KHR Au S.fic Series [8059] พบ : 04 : เพื่อพบ



 “เพื่อพบ” 


: KHR Fanfiction
: 14Yamamoto x 14Gokudera
: Romantic
: PG 


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ








คำว่า “นักเรียนแลกเปลี่ยน”  และเสียงอื้ออึงจากเด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆทำให้ผมลืมตาขึ้นมาในสภาพงัวเงีย....


แล้วจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา.....


ผมก็ไม่อาจหลับตาลงได้อีกต่อไป....














ริมฝีปากสีระเรื่อที่คาบบุหรี่นั้นเร้าใจผมอย่างน่าประหลาด แววตาข่มขู่แข็งกร้าวที่มาจากนัยน์ตาสีเขียวมรกตสดใสคู่นั้นก็ดึงดูดผมจนไม่อาจจะละสายตาได้ ท่าทางห้าวหาญไม่สมกับตัวนั่นก็ทำให้ผมหลงใหลจนไม่อาจอดใจไหว.....ผมตกหลุมรักเขา......ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น



เพราะอยากอยู่ใกล้เขา ผมจึงต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายมากมาย อย่างเช่นการเป็นมาเฟียและผู้พิทักษ์แห่งพิรุณของวองโกเล่

เพราะอยากปกป้องเขาผมจึงเข้าร่วมต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอาแหวนมาอย่างไม่มีลังเล

เพราะอยากเป็นคนสำคัญของเขาผมจึงตามเขาไปทุกที่ไม่เว้นแม้แต่โลกอนาคต






เราเกือบจะเอาชีวิตกันไม่รอด....



แต่ตอนนี้....



เราก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย....



ถึงจะต้องใช้ชีวิตต่อไปในคราบของมาเฟีย....







แต่ในวันที่ท้องฟ้าสดใส.....



เราก็เป็นเพียงแค่นักเรียน ม.ต้น ของโรงเรียนนามิโมริ ธรรมดาๆ



ใช่.....



เป็นแค่นักเรียนธรรมดา.....




ที่จะต้องไปทัศนะศึกษาในเช้าวันนี้!














ผมยืนรอเขาอย่างกระสับกระส่ายเต็มที เพราะรถของโรงเรียนกำลังจะออกอยู่แล้วและเพื่อนคนอื่นๆก็ขึ้นไปนั่งกันจนเกือบเต็มรถ สงสัยว่าเมื่อคืนเขาคงจะวิ่งไล่จับกับเจ้าอุริทั้งคืน เพราะมันคงไม่ยอมกลับไปเป็นแหวนง่ายๆแน่....ดื้อเหมือนเจ้าของไม่มีผิด.....คิดแล้วก็ต้องแอบอมยิ้ม



ได้ยินเสียงตะโกนถามมาจากเพื่อนๆบนรถ แต่ผมไม่มีทางทิ้งเขาเอาไว้แน่ๆ...เพราะครั้งนี้คือโอกาสอันดีที่หาได้ยากสุดๆ....นั่นก็เพราะสึนะน่ะ..........



เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งมา ตามด้วยเสียงหอบหายใจและไม่นานก็เห็นเส้นผมสีเงินพลิ้วไหวเมื่อเขาวิ่งเข้ามาใกล้



“ โกคุเดระทางนี้!      ผมโบกมือเรียกเขาก่อนที่กระเป๋าที่เขาถือมาจะเหวี่ยงมาให้ผมถือ ร่างบางหอบจนตัวโยน....นี่คงจะวิ่งมาตลอดเลยสินะ ผมเอื้อมมือออกไปจับข้อมือของเขาไว้ก่อนที่จะพาวิ่งขึ้นรถ....มีเพียงเบาะหน้าสุดที่ว่างอยู่แค่คู่เดียวและผมก็ฉุดให้เขาลงไปนั่งตรงนั้นทันที



รถแล่นออกไปจากนามิโมริทั้งๆที่เขายังคงหอบหายใจไม่ได้หยุด....เขาเลยยังไม่ทันจะได้รู้ว่า....สึนะน่ะ......



“ว่าไงน๊ะ!!!!!!     เสียงเขาแหกปากลั่นรถ เมื่อค้นพบว่า....สึนะไม่ได้มาทัศนะศึกษาในครั้งนี้ด้วย เพราะป่วยเนื่องด้วยอาหารเป็นพิษกะทันหัน



“ แล้วแกทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะไอ้บ้านี่!     สองมือบางเขย่าคอผมจนแทบหลุด....แหม....ถ้าบอกก่อนแล้วนายจะยอมมาไหมล่ะ? ไม่น่าถาม?



“ รุ่นที่สิบจะเป็นอะไรมากไหมนะ...ทั้งๆที่มือขวาอย่างฉันต้องไปเฝ้าไข้แท้ๆ...ต้องเป็นเพราะอาเจ๊แน่ๆ ฮึ่มๆๆๆ”      หน้านิ่วคิ้วขมวดบ่นนู่นบ่นนี่ตามระเบียบ....แต่ไม่นานเสียงบ่นก็กลายเป็นเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ใบหน้าเนียนใสซบมาที่ไหล่ของผมนั้นดูผ่อนคลาย....กว่าที่ผมจะทำให้เขาอยู่กับผมด้วยใบหน้าแบบนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ....กว่าเจ้าลูกแมวน้อยจะเลิกขู่ฟ่อแล้วหันมาอ้อนผมแบบนี้ ผมก็ต้องมีรอยข่วนมาไม่รู้กี่รอยต่อกี่รอย













ทัศนะศึกษาคราวนี้ของเราไม่ใช่ทะเลหรือภูเขาเหมือนที่ผ่านๆมา แต่กลับเป็นหมู่บ้านโบราณแห่งหนึ่ง หลังจากที่ต้องลงเรือข้ามน้ำข้ามทะเลแล้วมาต่อด้วยรถอีกครั้งหนึ่ง...ไม่นาน....ก็มองเห็นบ้านทั้งสองฝั่งถนนซึ่งยังเป็นบ้านแบบโรงนา หลังคามุงด้วยหญ้าอัดแน่นหนาเป็นฟุตๆ รายล้อมไปด้วยสีเขียวขจีของทุ่งนาและภูเขาที่โอบรอบตัวเมืองอยู่ บรรยากาศชวนให้นึกถึงสมัยที่ยังมีซามูไรเดินไปเดินมาตามท้องถนนยิ่งนัก



รถเลี้ยวเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งดูจะแตกต่างจากที่อื่นๆเพราะหลังคากลับมุงด้วยกระเบื้องแบบญี่ปุ่นโบราณ แสดงถึงฐานะที่คงจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆในเมืองนี้ในครั้งอดีตกาล แต่ปัจจุบันลูกหลานกลับเอามาปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมแบบญี่ปุ่นแทนและคืนนี้พวกเขาจะพักกันที่นี่



“ เอาข้าวของไปเก็บแล้วอีกครึ่งชั่วโมงมาเจอกันตรงนี้นะ!    เสียงอาจารย์ตะโกนร้องบอกอยู่ข้างหลัง เมื่อก้าวขาเข้ามายังภายใน ผนังข้างหน้านั้นรู้สึกชวนให้ดูน่าเกรงขาม



ร่างบางของโกคุเดระยืนจ้องมองของที่ถูกวางเอาไว้ที่ช่องตรงกลางของผนัง มันเป็นดาบสองเล่มถูกตั้งไขว้กันเอาไว้ เล่มหนึ่งเป็นดาบยาวสีดำสนิทส่วนอีกเล่มเป็นดาบขนาดกลางสีขาว ทั้งลวดลายและเชือกที่พันอยู่ที่ปลอกดาบทำให้รู้ได้โดยไม่ยากว่ามันถูกสร้างเอาไว้คู่กัน สวย...จนทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้.....



“ เห็นดาบนี่แล้วนึกถึงแกชะมัด”     นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองมาที่ผม มือบางยื่นมาเคาะโป๊กๆที่ถุงใส่ชิงุเระคินโทคิที่สะพายอยู่ที่หลัง ก่อนที่จะเดินนำออกไปยังห้องพัก






ดาบคู่นั้นคงจะมองมาที่เราสองคนจากเบื้องหลังอย่างเงียบงัน....






ห้องพักเป็นห้องรวมที่จะแยกเพียงแค่ชายกับหญิง แน่นอนว่าผมจัดการให้โกคุเดระนอนชิดผนังส่วนอีกข้างก็คือผมเอง...เรื่องอะไรจะยอมให้ใครมานอนข้างๆเขาล่ะ



วันแรกของการทัศนะศึกษานั้นไม่มีอะไรมาก พวกเราก็แค่เดินดูบ้านเรือนเก่าๆเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน ผมลอบมองใบหน้าที่สนอกสนใจทุกอย่างของเขาอย่างมีความสุข กับเรื่องราวเก่าๆแบบนี้เขาละชอบนัก บางที...อาจจะกำลังหวังว่าจะมีกัปปะหรือเจ้างูอ้วนสึจิโนโกะโผล่มาจากมุมไหนของเมืองอยู่ก็ได้ละมั้งนั่น ซึ่งผมกลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารักมากๆในตัวเขา มือบางยังคงจดทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินลงบนสมุดโน้ตส่วนตัว แว่นตาที่สวมอยู่ที่ใบหน้าทำให้ดูจริงจังจนผมเผลอยิ้มออกมา เพราะถ้าเทียบกับวัยรุ่นทั่วๆไปอย่างพวกเพื่อนร่วมชั้นที่เดินหาวหวอดอย่างเบื่อหน่ายไปจนแทบจะลับสายตานั่นแล้ว ผมกับเขาคงจัดถูกจัดอยู่ในจำพวกที่แปลกแยกพอตัว



“ ยาย! ตำนานที่บอกว่าที่หลังศาลเจ้าจะมีเสียงร้องคล้ายๆงูให้ได้ยินทุกๆวันโอบ้งของปีน่ะ ยายเคยได้ยินบ้างหรือเปล่า?!      นั่นไง....ยายท่าทางใจดีคนหนึ่งตกเป็นเหยื่อในการหาข้อมูลเพื่อจะพิชิตสึจิโนโกะเป็นคนแรกให้ได้ของเขาแล้วไหมล่ะ แล้วก็เป็นอันว่าทั้งสองคุยกันยืดยาวราวกับถูกคอกันมานานแสนนานจนผมจำต้องกระตุกชายเสื้อของโกคุเดระ



“ นี่....คนอื่นๆเค้ากลับโรงแรมกันไปหมดแล้วนะ....”      เพราะแสงแดดร้อนแรงเริ่มจะหายไปจนเกือบหมดเหลือเพียงแสงรำไรของไฟถนนเพียงเท่านั้น



“ เอาไว้โอบ้งปีนี้ ชั้นจะมาที่นี่!      จ้ะ....จะขึ้นเขาลงห้วยยังไงฉันก็จะไปกับนาย...แต่ตอนนี้รีบกลับก่อนที่จะไม่มีอะไรเหลือให้กินดีกว่านะที่รัก















อาหารแบบญี่ปุ่นหน้าตาน่ากินถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีมรกตของเขาเป็นประกายทันทีที่มองเห็นมากุโร่อยู่ในจานนั้นด้วย



“ เอามากุโร่ของแกมาให้ชั้น”     ว่าแล้วไหมล่ะ....เขามักจะฉกมากุโร่ของผมไปทุกครั้งที่กินข้าวด้วยกันและให้เหตุผลว่าบ้านผมเป็นร้านซูชิ จะกินเมื่อไหร่ก็กินได้ เพราะงั้นมากุโร่ของผมต้องเป็นของเขา....จะมีใครให้เหตุผลได้น่ารักเท่าเขาอีกไหมเนี่ย.....แล้วตะเกียบของเขาก็คีบมากุโร่ลอยผ่านหน้าผมไปพร้อมกับเขี่ยของที่เขาไม่กินมาใส่ที่จานของผมแทน



ผมไม่เคยรู้สึกไม่พอใจ กลับกัน ผมกลับรู้สึกว่าหากเราไม่สนิทกันถึงระดับหนึ่ง...เขาคงไม่มีวันทำแบบนี้กับผมแน่....เหมือนกับที่เขาจะไม่เข้าใกล้คนอื่นๆเลยนั่นแหละ



เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงหัวค่ำ เพื่อนๆต่างทยอยเข้าไปนั่งแช่ในอ่างอาบน้ำรวมขนาดใหญ่....แต่ผมไม่มีทางให้ใครได้เห็นผิวขาวๆของเขาแน่



“ โกคุเดระ มาตีปิงปองกันไหม! ดูซิว่ามือขวาของสึนะจะเก่งจริงรึเปล่า”      แน่นอนว่าเขาหันควับกลับมาแล้วตรงดิ่งไปหยิบไม้ปิงปองขึ้นมาทันที....แค่ใช้คำว่ามือขวามาหลอกล่อ เขาก็จะหูผึ่งจนตกหลุมพรางอย่างง่ายๆของผมทุกครั้ง



“ ฮึ! แล้วอย่ามาร้องไห้ฟูมฟายเพราะพ่ายแพ้ต่อมือขวาผู้เก่งกาจคนนี้ก็แล้วกันนะเฟ้ย”      ถ้าเอาเข้าจริง เขาไม่มีทางชนะผมได้อยู่แล้วละ แต่ผมก็มักจะต่อให้เขาแบบเนียนๆอยู่เสมอ เพราะผมชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของเขาซึ่งมันน่ารักมากกว่าใบหน้าบูดสนิทอยู่นิดหน่อย....สรุปแล้วไม่ว่าเขาจะทำหน้ายังไงผมก็ชอบมองทั้งนั้นแหละ



ดึกจนไม่คิดว่าจะยังมีใครหลงเหลืออยู่ในห้องน้ำ เพราะเพื่อนทุกคนกลับมานั่งดูการดวลเดือดระหว่างผมกับเขากันจนครบ ผมแกล้งแพ้อีกสองสามตาแล้วพาเขาไปอาบน้ำปล่อยให้โต๊ะปิงปองถูกยึดครองด้วยเพื่อนๆของผมแทน










ผมจะไม่พูดถึงเรื่องในห้องน้ำ เพราะมันเอโร่ยเกินกว่าเรท PG ของเรื่องนี้....










โกคุเดระยังคงนั่งทับส้น แล้วสวดอะไรบางอย่างอยู่บนฟูกนอน ทั้งๆที่คนอื่นๆเริ่มที่จะส่งเสียงกรนออกมาแข่งกันแล้ว ผมได้แต่นอนตะแคงมองเขาด้วยความเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะใบหน้าหรือท่าทางแบบไหนของเขา มันก็สะกดสายตาของผมเอาไว้ได้ทุกครั้ง



ในที่สุดเขาก็ท่องคาถาไล่ผีที่เขาว่าจนจบ ร่างบางๆนั่นล้มตัวลงนอนได้ในที่สุด ผมเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคอ แล้วกลับมาหลับตาลงบ้าง



แต่ก่อนที่จะหลับสนิท รอยขยับขยุกขยิกที่ใต้ผ้าห่มของผมทำเอาเริ่มจะมีเหงื่อแตกที่ขมับ....อย่าบอกนะว่าผมจะโดนดีเข้าให้แล้ว เพราะไม่เชื่อที่เขาบอกว่าให้สวดคาถาไล่ผีนั่นก่อนนอน....แต่ทว่า.....เสียงงึมงำที่แว่วเข้ามากลับทำให้เผลอยิ้ม....นี่มันเสียงบทสวดเมื่อกี้นี้นี่



“ โกคุเดระ?”



“ ชู่วววว.....อย่าส่งเสียง”       เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ที่แผ่นอก เมื่อก้มมองลงไปในผ้าห่มใบหน้าเนียนใสก็แทบจะชิดคางของผม



“ ถ้าส่งเสียงตอบรับ จะโดนมันจับไปกินวิญญาณนะ”       ....มัน?....อะไรละนั่น?......แต่ก็ช่างเถอะ....ผมค่อยๆเลื่อนมือไปวางที่เอวบางอย่างแนบเนียนก่อนที่จะกระชับอ้อมแขนให้คนที่ยังคงสวดอะไรไม่รู้งึมงำๆนั่นขยับเข้ามาแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆทำเอาผมแทบจะนอนไม่หลับ....นึกถึงเรื่องในห้องน้ำเมื่อหัวค่ำแล้วก็ต้องพยายามข่มใจตัวเองเอาไว้เพราะตรงนี้ยังมีคนจ้องอยู่อีกมากมาย ผมไม่มีวันให้ใครได้เห็นง่ายๆหรอกน่า...













อากาศยามเช้าของที่นี่นั้นเย็นสบายและบริสุทธิ์



ผมนอนมองหน้าของคนที่นอนหลับพริ้มอยู่บนตัวผมตาปริบๆ ฟูกมันแข็งไปหรือเปล่านะ เขาถึงได้เลือกที่จะมานอนบนตัวผมแบบนี้ ได้ยินเสียงรอบข้างเริ่มขยับเขยื้อนกันแล้ว และไม่นานนัยน์ตาสีมรกตก็เปิดขึ้นอย่างงัวเงีย มือบางเลิกผ้าห่มที่คลุมจนมิดหัวออกก่อนจะไหลตัวลงไปจากตัวผมแล้วลุกเดินสะลึมสะลือไปยังห้องน้ำ



พวกนายน่ะ คราวหน้าก็บอกมาก่อนสิว่าใช้แค่ฟูกเดียว จะได้ไม่ต้องให้แม่บ้านเค้าเปลืองแรงขนมา          เสียงแซวมาจากเพื่อนร่วมห้องด้วยความสนุกสนาน ผมเพียงแค่ยิ้มรับก่อนจะเดินตามโกคุเดระไป










ทุกครั้งที่เดินผ่านผนังที่มีดาบวางอยู่ก็รู้สึกราวกับว่ามีคนจ้องมอง



มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของนักดาบที่มักถูกดาบเรียกหา แต่ทว่า ดาบสองเล่มนี้กลับทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เพิ่งจะเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก



และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมมองเห็นโกคุเดระยืนอยู่ตรงหน้าผนังนั่น นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองดาบสองเล่มไม่วางตา



ราวกับว่า.....ภาพแบบนี้ผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเมื่อนานแสนนานมาแล้ว.....
















วันนี้สถานที่ที่เราต้องไปเรียนรู้คือทุ่งนา....



ใครจะคิดละว่าการมาทัศนาศึกษาคราวนี้จะต้องลงแรงทำนากับพวกชาวบ้านเขาด้วย...



เพราะฉะนั้นพวกเราจึงหาทางเลี่ยงด้วยการไปถึงที่นั่นให้ช้าที่สุด เพื่อนในห้องต่างเดินทอดน่องไปยังทางเส้นเล็กซึ่งเป็นถนนดินธรรมดาๆ เบื้องหน้าคือวัดประจำเมืองแห่งนี้  ทุกๆอาคารในนั้นต่างบ่งบอกอายุของตนเองว่าอยู่มานานกว่าร้อยปี แม้แต่อาคารที่ถูกเผาจนเป็นตอตะโกที่อยู่ท้ายถนนนั่นก็ยังคงไม่ถูกรื้อถอนออกไป....




โกคุเดระดูจะสนใจวัดนี้อยู่ไม่น้อย....ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะอะไรที่เป็นเรื่องลี้ลับเขาละชอบนัก




จนแล้วจนรอดเราก็มาถึงทุ่งนาที่เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ต้นกล้าสีเขียวถูกวางกระจุกอยู่ที่มุมหนึ่งแปลง



ขากางเกงถูกพับขึ้นก่อนที่จะหย่อนขาลงไปในโคลนลื่นๆเหนียวๆ มือบางเกาะหมับลงมาที่แขนผมทันทีที่เจ้าตัวเหยียบลงมา ขากางเกงที่เจ้าตัวอุตส่าห์พับอย่างมีศิลปะกำลังค่อยๆไหลลงจนแทบจะถึงโคลน ผมจึงก้มลงไปแล้วพับให้เขาใหม่



ไอ้โคลนบ้าพวกนี้มันน่ารำคาญจริง เป่ามันซะให้หมดเลยเป็นไง!”           มาพักผ่อนทั้งทีก็ยังจะเอาดอกไม้ไฟมาเล่นอีกแน่ะ ผมส่ายหน้าให้กับความห้าวหาญไม่สมตัวของเขาด้วยความเอ็นดู ร่างบางพยายามเดินด้วยตัวเองอย่างไม่ค่อยจะมั่นคงนัก



ต้นกล้าในมือคุณครูถูกแจกจ่ายมายังพวกเราทุกคน ไม่นานการเรียนรู้ว่าจะปลูกมันยังไงก็ทำให้ท้องนาที่เคยว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยต้นกล้าสีเขียว โกคุเดระปักต้นข้าวสีเขียวต้นสุดท้ายลงไปในพื้นดิน แต่มันอาจจะรุนแรงไปหน่อยจนโคลนกระเด็นมาเลอะใบหน้าเนียนใส



ผมใช้หลังมือเช็ดให้เขา เพราะมือผมเองก็เปื้อนเช่นกัน ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ ดังมาจากร่างตรงหน้า ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะฉายแววเจ้าเล่ห์



จงเป็นกระดาษทิชชู่ซะเถอะไอ้บ้าเบสบอล!”        แล้วใบหน้าใสที่ยังมีคราบโคลนติดอยู่ก็ถูไถลงมาที่อกเสื้อของผมทันที เขาอาจจะคิดว่ากำลังแกล้งผมได้ แต่แท้ที่จริงแล้วผมกำลังยิ้มแก้มปริกับพฤติกรรมน่ารักๆของเขาอยู่ ใบหน้าสวยใสปิ๊งเงยขึ้นมาพร้อมแววตาเยาะเย้ยซึ่งไม่ได้รู้ตัวเล้ย...ว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับผมหรอก










ผมกับเขานั่งมองท้องนาอยู่บนเนินหญ้าใกล้ๆกัน....



พรุ่งนี้ก็จะต้องกลับแล้ว....



ท้องฟ้ายามเย็นทอประกายสีส้มอบอุ่น นัยน์ตาสีมรกตที่ผมหลงใหลยังคงเหม่อมองไปข้างหน้า....เขามักจะมองไปข้างหน้าเสมอ....เพราะเขาคงจะรู้....ว่าที่เบื้องหลังของเขานั้น จะมีผมป้องกันภัยให้อยู่เสมอ....ไม่ว่าใคร....ก็จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้



โกคุเดระ....ฉันมีของขวัญจะให้นาย            ผมมัดปมสุดท้ายด้วยสองมือ กว่าที่นิ้วใหญ่ๆของผมจะทำมันออกมาได้ก็ต้องใช้ความพยายามไม่ใช่น้อย



ของขวัญ?       ใบหน้าสวยหันมามองอย่างสงสัย แสงแดดยามเย็นฉาบไล้ที่ใบหน้าเนียนยิ่งขับให้เขาดูงดงามราวกับเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงอยู่บนโลก



สุขสันต์วันเกิดไงโกคุเดระ       ผมยิ้มกว้างพร้อมแบสองมือไปที่ตรงหน้าเขา แหวนจากดอกหญ้าวงน้อยวางอยู่ในนั้น



......................          นัยน์ตาสีมรกตที่งดงามราวกับอัญมณีจ้องมองมันด้วยแววตาสั่นไหว



ชิ....เป็นของขวัญที่ไม่ลงทุนเลยนะแก         ใบหน้าสวยสะบัดให้แล้วหันไปอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้จะมีแสงสีส้มของยามเย็นแต่ผมก็เห็นรอยแดงๆนั่นอย่างชัดเจน ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นกำลังพยายามอย่างมากที่จะเก็บรอยยิ้มเอาไว้



ใส่ให้ด้วยสิ!”          ไม่ว่าเปล่า มือบางข้างซ้ายยังยื่นมาให้ตรงหน้า ผมอมยิ้มกับความปากร้ายและไม่ตรงกับใจของเขา นิ้วของผมจับลงไปที่แหวนวงน้อยอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะจับมือบางของเขาแล้วบรรจงสวมมันลงไป






ริมฝีปากแนบอยู่ที่หลังมือละเรื่อยมาจนสุดปลายนิ้วนาง กลิ่นหญ้าอ่อนๆของแหวนยังคงฝังอยู่ในหัวใจของผม



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.




นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราสองคน.....

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.....ไม่ว่าจะต้องอธิษฐานอีกสักกี่ครั้ง....ผมก็ยังวอนขอ....ให้เราได้พบกันแบบนั้นอยู่เช่นเดิม.....






.
.
.
.
.
.
.
.



แหวนจากดอกหญ้าถูกเปลี่ยนเป็นแหวนเงินกลมเกลี้ยง เพื่อให้พอเพียงสำหรับเวลาอีกหลายสิบปีที่เราอยู่ด้วยกัน.....


ดังเช่นดาบคู่นั้น ที่ยังคงรอคอยการกลับมาของเจ้าของสองคนเดิมอยู่ตลอดกาล....








เพื่อพบ.....

จบบริบูรณ์........  













แฮ่ก แฮ่ก....เล่นเอาพลังหมดก๊อกกันเลยทีเดียว....

 HAPPY BIRTHDAY HAYATO!!!!!

เพื่อลูกสาว(?)ที่ร้ากกกกที่สุด มี๊ทำได้!  ไม่ว่าจะปีนี้ ปีไหนๆ มี๊ก็ขอให้หนูฮายะมีความสุขมากๆนะจ๊ะ ขอให้อ.อามาโนะขาทั้งรักทั้งหลง(?) จะได้วาดหนูให้สวยวันสวยคืนและบทไหลมาเทมาและถลกกิโมโนให้มี๊ๆเลือดกระฉูดเล่นกันอีก (คำอวยพรมันแปลกๆนะเฮ้ย / ก๊ก) ขอให้ได้เป็นมือขวาผู้น่ารักสมใจ(?) เป็นฝั่งเป็นฝาไวๆนะจ๊ะ มี๊จะได้ตายอย่างหมดห่วง ส่วนจะเลือกฝาไหนก็ตามใจหนู มี๊เชียร์ทุกคน(เฮ้ย!!) คราวนี้มี๊ส่งใส่ตระกร้ามาให้ฝาเดียว เพราะมี๊เพิ่งมีดราม่ากับบางฝามานะจ๊ะ โปรดให้อภัย....

สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ หนูก๊ก     ....น้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง.....โตขึ้นอีกปีแล้วนะเรา...(หื๋อ?)


ส่วนฟิกเรื่องนี้....ไม่ต้องสงสัยกันนะคะว่าสองคนนี้จะผลิตลูกหลานออกมาได้ยังไง คุคุ...แหม...มันก็คงจะมีญาติพี่น้องมาอาศัยอยู่ด้วยบ้างนั่นแหละ เชื้อสายก็สืบมาทางญาติพี่น้องนั่นก็ได้...^ ^...คิดมากกันจัง(ใครกันแน่ฟะ!)


1 ความคิดเห็น: