: KHR Fanfiction Au
: 185980 1006927 XSD
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
.
กลุ่มควันพวยพุ่งออกไปจากกลุ่มกระโจมที่ตั้งล้อมรอบกองไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น แสงไฟสลัวๆส่องให้เกิดเงาร่างของคนสองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ภายในกระโจมสีขาว เหล่าลูกน้องที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างไม่กล้าเฉียดเข้าไปใกล้...จิตสังหารแข็งกร้าวผสมปนเปไปกับจิตสังหารนิ่งสงบแต่ทว่าเยือกเย็นจนบาดลึกให้ตายได้ทั้งเป็น...
“ ใจเย็นๆน่า...ฮิบาริคุง...เรายังเข้าไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ คงต้องรอให้ฟ้าเปิดเสียก่อน” เจ้าของแผ่นดินสีขาวเดินไปนั่งลงอย่างสบายๆบนเก้าอี้ขนสัตว์สีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับอาการหงุดหงิดของอีกคนเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆที่เจ้าของแผ่นดินสีดำนั้นแข็งแกร่ง ทั้งๆที่เจ้าของแผ่นดินสีขาวนั้นเจ้าเล่ห์....แล้วใยจึ่งไม่มีใครคิดที่จะเข้าไปในป่าสายหมอกเพียงลำพัง....
ม่านหมอกจักเปิดรับเพียงนภา....แต่ท้องฟ้าสว่างจ้าหรือจะสู้นภาทมิฬ....
“ ต้องรออีกนานแค่ไหน” ใบหน้าบึ้งตึงบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าอารมณ์เสียแค่ไหนที่ต้องมาทนรอติดแหง่กอยู่ที่ปากทางเข้าป่าสายหมอกอยู่แบบนี้
“ ไม่รู้สิน้า...วันหรือสองวัน หรืออาจจะมากกว่านั้น” นัยน์ตาสีอเมทิสลอบมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกคน...ท่าทางน่าสนุกจริงๆ....ปกติก็เป็นคนไม่น่าคบอยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้คนแบบนั้นกระวนกระวายร้อนใจได้ขนาดนี้ จะเป็นสิ่งของแบบไหนกันนะ ชักอยากจะเห็นขึ้นมาถนัดใจ....
หรือว่า.....ของสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในคราวนั้น....คนที่ทำให้เจ้าของแผ่นดินสีดำคนนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กับพี่ชายเพียงคนเดียวได้อย่างไม่ใยดี...พี่ชาย....คนเพียงไม่กี่คนที่ฮิบาริ เคียวยะ ยอมเอ่ยปากพูดคุย ยอมเปิดใจให้....
“ ในเมื่อมันลำบากมากนัก...ข้าก็จะไปเผามันซะให้ราบ ไม่ว่ายังไงข้าต้องบุกเข้าไปให้ได้ ภายในวันนี้!” ร่างเพรียวทว่าแข็งแกร่งเตรียมจะเดินออกไปจากกระโจม เขาจะไม่รออีกต่อไป...ของของเขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแตะต้อง...ไม่มีวันยอมสูญเสียมันไปอีกครั้งอย่างแน่นอน
“ อ่า...เดี๋ยวก่อนนะ ฮิบาริคุง...” ใบหน้ายิ้มแย้มลวงหลอกของเจ้าของแผ่นดินสีขาวร้องเรียกคนที่กำลังจะเดินจากไป แต่ถึงอย่างนั้นร่างเพรียวแข็งแกร่งก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดฟังเลยแม้แต่น้อย ยังคงก้าวเดินออกไปด้วยรังสีอำมหิตมุ่งร้ายต่อสิ่งที่คิดจะขัดขวางตนเอง
“ ข้าจะบอกเอาไว้ก่อน....ต่อให้เจ้าเผาป่าสายหมอกให้ราบคาบ...เจ้าก็ไม่มีวันหาทางเข้าเจอหรอก เพราะตราบใดที่แสงแห่งนภาไม่สาดส่องลงมา ม่านหมอกก็ไม่วันหายไป...เจ้า....จึงจำเป็นต้องมีข้า...หรือไม่งั้น....ก็เด็กหนุ่มคนนั้น นภาใสสะอาดที่พรากคนที่เจ้ารักไปถึงสองคน”
เพล้ง!!!
เสียงทอนฟากระทบกับขวดแก้วที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเข้าออกจนแตกกระจาย
“ อย่าพูดถึงมันให้ข้าได้ยินอีก” เมฆดำทะมึนเคลื่อนคล้อยออกไปจากกระโจมสีขาว เหลือทิ้งเอาไว้แต่เศษแก้วที่ไม่อาจกลับมาต่อกันติดอีกต่อไป
แสงเทียนสลัวพลิ้วไสวไปตามแรงลมอ่อนๆ ส่องกระทบให้เห็นใบหน้าขาว นัยน์ตาสีอเมทิสต์บ่งบอกถึงความพึงพอใจ รอยยิ้มร้ายที่มุมปากปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ......ข้าคงพูดผิดไป...ดอกไม้มรณะนั่นไม่ได้พรากคนที่เจ้ารักไปแค่สองคน...แต่เป็นสามคนต่างหาก...ถ้านับรวมเจ้าตัวเองด้วยน่ะนะ....
มันช่วยไม่ได้นี่นะ...ใครใช้ให้เจ้าเข้ามายุ่งกับดอกไม้สีไพลินของข้าล่ะ
เพราะเช่นนั้น ข้าจะทำทุกวิถีทางให้ดอกไม้สีไพลินนั่นกลับมายังปราสาทกล้วยไม้ของข้าอีกครั้ง...
ดอกไม้เล็กๆอย่างเจ้ามันสมควรแล้วที่จะโดนคนที่เคยรักเจ้าขยี้ให้ตายหายไปจากโลกใบนี้ซะ....ซาวาดะ สึนะโยชิ
…………………………………………………………………………………………………………………………….
แสงแดดยามเช้าส่องกระทบพื้นระเบียงทางเดินและกลุ่มอาคารมาไม่รู้ว่าเป็นเช้าที่เท่าไหร่แล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ มือบางค่อยๆเปิดประตูบานเลื่อนออกช้าๆให้ลมภายนอกไหลผ่านเข้าไปในตัวบ้านเพื่อพัดพากลิ่นยาที่ลอยอบอวลอยู่ภายในให้จางหายไป ใบหน้าสวยหันกลับเข้าไปมองความมืดมิดภายในตัวบ้าน มองไม่เห็นเงาของอีกคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายวันเลยแม้แต่น้อย....ดูเหมือนทุกๆเช้าร่างสูงจะต้องไปรายงานความเรียบร้อยและปรึกษาหารือกับผู้นำอีกคนของกองโจรแห่งนี้ที่เขายังไม่เคยเห็นหน้า....นภาทมิฬแห่งป่าสายหมอก....
อากาศยามเช้าเย็นสบายลอยเข้ามาปะทะใบหน้าเนียนใสที่เชิดขึ้นรับลม ไม่ว่าจะมองไปทางไหน รอบกายก็ยังคงเต็มไปด้วยสายหมอกบางเบา ร่างกายบอบบางในชุดกิโมโนสีขาวแบบเรียบๆเดินตรงไปยังอาคารหลังเล็กอีกหลังที่อยู่ในอาณาบริเวณบ้านของยามาโมโตะ แค่เลื่อนบานประตูออก กลิ่นไอหอมกรุ่นของข้าวสวยร้อนๆและกลิ่นหอมของอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นก็ลอยเข้ามาแตะจมูก ....นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองหน้าตาอันงดงามของสิ่งที่อยู่ในจานแล้วก็หวนนึกถึงชายผู้นั้น.....ชายผู้ซึ่งปฏิบัติต่อเขาตามแต่ใจของตัวเอง แต่ทว่าสิ่งที่ทำลงไปมันกลับใส่ใจเขาอย่างที่สุด....
....เจ้าต้องการให้ข้าอยู่ข้างกายของเจ้าด้วยฐานะอะไร....ยามาโมโตะ.....
เพื่อให้ข้าอยู่ ณ ที่ตรงนั้นแล้ว เจ้าถึงกับยอมแลกด้วยสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวของเจ้า...เจ้ายอมแลก...แต่คนอื่นๆเล่า จะมองข้าด้วยสายตาเช่นไร....โกรธข้า...เกลียดข้า...เพราะว่าข้าคือสิ่งที่มีอยู่เพื่อจะทำลายพวกเขาอย่างนั้นหรือ
ถึงไม่คิดว่าตนเองจะมีค่าและความสำคัญมากพอที่จะทำให้ใครมาแย่งชิง แต่กับคนอย่างเจ้าของแผ่นดินสีดำคนนั้นจะยอมปล่อยกลุ่มคนที่ทำราวกับจะเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองไปเฉยๆอย่างนั้นหรือ
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหม่อลอย จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ร่างกายบอบบางเดินไปตามระเบียงทางเดินเรื่อยๆ ไม่รู้แม้แต่จุดมุ่งหมายว่าตนกำลังจะเดินไปที่ไหนกันแน่ หนทางที่จะหนีออกไปจากที่นี่ก็ดูจะริบหรี่เต็มที นอกจากช่วงเวลาที่ผู้คนของที่นี่เข้าออกเพื่อไปปล้นสะดมแล้ว หุบเขาแห่งนี้ราวกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก....ต้องมีคนของที่นี่พาออกไป...แต่จะเป็นใครก็ได้เช่นนั้นหรือเปล่า ?
“ เอ๊ะ...” มัวแต่เดินใจลอย นัยน์ตาสีมรกตจึงไม่ได้สนใจจะมองทางเดินเท่าใดนัก จนไปชนกับร่างกายสูงใหญ่ของใครบางคนเข้า....เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องพบกับใบหน้าของคนที่เขาไม่รู้จัก รอยยิ้มแปลกๆถูกส่งมาให้จากใบหน้าโหดเหี้ยม
“ คนของยามาโมโตะสินะ...” เสียงแหบแห้งถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่แสยะยิ้ม ดวงตาข้างหนึ่งมีรอยแผลเป็นใหญ่พาดอยู่ดูน่าขนลุก ร่างบอบบางของนายน้อยโกคุเดระก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างหวาดระแวง...ลืมไปได้อย่างไรว่าเขาอยู่ในกองโจร...จะพบเจอกับคนที่ดูโหดเถื่อนและน่าหวาดผวาอย่างคนตรงหน้าก็ไม่น่าจะแปลกใจ....เจ้าคนที่เขาอยู่ด้วยกับอีกสองคนที่พบเจอก่อนหน้านี้สิที่น่าแปลก...ทั้งรูปร่างหน้าตาไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในกองโจรได้เลย....แต่ถ้านึกถึงจิตสังหารและความมืดมนแล้ว สามคนนั่นกลับมีมากกว่าชายตรงหน้านี่เสียอีก
“ มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ” ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวมองมาด้วยแววยินดี ราวกับหมาป่าที่กำลังเจอเหยื่อชั้นดี นัยน์ตาสีเขียวมรกตก็จ้องเขม็งกลับไป
“ ถ้าให้เดา....เจ้ากำลังหาทางจะหนีอยู่ใช่ไหมล่ะ...ฮ่า ฮ่า...ข้าพาไปไหม หื๋ม...” ท้ายประโยคลดเสียงลงจงใจจะให้ได้ยินกันแค่สองคน...คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากัน....เชื่อไม่ได้...จะเชื่อคนตรงหน้านี้ไม่ได้เด็ดขาด....
ร่างบางทำท่าจะถอยหนี แต่มือใหญ่หยาบกร้านของเจ้ายักษ์ตรงหน้านี้ก็คว้าข้อมือบางเอาไว้แน่น พร้อมกับออกแรงลากให้ลำตัวบางเดินตามไป นายน้อยแห่งโกคุเดระพยายามจะร้องเรียกให้ใครสักคนมาช่วยแต่ทว่าริมฝีปากแดงระเรื่อกลับถูกมือใหญ่ปิดเอาไว้แน่น...
“ ฮ่า...ข้าไม่เถียงว่าเจ้ามันงดงามน่าหลงใหล...แต่การมีอยู่ของเจ้ากำลังจะทำให้พวกข้าต้องเดือดร้อน ตอนนี้เจ้าฮิบาริกับเจ้าเบียคุรันมันยกกองทัพมารออยู่ที่หน้าป่าสายหมอก เพื่อมาเอาตัวเจ้าคืน....แต่ไม่ว่าข้าจะบอกไอ้บ้ายามาโมโตะนั่นยังไง มันก็ไม่ยอมส่งตัวเจ้ากลับไปท่าเดียว” สิ่งที่ได้ยินทำเอาดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้าง....ฮิบาริกับเบียคุรัน....เจ้าของแผ่นดินที่แสนอันตรายและร้ายกาจทั้งสองคนร่วมมือกันอย่างนั้นหรือ....ไม่มีทางเลย...ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย....
“ เพราะงั้น.....ข้าจะส่งศพของเจ้ากลับไปให้พวกมัน ฮ่า ฮ่า....” แววตากระหายเลือดและเสียงหัวเราะชั่วร้ายวิปริตดังขึ้นที่ข้างใบหู ร่างบางของนายน้อยโกคุเดระได้แต่ดิ้นไปมา แต่ไม่ว่าจะพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดเพียงใด มันก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งจับเอาไว้แน่นขึ้นเท่านั้น เสียงร้องที่พยายามจะเปล่งออกไปกลับเป็นแค่เสียงเบาหวิวเมื่อมือหยาบกระด้างปิดมันไว้ได้ทั้งหมด
“ แต่จะคืนไปให้เฉยๆมันก็น่าเสียดาย อย่างน้อยมีข้าที่ได้เชยชมเจ้าสักคนก็คงดี เจ้าพวกนั้นมันจะได้รู้ ว่าคนที่เหนือกว่าก็คือข้าคนนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จากแววตากระหายเลือดค่อยแปรเปลี่ยนไปเป็นความหื่นกระหาย ใบหน้าหยาบกร้านยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าเนียนใสที่พยายามเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกรังเกียจและขยะแขยง มือใหญ่หยาบละลาบละล้วงแหวกชายกิโมโนเข้าไปสัมผัสเรียวขาขาวเนียนนุ่ม สัมผัสที่ได้รับจากร่างบางยิ่งเรียกสัญชาติญาณสัตว์ป่าออกมาจากร่างกายใหญ่โตจนแทบขาดสติ
ความรู้สึกที่น่าขยะแขยงจากริมฝีปากหนาที่พยายามจะเข้ามาซุกไซร้ที่ลำคอระหง ทำให้นายน้อยแห่งโกคุเดระดิ้นรนต่อสู้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี รอยสัมผัสจากผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้มันทำให้รู้สึกราวกับตายทั้งเป็น รังเกียจจนอยากจะเอามีดมาแร่เนื้อที่ถูกเจ้าคนเลวทรามนี้สัมผัสแม้เพียงน้อยนิดทิ้งไป....
หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บใจในเรี่ยวแรงของตัวเอง และความคับแค้นใจในโชคชะตาค่อยๆไหลรินลงมาอาบแก้มเนียนใส.....ทำไมกัน....ทำไมต้องเป็นข้า....
ช่วยด้วย....
ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย.....
ช่วยด้วย......
มาช่วยข้าที......
“ ยามาโมโตะ!!!!” เสียงร้องเรียกที่ถูกปิดกั้นไว้ถูกตะโกนก้องออกไปพร้อมกับแขนใหญ่ที่เคยปิดปากตนไว้ขาดกระเด็นออกไปอีกทาง เลือดสีแดงชาดสาดกระเซ็นไปรอบบริเวณ
นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ร่างกายใหญ่โตของคนที่เคยคิดจะลวนลามเขาเซถอยหลังออกไป ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องโหยหวนเหมือนสัตว์ใหญ่บาดเจ็บดังก้องไปทั่วหุบเขา ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆทรุดลงนั่ง เผยให้เห็นถึงคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างช้าๆ...
ใบหน้าคมหล่อเหลานั้นช่างคุ้นเคย นัยน์ตาสีเปลือกไม้และร่างกายสูงใหญ่ที่เคยเห็นอยู่ทุกวันเป็นของยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่เคยรู้จักก็จริง...แต่ทว่า....มีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปจนไม่คิดว่าคนตรงหน้าคือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไป...
ใบหน้าคมนิ่งสนิท นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไร้ความรู้สึกจ้องมองชายที่ทรุดอยู่ตรงหน้าราวกับแววตาของมัจจุราชกำลังล่าเหยื่อ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ มีแต่ร่างกายแข็งแกร่งที่ค่อยๆก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ ดาบญี่ปุ่นยาวในมือถูกสะบัดเลือดที่หยดเป็นทางลงไปทิ้งอย่างไม่ใยดี รังสีอำมหิตดำทะมึนแผ่กระจายไปรอบๆตัว
“ ยะ...ยามาโมโตะ....จะ...เจ้าจะทำอะไร....เจ้า...เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ” น้ำเสียงสั่นกลัวจากคนที่เคยหัวเราะวิปริตเมื่อครู่กล่าวออกมาอย่างน่าสมเพช
“ งั้นรึ” เพียงคำเดียวเท่านั้นที่เอ่ยออกมา ก่อนที่คมดาบจะตัดผ่านขั้วหัวใจจนร่างนั้นขาดออกเป็นสองท่อน เลือดสีแดงสดพวยพุ่งออกไปจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว การกระทำของมัจจุราชตรงหน้านั้นช่างอำมหิต เย็นชาและไร้หัวใจ....ไม่มีการพูดคุยต่อรองใดๆ ไม่มีการไว้ชีวิตต่อผู้ที่ร้องขอ....นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าใช่ไหม ยามาโมโตะ ทาเคชิ....
ร่างบางได้แต่ยืนมองด้วยตัวแข็งทื่อ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชายผู้นี้ฆ่าคนต่อหน้าต่อตา ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะเป็นการกระทำเพื่อตัวเขาเอง แต่การลงมือฆ่าพวกพ้องโดนไม่ฟังคำร้องขอเลยนั้นมันช่างโหดเหี้ยมเกินจะรับไหว
มือหนาของยามาโมโตะเอื้อมออกมาหมายจะไขว่คว้าลำตัวบาง แต่นายน้อยแห่งโกคุเดระก็ถอยหนีด้วยปฏิกิริยาตอบสนองต่อความหวาดกลัว ใบหน้าคมชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาอ่อนโยนจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวมืดมน....
มือใหญ่คว้าข้อมือบางเอาไว้จนได้ ก่อนที่จะกระชากร่างบอบบางให้เข้ามาหาตัวเอง ริมฝีปากประกบจูบเอาแต่ใจลงไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ บดขยี้จนร่างในอ้อมแขนที่ต่อต้านค่อยๆหมดแรงลง เนิ่นนานกว่าจะยอมละออกมา...ร่างบอบบางถึงกับหอบหายใจหนักหน่วง แต่กว่าจะตั้งตัวได้ร่างบางๆนั้นก็ถูกยกขึ้นพาดบ่ากว้าง ขายาวก้าวเดินออกไปท่ามกลางการดิ้นรนของร่างบนไหล่และฝ่ามือบางที่รัวลงไปที่แผ่นหลังกว้าง....
การกระทำทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของใครหลายต่อหลายคน....หนึ่งในนั้นคือดวงตาสีโลหิตของชายผู้ถูกขนานนามว่า.....นภาทมิฬแห่งป่าสายหมอก.....
“ จะทำยังไงกับท่านยามาโมโตะหรือขอรับ”
“ หึ....มันทำถูกแล้ว....ของที่มันอยากได้ ก็มีแต่ตัวมันเองเท่านั้นที่จะต้องทำทุกอย่างให้ได้มา และข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดเสียหายถ้ามันจะปกป้องของของมัน”
“ คึ หึ หึ....ถึงแม้ว่าของชิ้นนั้นจะนำหายนะมาสู่ครอบครัวของตัวเองอย่างนั้นหรือครับ”
“ หายนะงั้นรึ?...น่าสนุกดีนี่....แล้วพวกมันจะได้รู้ ว่าหายนะมันจะเป็นของใครกันแน่!”
.................................................................................................................................................................
ตลอดระยะทางยาวไกลของระเบียงทางเดินที่ทอดออกไปสุดลูกหูลูกตา ข้อมือบางถูกมือใหญ่จับเอาไว้จนขึ้นสีแดง ร่างบอบบางถูกลากไปโดยไร้ความปราณี ไม่มีสายตาอ่อนโยนที่เคยหันมามองเป็นระยะๆ เช่นครั้งก่อน ขาที่สั้นกว่าต้องไล่ตามร่างสูงให้ทันทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ยามเมื่อล้มลงไปร่างใหญ่ก็จะฉุดกระชากให้ลุกขึ้น ไร้ซึ่งคำพูดใดๆมีแต่การกระทำป่าเถื่อนที่มอบมาให้พร้อมกับดวงตาสีเปลือกไม้แสนเย็นชา
ถูกลากออกมาไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน แต่ตอนนี้ฝ่าเท้าที่เหยียบย่ำลงไปบนพื้นไม้ที่ไม่ทันจะได้มองด้วยซ้ำรู้สึกปวดแสบไปหมด แต่ขาเรียวก็ไม่สามารถที่จะหยุดก้าวเดินต่อไปได้ ยังคงต้องก้าวตามความโหมกระหน่ำของอารมณ์คนตรงหน้าอยู่ร่ำไป...
พื้นไม้ระเบียงที่เคยเหยียบย่ำอยู่พลันหายไป กลับกลายเป็นพื้นดินชื้นแฉะเข้ามาแทนที่ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลียวมองไปโดยรอบ ที่นี่....ที่ตรงนี้....ไม่ใช่เขตของหุบเขากองโจร ม่านหมอกที่จางลงอย่างเห็นได้ชัดช่วยยืนยันได้ว่า ที่ที่เขาเดินอยู่นั้นอาจจะเป็นแค่ชายป่าของป่าสายหมอก
หรือว่ายามาโมโตะจะปล่อยให้เขากลับไป...ยังที่ที่เขาควรจะไป....
มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ.... เขาอยู่ที่นี่ไปก็รังแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้...
สู้ผลักไสให้เขากลับไปอยู่ในอุ้งมือของฮิบาริ เคียวยะ มันก็คงจะดีกับทุกฝ่าย....
มันก็ดีแล้วนี่......ดีแล้ว.....
ทั้งๆที่คิดแบบนั้น แต่ทำไมใจข้ากลับเจ็บแปลบ.....ทำไมกัน
“ อ๊ะ!” จู่ๆแรงที่ลากเขาอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเหวี่ยงตัวเขา จนร่างกายที่เหนื่อยล้าถลาลงไปกองอยู่กับกอหญ้าหนานุ่ม
หัวไหล่บางถูกมือใหญ่คว้าให้หันตัวกลับมาแล้วสองมือของยามาโมโตะก็กดลงที่ไหล่ให้แผ่นหลังของนายน้อยโกคุเดระแนบลงไปกับพื้นดิน ร่างกายสูงใหญ่ของอีกคนคร่อมทับลำตัวบางที่ทำได้เพียงแค่ตกตะลึง ข้อมือบางถูกรวบไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่เคยมีถูกใช้ไปกับการถูกลากมาถึงที่นี่จนหมด ร่างกายของนายน้อยโกคุเดระจึงอยู่ในสภาพไร้การต่อต้านโดยสมบูรณ์ ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้ก่อนที่จะประกบจูบรุนแรง ริมฝีปากแดงระเรื่อเม้มแน่นไม่ยอมแต่โดยดี ใบหน้าเนียนใสพยายามหันหน้าหนี ริมฝีปากของอีกคนจึงจูบลงไปที่ลำคอระหงแทน ความรู้สึกเจ็บแบบแปลกประหลาดก่อเกิดในจิตใจของนายน้อยโกคุเดระเมื่อริมฝีปากของคนด้านบนจูบกดเม้มลงไปที่ลำคอ ความรู้สึกชื้นแฉะของอะไรบางอย่างลากไล้ไปตามลำคอ ก่อนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะจูบซ้ำๆลงไป
“ ปะ...ปล่อยข้า...” ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ ทำให้เสียงต่อต้านที่ควรจะแข็งกร้าวกลับแผ่วเบาจนน่าใจหาย
มือบางที่พยายามผลักไสร่างกายสูงใหญ่ก็ดูเหมือนจะถูกควบคุมด้วยอะไรบางอย่าง ความร้อนผ่าวจากฝ่ามือแกร่งที่ลากผ่านผิวเนื้ออ่อนนุ่มภายใต้ชายกิโมโน นั่นก็ทำให้เรี่ยวแรงที่แทบจะไม่มีอยู่แล้ว หายไปจนหมดสิ้น
คอกิโมโนถูกแหวกออกเผยให้เห็นลาดไหล่บางขาวนวลเนียน ริมฝีปากแข็งกระด้างขบเม้มรุนแรงจนผิวสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด มือใหญ่ลากไปตามเรียวขาขาวจนถึงต้นขา เสียงครางครือในลำคอของคนที่พยายามจะปิดกั้นมันเอาไว้ยิ่งทำให้ร่างสูงหงุดหงิด อารมณ์ที่ครุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น มือใหญ่จับเรียวขาขาวแยกออกจากกันโดยอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะรู้ตัว เรียวนิ้วสอดลึกเข้าไปในช่องทางคับแคบจนเจ้าของร่างกระตุกเฮือก
หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มเนียนใสทันที.....
“ รังเกียจข้าอย่างนั้นหรือ...” น้ำเสียงเย็นยะเยือกกระซิบอยู่ข้างใบหู
“ เจ้า...กลัวข้าใช่ไหม” ร่างกายที่เริ่มจะสั่นสะท้านของนายน้อยโกคุเดระคงจะแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
เรียวนิ้วถอดถอนออกมาจากช่องทางอ่อนนุ่ม ร่างกายสูงใหญ่ทิ้งตัวทั้งหมดลงไปทาบทับร่างบอบบางข้างใต้ ถ่ายเทน้ำหนักลงไปให้ร่างกายแนบชิดซึ่งกันและกันทุกสัดส่วน ใบหน้าคมยังคงซุกอยู่ที่ซอกคอหอมกรุ่น.....ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาอยู่ที่ข้างใบหู
นี่ข้า...กำลังจะทำอะไร.....
เคยเห็นคนหลั่งน้ำตามามากมาย...ข้าได้แต่มองมันอย่างไร้ความรู้สึก....
แต่ทำไมน้ำตาของเจ้า ข้ากลับไม่อยากเห็น....
มือใหญ่ยกขึ้นลูบเส้นไหมสีเงินแผ่วเบาทั้งๆที่ยังอยู่ในท่าเดิม ใบหน้าคมขยับขึ้นไปจูบขมับของร่างข้างใต้แผ่วเบา ...สิ่งที่แสดงออกไปเรียกว่าอะไรเขาเองก็ไม่รู้....เพียงแต่คนที่ได้รับกลับซุกใบหน้าลงไปที่ไหล่ของเขามากขึ้น มือบางโอบกอดมาที่แผ่นหลังของเขา เสียงร้องไห้ราวกับกำลังปลดปล่อยทุกอย่างออกมาดังก้องอยู่ข้างใบหู เขาทำได้เพียงแค่ลูบศีรษะของคนในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา....
เจ้าไม่เคยแสดงออก...ว่าเจ้ากลัวข้า....
เจ้าไม่เคยแสดงออก...ว่าเจ้ากังวลและหวาดกลัวแค่ไหนที่ต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนที่โหดร้ายและป่าเถื่อน
เจ้าไม่เคยแสดงออก...ว่าเจ้าโหยหาผู้คนที่เจ้าจากมา
เจ้าไม่เคยแสดงออก...ว่าเจ้ากำลังอ่อนแอและอ่อนแรง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กดดันอยู่ในใจเจ้า...ขอให้ข้ารับมันเอาไว้เอง...เพื่อตอบแทนกับสิ่งที่เจ้าได้มอบให้แก่ข้า....สิ่งที่ข้าไม่เคยได้รับจากใคร...ความรู้สึกที่ข้าไม่เคยรู้จัก
“ โกคุเดระ...ข้ารักเจ้า….”
..................................................................................................................................................
“นี่.....เคียวยะ....” น้ำเสียงนุ่มนวลของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเรียกให้เด็กชายตัวเล็กหันหน้ากลับไปมอง มือนุ่มนิ่มของหญิงสาวยกขึ้นกอบกุมมือเล็กก่อนที่จะจับมันมาวางลงบนหน้าท้องที่ป่องนูนของตนเอง
“ ในนี้น่ะ...มีเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งอยู่...ข้า....ฝากเจ้าดูแลเขาได้ไหม....” นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังใบหน้างดงามที่ยิ้มแย้มให้มา เส้นผมยาวสลวยสีเงินเรียบรื่นราวเส้นไหมชั้นดี นัยน์ตาสีเขียวมรกตเป็นประกายสดใส หญิงสาวเพียงคนเดียวที่กล้าเข้าใกล้เด็กชายที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่ถือกำเนิดว่าจะต้องเป็นเจ้าเมืองคนต่อไป หน้าที่อันหนักหนาที่ทำให้เด็กชายคนหนึ่งกลายเป็นคนเลือดเย็นและเฉยชากับทุกสิ่งรอบกาย ยกเว้นแต่เธอผู้นี้....คนคนแรกที่เด็กชายยอมเปิดใจให้....
“ ข้าให้ชื่อเขาว่า ...ฮายาโตะ.... สายลมอบอุ่นที่จะเป็นของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” สัมผัสนุ่มนิ่มที่ขยับไหวเล็กน้อยบนหน้าท้องที่มือเล็กสัมผัสได้นั้นช่างน่าแปลกประหลาด ราวกับมีสายใยบางเบาที่มองไม่เห็นขยับไปมาอยู่รอบๆมือและค่อยๆลุกลามตามแขนข้างซ้ายขึ้นมาถึงส่วนที่อยู่บนหน้าอก
“ รักเขาเหมือนที่เจ้ารักข้า...สัญญากับข้าสิ” ใบหน้าเล็กพยักหน้ารับ....นั่นคือพันธะสัญญาที่พันธนาการหัวใจของเขามาตลอด...เพราะหลังจากวันนั้น.....
ตั้งแต่วันที่เจ้าลืมตาขึ้นมาดูโลก ข้าก็เฝ้ามองเจ้ามาตลอด เจ้าดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ดอกน้อยๆของข้า....
เจ้าคือความหวัง...เจ้าคือความรัก...เจ้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ข้าไม่เหลือใคร...
ข้าเฝ้ามองเจ้า คอยดูแลเจ้าจากในที่ที่ไกลแสนไกล...
จนในที่สุดข้าก็แน่ใจว่าข้ากำลังผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเจ้า...เพราะว่าข้าไม่อาจรักเจ้า....เหมือนกับที่รักแม่ของเจ้า
พี่สาวใจดีผู้ซึ่งเป็นญาติห่างๆของข้าคนนั้น....ที่ข้ารัก...ด้วยความบริสุทธิ์ใจ...รักแบบไม่หวังสิ่งใดตอบแทน....
แต่กับเจ้า....ข้ามีแต่อยากจะครอบครอง อยากเป็นเจ้าของเจ้าทั้งตัวและหัวใจ อยากกักขังให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้แต่เพียงในอ้อมแขนของข้าเท่านั้น เพราะแบบนั้นข้าจึงตัดสินใจ...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรหรือต้องฆ่าใครให้ตายทั้งเป็น....หรือแม้แต่.....จะต้องเด็ดปีกของเจ้าทิ้ง.....ข้าก็จะทำ....ฮายาโตะ
นัยน์ตาสีดำสนิทลืมขึ้นอย่างช้าๆ...ใบหน้ามีเหงื่อเกาะพราว.....ฝัน....ฝันถึงเรื่องวันนั้น...เหตุการณ์วันนั้น....คำมั่นสัญญานั้น ที่เขาเคยได้ให้เอาไว้กับคนที่รัก
หนึ่ง.... ข้ารักพี่สาวผู้แสนอ่อนโยนผู้ซึ่งไม่ว่าข้าจะโหดร้ายเพียงใดเธอก็ไม่เคยหวาดหวั่นต่อการเข้ามากุมมือข้าเอาไว้
สอง.... ข้ารักพี่ชายต่างมารดาที่ยอมทำเพื่อข้าแม้แต่ต้องเสียสละตนเองให้คนอื่น
สาม.... ข้ารักรอยยิ้มสดใสและดวงตาสีน้ำตาลไหม้ เหนือสิ่งอื่นใดข้ารักดอกไม้งามที่เจ้ามอบมันให้แก่ข้าทั้งๆที่เราไม่เคยพบกัน
หนึ่ง.... นั้นจากข้าไป ณ ดินแดนแสนไกล...เหลือทิ้งเอาไว้แต่เด็กชายที่เหมือนกับเธอราวพิมพ์เดียวกัน
สองและสาม....ร่วมมือกันทรยศต่อข้า ทำให้คนที่ข้ารักที่สุดต้องจากข้าไป....ข้าไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้า...มุคุโร่ พี่ชายของข้า...สึนะโยชิคนคนหนึ่งที่ข้าเคยรัก....
แต่ตอนนี้คนที่ข้าอยากจะฆ่ามันให้ตาย ทำให้มันหายไปจากโลกใบนี้ให้เร็วที่สุด ก็คือเจ้า....ยามาโมโตะ ทาเคชิ
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป....ไป....ไป.....
คนหนึ่งปักใจรักมาตั้งเป็นสิบปี กับคนหนึ่งรักแรกพบ อ้า...จบลงที่คนไหนดี
ตอนนี้ชักอยากเปลี่ยนสมการตะหงิดๆ วะฮะฮะ....
คึหึหึ...ว่าแต่...รู้กันแล้วใช่ไหมว่าทำไมคุณฮิถึงได้มุ่งมั่นในการมาเอาตัวหนูก๊กคืนนัก
ก็เค้ารักของเค้ามาตั้งสิบกว่าปี อยู่ดีๆก็มีคนมาฉกของเค้าไป แล้วจะไม่ให้แค้นแทบบ้าได้ไงล่ะเออ
รู้แบบนี้แล้วยังจะเชียร์ยามะกันอยู่รึเปล่า 555....แต่ข้าพเจ้าเชียร์นะ (เฮ้ย!!!)
อ่า...คราวที่แล้วเพราะการใช้คำพูดของข้าพเจ้าอาจจะทำให้พิศวงงงงวยกันไปนิด...คราวนี้เลยมีบทขยายความสำหรับบางประโยคค่า....
ม่านหมอกจักเปิดรับเพียงนภา....แต่ท้องฟ้าสว่างจ้าหรือจะสู้นภาทมิฬ....
ม่านหมอก = ป่าสายหมอก และรวมถึงคุณมุด้วย
จักเปิดรับเพียงนภา = นั่นหมายความว่าคนที่จะเปิดทางเข้าไปได้ต้องเป็นคนที่มีธาตุนภา = ทูน่าและป๋าเบีย = คุณฮิเข้าไปเองไม่ได้
ท้องฟ้าสว่างจ้า = ป๋าเบีย
หรือจะสู้นภาทมิฬ = นั่นก็คือในป่าสายหมอกมีอิป๋าแซนอยู่ ป๋าเบียสู้ไม่ได้เพราะอะไรบางอย่างจึงทำให้ไปฉกตัวคุณมุกลับมาไม่ได้ ส่วนคุณฮิถึงจะอยากเข้าไปก็เข้าไปเองไม่ได้ ทางเดียวที่เหลืออยู่จึงต้องร่วมมือกัน ....เป็นฉะนั้นแล....
แล้วตัวแปรที่จะทำให้ป๋าแซนสู้คุณฮิไม่ได้คืออะไร? ....คึหึหึ....อยากรู้ไหม?....coming soon?....
โอกกกก...ตัวละครเยอะเหลือเกิน แถมความสัมพันธ์ยังยุ่งเหยิง (ก็ใครสร้างมันขึ้นมาละฟะ!)
ไม่....มันจะไม่เป็นมหากาพย์.....ไม่....มันจะไม่ยาว....ไม่.....โอกกกกกก....ไปดีกว่า.....(ท่าทางจะอาการหนักแล้วนะยัยคนแต่งนี่...)
ความรู้สึกตอนนี้คือ
ตอบลบเชียร์ยามะ นี่ไม่ลำเอียงใดๆเลย เพราะยามะดันมีบทเด่นมาแตแรก ละรู้สึกเชียร์ไปแล้วงิ
แต่สงสารคุณฮิมากชีวิตพี่ท่านรันทดมาก
ต้องหาใครมาดามใจ
ทูน่าเลวสุดละทำร้ายคุณฮิพรากทุกคนไปจากคุณฮิ ป๋าจัดการเลย คุณฮิขย้ำเลย
เอาสัปป้ามาคืนป๋าน้าาาา หรือไม่ก้คุณฮิไปอยู่ปราสาทกล้วยไม้ขาวแทนเถอะ 55555
ช้ำค่าาา