมาบาดมือหญิงสาวจนเลือดไหลซิบ...
“
คริสต้า!!” เขาตะโกนออกไปด้วยความตกใจ
สองมือรีบยึดไหล่เล็กเอาไว้ไม่ให้ถอยหลังไปเหยียบเศษเหยือกที่แตกกระจายเต็มพื้น
นัยน์ตานิ่งค้างมองน้ำที่ไหลนองไปทั่วอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย.....อุบัติเหตุหรอ?.....นี่มันก็เป็นเพียงอุบัติเหตุใช่ไหม?
“
คริสต้า?!!”
เสียงของหญิงสาวร่างสูงยาวตะโกนอย่างตกใจเมื่อเห็นเลือดในมือเพื่อนของเธอ.....ยูมิลเดินเข้ามาดึงตัวคริสต้าออกไปทำแผล
แต่เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม....
ไม่จริง.....มันคงไม่ใช่......
ความมั่นใจที่อุตส่าห์เรียกกลับมาได้ดูเหมือนจะหดหายลงไป.....
มีทางเดียวที่เขาจะหลุดจากภาพของอดีตพวกนี้ไปได้คือต้องรีบทำงานให้เสร็จแล้วก็ออกไปจากปราสาทหลังนี้เสียที
ทุกอย่างมันจะได้จบ......อยู่เพียงแค่ในอดีต
เสียงตะโกนอ่านค่าที่วัดได้จากซาช่ายังคงดังอยู่ไกลๆ.....เพราะโคนี่กับไรเนอร์ไม่อยู่เขาจึงต้องขอร้องมิคาสะที่ดูท่าทางจะเต็มใจมากให้มาช่วย....ก่อนที่ลูกพี่ลูกน้องที่ห่วงเขามากเกินไปคนนั้นจะแผ่รังสีดำทะมึนออกมาเมื่อรู้ว่าคนที่จะมาช่วยเขาโดยตรงนั้นไม่ใช่เธอแต่กลายเป็น.....
“
เพราะแกคนเดียวเลยเอเลน....”
น้ำเสียงเคืองๆเอ่ยออกมาจากร่างสูงยาวที่เขาไปบังคับให้มาช่วยส่องกล้องวัดระดับแทนไรเนอร์
ถึงจะยังไม่เชื่อเต็มร้อย
แต่อย่างน้อยถ้าอยู่กับแจน.....อุบัติเหตุพวกนั้นมันก็คงจะไม่เกิดขึ้น.....
“
เดี๋ยวแจน!! ทำไมค่ามันน้อยกว่าอันเมื่อกี้วะ?
บอกให้วัดระดับอะเสนะ....แกวัดตรงไหนมาเนี่ย?”
เขาโวยวายใส่เมื่อเห็นค่าที่กำลังจะจดลงไปในกระดาษสเก็ตมันดูไม่น่าจะเป็นความจริง
“
ก็แล้วอะเสมันอยู่ตรงไหนวะ? ใครจะไปรู้ฟ๊ะ?!!” ร่างสูงยาวเถียงกลับมาทำให้เขานึกอยากจะฆ่ามันนัก....ไม่รู้ก็บอกสิฟ๊ะ! แล้วไอ้ที่วัดมาก่อนหน้านี้เนี่ย สรุปว่าจะใช้ได้หรือเปล่าเนี่ย?!
“
แกมาสลับกับชั้น...” ถ้าไม่คิดว่ายังต้องพึ่งพามันอยู่
ป่านนี้เขาคงขอถีบมันไปสักทีสองทีไปแล้วล่ะ!
ร่างสูงยาวเดินฟึดฟัดมาประจำที่ตำแหน่งไม้วัดค่าระดับแทนเขา
แน่นอนว่าหมอนั่นจะต้องเป็นคนจดบันทึกแทนเขาด้วย
นัยน์ตาสีมรกตส่องเข้าไปในกล้องก่อนจะตะโกนบอกอีกคน
“
อกไก่หนึ่ง 36.9” แล้วไอ้ตัวปัญหาก็ตะโกนถามกลับมาแทบจะทันที
“
อกไก่นี่เขียนใส่ตรงไหนอ่ะ?”
ปื้ด!!
เล่นเอาเส้นความอดทนของเขาแทบจะขาดผึง
สองมือจึงยกขึ้นเท้าสะเอวก่อนจะแหกปากด่า
“
ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆแกเนี่ย!!”
“
ไอ้บ้า!
ไม่ได้เรียนมาแล้วใครจะไปรู้ฟ๊ะ!!”
“
มิคาสะยังรู้เลย!”
“
ก็ยัยนั่นเรียนโยธา ไม่รู้ก็บ้าแล้ว!....นี่แกกำลังทับถมชั้นอยู่ใช่ไหมห๊ะ?! จะบอกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรของแก มิคาสะก็รู้ทั้งนั้นงั้นสิ! ไอ้ตัววายร้ายขี้อิจฉา!!”
“
ห๋า?! อะไรของแกวะแจน?!! จะหาเรื่องเร๊อะ?!!”
นั่นแหละ....ก็เพราะว่าทำงานไปก็ทะเลาะกันไป
เถียงกันไปตลอดเวลาแบบนั้น....มันเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น.....
เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอดังมาจากเตียงข้างๆ
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่างที่มืดสนิทไปนานแล้ว ทว่า
เขาก็ยังข่มตาลงไม่ได้สักที
....นอนไม่หลับ....
จะว่าเป็นเพราะความกังวลใจในเรื่องคลุมเครือที่เกิดขึ้นกับไรเนอร์และคริสต้าก็ว่าได้
หลายๆอย่างมันยังค้างคาใจของเขาอย่างที่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าอะไรที่เขากำลังสงสัยอยู่
เพราะมันเหลือเชื่อเกินไป....ที่จะคิดว่าผู้ชายร่างเล็กคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่
ถึงแม้จะหาศพไม่พบและไม่มีใครล่วงรู้วาระสุดท้ายของผู้ชายคนนั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ได้ตั้งพันปีขนาดนี้
หรือจะกลายเป็นวิญญาณพยาบาทสิงอยู่ที่นี่กันนะ?...ท่าทางก็ให้ซะด้วย....
เสียงหัวเราะในลำคอหลุดรอดออกมา
ทั้งๆที่กำลังกังวลแต่คนคนนั้นกลับทำให้เขายิ้มได้ยามที่นึกถึงขึ้นมานี่มันยังไงกันนะ?
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากเตียงของตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องพักทหารสมัยโบราณไปอย่างเงียบเชียบ
เรียวขาก้าวไปข้างหน้าราวกับไร้ซึ่งการควบคุม
ไม่รู้นึกยังไงถึงได้เดินลงไปยังชั้นใต้ดิน.....
แค่เดินเข้าไปใกล้ห้องขังที่เคยเป็นห้องนอนของเขา
เสียงที่ไม่มีจริงก็เหมือนจะได้ยินชัดเจนขึ้นมา.....ชัดเจนจนรู้สึกราวกับว่า....ผู้ชายร่างเล็กคนนั้นจะอยู่ไม่ไกลไปจากที่นี่....
ร่างโปร่งบางนั่งลงไปบนเตียงเย็นเฉียบก่อนจะเหลือบมองไปรอบๆห้องที่นอกจากเตียงแล้วก็ไม่เห็นจะมีอย่างอื่นอีก....ไม่มีทางที่ใครจะมาอาศัยอยู่ได้.....ปริศนาเรื่องของหัวหน้ารีไวจึงยังคงค้างคาใจต่อไป....
"
หัวหน้า!"
เสียงที่จู่ๆก็ดังก้องอยู่ในหัวทำเอานัยน์ตาเบิกกว้าง
แต่คราวนี้ไม่มีภาพปรากฏให้เห็นมีเพียงเสียงเท่านั้นที่ได้ยินอย่างชัดเจน
"
คุณไม่มีสิทธิ์จะขังผมไว้แบบนี้ตลอดไปนะครับ...ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆผมก็ไม่มีวันขัดคำสั่งหัวหน้าหรอก...ได้โปรดปล่อยผมไป....แค่ครึ่งวันก็ได้...." กำลังทะเลาะกันอยู่อีกแล้วงั้นหรอ?
ผู้ชายใจร้ายคนนั้นกำลังบังคับอะไรเขาอีก? พอไม่เห็นภาพแบบนี้ในหัวมันจึงยิ่งจินตนาการมากขึ้นไปอีก
น้ำเสียงที่กำลังต่อว่าอีกฝ่ายทำให้เขาประหลาดใจ....เพราะเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าตัวเขากำลังดื้อดึงกับผู้ชายร่างเล็กคนนั้น....ทั้งๆที่ปกติจะทำตัวเชื่องๆให้โขกสับได้ตามใจแท้ๆ....
แสดงว่าเรื่องที่กำลังขอร้องอยู่คงเป็นเรื่องที่สำคัญกับตัวเขามากทีเดียว
"
ไม่ได้!....แล้วก็จำเอาไว้ว่าชั้นมีสิทธิขังนายให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะตายเลยก็ยังได้......ชั้นมีสิทธิในตัวนายทุกอย่างไอ้หนู..."
แล้วน้ำเสียงเย็นชาก็ปฏิเสธทุกอย่างโดยไม่ฟังอะไรเลย
"
หัวหน้า!"
"
ผมขอร้อง...."
น้ำเสียงของเขาฟังดูเว้าวอนจนอีกคนเริ่มเงียบไป....จะเผลอใจอ่อนให้เขาบ้างไหมนะผู้ชายคนนั้น....
"
.........."
"
หัวหน้ารีไว....."
"
ก็ได้.......ถ้านายลุกไหว....ฉันก็จะอนุญาติให้ไป"
จากความดีใจแปรเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา
นัยน์ตาสีมรกตลืมขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง.....เสียงร้องห้ามและเสียงทารุณกรรมด้วยความรุนแรงนั้นมันทำให้เขารู้....ว่าตัวเขาคงไม่ได้ออกไปจากปราสาทตามที่ต้องการแน่ๆ
....ทำไมภาพที่เห็น
เสียงที่ได้ยินในวันนี้ มันถึงได้มีแต่ความรุนแรงและการบีบบังคับทั้งนั้นเลยนะ....
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งก่อนจะชันเข่ามากอดเอาไว้.....คนคนนั้น....ต้องการจะบอกอะไรกับเขากันแน่....
ความฮึกเหิมเมื่อวานดูเหมือนจะหายไปพร้อมๆกับสายฝนพร่ำ
เช้าวันใหม่ที่ชวนให้ง่วงนอนทำให้พวกเพื่อนๆต่างเลื้อยอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนเตียงเพราะยังไงก็ออกไปนอกปราสาทไม่ได้อยู่แล้ว
ร่างโปร่งบางเลือกที่จะละออกมาจากกลุ่ม
เพราะยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะเกี่ยวกับตัวเองหรือไม่
ใบหน้าหงอยๆเดินลอยๆไปยังอีกฝั่งของอาคาร
ทางด้านนี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะมันถูกออกแบบมาให้เป็นห้องเก็บเอกสาร และดูเหมือนว่าพวกบันทึกต่างๆที่เป็นของกองทหารทีมสำรวจจะยังคงถูกเก็บเอาไว้ที่นี่เกือบทั้งหมด
และนั่นมันก็เป็นสาเหตุให้พวกเด็กโบราณคดีอย่าง แจน
คริสต้าและยูมิลมากับพวกเขาในทริปนี้ด้วย
พวกนั้นมาทำรายงานเกี่ยวกับเอกสารที่มีอยู่ในห้องนั้นนั่นเอง...
ใบหน้ามนชะโงกเข้าไปดูในห้องที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือ
แล้วก็มองเห็นเพียงแค่ร่างสูงยาวของเจ้าแจนที่นั่งอ่านบันทึกอยู่เพียงลำพัง....ถ้าอยู่กับหมอนี่ละก็คงไม่เป็นไร.....ร่างโปร่งบางจึงเดินเข้าไปนั่งแหมะลงบนกองผ้าที่คงจะเคยทำหน้าที่คลุมตู้หนังสือเอาไว้
"
แกไม่ออกไปวัดอะไรของแกอีกหรือไงวันนี้?" ใบหน้าบูดน้อยๆชายตามองมาก่อนจะถามด้วยเสียงติดจะรำคาญนิดๆ
"
ฝนมันตกแกไม่เห็นหรือไงแจน?"
แล้วก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบกวนประสาทมันกลับนัก
"
......ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? จะว่าไปแถวนี้ฝนตกบ่อยนะ" ร่างสูงยาววางบันทึกในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองรอบๆตัว
"
ชั้นจะนอนละ ถ้าแกจะออกไปก็ปลุกด้วยล่ะ"
พูดยังไม่ทันจะจบดีเขาก็ล้มตัวลงนอนบนกองผ้า ฝ่ามือตลบผ้าสีขาวขึ้นมาคลุมหัวจนโผล่มาแค่ใบหน้า
นัยน์ตาสีมรกตแทบจะหลับไปในทันทีตามประสาเด็กถาปัดที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องสถานที่นอนมากมายนัก....ขอแค่ให้ได้นอนเป็นพอ
"
สรุปแกเข้ามาในนี้เพื่อหาที่นอนใช่ไหมเนี่ย?" ใบหน้าที่เพิ่งละมาจากกองบันทึกหันมามองคนที่หลับไปแล้วอย่างละเหี่ยใจ นัยน์ตาเผลอจ้องใบหน้าที่กำลังหลับพริ้ม
ริมฝีปากอิ่มที่เผยอออกน้อยๆทำให้ร่างสูงยาวขยับตัวขึ้นจากโต๊ะช้าๆ
ก่อนจะมาทรุดลงที่ข้างๆกองผ้าอย่างเงียบเชียบ
ปลายนิ้วแตะลงไปบนกลีบปากสีระเรื่อแผ่วเบา
ความนุ่มนิ่มทำเอาควบคุมตัวแทบไม่อยู่......เขาแปลกไปจริงๆ.....ยิ่งเข้าใกล้เอเลนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแปลกไป....
ทั้งๆที่แทบจะไม่เคยคุยกันด้วยดีเลยสักครั้ง
ทั้งๆที่ต่อหน้าอีกฝ่ายเขาแสดงอย่างแจ้งชัดว่าชอบมิคาสะ....ทว่า....ในใจลึกๆแล้วมันไม่ใช่....เขารู้ตัวดีว่าคนที่เขาเลือกแล้วนั้นคือใคร
ฝ่ามือประคองใบหน้าของคนที่ยังหลับก่อนจะลูบไล้เบาๆ
ปลายนิ้วโป้งกดแตะลงไปบนริมฝีปากนิ่มอีกครั้งก่อนจะบดเบียดจนกลีบปากล่างอ้าออกมากกว่าเดิม
ที่อกซ้ายรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มจะติดขัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นัยน์ตายังคงจ้องมองใบหน้าหลับพริ้มกับริมฝีปากช่างเจรจานั้นอย่างหลงใหล
และด้วยความเผลอไผลทำให้ลำตัวยาวค่อยๆโน้มลงไป......
และก่อนที่ริมฝีปากจะได้แนบชิด.....
ครึก....ครึก.......
แรงสั่นสะเทือนของอะไรบางอย่างทำให้เขาต้องละใบหน้าก่อนจะหันกลับไปเห็นว่า
ตู้หนังสือใบหนึ่งกำลังจะล้มลงมา....แย่ล่ะ!!!!
มือรีบคว้าลำตัวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจะก้องไปทั่วห้อง
โครม!!!!!!
นัยน์ตาสีมรกตลืมตาพรวดขึ้นมาอย่างตระหนกตกใจ
เมื่อจู่ๆก็มีเสียงดังอย่างกับฟ้าถล่ม ร่างทั้งร่างสะดุ้งโหยงก่อนจะรับรู้ว่าตอนนี้ตนจมอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน
"
อุก........"
เสียงอุทานดังอยู่ที่หน้าผาก
และเมื่อพยายามเงยมองขึ้นไปก็เห็นใบหน้าของแจนอยู่ใกล้ๆ....คนที่ช่วยเขาเอาไว้จากตู้ที่ถล่มลงมาคือหมอนี่เองงั้นหรอ?
ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
"
อึก.....แฮ่ก แฮ่ก....."
เสียงครางอย่างเจ็บปวดน้อยๆกับเสียงหอบหายใจทำให้ฝ่ามือบางดันร่างของคนที่กอดตนอยู่ออกไป
จึงเพิ่งเห็นว่าตู้ยังคงล้มทับอยู่บนตัวร่างสูงยาว
"
แจน?!!!"
เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ สองแขนช่วยกันดันตู้ออกไปจนได้
"
แกเป็นไงบ้างเนี่ย? ทำไมตู้นั่นมันถึงได้ล้มลงมาล่ะ?"
เขายังคงมองคนที่ดูท่าว่าจะเจ็บไม่ใช่น้อยอย่างสงสัย
และเมื่อสายตามองเห็นเลือดที่ค่อยๆไหลลงมาเป็นทางจากต้นแขนของหมอนั่น
นัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันที และแทนที่จะถามไถ่เรื่องแผลต่อไป มือบางกลับตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงดุดัน
"
แจน!! บอกมานะว่าแกทำอะไรชั้นตอนที่หลับอยู่?! บอกความจริงมาให้หมด!"
ถึงขนาดได้เลือดแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ
และคำถามของเขาก็ดูจะทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป
ใบหน้าที่นิ่งค้างมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาที่สับสนก่อนจะก้มลงไปมองพื้น
"
บอกมาสิวะ! ว่าแกจะทำอะไรชั้น?!!" และเมื่อเขายิ่งคาดคั้น
สองมือยิ่งเขย่าคอเสื้อของอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นฝ่ามือของแจนกำแน่นอยู่ที่พื้น
นัยน์ตาที่ลังเลกลับมาแข็งกร้าวก่อนจะกัดฟันกรอด
ใบหน้าที่ก้มอยู่เงยขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆ
ก่อนที่คำพูดมั่นคงจะถูกเอ่ยออกมาอย่างช้าๆและชัดถ้อยชัดคำ
"
เอเลน....ชั้นก็ไม่รู้ว่าหลงผิดไปได้ยังไง....แต่ถ้านายอยากจะรู้นักละก็ ฉันก็จะบอกให้....ว่าสิ่งที่ชั้นกำลังจะทำกับนายก็คือแบบนี้...."
แล้วมือที่กำแน่นอยู่กับพื้นก็ย้ายมาที่ใบหน้าของเขา
ก่อนที่จะกระชากเอาริมฝีปากเขาเข้าไปหา.....แล้วแนบริมฝีปากของตัวเองลงมา
รสสัมผัสที่แนบแน่นทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ความร้อนจากริมฝีปากและลมหายใจไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้
แจนกำลังจูบเขา.....
ถึงจะยังมึนงงว่าอะไรเป็นอะไรและทำไมอีกฝ่ายจึงทำแบบนี้
ทว่า ฝ่ามือทั้งสองข้างก็รีบยันร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองออกไป....ไม่ได้นะ....อย่าทำแบบนี้...ไม่งั้นตัวนายเองนั่นแหละที่จะ
โครม!!!!
ริมฝีปากที่เคยถูกขโมยจูบไปถึงกับอ้าค้างกับภาพตรงหน้า....ตั้งหนังสือเล่มหนาที่ถูกมัดอยู่ด้วยกันเป็นอย่างดีจู่ๆก็ถล่มลงมา....ฝุ่นควันตลบอบอวลจนมองแทบไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร
รู้แต่ว่ามันเฉียดหน้าเขาไปนิดเดียวเท่านั้น....
“
แจน?.....” ในเมื่อมันเฉียดเขาไปนั่นก็แสดงว่ามันน่าจะถล่มลงมาทับคนที่นั่งใกล้มันมากเขา....แจนกำลังตกอยู่ในอันตราย!
“
เฮ้ยแจน!!! ตอบชั้นมานะ!!!!” ในใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว แค่ที่โดนมาเมื่อกี้ก็มีเลือดไหลไม่น้อยแล้วนะ....อย่ามาทำให้ชั้นกลัวไปมากว่านี้นะ....
สองมือรีบควานหาคนที่ติดอยู่ใต้กองหนังสือ
ฝุ่นผงที่ยังคละคลุ้งทำให้ยังมองแทบไม่เห็นอะไร
“
เกิดอะไรขึ้นน่ะเอเลน?!!”
พวกที่เหลือวิ่งมาดูด้วยใบหน้าตื่นๆ และเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถึงกับนิ่งค้างไปตามๆกัน
กว่าจะเอาตัวแจนที่สลบไสลออกมาจากกองหนังสือได้ก็ทุลักทุเลพอดู...แจนสลบไปไม่รับรู้อะไรอีก...ใบหน้าซีดเซียวจากการเสียเลือดยิ่งทำให้น่าเป็นห่วง
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาต้องหามเพื่อนร่วมเดินทางไปส่งโรงพยาบาล....
อีกครั้ง...ที่เขากลับเข้ามาในปราสาทตอนพลบค่ำ
ใบหน้าของคนที่ยังเหลืออยู่นั้นนิ่งงันราวกับว่าแต่ละคนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง.....แล้วก็คงจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วละว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล สายตาของคนที่เดินเข้ามาด้วยกันจึงดูหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย
เพราะไม่มีใครอยากจะเจ็บตัวหรอก.....
“
นี่....พวกเราออกไปพักข้างนอก แล้วค่อยกลับมาทำเมชเชอร์เฉพาะตอนกลางวันไหม?” เสียงซาช่าถามออกมาให้ทุกคนต่างกันไปมอง
เปรี้ยง!!!!
จู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมาจนทุกคนถึงกับสะดุ้งเฮือก
แล้วสายฝนที่ไม่มีที่ไปที่มาก็ตกดังซ่าราวกับฟ้าถล่ม......ตกลงมาราวกับจะปิดกั้นทางไปของพวกเขา....
ใบหน้ามนได้แต่นิ่งค้าง....เพราะทุกอย่างมันจงใจเกินไป....
ถ้อยคำที่แสดงถึงความถือสิทธิ์ในตัวเขาลอยวนเวียนอยู่ในหู....ผู้ชายคนนั้นเคยกักขังเขาเอาไว้ที่นี่
ไม่ยอมให้เขาไปหาใคร ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เขา...เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ในอดีต...แล้วถ้าในปัจจุบันก็ยังจะทำแบบนั้นอยู่ล่ะ?
นั่นแปลว่าที่ทุกคนต้องมาเจ็บตัว
ต้องมาหวาดกลัวแบบนี้....มันเป็นเพราะเข้าใกล้เขา?
“
เอเลน....ไม่เป็นไรนะ ฉันจะปกป้องเอเลนเอง”
แล้วเสียงเย็นๆของมิคาสะก็ดังอยู่ข้างๆ ฝ่ามือบางจับลงมาที่มือของเขา
และนั่นก็ยิ่งทำให้ในใจสั่นสะท้านยิ่งกว่าครั้งไหนๆ....
มิคาสะ.....คือคนที่จะเป็นอันตรายมากที่สุด....
“
ถะ ถ้างั้น....พวกเรามานอนรวมกันไหม? ทำเหมือนตอนอยู่สตูไง? ฮะฮะฮะ”
ซาช่าหันไปมองสายฝนสีดำที่ยังคงเทกระหน่ำด้วยเสียงหัวเราะที่ฟังดูเหมือนจะร้องไห้เสียมากกว่า
จากใบหน้าหวาดผวาของคนที่ยังเหลืออยู่ที่นี่....ทุกคนคงกำลังคิด....ว่าตนกำลังเผชิญอยู่กับวิญญาณในปราสาทผีสิง.....ที่จะทำร้ายคนไปทีละคน....ทีละคน....
หัวหน้ารีไว.....ตกลงคุณเป็นอะไรและอยู่ที่ไหนกันแน่?
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าวิญญาณจะทำเรื่องแบบนี้ได้และยิ่งไม่อยากจะเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าอีกฝ่ายจะยังมีชีวิตอยู่
สรุปว่าเมื่อคืนทุกคนต่างย้ายมานอนระเกะระกะอยู่ในห้องเดียวกัน....ซึ่งสภาพแบบนั้นมันก็แทบจะเป็นเรื่องปกติของพวกเขาอยู่แล้ว
เวลาใกล้ส่งงานส่วนใหญ่เลือกจะค้างอยู่ที่สตูดิโอ
แล้วก็นอนมันตามใต้โต๊ะในสตูดิโอนั่นแหละ
เพราะงั้นสภาพที่ต้องมานอนรวมกันแบบนี้จึงไม่ใช่อะไรที่พวกเขาไม่เคยเผชิญ....ก็นับว่ายังดีที่ตัดสินใจให้คริสต้ากับยูมิลอยู่เฝ้าแจนที่โรงพยาบาล....เพราะสองคนที่ไม่เคยเจอสภาพแบบนี้อาจจะรับไม่ได้
และจำนวนคนที่จะโดนทำร้ายมันก็จะได้น้อยลงด้วย.....
วันนี้สายฝนก็ยังเทกระหน่ำไม่ขาดสาย
พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะวัดระยะภายในอาคารแทน
สายตาทุกคนดูมุ่งมั่นแปลกๆ
เพราะความกลัวเลยคิดที่จะรีบๆทำงานให้เสร็จแล้วออกไปจากที่นี่กันอย่างนั้นสินะ
ตลับเมตรในมือทุกคนต่างเตรียมพร้อม
“
แยกกันไปกลุ่มละสองคนก็แล้วกัน....วันนี้ต้องวัดให้เสร็จ!!” เสียงของซาช่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีคนแบบนี้อยู่ ไม่งั้นปราสาทนี่คงจะวังเวงน่าดู
“
เอเลนไปกับผมไหม?”
อาร์มินเดินเข้ามาชวนด้วยใบหน้าไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าเขากลับยืนตัวแข็ง......ถ้าไปกับเขา
จะเกิดอะไรขึ้นกับอาร์มินบ้างล่ะ เพราะว่าเขาสองคนก็สนิทกันไม่ใช่น้อย....แค่คิดภาพอาร์มินในสภาพโชกเลือดเขาก็รับไม่ได้แล้ว....ริมฝีปากจึงไม่กล้าขยับที่จะตอบรับไป
“
ขอฉันไปกับเอเลนเองนะอาร์มิน”
แต่แล้วเสียงนิ่งๆของมิคาสะก็เข้ามาขวางเอาไว้ ทำให้อาร์มินได้แต่หัวเราะแล้วยอมหลีกทางให้แต่โดยดี
เขาเองก็ลอบถอนหายใจ....เพราะถึงแม้มิคาสะจะเป็นคนที่เขาไม่อยากให้เป็นอันตรายมากที่สุด
แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็ได้ถูกพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าอะไรก็ทำอะไรมิคาสะไม่ได้....แล้วเขาเอง....ก็จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวคนสำคัญคนนี้เหมือนกัน
ถ้าได้อยู่ในสายตาอาจจะดีกว่า....
“
ถ้างั้นก็ตามนี้นะ....เบลทรูทกับแอนนี่ไปวัดห้องของชั้นสามกับใต้หลังคา......ฉันกับอาร์มินวัดชั้นสองกับโถงชั้นหนึ่ง.....ส่วนเอเลนกับมิคาสะลงไปที่ชั้นใต้ดินทั้งหมด.....เอ่อ...ยังไงสองคนก็ระวังๆหน่อยล่ะ
เพราะจะว่าไปพวกเราก็ยังไม่เคยลงไปดูกันเลยนี่นะว่าที่ใต้ดินนั่นมีกี่ชั้นกันแน่
ฮะฮะฮะ” ซาช่าแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อพูดถึงส่วนที่น่ากลัวที่สุดในปราสาท
แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป....
เขากับมิคาสะเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน....จากห้องโถงค่อยๆเดินไปตามทางแยกย่อยซึ่งเป็นส่วนของห้องขัง
“
มิคาสะ....ชั้นกำลังรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดน่ะ....เพราะงั้นอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้นะ” เขาหันไปบอกเด็กสาวที่ตัวเท่ากัน
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำมองมาที่เขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
“
เอเลนเป็นห่วงชั้นงั้นหรอ? กลัวว่าชั้นจะติดไปด้วยงั้นหรอ?” เขาพยักหน้ารับด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติเหมือนเคย
“
ก็ต้องห่วงสิยัยบ้า”
.....ถ้าไม่ห่วงคงไม่โกหกไปแบบนี้หรอก....ยังดีที่จุดอ่อนของมิคาสะคือเรื่องชอบคิดไปเอง
เพราะงั้นเด็กสาวจึงได้แต่มองเขาด้วยสายตาปลื้มใจแล้วไม่ถามอะไรอีก
เรียวขาก้าวผ่านห้องขังซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นห้องนอนของเขา.....ยิ่งเข้าใกล้มันก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนอย่างที่เป็นอยู่....ทว่า....พอเดินห่างออกมา...เสียงกลับไม่ได้ลดลง
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่บทสนทนาเหมือนที่ได้ยินในห้องนั้น
แต่ยิ่งเดินลึกลงไปใต้ดินมากเท่าไหร่
เสียงของอะไรบางอย่างกลับชัดเจนขึ้นมาแทนที่....
เสียง....ที่เหมือนกับร่างกายของเขากำลังถูกโอบอุ้มเอาไว้ในร่างกายของใครสักคน......เสียง....ราวกับการไหลเวียนของกระแสโลหิต....
นัยน์ตาสีมรกตปรายกลับไปมองหน้ามิคาสะที่ยังมีสีหน้าปลาบปลื้ม...เธอคงจะไม่ได้ยินเสียงเหมือนที่เขาได้ยินแน่ๆ....ไม่งั้นคนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างมิคาสะจะต้องรู้แล้วว่าข้างใต้นี้....มีอะไรบางอย่างอยู่....
คบเพลิงถูกจุดต่อกันไปเรื่อยๆ....จากคุกชั้นบนจนมาถึงชั้นที่สาม....ข้างล่างนี้คงไม่ได้เอาไว้ขังนักโทษ
เพราะมันเป็นเพียงแค่โถงโล่งๆเท่านั้น....ที่ด้านหนึ่งมีทางลาดสำหรับลงไปชั้นที่ลึกยิ่งกว่านี้
เขาเคยศึกษาเกี่ยวกับผังของปราสาทโบราณมาอยู่ไม่ใช่น้อย
เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้นึกแปลกใจ
หากมันจะมีทางลับออกไปโผล่ข้างๆปราสาทเพื่อใช้เป็นทางหลบหนีเฉพาะกิจ
แล้วก็ไม่ได้แปลกใจ....ถ้าหากว่าข้างใต้นี้จะมีธารน้ำอยู่....
แต่ที่หัวใจเต้นระรัวทุกครั้งที่เดินลึกลงไป
นั่นก็เพราะว่าความคาดหวัง....ว่าอาจจะได้เจอเงื่อนงำอะไรของผู้ชายร่างเล็กคนนั้น
ทว่า....
เมื่อลงมาถึงชั้นที่สี่....มันกลับเป็นเพียงโถงโล่งๆ.....ไม่มีอะไรเลย......
ไม่มีทางที่จะเชื่อมต่อไปไหน....ไม่มีบันไดเวียนสำหรับลงไปมากกว่านี้.....ไม่มีทางลับใดๆทั้งสิ้น
เพราะทั้งสี่ด้าน
เป็นเพียงผนังปิดทึบเท่านั้นเอง
เขากับมิคาสะได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
เพราะมันเป็นทางตันที่ไม่คิดว่าจะเจอในปราสาทโบราณแบบนี้...
“
น่าแปลกจัง? มาดูผนังนี่สิเอเลน”
มิคาสะยืนมองผนังด้านหนึ่งอยู่ด้วยใบหน้าสงสัย และเมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่ามันเป็นผนังที่ดูแปลกตาเพราะว่ามันไม่มีรอยต่อเลยแม้แต่นิดเดียว....เป็นไปได้ยังไงกับวิทยาการก่อสร้างในสมัยนั้น?
เสียงเคาะก๊อกๆ
ดังมาจากมือของเด็กสาว....มิคาสะเรียนวิศวกรรมโยธา
เพราะฉะนั้นเรื่องโครงสร้างจึงเข้าใจดีกว่าเขาหลายเท่า
“
ไม่ใช่ผนังรับน้ำหนักที่ทำจากอิฐหรือหินธรรมดาๆแน่ๆ....ฉันไม่เคยรู้จักวัสดุแบบนี้มาก่อนเลยเอเลน....ซีเมนต์ก็ไม่ใช่....ยิ่งคอนกรีตเสริมเหล็กยิ่งไม่ต้องพูดถึง” และดูจากคราบความชื้นและความเกรอะกรังของผนังก็ทำให้ไม่คิดว่ามันจะเพิ่งถูกสร้างขึ้นมา......แต่น่าจะอยู่ที่นี่มากว่าพันปีแล้ว
พวกเขาสองคนได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาวัดผังของอาคารต่อไป
เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นห้องโล่งๆจึงใช้เวลาวัดไม่นานนัก
ในที่สุดสองขาก็กลับมายืนอยู่ที่โถงชั้นหนึ่งของปราสาทอีกจนได้
“
เฮ้อ....เสร็จซักทีนะ....ที่เหลือก็เอาไปเขียนเป็นแบบ” เขาพูดออกไปพรางปาดเหงื่อ
แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนไกลกว่านั้น มือเย็นๆของคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดวันนี้ก็จับลงมาที่ไหล่ของเขา
ก่อนจะกระชากร่างทั้งร่างให้หันไปหา....แล้วหน้าผากใสก็แนบลงมาที่หน้าผากของเขา....
“
ไม่มีไข้นะ?”
มิคาสะยังคงพูดด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงเขาตามปกติ
แต่ทว่า.....มันทำให้เขาถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง
หยุดนะมิคาสะ......
ไม่งั้นเธอจะ......
ผึง!!!!!
เสียงลวดสลิงขาดออกจากกัน
แล้วมันก็รวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะได้อ้าปากร้องห้าม
โครม!!!! เพล้ง!!!!!!
โคมไฟโบราณที่เคยห้อยอยู่เหนือโถงชั้นหนึ่งร่วงลงมาก่อนจะแตกกระจายเต็มพื้น.....ในตำแหน่งที่เขากับมิคาสะยืนอยู่พอดี
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาเองก็มองไม่ทันและไม่มีการป้องกันตัว
นัยน์ตาจึงได้แต่หลับแน่นก่อนจะรอรับความเจ็บปวดจากการโดนกระแทก
ทว่า....เมื่อเสียงทุกอย่างสงบลง....
ความเจ็บแสบก็ยังไม่มาเยือน
นัยน์ตาสีมรกตจึงได้แต่เปิดขึ้นช้าๆ สภาพตรงหน้าทำเอาร่างกายถึงกับสั่นระริก
“
มะ....มิคาสะ.....”
มือสั่นสะท้านเอื้อมออกไปหาร่างของเด็กสาวที่เอาตัวเข้ามาปกป้องเขา ตำแหน่งที่เขากลิ้งออกมาถือว่าห่างจากเซ็นเตอร์ของโคมไฟพอสมควร....มิคาสะคงจะรับรู้อันตรายได้จากประสาทสัมผัสทำให้พาเขาหลบหนีออกมาอย่างที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
แต่ว่ามิคาสะเองไม่ใช่....
ใบหน้าของเด็กสาวครึ่งหนึ่งอาบไปด้วยเลือด.....
ไม่นะ.....
“
มิคาสะ!!!”
สองแขนดึงร่างที่กำลังโงนเงนเข้ามากอดเอาไว้
ในใจราวกับจะแหลกลงไปให้ได้....อย่าเป็นอะไรนะ.....ห้ามเป็นอะไรนะ.....หัวใจที่เจ็บแปลบได้แต่เฝ้าภาวนาอย่างบ้าคลั่ง
สองมือดันร่างของเด็กสาวออกมาก่อนจะเขย่าเบาๆให้รู้สึกตัว
ความห่วงใยทำเอาน้ำตาแทบจะไหลลงมาให้ได้
เขารักเธอ.....เพราะเธอคือครอบครัวเขาของ
คือพี่สาว คือน้องสาว คือเพื่อน คือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
ถ้ามิคาสะเป็นอะไรไปเขาจะไม่วันให้อภัยตัวเองเลย
และแน่นอนว่า.....เขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้ชายคนนั้นเช่นกัน!
สองมือได้แต่กำแน่น
สันกรามกัดฟันกรอดอย่างฟิวส์ขาด นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวอย่างเอาจริง
ได้ยินเสียงเพื่อนๆวิ่งมาดูด้วยท่าทางตกใจ
เขาจึงฝากมิคาสะเอาไว้ก่อนจะเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน.....
ปึง!!!
ประตูห้องขังที่เคยใช้เป็นห้องนอนของเขาถูกเปิดออกด้วยความรุนแรง
เขาโกรธ....เขาโมโห.....เขาไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำแบบนี้
ไม่ว่าจะหวงหรือจะรู้สึกยังไงก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายเพื่อนๆของเขาแบบนี้!!
“
หัวหน้ารีไว!!
คุณได้ยินผมใช่ไหม?!!” สองมือกำแน่น ริมฝีปากตะโกนออกไปราวกับคนบ้าที่พูดอยู่ในห้องตามลำพัง
ใบหน้ามนกวาดมองด้วยนัยน์ตาสั่นพร่าจนทั่วห้อง
“
ผมไม่ใช่ เอเลน เยเกอร์ของคุณ!! ไม่ใช่ได้ยินไหม!!!”
เขาตะโกนออกไปสุดเสียงอย่างคนที่ทนเก็บความรู้สึกทุกอย่างมาตลอดแล้วบัดนี้ความอดทนนั้นมันได้พังทลายลงไป
“
เลิกยุ่งกับผมสักที!
ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในโลกของคุณแล้ว....พวกเราไม่มีทางจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อีก
คุณได้ยินไหม....ว่าไม่มีทาง...ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรก็ตาม…..เรื่องของเรา.......มันจบลงไปแล้ว....”
ร่างทั้งร่างทรุดนั่งลงไปกับพื้น.....ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆน้ำตาก็ไหลลงมา.....
“
มันจบลงไปแล้ว......มันเป็นแค่อดีตไปแล้ว.......ได้ยินไหม.....ฮึก......”
เสียงสะอื้นดังอยู่ในลำคอ....ทั้งๆที่โกรธ
ทั้งๆที่กำลังตัดพ้อต่อว่า.....แต่น้ำตาก็ยังไหลลงมาไม่หยุด
เขาไม่รู้.....ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าจริงๆในใจของเขานั้นมันรู้สึกยังไง
แต่หากการพบกันมันจะทำให้ทรมานขนาดนี้
ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนขนาดนี้
สู้ไม่พบกันอีกเลยยังจะดีกว่า...
“
ผมขอร้อง.....ได้โปรด......หยุดสักที...........”
ทั้งภาพในอดีต
ทั้งเรื่องที่คุณกำลังทำในปัจจุบัน.....ได้โปรดหยุดมันสักที.....
ผมไม่อยาก...จะรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว....
หัวหน้า....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
งั้นหรอเอเลน......
.
.
.
.
.
.
.
“
แล้วเจอกันนะครับ หัวหน้ารีไว....”
เป็นเพราะเสียงพูดขึ้นจมูกของนายไม่ใช่หรือไง....ฉันถึงได้รอมาจนป่านนี้.....
ทั้งๆที่การรอ....ไม่ใช่วิสัยของชั้นเลยสักนิด.....
.
.
.
คนที่หนีชั้นไป
คนที่บอกให้ชั้นรอ....คือนายไม่ใช่หรือไง
เอเลน.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
หงึกๆๆ
ตะ ต้องขออภัยในความเยิ่นเย้อด้วยจริงๆนะคะ m(_ _)m
ถึงแม้สมการมันจะเป็น Levi x Eren ตะ
แต่ว่ายัยคนแต่งมันเป็นสาย All Eren ค่ะ พะ
เพราะงั้น....ขอสนองนี้ดตัวเองนิดดดดดนึงนะ 5555 เอาน่า มือที่สามคืออุปสรรคไว้พิสูจน์รักแท้นะ
ถถถถถ แถไปได้....
คือ....เห็นในเฟสนิ่งๆแบบนี้แต่ที่จริงแล้วคลั่งพอสมควรเลยค่ะ555
ไม่งั้นไม่ปั่นกระจุยจนอาทิตย์เดียวออกมาตั้ง 4
ตอนรวดได้แบบนี้หรอกน่า....ก็นะ...ใครที่ตามฟิคเก๊าอยู่ก็คงรู้แหละว่ากว่ามันจะเข็นกันออกมาได้แต่ละตอนมันนานนนนนนนนนขนาดไหน
แล้วมันก็ยังไม่เคยสำนึกด้วยนะ555
จริงๆฟิคเรื่องนี้ค่อนข้างใช้เวลาน้อย เพราะงั้นฉากต่างๆโดยเฉพาะช่วงพรรณนาความรู้สึก
อาจจะไม่ดีเท่าฟิคเรื่องอื่นๆ ถ้าอ่านแล้วมีอะไรแปลกๆก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าจริงๆค่ะ
แหะแหะ ^
^”” แบบว่ายัยมี๊มันคลั่งอ่ะ แทบจะเป็นฟิคสดอยู่แล้วเนี่ย กร๊ากกกก
(โดนน้องการเจ้าของฟิคกระทืบ // ตุ้บๆๆ) โอยยยย
อยากจิเขียนสาเหตุแห่งการพลัดพรากแล้วอ่ะ >[ ]< มันได้ใจยัยมี๊มว๊ากกกกก
แปะหลักฐานความคลั่ง กร๊ากกกกก เล่มกลางล่างสุดยอดมากกกกก *น้ำลายไหลพราก*
อื้อ....วันที่
16 นี้เข้าสู่สภาวะสงครามอีกแล้วค่ะ.....สั่งโดแต่ละทีนี่อย่างกะออกรบ5555
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากนะค้า ยัยมี๊ขอชิ่งแป๊บ แบบว่า....จะโดนประภาคารถล่มใส่แล้วค่ะ
โฮวววววว แต่บอกตามตรงว่าไม่ค่อยไว้ใจตัวเองเลยเว้ยค่า
อร๊ากกกกกก ใครสนใจเอ็นซีใสๆ(?)พบกันได้ใน Light-House [8059] นะก๊ะ
>////<
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
>w<
โหดอ่ะเฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยย>>>>A
ตอบลบถ้าจะหึงโหดขนาดนี้ล่ะนะ
สรุปแล้วเฮียแกเป็นไรเนี้ยะ...เฮียนได้โล่เลยเฮ้ย
ไม่ขัดอะไรหรอกที่มันเป็นAllErenน่ะ เพราะผมเองก็สายเน้~~~~~~~ เอเลนเคะบันซ้ายยยยยย
เปิดตอนมาก็สยิวกิ๊วได้ใจเลยยยยยย อ้ายยยยยย//แต๋วแล้วเอ๋ง
แจน....ในที่สุดก็ตบะแตกทนไม่ไหวสินะ ...เสียอย่างเดียวทำผิดที่ไปหน่อย...เลยโดนเฮย์โจวเล่นซะแทบปางตาย
มิคาซะยังโดนไปด้วยเลย....หึงโหดไปเกี่ยงเพศว่าเป็นใครเลยแหะ= =;
แล้วทีนี้จะเป็นไงต่อล่ะเฮ้ยยยยยไปพูดอย่างนั้นเฮย์โจวจะปี๊ดแตกหรือจะยอมเลิกจนสุดท้ายเอเลนต้องกลับมาง้อกันนะ
อ้ากกกสุดยอดมากฮะพี่กวาง รักพี่จริงๆเลยอัพบ่อยๆแบบนี้ อ้ากกกกฟินนนนนนนน=w= เฮย์โจวเล่นกี่ทีก็สยิวอ้าาาาาาาาาาาา(<<<เริ่มไปแล้ว)
ช่วงนี้เริ่มเหมือนคนหื่นมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเฮย์โจวเนี้ยแล้~~~~~~ แหมเล่นเอเลนซะ=//,,//=
จะติดตามจะค่อยเคี่ยวเข็นให้พี่แต่งจนจบให้ด้ายยยยยยยยยย
แต่จะว่าไปแล้วก็อยากจะสั่งโดเหมือนกันแฮะ แต่สั่งไม่เป็นนี่สิ....เรื่องนี้..คู่นี้เป็นคู่แรกเลยที่ผมอยากจะมีโดเก็บไว้(เป็นหลักฐานที่ถ้าใครเจอโดยฉะเพราะพ่อแม่มาเจอแล้วมีสิทธฺตายหยังเขียดมากขึ้น) พยายามเข้านะฮะพี่สำหรับการสั่งโด....แล้วกลับมาแต่งต่อไวๆน้า~~~~~~~(เริ่มคุยไม่รู้เรื่องล่ะ...)
ปล.จ้องเล่มมุมล่างซ้าย...แฮกๆๆๆๆริเรีย~~~~~~~
อย่าดองนะฮะพี่~~~~~~~~~
อ้ากกกกกกกกกก
ตอบลบฟินสุดๆ
ฮือออออ น้ำตาคลอ สงสารทั้งคู่อ่ะ เตี้ยก็ทำเกินไปนะ แง่มๆ
กรี๊ดดดด ชอบมากเลยค่ะ ฟินๆ
ตอบลบแต่เอเลนอ่ะ ทำร้ายจิตใจหัวหน้า หัวหน้าเขารอมาแรมปีเลยนะ การรอคอมันทรมานนะรู้ม๊ายยยยยยย แง่งๆ (โดนงับหัวเอเลนซักทีเต๊อะ!) T^T
แต่งดีมากเลยค่ะ ชอบมากเลย
ปล(กระซิบ). สองเล่มซ้ายบนกับซ้ายล่างก็สุดยอดไม่แพ้กันนะคะ คุๆๆๆๆ =..= เล่มซ้ายบนชื่อ borderland เล่มซ้ายล่างชื่อไรไม่รู้อ่ะแต่ของริเรียดอลสุดยอดค่า เอเลนน่ารักมาก หัวหน้าทำหน้าเอสได้ใจค่ะ (หื่น)
น้ำตาไหลพรากกก ดราม่าไปแล้วนะ โถ่มิคาสะไม่น่าเลย(ชอบเธอมากเลยอ่า)
ตอบลบแต่เฮย์โจวก็ทำเกินไปนะ ไปทำร้ายคนรอบข้างเอเลนแบบนั้นมันก็นะ เอเลนคงจะทนไม่ได้ล่ะ มิคาสะเป็นครอบครัวคนสำคัญเชียวนะ
แต่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจเฮย์โจวนะ รออยู่ใช่มั้ยล่ะ รอมานานเลยใช่มั้ย
โฮกกก หันหน้ามาคุยกันดีๆเถอะ T^T
เริ่มดราม่าแล้วอ่าาา
ตอบลบสงสารทั้งคู่ ก็รู้นะว่ารีไวล์อ่ะ
เขาขี้หึงจนเกินเหตุ
แต่เข้าใจป่ะว่ามันคนละยุค
พวกนี้ไม่ใช่พวกบ้าที่จะสู้กับไททั่น
เพราะงั้นโดนแบบนี้ก็มีเดี้ยงกันบ้าง
ไปทีละคนๆ เลยอ่าน่าเศร้า
กำลังเข้าข่ายซีเรียส
เอเลนก็อย่าพึ่งบุ่มบ่ามสิ
ใจเย็นๆคุยดีๆกันก่อน
ทะ ท่านหัวหน้า หึงโหดไม่เว้นสักคนเลยนะคะ
ตอบลบสงสารหนูเอเลนบ้างสิน้า แต่ก็อย่างว่าล่ะ ก็คนเค้ารอมาตั้งนาน
แอบอยากให้มีปาฏิหารย์ ให้ยังไงก็ได้ให้พ่อตาขวางยังไม่ตาย
เช่นให้เป็นแวมไพร์หรืออะไรก็ได้ให้เป็นอมตะ
แอบคิดว่ามันดาร์ก แต่ไม่ถึงกับสยองขวัญ
อยากคิดต่อว่ามันเป็นดาร์กโรแมนซ์+SM //ของชอบเลย ><
สู้ ๆ เด้อค่าพี่กวาง ^_^
สงสาร 2 คนเลยอะ
ตอบลบ