KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059] -- BiOS : 07 --


KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059]  -- BiOS : 07 --

: KHR AU Fanfiction
: 8059
: Action  Horrors
: NC-17

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ










“ ฉัน....จะหยุดมันเอง”


โกคุเดระพูดออกมาด้วยใบหน้านิ่ง แล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าสูงใหญ่ที่เป็นบานเกล็ดอลูมิเนียมทอประกายสีเงินรับกับเส้นผมของเขา ผมลอบกลืนน้ำลายก่อนจะก้าวขาเดินตามเขาไป ในใจนึกภาวนา ถ้ากระสุนมันจะทะลุร่างของผมอย่างน้อยก็ขอให้มันพุ่งเข้าไปที่ตำแหน่งอย่างหัวใจ เอาให้ตายในนัดเดียวก็แล้วกัน


ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มั่นใจนัก เพราะดูยังไงๆไอ้ปืนกลนั่นมันก็น่าจะทำงานโดยอัตโนมัติ เพราะกล้องวงจรปิดที่ส่องมายังประตูหน้านั้นถูกใครสักคนพังซะจนไม่เหลือชิ้นดี


คงจะเป็นคนที่มาที่นี่ก่อนหน้านี้ แล้วคิดว่าถ้ากล้องนั่นพัง คนที่คอยบงการปืนกลอยู่จะได้มองไม่เห็น แล้วคนข้างนอกจะสามารถเข้าไปในนั้นได้โดยไม่ต้องโดนปืนนั่นสอยร่วงเอา


แต่มันไม่ใช่....


ในเมื่อตอนนี้ปืนกลมันยังคงทำงานตามหน้าที่ไม่มีลดละ...


เสียงกระสุนยิงทะลุลงไปที่พื้นดังจนแก้วหูผมสะเทือนไปหมด ต่อให้ไม่กลัวตายยังไงแต่ให้มาเดินฝ่าดงกระสุนแบบนี้มันก็ต้องมีขวัญผวากันบ้างแหละ


แต่ทว่า....ขาเรียวสวยของโกคุเดระก็ยังคงก้าวเดินต่อไป


......ติ้ดดดดดดด......


สัญญาณอะไรบางอย่างส่งเสียงเตือนยาวเหยียดจนผมเผลอหลับตาปี๋....ก็ไอ้เสียงแบบนี้มันคิดได้อย่างเดียวว่า พวกผมคงเดินเข้าไปเหยียบกับระเบิดที่วางเอาไว้เผื่อใครที่รอดพ้นปืนกลมาได้อะไรเทือกนั้น


ในขณะที่กำลังจินตนาการว่าอีกไม่นานคงมีเสียงระเบิดตูมใหญ่และมือไม้ของผมคงจะขาดกระเด็นออกจากกัน


แต่ไม่ว่าจะกลั้นใจรอรับความตายอยู่นานแค่ไหน....เสียงระเบิดที่ว่ามันก็ไม่ยอมดังขึ้นมาเสียที


ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นไปดู


มองเห็นเพียงแผ่นหลังบางของโกคุเดระ....กับรอบข้างที่เงียบสนิท.....


ไม่มียักกะมีเสียงระเบิด.....


แม้แต่ปืนกลเองก็หยุดยิงนิ่งไป.....


เกิดอะไรขึ้น....?


.......วีดดดดดด.......


เสียงดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมเผลอกระโดดถอยหลัง แต่คราวนี้กลับมีรังสีเป็นเส้นตรงฉายออกมาจากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่ที่ประตูรั้ว.....มันกำลังสแกนร่างกายของโกคุเดระ


นี่ผมเพิ่งรู้เลยนะว่า สถาบันวิจัยในเมืองเล็กๆอย่างนามิโมริจะมีอุปกรณ์ไฮเทคอย่างนี้อยู่ด้วย


“ ยืนยัน....โกคุเดระ ฮายาโตะ.....ยืนยัน....โกคุเดระ ฮายาโตะ”       เสียงตอบรับอัตโนมัติดังขึ้นอีกครั้งจากที่ไหนสักแห่ง แล้วอยู่ดีๆประตูแข็งกล้าบานนั้นมันก็เปิดออกหน้าตาเฉย


เฮ้ย!!! นี่เล่นเอาผมกับอีกสี่คนที่เหลืออ้าปากค้างกันเลยทีเดียว


บทจะง่าย มันก็ง่ายอะไรขนาดนี้!!


“ พวกนี้จะต้องเข้าไปกับฉันด้วย”       โกคุเดระเงยหน้าพูดกับบานประตู


“ ส่งรายงานไปยังห้องผู้อำนวยการเรียบร้อยแล้ว เข้ามาได้”


นั่นแหละ....ทำให้พวกผมทั้งหกคนสามารถมาเดินลอยชายอยู่ในสถาบันวิจัยได้โดยที่ตัวไม่พรุนด้วยรอยกระสุนไปซะก่อน


โกคุเดระเดินนำพวกเราเข้าไปในตึกรูปร่างทันสมัย เพราะรั้วสูงใหญ่ที่กั้นเอาไว้เลยทำให้ผมเพิ่งจะเคยได้เห็นมันเป็นครั้งแรก โถงของอาคารนั้นสูงขึ้นไปจนถึงชั้นสอง ส่วนต่างๆถูกกั้นเอาไว้ด้วยกระจกใส แม้แต่บันไดโค้งที่ทอดยาวลงมาก็ยังเป็นกระจก


ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าสวยของเขาอย่างสงสัย....ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นอะไรกับที่นี่กันแน่ ถึงได้ดูคุ้นเคยนัก ทั้งๆที่ปกติที่นี่ก็เข้ามายากอย่างที่รู้กัน


และเมื่อขาของพวกเราเหยียบเข้าไปได้ครบ สายตาก็จับไปที่ชายสองสามคนที่ยืนต้อนรับอยู่ที่ปลายบันไดชั้นสอง


“ กำลังรออยู่เลยล่ะ โกคุเดระ ฮายาโตะคุง....”        เสียงทุ้มยิ่งก้องกังวานเมื่อรอบด้านมีแต่กระจก ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดเสื้อกราวด์เอ่ยออกมาก่อนจะเดินนำหน้าก้าวขาลงบันไดมาหาพวกผม ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นยิ้มให้แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกขนลุกมากกว่าจะอุ่นใจ


“ ฉัน....ทาเคดะ....ยินดีที่ได้รู้จัก...เธอควรจะดีใจนะที่ผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยแห่งนี้อุตส่าห์ลงมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย”       คำพูดกับรอยยิ้มบางๆนั่นดูยังไงก็ไม่รู้สึกเป็นมิตร


“ .................ไม่จริง......”       โกคุเดระปฏิเสธเสียงเข้ม ผมเพิ่งเคยเห็นเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก ปกติเขามักจะทำหน้าเย็นชาไม่รู้สึกรู้สาไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตาม แล้วครั้งนี้ทำไมถึงตั้งใจปฏิเสธซะขนาดนั้น?


“ ผู้อำนวยการของสถาบัน....คือพ่อของชั้นต่างหาก....”        แล้วสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำเอาผมอยากจะอ้าปากค้างอีกรอบ นี่ตกลงพ่อเขาไม่ได้เป็นแค่นักวิจัยธรรมดา แต่เป็นถึงผู้อำนวยการของที่นี่....ถ้าแบบนั้นผมก็ไม่แปลกใจละว่าทำไมเขาถึงได้เข้ามาที่นี่ได้ง่ายดายนัก ในเมื่อพ่อเขาออกจะรักเขามากขนาดนั้น


“ หมอนั่นอยู่ไหน? ไปเรียกออกมาสิ”      โกคุเดระจ้องตาอีกฝ่ายไม่ลดละ


“ อดีต...ผู้อำนวยการไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว....เขามีความผิดโทษฐานที่หนีออกไป...พร้อมกับอาวุธชีวภาพที่ทำให้ข้างนอกนั่นเกิดหายนะอย่างที่เห็น”      ผมหันไปมองหน้าของโกคุเดระโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะสิ่งที่ชายในชุดกราวด์คนนั้นพูดดูเป็นเรื่องใหญ่จนผมไม่คิดว่าคนธรรมดาอย่างผมจะมีโอกาสได้มารู้เรื่องรู้ราวกับเขาด้วย


....ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าคนที่แพร่เชื้อไวรัสจะเป็นพ่อของโกคุเดระ....


“ แกโกหก!! หมอนั่นไม่มีทางทำอย่างงั้น!!      โกคุเดระตะโกนออกไป ร่างบอบบางทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ทาเคดะ แต่แขนของผมก็คว้าตัวเอาไว้ได้ทัน


“ ใจเย็นก่อนโกคุเดระ”      ผมพยายามกระซิบบอกเขา แต่นัยน์ตาสีมรกตก็จ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว ผมเพิ่งจะเคยเห็นเขาแสดงอารมณ์ออกมามากขนาดนี้เป็นครั้งแรก


“ ฮ่าๆๆๆ ฮายาโตะคุง....จะบอกอะไรให้นะ...ความจริงเธอเองก็มีความผิดโทษฐานสมรู้ร่วมคิดกับพ่อของเธอ แต่ว่า....ที่เธอยังไม่ถูกจับ นั่นก็เพราะว่า....”       ชายในชุดกราวด์เดินเข้ามาใกล้ ผมรวบตัวโกคุเดระเอาไว้ไม่ให้กระโจนใส่หมอนั่น


“ ร่างกายของเธอ...มันยังมีประโยชน์อยู่”      แต่คราวนี้ถ้อยคำที่หลุดออกมามันทำให้ผมพลิกร่างกายบางให้ไปหลบอยู่ข้างหลังทันที....หรือพวกนี้จะรู้แล้ว ว่าโกคุเดระถูกฉีดแอนตี้ไวรัสเป็นเวลานานมาแล้ว


“ น่า...ไม่ต้องกังวลไปหรอก...ถ้าเธอยอมร่วมมือในการทดลองผลิตแอนตี้ไวรัสตัวใหม่ขึ้นมา ฉันก็จะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่”      ทาเคดะยังคงเดินเข้ามาหาเขาโดยไม่กลัวเกรงคมดาบที่อยู่ในมือผมแม้แต่น้อย


ว่าแต่... “ตัวใหม่”...ที่ว่านั่นหมายความว่ายังไงกันแน่? มันไม่ได้มีอยู่แล้วหรอกหรอ? แล้วหมอนี่รู้เรื่องของพวกเขาถึงแค่ไหนกัน?


มีแต่คำถามลอยอยู่เต็มหัวผมไปหมด แต่แล้วทุกอย่างก็ถูกตอบด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว....


“ แอนตี้ไวรัสตัวที่พ่อของเธอทำขึ้นมามันยังไม่สมบูรณ์ใช่ไหมล่ะ?”        ชายคนนั้นก็ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของโกคุเดระ แต่ผมก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน


“....เธอยังมีอาการของซอมบี้หลงเหลืออยู่...ใช่หรือเปล่าล่ะ?”      


“ ?!!       ทำได้แค่เพียงตกใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเรา


“ โอ๊ย!!      ยังไม่ทันจะขยับไปไหน สองมือก็ถูกพลิกไปไขว้กันอยู่ข้างหลัง พร้อมกับเสียงดัง เคร้ง เมื่อดาบในมือร่วงลงกระทบพื้น ชายร่างสูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหนล็อคตัวพวกเราทั้งหกคนโดยไม่ทันจะตั้งตัว


ผมพยายามใช้แรงที่มีทั้งหมดเพื่อสะบัดให้หลุดจากการจับกุม แต่ดูเหมือนแรงของผมจะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย....พวกนี้....ดูเหมือนทหารรับจ้างเหมือนในหนังมากกว่าจะเป็นแค่รปภ.ซะอีก ขนาดสึกิชิม่าที่แรงเยอะพอๆกับผมยังทำอะไรชายชุดดำที่จับตัวอยู่ไม่ได้เช่นกัน


“ พาเด็กคนนี้ไปที่ห้องทดลอง”       ทาเคดะบอกคนที่จับตัวโกคุเดระอยู่ ใบหน้าสวยของเขาส่ายหน้าปฏิเสธ นัยน์ตาสีมรกตมีแววสั่นไหว


ยิ่งเห็น...ผมยิ่งเจ็บใจ....ที่ทำอะไรไม่ได้เลย


“ อย่ายุ่งกับเค้านะ!!      ผมตะโกนออกไปสุดเสียงเมื่อหมอนั่นลากร่างบางๆออกไป ผมไม่รู้ว่าตัวเองเหมือนคนบ้าแค่ไหน แต่วินาทีนั้น ทั้งแขนทั้งขาต่างดิ้นลนที่จะหลุดพ้น เพื่อที่จะวิ่งออกไปรั้งตัวของเขาเอาไว้


“ ปล่อยสิวะ!!     ไม่นะ...พวกนั้นจะทำอะไรโกคุเดระ...ไม่ได้นะ.....ผมไม่ยอม...ผมไม่ยอมนะ!


ในหัวมีแต่ถ้อยคำนี้วนเวียนไปมา ทั้งตะโกนทั้งออกแรงขัดขืนจนกระทั่งมือที่จับผมอยู่เพิ่มมาอีกหลายคู่


“ .......ยามะ....อื้อ!       เขาเองก็พยายามจะขัดขืน เสียงที่เปล่งเรียกชื่อผมขาดหายไปเมื่อมือหยาบกร้านตะปบปิดปากของเขาไว้


โธ่โว้ย! ถ้ารู้ว่าจะต้องเข้ามาเจอเรื่องแบบนี้ ผมจะไม่มีวันพาเขามาแน่!


“ บอกให้ปล่อย!! โกคุเดระ!!! โกคุเดระ!!        ร่างบางๆของเขากำลังจะถูกลากไปให้พ้นสายตา เขาหันใบหน้ามามองผมเป็นครั้งสุดท้าย นัยน์ตาสีมรกตที่ดูโหยหาเล่นเอาผมแทบคลั่ง


ผลั๊วะ!!


อะไรหนักๆกดทับมาที่ลำคอ ร่างกายชาวาบก่อนที่ขาจะค่อยๆหมดแรงยืน


“ อย่าเผลอฆ่าไปล่ะ...เรายังต้องการหนูเอาไว้ทดลองแอนตี้ไวรัสอยู่นะ....”        เสียงค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ....ตรงข้ามกับความมืดที่ค่อยๆครอบคลุมสติของผมจนในที่สุดก็มองไม่เห็นอะไรอีก....










ได้ยินเสียงน้ำหยดดัง ติ๋งๆ อยู่ไกลๆ ความหนาวเย็นเล่นเอาขนบนกายลุกชัน....


“ ไง....รู้สึกตัวแล้วหรอ?”        เสียงเรียบๆของใครสักคนพูดกับผม มันเป็นเสียงที่ผมคิดว่าเคยได้ยินจากที่ไหนแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นหน้าของเขา


“ ถ้าไม่ลืมตาขึ้นมา เธอก็มองไม่เห็นหน้าของฉันหรอกนะ”      จริงอย่างที่เสียงนั่นบอก ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะยกมือไปกุมที่ต้นคอโดยอัตโนมัติ มันยังเจ็บจี๊ดๆอยู่นิดๆ


“ นี่ผม......”        ผมยังนึกอะไรไม่ออก ได้แต่ลุกขึ้นมานั่งโงนเงน

“ เธอ....ฉันเคยได้ยินเสียงเธอ....เธอคือคนที่อยู่กับฮายาโตะที่บ้านใช่ไหม?”       เห๋?....เขารู้จักโกคุเดระ?....แถมยังพูดถึงเรื่องที่บ้าน?....ผมนึกย้อนไปย้อนมาประกอบกับเสียงของชายคนนั้นที่ผมได้ยิน.....ระ หรือว่า.....


“ คุณคือพ่อของโกคุเดระ?!        ผมตาเบิกโพลงก่อนจะจ้องหน้าเขาตรงๆ ถึงจะไม่คล้ายกันมากนัก แต่อะไรบางอย่างบอกให้ผมรู้ว่าใช่


“ ถ้าเธอมาอยู่ที่นี่....ฮายาโตะมาหาฉันใช่ไหม? เขาก็อยู่ที่นี่ใช่ไหม?”       มือของพ่อโกคุเดระเอื้อมผ่านลูกกรงเหล็กมาจับคอเสื้อของผม ผมยังมึนงงจึงได้แต่อึกๆอักๆ


“ ที่นี่มัน....?”        ผมมองไปรอบๆ ความมืดและกลิ่นอับดูยังไงก็ไม่ใกล้เคียงกับสถาบันวิจัยที่สว่างไสวนั่นสักนิด ซ้ำยังลูกกรงเหล็กที่กั้นผมกับพ่อของโกคุเดระอยู่นี่อีก


“ เฮ้อ...คงจำอะไรไม่ได้เลยสินะ....ดูท่าว่าพวกเธอจะถูกทำให้สลบก่อนจะถูกจับมายัดไว้ที่นี่...ตอนนี้พวกเธออยู่ในคุกใต้ดินของสถาบันวิจัยไงล่ะ”      เขาอธิบายก่อนจะปล่อยคอเสื้อของผมออก


“ แล้วทำไมคุณ....เอ่อ  พ่อของโกคุเดระ ถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”       จะเรียกคุณพ่อก็กะไรอยู่....เขาไม่ได้หนีออกไปอย่างที่ทาเคดะบอกสินะ


“ ก็ถูกจับมา....เหมือนพวกเธอนั่นแหละ”        ผมลอบถอนหายใจ ที่อย่างน้อยตัวการหายนะในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะพ่อของคนที่ผมรัก


“ พวกนั้นคงรอเวลานี้อยู่นานแล้วล่ะสิ”      ใบหน้าของคนที่อยู่ตรงข้ามเข้าสู่โหมดวิชาการ ดูผ่านๆแล้วเขาก็เหมือนนักวิจัยธรรมดาๆที่ไม่น่าจะเป็นผู้อำนวยการที่นี่ได้ และยิ่งไม่น่าจะมีปืนติดบ้านไว้ตั้งสองกระบอกแบบนั้น   ในขณะที่ผมกำลังยิ้มแห้ง เสียงกุกกักอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นข้างหลัง


“ ถ้างั้น....ช่วยเล่าเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพนั่นให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ....”      เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น เมื่อผมหันไปมองก็ถึงได้เพิ่งรู้ว่า รุ่นพี่คาซาโนริก็ถูกขังอยู่ในคุกเดียวกับผมด้วย จะว่าไปเงาดำๆอีกเงาที่ยังนอนอยู่ที่พื้นถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นสึกิชิม่า...


“.............”        คุณพ่อของโกคุเดระเงียบไป ใบหน้าของเขากำลังครุ่นคิด อาจจะคิดว่าถึงจะเล่าไปพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี  ผมเขี่ยสึกิชิม่าให้ตื่นก่อนจะเดินสำรวจลูกกรงเหล็กที่ขังเราเอาไว้....เรื่องอื่นจะยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงโกคุเดระ....ต้องหาทางออกไปจากนี่ให้เร็วที่สุด


“ คาริยะ!!      สึกิชิม่าที่เพิ่งจะลุกขึ้นมานั่งงัวเงียจู่ๆก็ตะโกนเรียกชื่อของคาริยะออกมา


“ พวกนั้นจับหมอนั่นไป....กัปตันด้วย....พวกนั้นบอกว่าสองคนนั่นเคยถูกกัดแล้วก็เคยถูกฉีดแอนตี้ไวรัส เพราะงั้นร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันอาจจะใช้ทดลองอะไรได้...เราต้องออกไปช่วยนะ!      หมอนั่นจับแขนผมแน่น....ถึงไม่บอกก็กำลังจะทำแบบนั้นอยู่แล้วน่า


ผมไม่คิดหรอกว่า ใบหน้าที่ยิ้มได้น่าขนลุกของเจ้าทาเคดะ จะทำแอนตี้ไวรัสออกมาเพื่อมนุษยชาติ....มันต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ และผมจะไม่ยอมให้โกคุเดระเป็นเหยื่อการทดลองของมันแน่!


“.............มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ......”        เสียงเรียบๆดังมาจากอีกฝั่งของลูกกรงที่อยู่ติดกัน   ทำเอาผมกับสึกิชิม่าที่เดินพล่านไปมาถึงกับหยุดชะงัก


“ ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่วันหนึ่งในหลอดทดลองของห้องวิจัยที่ 7 .....เราพบไวรัสอันตรายชนิดนี้.....มันไม่ใช่อาวุธชีวภาพอย่างที่พวกเธอเข้าใจหรอก...มันก็เป็นแค่เชื้อโรคที่รอการกำจัด...เพียงแต่....”        พ่อของโกคุเดระยังคงพูดต่อไปด้วยเสียงเรียบ ผมกับสึกิชิม่ารอฟังประโยคต่อไปด้วยร่างกายที่นิ่งงัน ส่วนรุ่นพี่คาซาโนรินั้นกำลังหยิบรถบังคับคันจิ๋วที่ไม่รู้ว่าซุกเอาไว้ได้ยังไงในเสื้อตัวนอกของชุดนักเรียนออกมา


“ เวลาผ่านมาตั้งสองปีแล้ว....แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ทำลายมันไม่ได้”       ที่สันหลังรู้สึกเสียววาบ....ทำลายไม่ได้....หมายความว่ายังไงกัน?


“ มันเลยได้ชื่อว่า...ไวรัส...ยังไงล่ะ ตามปกติมันอาจจะมีชีวิตอยู่ในหลืบเงาไหนของเซลล์ในร่างกายสักเซลล์ และหากได้รับสารกระตุ้นบางอย่างมันก็จะแพร่ขยายจนเข้าควบคุมเซลล์จนลุกลามไปยังทุกส่วนของร่างกาย จนคนคนนั้นกลายเป็นซอมบี้อย่างที่พวกเธอเห็น”      จะบอกว่า.....เหมือนมะเร็งอย่างนั้นหรอ?


“ เพราะแบบนั้นฉันเลยลองผลิตแอนตี้ไวรัสนั่นขึ้นมา....แน่นอนว่าไม่ได้บอกให้ใครรู้ เพราะไม่อยากทำให้คนที่นี่ตื่นกลัว ว่าไวรัสนั่นไม่มีทางกำจัด...”


“ ตลอดสองปีมานี้ฉันแอบฉีดมันให้ฮายาโตะ เพราะอย่างน้อยถ้าเกิดวันดีคืนดีเชื้อโรคร้ายนี้มันแพร่ออกไป เขาจะได้รอดชีวิต....แต่ไม่นึกเลยว่า....เจ้าทาเคดะและพรรคพวกจะรู้ทันและคอยจับตาดูฉันอยู่”


“ พวกนั้นต้องการอะไรหรอครับ?”      ผมถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป


“ หึ....ถ้าให้ตอบมันก็คงเหมือนๆกับตัวร้ายในหนังทั่วๆไป....แต่มันเป็นเรื่องจริง ที่หมอนั่นตั้งใจจะขายแอนตี้ไวรัสให้กับพวกคนรวยๆที่ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางดงซอมบี้พวกนี้”


......หมายความว่า คนที่ปล่อยให้เชื้อไวรัสแพร่ออกไปก็คงเป็นพวกนั้นด้วยงั้นสินะ....


ผมได้แต่กัดฟันกรอด...ยังไงก็ต้องไปช่วยโกคุเดระให้ได้ หากพวกมันทดลองจนได้แอนตี้ไวรัสจำนวนหนึ่งขึ้นมาจนสำเร็จ โกคุเดระก็จะหมดประโยชน์ทันที


“ คุณพ่อ...เอ่อ ของโกคุเดระ...พอจะรู้ไหมครับว่าโกคุเดระอยู่ที่ไหน และผมพอจะออกไปจากที่นี่ยังไง”      ยังไงซะเขาก็เคยเป็นผู้อำนวยการที่นี่ละนะ น่าจะรู้กลไกและห้องหับต่างๆมากกว่าพวกผมที่เพิ่งเคยเข้ามาที่นี่ครั้งแรก


“ คิดว่าฉันอดทนรออยู่ที่นี่เพื่ออะไรล่ะ? ฉันไม่ได้ไร้น้ำยาขนาดถูกจับมาขังเพื่อรอความตายหรอกนะ ฉันยอมให้พวกนั้นจับต่างหาก เพื่อรอให้ฮายาโตะมาที่นี่...และรอให้พวกนั้นผลิตแอนตี้ไวรัสตัวสมบูรณ์เสร็จ เพราะมันคือทางเดียวที่คนบนโลกนี้จะรอดชีวิต”     ....จะว่าไงดี....สมกับที่เป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างที่โกคุเดระว่าจริงๆ


ผมได้แต่มองคุณพ่อ...ของโกคุเดระอย่างนับถือ


“ ฉันปลดล็อคห้องขังได้....แต่ว่า เด็กพวกนั้นจะถูกจับขังไว้อยู่ที่ห้องทดลองไหนฉันเองก็ยังบอกไม่ได้....ที่นี่มีห้องทดลองอยู่ทั้งหมด 25 ห้อง...และก่อนที่พวกเธอจะออกไปช่วยเด็กพวกนั้น ฉันต้องแน่ใจก่อนว่าพวกมันจะทำแอนตี้ไวรัสสำเร็จ....ซึ่งตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่ ว่าฉันจะรู้ได้ยังไง?”      หมายความว่าเขาเองก็ยังหาวิธีรู้เรื่องภายนอกไม่ได้สินะ ผมรู้สึกหมดแรงที่ขายังไงไม่รู้


“ คิดว่าพอมีเวลาแค่ไหนครับ กว่าแอนตี้ไวรัสจะทำสำเร็จ”       เป็นสึกิชิม่าที่ถามออกมา หมอนั่นเองก็คงห่วงคาริยะไม่แพ้ผมที่ห่วงโกคุเดระ


“ ความจริงมันถูกผลิตรอเอาไว้อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ยังขาดก็คือเลือดของฮายาโตะ”      หมายความว่ามันอาจจะเสร็จในไม่ช้าอย่างงั้นสินะ....ผมยิ่งร้อนลนขึ้นเรื่อยๆ


“ ฉันคิดว่าพอมีทางอยู่นะ.....”      ไม่ใช่เสียงของพ่อโกคุเดระแต่กลับเป็นเสียงของรุ่นพี่คาซาโนริที่เอาแต่นั่งเล่นรถบังคับวิทยุ


“ เรื่องพละกำลังฉันอาจจะสู้พวกนายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องรถละก็...ต่อให้คันแค่นี้ฉันก็ทำให้มันเป็นอาวุธได้”      ใบหน้าปลาตายเงยขึ้นมาจากรถคันจิ๋วให้ผมหันไปมองมันอย่างสงสัย ดูๆไปแล้วมันไม่เห็นจะต่างจากรถบังคับวิทยุธรรมดาๆเลยสักนิด


“ ดูนี่สิ...”     ประธานชมรมต่อรถเปิดฝาพับมือถือแล้ววางลงไปที่พื้น จู่ๆใบหน้าของผมก็ไปโผล่วูบไหวอยู่ในนั้น


“ เอ๋?”    ผมได้แต่อุทานด้วยความแปลกใจ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงผมที่อยู่ในมือถือนั่นก็กำลังเคลื่อนไหวเหมือนผมที่ยืนอยู่ตรงนี้


“ ในรถคันนั้นมีกล้องวงจรปิดอย่างงั้นใช่ไหม?”     น้ำเสียงของพ่อโกคุเดระดูตื่นเต้นราวกับมองเห็นทางสว่าง


“ ไม่ใช่แค่กล้อง แต่มันยังมีไมค์เอาไว้ฟังเสียง แถมยังมีกระสุนพลาสติกของปืนลมอยู่ด้วยล่ะ”      ผมได้แต่มองไอ้รถคันจิ๋วนั่นอย่างทึ่งๆ....ว่าแต่จะทำเอาไว้ตามสโตรกใครหรือเปล่าเนี่ย?


“ รำคาญคนข้างบ้าน...ชอบบอกให้ไปตามหาลูกชายให้หน่อย เลยใช้ไอ้นี่ไปหาแทน”       เอาไว้สโตรกกัปตันของผมแหงแซะ...


“ คลื่นมันสามารถติดต่อได้ไกลแค่ไหน”


“ อือ....จากบ้านฉันไปสนามเบสบอลก็.....น่าจะเกินห้ากิโลนะ”       รุ่นพี่คาซาโนริตอบออกไปด้วยเสียงยานคาง


“ ดี! ถ้างั้นฉันจะเป็นคนคอยบอกทางให้ ส่วนเธอก็บังคับรถนั่น....เราจะตามหากันว่าเด็กสามคนนั้นถูกขังไว้ที่ห้องทดลองไหน!      พวกเราพยักหน้าให้กันอย่างที่กำลังใจค่อยๆกลับมาเพิ่มพูน ก่อนที่นัยน์ตาทั้งสี่คู่จะหันไปจับจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือของรุ่นพี่คาซาโนริ


“ ประตูที่ปิดอยู่นี่...จะทำยังไงดี?”      แต่แล้วอุปสรรคแรกก็เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่รถจิ๋วลอดออกไปจากกรงขังได้ ประตูเหล็กบานใหญ่ก็ขวางกั้นอิสระเอาไว้อีกชั้น


“ มีช่องลมหรือหน้าต่างอะไรงี้ไหม?”     รุ่นพี่คาซาโนริถามออกมาในขณะที่มือก็โยกคันบังคับ


“ น่าจะอยู่ที่ผนังทางซ้าย”      พ่อของโกคุเดระตอบออกมาทั้งที่ยังสงสัยว่ารถนั่นจะทำยังไง.....หลังจากที่มันวิ่งไปที่ผนังดังกล่าว จู่ๆจากที่วิ่งเลาะพื้นธรรมดาๆมันก็ปีนเกาะผนังไปหน้าตาเฉย


“ มันปีนกำแพงได้ เพราะวาตะจังชอบปิดประตูเอาไว้”     ยังมีหน้ามาบอกให้พวกเราอึ้งกันอีกนะ นี่กัปตันรู้ไหมเนี่ยว่ามีไอ้รถคันนี้คอยตามอยู่น่ะ?


รถคันจิ๋วปีนลงที่อีกฝั่งของกำแพง แสงไฟส่องสว่างต่างจากในนี้ลิบลับ มันวิ่งไปทางขวาตามที่พ่อของโกคุเดระบอก....และขนาดกำแพงมันยังปีนได้ เพราะงั้นการขึ้นบันไดจึงไม่ใช่ปัญหา....ผมกับสึกิชิม่าจ้องภาพในจอมือถือเขม็ง พยายามจดจำเส้นทางให้ได้มากที่สุด


“ ห้องวิจัยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้นนี้แหละ ลองเข้าไปดูทีละห้องเลยก็แล้วกัน”       รถคันจิ๋วปีนเลาะอยู่ใกล้ๆฝ้าเพดาน ก่อนจะแล่นไปเกาะอยู่ที่หน้าต่างกระจกติดตายของห้องวิจัยหมายเลข25 ไม่มีแสงไฟสว่างออกมาจากในห้อง แสดงว่าที่นี่คงจะไม่มีใครอยู่


รถจิ๋ววิ่งเกาะกำแพงไปยังห้องที่อยู่ถัดไป ถึงจะมีแสงไฟแต่ภาพในห้องนั้นกลับว่างเปล่า....มันวิ่งไปยังห้องแล้วห้องเล่า....


จนกระทั้งถึงห้องที่มีเลข 15 ติดอยู่ที่หน้าประตู...


ถึงมันจะเงียบเชียบ แต่ทว่ากลับมีคนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา....เหมือนกับว่ากำลังเฝ้าอะไรบางอย่างอยู่....รถจิ๋ววิ่งเกาะผนังอยู่เหนือหัวทำให้คนเหล่านั้นไม่ทันสังเกต และภาพภายในห้องที่มองเห็นก็ทำให้ผมแทบจะอยู่ไม่สุข


โกคุเดระนอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง....


พวกมันไม่ได้เอาไปแต่เลือด แต่กลับเสียบสายอะไรไม่รู้ระโยงรยางค์เอาไว้ตามผิวขาวละเอียดของเขา….แค่เห็น ผมยังรู้สึกเจ็บแทน....


“ กล้องซูมได้ไหม?”       พ่อของเขาเอ่ยขึ้นมา ผมรู้ว่าคุณพ่อเองก็กำลังพยายามกักเก็บความโกรธเอาไว้จากน้ำเสียงที่มันไม่ได้ราบเรียบอย่างที่เป็นมาตลอด


“ ได้นิดหน่อย”


“ ช่วยซูมไปที่หลอดทดลองบนโต๊ะนั่นที”      แล้วภาพหลอดทดลองที่อยู่ไกลๆก็ขยายใหญ่ขึ้นมาทันที มีกระดาษแปะเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีทางอ่านเข้าใจ


“ ซูมไปที่ตู้ตรงนั้นที”     กล้องหันไปที่ตู้ที่มีไอเย็นลอยออกมาซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ในนั้นมีหลอดทดลองหลายหลอดถูกเสียบเอาไว้


“ เจอแล้ว!       จู่ๆพ่อของโกคุเดระก็อุทานออกมาอย่างดีใจ


“ ฟังนะ....นี่คือแผนการที่พวกเธอต้องทำให้สำเร็จ....ในตู้นั่นมีหลอดทดลองหลอดหนึ่งซึ่งมีแอนตี้ไวรัสตัวที่สมบูรณ์อยู่....หลอดที่เขียนติดไว้ว่า XXY จำไว้นะ XXY เอาหลอดนั่นไปที่หน่วยวิจัยขีปนาวุธ กรมทหาร....เราต้องใช้ปืนของที่นั่นทำให้แอนตี้ไวรัสแพร่กระจายไปในบรรยากาศเพื่อหยุดยั้งไวรัสซอมบี้”      แค่ฟังผมก็มึนแล้ว สึกิชิม่ายกมือขึ้นมาก่อนจะบอกพ่อของโกคุเดระว่า


“ ช่วยอธิบายให้ชัดๆหน่อยได้ไหมครับ ว่าเราต้องทำอะไร ผมงงไปหมดแล้ว?”        คุณพ่อมนุษย์ต่างดาวทำหน้างงว่าทำไมเราไม่เข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจพรางขยับตัวก่อนจะอธิบายออกมาใหม่ ช้าๆ ชัดๆ


“ ก่อนอื่น เธอไปช่วยเพื่อนของเธอ....จากนั้นก็หยิบเจ้าหลอดทดลองที่เขียนติดไว้ว่า XXY แล้วไปที่หน่วยวิจัยขีปนาวุธในกรมทหาร....บนชั้นสูงสุดของตึกA ในหน่วยวิจัยขีปนาวุธนั่น มีปืนประจุที่ชื่อไมโครอิเล็คตรอน RX ติดตั้งอยู่ เอาหลอดทดลองนั่นใส่ลงไปในรังกระสุนจากนั้นก็ยิงซะ...ปืนนั่นจะเปลี่ยนของเหลวในหลอดทดลองให้กลายเป็นโมเลกุลเล็กๆแล้วกระจายไปในอากาศ เป็นทางเดียวที่จะหยุดยั้งไวรัสซอมบี้ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าแพร่ไปถึงไหนแล้ว....พอเข้าใจรึยัง?”      พวกเราสามคนพยักหน้าอย่างอึ้งๆ


“ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าที่นั่นจะมีปืนอะไรนั่นจริงๆน่ะ?”       รุ่นพี่คาซาโนริถามด้วยเสียงเหนื่อยๆตามปกติ


“ ก็ฉันเป็นคนกดดันให้หน่วยวิจัยขีปนาวุธสร้างมันขึ้นมาเองนี่...ที่สำคัญพวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแปลนที่ฉันเขียนให้ไปมันทำให้ปืนนั่นปลดล็อคจากที่ห้องทำงานของฉันได้ด้วย”     คุณพ่อยกยิ้มที่มุมปากอย่างเหนือกว่า....เจอแบบนี้เข้าไปผมก็เชื่อโกคุเดระละว่า เขาสามารถทำทุกอย่างได้แม้กระทั่งน้ำจะไม่ไหล ไฟจะดับ โทรศัพท์ไม่มีจะสื่อสารน่ะ   


“ ถ้างั้นคงต้องหาก่อนว่า อีกสองคนที่เหลืออยู่ที่ไหน?”       แล้วพวกเราก็หันไปสนใจที่หน้าจอมือถือต่อ


รถคันจิ๋ววิ่งเลาะฝ้าเพดานไปยังห้องต่อไป แต่ไม่ว่าจะส่องหายังไงห้องที่อยู่ถัดไปต่างปิดไฟมืดสนิท


“ ไม่ไหว...มองไม่เห็นอะไรข้างในเลยแหะ”       รุ่นพี่คาซาโนริบ่นงึมงำ แต่เจ้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมกลับมีท่าทางเครียดอย่างเห็นได้ชัด สึกิชิม่าได้แต่กำมือแน่นเมื่อมองหายังไงก็ยังไม่เห็นคาริยะ


“ ที่ชั้นบนยังมีห้องวิจัยอีก 7 ห้อง ลองขึ้นไปดูแล้วกัน”       พ่อของโกคุเดระบอกออกมา


รถคันจิ๋วปีนเกาะผนังแทนการขึ้นบันไดซึ่งเสี่ยงว่าจะมีนักวิจันเดินมาพบเข้า และยังไม่ทันที่มันจะขึ้นไปถึงชั้นข้างบน....


“ อ๊ากกกกกกกกกก!!!!!        เสียงร้องของใครบางคนที่ได้ยินผ่านมาทางไมค์ทำให้พวกผมถึงกับนิ่งงัน


“ ฮิเดกิ....”       รุ่นพี่คาซาโนริครางชื่อชื่อหนึ่งออกมาเบาๆ มือที่บังคับคันบังคับสั่นน้อยๆ ใบหน้าซังกะตายที่เห็นเป็นปกติกลับชะงักงัน....เสียงร้องอย่างเจ็บปวดยังดังขึ้นอีกหลายครั้ง และทุกครั้งก็จะได้ยินเสียงกัดฟันกรอดดังมาจากคนที่ไม่เคยรู้สึกรู้สากับเรื่องอะไรอย่างรุ่นพี่คาซาโนริคนนี้


เพราะ “ฮิเดกิ”   คือชื่อของ....กัปตัน


มือสั่นๆพยายามบังคับรถคันเล็กต่อไป จนในที่สุดมันก็ปีนขึ้นมาจนถึงชั้นข้างบน ได้ยินเสียงเข็นเตียงเหล็กกับเสียงฝีเท้าคนอีกหลายคนกำลังวิ่งวุ่น ความสับสนวุ่นวายที่ผ่านมาทางหน้าจอยิ่งทำให้พวกผมลุกลี้ลุกลน


ชั่วพริบตาที่เตียงถูกเข็นผ่านหน้ารถที่แอบซ่อนอยู่ ภาพของคนที่สลบสไลไม่รู้ตัวก็ฉายแว่บเข้ามาสู่สายตา....ถึงแม้จะเห็นเพียงไม่กี่วินาทีแต่พวกเราก็จำได้ดีว่านั่นคือกัปตันของพวกเราอย่างแน่นอน


เกิดอะไรขึ้นกัน? พวกนั้นทำอะไรกับรุ่นพี่วาตานาเบะ?


ผมมองแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆด้วยความโกรธของรุ่นพี่คาซาโนริอย่างนึกเห็นใจ เพราะผมกับสึกิชิม่าเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน


“ ยังเหลืออีกคนสินะ.....”      ดูจากสภาพของโกคุเดระกับรุ่นพี่วาตานาเบะแล้ว....อีกคนก็คงน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน


รถจิ๋ววิ่งต่อไปเรื่อยๆ มีบ้างที่มันวูบไหวไปมาตามอารมณ์ที่ไม่มั่นคงนักของคนที่บังคับ จากห้องริมสุดวิ่งผ่านห้องวิจัยอีกหลายห้องแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคาริยะ ผมหันหน้าไปมองสึกิชิม่าที่ดูเครียดและกลัว


เพราะทุกนาทีที่ผ่านไป มันหมายถึงลมหายใจของคนที่ถูกขังอยู่ที่นั่น....


ไม่มี....


ไม่มี.......


ไม่ว่ารถจะวิ่งผ่านไปสักกี่ห้องก็ยังคง....ไม่มี......


“ คาริยะ....นายอยู่ที่ไหนกัน.....”       สึกิชิม่าครางออกมาราวกับจะร้องไห้ สองมือชื้นเหงื่อที่กำเอาไว้มันเริ่มจะสั่นสะท้านจนผมมองเห็นได้


“ ข้างบนยังมีห้องอีกไหมครับ?”


“ .......มี.....ถึงไม่คิดว่าพวกนั้นจะเอาไปขังไว้ที่นั่น...แต่ขึ้นไปดูหน่อยก็แล้วกัน.....”


แล้วพวกผมก็เข้าใจ.....ว่าทำไมพ่อของโกคุเดระจะคิดว่าพวกนั้นไม่น่าจะเอาคาริยะมาขังไว้บนนี้....เพราะมันคือห้องสำหรับขังสัตว์ทดลองดีๆนี่เอง....


ในกรงเหล็กน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายสูงขึ้นไป มีทั้งเสียงร้องครางมีทั้งเสียงขู่กรรโชก ประกายตาวาววับที่เปล่งแสงออกมาจากความมืดก็ทำให้รู้ว่าที่นี่มีสัตว์ทดลองถูกขังอยู่เต็มไปหมด


“ เดี๋ยวก่อนนะ....อย่าเพิ่งถอยรถกลับ....ที่กรงสุดท้ายนั่น....มันไม่น่าจะมีอะไรอยู่ไม่ใช่หรอ?......”        พ่อของโกคุเดระบอกออกมาด้วยเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย กรงสุดท้ายตรงสุดปลายทางเดินมีขนาดใหญ่พอสมควร มันมีแค่เงาสลัวๆของอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น แต่กลับไม่มีประกายตาดังเช่นสัตว์ป่า


รถคันจิ๋ววิ่งฝ่ากรงมากมายเข้าไปดูใกล้ๆ....ยังดีที่มีแสงอาทิตย์รำไรลอดช่องแสงเหนือผนังเข้ามา จึงทำให้เห็นว่าในกรงนั้นมี....


“ คา...ริ...ยะ....?”        สึกิชิม่าครางออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก


คนที่ถูกขังอยู่ในกรง...จะว่าใช่คาริยะก็ใช่....จะว่าไม่ใช่ก็ใช่.....


ผมเข้าใจสึกิชิม่าดีที่จะประหลาดใจ....เพราะหมอนั่นยังไม่เคยเห็น....เวลาที่พวกลูกครึ่งซอมบี้อาการกำเริบ....


“ รู้ตำแหน่งครบทุกคนแล้วนะ”       ผมบีบต้นคอสึกิชิม่า ให้มันหันมาฟังแผนการก่อนที่เตลิดไปกับภาพเมื่อครู่


“ ฟังให้ดีนะ....พอฉันปลดล็อคห้องขัง...พวกเธอก็แยกกันไปช่วยสามคนนั้นซะ...ใครจะไปช่วยลูกชายชั้น?”       คุณพ่อของโกคุเดระถามพวกเราสามคน แน่นอนว่าผมยกมือขึ้นทันที


“ เธอ.....”


“ ยามาโมโตะ ทาเคชิครับ”       เขาอาจจะยังไม่รู้ตัว ว่าในอนาคตเขาต้องปวดหัวกับความสัมพันธ์ของผมกับลูกชายของเขาแน่ๆ


“ นอกจากฮายาโตะแล้ว หลอดทดลองหลอดนั้นเธอก็ต้องเอามันมาให้ได้ เข้าใจใช่ไหม?”        ผมพยักหน้าแทนคำตอบ


“ พอถึงตอนนั้นฉันคงล่มระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ได้หมด พวกเธอลงไปที่โรงจอดรถที่อยู่ข้างหลัง รถของพวกเธอน่าจะอยู่ในนั้นแหละ....ไปที่หน่วยวิจัยขีปนาวุธอย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ เข้าใจนะ”


“ เอ๋?....คุณไม่ไปด้วยกันหรอครับ?”


“ ก็อย่างที่ฉันบอกไปแล้ว....ปืนประจุนั่นต้องใช้การปลดล็อคด้วยรหัส...ฉันจำเป็นต้องอยู่ปลดล็อคมันจากที่ห้องทำงานของฉัน มันต้องใช้เวลาพอสมควร....ในขณะที่พวกเจ้าทาเคดะกำลังป่วนเพราะคิดว่าพวกเธอกำลังจะหนีไป มันคงไม่เอะใจหรอกว่าฉันจะย่องเข้าไปนั่งทำอะไรอยู่ในห้องนั้น”       เจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก จนหมาบ้านอย่างผมคงได้แต่ยอมแพ้


“ เอาละ....ถ้าพร้อมแล้วก็ตะโกนออกมาดังๆ!       


ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยืดเส้นยืดสาย นัยน์ตาจับจ้องไปยังประตูทางออก ก่อนจะหันหน้าไปพยักหน้าให้กับอีกสองคน


“ โอ้ส!!


ลูกกรงเหล็กค่อยๆเลื่อนขึ้นไป เช่นเดียวกับขาของเราที่ก้าวออกเดิน


“ แล้วเจอกันที่รถ....”       ผมกับสึกิชิม่าพยักหน้ารับเสียงของรุ่นพี่คาซาโนริ สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่มือเปล่าทั้งสามคู่จะเปิดประตูเหล็กออกไป!









ผมแยกทางกับสึกิชิม่าและรุ่นพี่คาซาโนริที่ต้องขึ้นไปที่ชั้นบน สายตาสอดส่องมองหาห้องวิจัยหมายเลข 15 ที่น่าจะอยู่ไม่ไกลไปจากตำแหน่งที่ผมวิ่งอยู่นัก ถึงแม้ในนี้จะปลอดภัยจากซอมบี้ แต่ก็ยังมีรปภ.ตัวยักษ์ที่อันตรายกว่าซอมบี้อยู่นะผมว่า...และถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากจะเจอเท่าไหร่


ในเมื่อตอนนี้ผมมีแค่มือเปล่าๆ


เงาของใครบางคนวูบไหวอยู่ที่พื้น เสื้อคลุมที่ขยับไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินที่รวดเร็วกว่าคนปกติ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่านั่นคือนักวิจัย สายตาจ้องเขม็งไปยังเงาที่เดินเข้ามาใกล้ และเมื่อมันพ้นมุมทางเดินมา


ผลั๊วะ!!


ผมยกสองมือที่กุมกันไว้ก่อนจะฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของชายคนนั้น....เขาสลบไปในทันที


สองมือลากร่างที่แน่นิ่งให้หลบพ้นทางเดินหลัก ก่อนที่ผมจะหันหลังพิงผนังแล้วพยายามยื่นหน้าออกไปดู....แต่แค่เสียงที่ได้ยินผมก็รู้แล้วว่าที่หน้าห้องหมายเลข 15 นั้นมีคนอยู่เยอะขนาดไหน.....ผมจะเข้าใกล้ห้องนั้นได้ยังไงกัน?


ในสมองได้แต่ครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองร่างที่ยังคงแน่นิ่งอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้


ขอโทษด้วยน้า....ผมขอโทษขอโพยชายคนนั้นในใจก่อนจะพยายามดึงเสื้อกราวด์ที่เขาสวมใส่อยู่ออกมาแล้วตวัดใส่มาที่ร่างกายของผมแทน มืออีกข้างหยิบแว่นกรอบหนาที่สวมอยู่บนใบหน้ามีอายุมาวางไว้บนใบหน้าของผมแทน....น่าจะพอเนียนๆไปได้บ้างมั้ง?


หลังจากเตรียมการเสร็จ ผมก็วิ่งออกไปด้วยท่าทางตื่นๆ


“ แย่แล้ว!! เด็กพวกนั้นหลุดออกมาได้!! แล้วก็ทำร้ายคนจนสลบอยู่ตรงนู้นแน่ะ ไปช่วยกันจับหน่อยเร็ว!!       แล้วผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้นก็แตกหือขึ้นทันทีอย่างที่ผมคิด


“ ดูเหมือนจะโกรธมากจนพยายามจะออกไปเปิดประตูน่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นซอมบี้ข้างนอกต้องเข้ามาได้แน่ๆเลย”      ผมทำท่าทางละล่ำละลักอย่างที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะแสดงได้เนียนขนาดนี้ พอพูดถึงซอมบี้เท่านั้นแหละ จากที่แค่แตกหือกลับวิ่งตามตัว “ไอ้เด็กพวกนั้น” กันให้จ้าละหวั่น....เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงทางสะดวกสุดๆ


ผมรีบแทรกกายเข้าไปในห้องวิจัยหมายเลข 15  ก่อนจะตรงดิ่งไปยังเตียงเหล็กสีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง


“ โกคุเดระ....”       ผมลูบใบหน้าใสแผ่วเบา สายตามองไปตามเนื้อตามตัวของเขาที่มีแต่สายอะไรห้อยระโยงรยางค์ แค่เห็นสภาพของเขาความเจ็บแปลบก็แล่นลิ่วไปที่หัวใจ....ผมจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำกับเขาแบบนี้เลยคอยดู...


สะบัดหน้าสองสามทีอย่างพยายามจะตั้งสติ ตอนนี้คือต้องทำตามแผนก่อน....ผมหันไปมองตู้ที่มีไอเย็นลอยคลุ้งออกมา ก่อนจะขยับเข้าไปยืนตรงหน้า สายตาพยายามมองหาหลอดทดลองที่ว่า.....แล้วในที่สุดก็หาเจอ....XXY....


มีกล่องอะไรบางอย่างหน้าตาคล้ายกล่องยาแต่มีขนาดเล็กกว่าวางอยู่ข้างตู้....พวกนั้นอาจจะกำลังเตรียมขนย้ายก็เป็นได้ มือจึงหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะใช้เสื้อกราวด์คลุมแขนเอาไว้ก่อนจะเอื้อมเข้าไปหยิบหลอดทดลอง....ยังดีที่มันมีจุกปิดเรียบร้อย ผมจึงเอามันใส่ในกล่องนั่นได้โดยปลอดภัย


ที่เหลือก็.....


“ โกคุเดระ....”     ผมก้มลงไปกระซิบเรียกเขาที่ข้างใบหู


“ โกคุเดระ.......”       นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ และเมื่อเขาเห็นเต็มตาว่าคือผม นัยน์ตาคู่นั้นก็สั่นพร่าขึ้นมาทันที


“ ไปจากที่นี่กันเถอะ”       เขาพยักหน้าให้แทนคำตอบ และเมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้น ใบหน้าสวยก็มีแววแปลกใจเมื่อเพิ่งเห็นสิ่งที่พันธนาการร่างกายของตัวเองไว้


“ ใจเย็น....คงต้องเอาไอ้สายพวกนี้ออกก่อนนะ...”      


“ ดึงออกทีเดียวเลย”       เขามองผมด้วยสายตาจริงจัง...มะ...หมายความว่าจะให้ผมทำงั้นหรอ....ไม่มีทาง....ผมส่ายหัวปฏิเสธดิก


“ รู้สึกว่าจะแค่แปะพลาสเตอร์ไว้นะ สายพวกนี้ก็คงแค่เอาไว้วัดค่าอะไรบางอย่างเท่านั้นแหละ ดึงออกได้เลย”      เขาขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะจ้องผมเขม็ง


“ อะ เอาจริงดิ?”       ถึงจะแค่พลาสเตอร์มันก็เจ็บนะ ถ้าผมจะต้องทำให้เขาเจ็บละก็ ขอเป็นเรื่องอื่นได้ไหม?


“ ทำสิ”      เขาขยับเข้ามาจนหน้าแทบจะชิดกับอกของผม ผมได้แต่แหกปากพร้อมสะบัดหัวไปมาอยู่ในใจ สองมือกำแน่นก่อนจะคลายออกแล้วเอื้อมไปรวบสายทั้งหมด


“ ถ้านายเจ็บ....รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”      ผมกระซิบบอกเขาที่ข้างใบหู ใบหน้าสวยพยักน้อยๆ สองมือของเขาเอื้อมมาจับเสื้อบนแผ่นหลังของผมไว้


ผมหยุดนิ่งก่อนจะตัดสินใจดึงสายพวกนั้นในทีเดียว....พร้อมกับคมเขี้ยวของเขาที่กัดลงมาที่ไหล่ของผม


“ อึก....”       


ในที่สุดสายที่เคยระโยงรยางค์ทุกสายก็หลุดออกมาจากตัวเขาทั้งหมด....เพียงแต่....ริมฝีปากของเขายังไม่ยอมปล่อยออกไปจากลาดไหล่ของผม


“ โกคุเดระ....?”       ไม่ใช่แค่ไม่ยอมปล่อยเฉยๆนะ เขาเริ่มกัดผมเบาบ้างหนักบ้างจนผมได้แต่เริ่มมีเหงื่อหยด.....เอาจริงดิ....


โธ่ทูนหัว....ทำไมต้องมาอาการกำเริบตอนนี้ด้วยเนี่ย?!


ผมก้มลงไปมองที่ข้อพับที่แขนของเขา ตรงนั้นมีเลือดไหลซิบออกมา สงสัยว่าจะเป็นรอยที่โดนเจาะเลือดไป....หรือว่า....กลิ่นเลือดจะไปกระตุ้นอาการของเขาเข้า?


ผมรวบตัวโกคุเดระขึ้น ก่อนจะยัดกล่องยาจิ๋วไว้ที่หน้าท้องของคนที่กอดคอผมแน่น ใบหน้าของเขายังคงฝังอยู่แถวๆซอกคอของผม....ให้ตายเถอะ...ต้องมาพาเขาหนีในสภาพแบบนี้มันไม่สนุกเลยนะ....เพราะว่าสมาธิของผมมันจะแตกกระเจิงเอาซะก่อนน่ะสิ


“ อื้อ....”       ใบหน้าสวยยังมีหน้าละออกมาแล้วส่งสายตาอ้อนๆ........อ๊ากกกกก ผมอยากจะตะโกนอย่างบ้าคลั่งจริงๆ เจ้าซอมบี้ตัวนี้มันโหดร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย!


ผมยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวาที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงรีบวิ่งออกมา....ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อ....ผมเองนี่แหละที่จะแย่


สายตาสอดส่องมองหาที่ลับตาคน แล้วผมก็มองเห็นอะไรบางอย่างเข้า จึงยัดตัวเขาเข้าไปในตู้เก็บไม้กวาดที่มีขนาดใหญ่พอที่เราสองคนจะเข้าไป


“ กัดซะให้พอใจเลยโกคุเดระ แต่อย่าส่งเสียงดังล่ะ”       ผมกระชากคอเสื้อของตัวเองออกอย่างร้อนลน มือนึงวางกล่องยาลงที่พื้นตู้ ส่วนอีกมือเลื่อนไปปลดตะขอกางเกงของเขาก่อนจะรูดซิบลง


“ อึก....อื้อ....”        โกคุเดระงับลงมาที่ไหล่เปลือยเปล่าของผมโดยไม่ต้องเชื้อเชิญ นัยน์ตาสีมรกตยามที่ได้ฝังรอยฟันลงไปบนผิวของผมนั้นดูเคลิบเคลิ้มเย้ายวนจนผมแทบจะทนไม่ไหว


“ อื้อ....”       ผมรู้ว่านั่นคือเสียงครางของเขา มันคงจะเปล่งออกมาไม่ได้ดังไปกว่านี้ตราบใดที่เขายังไม่ยอมละริมฝีปากไปจากไหล่ของผม


มือผมลูบไล้ไปตามแกนกายของเขา ทั้งกลิ่นอับ ทั้งพื้นที่คับแคบ ร่างกายของเราแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมกัน ลมหายใจของเจ้าซอมบี้เริ่มจะติดขัด  ผมพยายามจะผ่อนลมหายใจของตัวเอง พยายามจะไม่คิดอะไร มือแค่ขยับไปตามส่วนอ่อนไหวที่ร้อนผ่าวของเขา


“ อื้อ....”      แต่เจ้าซอมบี้ตัวดีนี่สิ....แค่ไหล่ของผมมันไม่พอใช่ไหม สายตาหวานเชื่อมจึงมองมาที่หน้าผมก่อนที่ใบหน้าสวยจะยื่นเข้ามาใกล้


“ โกคุเดระ ?”        แล้วจู่ๆเขาก็งับเบาๆมาที่กลีบปากของผม....


โธ่โว้ยยยยยย ใครมันจะไปทนไหวฟ๊ะ!


ริมฝีปากของผมแนบลงไปที่ปากของเขาทันที ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะตั้งใจหรือว่าเป็นไปเพราะสัญชาติญาณ เรียวลิ้นถูกส่งเข้าไปควานหาความร้อนลุ่มแต่ก็ชุ่มชื่นในโพรงปากของเขา ลิ้นเล็กโต้ตอบแบบไร้เดียงสายิ่งทำให้ผมเกี่ยวพันมันจนแทบจะหมดลมหายใจ


“ ฮ้า....ฮ้า....”      เมื่อละริมฝีปากออกมา ทั้งผมทั้งเขาต่างก็หอบหายใจ


“ อื้อ!      นัยน์ตาสีมรกตหลับตาน้อยๆเมื่อมือของผมเริ่มขยับอีกครั้ง ใบหน้าสวยยังคงไม่ยอมละไปจากใบหน้าของผม ดูเหมือนเขาจะติดใจริมฝีปากของผม เขาจึงงับมันเบาๆไปมา


โอเค.....นายผิดเองนะ ที่ทำให้ความอดทนของชั้นมันสิ้นสุดลง


จากที่ตั้งใจจะทำให้เขาคนเดียวแต่ตอนนี้....


ผมจำเป็นต้องรูดซิบกางเกงของตัวเองลงก่อนจะล้วงเข้าไปแล้วปล่อยให้ความเป็นชายออกมาเผชิญหน้ากับของๆเขา มือรวบมันให้แนบชิดกันจนเจ้าซอมบี้สะดุ้งน้อยๆเมื่อมีอะไรร้อนๆมาสัมผัสเข้า


ฝากไว้ก่อนนะโกคุเดระ.....หลังจากเรื่องคราวนี้ผ่านไป ฉันจะเอาคืนให้ลุกไม่ขึ้นไปอีกหลายๆวันเลย!


“ อื้อ!      เขากลับไปงับอยู่ที่หัวไหล่ของผมอย่างระบายอารมณ์ เมื่อมือเริ่มขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวของเรายิ่งทำให้ตู้ยิ่งระอุราวกับเตาอบ


“ อึก...”      ผมกัดฟันกับความรู้สึกสุขสมที่มันพุ่งพล่าน ผมยึดมือนิ่มๆของเขาให้สัมผัสมาที่แกนกายของผม ก่อนที่เขาจะขยับตามไปอย่างเผลอไผล แรงขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง ทั้งกลิ่นเหงื่อทั้งเสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังผสมกันมั่วไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร


“ อึก...ฮ้า....”       จนในที่สุดน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา เขาหอบจนตัวโยนก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตหรี่ปรือจะค่อยๆปิดลงอย่างเหนื่อยล้า


ร่างกายบอบบางเอนซบมาที่ไหล่ของผมซึ่งกำลังพยายามปรับลมหายใจให้เข้าที่อยู่


ให้ตายเถอะ....ผมต้องรีบๆจบเรื่องนี้ซะ จะได้จัดการเขาก่อนที่จะไปอาการกำเริบในที่ที่ไม่สมควรอีก


มือจับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะแอบมองออกไปภายนอกที่ยังคงไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมา


เอาละ....ได้เวลาไปตามที่นัดกันไว้เสียที...ทั้งๆที่ผมควรจะไปถึงเป็นคนแรกแท้ๆ....


ผมอุ้มเขาขึ้นก่อนจะวางกล่องยาลงไปในสองแขนของเขา แต่ขายังไม่ทันจะก้าวพ้นออกไปจากตู้....เสียงของอะไรบางอย่างก็หล่นลงไปกระทบพื้นให้ได้ยิน


เคร้ง........


มันก้องกังวาน.....จนหัวใจผมเผลอสะท้าน....


ค่อยๆหันหน้ากลับไปดู…..


ก่อนจะพบว่ามันคือ....



.
.
.
.
.
.
.

To be Con.










กรุละเครียด....ทำไมแม่งไม่จบซักทีเว้~~~~ TT[ ]TT

โหยหวนเสร็จแล้วก็มาขอบคุณคอมเม้นต์อย่างเป็นทางการ m(_ _)m  ขอบคุณมากๆนะค้า ทุกๆคอมเม้นต์เลย น่ารักที่ซู้ดดดดด จุ๊บๆๆ =w= หมู่นี้โผล่หัวไปไหนก็มีหลายๆคนถามถึงซอมบี้ก๊ก เหะเหะเหะ ดะ ดีใจมากๆเลยค่ะ จริงๆนะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะแนวเรื่องมันไม่ใช่รักหวานแหววหรือแนวดราม่าน้ำตาไหลท่วม หรือแม้แต่ดาร์กตบจูบกดกันทั้งเรื่องก็ไม่ใช่อีก แต่งสนองนีดยามะตัวเองล้วนๆฮ่าๆๆ เพราะงั้นแค่รู้ว่ามีคนอ่าน มีคนถามหามาจนถึงตอนที่ 7 นี่ได้ก็ปลื้มใจตัวลอยแล้วค่ะ...จะว่าไป...เป็นฟิคที่แต่ง(จะ)จบภายในเดือนเดียวได้เนี่ย....ไม่ธรรมดาเลยนะ ^ ^”   ดูซิว่าตอนที่ 8 จะมาก่อนวันที่ 24 หรือเปล่า กร๊ากกก

มีคน(ชื่อพีเคซัง) บอกมาว่า อยากอ่านตอนพิเศษสองคู่ออริจินัลบ้าง =w= น่าสนๆ โดยเฉพาะคู่กัปตันเนี่ย...เท่าที่จิ้นไว้ สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก อารมณ์จำใจต้องเป็นเพื่อนกันเพราะบ้านอยู่ติดกันทั้งๆที่ความชอบและนิสัยไปกันคนละทาง และคำว่า “แค่เพื่อน” มันจะต้องเปลี่ยนไปเพราะ “เชื้อไวรัส” นี่แหละ *w* บอกไว้ก่อนว่าคาซาโนริ-เมะ  ส่วนวาตานาเบะ-เคะ นะก๊ะ....วันดีคืนดีคงมีให้อ่านกันไหม? (ไหมอะไรล่ะ?!!)

ตอนนี้ยังมาคิดๆอยู่เลยค่ะ....ว่าน่าจะตั้งใจตั้งชื่อตัวละครออริมากกว่านี้อีกหน่อย ^ ^” สารภาพว่า หันไปรอบๆตัว หยิบมังงะมั่วๆมาสองสามเล่มแล้วยืมชื่อชาวบ้านเค้ามาซะงั้นอ่ะ (จะโดนตบไหมตรู *หลบหน้าหลบตา*) ถ้าใครจะจำได้ว่า อย่างน้อยๆ 3 ตัวละค่ะ ที่มาจากบลีช ฮ่าๆๆ (ยืมมาแต่ชื่อนะ แต่หน้าตาและบุคลิกบ่ใช่เลย)

แล้วก็นะ...ไวรัสเอย...ห้องวิจัยเอย....ไอ้ของพวกนี้ก็มั่วมาจากความรู้แต่ชาติปางก่อน (ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจำผิดจำถูก เพราะตอนเรียนชีวะก็หลับตลอด = =) เพราะงั้นถ้ามีคุณหมอ(หึหึ) หรือคนที่ทำงานวิจัย(หึหึ) แวะมาอ่านแล้วเจออะไรผิดๆเข้าก็ทำเป็นมองไม่เห็นทีนะคะ (เฮ้ย!!) ส่วนน้องๆหนูๆก็ไปหาความรู้เพิ่มเองเด้อ อย่าเชื่อคุณมี๊นี่มากนัก 555

ส่วนตอนที่ 7 นี่ ตอนแรกตั้งใจ๊ตั้งใจว่าจะเป็นตอนจบ (แล้วก็ไม่จบ = =) ตั้งใจ๊ตั้งใจว่าจะแต่งมาให้ทันวันที่ 15 (แล้วก็ไม่ทัน = =) แหะแหะ....ถึงจะสายไปแล้วหลายวัน แต่ก็ขอแฮปย้อนหลังแล้วกันนะก๊ะ


สุขสันต์วันเกิดนะค้า บารินนี่ซัง >w<


ส่งซอมบี้ก๊กไปกัดๆๆๆ ฮี่....มีความสุขมากๆนะคะ ขอให้มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้น ได้พบได้เจอแต่สิ่งที่ปรารถนาน้า....

อวยพรสั้นๆแต่รักฉันยาว (ห้ามอ้วก!) ^ ^


ส่วนฟิคซอมบี้นี่....ตอนหน้ามันจะจบ!!! (หรอ?)….มิชชั่นสุดท้ายแล้วน่า...


ก่อนไปแอบแปะรูปปก บลีช เล่ม54 หน่อย หลายคนคงเห็นในเฟสแล้วเนอะ555 เล่มนี้แบบว่าสครีมตั้งแต่ปกยันเนื้อใน อร๊ายยยยยยย หลังจากไปยืนลูบไล้เล่มฉบับญี่ปุ่นที่ร้านคิโนะมารอบนึง ในที่สุดก็ออกในไทยซักที ปกหนูลูเคียยยยย >//////< แค่ปกมี๊ก็กรีดร้องจะแย่แล้ว เปิดเข้าไปข้างใน สครีมดับตั้งแต่หน้าแรกเลยค่ะ...คำโปรยเปิดเล่มมันโฮกมากกกกกกกกกกกกกก ชาบูๆๆอ.คุโบะ....ชาบูๆๆ คุณอิศเรศ คนแปล...คมบาดใจมากๆค่ะ >w< เท่านั้นยังไม่พอ....เปิดเข้าไปข้างในๆอีก....พอเจอฉากที่พี่เบียไปหิ้วลูเคียมาเท่านั้นละ...แหกปากไปสามบ้าน....โอยๆๆ พี่เบียขราน่ารักอ่า....น้องเมียสาวคนนี้เนี่ยจะไม่ให้คลาดสายตาเลยใช่ไหมค้า....แต่ว่าท่านอนซบตักเร็นจิของอิหนูลูก็ได้ใจมี๊พอๆกันเลยค่ะ ดูน่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู =w=



แถม ปิดตอนเล่ม 53 อีกนิด ความจริงก็อยู่กะตัวมานานแล้วละ เห็นทีไรก็ฮาได้อีก....เร็นจิเอ้ย....ยังไงก็อย่าเพิ่งถอดใจซะล่ะ เงินทองเป็นของนอกกาย ยังไงซะรักแท้ก็แพ้ใกล้ชิด (ยังไงของมัน?...แล้วก็...ได้ข่าวว่าพี่เบียมันอยู่ใกล้ชิดยิ่งกว่าเร็นจิอีกนะ?)





ปล.เพิ่งรู้ว่า Bleach Concept Cover 2 ออกมาแล้ว (ผ่านมาครึ่งปีได้ = =”) อัลบั้มนี้ก็โฮกมากค่ะ >w< ถึงจะน้อยกว่าอัลบั้มที่แล้วหน่อยนึงก็เหอะ....ตอนแรกที่รู้ว่ามันออกมานะ รีบบึ่งไปเปิดฟังก่อนเลยอ่ะว่า เพลง Sakurabito ใครเป็นคนได้ร้อง เพราะชอบเพลงนี้มากกกกกกกกกกก เป็นเพลงปิดที่ 21 ใช้ประกอบภาคดาบฟันวิญญาณ ซึ่งภาคนี้อิพี่เบียมันทำตัวลับๆล่อๆทำเหมือนจะหักหลังเหล่ายมทูต ทำให้น้องสาวเศร้าใจที่พี่ชายเปลี่ยนไป ตัว MV นี่....พี่เขยน้องเมีย มว๊ากกกกกกกกกกก.....ไม่เชื่อตามไปดูได้

จิ้มๆ Bleach : Sakurabito

คือ...แอบหวังไว้ว่าจะได้ยินเสียงพี่เบียที่ร้องเพลงนี้...แต่อัลบั้มนี้มันเป็นอัลบั้มของพวกอารันคาร์...เพราะงั้นก็ทำใจหน่อยๆละว่า คงไม่ใช่พี่เบีย....ตอนแรกเปิดชื่อดูก็...เอ๊ะ?...ใครฟ๊ะ?....คืออ่านไม่ออกนั่นเอง(ชื่ออาร์รันคาร์ก็มาจากภาษาสเปนบ้างอะไรบ้าง = =) ปกติอ่านตามคุณอิศเรศที่แปลไทยแล้ว พอเห็นเป็นภาษาอังกฤษถึงขั้นงง....พยามยามอ่านอยู่นานมากกว่าจะรู้ว่ามันคือ   บัก อาโรนีโร่ อาร์รันคาร์ที่สู้กับลูเคียนี่เอง ไอ้คนที่เสียบลูเคียซะเดี้ยงจนพี่เขยเค้าต้องตามไปช่วยอ่ะ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ไอ้ตัวที่หน้าเหมือนท่านไคเอ็นนั่นแหละ แน่นอนว่าพากย์โดยคนพากย์คนเดียวกับท่านไคเอ็นด้วย.....แล้วเค้าก็ดันร้อง Sakurabito ได้โฮกบัดซบ!!! ร้องเพราะจนอยากจะ ไคเอ็นลูเคีย ขึ้นมาทันที (เฮ้ย!!!) อ๊ากกกกก เวอร์ชั่นโคฟเวอร์แบบนี้ก็ชอบอ่า....(มีลิ้งค์ให้อยู่ในแดงๆข้างบนนั่นแหละ)

ฟังแล้วเพ้อจนได้ฟิค 8059 มาเรื่องนึงเต็มๆเลยค่ะ(ได้ไงฟ๊ะ?!)....คราวที่แล้ว Sen no yoru ก็รอบนึงละ 5555 คราวนี้ มาโดน Sakurabito เล่นงานอีกระลอก โฮกกกกกกกก (ส่วนเวอร์ชั่นออริจินัลของ Sunset Swish นี่ได้ฟิคบลีช เรื่อง ศักดิ์ศรีในคมดาบทั้งสองตอนมา 555)



ละ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ^ ^”






แอบแปะรูป ฮิเดะคุง....น่าร้ากกกกกกก....นี่กำลังไปเฝ้าสึจิโนะโกะอยู่ค่ะ คือแบบ...คุณอิจิพากย์เรื่องนี้ไปต้องนึกถึงก๊กไปแน่ๆเลยอ่ะ เหมือนกันได้อีก >w<  แล้วก็นะ...เห็นคุณอิจิ ย่อชื่อตัวเองว่า  Ichi Hide แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า คุณอิจิแกชื่อ ฮิเดคาซึ นี่หว่า....อ้า!! Ichi Hide จริงๆด้วย (อะไรจะพ้องกันได้ขนาดนี้55)


8 ความคิดเห็น:

  1. ตอนใหม่มาแว้ววววววว อ่านฉากในตอนนี้แล้วนึกถึงเรื่องนัมเบอร์ซิก โฮะโฮะ เนซิมิ๊ชิอง~~~ // ผิดเรื่องงงแล้วเฮ้ย แหะๆ แบบว่า ก๊กเหมือนนางเอกในเกมเลยอ่าาา เอาเลือดมาทำยารักษา เจ้าหญิงของเราเป็นที่ต้องการของพวกปีศาจทั้งหลาย ฮ่าๆ

    แต่ว่า เฮ้ยยยย ยาม๊าาาา กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ไหงมาทำแบบน้านกันเล่า ยังจะมีอารมณ์มาหื่นได้ีอี๊กกก อ๊ากกก ตบตีๆ มันใช่เวลามั้ย อร๊ายยยย เจ้าบ้าเบสบอล ถ้าเกิดใครมาพอดีจะทำไงเนี่ยยย รอดตัวไป ฮ่าๆ อ้อออ ลืมไปว่าพอก๊กซอมบี้เข้าสิง?ต้องทำให้เหนื่อยถึงจะหมดแรงอยู่นิ่งๆได้ กร๊ากกกกก คนที่เหลือจะช่วยออกมาได้ปลอดภัยกันมั้ยฟร่ะ โฮกกกกก

    กล่าวถึงท่านพ่อท่านเทพมากอ่ะ =[]= เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมเลยอ่ะ หวังว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามแผน แต่ว่า ไอ้ที่กลิ้งออกไปนั่นหน่ะ XXY ใช่ม๊ายยยยย กรี๊ดดดดด หลอดจะแตกหักมั้ยฟร่ะ หรือเสียงหล่นพื้นขนาดนั้น ใครจะโพล่มาเห็นบ้างละเนี่ย คอยดูนะถ้าก๊กไม่รอด เพราะแกๆๆคนเดียวเลยย ฮึ่ยยย // แต่ดูเหมือนก๊กจะกัด?ยั่ว?ก่อนหนิหว่า ฮ่าๆ // ไม่เกี่ยวๆ แกต้องอดทนอดกลั้นให้ได้สิฟร่ะ // เอ่อ เจอก๊กในโหมดแบบนั้นจะอดทนไว้เร๊อะ ... เอ่อ เอาเป็นว่าาาา ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนนน ตายยกเรื่อง!!~ หรือกอดคอกันรอด!!~ เกรงว่าจะมีใครเสียสละ เฮือกก ลุ้นดีกว่า จะไปจบที่ตรงไหนแบบไหน หึหึ

    แต่อะไรก็ช่าง ก๊กซอมบี้เซะซี่มว๊ากกก...จบ!! เอิ้กส์ๆ
    รออ่านตอนต่อไปน้าาา .... รีบวิ่งหนี ข้อหาเม้นท์ไร้สาระมากกก ฮ่าๆ :P

    ตอบลบ
  2. อ่านจบแว้ววววววว

    ลุ้นระทึกจนหยดสุดท้าย อ่า....ก๊กคุงงงง ผิดสถานการณ์แว้วว?! ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่นาที...ยามะสามารรถมากฮร่ะ กร๊ากกกก โหยตอนนี้หยั่งกะมิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ล? พ่อก๊กเมพมากอ้ะ วางแผนซ้ำซ้อนได้ขนาดนี้ เหอๆ เสียงเคร้งตอนท้ายนั่น ถ้าในเกมอาจเป็นท่อแป๊บ?! 555+
    (ไม่รู้จะเม้นท์อะไรแล้วอ้ะ คุณเปาเม้นท์หมดและ ฮาาาาา (กลิ้งหลบ)

    ตอนพิเศษคู่ออริ?! จัดเรยค่า ยกมือชาบู!!! มิตรภาพเบ่งบานกลางสนามรบ 555+(ถึงจะเพื่อนกันแต่เด็กก้อเต๊อะ) รออ่านอย่างยิ่งยวดค่าาา ^ ^"

    ปล. พาท 3 คนเม้นท์หลายและ เม้นท์กันได้แล้วนะค้า 555+

    ตอบลบ
  3. *จับจอคอมเขย่าๆ*
    เสียงอะไรตกคะ เสียงอะไรตกค๊าาาา(ตื่นเต้นยังกับอยู่ในเรื่อง5555)

    ขอชาบูคุณพ่อหนึ่งยก ช่างเป็นผู้ชายที่สุดยอดในหลายๆความหมาย อ่านแล้วแอบคิดว่าเดี๋ยวต้องไปเอาคืนเจ้าพวกตัวโกงแหงๆเลยล่ะค่ะ ฮาาาา

    ก๊กยั่ววววววววววววว จริงๆแล้วรอดจากตรงนี้ไปยามะมันเอาจริงแบบที่บอกแน่ๆ ต้องระวังตัวและเวอร์จิ้นของตัวเองให้ดีๆนะลูก(มันใช่เรื่องที่ควรห่วงตอนนี้เรอะ!)

    มาล่อลวงเค้าแล้วต้องเข็นตอนพิเศษมาจริงๆนะค้าาา มองรุ่นพี่คาซาโนริเมะอยู่แล้วล่ะค่า รุ่นพี่แกดูเป็นผู้ชายหื่นหน้าตายนะคะ หน้านิ่งๆนี่ล่ะน่ากลัว เจ้ารถคันนั้นนี่มันอะไร55555555

    อยากอ่านตอนต่อไปมากๆๆๆๆๆๆค่ะ กำลังรออ่านกัปตันกับคาริยะคุงอาการกำเริบ แอร๊ยยยยยย

    ตอบลบ
  4. โอย ไม่ไหวละ...แว่บมาบอก น้อง M1 ไว้ก่อน ฮ่าๆๆ พาท 3 อ่ะ จริงๆเค้าไม่ได้ตั้งใจจะรอให้ชาวบ้านเค้าเม้นต์กันก่อนจริงๆหรอกน่า แต่ว่ามันยังไม่มีเวลาเข้าไปดูเลยอ่ะค่ะ ฮืออออออ อาทิตย์นี้ที่ออฟฟิศนรกแตกมากๆอ่ะ (ตอนนี้เที่ยงคืน ข้าพเจ้ายังนั่งปั่นงานงกๆอยู่เลย T^T มีบ้านอยู่ในมือ 5หลัง กับหมู่บ้านอีก 2 โครงการ แล้วทุกงานแม่งจะเอาแบบ แง๊...) ปู่ขราาาา ช่วยด้วยยยยยยยย

    โหยหวนเสร็จแล้วก็จากไป....ไอ้เวลาแบบนี้แหละที่อยากอู้มาแต่งฟิคสุดๆ *กระซิก* ขอบคุณเม้นต์จากคุณเปาและพีเคซังด้วยนะค้าาาาาา >w

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ช่างเป็นของขวัญที่ถูกใจและพาเสียเลือดจริง ๆ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ

    ให้ตายเถอะซอมบี้ก๊กนี่นับวันยิ่งเซ็กซี่ขึ้นทุกวัน อ่านตอนนี้แล้วอยากเป็นไม้กวาด แมลงสาป ฝุ่นละออง อะไรก็ได้ที่อยู่ในตู้นั้นจัง อ้าซอมบี้ก๊กเธอเซะซี่จริง ๆ (เพ้อไปถึงไหนแล้วนี่เธอ)
    อันทีจริงแล้วไม่ต้องสร้างหลอกแอนตี้ไวรัสตัวใหม่หนะ ใช้ตัวนี้แหละดีแล้ว หึหึหึ
    "กัดซะให้พอใจเลยโกคุเดระ" เพราะอะไรไม่รู้แต่ว่าชอบประโยคนี้จัง

    ตอนนี้คาริยะก็อาการกำลังกำเริบอยู่สินะ จะเซ็กซี่สู้หนูก๊กได้ไหมน้า อยากรู้จังเลยน้า จะได้รู้ไหมน้า

    ตอบลบ
  6. อยากถามยามะว่ารู้สึกยังไงกับพ่อโกคุ

    แบบ...มีเสียวๆ สันหลังบ้างมั้ยเคอะ

    สำหรับพ่อที่ห่วงลูกมากแบบนั้น ดูท่ายามะจะได้โกคุมายากหน่อยล่ะนะ แต่หลังเหตุการณ์นี้แล้วอาจจะไม่ยากเท่าไหร่ก็ได้นะ

    อิ ผอ.คนใหม่นั่นน่าซัดให้สลบชะมัด เป็นนักวิจัยก็ควรจะมีจรรยาบรรณหน่อยเซ้!!

    พ่อโกคุนี่ใจแข็งมากจริงๆ นับถือคนแบบนี้ แต่ก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ใช่เล่นเหมือนกันนะ คุณพ่อคงจะแสบมิใช่น้อยทีเดียว

    อ่านไปถึงตอนที่อาการของโกคุกำเริบ ตอนนั้นมันกร๊าวมากจริงๆ ฮะ ทำไมมันดันมากำเริบตอนนั้นนะ น่าจะกำเริบในที่ๆ สะดวกหน่อย จะได้ทำ(?)ได้เต็มที่ จริงมั้ยยามะ? นึกถึงหน้าของโกคุแล้วอิจฉาอิเนียนเป็นที่ยิ่ง อยากเข้าไปตั้งกล้องไว้ชะมัดเลยอ่าาาาาา มันต้องเซ็กซี่มากๆ แน่ๆ แต่ก็เอาเหอะ..ตรู๊ดด..กันในที่แบบนั้นมันก็ตื่นเต้นแอนด์เร้าใจไปอีกแบบ

    * ยกมือ * เห็นด้วยกับพีเคซังค่ะว่าน่าจะมีตอนพิเศษของคู่ออริสักหน่อย อยากอ่านคู่กัปตันจังค่ะ แล้วก็คู่คาริยะด้วยถ้าเป็นไปได้ //โดนตบฐานโลภเกินไป

    รอตอนต่อไปจ้าา

    สู้ๆ น้าพี่กวาง งานเยอะแค่ไหนก็อย่าลืมรักษาสุขภาพนะฮะ ^^

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ10 ตุลาคม 2556 เวลา 02:46

    ก๊กจัง อาการกำเริบไม่เป็นเวลาจริงๆ แบบนี้ต้องทำโทษ =.,=

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ16 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:43

    จะไหวมั๊ยยามะ
    ว่าที่พ่อตานายนี่มนุษย์ต่างดาวชัดๆ
    รู้ไปหมดทุกสิ่งอัน
    แล้วนี่เขารู้รึยังว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับลุกชายเขาเป็นแบบไหนน่ะ

    ก๊กกกกกกกกกกกกกกกก
    อาการกำเริบผิดเวลาไปนะ
    ยามะถึงกับไม่ทน
    แล้วเสีียงอะไรหล่นคะนั่น
    ลุ้นค่ะ

    ตอบลบ