: KHR Fanfiction Au
: 185980 1006927 XSD
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
.
เปลือกตาบางขยับลืมอย่างเชื่องช้า ภาพตรงหน้าขาวโพลนจนต้องกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ....ที่นี่....ที่ไหนกัน......
.....ต้องรีบ....กลับไปที่นามิโมริ.....ไปยังกรงสีขาวที่เปิดรอนกน้อยโผบินเข้าไป...ถ้าไม่เช่นนั้นจะ.....จะ..........
“ คึ หึ หึ.....” สิ้นเสียงหัวเราะแปลกประหลาด ภาพสีขาวพลันมลายหายไป กลับกลายเป็นฝ้าเพดานไม้ที่ไม่คุ้นตา ใบหน้าสวยเหลียวมองไปรอบๆก็ต้องพบกับนัยน์ตาสองสีแปลกตาคู่หนึ่งที่จ้องมองกลับมา ใบหน้าเรียวส่งยิ้มละไมกลับมาให้....น่าแปลก...ทั้งๆที่นั่นคือรอยยิ้ม แต่ขนทั่วร่างกลับพากันลุกเกรียว สันชาติญาณกู่ร้องบอกทันทีว่าคนตรงหน้าเป็นตัวอันตราย....
“ ตื่นได้ซักทีนะครับ...นายน้อยโกคุเดระ....” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ไม่ได้ทำให้ร่างบางตกใจเท่าคำเรียกที่อีกฝ่ายเรียกตัวเอง มือบางเผลอยันตัวขึ้นจากฟูกนอนขึ้นโดยไม่ทันระวัง
“ เจ้า!!!...รู้ได้ยังไงว่าข้า......” น้ำเสียงตกใจขาดหายไปทันทีที่ผืนผ้าห่มหนาหลุดร่วงลงไปจากร่างกายท่อนบน สายลมเอื่อยเฉื่อยทว่าเย็นเหยียบเข้าปะทะผิวกายขาวนวลทันที
“ ทะ....ทำไม.....” ร่างบางก้มมองร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองด้วยความตกใจหนักกว่าเดิม...ทำไมเขาถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ดวงตาสีมรกตตวัดมองร่างสูงโปร่งตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง อีกฝ่ายยังคงแค่ยิ้มตอบกลับมา
“ คงต้องถามคนนั้นแล้วละครับ....” นัยน์ตาสองสีทำเพียงกลอกตาไปยังอีกทางนึ่ง ดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อไล่สายตามองตามไป
ร่างกายสูงใหญ่ กับใบหน้าคมหล่อเหลามองมาอย่างนิ่งเฉย ผมสั้นสีดำสนิทเข้ากับชุดฮากามะสีดำที่ร่างแข็งแกร่งนั่นสวมใส่อยู่ รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากค่อยๆปรากฏขึ้น....รอยยิ้มของคนที่นั่งอยู่ใกล้นี่ว่าน่าขนลุกแล้ว....แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับรอยยิ้มของชายคนนั้น....ชายคนที่กำลังจะทำให้ครอบครัวของเขาพังพินาศ.....อันตราย....
ร่างกายที่แข็งนิ่งของนายน้อยประจำตระกูลโกคุเดระกระตุกวูบ เมื่อสายตามองเห็นแผ่นหลังโปร่งของร่างที่เคยนั่งอยู่ใกล้ เดินสวนออกไปจากห้อง อย่างแผ่วเบาและไร้ร่องรอย ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำเงินหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มละไมให้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆเลือนหายไปจากสายตา
ความอึดอัดกดดันก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อร่างสูงยังคงยืนพิงกรอบประตูเลื่อนแล้วจ้องมองร่างบอบบางที่พยายามยกผืนผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จ้องมองราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องจะตะครุบเจ้ากระต่ายตัวน้อย.....เหยื่อกับผู้ล่า......
ความเงียบโรยตัวเข้ามาอย่างช้าๆ จนครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องมองร่างกายบอบบางอย่างไม่วางตา.....ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เขาก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกองโจรแห่งนี้ ออกปล้นสะดมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง รู้ดียิ่งกว่าใครๆว่าสิ่งไหนควรจะเอากลับมาสิ่งไหนควรจะปล่อยทิ้งเอาไว้ หรือสิ่งไหนควรจะฆ่า....รู้ทั้งรู้ด้วยสันชาติญาณและประสบการณ์ว่าตุ๊กตาแก้วชั้นดีตัวนี้จะนำภัยมาสู่พวกพ้องของเขา....แต่ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้....เขาก็ยังเลือกที่จะพาร่างบอบบางนี้กลับมาอีกครั้งอยู่ดี....ทำไมกันนะ
ขายาวก้าวออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว มือใหญ่กำรอบต้นแขนเล็กของอีกฝ่ายก่อนจะดึงตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ผ้าห่มก็ยังไม่หลุดออกไปจากร่างกายบางเมื่อมือเล็กๆนั่นพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะรั้งมันเอาไว้
มือใหญ่อีกข้างจึงตวัดโอบรัดรอบลำตัวบางแล้วยกขึ้นพาดบ่าทั้งๆที่มีผ้าห่มหลุดลุ่ยพันกายเอาไว้อย่างนั้น
“ เจ้า!!! ปล่อยข้านะ จะพาข้าไปไหน บอกให้ปล่อย!!!” ทั้งเสียงร้องโวยวายทั้งการดิ้นรนต่อสู้ ยิ่งทำให้รอยยิ้มปรากฏมากยิ่งขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ขายาวก้าวเดินไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว บรรยากาศภายนอกห้องนั้นช่างขมุกขมัว ราวกับว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่กลางสายหมอก......
ครืด..........
เสียงประตูบานเลื่อนเปิดออก ไออุ่นจากภายในห้องลอยเข้ามาปะทะตัวของผู้เข้ามาใหม่ทั้งสอง ร่างสูงตรงดิ่งเข้าไปที่กลางห้อง ก่อนจะโยนคนที่อยู่บนไหล่ลงไป
ตูมมมมม.....
เสียงน้ำแหวกกระจายกระทบกับแผ่นหินรอบทิศทาง ร่างบอบบางที่ถูกโยนลงไปได้แต่ตะเกียกตะกายแหวกว่ายขึ้นมาจากบ่อน้ำอุ่นอย่างทุลักทุเล ร่างกายที่เคยห่อหุ้มด้วยผ้าห่มผืนหนาจำต้องกลับมาเปลือยเปล่าอีกครั้ง เมื่อไม่อาจรั้งผ้าที่อมน้ำจนหนักมากพอที่จะทำให้จมลงไปด้วยกันทั้งร่างนั้นไว้ได้ ร่างกายขาวผ่องขึ้นสีชมพูระเรื่อ เรือนผมยาวสีเงินเปียกลู่ไปตามใบหน้า ส่วนที่แช่อยู่ในน้ำแผ่กระจายปลิวไสวราวกับนางเงือก....
“ แค่ก...แค่ก....” ถึงกับไอสำลักออกมา มือเล็กยกขึ้นลูบใบหน้า นัยน์ตาสีเขียวกระพริบเปิดขึ้นอย่างตกใจกลัว แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย รอบๆตัวเต็มไปด้วยไอน้ำและหมอกควัน ส่ายหน้ามองไปรอบๆตัวเพื่อมองหาคนที่บังอาจโยนตนลงมาในน้ำจนไม่เหลือสภาพนายน้อยแห่งตระกูลโกคุเดระอีกต่อไป
กว่าจะรู้ตัวอีกที ร่างกายบางก็ถูกมือใหญ่ที่โผล่ออกมาจากกลุ่มไอหนาทึบลากเข้าไปปะทะกับแผงอกแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อตึงแน่นโอบรัดร่างกายนุ่มนิ่มให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนจนหมดทั้งตัว แรงน้อยนิดที่มีพยายามขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในไม่ช้า แผ่นหลังเนียนมือก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นเฉียบของแผ่นหินที่ปูข้างบ่อน้ำ
ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบเข้ามาไว้ที่กลางหน้าอก มือใหญ่อีกข้างจับใบหน้าเนียนให้อยู่นิ่ง ก่อนที่ใบหน้าคมจะก้มลงมามอบจุมพิตเอาแต่ใจให้กับร่างที่ขัดขืน ยิ่งพยายามบ่ายเบี่ยงริมฝีปากนั้นยิ่งบดขยี้ลงมาบนกลีบปากบาง ร่างกายหนาหนักบดเบียดแนบชิดเข้ามามากขึ้นจนลำตัวบางแนบชิดติดไปกับผนังบ่อ
แต่ความหยิ่งทะนง ยังคงไม่ยอมปล่อยให้ผู้รุกรานได้รุกล้ำเข้าไปได้มากกว่านั้น ร่างบางรวบรวมสติและกำลังทั้งหมดที่มี ผลักร่างกายใหญ่ออกไป...ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย....แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะไม่สู้เลย.....
ร่างสูงใหญ่ที่ถอยออกมาเล็กน้อย กลับบดเบียดแนบชิดลงมาอีกครั้ง ....แต่คราวนี้กลับมีเพียงร่างกายเท่านั้นที่แนบสัมผัสซึ่งกันและกัน....ใบหน้าคมหล่อเหลาไม่ได้รุกล้ำเข้ามาอีก ทำเพียงแค่จ้องมองใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่ายด้วยความพึงพอใจ....นัยน์ตาสีเขียวมรกตแข็งกร้าวที่เขาหลงใหล.....งดงามจนไม่สามารถละสายตาออกมาได้จริงๆ
“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ….” คำแรกที่ร่างสูงใหญ่เปิดปากพูดออกมา ทำเอาร่างบางนิ่งอึ้ง
“ เรียกข้าสิ โกคุเดระ....” ถ้อยคำกระซิบลงมาที่ข้างหูนั้นช่างเบาหวิว...น่าแปลก.....ที่มันกลับได้ยินอย่างชัดเจน...........เสียงหัวใจของเขา.........
.........................................................................................................
เสียงดังโครมครามพร้อมกับร่างที่ล้มลงไปกองกับพื้น กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว มือแกร่งสะบัดทอนฟาในมือให้หยาดโลหิตที่ชุ่มโชกอยู่กระเด็นหลุดออกไป นัยน์ตาคมกริบกวาดมองเศษซากของสิ่งเคยมีชีวิตที่เละเทะจนแยกไม่ออกว่าชิ้นส่วนไหนมาจากใคร
.......หงุดหงิด.....หงุดหงิดที่สุด....
“ ท่านเคียวยะ....” เสียงของลูกน้องคนสนิทเอ่ยเรียกอย่างกลัวเกรง สภาพของคนตรงหน้านั้นช่างไม่ต่างไปจากเสือร้ายที่หิวกระหายเลยสักนิด
“ เจอรึยัง” น้ำเสียงนิ่งสนิทยิ่งทำให้คุซาคาเบะตัวสั่น ไม่กล้าสบสายตาคมกริบนั่นเข้าไปใหญ่
“..............ยังเลยขอรับ....” เตรียมก้มหน้าปิดตา พร้อมรับทอนฟาที่จะฟาดลงมาได้ทุกเมื่อ....ตั้งแต่ติดตามรับใช้เจ้านายคนนี้มาตั้งแต่เด็กก็เพิ่งเคยเห็นคนตรงหน้าโกรธมากมายขนาดนี้...ปกติก็เป็นคนที่น่ากลัวอยู่แล้ว แต่คราวนี้ดูเหมือนกับคำว่าน่ากลัวจะสื่อความหมายของสภาพคนตรงหน้าไม่พอเสียแล้ว.......บางที......มันอาจจะไม่ใช่โกรธที่โดนแย่งของไปเพียงอย่างเดียวเสียกระมัง.....นึกถึงร่างบอบบางที่เคยเจอกันเมื่อตอนนำสารไปส่ง....คนคนนั้น....ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด....ท่านเป็นใครกันแน่ นายน้อยโกคุเดระ....
“ เอาม้าออก” แต่แทนที่จะเป็นทอนฟาที่ฟาดลงมา กลับกลายเป็นคำสั่งห้วนๆ คุซาคาเบะเงยหน้ามองเจ้านายของตนอย่างหวาดๆ ร่างเพรียวแข็งแกร่งเดินหันหลังให้ ขาเรียวก้าวเดินพรางปล่อยรังสีอำมหิตไปตลอดทาง
“ ท่านจะไปไหนหรือขอรับ” คงมีแต่เขาคนเดียวละมั้งที่กล้าเข้าใกล้เจ้าเมืองนามิโมริในยามนี้
“ ให้เวลาเจ้าไปเก็บของครึ่งชั่วยาม ถ้าข้ายังไม่เห็นเจ้ากับม้าของข้า....” ดวงตาสีดำคมกริบเหลือบมองไปยังกองซากศพนับสิบ แค่นั้นลูกน้องคนสนิทก็รับรู้แล้วว่า สิ่งที่ควรจะทำก่อนที่จะมายืนถามคำถามแบบนี้คืออะไร ร่างสูงใหญ่ในทรงผมแปลกตาจากคนทั่วไปก้มศีรษะลงเคารพผู้เป็นเจ้านาย ก่อนที่จะรีบเดินจากไป….
.....หงุดหงิด....น่าโมโห....กระวนกระวาย....ร้อนใจ.....
ในคราแรกก็คิดว่าคงเป็นแค่กลุ่มโจรธรรมดาๆ แค่ตามไปฆ่าเสียให้สิ้น ก็คงจะชิงตัว คนของเขา กลับมาได้อย่างไม่ยาก แต่นี่ผ่านมาจนจะครบวันอยู่แล้ว ยังหารังของพวกมันไม่เจอเลยแม้แต่เงา...ผืนแผ่นดินนี้ที่เป็นของเขา...ก็ไม่น่าจะมีที่ไหนที่จะลอดหูลอดตาไปได้...ถ้าจะเป็นไปได้ก็คงมีทางเดียวเท่านั้น...
ดินแดนในสายหมอก...รอยต่อระหว่างแผ่นดินสีดำกับแผ่นดินสีขาว...
กองโจรอันดับหนึ่งที่มีรายชื่ออยู่บนสุดของรายชื่อผู้ต้องหาของทางการในเกือบจะทุกดินแดนบนเกาะญี่ปุ่นแห่งนี้ ไอ้พวกสัตว์กินเนื้อฝูงเล็กๆแต่ทว่าหยิ่งผยองและน่ากลัวยิ่งกว่าราชสีห์ เขาเองก็ไม่คิดอยากจะไปยุ่งกับพวกมันนัก เพราะการมีอยู่ของพวกมันก็ทำให้ป่าสายหมอกที่ว่าลึกลับและอันตรายไม่กลายเป็นแหล่งซ่องสุมโจรรายเล็กรายน้อย
จะไม่เข้าไปยุ่ง...ถ้ามันไม่ได้คิดจะมาแย่ง คนของเขา ไปแบบนี้....
แต่การจะเข้าไปในป่าสายหมอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็รู้ดีว่าต้องอาศัยใครบางคนเพื่อจะนำทางเข้าไป....คิดถึงตรงนี้ริมฝีปากบางก็ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน
ในที่สุดชีวิตของเจ้าก็มีประโยชน์เสียทีนะ....พี่ชายของข้า....ถ้าเป็นเจ้า ข้าจะยกให้เป็นเครื่องสังเวยอย่างไม่เสียดายเลยสักนิด......
ยืนมอง หมอกบางๆของยามเย็น ด้วยแววตาเย็นชา....
.......เกลียด........
......................................................................................................
นี่มันอะไรกัน.........
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน.....ไม่เข้าใจ.....ไม่เข้าใจชายคนนี้เลยสักนิด....
ภายในห้องยังคงเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนสองคน และเสียงหวีไม้ที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านเส้นผมสีเงินยาวเหยียดไปอย่างช้าๆ แสงสลัวของตะเกียงไฟที่มุมห้องส่องให้เห็นเงาร่างคนสองคนที่ซ้อนทับกันอยู่ มือใหญ่ของยามาโมโตะจับหวีบรรจงสางเส้นไหมสีเงินอย่างทะนุถนอม ลมหายใจอบอุ่นคลอเคลียอยู่ที่หลังลำคอระหง ร่างบางของโกคุเดระได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆ ด้วยเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าคนที่เคยใช้กำลังข่มเหงเขามาหลายต่อหลายครั้งคนนี้กำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่
เสียงหวีไม้ถูกวางลงบนถาดไม้สำหรับใส่เครื่องหอม ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นมาจับกิโมโนของร่างบอบบางให้เข้าที่เข้าทาง
.......ทำราวกับว่า คนที่อยู่ด้วยเป็นสิ่งไม่มีชีวิต...เป็นเพียงแค่ตุ๊กตา........
มือใหญ่ช้อนตัวให้ร่างบอบบางนอนลงบนฟูกเดียวกัน แล้วกอดเอาไว้หลวมๆ ไม่นานลมหายใจก็เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ...ถึงแม้จะไม่มีแสงจากตะเกียงแล้ว แต่แสงจันทร์ขาวนวลก็ฉาบไล้ผ่านประตูชมจันทร์ที่เปิดทิ้งเอาไว้เข้ามาสาดส่องไปทั่วห้อง ....ทั้งๆที่ภายนอกมีหมอกหนาทึบ แต่กลับไม่หนาวเลยสักนิด
ร่างบางค่อยๆขยับตัวอย่างแผ่วเบาก่อนจะลุกขึ้นนั่งช้าๆ หันไปมองใบหน้าคมที่ดูท่าทางจะหลับสนิท พยายามยกแขนแข็งแกร่งออกจากตัวอย่างเบามือ ค่อยๆขยับลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ขาเรียวก้าวเดินไปยังประตูบานเลื่อน......ยังไงก็ต้องหนี......
ประตูบานเลื่อนเคลื่อนตัวไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ ขาเรียวเตรียมจะก้าวออกไปจะห้อง
“ เจ้าจะไปไหน” โดยที่ไม่ทันระวังตัว มือใหญ่ของคนที่คิดว่าหลับสนิทก็ออกแรงบีบข้อมือเล็กที่จับได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทันรู้ตัว มือใหญ่อีกข้างเลื่อนบานประตูปิดลงเสียงดังโครม ใบหน้าคมที่มองเห็นตอนนี้ช่างนิ่งสนิท...ดวงตาสีเปลือกไม้ที่เคยอ่อนโยนจนถึงเมื่อครู่กลับมืดมนลงจนน่ากลัว
“ ข้าจะหนี!!! ไม่ว่าเจ้าจะขังข้าไว้ยังไง ข้าก็จะหนีไปให้ได้!!!” ร่างบอบบางที่โดนตวัดตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง ตะโกนใส่ชายตรงหน้า นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่น่าหลงใหลยังคงฉายประกายแห่งความมุ่งมั่นและกร้าวแข็ง
“ ข้าไม่ให้เจ้าไป” น้ำเสียงกดต่ำฟังดูช่างน่าขนลุก จนคนขึ้นที่ขึ้นเสียงใส่ถึงกับตัวสั่นขึ้นมาน้อยๆ
“ ปล่อยข้า!!! เจ้ารู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่ากำลังทำให้ครอบครัวของข้าพังพินาศ ถ้าข้าไม่ไป...คนที่ข้ารักจะเป็นยังไงเจ้ารู้บ้างไหม!!” ถึงอย่างนั้นร่างบอบบางก็ยังคงระบายออกไปอย่างเหลืออด เมื่อนึกถึงผู้คนที่เขาจากมา ...กลัวจับใจ ....ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเขาโดนกองโจรดักปล้นทำร้ายและจับตัวมา...ถ้าไม่มีใครรู้แล้วต่างคิดกันไปเองว่าเขาหนีไป....กลัวเหลือเกินว่าคนที่โหดร้ายอย่างเจ้าเมืองคนนั้น จะทำอะไรกับครอบครัวและพวกพ้องของเขาบ้าง....
“ ข้าไม่สนใจ แต่เจ้า....ต้องอยู่กับข้าที่นี่” ถ้อยคำเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจกรีดลงจนเจ็บแปลบบนหัวใจของคนที่ได้ฟัง ถ้อยคำที่ราวกับจะตอกย้ำถึงฐานะของตนที่ได้รับจากชายตรงหน้า...เป็นได้แค่สิ่งไม่มีชีวิต...ไม่ต้องการได้รับความรักจากใครและไม่ต้องรักใคร...เพราะจะไม่มีใครเหลือให้รักอีกต่อไป....
“ เจ้า...เจ้ามันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์นรก....ข้าเกลียดเจ้า เกลียด...เกลียดที่สุด!!!”
“ หึ....” ร่างสูงยกยิ้มอำมหิต ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำว่า “เกลียด” เลยสักนิด เพราะในชีวิตนี้ เขาเคยได้ยินมาจนชาชินไปเสียแล้ว....
“ ปล่อยข้า!!!” ร่างบางยังคงดิ้นรน ทั้งๆที่ข้อมือถูกกำโดยมือใหญ่จนขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ เจ้าไม่มีวันหนีไปจากข้าได้พ้น...ไม่มีวัน....” น้ำเสียงนิ่งเฉยกับดวงตานิ่งสนิทจ้องมองใบหน้าเนียนสวยราวกับจะบอกว่าทุกคำพูดนั้นเอาจริง ยามาโมโตะเหวี่ยงร่างบอบบางของนายน้อยแห่งตระกูลโกคุเดระไปที่ฟูกนิ่ม โซ่เส้นใหญ่ถูกดึงออกมาจากบานประตูตู้เก็บของก่อนที่จะมัดข้อมือบางทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกัน ปลายอีกด้านเหวี่ยงขึ้นไปคล้องเอาไว้กับขื่อบนหลังคา
“ ข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าจะรั้งตัวเจ้าเอาไว้ทำไม เพียงแต่...ข้าไม่อยากสูญเสียเจ้าไป....” ร่างสูงใหญ่นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าร่างกายที่ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่ มือใหญ่สองข้างเอื้อมออกมากอบกุมมือบางที่ถูกมัดติดอยู่ด้วยกันอย่างอ่อนโยน สายตาที่แปรปรวนมองมาที่ใบหน้าสวย....เดี๋ยวมืดมนเดี๋ยวอ่อนโยน....
“ เจ้า...มันบ้าไปแล้ว ปล่อยข้า!!! ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ไม่มีวันจะอยู่กับเจ้า!!!”
“ เพราะอะไร....อะไรที่มันจะทำให้เจ้าหนีไปงั้นรึ...” นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่กลับมามืดมนลงนั่นทำให้ร่างบางถึงกับชาวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ถ้าเขาบอกมันไป...เขาแน่ใจว่าคนตรงหน้าจะต้องไปกำจัดคนพวกนั้นแน่ๆ บางทีอาจไม่เว้นแม้แต่...ครอบครัวของเขา
“ ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถหนีไปจากข้าได้อีก....” แล้วนัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง แขนใหญ่โอบกอดลงมาที่รอบเอวบาง ใบหน้าคมซุกลงมาที่หน้าตักของนายน้อยตระกูลโกคุเดระ ราวกับลูกชายตัวน้อยนอนหนุนตักผู้เป็นแม่....
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเต็มไปด้วยความสับสน....ไม่เข้าใจชายตรงหน้านี้เลยสักนิด...เพราะอะไรกัน....
บางทีสิ่งที่ยากจะเข้าใจยิ่งกว่าอาจจะเป็นจิตใจของตัวเอง....ทั้งๆที่ชายตรงหน้าเป็นคนจับตัวเขามา เป็นคนที่อาจจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ ทั้งๆที่ใช้กำลังรังแกและแปรปรวนราวกับฝนคลั่งดำทะมึน ทั้งๆที่ควรจะเกลียดชายคนนี้จับใจ....แต่ทำไมกัน....ในใจลึกๆกลับรู้สึกรับรู้ได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวของชายตรงหน้า....ชายที่ดูอ่อนโยนแต่กลับไร้หัวใจ......
.........................................................................................................................
สายหมอกบางๆโอบล้อมร่างกายโปร่งราวกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด ดวงตาสองสีทอดมองไปไกลแสนไกล...เส้นผมยาวสีน้ำเงินเข้มที่ถูกมัดอยู่ด้วยเชือกสีดำเส้นเล็กโบกสะบัดคลอเคลียไปกับสายหมอก สิบกว่าปีแล้วสินะที่อยู่ที่นี่ ถึงจะไม่ใช่บ้านที่กำเนิดเกิดมาแต่ความผูกพันนั้นก็มากมายเกินกว่าจะทำใจให้จากลาไปได้....
......ท่านหญิงที่หนึ่งแห่งตระกูลโกคุเดระ ซึ่งกำลังจะถูกส่งตัวไปเป็นเครื่องบรรณนาการ แก่เจ้าเมืองนามิโมริ.......
ข่าวที่ไปสืบได้ในวันนี้เกี่ยวกับตุ๊กตาแก้วชั้นดีที่ยามาโมโตะไปนำกลับมา ทำเอาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งได้พิจารณารูปร่างหน้าตาของนายน้อยคนนั้นชัดๆก็ยิ่งรู้สึกหนาวเย็นที่ไขสันหลัง ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับอดีตที่ไม่น่าจดจำหวนกลับมาอีกครั้ง ....ได้แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่......
“ มุคุโร่ มานั่งอยู่นี่เองหรอ” น้ำเสียงนุ่มนวลเรียกจิตใจที่จมอยู่ในความมืดมนให้หลุดพ้นออกมายังโลกภายนอก
“ อย่าออกมาเดินตากน้ำค้างแบบนี้สิครับ เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกข้าก็แย่น่ะสิ” หันไปดุร่างเล็กๆในชุดกิโมโนกันหนาวตัวหนา คนโดนดุได้แต่ยิ้มตอบกลับมา รอยยิ้มอ่อนโยนของดอกไม้บริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวในกองโจรแห่งนี้ ร่างเล็กๆนั่งลงข้างๆร่างโปร่งบาง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้จ้องมองหน้ามุคุโร่อย่างสนอกสนใจ
“ มีอะไรครับ สึนะโยชิคุง” รอยยิ้มละไมเคลือบไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ส่งไปให้คนนั่งข้างๆตามปกติ
“ ได้ข่าวว่ายามาโมโตะพาใครมาด้วยอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าน่ารักไร้เดียงสาดูซีดเซียวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในกองโจรแห่งนี้ แต่ร่างเล็กๆนี่ก็ไม่เคยออกไปปล้นสะดมเลยสักครั้ง
“ ตุ๊กตาแก้วของ.....ฮิบาริ” ดวงตาสองสีกระตุกไปชั่ววูบ แต่ก็กลับมาเป็นปกติพยายามที่จะไม่ให้คนข้างๆจับได้ ถึงความรู้สึกที่เต็มตื้นขึ้นมาในหัวใจ........ทั้งรักทั้งเกลียด.......
“ เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่กับข้ามานานแค่ไหนกัน มุคุโร่....” สองมือเล็กๆประคองใบหน้าเรียวสวยเจ้าของดวงตาสองสี นัยน์ตาสองดวงจ้องมองลึกลงไปในตาของกันและกัน ความรู้สึกถูกถ่ายทอดผ่านไปให้อีกฝ่ายโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด
คนทั้งโลกจะเป็นยังไงก็ช่าง...มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ข้าจะไม่ยอมให้ใครแย่งไป.........มุคุโร่.........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป...ไป.......
ดาร์กจิต!!! นี่แหละสุดยอดยิ่งกว่า หล่อเลว!!! ....อุ๊ยตาย หลุดปาก....
ไม่จริ๊งงงงง ใครแอบมาเปลี่ยนพล๊อตเรื่อง!!!
ไม่น้า...ยามะของเค้า(ของใคร?) ต้องเป็นคนดีที่1สิ...
เอ่อ...แต่งไปด้วยอารมณ์นั้นแหละค่ะ มันก็เลย.......แหะ แหะ.....
ปล. ก็นี่มันฟิคดาร์ก เพราะงั้น ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะว่าตัวละครตัวไหนจะเป็นคนดีอยู่ได้...คึหึหึ....โดยเฉพาะพวกที่ดูเป็นคนดี นั่นแหละยิ่งอันตราย....
เฮือกกก คนที่เป็นคนดี อันตราย
ตอบลบไม่นะซือคุง โอยยยพลอตช่างดราม่ามากเลยค่ะ
แต่ชอบมากค่ายามะลุคนี้
โอยยยยย ลุ้นค่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย