KHR Au S.Fic [8059] ความทรงจำในคืนสีเทา : Ending



KHR Au S.Fic [8059]  ความทรงจำในคืนสีเทา : Ending


: KHR AU Fanfiction
: 8059
: Romantic
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





“ ไม่ไป...ได้ไหม....อยู่ที่นี่กับฉัน...ได้ไหม?”


คำคำนั้นวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ทำไมตอนนั้นเขาไม่ตอบตกลง...

ทำไมถึงคิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่....

ทำไมถึงคิดว่าเรื่องของหัวใจมันรอได้เสมอ....


ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจถ่องแท้....ว่าคำว่าสายเกินไป....มันเจ็บปวดแทบขาดใจแค่ไหน.....


มันสายไปแล้วใช่ไหม ที่ฉันไม่คว้ามือของนายเอาไว้ในตอนนั้น....



นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมองไปที่มินชูคุรกร้างด้วยสายตาว่างเปล่า....

ไม่ใช่แค่เดี๋ยวค่อยกลับมาง้อ....แม้แต่ใบหน้าของโกคุเดระเขาจะมีวันได้เห็นอีกไหม....

ไม่รู้เลย....







มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู...ถึงจะมีแค่ขีดเดียวแต่ตอนนี้โทรศัพท์ของเขาก็มีสัญญาณแล้ว

หมายความว่าที่ผ่านมาเขากับเพื่อนๆหลงเข้าไปอยู่ที่มิติไหนสักแห่ง?

มันฟังดูเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และเขาคงไม่เชื่อแน่ถ้าหัวใจจะไม่ได้เจ็บแปลบอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

มืออีกข้างยกขึ้นมากอบกุมเสื้อบริเวณที่อยู่เหนือหัวใจ ก่อนที่สองขาจะทรุดลงไปนั่งอยู่ที่พื้นดิน ใบหน้าไม่อาจเงยมองมินชูคุรกร้างนั้นได้อีก

และเมื่อก้มลงมา น้ำอุ่นๆก็ไหลลงอาบแก้มโดยที่ไม่รู้ตัว...


ถึงแม้ทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝัน....หรือแม้แต่ภาพลวงตา...แต่ทว่า หัวใจที่เขาใช้รักโกคุเดระคือเรื่องจริง




ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ร่างสูงคุกเข่าอยู่แบบนั้น แต่รู้ตัวอีกที ท้องฟ้าใสก็เริ่มกลายเป็นสีส้ม....

ใบหน้าหม่นหมองมองไปรอบกาย ก่อนจะมาหยุดลงที่ประตูทางเข้ามินชูคุ

ทั้งๆที่คิดว่าจะมองมันเป็นครั้งสุดท้าย....แต่ภาพในความทรงจำที่ไม่มีอยู่จริงของเขากลับฉายภาพเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา


ตัดใจไม่ได้....


เสียงเรียกร้องจากส่วนลึกในหัวใจบอกให้เขารู้ว่า ยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้....

ยังไงก็ขอแค่ได้รู้...ว่าโกคุเดระเป็นใคร...แล้วตอนนี้...ยังมีชีวิตอยู่ไหม....ขอรู้แค่นั้นก็พอ...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองมินชูคุรกร้างนั่นอีกครั้งก่อนจะกำมือแน่นด้วยความแน่วแน่ กระเป๋ากีฬาถูกยกพาดบ่าก่อนจะหันหลังเดินจากไป....ดูจากสภาพความเก่าแก่ของบ้านแบบญี่ปุ่นหลังนั้น มันน่าจะตั้งอยู่อย่างนี้มานานแล้ว...ยังไงซะก็น่าจะมีใครในเมืองเล็กๆแห่งนี้ที่จะรู้เรื่องของมินชูคุนี่บ้างแหละ

ยังไงคืนนี้ก็ไปหาที่ซุกหัวนอนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มสืบเรื่องราวของมินชูคุของโกคุเดระอีกที


ร่างสูงเดินผ่านกลุ่มเด็กผู้หญิงที่เขาจำได้ว่าพวกหล่อนเป็นแฟนคลับของเขาแน่ๆ แต่ทว่านอกจากสายตาสนใจที่ส่งมาให้แล้ว อย่างอื่นกลับทำเหมือนเพิ่งเคยรู้จักกัน....

“ รบกวนด้วยครับ”       ประตูเลื่อนหน้าโรงแรมธรรมดาๆที่อยู่ห่างจากมินชูคุของโกคุเดระมาไม่ไกลนักถูกเลื่อนปิดลง ร่างสูงเดินเข้าไปจัดการเรื่องที่พักก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า



เจ้าบ้านี่! ห้ามนอนทั้งๆเสื้อผ้าสกปรกแบบนี้นะ!  รู้บ้างไหมว่าใครต้องคอยทำความสะอาดฟูกพวกนี้น่ะ ลุกไปอาบน้ำแล้วใส่ยูกาตะนี่ซะ!’

เสียงใสของโกคุเดระยังคงดังก้องอยู่ในหัว หมอนที่ใช้ฟาดแขน เขาก็ยังจำแรงของมันได้ดี....แล้วจะบอกว่านี่คือความฝันอย่างนั้นหรอ?

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง....ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ....นัยน์ตาค่อยๆปิดลง...จมูกได้กลิ่นของดอกไม้ราตรีลอยมาจางๆ....กลิ่นมันช่างคล้ายกลิ่นของโกคุเดระ....และมันกำลังทำให้สติของเขาค่อยๆหายไปอีกครั้ง



นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปิดขึ้นมาอีกทีเมื่อห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงสว่างจ้า ยามเช้ามาเยือนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ได้รู้ตัวเลย...รู้แต่ว่าเมื่อคืนนี้เขาหลับสนิทมาก...ทั้งๆที่มีเรื่องเจ็บปวดใจขนาดนั้น แต่ก็ราวกับมีมือที่คุ้นเคยคอยปลอบประโลมให้เขาหลับลง

เพราะฉะนั้นวันนี้ร่างกายของเขาจึงได้สดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็พร้อมแล้วที่จะออกไปคุ้ยหาความจริง

ร่างสูงเลือกที่จะเข้าไปนั่งในร้านอาหารที่ดูเก่าแก่ เจ้าของร้านเป็นคุณป้าท่าทางใจดี

เพราะฉะนั้นคุณป้าจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาถามถึง มินชูคุรกร้างที่ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบแห่งนั้น

“ ความจริงป้าก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นมากนักหรอกพ่อหนุ่ม คงต้องบอกว่าคนที่อยู่ในเมืองนี้ในตอนนี้ไม่น่าจะมีใครที่รู้เรื่องของที่นั่นเสียมากกว่า”        คำที่คุณป้าเอ่ยออกมาเล่นเอาใบหน้าคมถึงกับออกอาการงง...จะไม่รู้ได้ไง ในเมื่อร้านนี้เองก็มีสภาพเก่าแก่ไม่ได้แพ้มินชูคุนั่นเลย

“ พ่อหนุ่มยังจำข่าวหิมะถล่มครั้งร้ายแรงที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อราวๆสองสามปีที่แล้วได้ไหมล่ะ...นั่นน่ะ....ที่นี่แหละ”       สิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ทำเอานัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้าง...ในใจเริ่มจะเต้นไม่เป็นจังหวะ....ความหวาดวิตกจากการคาดเดาไปต่างๆนานาเริ่มทำให้ไม่ค่อยอยากจะรู้เรื่องราวต่อไป

“ เมืองทั้งเมืองจมหายไปอยู่ใต้หิมะสูงหลายสิบเมตร....หลายวัน....กว่าคนข้างนอกจะเข้ามาช่วยเหลือได้....คนที่อยู่ใต้กองหิมะก็เสียชีวิตไปแล้วเป็นส่วนใหญ่.....อูยยย ขนาดเราเดินตากหิมะไม่กี่ชั่วโมงยังแทบแย่ แล้วนี่ต้องถูกฝังอยู่แบบนั้นตั้งไม่รู้กี่สิบชั่วโมง ไม่ตายยกเมืองก็ปาฏิหาริย์แล้ว”      สิ่งที่คุณป้าพูดออกมาเล่นเอาใบหน้าคมชาวาบ

“ ป้ายังจำภาพที่ลงหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ได้....ขาวโพลนจนไม่เห็นแม้แต่หลังคาบ้านไหนสักหลังเลยละ...น่ากลัวมากๆ”

“ จากเรื่องในตอนนั้นทำให้ที่นี่แทบจะกลายเป็นเมืองร้างเป็นปีๆเลยนะ แต่ก็เพราะพอหิมะละลาย ธรรมชาติแถบนี้มันยังสวยอยู่ คนก็เลยเริ่มเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ใหม่...อย่างป้าเอง...ร้านนี่เคยเป็นของพี่ชายที่ตายไปตอนพายุหิมะถล่ม จะปิดร้างไว้ก็เสียดาย เลยเข้ามาทำต่อน่ะจ้ะ”      เพราะแบบนั้นสินะ ถึงได้บอกว่าไม่น่าจะมีใครในเมืองนี้ในตอนนี้ที่จะรู้เรื่องของมินชูคุนั่น

หากยังคงถูกปล่อยเอาไว้ให้รกร้างอยู่แบบนั้น ก็แสดงว่า...ไม่มีใครที่จะเข้ามาทำต่อ....

เพราะทุกคนในบ้าน...เสียชีวิตไปหมดแล้ว....?

โกคุเดระ....นายก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะสีขาวนั่นหรือเปล่า....


มือใหญ่วางตะเกียบลงด้วยรู้สึกปวดตุบๆที่หัวตา หลังจากได้รู้เรื่องราวก็ยิ่งเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม...เพราะยิ่งรู้ก็ราวกับว่าสิ่งที่ต้องการมันกำลังห่างออกไปเรื่อยๆ

ความเป็นจริงที่ว่าเขาจะยังได้เจอโกคุเดระอีกมันยิ่งลอยห่างออกไปจนมือชักจะไขว่คว้าไม่ได้

เขาควรจะสืบหาต่อไป หรือความจะปล่อยให้เรื่องมันจบลงไปทั้งๆอย่างนี้

เพราะความจริงที่จะได้เจอมันอาจจะโหดร้ายกว่าการที่ยอมหยุดหัวใจเอาไว้แค่นี้ก็เป็นได้




ขายาวเดินอย่างไร้จุดหมายไปตามถนนเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ แสงสะท้อนที่เคยเป็นประกายระยิบระยับกลับดูหมองหม่น

ใบหน้าคมเงยมองแผ่นหินที่สลักชื่อวัดที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ขาจะก้าวเข้าไป...อีกใจหนึ่งก็บอกให้หยุด

เพราะไม่อยากจะเห็นหลักฐาน...ว่าโกคุเดระได้จากเขาไปแล้วชั่วกาลนาน...

“ ถ้าหลุมศพของตระกูลโกคุเดระละก็ อยู่ทางนู้นละโยม”       พระภายในวัดหันมาบอกเมื่อร่างสูงเดินเข้าไปถาม ปลายนิ้วที่ชี้นำทางให้นั้นมันบ่งบอกว่าอยู่ไม่ได้ไกลเลยสักนิด

ขายาวก้าวเดินไปตามทางอย่างเชื่องช้า....ตั้งไม่รู้กี่ครั้งที่มันหยุดลงดื้อๆ และตั้งไม่รู้กี่ครั้งที่มันพยายามจะหันหลังกลับ...

เขาจะรับได้หรอ?.....เขาจะทนได้หรอ?.....ถ้าต้องเห็นป้ายหน้าหลุมศพที่สลักชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ เอาไว้น่ะ....

สองมือกำแน่น สองขาหยุดลง ใบหน้าคมก้มมองพื้นอย่างเจ็บปวดก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

ต่อให้เปอร์เซ็นต์จะเป็นเท่าไหร่...แต่มันก็ยังมีโอกาส...ที่จะไม่มีป้ายหินแบบนั้นตั้งอยู่ที่นี่ และเขาจะต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา


ต่อให้จากนี้ไปจะต้องยอมรับกับรอยแผลที่หัวใจถูกฉีกขาดก็ตาม




ประตูรั้วเหล็กสนิมเขรอะถูกผลักให้เปิดออกช้าๆ เสียงเสียดสีช่างบาดลึกลงไปจนถึงขั้วหัวใจ

ป้ายหลุมศพมากมายที่อยู่ตรงหน้าเขาล้วนแล้วแต่มีชื่อสกุลว่า โกคุเดระ...

หากใครไม่เคยก็คงไม่รู้หรอก....ว่าการที่ต้องมาเดินไล่หาชื่อคนที่ตัวเองรัก จากป้ายหลุมศพที่มีชื่อสกุลของคนคนนั้นนำหน้า ไปที่ละอันๆแบบนี้ มันแทบขาดใจขนาดไหน

ทั้งกลัวว่าป้ายต่อไปจะใช่ ทั้งลุ้นว่าป้ายต่อไปจะไม่ใช่

ทั้งๆที่วันนี้อากาศเย็น แต่มือของเขากลับชื้นเหงื่อไปหมด....


โกคุเดระ....นี่คือการลงโทษอย่างงั้นหรอ....ที่ชั้นไม่ยอมตอบตกลงที่จะอยู่กับนาย....



นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่อ่านชื่อบนแผ่นหินไปเรื่อยๆ....ป้ายแล้วป้ายเล่า ก็ยังไม่เจอชื่อของโกคุเดระ ฮายาโตะ...

เผลอถอนหายใจทุกครั้งที่ไม่ใช่...เพราะถึงจะน้อยนิดแต่มันก็แสดงว่าเขายังมีความหวังอยู่...ยังอาจจะได้เจอกันอยู่....

ถึงแม้ว่าถ้าได้เจอกันแล้ว....นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นจะมองมาที่เขาราวกับคนที่ไม่รู้จักกันเลยก็ตาม


ร่างสูงเดินไปตามแถวสุดท้ายของป้ายหน้าหลุมศพ...ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่อัน....

ในใจนั้นลุ้นระทึกจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก....ยิ่งมีความหวังมาก มันก็ยิ่งน่ากลัวถ้าเกิดผิดหวังขึ้นมา

ขายาวก้าวผ่านป้ายที่สามจากสุดท้าย........ไม่ใช่...........ป้ายที่สองจากสุดท้าย.........ก็ยังไม่ใช่.....

จู่ๆขาก็ไม่กล้าที่จะขยับไปยืนหน้าป้ายอันสุดท้ายเสียแบบนั้น มือที่ชื้นเหงื่อสั่นสะท้านพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระรัว....นัยน์ตาสีเปลือกไม้ปิดลงจนหัวคิ้วแทบจะชิดกัน...ทั้งเครียด ทั้งกดดัน....

กลิ่นดอกไม้ราตรีโชยมาจากที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวัน...และมันยิ่งทำให้เขาอยากจะร้องไห้

กลัว....

กลัวว่ามันจะใช่....


มือพยายามที่จะกลับมากำแน่นเพื่อเรียกความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงทุกอย่างให้กลับมา....ต่อให้ใช่หรือไม่ใช่...โกคุเดระก็จะอยู่ในใจของเขาตลอดไป

ในฐานะความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...ของผู้ชายที่ชื่อยามาโมโตะ ทาเคชิ



นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปิดขึ้นอีกครั้ง...สูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนที่สมองจะสั่งขาให้ก้าวไปยืนข้างหน้าป้ายหลุมศพอันสุดท้าย....

สายตาค่อยๆไล่อ่านชื่อลงไป มีหลายครั้งที่มันวูบไหวจนแทบจะอ่านไม่จบ....




โก……..



คุ……..



เด……..



ระ...........







ฮา.........







ยา.........












เสะ.........!!!!





นัยน์ตาสีเปลือกไม้นิ่งค้าง...มือยกขึ้นไปกุมที่หน้าอกซ้ายพรางหายใจหอบโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าความกลัวที่สั่งสมอยู่กำลังทะลักออกไปจากร่างกาย


ไม่ใช่......



เขาไล่อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ถึงแม้ว่าคันจิจะเหมือนกันมาตั้งแต่ต้น แต่มีเพียงตัวสุดท้ายเท่านั้นที่ไม่เหมือนกันเลย....


ป้ายหน้าหลุมศพอันนี้ไม่ใช่ของโกคุเดระ ฮายาโตะ....ไม่ใช่ของคนที่เขารัก....


ร่างทั้งร่างทรุดลงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหิน ความโล่งใจทำให้น้ำตาแทบจะไหลลงมาให้ได้...


ดีใจ....


ดีใจมาก.....



โกคุเดระ ยังไม่ตาย....โกคุเดระยังมีชีวิตอยู่....




ร่างสูงโค้งคาราวะให้กับบรรพบุรุษและญาติพี่น้องของโกคุเดระเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขาเดินออกมา

จากหัวใจที่เคยหนักหน่วงตอนนี้มันกลับเบาสบาย....ขอแค่ได้รู้ว่าโกคุเดระยังมีชีวิตอยู่ก็พอ...ต่อให้ไกลแค่ไหนเขาก็จะตามไปหา




ภาพที่แปลกตาของเมืองเล็กๆในวันนี้ก็คือ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเที่ยวเดินถามใครต่อใครว่า พอจะมีใครรู้บ้างไหม ว่าเจ้าของมินชูคุข้างๆทะเลสาบหลังนั้นย้ายไปอยู่ที่ไหนกัน

แต่คำตอบก็ยังคงมืดแปดด้าน....

ร่างสูงนั่งลงด้วยเหงื่อโทรมกาย แต่แววตาที่เคยเศร้าหมองจนถึงเมื่อยามสายๆมันได้หายไปแล้ว นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยามนี้มันมีแต่ความหวัง

จะยากเย็นสักแค่ไหนเขาก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะตามหาโกคุเดระให้พบ



ในเมื่อถามผู้คนจนหมดทั้งเมืองแล้วก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องของที่นั่น เพราะฉะนั้นร่างสูงจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปค้นในมินชูคุ เผื่อว่าจะมีอะไรพอจะบ่งบอกได้ว่าคนในบ้านนี้มีที่อยู่อื่นอีกหรือเปล่า?

ขายาวเดินไปตามระเบียงไม้อย่างระวัดระวัง เพราะไม้กระดานที่ยังพอเดินได้อยู่บ้างนั้นก็ผุกร่อนเต็มที เขาจำได้ว่าที่พักของเจ้าของมินชูคุอยู่ทางด้านนี้ และเมื่อมือเปิดเลื่อนประตูที่เหลือแต่โครงเข้าไป ก็ได้เห็นสภาพข้าวของที่เละเทะกระจัดกระจาย

มือใหญ่ก้มลงไปเก็บสมุดที่วางเกลื่อนอยู่แทบเท้า ดูท่าว่าหลังจากวันที่หิมะถล่ม คงจะไม่มีใครเข้ามาเก็บกวาดที่นี่เลยแน่ๆ ข้าวของส่วนใหญ่ถึงยังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน เพียงแต่มันก็เสียหายเกินกว่าที่จะนำกลับมาใช้ได้แล้วเช่นกัน

หน้ากระดาษที่ถูกเขาหยิบขึ้นมานั้นขาดติดอยู่ที่พื้น ไม่ต้องพูดถึงหมึกที่เคยเขียนอยู่บนกระดาษที่มันละลายหายไปกับหิมะจนไม่เหลือแม้แต่ลายเส้นอะไรบนกระดาษ

ใบหน้าคมเผลอถอนหายใจออกมา...ยังไงนี่ก็เป็นเบาะแสเพียงน้อยนิดที่มี ต่อให้ต้องพลิกมินชูคุหลังนี้ขึ้นมาหา เขาก็จะทำ



เสียงรื้อค้นข้าวของยังคงดังต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน...

แต่ร่างสูงก็ไม่ได้รื้อมันออกมาอย่างเดียว เขายังจัดการจัดเก็บข้าวของที่คิดว่าเจ้าของน่าจะยังอยากเก็บไว้ แล้วยังคัดแยกขยะและอะไรที่มันผุพังออกมากองเอาไว้รอให้รถขยะมาขนเอาไป

จนในที่สุด บ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ที่เคยรกร้างก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยม สวนที่เคยมีหญ้าสูงท่วมหัว ร่างสูงก็จัดการมันจนเรียบร้อย ส่วนตัวอาคารที่เสียหาย ถึงแม้จะซ่อมเองไม่ได้แต่อย่างน้อยไม้กระดานที่ดูจะเป็นอันตรายก็ได้ถูกขนย้ายไปวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

มือใหญ่ยกขึ้นปาดเหงื่อเมื่อได้มายืนมองผลงานของตัวเอง รอยยิ้มน้อยๆเผยอยู่บนใบหน้า....นี่เขาใช้เวลาในช่วงปิดเทอมไปกับสิ่งที่จะมีตัวตนอยู่จริงๆหรือเปล่าก็ยังไม่รู้แบบนี้เองน่ะหรอ?

เพราะไม่ว่าจะรื้อค้นจนทะลุปรุโปร่งยังไง เขาก็ยังไม่เห็นบันทึกหรืออะไรก็ตามที่จะบ่งบอกได้ว่า คนในบ้านนี้มีที่อยู่อื่น หรือแม้แต่ชื่อของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ก็ไม่ถูกค้นพบเลย

ตอนนี้เขามีแต่ต้องเชื่อในหัวใจของตัวเอง...ว่าโกคุเดระเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่จริงๆ



ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องน้ำ สายตามองไปที่ก๊อกฝักบัวที่เขาจำได้ว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนมันเองกับมือ ถึงแม้ตอนนี้สภาพมันจะสนิมเขรอะแต่พอถูกบิดเข้าหน่อยมันก็ยังปล่อยน้ำออกมาได้เป็นอย่างดี

ขายาวก้าวออกมาจากมินชูคุ....ถึงแม้จะไม่ได้เรื่องอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เก็บกวาดที่ที่ทำให้เขาได้พบกับโกคุเดระจนมันสะอาดเอี่ยม

สักวัน...ถ้าเขาได้เจอกัน...แล้วได้กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันอีกก็คงจะดี....

“ เอาใจช่วยชั้นด้วยล่ะ”     ใบหน้าคมหันไปพูดกับบ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มให้กับมัน

และทันทีที่หันหน้ากลับออกมา....กลิ่นของดอกไม้ราตรีก็โชยมาแตะจมูก...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างอย่างที่เพิ่งจะนึกอะไรออก...

กลิ่นของดอกไม้นี่...ไม่ใช่กลิ่นของโกคุเดระ...แต่ว่ามันเป็นกลิ่นของต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในสวนของบ้านหลังนี้ต่างหาก....


ใบหน้าคมหันกลับไปมองที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง....

หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว...โกคุเดระ ฮายาโตะ จะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงๆ...

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพที่บ้านหลังนี้สร้างขึ้นมา...เพื่อหาใครสักคนที่จะกลับมาดูแลมัน

เพื่อหาใครสักคน...ที่จะกลับมาอยู่ที่นี่....



ร่างสูงเดินโซเซกลับมายังโรงแรมที่พัก ความคิดที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวนั้นทำยังไงก็สลัดไม่หลุด

ไม่จริง...เขาไม่เชื่อ...ว่าโกคุเดระจะเป็นแค่ภาพหลอน

มือเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด...ไม่ใช่ว่าเขากลัวจนไม่กล้าจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่เขาไม่อยากจะรับรู้ความเป็นจริงอันโหดร้าย ไม่อยากจะมองเห็นสถานที่ที่ยังอยู่ในความทรงจำแห่งนี้ต่างหาก


เขาไม่อยากจะเชื่อ...ว่าทุกอย่างจะเป็นแค่ภาพ....ที่บ้านหลังนั้นสร้างขึ้นมา......






ปิดเทอมที่แสนสั้นจบลงไปในที่สุด...

ร่างสูงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในบ้านเมืองของตัวเอง....แต่ที่ยังไม่ปกติจะเห็นก็มีแต่สภาพของตัวเองนี่แหละ

ทั้งๆที่เป็นวันเปิดเทอม แต่เขาก็ยังไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปโรงเรียน ยังไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปเล่นเบสบอลที่เขารัก....ดูท่าจะเป็นเอามาก....เพื่อนในชมรมบอกเขาว่าแบบนั้น

เสียงออดบอกเปลี่ยนคาบเรียนดังขึ้น และทุกคนในห้องก็กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินออกจากห้องเรียน

“ เฮ้ย ยามาโมโตะ! ถ้าช้าเดี๋ยวก็โดนยัยป้าบรรณารักษ์กัดหัวเอาหรอก ฮ่าๆ”      เพื่อนในห้องตะโกนบอก....อ่า....จริงสินะ วิชาต่อไปเป็นวิชาที่สุดแสนจะน่าเบื่ออย่าง การเรียนรู้ด้วยตัวเองในห้องสมุดนี่นะ

ร่างสูงเดินไปตามระเบียงด้วยใบหน้าซังกะตาย ก่อนจะเหยียบเข้าไปในห้องสมุด...ไม่ต้องบอกเลยว่าเขาจะมาทำอะไรที่นี่ ถ้าไม่ใช่มาหาที่นอน

แล้วร่างกายก็เดินตรงเข้าไปในมุมหนังสือเก่าโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ใบหน้าจะเผลอชะงักเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าเขาเองก็เจอกับหนังสือแนะนำ มินชูคุของโกคุเดระที่นี่

ใบหน้าคมยิ้มน้อยๆก่อนที่ปลายนิ้วจะแตะสันหนังสือเล่มนั้นแล้วดึงมันออกมา...ต่อให้เป็นภาพลวงตาหรือเป็นความฝัน...เขาก็อยากจะเห็นมันอีกสักครั้ง...

มือพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เจอกับหน้าแนะนำมินชูคุของโกคุเดระ

แล้วจู่ๆกลิ่นดอกไม้ราตรีก็ลอยมาแตะจมูก....

มาจากที่ไหนกัน?

ในขณะที่ใบหน้าคมเงยมองไปรอบๆกาย สายลมอ่อนๆก็พัดมาจนหน้ากระดาษพลิกไปอีกด้าน

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มีแววงงๆก่อนจะหันกลับมาจับจ้องที่หน้ากระดาษต่อ....และแล้วมันก็ต้องเบิกกว้าง....

เมื่อมุมเล็กๆมุมหนึ่งของหน้ากระดาษมีลงเอาไว้ด้วยว่า...



ตระกูลโกคุเดระ มี มินชูคุ อยู่สองที่.....








ขายาวก้าวลงจากรถบัสประจำทาง ก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้จะมองไปรอบๆ

เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดูคึกคักกว่าเมืองเล็กๆริมทะเลสาบนั่น ผู้คนหนาตาต่างเดินสวนกันไปมาบนถนน

ร่างสูงเดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ สายตาเฝ้ามองสัญญาณในโทรศัพท์มือถือ....ที่นี่มีคลื่นอยู่เต็ม....เป็นโลกในมิตินี้แน่นอน

“ เจอแล้วครับพ่อ...ครับ...แล้วจะซื้อของไปฝากนะ ฮะฮะ”      เสียงปลายสายตัดสัญญาณโทรศัพท์ไป ใบหน้าคมยิ้มน้อยๆเมื่อมองเห็นป้ายชื่อไม้ของมินชูคุ

ในใจที่สงบนิ่งมาตลอดทางเริ่มจะเต้นระรัวขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีที่นี่อยู่ ทั้งกลัวว่าจะไม่มีคนชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ อยู่ที่นี่....แต่ถึงจะมี...เขาต้องทำหน้ายังไงให้กับโกคุเดระที่ไม่รู้จักเขาเลยคนนั้นกันนะ...

ใบหน้าคมสะบัดไปมา....คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีแต่ต้องลุยต่อไปเท่านั้น

ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้ต้องเจอกับอะไร เขาก็จะเผชิญหน้ากับมัน

“ รบกวนด้วยครับ”       มือเปิดประตูเลื่อนหน้าบ้านเข้าไปพร้อมกับส่งเสียงเรียก ภายในมินชูคุไม่ได้เงียบเชียบเหมือนมินชูคุที่ทะเลสาบ

เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินออกมาช้าๆนั่นทำเอาหัวใจเต้นแรงด้วยความลุ้นระทึก

เขาไม่ได้คิด แล้วก็ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนหรอกว่า คนที่ออกมาต้อนรับเขาคนแรกจะเป็นโกคุเดระ


แต่ทว่า....


นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ต้องเบิกกว้าง.....



“ ยินดีต้อนรับ...ผู้จัดการยังไม่กลับ ถ้ายังไงเชิญมารอที่ห้องนี้ก่อนก็แล้วกัน”     

ร่างบอบบางที่นั่งทับส้นอยู่บนพื้นไม้ทางเข้าบ้านพร้อมกับก้มหัวลงไปน้อยๆนั่น....ดูยังไงก็เป็น โกคุเดระ ฮายาโตะ ไม่ผิดแน่....

ทั้งเส้นผมสีเงินระติ่งหู ทั้งใบหน้าสวยที่ดูดื้อรั้นน้อยๆ ทั้งนัยน์ตาสีมรกตที่ช้อนขึ้นมามองด้วยแววตาแข็งกร้าว ทั้งท่าทางห้าวหาญที่ซ่อนอยู่ในความนุ่มนวล....ถึงแม้ร่างกายบอบบางจะดูสูงระหงกว่าที่เขาเคยสัมผัส....แต่คนตรงหน้ายังไงก็คือโกคุเดระของเขาไม่ผิดแน่

“ โกคุเดระ.......”       และไม่รู้ว่าเพราะความดีใจ หรือเพราะต้องการจะพิสูจน์ หรือเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ไม่รู้ พอสิ้นเสียงเรียกจากปากของเขา มือก็คว้าเอาร่างบอบบางในชุดกิโมโนขึ้นมา

ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงไปบนกลีบปากสีแดง จนนัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง

ทั้งความคิดถึง ทั้งความโหยหาย ถูกส่งผ่านออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้ผ่านริมฝีปากที่แนบชิด

เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปทั้งๆที่ปากเล็กยังมึนงง

ความหอมหวานที่ได้รับกลับมานั้นมันบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้ามีตัวตนอยู่จริงๆ

โกคุเดระเป็นมนุษย์ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ....


ไม่รู้ว่าเขาจูบร่างบางไปกี่รอบ แต่พอละออกมาเขาก็กดลำตัวบางเอาไว้แนบอก...อยากจะกอดเอาไว้แบบนี้ตลอดไป....กอดเอาไว้ให้สาสมกับความคิดถึงที่เขามีให้

“ ฉันกลับมาตอบคำถามนายแล้วโกคุเดระ....ว่าฉันจะอยู่กับนาย....อยู่กับนายตลอดไป....”      เสียงทุ้มเฝ้ากระซิบอยู่ที่ข้างใบหูแดงระเรื่อ

จมูกเฝ้าสูดดมกลิ่นที่เป็นกลิ่นของโกคุเดระจริงๆ ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ราตรี....

“ แก......”       เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากคนในอ้อมแขน....ให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้มีแววหม่นเศร้านิดๆ ริมฝีปากยิ้มฝืนๆออกมา ในใจได้แต่คิดว่าถ้าหากละอ้อมแขนออกไปแล้วถูกโกคุเดระถามว่า...นายเป็นใคร.....มันคงจะเจ็บปวดใจน่าดู

แต่เขาก็คงกอดอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้ตลอดไม่ได้...ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง...เพราะถึงจะถูกถามแบบนั้น ถึงจะถูกทำเหมือนคนไม่รู้จัก...แต่เขาก็จะไม่ถอย

หากความทรงจำมันหายไป....เขาก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่....


อ้อมแขนค่อยๆคลายออก ก่อนที่ปล่อยให้ร่างบอบบางเป็นอิสระ เมื่อละออกมาเขาถึงเพิ่งจะได้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วโกคุเดระน่าจะมีอายุพอๆกับเขา...น่าจะเป็นเด็ก ม.ปลายเหมือนเขา...ไม่ใช่เด็ก ม.ต้นอย่างที่บ้านหลังนั้นฉายภาพให้เห็น

หรือว่านั่นจะเป็นภาพของโกคุเดระ เมื่อสามสี่ปีก่อน....ตอนที่ยังอยู่ที่นั่น....

นัยน์ตาสีมรกตที่จ้องเขม็งกลับมาทำให้ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มแห้ง....เขาจะโดนต่อยกลับมาข้อหาที่อยู่ๆก็จับอีกฝ่ายที่ไม่รู้จักกันมาจูบก็คงไม่น่าแปลกใจเลย

แต่แล้ว....สิ่งที่ริมฝีปากแดงๆนั่นเอ่ยออกมาก็ต้องทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่า


“ แก.....ยามาโมโตะ...?”       นัยน์ตาสีเปลือกไม้ถึงกับเบิกกว้าง หัวใจที่พยายามทำใจมาแล้วกลับเต้นระรัวจนแทบจะทะลุอกเสื้อออกมา

โกคุเดระรู้จักเขา.....ร่างบอบบางนี่จำเขาได้....


ทำไมกัน?


มีแต่คำถามลอยอยู่ในหัว และร่างบอบบางเองก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน เพราะใบหน้าสวยแทนที่จะบึ้งตึงตามปกติ แต่มันกลับดูตะลึงปนอึ้งๆมากกว่า


ตกลงว่า....พวกเขารู้จักกัน...พวกเขารักกัน....อยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ในโลกใบนี้?




“ เดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้....ฉันฝัน.....มันเป็นความฝันที่ประหลาดมาก เพราะปกติแล้วคนเราจะจำไม่ได้หรอก...ว่าตัวเองฝันว่าอะไร....แต่ความฝันของฉันมันกลับชัดเจน...ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ...”       เสียงใสเอ่ยออกมาจากคนที่เดินอยู่ข้างๆ ใบหน้าคมเงยมองทางเดินเลียบแม่น้ำยามเย็นที่สะท้อนแสงแดดจนเป็นประกายระยิบระยับ

“ ฝันเห็นตัวเองในอดีต...เมื่อสามปีก่อนตอนที่ยังอยู่มินชูคุที่ทะเลสาบ....มันแปลก...ตรงที่ฉันฝันเห็นมันทุกวัน แล้วเรื่องราวมันก็ไม่ซ้ำกันเลย ราวกับว่ามันเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน....ที่ฉันกำลังต้อนรับลูกค้ากลุ่มหนึ่งซึ่งมาพักตอนช่วงปิดเทอม...เพื่อมาเข้าค่ายเก็บตัวของชมรมเบสบอล”     

“ แล้วเจ้าคนที่คอยป่วนฉันอยู่ตลอดเวลา ก็คือเจ้าบ้าที่มีชื่อว่า ยามาโมโตะ...แล้วหมอนั่นก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนาย”      มือใหญ่กระชับมือบางที่จับเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเดินออกมาด้วยกัน ดูท่าว่าโกคุเดระเองก็จะเข้าใจดี ถึงความรู้สึกที่เรามีให้แก่กัน

“ ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกับแกจริงๆ...ไม่คิดว่าแกจะมีตัวตนอยู่จริงๆ....”        เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

ร่างสูงเล่าเรื่องที่ตัวเองได้เจอมาให้กับร่างบางที่เดินอยู่ข้างๆฟัง สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของเราในตอนนั้นก็คือ...เราพอจะรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้พวกเราได้มาพบกัน....


มินชูคุ ที่ทะเลสาบหลังนั้น....


มันกำลังร้องเรียกให้ใครสักคนกลับไปดูแล....


ถึงแม้ว่าภาพที่มันฉายให้เราเห็นนั้นมันจะไม่ใช่สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยร่างกาย แต่มันก็สัมผัสได้ด้วยหัวใจ....ของเราทั้งสองคน...



ร่างสูงรั้งมือของอีกฝ่ายให้ร่างบางหยุดเดิน ประกายระยิบระยับจากแม่น้ำส่องสะท้อนภาพของคนทั้งคู่จนราวกับเป็นภาพวาด  นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองลงไปในดวงตาสีมรกตก่อนที่คำพูดจริงจังจะถูกเอ่ยออกไป

“ นี่...โกคุเดระ....เรื่องที่ผ่านมามันอาจจะเป็นแค่ความฝัน แต่จากนี้ไปขอให้ฉันได้อยู่ข้างๆนาย ได้สร้างเรื่องราวที่เป็นของเราจริงๆขึ้นมาจะได้ไหม”      ใบหน้าสวยก้มงุดมองลงไปที่มือที่ยังคงถูกจับเอาไว้...เขารู้ว่าเจ้าคนตรงหน้าจะหน้าแดงแปร๊ดแล้ววิ่งหนีไปเพราะฉะนั้นจึงจับมันเอาไว้

“ โกคุเดระ....”      เสียงทุ้มเรียกชื่อซ้ำอีก ทำให้ใบหน้าแดงระเรื่อยิ่งร้อนผ่าว

แล้วเสียงตะกุกตะกักที่เอ่ยออกมาจากใบหน้าที่ยังก้มงุดก็ทำเอาใบหน้าคมยิ้มกว้าง

“ กะ ก็ตามใจแกสิ...”       มือดึงร่างบอบบางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนในทันที....ในหัวใจที่โหยหามาแสนนานราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม


ตอนนี้เขามีความสุขมาก....





ใบหน้าของเราสองคนมองออกไปยังท้องฟ้าแสนไกล...ถึงจะไม่ได้บอกเป็นคำพูดออกมาแต่ว่าต่างก็มีความคิดนี้อยู่ในใจ...


ว่าสักวันหนึ่ง....จะกลับไปอยู่ที่มินชูคุแห่งนั้น....


เพราะมันช่วยนำพา.....ให้เราสองคนได้มาพบกัน....



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

FIN




อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฟิน!!!!

นาน น๊านนนนน จะได้เขียนฟิน กับเค้าซักที โฮกกกกกกกกก ดีใจน้ำตาไหลพรากเลยค่ะ T^Tbb  ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะค้าที่ยังตามอ่านกันอยู่ 5555 เห็นคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วอยากจะบอกว่าดีใจมากกกกกกกก แค่คำว่าชอบ แค่คำว่าขอบคุณ มันก็ทำให้มีกำลังใจมากมายมหาศาลเลยค่ะ  ทางนี้เองก็ต้องขอบคุณเช่นกันค่ะ m(_ _)m

เหะ เหะ ตอนแรกว่าจะปั่น ดาวตกตอนที่ 9 มาลงก่อน แต่ทำไปทำมาเพราะว่าดันไปฟัง เพลง Friendship เวอร์ชั่น Love Hina เข้า แล้วมันดันออกแนวเหงาๆ ทำเอาจิ้นไม่บันยะบันยัง เลยหันมานั่งปั่นทางนี้จนจบซะงั้น 5555 ดาวตกก็ช่วยรอสักครู่นะค้า...พูดถึงเพลงนี้....ในอนิเมะซีซั่นนี้ มีเรื่องหนึ่งเอามาใช้เป็นเพลงเปิดค่ะ เพราะมากกกกก (จริงๆต้องบอกว่าเพราะทุกเวอร์ชั่น งื้อออ) เพลงเปิดของเรื่อง Sukitte ii nayo นั่นเอง โฮกกกกกกก ดูกันเถอะพี่น้องคะ เรื่องนี้น่ะค่ะ แนะนำสุดหูรูดดดด ถึงแม้จะไม่ใช่สายวายแต่มันโฮกจริงๆนะ *กัดผ้าเช็ดหน้า*

คือจริงๆต้องบอกว่า ซีซั่นนี้ ที่ติดหนักๆมีอยู่ 4 เรื่อง (จาก10 = =”) คือเรื่องอื่นยังชิลๆดูเมื่อไหร่ก็ได้(เร๊อะ) แต่ 4 เรื่องนี้แทบจะเรียลไทม์ 555...เรื่องแรกก็ Psycho Pass อนิเมะแนวตำรวจ(?)ฝีมือการดีไซน์คาแรกเตอร์โดย อ.อามาโนะ ของเรานี่เอง...ดีไซน์ออกมาซะคุณโคหล่อว์ไม่บันยะบันยังเลยค่ะ อ๊ากกกกกก ตัวเนื้อเรื่องเองก็สนุกมากๆด้วย ถึงจะโหดปนมืดนิดดดนึงก็ตาม555 (เนื้อเรื่องโดยอ.ที่แต่งสาวน้อยมืดมน เอ้ย เวทมนต์มาโดกะ) ตัวละครอื่นๆก็น่าโฮกค่ะ อย่างโชโงะซังหล่อเลวของเรานี่ก็อย่างกะลูกชายของหนูก๊กที่มีพ่อเป็นสัปป้ากับป๋าเบียเลยอ่ะ (เฮ้ย) ส่วนนางเอก สึนะ(?)โมริ นี่ก็อย่างกะทูน่าเวอร์ชั่นใส่กระโปรงยังไงอย่างงั้น 555 แต่ชอบบุคลิกนางเอกนะ ทางทีมอนิเมะเก็บรายละเอียดได้ดีเลยอ่ะ ยิ่งดูยิ่งน่ารัก ฮ่าๆๆ(แล้วหัวเราะทำไมคะ?)


เรื่องที่สอง ก็ ...K….ถึงชื่อเรื่องจะสั้นแต่จินตนาการ(?)ไม่สั้นนะค้า.....ถึงขั้นทำเอาอยากเขียนฟิคจนแทบจะลงแดงมาแล้ว 555 แน่นอนว่าคู่ 3P (เร๊อะ) ฟุชิมิ ยาตะ คามาโมโตะ เค่อะ =3=


เรื่องที่สามก็  Sukitte ii nayo อนิเมะจากมังงะผู้หญิง เรื่องนี้นอมอลค่ะ เนื้อเรื่องสนุกแถมสตูที่ทำก็ทำภาพออกมางามหยดแถมมุมกล้องกับฉากยังได้ใจด้วยอ่ะ คิดว่าหลายๆฉากเลยนะที่ตัดต่อ ทำบท ทำสตอรี่บอร์ดได้ดีอ่ะ (จริงๆก่อนที่จะได้ดูอนิเมะ เรื่องนี้ชอบพอๆกับ หวานใจนายตัวป่วนนะตอนที่อ่านมังงะ แต่เพราะทีมอนิเมะทำออกมาได้โดนใจเลยติดเรื่องนี้มากกว่า55) ที่สำคัญคือ... Sakurai Takahiro พากย์พระเอกค่า (ซีซั่นนี้ไปเรื่องไหนก็เจอนะคะ สองเรื่องบนนั่นก็พากย์ด้วย...ไซโครพาสพากย์โชโงะซัง(กรี๊ดดดด) ส่วนเค พากย์คุซานางิซัง (โฮกกกกกกก เหมือนจะพากย์สำเนียงคันไซด้วยไหมนะ?))

ส่วนเรื่องที่สี่...Kamisama Hajimemashitaก็แบบว่า พ่อจิ้งจอกกับพ่องูขาวมันน่าร้ากกกกกอ่า....ดูเรื่องนี้แล้วมันสบายใจดีน่ะค่ะ เป็นแนวแฟนตาซี แบบที่ชอบเรย555

ส่วนเรื่องอื่นๆที่ไม่ได้พูดถึงก็ใช่ว่าจะติดน้อยกว่ากันหรอกน่า =3= ยังไงก็ลองหามาดูกันน้า


เอ๊ะ?  เหมือนบอกว่าจะเม้าท์ยาวๆนี่หว่า ว่าฟิคเรื่องนี้มาได้ไง 5555 (เวิ่นออกทะเลไปไกลละ ข้างบนน่ะ = =)

ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ ว่าฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคของฝากจากการเดินทางไกล....ก็เมื่อวันที่ 16-26 ที่ผ่านมานี้ไปท่องเที่ยว ณ แดนซากุระมาค่ะ ได้ไปหลายๆที่ที่น่าประทับใจ แต่ว่านะ...ไม่ว่าจะไปกี่ที่ตรูก็จิ้นถึงยามะก๊กทุกที ฮ่าๆๆๆ  อย่างของเรื่อง “ความทรงจำในคืนสีเทา” นี่ก็จิ้นออกมาตอนไปพักที่มินชูคุที่ทะเลสาบ Chuzenji ที่ Nikko ค่ะ ตอนที่ไปนั่นที่นั่นใบไม้แดงร่วงหมดแล้ว แล้วมันก็กำลังจะมีหิมะตก...= =”...เพราะงั้นเลยไม่มีใครไปเที่ยว แทบจะกลายเป็นเมืองร้างอ่ะ โอยยย Silent Hill มากๆ บรรยากาศก็เหมือนในรูปที่แปะไปตอนที่แล้วนั่นแหละ....แล้วในคืนนั้นที่ต้องนอนอยู่ในมินชูคุ ก็เนื่องด้วยมันอยู่ติดทะเลสาบ ลมเลยแรงมากกกกก มันพัดมาปะทะหน้าต่างดัง กึงๆๆ ตลอดทั้งคืนเลยค่ะ อินี่ก็ไม่รู้ละว่านั่นมันหิมะหรือว่าฝนตกกันแน่ รู้แต่ว่าตรูนอนแทบไม่หลับเลยว้อยค่า....ไม่ได้กลัวอะไรหรอก แต่มันคงเป็นช่วงที่ยังปรับเวลาปรับตัวไม่ได้มั้งเพราะเป็นวันแรกๆที่ไปถึงญี่ปุ่น...คืนนั้นก็เลยนอนกลิ้งไปกลิ้งมา....ได้ฟิคมาเรื่องนึงซะงั้นอ่ะ =[ ]=

ยะ ยังไงก็ไว้จะมาเขียนรีวิวทริปนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีแล้วกันนะคะ แหะแหะ

ก่อนไป แอบแปะรูปใบไม้แด๊งแดงที่ถ่ายมากับมือซักหน่อย อิอิ อันนี้ถ่ายที่เกียวโตค่ะ










7 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดด...!! ชอบมากเลยคร๊า แต่งได้กินใจมากเลย...ๆๆ
    รอติดตามตอนที่ 9 นะคร่^^

    ตอบลบ
  2. โอยยยยตาย

    นึกว่าก๊กตายอ่ะ คุณกวางนิสัยไม่ดี หลอกเด็กสาวๆ(?)หัวใจจะวาย
    นึกว่คล้ายกับเรื่องที่คุณกวางเคยแต่ง ที่ก๊กเป็นผี (ฮา)แล้วยามะเป็นนักรบหลงทางมา
    สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกัน

    บรรยากาศสวยดีนะคะ อยากไปอีกจัง(ทำสายตาโหยหา) อยากไปมันดาราเกะ แต่รอให้ลิสต์การ์ตูนที่ชอบเสร็จก่อน ค่บเก็บเงินไปกวาดโด

    อ่านๆไปนึกว่าก๊กโดนย้อนอดีตไปดูแลบ้านพักซะอีก แงๆๆ

    ตอบลบ
  3. สุดยอดมากค่า!!!! เยี่ยมจริงๆ!!!! แต่แอบขำตอนนี้ยามะโดนต่อยที่ท้องอ่ะ//โดนยามะถีบ =[]=!!!

    ตอบลบ
  4. แต่งสนุกมากเลยค่ะ ^^
    ตอนแรกแอบตื่นเต้นไปกับตาเนียนว่าหนูก๊กเค้าจะยังอยู่ไหม ฮ่าๆ
    อยากอ่านเรื่องสั้นแบบนี้อีกๆๆๆ
    จะติดตามนะค่ะ :)

    ตอบลบ
  5. สนุกมากเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าก๊กจะตายซะแล้ว ค่อยยังชั่ว ยามะนี่ก็ช่างมีความพยายามดีจริงๆ น่ารักค่ะ

    ตอบลบ
  6. (วิ่งตามถนนสาย 8059 มาค่ะ แหะๆ)

    หลอนแทนยามะเบาๆนะคะ ไปเจอพลังงานบางอย่างแบบนั้นนี่..ถ้าไม่ใช่เพราะรักคงไม่อยู่แล้ว ><
    แต่ดีใจกับทั้งสองด้วย ที่ไม่ต้องจมอยู่ในความฝัน
    ได้รักกันในชีวิตจริงสักที :)

    ตอบลบ
  7. พี่กวาง...พี่กว๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงT[]T*กรี๊ดลั่น*

    ฟิคนี้ทำร้ายจิตใจคนอ่านมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ พาร์ทเเรกหวานจนอายม้วนต้วน พาร์ทนี้เปิดมาเงิบเเบบ....เฮ้ยยย มินชูคุหาย หายไปไหน หายไปได้ยังไง....

    เเละที่อ่านเเล้วเจ็บจี๊ดครั้งเเรกเลยก็คือ ตอนที่ยามะรู้ว่ามินชูคุโดนหิมะถล่ม เข้าใจฟิลเลย เเบบ เฮ้ย อุตส่าห์กลับมาหาคนที่เรารัก ตั้งใจว่าต่อจากนี้จะมาไถ่โทษ เเล้วทำไมถึงเป็นเเบบนี้ โอ๊ยยยยย!! โหดร้าย โหดร้ายมากๆ...

    อ่านถึงตอนนั้นนี่คิดเลย เฮ้ย อย่าบอกนะว่าก๊กเป็นผีอะ!!=[]= ไม่จริงใช่ไหมคะพี่กวาง


    อ่านต่อมาเริ่มเครียดถึงเครียดมาก...เข้าใจอารมณ์คนที่มีความหวัง เเต่ความหวังนั้นเลื่อนลอยริบหรี่เต็มที(เพราะหนูก็เป็น) อ่านไปเริ่มจิกหมอน...ยามะเดินหาหลุมศพ!!!

    โอเอ็มจี....


    อ่านไปน้ำตาจะพราก...เเม่เจ้า ทำไมทำร้ายเเบบนี้ (จิกหมอนเเน่นเลยตอนอ่านชื่อหลุมศพหลุมสุดท้าย)

    พอไม่ใช่ เออ โล่งง...

    รอบต่อมา นี่ นับถือความพยายามของยามะ...โห ลงทุนเก็บกวาดจัดมินชูคุเชียวนะ สุดยอด พลังเเห่งรักทำได้ทุกอย่างๆจริงๆนะ...

    เเต่อ่านไปเริ่มสงสารยามะ...กรรม ไม่จริงน่าา ไม่จริงใช่ไหม น้องก๊กมีตัวตนนะเฮ้ย!!T^T ทำไมถึงเป็นเเบบนี้


    อ่านต่อไปเรื่อยๆในสภาพจิกหมอนไม่ปล่อย


    ตอนเเรกก็ลุ้นว่า เฮ้ย ก๊กจะมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับยามะรึป่าวไรงี้ เเต่พออ่านๆไป...กรี๊ดดด มินูชคุมันมีสองที่*w*


    ชาบูว์ยามะฟิคนี้เลย...นับถือๆ ขอคารวะ !! T^T เเกเข้มเเข็งเกินไปเเล้วนะเนียน...

    ถือว่าใจเด็ดทีเดียวละที่ยอมไปที่มินชูคุอีกครั้ง...ตอนเเรกก็กลัวก๊กจำไม่ได้ เเต่พออ่านเเล้วโล่งเลย ความรู้สึกตรงกันนี่หว่า>w////< เพราะมินชูคุ คือพรหมลิขิต ฮะฮิ้วววว <3 *บ้าไปเเล้ว*

    สรุปเเล้ว ฟิคเรื่องนี้หักมุมจนทำร้ายคนอ่านหลายครั้งได้ในตอนเดียวT_T...//คารวะพี่กวาง

    ชอบโลเกชั่น(?)ฟิคเรื่องนี้นะคะ ดูอบอุ่นสงบ คิดภาพช่วงเวลาที่มีเเต่นักท่องเที่ยวมานี่คงจะวุ่นวายพิลึกล่ะเนอะ? จริงไหมคะ

    ///โดนเตะ

    ตอบลบ