KHR Au.fic [185980] ความหวังครั้งสุดท้าย : 05


: KHR Fanfiction Au
: 185980  1006927  XSD
: Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ


ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......


[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....



.
.
.
.
.



โกคุเดระ...ข้ารักเจ้า….”



สิ่งที่ได้ยินทำเอาร่างกายที่กำลังสั่นเทาจากการร้องไห้ถึงกับชะงัก นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างทั้งที่ยังคงซุกอยู่ที่แผ่นอกของคนที่กดทับตนเองอยู่ แขนเล็กที่โอบกอดแผ่นหลังรวมไปถึงมือบางที่เกาะขยุ้มเสื้อของอีกฝ่ายถึงกับค้างนิ่ง....



....รัก......



คำคำนี้มีความหมายเช่นไรกันแน่....



ได้ยินเสียงหัวใจของตนเองสะท้อนก้องอยู่ในหู แต่ทว่าสมองนั้นไม่อาจยอมรับ



รักข้า...จึงใช้กำลังบังคับ

รักข้า...จึงข่มเหงตามแต่ใจ

รักข้า...จึงกล้าหักหาญน้ำใจจากครอบครัวของเจ้าอย่างนั้นหรือ



มือบางผลักไสคนที่ทาบทับตนเองอยู่ออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี ยามาโมโตะได้แต่ชะงักไปกับปฏิกิริยาตอบสนองของคนในอ้อมแขน นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองร่างบางที่พยายามลุกขึ้นนั่งจับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางด้วยแววหม่นเศร้า.....



เจ้าแน่ใจหรือ ว่าสิ่งที่เจ้าทำกับข้า...มันคือความรัก   มือบางรวบกิโมโนที่หลุดลุ่ยขึ้นมาปกปิดร่างกายให้ได้มากที่สุด ร่างกายที่อ่อนล้ากระถดกระถอยหนีชายตรงหน้าที่ทำเพียงแค่คร่อมร่างของตนอยู่ มิได้ตามมาล่วงล้ำเช่นที่ผ่านมา หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสเริ่มแห้งเหือดลงเหลือเอาไว้แต่นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าว



จะให้ยอมรับได้อย่างไร ว่าการกระทำทั้งหมดนั้นเกิดจากความรัก ร่องรอยเขียวช้ำตามตัวของเขายังคงมีอยู่ให้เห็น ไหนจะการกระทำที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนี่อีก...



....ข้าไม่รู้แล้ว.....ว่าควรจะเชื่ออย่างไหน....ระหว่างสิ่งที่เจ้ากระทำ  สิ่งที่เจ้าบอกข้า  หรือว่าหัวใจของตัวข้าเอง....



ข้าไม่รู้หรอก....ไม่รู้เลยจริงๆ.....    ใบหน้าคมที่เคยนิ่งสนิทเวลาตวัดดาบฆ่าฟันกลับมีแววสั่นไหว ยามเมื่อคำพูดได้หลุดออกจากปากมา



เพราะข้าไม่เคยรู้จัก...ว่าความรักเป็นยังไง….”



ถ้อยคำที่ได้ยินราวกับว่าเป็นเหล็กแหลมที่ถูกเผาไฟจนแดงแล้วทิ่มแทงลงไปกลางหัวใจ...ใบหน้าที่เคยเย็นชาและโหดเหี้ยมดูอ่อนล้า ดวงตาที่เคยอำมหิตดูเศร้าหมอง บรรยากาศดำมืดรอบๆกายกลับดูโดดเดี่ยวและอ้างว้าง จนมือบางยกขึ้นไปหาอย่างที่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ สองมือของนายน้อยแห่งโกคุเดระลูบใบหน้าคมอย่างแผ่วเบาราวกับมอบให้ซึ่งคำปลอบโยน แขนบางดึงตัวชายตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง...หัวใจเพียงแค่เพรียกหา....แค่อยากจะโอบกอดหัวใจที่โดดเดี่ยวดวงนี้เอาไว้....



ใบหน้าคมซุกลงที่แผ่นอกแบนเรียบของร่างบาง ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายจนนึกอยากจะร้องไห้....สิ่งที่เขาโหยหา...สิ่งที่เขาขาดมันมาตั้งแต่เกิด...ถึงจะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร...แต่บอกได้เพียงอย่างเดียวว่า....เขาต้องการร่างกายบอบบางตรงหน้านี้มากกว่าชีวิตของตัวเอง!



โกคุเดระ...ได้โปรด....อยู่กับข้าได้ไหม…”    คำขอร้องครั้งแรกในชีวิตที่ไม่คิดว่าจะได้เอ่ยปากกับใคร...ในที่สุดก็ได้ใช้กับคนที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอ...คนที่เป็นดั่งดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์....เจ้าคือดอกไม้แห่งความหวัง....เจ้าคือดอกไม้แห่งความรักของข้า...โกคุเดระ



แต่ข้า....อาจจะนำความเดือดร้อนมาให้เจ้า…”   



ตอบข้าเพียงแค่ เจ้าอยากอยู่ที่นี่หรือไม่....เท่านั้นก็พอ



ร่างสูงลุกออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ออกมาเผชิญหน้ากับนัยน์ตาสีมรกตที่ยังคงมีแววลังเลใจ  เขารู้ดี...ว่าร่างบางตรงหน้าเกิดและเติบโตมาท่ามกลางผู้คนที่ต้องดูแลมากมาย ด้วยฐานะและชาติกำเนิด ทำให้ต้องคิดถึงผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ....



แต่ครั้งนี้...ขอเพียงเจ้าเลือกด้วยตัวของเจ้าเอง...ข้าก็พร้อมที่จะปกป้องเจ้าจากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้

.
.
.
.
.

แต่ครั้งนี้...ข้าจะขอเอาแต่ใจเพียงครั้งเดียวในชีวิต...ทำตามหัวใจของตัวข้าเองเพียงสักครั้ง....



นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีเปลือกไม้ แม้สมองจะคัดค้านเพียงใดก็ไม่อาจต่อต้านหัวใจของตนเองได้...มือบางยืนไปกุมมือชายตรงหน้าเอาไว้ พร้อมกับพยักหน้าด้วยไร้ซึ่งความลังเลอีกต่อไป....



ข้า...จะอยู่กับเจ้า....ยามาโมโตะ



โกคุเดระ....    ยามาโมโตะทำได้แค่เพียงดึงร่างบอบบางตรงหน้าเข้ามากอดจนลำตัวแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ความรู้สึกที่มันเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจที่เคยมีแต่ความว่างเปล่าเหล่านี้มันช่างมีความสุขจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ...มีความสุขจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ที่ตรงนี้...ตรงที่ที่มีเพียงข้าและเจ้า แค่เราสองคน....



ข้าจะไม่ยอม...ให้ใครมาแย่งเจ้าไป...ต่อให้ต้องตายข้าก็จะขออยู่เคียงคู่กับเจ้า...



ร่างกายทั้งสองต่างจมอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เนิ่นนานจนเวลาล่วงเลยผ่านไป แสงแดดยามบ่ายคล้อยค่อยๆลดความร้อนแรงลง ได้ยินเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยร้องเรียงเคียงคู่กันอยู่ทั่วทุกสารทิศ หลากหลายเรื่องราวที่ต่างเล่าสู่กันฟัง ใบหน้าคมที่เคยโหดเหี้ยมกลับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีมรกตที่เคยแต่หวาดระแวงอีกฝ่ายอยู่เสมอกับเปล่งประกายแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจและเชื่อมั่นในทางที่ตนเลือก



อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปก็มิอาจรู้ได้...แต่เพียงตอนนี้ขอข้าทำเรื่องเห็นแก่ตัวสักครั้ง...



แผลเจ้า...   นายน้อยแห่งโกคุเดระ ลูบผ้าพันแผลบนตัวร่างสูงใหญ่ แผลที่น่าจะปิดสนิทกลับมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยจากการออกแรงมากเกินไป



เป็นห่วงข้าหรือ    มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้ พร้อมกับจับมันมาแนบลงไปที่ริมฝีปากของตนเอง



มะ...ไม่ใช่ซักหน่อย....   



ทุกครั้งที่ปฏิเสธแต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อ  ยามาโมโตะได้แต่มองใบหน้าเนียนใสด้วยรอยยิ้ม....เจ้าน่ารักแบบนี้...แล้วจะไม่ให้ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกเห็นได้อย่างไร...



สองร่างที่อิงแอบกันอยู่จนตะวันเกือบลับฟ้า เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่ควรจะกลับไปยังหุบเขาจึงลุกขึ้นเตรียมตัว....แต่แล้วมือใหญ่กลับคว้าร่างกายบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาที่เคยอ่อนโยนจนถึงเมื่อครู่กลับแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือใหญ่กระชับดาบในมือแน่น....แว่วเสียงบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ผ่านมา...เป็นเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งยามาโมโตะรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนของป่าสายหมอก...ร่างกายสูงใหญ่ขยับพาร่างบางให้หลบเข้าไปยังหมู่ไม้ เขารู้ดีว่าจุดไหนหมอกจะสามารถพรางร่างกายไม่ให้ใครเห็นได้...



ดวงตาสองคู่ต่างจับจ้องไปยังกลุ่มคนที่มาใหม่ ครึ่งหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีดำล้วน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดตา คนกลุ่มนั้นเดินผ่านไปด้วยท่าทางรีบร้อนและไม่แม้แต่จะรับรู้ว่ายามาโมโตะและนายน้อยแห่งโกคุเดระซ่อนตัวอยู่ ณ ที่แห่งนั้น....



เจ้านั่น.....ฮิบาริ  เคียวยะ    ร่างสูงขบกรามแน่น...ด้วยไม่คิดว่าพวกนั้นจะบุกเข้ามาในป่าสายหมอกได้เร็วขนาดนี้



ตอนนี้เราจะยังไม่กลับไปที่หุบเขา คงต้องซ่อนตัวอยู่แถวนี้ไปก่อนนะโกคุเดระ  เจ้าไม่ต้องห่วง...ไม่มีนภาใดเอาชนะนภาทมิฬของเราได้...    ร่างสูงยังคงพูดต่อไป ดวงตาสีเปลือกไม้มัวแต่จับจ้องไปยังกลุ่มคนผู้มาใหม่จนไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของร่างบางในอ้อมแขนเลยแม้แต่น้อย



นัยน์ตาสีมรกตตกตะลึงกับภาพที่เห็น....สร้อยข้อมือที่ทำมาจากหินสีดำสนิทที่สวมอยู่รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที.....ทำไม....คนที่จับมือข้าในวันนั้นถึงเป็นคนคนเดียวกับเจ้าได้....ฮิบาริ  เคียวยะ....




................................................................................................................................................




แซนซัสว่ายังไงบ้าง...    ร่างเล็กในชุดกิโมโนสีขาววางถาดใส่ส้มสองสามลูกลงที่พื้นชาน ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงเคียงข้างร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสองสีเหม่อมองออกไปในที่ที่ไกลแสนไกล...



เค้าจะช่วยเราครับ...ทีนี้เจ้าก็เลิกกังวลได้แล้วนะครับ...ตราบใดที่ยังมีชายที่ไร้จุดอ่อนคนนั้นอยู่...พวกเราจะปลอดภัย   มือเรียวยกขึ้นลูบเสี้ยวหน้ามนที่ออกจะซีดเซียวเล็กน้อย



ไร้จุดอ่อน....มีสิ่งใดในโลกที่ไร้จุดอ่อนด้วยหรือ...ขนาดยามาโมโตะที่เคยได้ชื่อว่าเป็นชายที่ไร้หัวใจ แต่บัดนี้กลับมีสิ่งที่ยอมแลกด้วยชีวิต...แล้วเจ้าคิดว่า...แซนซัสจะไม่...    มือเล็กได้แต่หยิบส้มมาถือเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถจะหลุดพ้นซึ่งความกังวลใจได้



ตอนนี้เรามีแต่ต้องเชื่อมั่น เพียงเท่านั้นแหละครับ   มือเรียวหยิบผลส้มในมือเล็กมาปลอกเปลือกออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะแกะกลีบสีส้มฉ่ำน้ำยื่นให้ร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ



การเผชิญหน้ากับเจ้าของแผ่นดินทั้งคู่คือหนทางสุดท้ายที่พวกเขาสองคนจะเลือก...เพราะรู้ใจตัวเองดี....ถึงแม้จะชิงชังสักแค่ไหน แต่ไฟร้อนแห่งราคะที่เคยลุกไหม้เมื่อครั้งอดีตยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ร่ำไป ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดมันให้หลุดออกไปได้...



ถ้าแค่เมื่อตอนนั้น...เขาเลือกที่จะรักร่างเล็กๆที่อยู่ตรงนี้....ถ้าแค่เมื่อตอนนั้น...เขาไม่เลือกที่จะไป ไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่เบียคุรันเรียกร้อง....โศกนาฎกรรมและความแค้นเหล่านี้มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น....



ทุกๆอย่างมันสายเกินจะแก้ไปเสียแล้ว....



ข้ารู้ว่าข้าผิด...ที่ลักพาตัวมิโกะเพียงหนึ่งเดียวออกมาจากพิธีตุ๊กตาตัวแทน

ข้ารู้ว่าข้าผิด...เพราะสิ่งที่ข้าทำมันส่งผลต่อชีวิตของผู้เป็นที่รักของเจ้า

แต่เจ้าเองไม่ใช่หรือ...ที่สัญญากับข้า...ว่าจะดูแลมิโกะคนนั้นในยามที่ข้าไม่อยู่ ยามที่ข้ายอมจากไปเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้เจ้า

ในเมื่อเจ้าไม่รักษาสัญญา...แล้วจะโทษข้าได้อย่างไร....

ข้าก็แค่กลับมาทวงเจ้าของหัวใจของข้าคืน แค่ปกป้องชีวิตของคนที่ข้ารัก....

ข้าผิดมากอย่างนั้นหรือ....เคียวยะ....




เจ้าบอกให้ข้าเลิกกังวล....แต่เจ้าล่ะมุคุโร่



อือ...     กลิ่นเปรี้ยวของส้มลอยมาแตะจมูก เมื่อมือเล็กจับกลีบส้มจ่อมาที่ริมฝีปาก นัยน์ตาสองสีคลายแววที่กังวล แล้วหันมามองคนที่อยู่ข้างๆ ....ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน...ความอบอุ่นที่เจ้ามอบมันให้แก่ข้านั้นไม่เคยจางหายไปแม้แต่วินาทีเดียว...สึนะโยชิ



เฮ้อ....สงสัยว่า...ท่านแม่ของโกคุเดระคุงอาจจะเคียดแค้นพวกเราก็ได้ เลยส่งเด็กคนนั้นมาที่นี่....เพื่อให้น้องชายเจ้าตามมาแก้แค้นเรา....    ความตึงเครียดค่อยๆเริ่มผ่อนคลาย จนเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เริ่มจะพูดเล่นได้บ้าง



คึหึหึ...ไม่หรอกครับ...ข้าเชื่อว่าท่านหญิงคนนั้นไม่มีวันโกรธเรา....     ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว แต่ความงดงามบริสุทธิ์ผุดผ่องได้ถูกถ่ายทอดมายังลูกชายคนเดียวของเธอได้อย่างครบถ้วน...ถ่ายทอดมาแม้กระทั่ง ความรักของฮิบาริ เคียวยะ...ถึงแม้รูปแบบความรักจะต่างกันก็ตาม



ข้าว่าพรุ่งนี้เรา......    เสียงพูดคุยขาดหายไปจากริมฝีปากบางชั่วขณะ เมื่อจิตรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่บุกรุกเข้ามาในขอบข่ายสายหมอกของตนเอง  มือเรียวคว้าข้อมือเล็กของคนที่อยู่ข้างๆเอาไว้แน่น  จิตที่คุ้นเคย....กลิ่นไอคุ้นเคย....ไม่ผิดแน่....



ไปจากที่นี่กันเดี๋ยวนี้เลยครับ สึนะโยชิคุง    คำพูดที่จู่ๆก็ออกมาจากปากของมุคุโร่ทำเอาร่างเล็กถึงกับทำหน้างงงวย ต่างจากสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายยิ่งนัก



พวกเค้าบุกเข้ามาได้แล้วครับ....เคียวยะและ....เบียคุรัน    ชื่อของคนหลังทำเอามือเล็กอีกข้างที่ไม่ได้อยู่ในการจับกุมของร่างโปร่งถึงกับกำแน่น แววตาสดใสแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาแห่งความจงเกลียดจงชังเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะหันมาบอกอีกครั้งว่าให้เตรียมตัวหนี....



ข้าจะไม่ปล่อยมุคุโร่ให้เจ้าอีกเป็นครั้งที่สองแน่...ถ้ากล้ามาถึงที่นี่...ข้าก็จะให้เจ้าได้รับรู้ถึงอันตรายของปุบผาในสายหมอก...เบียคุรัน!



สึนะโยชิเดินเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อหยิบสิ่งของจำเป็นหลายๆอย่าง โดยที่ไม่ลืมวางของสิ่งหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะตัวเดียวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน....นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้ายของข้า...ถ้าเจ้ายังเห็นคุณค่าของมันอยู่ ก็จงปล่อยข้ากับพี่ชายของเจ้าไปซะ...ฮิบาริ  เคียวยะ....




..........................................................................................................................................................................




ต้องยอมรับจริงๆว่ามันช่างเป็นดินแดนที่น่าประหลาดใจ ภูมิประเทศที่ไม่เคยมีใครเคยเหยียบย่างเข้ามานอกจากเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่นั้นจะว่างดงามก็ใช่แต่กลิ่นไอแห่งความตายที่ลอยคละคลุ้งอยู่โดยรอบก็ทำให้มันดูน่าหวาดกลัวไปด้วยในคราเดียวกัน....เหมือนดอกไม้ที่ถูกปักอยู่ในแจกันที่หล่อเลี้ยงไปด้วยเลือด....



สายหมอกจางๆที่ปกคลุมอยู่โดยรอบทำให้การเดินทางโดยที่ไม่รู้แม้จุดหมายปลายทางดูยากลำบากมากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยเส้นทาง และกลุ่มของหมอกเย็นยะเยือกก็ทวีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อยิ่งเดินเข้าไปยังส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปอีก ร่างกายของเหล่าผู้ติดตามดูจะตื่นตัวและประสาทสัมผัสเกร็งเขม็งเพราะทัศนวิสัยที่แย่ลงเรื่อยๆ กับความน่าวังเวงราวกับว่าที่นี่คือที่ที่พวกเขาจะต้องเอาชีวิตเข้ามาทิ้งยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต



ต่างกับสองผู้นำ ที่อีกคนหนึ่งยังคงยิ้มแย้มด้วยท่าทางสบายๆเหมือนเดิม แต่อีกคนกลับปล่อยจิตสังหารดำมืดออกไปโดยที่มิได้กลัวเกรงต่อสภาพรอบกายเลยแม้แต่น้อย  ขาเรียวยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคงและรวดเร็ว ถึงจะไม่รู้ว่าที่ซ่อนของเจ้าพวกสัตว์กินเนื้อฝูงนั้นอยู่ที่ไหน แต่เขาแน่ใจได้ว่า ถ้าเดินตามกลิ่นหอมเฉพาะตัวของใครบางคนที่มักรู้สึกถึงได้เสมอเมื่อยามอยู่ไม่ไกลกันมากนักเหล่านี้ไป มันจะต้องนำพาเขาไปพบกับตัวของคนคนหนึ่งได้อย่างไม่ยากเย็น....ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า...แต่กลิ่นของเจ้า...กลิ่นของดอกไม้พวกนั้นที่เจ้าเคยมอบมันให้แก่ข้า มันกำลังจะเป็นเถาวัลย์แห่งความตายที่จะพาข้าไปพบกับเจ้าอีกครั้ง....สึนะโยชิ



หลายต่อหลายชั่วยามที่เดินวนไปวนมาอยู่ในป่าสายหมอก จากส่วนที่หมอกหนาทึบดูเหมือนจะค่อยๆเริ่มจางลงทีละเล็กละน้อย จนดูเหมือนกับว่าบริเวณที่ราบตรงหน้า น่าจะเป็นที่ที่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ เหล่าผู้ติดตามมีสีหน้าดีอกดีใจที่ในที่สุดก็น่าจะหาที่ซ่อนของเจ้าพวกนั้นได้ก่อนที่พวกตนจะหลงป่าจนตายอยู่ในนี้ซะก่อน  ชายคนหนึ่งหันมามองเจ้าของแผ่นดินสีขาว ก่อนที่จะวิ่งหลบไปตามพุ่มไม้เพื่อออกไปดูลาดเลาพื้นที่ข้างหน้า...แต่ทว่า...นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ชายคนนั้นจะได้เห็นหน้าเจ้านายของตนเอง



อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก    เสียงร้องโหยหวนที่ค่อยๆจางหายไปทำเอาร่างกายของกลุ่มคนทั้งหมดเกร็งขึ้นมาทันที ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่าตรงหน้าคือพื้นที่ราบ แต่ทว่าจู่ๆชายคนที่วิ่งไปก็ผลุบหายไปซะอย่างนั้น....สายหมอกมันกำลังลวงตา....พื้นที่ราบที่เห็นนั้นหาใช่ที่ราบไม่...แต่ความจริงแล้วมันคือรอยต่อของหุบเหวลึกต่างหาก



กลุ่มคนทั้งหมดยังคงมุ่งหน้าค้นหาทางเข้าที่ซ่อนของกองโจรแห่งป่าสายหมอกต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงไร้วี่แววว่าจะพบเจอเลยแม้แต่น้อย....ก็ไม่คิดหรอกนะว่ามันจะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายนัก แต่แบบที่กำลังเจออยู่นี่ราวกับว่า กลุ่มกองโจรนั่นไม่มีตัวตนเสียมากกว่า....ในขณะที่ขวัญและกำลังใจของเหล่าผู้ติดตามกำลังเสื่อมถอย ร่างกายในชุดคลุมสีดำสนิทก็เดินตรงไปยังหน้าผาแห่งหนึ่ง



กลิ่นพวกนั้นมันบ่งบอกว่าเจ้าอยู่ข้างหลังหุบเหวแห่งนี้....ที่ที่มองเห็นว่าเป็นเพียงหน้าผาสูงชันที่เบื้องล่างเป็นหุบเหวที่มองไม่เห็นแม้แต่ก้นบึ้งของมัน....จะเชื่อในสิ่งที่เห็น...หรือจะเชื่อในประสาทสัมผัส.....



นัยน์ตาคมกริบของฮิบาริ เคียวยะ ปิดลงก่อนที่ขาจะก้าวเดินตรงไปยังหุบเหว เหล่าผู้ติดตามร้องห้ามกันแทบไม่ทัน แต่ทว่า แทนที่จะร่วงลงไปร่างเพรียวแต่แข็งแกร่งนั่นยังคงเดินต่อไปได้อย่างน่าประหลาดใจ...



เจ้าของแผ่นดินสีขาวอมยิ้มแล้วก้าวเดินตามไปด้วยท่าทางสบายๆเหมือนเดิม....สิ่งที่มองเห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่อย่างนั้นสินะ....มีแต่เจ้าคนเดียวจริงๆที่จะสยบสายหมอกจอมเจ้าเล่ห์ของข้าได้...ท่านเจ้าของแผ่นดินสีดำ...สีที่น่ารังเกียจ



เมื่อข้ามผ่านเหวลึกมากันได้หมด...สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาตรงหน้ายิ่งทำให้รู้สึกทึ่งมากยิ่งขึ้น กับหมู่บ้านกองโจรที่ตั้งอยู่เรียงรายบนหุบเหวที่เพียงแค่พลัดตกลงไปก็คงมีแต่ความตายเพียงสถานเดียวเท่านั้นที่รออยู่.....ขาเรียวของเจ้าของแผ่นดินสีดำก้าวตรงดิ่งเข้าไปยังในหมู่บ้านทันที...ไม่อยากจะช้าไปกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว....



แต่ก่อนที่จะได้เหยียบย่างขึ้นไปบนระเบียงทางเดินยาวเหยียดที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านแต่ละหลังเอาไว้ รังสีอำมหิตและจิตสังหารแรงกล้าได้พุ่งตรงเข้ามาทำให้ผู้บุกรุกถึงกับนิ่งค้าง...มันช่างกดดันและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน



นัยน์ตาสีดำสนิทกับนัยน์ตาสีอเมทริสสบประสานกับนัยน์ตาสีแดงเพลิงที่จ้องเขม็งมองมาอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร เพียงแค่จิตสังหารของคนทั้งสามก็ทำให้เหล่าลูกน้องขยับตัวไม่ได้อีกต่อไป



ยินดีต้อนรับ...สู่หลุมฝังศพของพวกแก    แค่จบคำพูดชายฉกรรจ์หน้าตาโหดเหี้ยมก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อนโดยรอบ...จากพื้นที่ที่เคยเงียบกริบจนวังเวงกลับกลายเป็นดั่งนรกภูมิที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายหิวกระหาย เหล่ากองโจรพุ่งตรงเข้าเข่นฆ่าเหล่าลูกน้องของเจ้าของสองแผ่นดินโดยที่มิทันตั้งตัว...เสียงประดาบดังขึ้นไปทั่วโดยทันที



หว๋า...มาเจอกับผู้ชายคนนี้คนแรกเลยหรอเนี่ย....ข้ายกให้เจ้าแล้วกันนะฮิบาริคุง...     เพราะไม่มีนภาใดจักต่อกรนภาทมิฬได้  เรื่องที่มิอาจยอมรับแต่มันก็คือความจริง  เจ้าของแผ่นดินสีขาวพูดออกมาด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน ผิดกับดวงตาที่แฝงเอาไว้ด้วยแววเจ้าเล่ห์มุ่งร้าย...



หึ...   นภาทมิฬกระโดดเหยียบราวกั้นระหว่างระเบียงทางเดินกับผืนแผ่นดินอันน้อยนิดลงมาประจันหน้ากับเจ้าของแผ่นดินสีดำโดยทันที...เสียงทอนฟาปะทะเข้ากับดาบสีดำสนิทดังสนั่นหวั่นไหว



สีดำมืดทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันโดยไม่มีแม้แต่เสียงพูดจา ไม่มีแม้แต่การบอกกล่าวจุดประสงค์ใดๆทั้งสิ้น ความแข็งแกร่งของนภาทมิฬนั้นเป็นที่รู้กันโดยทั่ว แต่เจ้าของแผ่นดินสีดำเองก็ไม่เป็นสองรองใคร การต่อสู้ของความสุดยอดทั้งสองจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ....



ความหนักหน่วงของอาวุธที่ซัดเข้าใส่กันทำเอาบรรยากาศรอบข้างสั่นสะเทือน ดาบคมกริบสีดำสนิทเงื้อขึ้นแล้วลงดาบมาอย่างรวดเร็วด้วยมือเพียงข้างเดียว แต่ทอนฟาคู่แกร่งก็สามารถรับไว้ได้ทั้งหมด พร้อมตอบโต้กลับไปในทันที ร่างสูงใหญ่เพียงเบี่ยงหลบ ก่อนที่จะลงดาบที่เต็มไปด้วยจิตสังหารลงมาอีกครั้ง ทอนฟาข้างหนึ่งกันเอาไว้ส่วนอีกข้างมุ่งหมายจะฟาดลงไปที่ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น  ทั้งๆที่ไม่ว่าจะหลบอย่างไรก็ไม่น่าจะพ้นแล้ว แต่ดวงตาสีแดงเพลิงยังคงนิ่งสนิทไม่หวั่นไหว...ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มร้ายออกมาเล็กน้อย...



ปัง!!!



เขม่าดินปืนลอยคลุ้งอยู่รอบๆปากกระบอกปืนสีดำที่อยู่ในมือนภาทมิฬ ดวงตาสีแดงมองด้วยแววยิ้มเยาะไปยังเจ้าของแผ่นดินสีดำที่กระโดดถอยหลังไปตั้งหลัก  รอยเลือดเส้นเล็กๆปรากฏอยู่บนแก้มเนียน สายตาเคียดแค้นพุ่งออกมาจากดวงตาสีดำคมกริบ...



มือที่เคยถือดาบสีดำ ค่อยๆปล่อยดาบลงไปปักอยู่กับพื้น ในมือใหญ่ปรากฏเป็นปืนคู่แทน....



สู้กับเจ้าสัตว์กินเนื้อกระหายเลือดตัวนี้มันก็สนุกดีอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้เขากำลังรีบ...อะไรที่มันจะช่วยร่นระยะเวลาได้ บางทีก็จำเป็นต้องงัดเอาออกมาใช้....



ข้ารู้ว่าเจ้าตามข้ามา...ออกมาสิ...สควอลโล่    เมื่อจบเสียงเรียก ร่างของนินจาเงาก็กระโดดเข้ามาแทนที่เจ้านายของตัวเองทันที ดาบใหญ่ในมือพุ่งตรงเข้าไปหานภาทมิฬที่อยู่เบื้องหน้า ปืนเหล็กสีดำสนิททั้งคู่ถูกยกขึ้นมาป้องกันเอาไว้...แต่ทว่า....สิ่งที่ดวงตาสีโลหิตมองเห็นเต็มตานั้นได้แต่ทำให้ร่างกายสูงใหญ่ชะงักค้าง....



ร่างกายเพรียวบางที่คุ้นเคย แล้วยังจะใบหน้าสวยหวานที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจไม่เคยลืมเลือน เรือนผมสีเงินยาวสลวยที่ถูกมัดรวบขึ้นไปเปิดให้เห็นต้นคองามระหง ร่างทั้งร่างอยู่ในชุดสีดำสนิทแบบพอดีตัวตามแบบฉบับของนินจา....นานแค่ไหนกันที่คนตรงหน้าหายไปจากข้างกายเขา....คนที่สาบานเอาไว้ด้วยชีวิตว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนวันตาย...แต่แล้วมันก็หนีไป...หายหน้าไปจากสองมือของเขา......ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปอยู่บ้าง.....แต่คนคนนี้ก็กำลังกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างจนริมฝีปากเผลอหลุดเสียงออกไป....



.....ไอ้ฉลามสวะ....



คนที่แกว่าน่ะ มันตายไปแล้ว....

ด้วยน้ำมือของแกไงล่ะ แซนซัส!” 



ฉั๊วะ!!! ดาบในมือร่างโปร่งตวัดใส่ตัวคนที่มัวแต่ตกตะลึงอยู่ทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเล



.....เกิดอะไรขึ้นกับแกกันแน่...ไอ้ฉลามสวะ.......



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป.....ไป.......




ยัง....มันยังยุ่งไม่พอ....ไหนๆก็จะยุ่งเหยิงแล้วมันต้องเอาให้สุดๆ!!!
มีคนถามมาว่า...นภาทั้งสามคนก็ออกมากันหมดแล้ว...แล้วนภาของคาบัคโรเน่ไม่ออกมาบ้างหรอคะ?
มีแน่ค่ะ....เพราะเรื่องนี้สู้รบตบตีแย่งชิงกันทั้งหมด 3 คู่!!!
แต่ไอ้คู่สุดท้ายที่ยังไม่ออกมานี้ จะไปแย่งชิงกันอีท่าไหนก็....โปรดติดตามตอนต่อไปๆๆๆ...

และ....ยังไม่ต้องพิศวงกับความสัมพันธ์อันมั่วซั่วของเหล่าตัวละคร...
ถ้าท่านสามารถอดทนอ่านมันจนจบเรื่องนี้ได้เราจะมอบโล่ให้....ไม่ใช่เว้ย....ท่านก็จะรู้เองว่าอะไรมันเป็นอะไร...

เพราะว่าข้าพเจ้ามีตอนย้อนอดีตของพวกเขาเตรียมเอาไว้ให้แล้ว (แต่งจบก่อนเรื่องหลักอีกนะนั่น...)

ลั้นลา...หนูก๊กของแม่ช่างน่ารัก...ในที่สุดก็เลือกยามะสินะ...>.<...

อย่า...อย่าเพิ่งดีใจไป...ยามะทำให้ก๊กรักได้...แล้วคุณฮิจะทำบ้างไม่ได้รึ?...คึหึหึ....





1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 มกราคม 2558 เวลา 11:11

    ก้ก อย่าหลายใจที่รัก
    คือป๋าพลาดแล้ว แงงงงงงงง เศร้าค่ะ คือตอนนี้เค้าเชียร์ทุกคนแห่งป่าสายหมอกเต็มที่
    โธ่ ป๋า ฮือออออ ยามะ ฮืออออ มุคุ

    ตอบลบ