KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059] -- BiOS : 06 --


KHR Au S.Fic HBD.Yama [8059]  -- BiOS : 06 --
  
: KHR AU Fanfiction
: 8059
: Action  Horrors
: NC-17

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







กลิ่นไข่ดาวหอมยั่วน้ำลายกระจายไปทั่วห้อง ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าไอ้พวกซอมบี้เน่าเฟะข้างนอกจะมีประสาทรับรู้เรื่องกลิ่นด้วยไหม...รู้แต่ว่า พวกมีเชื้อซอมบี้อย่างเจ้าคาริยะเพื่อนผมกำลังนั่งน้ำลายไหลย้อยพอๆกับเสียงกระเพาะที่ร้องอย่างไม่เกรงใจใครอยู่ที่โต๊ะกินข้าว


“ นี่นายจะหลับหรือจะหิวกันแน่ เลือกเอาซักอย่างสิคาริยะ”       เจ้าสึกิชิม่าที่มีท่าทางเริงร่าเอาม้วนหนังสือพิมพ์ตีลงไปบนหัวของคนที่ท้องร้องทั้งๆที่นั่งสัปหงก


“ แล้วกัปตันกับรุ่นพี่คาซาโนริล่ะ?”         ผมวางจานไข่ดาวร้อนๆลงไปบนโต๊ะพรางเงยหน้ามองหาสองคนที่เพิ่งพูดถึง


“ กัปตันน่ะหรอ?...ดูเหมือนกำลังพยายามห้ามรุ่นพี่คาซาโนริที่มีท่าทางเหมือนอยากจะชำแหละเบนซ์สปอร์ตของโกคุเดระออกมาดูน่ะ พวกโอตาคุรถก็แบบนี้แหละ”      สึกิชิม่าพูดพรางหยิบขนมปังปิ้งออกจากเตา


เช้าวันนี้เป็นวันที่อากาศดี....และเรื่องที่ดียิ่งกว่าคือพวกเราตื่นขึ้นมารับวันใหม่กันครบทุกคน


คาริยะกับกัปตันไม่มีอาการของซอมบี้หลงเหลืออยู่อีก มีเพียงแผลที่ถูกกัดเท่านั้นที่ต้องรักษาตามปกติ


แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น....ผมก็ต้องแอบไปกระซิบบอกกับสึกิชิม่าและรุ่นพี่คาซาโนริเอาไว้....ว่าพวกลูกครึ่งซอมบี้สองคนนี้ อาจจะมีอาการกำเริบเหมือนโกคุเดระก็ได้...


แค่ทำให้เหนื่อยอ่อน จนนอนหลับไปเอง...พอตื่นขึ้นมาก็จะเป็นปกติเหมือนเดิม ’       


ผมบอกสองคนนั่นไว้แค่นั้น....ส่วนเรื่องที่ว่าจะทำให้เหนื่อยอ่อนกันอีท่าไหน ก็ไปหาวิธีกันเอาเอง 


ผมแอบยิ้มก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว เพื่อมาตามตัวเจ้าของบ้านไปกินอาหารเช้าที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ  ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาโกคุเดระยังนอนหลับอยู่ เลยปล่อยให้เขานอนต่อไปโดยไม่ได้ปลุก


เมื่อขาก้าวออกมายังโถงบันไดเพื่อจะเดินขึ้นไปชั้นสอง สายตาก็มองเห็นแผ่นหลังบางของเขาเสียก่อน


โกคุเดระยืนจ้องโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ที่หัวบันไดตาไม่กระพริบ สักพักนิ้วเรียวก็ยกขึ้นไปจิ้มที่โทรศัพท์...


“ ไม่มีข้อความที่ฝากไว้.....”       เสียงตอบรับอัตโนมัติดังขึ้นจนกระทั่งเงียบไป แล้วผมก็เห็นเขายังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องโทรศัพท์เขม็ง สักพักนิ้วเรียวก็จิ้มลงไปอีก


“ ไม่มีข้อความที่ฝากไว้.....”       แล้วเสียงเดิมๆก็ดังขึ้นมาอีกหลายรอบ จนผมทนต่อความสงสัยไม่ไหวจึงเดินเข้าไปถามเขาใกล้ๆ


“ นายรอโทรศัพท์จากใครอยู่หรอ?”       โกคุเดระสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงผม เขาถอยหลังหนีพร้อมใบหน้าที่แดงราวกับลูกเชอร์รี่.....ดูก็รู้ว่าเขากำลังอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน


เมื่อครั้งแรกเขาคงจะจำได้แค่รางๆเพราะสติที่เลอะเลือน....แต่สำหรับเมื่อคืนนี้มันไม่ใช่...เพราะเขายังมีสติครบถ้วน


“ มะ ไม่ได้รอ.....”       เสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมาจากใบหน้าที่ก้มงุด ปฏิกิริยาของเขาทำให้ผมอยากจะวิ่งเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงจริงๆให้ตาย....


.....โกคุเดระ นายจะน่ารักไปถึงไหน.....


“ ชะ ชะ ชั้นก็แค่สงสัยว่า...ทำไมหมอนั่นถึงไม่โทรมาอีก”       หมอนั่น?...หมายถึงพ่อของเขาน่ะหรอ?


“ โทรศัพท์อาจจะใช้การไม่ได้อยู่ก็ได้นะ?”      


“ ไม่มีทาง...หมอนั่นเป็นมนุษย์ต่างดาวนะ....ขนาดน้ำไม่ไหลไฟดับโทรศัพท์ไม่ทำงานคลื่นไม่มีจะสื่อสาร หมอนั่นยังหาทางโทรจิกฉันได้แทบทุกวันเลย...แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้....”      นี่ผมต้องเจอพ่อตาที่เป็นแบบนั้นหรอนี่?


ใบหน้าที่ดูกังวลของโกคุเดระชวนให้นึกว่า หรืออาจจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับพ่อของเขาหรือเปล่า?


ผมเอื้อมมือไปจับมือของเขาเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ


“ ไปกินอาหารเช้ากันก่อนเถอะ....พอมีแรงแล้วเราค่อยไปหาพ่อของนายกัน”       ผมยิ้มให้นัยน์ตาสีมรกตที่เหลือบขึ้นมามอง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าลงน้อยๆพร้อมกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากลำคอ


“ อืม....”






มื้อเช้าง่ายๆ แต่กลับเป็นอะไรที่ใครๆต่างโหยหาในช่วงเวลาแบบนี้ กำลังดำเนินผ่านไปท่ามกลางบรรยากาศเบาสบาย แสงแดดยามสายที่แผ่เข้ามาปกคลุมบ้านหลังนี้อยู่ดูราวกับจะห่อหุ้มให้ที่นี่เป็นเหมือนโอเอซิสของดินแดนที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ


มันอุ่นใจจนใครที่เข้ามาแล้วคงไม่คิดที่จะอยากออกไป....


แต่ไม่ใช่พวกผม


“ แน่ใจนะ...ว่าพวกนายจะออกไปด้วย?”        ผมถามย้ำกับอีกสี่คนที่ต่างกำลังยืดเส้นยืดสายหลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ


“ แน่ใจสิ  ก็ฉันเป็นกัปตันนี่ จะส่งลูกทีมลงสนามโดยตัวเองยืนดูอยู่เฉยๆได้ไง...อีกอย่าง....ฉันก็อยากจะรู้ว่าข้างหลังปราการเหล็กนั้นมันมีอะไร หากโกคุเดระคุงมั่นใจขนาดนั้นว่าจะเข้าไปได้...”         ผมมองรุ่นพี่วาตานาเบะอย่างรู้สึกขอบคุณ ภายใต้กางเกงขายาวนั้นมีรอยแผลถูกกัดอยู่ ความจริงผมควรจะให้เขาอยู่ที่นี่...แต่เสียงร่ำร้องลึกๆในใจ ผมก็ไม่อยากจะไปกับโกคุเดระแค่สองคน....บอกตามตรงว่าผมกลัว


กลัวว่าแค่กำลังของผมคนเดียวจะปกป้องเขาไม่ได้...กลัวว่าจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก


“ ถ้าให้ฉันขับเจ้านี่...ที่ไหนฉันก็ไปทั้งนั้นแหละ”      นั่นเป็นเสียงจากรุ่นพี่คาซาโนริที่กำลังลูบๆคลำๆเบนซ์สปอร์ตสีขาวด้วยหน้าตามีความสุขสุดขีด ดูเหมือนพี่แกจะเปิดเช็คสภาพเครื่องจนสมบูรณ์กับขัดสีฉวีวรรณจนคราบเลือดหายเกลี้ยงเหลือเพียงความมันวับสมกับที่เป็นรถหรูเลยทีเดียว....ให้ประธานชมรมต่อรถนี่ขับก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ยังเป็นห่วงแผลที่ไหล่ของโกคุเดระอยู่


“ ฉันไม่ให้นายทำเท่ห์อยู่คนเดียวหรอกน่าพ่อเอสเบอร์หนึ่ง ถ้าไม่ไปด้วยจะเรียกว่าเพื่อนกันได้ไง”       สึกิชิม่ายกแขนขึ้นมากอดคอผมพร้อมหัวเราะร่าเหมือนที่เคยเป็น โดยมีคาริยะที่ไม่แน่ใจว่าพยักหน้าหรือยืนสัปหงกอยู่ข้างๆ ที่ปลายแขนของหมอนั่นมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ ความจริงแผลถูกกัดของคาริยะแทบจะเรียกว่าเป็นแค่รอยข่วนเท่านั้น มันไม่หนักหนาสาหัสและดูไม่น่าเป็นห่วงอะไรเลย...ถ้ามันจะไม่ใช่รอยกัดของซอมบี้


พวกผมเช็คอาวุธกันอีกครั้ง โกคุเดระก้าวขาออกมาจากบ้านพร้อมกับโยนปืนกระบอกหนึ่งมาให้สึกิชิม่า


“ ให้หมอนั่นใช้สิ แขนเจ็บแบบนั้นคงใช้ไม้เบสบอลลำบาก”      สึกิชิม่ารับปืนเอาไว้ด้วยใบหน้าอึ้งๆ  นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปที่คาริยะที่ผมแน่ใจแล้วว่ามันกำลังยืนหลับอยู่....ว่าแต่เขาไปเอาปืนนี่มาจากไหนเนี่ย?


“ อะไร? นั่นของจริงนะ ฉันเจอในห้องของเจ้าพ่อบ้า  ยังมีอีกอันแต่ว่ามันหนัก นายมาช่วยยกหน่อยสิ”       เขาหันหน้ามาตอบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของผม...อ่า...แต่จะว่าไปผมไม่สงสัยหรอกนะว่านั่นมันของจริงหรือของปลอม ก็ถ้าพ่อเขาจะหวงลูกชายขนาดนี้ คงต้องมีปืนพกเอาไว้สักกระบอกสองกระบอกแหละ...ผมยิ้มแห้งเดินนำเขากลับเข้าไปในตัวบ้าน


“ เดี๋ยวโกคุเดระ!”       ได้ยินเสียงสึกิชิม่าเรียกเขาเอาไว้


" ขอบใจอีกครั้งนะโกคุเดระ....ฉันเข้าใจแล้วละว่า ทำไมยามาโมโตะถึงได้เลือกนาย"       ผมแอบฟังพรางลอบยิ้ม....แต่ประโยคที่จะได้ยินถัดไปมันกลับทำให้ใจผมเต้นแรงยิ่งกว่า


“ ไม่เป็นไร.......ที่ฉันเป็นแบบนี้.....ก็เพราะหมอนั่นเลือกฉันต่างหาก.....”        เสียง...เสียงของโกคุเดระไม่ผิดแน่....


“ ยามาโมโตะทำให้ฉันรู้จัก....การที่จะรักและช่วยเหลือใครสักคน”


ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่หลังบานประตู นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างควบคุมไม่อยู่ เช่นเดียวกับหัวใจ....ที่มันท่วมท้นไปด้วยความดีใจจนแทบจะกักเก็บเอาไว้ไม่ไหว


...โกคุเดระ....ถ้าฉันพุ่งเข้าไปกอดนายตอนนี้...นายจะเป่าฉันด้วยปืนนั่นไหมนะ....


...ผม....ดีใจ....จนน้ำตาจะไหล.....อ้า....ทำยังไงดี....







ผมไม่แปลกใจละว่าทำไมโกคุเดระถึงยกปืนอันนี้ไม่ไหว....ในเมื่อปืนที่ผมส่งให้กัปตันซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับคือ M3S....ปืนลูกซองแบบชักลำยิงที่มีน้ำหนักราวๆสามกิโลได้....ที่ผมสงสัยคือ ทำไมไอ้ของแบบนี้ถึงได้มาอยู่ในบ้านนักวิจัยธรรมด๊า ธรรมดา?


ผมกระโดดขึ้นไปนั่งบนกระโปรงหลังของเบนซ์สปอร์ต โดยมีโกคุเดระกับคาริยะอยู่กลาง ส่วนผมกับสึกิชิม่าประกบริมสองข้าง


เซลล์ทั่วร่างกายถูกปลุกให้ตื่นเต็มที่ ในขณะเสียงรถดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ


ประตูรั้วสูงกำลังค่อยๆเปิดอ้าออกกว้าง และเมื่อมันเปิดเต็มที่....เบนซ์สปอร์ตสีขาวก็พุ่งทะยานออกไป!


และเมื่อสายตาทั้งหกคู่มองเห็นโลกภายนอก จากหัวใจที่เต้นระรัวก็ดูเหมือนจะค่อยๆผ่อนคลายลง


เมื่อบ้านเรือนแถบนี้ยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม....มันสงบจนชวนให้คิดว่า พ่อของโกคุเดระแอบวางกับดักอะไรไว้หรือเปล่า? ...ทำไมซอมบี้ถึงไม่ยอมเข้าใกล้พื้นที่บริเวณนี้เลย


“ บ้านแถวนี้ไม่มีคนอยู่เลยหรือไงนะ?”          สึกิชิม่าเปิดประเด็นด้วยความสงสัย


“ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของพวกนักวิจัยในสถาบันวิจัยน่ะ”        โกคุเดระตอบออกมาเบาๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนอยู่ เท่าที่ดูจากพ่อของเขาก็น่าจะรู้แล้วละว่า ส่วนใหญ่พวกนักวิจัยจะอาศัยอยู่ในที่ทำงานมากกว่าบ้านของตัวเอง


“ เลี้ยวซ้ายข้างหน้า”       เขาเอ่ยบอกทางเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่คาซาโนริยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาเครื่องลง


เอี๊ยด!!!


เสียงเบรกดังลั่นก่อนที่เบนซ์สปอร์ตจะหักพวงมาลัยจนคนที่นั่งอยู่บนกระโปรงท้ายแทบจะร่วงลงไป


“ ให้หมอนี่ขับจะดีหรอเนี่ย....ได้ข่าวว่าไปเสยกำแพงมาไม่ใช่รึไง?”        คาริยะที่เพิ่งตื่นเต็มตาเมื่อกี้บ่นงึมงำพรางขยับตัวให้เข้าที่


“ ไม่ใช่ความผิดฉันนา...ก็ถ้าเจ้าโซ...โซ...โซอะไรซักอย่างนั่นไม่เข้ามาแย่งพวงมาลัยละก็ คงไม่พุ่งชนกำแพงแบบนั้นหรอก”       เสียงยานคางเอ่ยออกมาจากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย


“ โซสุเกะน่ะ....คือ....หลังจากที่สึกิชิม่ากับคาริยะลงไปแล้ว เราก็ตัดสินใจที่จะหนีออกนอกเมืองกัน แต่ว่าระหว่างนั้นเด็กผู้หญิงที่เป็นโรคกระเพาะเกิดปวดท้องมากๆขึ้นมา เราเลยคิดว่าจะไปหายาที่โรงพยาบาลก่อน...แต่ว่าโซสุเกะไม่ยอม....หมอนั่นคงเครียดจัดจนไม่ฟังอะไรอีก จะให้ขับรถออกนอกเมืองท่าเดียว....คาซาโนริไม่ยอมทำตาม...หมอนั่นเลยตรงเข้าไปจะขับเองน่ะ เลยยื้อแย่งกันจนรถเสียหลักเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ”       กัปตันอธิบาย   พวกเราก็ได้แต่รับฟังอย่างพูดอะไรไม่ออก


พูดถึงโรงพยาบาล...ผมจึงนึกอะไรขึ้นมาได้


“ โกคุเดระ...ยาที่นายต้องกินประจำหมดรึยัง?”       ผมลืมเรื่องสำคัญนี่ไปเสียสนิท ใบหน้าสวยของเขาพยักหน้าลงน้อยๆ


“ ถ้างั้นคราวนี้...จะแวะไหมล่ะ โรงพยาบาลน่ะ?”        รุ่นพี่คาซาโนริถามทั้งๆที่ตาก็ยังมองทาง


“ พวกยาทาแผลก็จวนจะหมดแล้วด้วย”       สึกิชิม่าทำท่านึกแทนคนที่จำเป็นต้องใช้แต่ไม่ได้ใส่ใจอย่างคาริยะและกัปตัน


“ โรงพยาบาลอันตรายเกินไป อีกอย่างยาในห้องยาก็มีเยอะจนใช้ไม่ถูก....แต่ถ้าเป็นคลินิกใกล้ๆนี้น่าจะปลอดภัยกว่า”       โกคุเดระเสนอ ซึ่งพวกเราที่เหลือก็เห็นด้วย เบนซ์สปอร์ตจึงออกนอกเส้นทางที่จะไปสถาบันวิจัยอีกครั้ง







ป้ายชื่อที่บ่งบอกให้รู้ว่าอาคารตรงหน้าคือคลินิกห้อยอยู่เหนือหัวของพวกเรา ประตูรั้วเหล็กเตี้ยๆยังคงปิดสนิท แต่ถึงแบบนั้นก็จะประมาทไม่ได้ว่าข้างในจะไม่มีซอมบี้


“ รุ่นพี่กับคาริยะอยู่บนรถก็แล้วกัน ผม ยามาโมโตะ กับโกคุเดระจะลงไปเอายาเอง”       สึกิชิม่าเอ่ยออกมาโดยที่ตาก็ยังจ้องเขม็งไปยังสนามหญ้าเล็กๆก่อนที่จะถึงประตูทางเข้าของคลินิก ซึ่งผมเห็นด้วยกับความคิดของเขา....ยังไงกัปตันกับคาริยะก็ยังมีแผลอยู่ ให้เข้าไปในสถานที่ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรคงจะไม่สะดวกนัก แล้วยิ่งรุ่นพี่คาซาโนริยิ่งทิ้งพวงมาลัยไปไหนไม่ได้เด็ดขาด เพราะพวกเราจะหนีรอดหรือไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับรถคันนี้นี่แหละ


ใจจริงผมก็ไม่อยากให้โกคุเดระลงไปด้วย....แต่เขาก็รู้เรื่องยามากกว่าผม


สึกิชิม่ากระโดดข้ามรั้วลงไปยังสนามหญ้าในขณะที่ผมกับโกคุเดระเพิ่งจะลงมาจากรถ แต่แล้วร่างสูงใหญ่ของหมอนั่นก็ชะงักไปและเมื่อผมเงยหน้ามองตามสายตาของสึกิชิม่า ขนทั่วร่างก็ลุกชันทันที


เงาวูบไหวของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ที่ข้างตึก....


พวกเรามองเห็นเพียงแค่เงาที่ตกกระทบลงสู่พื้นดินเท่านั้น เพราะผนังยังบังอยู่ แต่ดูก็รู้ว่าเป็นเงาของคน....เพียงแต่จะเป็นคนที่เป็นมนุษย์ หรือคนที่เป็นศพเดินได้กันแน่...ที่ไม่มีใครรู้


ไม้เบสบอลในมือสึกิชิม่าถูกกระชับขึ้นมาเตรียมพร้อม เช่นเดียวกับลำกล้องปืนในมือของคาริยะและกัปตัน


อึก....


ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายท่ามกลางความเงียบที่สายตาทั้งหกคู่ต่างจดจ่ออยู่ที่เงาซึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาเรื่อยๆ....เรื่อยๆ....


เสียงหัวใจเต้นระรัวไม่รู้ว่าดังมาจากใครบ้าง เพราะตอนนี้ทุกคนคงจะไม่ได้ต่างกัน....เหงื่อผมเริ่มย้อยลงไปที่ขมับ สายตายังคงจับจ้องเงานั้นอย่างไม่วางตา....เสียงสวบสาบค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ.....


และก่อนที่ลมหายใจของพวกเราจะหยุดลงด้วยความลุ้นระทึก....เท้าที่สวมรองเท้านักเรียนหญิงก็ปรากฏอยู่บนเงาวูบไหว....และเมื่อร่างของเงานั้นค่อยๆโผล่พ้นมุมตึกออกมาให้เห็นว่าเป็นใคร ผมก็ถึงกับถอนหายใจ


ที่แท้ก็เด็กผู้หญิงคนที่เป็นโรคกระเพาะนี่เอง.....


ได้ยินเสียงถอนหายใจจากสึกิชิม่าก่อนที่หมอนั่นจะลดไม้เบสบอลลง...เด็กผู้หญิงคนนั้นเดินก้มหน้าเข้ามาหาด้วยท่าทางนิ่งๆ....อาจจะกำลังกลัว?


“ เธอนี่เอง...ทำเอาตกอกตกใจหมดนะ”       สึกิชิม่าเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับทักทายอย่างเป็นกันเองตามประสาหมอนั่น ใบหน้าคมยิ้มกว้างเช่นเดียวกับพวกเราที่ยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่นอกรั้ว


แต่แล้วเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น


เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน


นัยน์ตาที่เคยสุกใสบัดนี้มันกลับขาวโพลน ใบหน้าที่เคยอมชมพูบัดนี้มันกลับหายไปกว่าครึ่ง เช่นเดียวกับฟันที่เคยเรียงสวยบัดนี้มันกลับเต็มไปด้วยคราบเลือด..........ซอมบี้...


เธอกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว!!


“ สึกิชิม่า!!!”       กัปตันตะโกนเรียกสึกิชิม่าเสียงหลง เช่นเดียวกับผมที่ใจหายวูบ เพราะดูยังไงหมอนั่นก็ป้องกันตัวเองไม่ทันแล้ว ซอมบี้นั่นอยู่ใกล้เกินไป และเพราะมัวแต่โล่งใจว่าเป็นคนที่รู้จักจึงไม่ทันระวัง.....จึงไม่ทันได้ดูให้ดีๆ


ผมรู้ตัวดีว่าถึงแม้ว่าผมจะก้าวขาอย่างสุดกำลัง ถึงแม้ว่าผมจะวาดดาบให้สุดแขนอย่างที่ทำอยู่....มันก็ไม่มีทางช่วยสึกิชิม่าได้ทันแน่ๆ....


เมื่อตอนนี้สองมือของซอมบี้กำลังคว้าจับไหล่ของเพื่อนผมก่อนที่ปากซึ่งเต็มไปด้วยเลือดนั่นกำลังจะขย้ำคอสึกิชิม่าไปต่อหน้าต่อตา



ปัง ปัง ปัง!!!



เสียงปืนดังติดกันสามนัดพร้อมปลอกกระสุนที่ร่วงกราว ในขณะที่พวกเรากำลังตื่นตะลึงและลมหายใจแทบจะหยุดไป....ในขณะที่แม้แต่กัปตันก็ยังขาดสติจนลืมไปว่าในมือก็ถือปืนอยู่


แต่คาริยะก็ยังนิ่งพอ....ที่จะฝังกระสุนลงไปในหัวซอมบี้นั่นจนแตกกระจุย


ทั้งผมทั้งสึกิชิม่าถึงกับทรุดลงนั่งไปกับพื้น ขามันสั่นจนยืนไม่อยู่...


และดูเหมือนเจ้าคนที่ยิงปืนเองก็ไม่ใช่คนที่จะไม่รู้สึกรู้สาหรือว่านิ่งพออย่างที่ผมบอกในตอนแรก เพราะตอนนี้คาริยะได้แต่ปล่อยให้ปืนหล่นลงไปในรถก่อนที่ลำตัวบางๆของหมอนั่นจะพาดอยู่กับกระโปรงหลังอย่างหมดแรงพอกัน


ที่ทำไปนั่นก็คงจะเป็นสัญชาตญาณการที่อยากจะปกป้องสึกิชิม่ามากกว่า


“ อูยยย หัวใจจะวายว่ะ”        ผมหันหน้าไปหาสึกิชิม่าที่ยังทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ โกคุเดระกระโดดข้ามรั้วเข้ามาก้มลงยิ้มน้อยๆให้ผม ใบหน้าเขาดูกังวลจนใจหนึ่งผมก็แอบปลื้มอยู่ไม่ใช่น้อยที่เขาเป็นห่วงผมกับเพื่อนๆ


“ ว่าแต่นายเคยฝึกยิงปืนมาด้วยหรือไงคาริยะ? แม่นใช้ได้นะเนี่ย”      ผมเอ่ยแซวคนที่มันยังพาดตัวอย่างหมดแรงอยู่บนรถ


“ เปล่าหรอก...นั่นน่ะ ยิงมั่ว”       มือของหมอนั่นยกขึ้นมาโบกปฏิเสธ ทำเอาผมกับสึกิชิม่าได้แต่อ้าปากค้าง....นี่ดีนะที่ยิงมั่วแล้วมันดันไปทะลุหัวซอมบี้นั่นพอดี....ยังดีที่หัวที่กระจุยไม่ใช่หัวของเจ้าสึกิชิม่าน่ะ


“ ละ แล้วอย่างงี้...จะเข้าไปกันต่ออีกหรือเปล่า?”       รุ่นพี่คาซาโนริชะโงกหน้ามาถามพรางลูบหน้าอกซ้ายปอยๆ


ผมกับสึกิชิม่ามองหน้ากันก่อนจะหันไปมองซากศพของเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสาร...เธอเองก็คงไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้หรอก....


แต่ว่าต่อไป...พวกผมคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้...ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่เคยรู้จักกัน ก็คงจะประมาทไม่ได้อีก


ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะพยักหน้าให้โกคุเดระกับสึกิชิม่า ว่าเราจะยังคงเข้าไปเอายาตามแผนเดิม


“ เดี๋ยวก่อน! ฉันจะเข้าไปด้วย”       คาริยะกระโดดข้ามรั้วตามมาอีกคน คราวนี้ผมไม่ห้ามเขาแล้วละ เพราะอย่างน้อยไอ้การยิงปืนมั่วของเขามันก็ยังช่วยให้เรารอดตายกันมาได้



ขาทั้งสี่คู่ค่อยๆก้าวเข้าไปยังคลินิกที่มืดสลัวและเงียบสนิท....



ที่ม้านั่งยาวสำหรับผู้ป่วยรอตรวจมีรอยเลือดอยู่เป็นหย่อมๆ.....แปลว่าในนี้เองก็ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยสินะ....ถ้ารั้วที่กั้นอยู่ข้างหน้ายังมีสภาพดีขนาดนั้น....มันคงจะไม่ได้หมายความว่าจะกันซอมบี้ไม่ให้เข้ามาได้อย่างเดียว แต่มันอาจจะกำลังขวางกั้นไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ในนี้ออกไปข้างนอกด้วยเช่นกัน


ผมหันซ้ายหันขวา พยายามจับการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบกายให้ได้มากที่สุด ต่างจากโกคุเดระที่เดินลิ่วๆไปยังห้องยาเล็กๆที่อยู่ใกล้กับเคาน์เตอร์คิดเงิน   ผมมองแผ่นหลังบางของเขาก่อนจะวิ่งตามไป....ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าลูกครึ่งซอมบี้นี่ไม่กลัวอะไรเลยอย่างที่เคยเป็น หรือว่าจะจับสัมผัสของพวกเดียวกันได้และรู้ว่าตรงนั้นไม่มีซอมบี้อยู่ก็ไม่รู้....


“ ฉันเคยมาหาหมอที่นี่”       เขารื้อค้นใบประวัติที่ลิ้นชักที่เรียงรายกันนับร้อย ก่อนที่แฟ้มบางๆอันหนึ่งจะถูกดึงออกมา 


นัยน์ตาสีมรกตกวาดไปบนหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ และช่วงเวลาแบบนี้แหละที่ผมชอบมองเขา...เพราะเขาจะไม่สนใจอย่างอื่นรอบกายเลย สายตาคู่นั้นจะจ้องมองเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น


ซึ่งผมอยากจะเป็น....อย่างแฟ้มที่อยู่ในมือของเขา


โกคุเดระเดินเข้าไปในห้องยาที่ว่างเปล่าไร้เงาผู้ใด ทำให้ผมสามารถยืนคุมเชิงอยู่ตรงทางเข้าออกของมันได้ สายตามองเห็นคาริยะกับสึกิชิม่ากำลังเดินตรวจดูตามประตูหน้าต่างว่าจะไม่มีอะไรบุกเข้ามา


“ นี่....นายว่าชื่อคลินิกมันคุ้นๆไหม?”       คาริยะพูดกับสึกิชิม่าในขณะที่กำลังชะโงกหน้าไปยังห้องตรวจที่อยู่ข้างๆกัน


“ จะไม่คุ้นได้ไงล่ะ ก็นี่มันคลินิกของบ้านเจ้าโซสุเกะนั่นไง”       สึกิชิม่าตอบอีกฝ่ายและมันก็ทำให้ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าเจ้าเด็กขี้กังวลนั่นเป็นลูกชายของที่นี่นี่เอง


“ สำลี....น่าจะอยู่ข้างในห้องตรวจ”       โกคุเดระเดินออกมาบอกผมในขณะที่หอบยาออกมาเต็มสองแขน    


“ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูให้”       สึกิชิม่าบอกพร้อมกับมือค่อยๆหมุนลูกบิดออกอย่างระแวดระวัง ยังดีที่ประตูมีช่องกระจกที่สามารถมองเข้าไปเห็นได้ว่าข้างในนั้นไม่มีใครอยู่


“ หว๋อ!!!”       แต่แล้วเสียงร้องของหมอนั่นก็ทำเอาพวกเราที่เหลืออยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก แผ่นหลังกว้างของสึกิชิม่าถอยครูดออกมาอย่างรวดเร็ว มือข้างที่ไม่ได้ถือไม้เบสบอลยกขึ้นปิดปาก ใบหน้าดูผะอืดผะอมเหมือนอยากจะคายของเก่า


“ ทะ ที่หลังประตู...มีศพอยู่....หมอนั่น...หมอนั่นไง”      สึกิชิม่าบอกละล่ำละลัก


“ เจ้าโซสุเกะ!





พวกเราได้แต่ยืนนิ่งค้าง เมื่อต่างก็เข้ามายืนอยู่หน้าร่างที่ไม่ไหวติงของโซสุเกะ


ทั้งๆที่หมอนั่นเป็นคนที่อยากจะมีชีวิตรอดมากที่สุดแท้ๆ แต่กลับต้องมาตายไปก่อนแบบนี้


ดูจากรอยแผลแล้วไม่คิดว่าโซสุเกะจะโดนซอมบี้กัด แต่รอยร้าวที่กะโหลกกับเลือดที่ไหลนองเป็นทางลงมาตามขมับกลับทำให้คิดได้ว่าหมอนั่น....


ถูกไม้เบสบอลฟาดจนตาย...


ใครกัน....ที่ทำเรื่องโหดร้ายกับคนที่ยังเป็น “มนุษย์” แบบนี้ได้





“ ไปกันเถอะ...”          เป็นสึกิชิม่าที่พูดออกมา...ถึงพวกเราจะยืนอยู่ตรงนี้ยังไงก็ช่วยโซสุเกะไม่ได้แล้ว เพราะต่อให้มีแอนตี้ไวรัสอยู่ในมือ แต่คนที่ “ตาย” ไปแล้วแอนตี้ไวรัสก็ช่วยอะไรไม่ได้....เพราะหน้าที่ของมันคือการยับยั้งเชื้อไวรัสในร่างกายเพื่อให้คนคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไป


ขาทั้งสี่คู่ค่อยๆก้าวออกมาจากห้องตรวจ


มือใหญ่ของสึกิชิม่าจับหัวของคาริยะไปซบไว้ที่ไหล่ของตน ถึงยังไงโซสุเกะก็เป็นเด็กที่คาริยะสอนจับไม้เบสบอลมากับมือ


พวกผมหมดธุระกับที่นี่แล้ว เพราะตอนนี้ทั้งยาและสำลีต่างก็อยู่ในมือของโกคุเดระเรียบร้อย ขาจึงเตรียมที่จะก้าวออกไปจากคลีนิก


แกร่ก.....


แต่แล้วเสียงของอะไรบางอย่างก็ทำให้ขาของพวกเราจำต้องหยุดชะงักอีกครั้ง....มันดังมาจากที่ชั้นสอง...


สายตาทั้งสี่คู่ค่อยๆหันไปมองที่โถงบันไดซึ่งอยู่ถัดออกไปจากเก้าอี้รอตรวจของผู้ป่วยนอก ที่โถงบันไดชั้นบนนั้นมืดสนิท มีเพียงเสียงฝีเท้าเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ามีใครบางคนอยู่....เสียงที่ค่อยๆก้าวเข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆนั้นเล่นเอามือของผมชื้นเหงื่อ สมองบอกให้ขารีบก้าวออกไปจากที่นี่แต่ร่างกายก็เหมือนจะถูกตรึงเอาไว้


จากเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆ กลับค่อยๆเร็วขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนตอนนี้มันคล้ายกับเสียงวิ่ง


แล้วเงาร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็กระโจนออกมาจากในเงามืด ขาก้าวกระโดดลงบันไดมาอย่างรวดเร็วจนพวกผมได้แต่มองอย่างตื่นตะลึง


นั่นมัน....คิโยโกะ


ที่มีไม้เบสบอลเปื้อนเลือดอยู่ในมือ!


“ ตายซะไอ้พวกซอมบี้!!!”       เสียงแหลมเล็กตะโกนคล้ายคนเสียสติ ดูจากทางของไม้เบสบอลแล้วร่างกายของผมก็ขยับเข้าไปขวางโดยอัตโนมัติ


เคล้ง!!!


ดาบในมือยกขึ้นขวางระหว่างไม้เบสบอลกับใบหน้าของโกคุเดระอยู่ไม่ถึงคืบ แรงสั่นสะเทือนที่ถูกส่งมาที่ข้อมือทำให้รู้ได้ทันทีว่าคิโยโกะตั้งใจจะฆ่าโกคุเดระจริงๆ


“ คิโยโกะ!!!”        สึกิชิม่ากับคาริยะเข้ามาล็อคแขนเล็กเอาไว้คนละข้าง ทำให้ไม้เบสบอลร่วงลงไปจากมือของเด็กสาวทันที


“ ปล่อยนะ!! ฉันจะฆ่าแกไอ้ซอมบี้!!”      เด็กสาวสะบัดแขนขาราวกับคนเสียสติ ใบหน้าที่เคยน่ารักบัดนี้กลับมีแต่ความน่าสะพรึงกลัว


“ ตั้งสติหน่อยสิ! เขาไม่ใช่ซอมบี้นะดูให้ดีๆสิ!”      สึกิชิม่าตะโกนใส่หูเด็กสาวที่ยังตะกุยตะกายจะออกไปทำร้ายโกคุเดระให้ได้


“ ไม่จริง!! มันเป็นซอมบี้!! มันถูกกัดไปแล้ว!!....แก...แกเองก็เป็นซอมบี้ ปล่อยชั้นนะ!!”      คิโยโกะชี้หน้าด่าโกคุเดระ และเมื่อเด็กสาวหันไปเห็นคาริยะที่จับแขนของตนอยู่นัยน์ตากลมโตก็ยิ่งเบิกกว้าง แขนยิ่งพยายามสะบัดมือของคาริยะอย่างเอาเป็นเอาตาย สงสัยว่าความกลัวคงจะทำให้คิโยโกะกลายเป็นแบบนี้ไป



เพี๊ยะ!!!



และก็เป็นฝ่ามือของผมเอง....ที่ตบเรียกสติลงไปบนใบหน้าใส


แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เรียกสติอย่างเดียว....เพราะลึกๆในใจผมไม่มีวันให้อภัยกับใครก็ตามที่หันอาวุธใส่โกคุเดระ


ใบหน้าเล็กหันไปตามแรงตบ และดูเหมือนคิโยโกะจะเริ่มสงบลงได้บ้าง เมื่อเธอหันกลับมา ดวงตาที่เคยบ้าคลั่งก็ค่อยๆมีแววที่สั่นไหว


“ ระ  รุ่นพี่...ยามาโมโตะ?”


“ รู้สึกตัวแล้วใช่ไหม?”       ผมตอบออกไปเสียงเข้ม คิโยโกะพยักหน้าลงเบาๆทำให้สองแขนได้รับอิสระและร่างเล็กของเด็กสาวก็โผเข้ากอดผมทันที


“ ฮือออออ ฉัน...ฉันกลัว...กลัวมากๆ ทุกคนที่มาด้วยกันค่อยๆตายจากไป ฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว...”      ผมได้แต่ยืนนิ่งให้เธอพักพิง ไหล่เล็กสั่นสะท้าน ยังไงซะเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิง ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าคงจะกลัวมากเป็นธรรมดา


ผมละใบหน้าที่ก้มลงมองคิโยโกะก่อนจะเงยขึ้นมา และมันก็ทันเห็นใบหน้างอเล็กๆของโกคุเดระเข้าพอดี....เอ๋?......อย่าบอกนะว่า....


สองมือรีบจับหัวไหล่ของคิโยโกะแล้วดันให้ออกไปพ้นตัว ถึงปฏิกิริยาของโกคุเดระจะน่าสนใจมากก็เถอะ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด


“ ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่อีกหรือเปล่า?”       สึกิชิม่าถามคิโยโกะที่ยืนเช็ดน้ำตา  ใบหน้าเล็กส่ายปฏิเสธช้าๆ


“ เราหนีมาที่นี่กันสามคน แต่ว่าอีกสองคนโดนกัดไปแล้ว”      คงจะหมายถึงเด็กผู้หญิงที่เป็นโรคกระเพาะกับโซสุเกะสินะ....แต่เดี๋ยวนะ


“ โซสุเกะก็ถูกกัด?”        ผมไม่อยากจะเชื่อ เพราะร่องรอยการตายของหมอนั่นมันฟ้องออกมาชัดๆว่าโดนไม้เบสบอลฟาดตายน่ะ


“ ใช่....ก่อนที่จะหนีเข้ามาที่นี่....ยัยนั่นไม่รู้ว่าไปโดนกัดมาจากที่ไหน ไม่ยอมบอก....เห็นหน้าซีดก็นึกว่าแค่ปวดท้อง...แล้วเมื่อเช้าจู่ๆก็คลุ้มคลั่งจนกัดโซสุเกะเข้า”      คิโยโกะเล่าด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์


“ รุ่นพี่ก็รู้ใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่โดนกัดแล้วจะเป็นยังไง....และในเมื่อโซสุเกะโดนกัดไปแล้ว....ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก.....”        ผมได้แต่ลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ...มือเล็กๆของคิโยโกะเองน่ะหรือ ที่ถือไม้เบสบอลฟาดโซสุเกะจนตาย


ทั้งๆที่หมอนั่นยังเป็นมนุษย์...ยังมีทางที่จะรักษา....


ผมเชื่อว่าอีกสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกันก็คงจะพูดอะไรไม่ออก ผมแอบเห็นสึกิชิม่าดึงตัวคาริยะเข้าไปหลบอยู่ใกล้ๆตัวเอง


“ ความจริงเรามีแอนตี้ไวรัส และสองคนนี้ก็ยังไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ เพราะงั้นเธอสบายใจได้”      ผมจำต้องรีบอธิบายให้คิโยโกะฟัง ก่อนที่เธอจะหันไม้เบสบอลเข้ามาฟาดโกคุเดระกับคาริยะอีก


“ ถ้ายังไงก็ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ กัปตันกับรุ่นพี่คาซาโนริคงห่วงแย่แล้ว”      ผมบอกคิโยโกะที่ยังมีท่าทางอึ้งๆเมื่อเราพูดถึงแอนตี้ไวรัส


ผมคว้ามือโกคุเดระก่อนจะเดินนำออกไป....เมื่อโผล่พ้นประตูก็มองเห็นใบหน้าที่ดูโล่งใจของกัปตันยิ้มต้อนรับพวกเราอยู่  ผมกระโดดข้ามรั้วก่อนจะหันไปรับตัวโกคุเดระ  สึกิชิม่าเดินออกมาพร้อมกับคาริยะ....และคิโยโกะเดินลอยๆออกมาเป็นคนสุดท้าย


แสงแดดที่เธอคิดว่าคงจะไม่ได้เห็นแล้วเจิดจ้าจนต้องยกแขนขึ้นป้องตา


“ นั่นมันคิโยโกะไม่ใช่หรอ?”       กัปตันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจปนโล่งใจ


“ หนีรอดมาจนได้.....นะ...?....เฮ้!! คิโยโกะระวัง!!!!”        แต่แล้วน้ำเสียงโล่งใจกลับตะโกนขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกเราไม่ทันตั้งตัว


ต่อให้กระสุนก็ไม่เร็วเท่าสองมือที่ยื่นออกมาจากในเงามืด....


แขนของคนที่น่าจะตายไปแล้วอย่างโซสุเกะกลับจับกระชับที่ไหล่ของคิโยโกะ และปากอ้าแสยะก็กัดขย้ำเข้าไปที่ลำคอของเด็กสาวจนแทบจะขาดออกจากกัน


ภาพสยดสยองนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาโดยที่พวกเราไม่มีแม้แต่เวลาจะหายใจ


“ อะ.....”       ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง ใบหน้าของคิโยโกะทำได้แค่ตื่นตะลึง ริมฝีปากอ้าออกแต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ มือที่เอื้อมออกมากำลังค่อยตกลงไปที่ข้างลำตัวมากขึ้น มากขึ้น.....จนนิ่งสนิท


โซสุเกะตายและกลายเป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์.....


และตอนนี้หมอนั่นก็กำลังกัดคนที่ฆ่าตัวเองอยู่.....



ปัง!!!



M3S ในมือกัปตันสั่นระริก แต่กระนั้นมันก็ดับดวงวิญญาณที่น่าสงสารทั้งคู่ได้ในนัดเดียว


ร่างของทั้งคู่ล้มลงไปนอนนิ่งอยู่ด้วยกันในทันที


มือของกัปตันยังสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับใบหน้าที่เจ็บปวด....ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้วจึงได้แต่มองด้วยสายตาว่าไม่เป็นไร


มือใหญ่ๆของรุ่นพี่คาซาโนริยกขึ้นมาวางแปะลงบนหัวกัปตันก่อนจะลูบไปมา


ผมเองก็ได้แต่คิดว่า....นั่นมันอาจจะเป็นกรรมที่คิโยโกะจะต้องได้รับ.....






เบนซ์สปอร์ตสีขาวออกวิ่งอีกครั้งท่ามกลางความเงียบงันของพวกเรา


จะต้องเจอเรื่องแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ....


สองมือของพวกเราจะต้องสังหารคนที่ “เคยเป็น” คนรู้จักอีกแค่ไหนกันถึงจะพอ….






กำแพงรั้วทึบสูงใหญ่ของสถาบันวิจัยตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีซากที่แยกไม่ออกว่าเป็นของคนธรรมดาหรือว่าของซอมบี้นอนเกลื่อนไปหมด


รุ่นพี่คาซาโนริโยนกระป๋องเปล่าๆเข้าไปในรัศมีและปืนกลที่ติดตั้งไว้บนกำแพงก็ยิงมาทันที


ไอ้แบบนี้เล่นเอาผมหายใจไม่ทั่วท้องเลยแหะ....แล้วจะเข้าไปได้ยังไงกันล่ะ?


แต่ทว่า...


ร่างบอบบางของโกคุเดระกลับก้าวขาลงจากรถด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าสวยเชิดขึ้นแล้วมองตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น นัยน์ตาสีมรกตไม่มีซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ราวกับว่าความตั้งใจของเขาในครั้งนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่มีทางมาสั่นคลอนมันได้


และผมก็เชื่อมั่นในตัวเขา จึงได้ก้าวขาเข้าไปยืนเคียงข้าง


เขาพูดออกมา....ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทั้งๆที่ยังคงมองไปข้างหน้าว่า



“ ฉัน....จะหยุดมันเอง”





.
.
.
.
.
.
.

To be Con.






นะ....ไหนว่าตอนนี้จะจบแล้วไง? = =” แล้ว To be Con. นี่มันอะไรฟ๊ะ?!

ฮ่าๆๆ มันก็เพี้ยนมาตั้งแต่ฟิคสั้นบ้านป้ามันสิมีมาได้ตั้ง 6 ตอนนี่แล้วละ จะเวิ่นเกินไปอีกซักตอนสองตอนจะเป็นไรไป (โดนโบกดับสิแก) มาลุ้นกันต่ออีกตอนนึงนะ *w*

ปล.จากคอมเม้นต์ตอนที่แล้ว มีใครบางคน(ชื่อคุณเปา) เขียนเม้นต์อย่างเร้าใจ(หื๋อ?)ว่า...ถ้าเกิดคนที่เป็นซอมบี้ไม่ใช่ก๊ก แต่เป็นยามะแทน...มันจะเป็นยังไงคะ?........*น้ำลายไหลพรากเลยทีนี้*........สงสัยงานนี้มีตายกันไปข้างแน่ ไม่ก๊กเหนื่อยตายก็แม่ยกเลือดหมดตัวตายอ่ะ เหอเหอ.....*q* (<< มันอะร๊ายยย) ขนาดมันเป็นคนปกติยังหื่นขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นซอมบี้จะเนียน(?)หื่นขนาดไหน อร๊ายยย น่าคิดๆ(เฮ้ย)

ขอบคุณทุกการติดตามและทุกคอมเม้นต์มากๆนะค้า >w<

แล้วก็ๆๆๆ งาน Reborn Only Event วันอาทิตย์ ที่ 13 พฤษภาคมนี้....ฮี่ๆๆๆ นอกจากฟิคเล่มแดง รัตติกาลไม่หวนกลับ : หมายเลขหนึ่ง แล้ว ยังมีแรร์ไอเท็มที่วางขายเฉพาะในงานนี้ด้วยนะก๊ะ *w* ด้วยความที่บูทว่างโล่งแต่คนทำแม่งก็ขี้เกียจเลยได้ออกมาแบบละอันสองอัน ^ ^”

นั่นก็คือ.....แต๊นนนนน....


                                       

เห็นอยู่ก็รู้น่าว่าเป็นพัด ฮ่าๆๆ ใครสนใจรับไปเลี้ยงดูก็...อาทิตย์นี้เจอกันนะค้า >w< ส่วนราคาก็อันละ 35 บาทตามนั้นค่า...มีแบบใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนด้วย *w* ซูมชัดๆหน่อยจิ๊....




ขอบคุณน้องสโนว์ผู้วาดรูปสวยโฮกเหล่านี้และอนุญาติให้นำไปทำมาหากินได้ ฮ่าๆๆ ขอบคุณค่า m(_ _)m ใครอยากเจอคนทำพัด(จะอยากเจอเพื่อ?) และคนวาด(อันนี้ค่อยน่าเจอหน่อย) มาขอลายเซ็นต์น้องสโนว์ได้ที่บูทเลยจ้า (จับมัดมือชกว่าต้องมาซะงั้นอ่ะพี่ /น้องสโนว์) 555

ส่วนบูทข้าพเจ้าก็อยู่ตรงประตูเลยค่ะ ชื่อบูท #1559# ดูแผนที่การเดินทางและแผนผังบูทได้จากบลอคหลักของงานเลยจ้า...จิ้มๆ    http://brex-event.exteen.com/20120507/reborn-5



อะแฮ่ม ต่อไปก็เป็นเวิ่นไร้สาระ....แบบว่า ไม่ได้เม้าท์ถึงสองหนุ่ม คุณอิจิกับคุณอิโนะมานาน...วันนี้เอาซะหน่อย *w*



คุณอิจิ!! ง๊ากกกกกกเอาหน่อไม้(ใช่ไหมน่ะ?) มาทำเขาคุณแรมโบ้อ่า แถมยังเขียนแบบในอนิเมะเอาไว้ด้วย  อ๊ากกกก น่ารักอ่า >w< คือแบบ...คุณอิจิยังคงนึกถึงรีบอร์นตลอดเวลา แค่นี้ก็ปลื้มจะแย่แล้วค่ะ โฮกกกกกกกก เค้ารักอนิเมะเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก แค่นี้ก็อยากสครีมสุดๆแล้วอ่ะ คุณอิจิน่าร้ากกกกก

แล้วก็นะ เมื่อวันเกิดก๊ก...คุณอิจิก็แฮปให้ก๊ก....มาคราวนี้วันเกิดอิเนียน....คุณอิโนะก็แฮปให้เนียน....ง๊ากกกกกกก สองคนนี้จะน่ารักไปถึงไหนค้า....
อยากกดไลค์ให้คุณอิโนะ แต่มันไม่มีเหมือนในบลอคคุณอิจิอ่ะ >w<


สครีมนักพากย์เสร็จก็มาต่อกันที่....Poyopoyo....ไม่รู้ว่ามีใครดูเหมือนเก๊าหรือเปล่านะ แต่ล่าสุดฮิเดะคุงก็ยังน่าร้ากกกกก ดูดิ เหมือนก๊กกับอุริออกนะ กร๊ากกกกก


ที่ญี่ปุ่นออกถึงตอนที่ 18 แล้วค่ะ ส่วนซับไทยมาถึงตอนที่ 16 แล้น =w= ว่างๆก็หามาดูกันน้า...

เอาละ...ชักจะเวิ่นยาว....

สุดท้าย...เค้าไม่ได้ลืมวันเกิดคุณฮินะ *พราก* เพียงแต่ปั่นของขวัญให้ไม่ทันอ่ะ ฮึกฮึก...ต้องโทษฟิกซอมบี้นี่แหละ(โดนตบ! อู้แล้วยังมาโทษชาวบ้านเค้า) อยากแต่ง Believe in Youให้ แต่ว่ามันเป็นโปรเจคใหญ่ ถ้ายังไงขอเก๊าจัดการจบ Blooming Heart ก่อนน้า...ได้โปรดเก็บทอนฟาทีเถอะ =[ ]= ระ รอสักครู่นะคะคุณฮิขรา...

อะ เอาเป็นว่า เจอกันตอนหน้านะ ^ ^”


7 ความคิดเห็น:

  1. ถ้ายามะเป็นซอมบี้ ก๊กเหนื่อยตาย แม่ยกเลือดหมดตัว ฮ่าๆๆ
    ก๊กไม่เหนื่อยตายหร๊อกกก ยามะมันคงไม่ยอมแน่ๆ
    แต่ถ้าเหนื่อยจนสลบหมดแรงไปล่ะก็อีกเรื่อง ใช่ป่าวววเจ้าลูกเขยย :P
    เม้นท์ส่อเกินไปมั้ย ฮ่าๆ // วิ่งหนีๆ อิอิ

    อ่านขึ้นต้นเรื่องมาปุ๊ปอยากกินไข่ดาวเหยาะซอสแม๊กกี้ขึ้นมาทันที โฮกกกกกกก หิวอ่ะ
    (วันนี้วันหยุดราชการหล่ะ นอนตีพุงอยู่บ้านสบายๆ แต่ก็อากาศยังร้อนอยู่นะ)

    ภารกิจวันนี้ ต้องออกไปสถาบันวิจัยหาเจ้าพ่อบ้านั่น?
    "หมอนั่นเป็นมนุษย์ต่างดาวนะ...
    ขนาดน้ำไม่ไหลไฟดับโทรศัพท์ไม่ทำงานคลื่นไม่มีจะสื่อสาร...
    หมอนั่นยังหาทางโทรจิกฉันได้แทบทุกวันเลย"
    เอิ่มม ทำให้สงสัยว่า เจ้าพ่อบ้านั่นมากกว่าหวงแล้วมั้งเนี่ย ยามะเจอก้างชินโตแล้วม้าง ฮ่าๆ
    ใช่พ่อแน่ป่าว ถ้าไม่บอกว่าเป็นพ่อ แล้วทำถึงขนาดนั้นจะจิ้นแล้วนะ กร๊ากก //พอเถอะๆ

    ภารกิจยังไม่สำเร็จต้องแวะไปทำเควสซื้อไอเทมรักษาตัวก่อน
    กว่าจะได้ยามาต้องบู้อีกรอบ โฮกกก คาริยะมั่วได้แม่นเน๊อะ แหม หัวกระจุยเลย ฮะฮะ =[]=
    เด็กผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ คิโยโกะสินะ โฮกกกก อ่านไปก็คิดว่า โหดอ่ะ
    ฟาดซะหัวแตกตายเลยหยอ แต่ก็นะต้องรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองนิหน่า
    แอบคิดว่าเฮ้ยๆหักมุมป่าวฟร่ะ คิโยโกะนี่ติดรถมาแบบนี้ไม่ปลอดภัยเลยให้ตายสิ
    พออ่านไปอีกแปป อ๊ากกกก กัดคอ O[]O อืมม โล๊ะไปอีกสองตัวละครเน้นๆแน่ๆละ

    แล้วในที่สุดก็มาถึงสถาบันวิจัยแล้วววว
    อะไรทำให้ก๊กมั่นใจว่าปืนกลมันจะไม่ทำงานอัตโนมัติกันเล่า
    คนสวยใจเย็นๆๆ คนคุมกล้องวงจรปิดจะส่องกล้องควบคุมดูอยู่ตลอดป่าวเนี่ย
    อะไรรออยู่บ้างงงง ซอมบี้หายไปไหนหมดแว้ววว โฮกกกกก ลุ้นนนน
    ลืมสครีมตรงไหนมั้ยเนี่ย

    ปล.ยามะไม่ต้องเป็นซอมบี้หรอกแค่นี้ก๊กก็เหนื่อยแย่แล้วว ฮ่าๆ
    หวิดเสียตัวจะแย่ ถ้ายามะเป็นซอมบี้เมื่อไหร่ก๊กได้เสียตัวแบบไม่ทันตั้งตัวแน่ๆ กร๊ากกกก

    เห็นหน่อไม้?เขียนตัวอักษรแบบนั้น นึกถึงเขาคุณแรมโบ้ก่อนที่จะอ่านคำบรรยายอีกอ่ะ
    เจ้าวัวโง่ใช่ป่าวฟร่ะ หลงๆลืมๆ อิอิ สองคนนี้รักในตัวละครที่ตัวเองพากย์จริงๆเลยเน้อออ
    วันเกิดเอย หนังสือออกเล่มใหม่เอย หรือของสะสมไรออกก็เอามาอวดโชว์ลงบล็อกตัวเอง
    น่าร๊ากกกอ่า

    ฮิเดะคุงทรงผมก็เหมือนก๊ก เจ้าหัวปลาหมึก ฮ่าๆ

    งานรีบอร์นนน โฮกกกก เก๊าจะไปสอยพัดอันนั้น คึหึหึ
    เดาออกมั้ยว่าเก๊าจะเอาลายไหน อิอิ เตรียมไว้ให้ด้วยน้าาา :P

    ตอบลบ
  2. โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จากตอนที่สามแล้วรวบสี่ห้าหกตรงนี้เลยนะคะพี่กวาง ทำยังไงดี ตอนนี้ใจมันเต้น ช่องท้องมันหวิวไปหมดแล้วค่าาาาาาาาาาา >///<

    ฉากงับนู่นงับนี่ของหนูก๊กนี่ ใจจะละลายอยู่แล้วววววววววว นั่งหน้าตาร้อนผ่าวอยู่หน้าจอ แบบ อิเนียนนนนน เอ็งทนได้นี่สุดยอดมากกกกกกกกกก จิ้นภาพแล้วมัน โฮวววววววว ลูกสาวเซ็กซี่เกินไปแล้ววววว

    ตอนก่อนจะเติมน้ำมัน ที่อิเนียนมันคิดในใจว่า อนาคตมันต้องเป็นสามีทาสแน่ๆ ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆๆ ใช่เลย! พ่อลูกเขย ชอบความคิดอิเนียนเรื่องนี้จัง มันดูเป็นพุ่งโฟกัสไปที่หนูก๊กแบบจับจ้องเลยค่ะ สนใจส่องเขาทุกมุม แล้วปรารถนาทุกอย่างที่เป็นตัวเขาแบบนี้นี่มันสุดยอดดดดดดดดดดดด โฮวววววว ปลาบปลื้ม T[]T

    แล้วหนูก๊กดริฟรถนี่เท่มากเลยค่ะ >////<

    ชอบหนูก๊กเรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว โฮกกกกกกกกกก ทั้งน่ารัก ทั้งเซ็กซี่อย่างนี้ใครมันจะไปอดใจไหวค้าาาาา อย่างน้อยๆ ก็มีอิเนียนที่จ้องจะงาบหนูก๊กทุกเวลากับไอ้โต้คนนี้แหละที่นั่งตัวสั่นไปหมดแล้วอ๊าาาาา

    ชอบรุ่นพี่คาซาโนริที่พยายามจะปู้ยี้ปู้ยำรถสปอร์ตหนูก๊กนี่แหล่ะ ฮาาาา ส่วนคาริยะกับสึกิชิม่าก็ดูเป็นห่วงเป็นใยกันดีเหลือเกิน โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ชอบบบอ่ะ

    และแล้วก็โผล่มาอีกราย คิโยโกะ ชอบที่สุดก็คือโดนฝ่ามือยามะนี่แหละค่ะ จะได้เรียกสติสักที!! รู้มั้ย ว่ากำลังตะโกนด่าใครอยู่ หือออ!!????? แล้วก็หวังว่าถ้ายัยคิโยโกะขึ้นรถไปด้วย ต้องทำปัญหาแหงๆ นั่นล่ะ! โดนกัดไปแล้ว ลงตัวดีมากเลยค่ะพี่กวาง หึหึหึ (อินจัด)

    ชอบอีกฉากก็ตรงหนูก๊กเดินเชิดหน้าไปอยู่หน้าสถาบันวิจัยนี่แหละค่ะ อยากรู้อ่ะว่าจะทำยังไง จะหยุดสถานการณ์เลวร้ายยังไง แล้วปริศนาต่างๆจะคลี่คลายยังไงดี ปมปริศนาเรื่องนี้มันขมวดได้สวยงามมากๆเลยพี่กวาง มันลุ้นทุกเม็ด ทุกปม ทุกเงื่อนเลยอ่ะ โอยยย ชอบเรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว

    ลุ้นต่อไป

    โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กระโดดกอดพี่เปา ทางนี้ก็อยากเห็นอิเนียนซอมบี้ค่าาาาาาาาาาา อยากเห็นนนนนน อยากเห็นมากกกกกกกกกกกกกก มันจะกัดหนูก๊กเป็นจ้ำทั้งตัวเลยหรือเปล่านะ โอออออออ จะเสียเลือดแค่ไหน ก็บ่ยั่นค่าาาา

    ลุ้นต่อไป -->

    ตอบลบ
  3. ตอนอ่านคำโปรยนี่หัววิ่งฉิวๆว่าใครจะตายหนอ แต่คิดว่าคุณกวางไม่หน้าจะพรากคู่รักจากกัน พอมาเจอว่าเป็นคนอื่นก็เลย โอ๊ะ ดีเลยที่ไม่มีใครในกรุ๊ปตาย

    ยามะนี่นอกจากจะทั้งเนียน ทั้งหื่นแล้วยังดาร์กและเลือดเย็นเหลือเกินค่ะ
    สารภาพว่าเค้ากลัวยามะเรื่องนี้ มันบ้าาาา และไม่สนใจใครอื่นเลยนอกจากก๊ก*ปิดหน้า*55555555(แล้วทำไมหัวเราะ)

    ชอบตอนก๊กคุงพูดถึงพ่อตัวเอง วิธีพูดช่างให้ความรู้สึกก๊ก~ก๊กค่ะ ฮะฮะ
    ตอนนี้มีแอบหึงเล็กๆด้วย หลงรักพ่อหนุ่มเบสบอลเข้าแล้วล่ะซี่

    ถ้าคนที่เป็นซอมบี้คือยามะ มันต้องเนียนทำมากกว่างับๆเล่นแบบคนสวยแน่ๆเลยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นได้กำไรสุดๆทุกกรณี ฮาา

    ปล.อยากอ่านสเปเชียลอีกสองคู่ในชมรมจังเลยค่ะคุณกวางขา*เกาะแข้งเกาะขา*
    ปลล.คุณอิจิผอมลง???? -->

    ตอบลบ
  4. ตอนนี้ทำให้รู้ว่า ยามะได้หัวใจโกคุไปแล้ว
    อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
    สำเร็จแล้วนะอิเนียนนนนน

    โกคุพูดได้ซึ้งมากๆ เลยอ่ะ ฮือออออออออ อิจฉายามะว้อยยยยยย

    ดูเหมือนว่ายามะต้องเตรียมรับศึกจากพ่อตาต่อจากศึกนี้นะคะ ก็คุณพ่อตาเป็นนักวิจัย แต่ไหงในบ้านถึงมีปืนตั้งสองกระบอกล่ะเนี่ย ไม่ธรรมดาแหงแซะ
    มีความเชื่อว่ายังไงพ่อโกคุก็ต้องรอด เราเชื่อนะ
    ไม่งั้นก็อดเห็นหน้าลูกเขยสิ //โดนโบก

    ตอนที่มาถึงคลินิกนั่น สงสารโซสุเกะอยู่นะ คือมันเป็นคนที่อยากรอดที่สุด แต่ดันต้องตายแบบนั้น แถมตายเพราะน้ำมือคนอีก แม้ว่าจะมันจะถูกกัดก็เหอะ แต่นาทีที่มันถูกกัดมันยังเป็นคนอยู่เลยนี่นา

    ยัยคิโยโกะ เธอกล้าดียังไงจะทำร้ายโกคุ *ยิ้มเย็น* เธอทำผิดแต่ตั้งที่คิดจะทำร้ายโกคุแล้วล่ะ แล้วยังมีการจะทำร้ายคาริยะอีก แถมยังเป็นคนที่ฟาดโซสุเกะจนตาย เป็นคนที่บอกตรงๆ ว่าทำไมไม่ตายๆ ไปซะทีเนี่ย เราว่าที่ยามะทำมันยังน้อยไปนะ หึ (อินี่เข้าขั้นโรคจิตแล้ว)

    บอกตรงๆ ว่าสะใจค่ะที่โซสุเกะลุกมาฆ่ายัยนั่นซะ มันเป็นสิ่งที่สาสมกันแล้ว

    ผลกรรมมันหนีไม่พ้น หึหึ ไม่สงสารเธอหรอกนะ

    รอตอนต่อไปอยู่ค่าา

    ปล.คุณอิจิน่ารักมากกกกกกกกกกก >

    ตอบลบ
  5. แม่หนูน้อยคิโยโกะเธอโหดมาก อันตรายจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้
    แอบหมั่นไส้เธอเล็ก ๆ และก็แอบซะใจอยู่น้อย ๆ ที่เธอโดนขย้ำคอหอย

    ถ้ายามะเป็นซอมบี้จริง ๆ เห็นทีคนที่ตายก่อนน่าจะเป็นเหล่าแม่ยกแน่ ๆ
    เตรียมซับเลือด ซับน้ำลายรอ ฮี่ๆๆๆ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ10 ตุลาคม 2556 เวลา 02:09

    แอบเครียดเล็กน้อยถึงปานกลาง ทุกทีอ่านคู่นี้มีแต่ฟิคเบาๆ สบายๆ ยามะติ้งต๊อง แต่เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็โอเคมากๆเลย >w<

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ15 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:36

    ลุ้นมากมายอ่ะตอนนี้
    ฉากเข้าคลีนิคและเจอซอมบี้ระทึกมากก
    ตอนซอมบี้โผล่แทบกรี๊ด
    ขอไว้อาลัยให้คิโยโกะและอีกสองคนนั้นด้วย
    ตอนแรกสงสัยมากว่าถ้าคิโยโกะติดรถไปด้วยแล้วจะนั่งกันยังไง
    ที่ไหนได้
    เดินยังไม่ถึงไหน
    เจอซอมบี้งาบคอทันที
    จะว่าสมน้ำหน้าก็พูดได้ไม่เต็มปาก
    คือส่วนหนึ่งก็สงสารนางด้วยไง
    เพราะอะโลนไม่มีใคร

    เนียนเอ๊ยยยยย
    ได้ข่าวว่ากำลังหาทางฝ่าวิกฤตซอมบี้กันอยู่
    แต่ประโยคเสี่ยวๆแบบนี้มันคืออะไรคะ >> "ซึ่งผมอยากจะเป็น....อย่างแฟ้มที่อยู่ในมือของเขา"
    ดีนะที่หยอดในใจ
    ถ้าพูดออกไปคิดว่าก๊กคงเขินแล้วเอาแฟ้มฟาดน่ะ

    ตอบลบ