“เพียงพบ”
:
KHR Fanfiction Au
:
24Yamamoto x 14Gokudera
:
Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ปี 1872 กีฬาเบสบอลถูกรับเข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่นและเริ่มเป็นกีฬาที่แพร่หลายขึ้นเรื่อยๆของคนทุกวัย จนในที่สุดเบสบอลอาชีพจึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองสนามเบสบอลผ่านทางหน้าต่างที่ชั้นสองของห้องสมุดประจำเขต สีเขียวขจีของผืนหญ้าทำให้ผ่อนคลายสายตาจากความอ่อนล้าเพราะการนั่งอ่านหนังสือมาแทบทั้งวัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เขาเลือกที่จะมานั่งอยู่ที่ตรงนี้....
ยามาโมโตะ ทาเคชิ....
นักเบสบอลอาชีพซึ่งเป็นดาวดังของทีมมีชื่อของโตเกียว ชายคนนั้นมีฝีมือเป็นอันดับต้นๆของนักเบสบอลมืออาชีพทั้งหมด แต่ที่นอกเหนือไปจากนั้น...ร่างสูงนั่นมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ไม่ว่าจะเป็นสาวๆคนไหนต่างเหลียวกลับมามองเมื่อเดินผ่าน ชายคนนั้นเจิดจ้าและร่าเริงสดใสมีเพื่อนฝูงรายล้อมมากมาย รอยยิ้มที่ทอประกายด้วยความใจดีนั้นมีให้กับทุกคน.....ชายคนนั้นตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง....นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้หลงใหลในสิ่งที่ตัวเองไม่มีซึ่งมันอยู่ที่ชายคนนั้น
เขาปิดหนังสือลงอย่างเชื่องช้าเพราะสายตายังคงอยู่ที่ร่างสูงซึ่งวิ่งอยู่ในสนาม เขารู้ว่าไม่ควรจะเสียสมาธิหรือคิดแต่เรื่องฟุ้งซ่าน เพราะอีกไม่นานเขาก็จะต้องสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย แต่เมื่อได้เห็นกลุ่มผู้หญิงหลายต่อหลายคนมายืนส่งเสียงเชียร์ชายคนนั้น มันก็อดที่จะทำให้อิจฉาไม่ได้....เพราะเขาคงไม่กล้าพอ....ที่จะเรียกหรือแม้แต่จะพูดคุยกับร่างสูงนั่น...
ทั้งๆที่ต้องเดินผ่านสนามเบสบอลแห่งนี้ทุกวัน
แต่มันก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย.....
สองแขนวางหนังสือเล่มใหญ่สองสามเล่มลงบนโต๊ะในห้องเช่า....เขาออกมาอยู่คนเดียว....เพราะบ้านของเขาไม่ได้อยู่ที่โตเกียวและไกลเกินกว่าจะเดินทางไป-กลับได้ทุกวัน
มือยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองในกระจก....มีหลายคนบอกว่าเขาหน้าเหมือนแม่...แต่มันคงจะเหมือนเกินไปจนมันแทบจะไม่มีเค้าโครงความน่าเกรงขามแบบผู้ชายหลงเหลืออยู่ รูปร่างก็เล็กบางต่างกับเด็กผู้ชายในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด....มันอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ทำให้เขาไม่อยากจะเข้ากลุ่มกับใคร เพราะมักจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ....เขามักจะแยกตัวออกมาจากคนอื่นๆ...จนในที่สุด.....ก็กลายเป็นว่าต้องอยู่คนเดียวไปโดยที่ไม่รู้ตัว
หลังจากเลิกเรียนทุกวันเขาไม่ได้เข้าชมรมอะไร จึงไปคลุกตัวอยู่ที่ห้องสมุด มันเงียบเชียบและไร้สายตาที่มักจะถูกจ้องมองจากคนอื่นๆ อยู่ที่นี่เขาก็เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งซึ่งแทบจะไร้ตัวตน เพราะคนคนนั้นคงไม่เคยมองเห็นเขาเลยสักครั้ง
วันนี้ที่สนามเบสบอลมีแข่ง....และทีมของร่างสูงนั่นก็เอาชนะได้ไม่ยาก....
เขาอยู่ที่ห้องสมุดจนดึก สมาธิที่จะอ่านหนังสือนั้นหายไปนานแล้ว เพียงแต่....ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่เคยรู้ตัว แต่เขาก็แค่อยากจะแอบเชียร์อยู่เงียบๆก็เท่านั้น
บรรณารักษ์เดินไล่ปิดประตูหน้าต่างทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ มือเร่งเก็บข้าวของ....เพราะมัวแต่มองไปที่สนามจึงลืมไปว่าได้เวลาปิดห้องสมุดแล้ว
ข้างนอกมืดสนิท...
เขาเดินอย่างรีบเร่งกลับไปตามทางที่คุ้นเคย แต่เมื่อถึงประตูทางออกของสนามเบสบอล กลุ่มของสมาชิกของทีมก็ทยอยเดินกันออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและพูดคุยกันเสียงดัง มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาดักรออยู่ที่หน้าประตู
และในที่สุดคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันใกล้ขนาดนี้ก็เดินเล่นหัวกับเพื่อนร่วมทีมออกมา รอยยิ้มแจ่มใสกับรอยแผลเป็นที่ปลายคางนั้นดูใกล้ๆแล้วยิ่งทำให้ร่างสูงมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น...เขาทำได้แต่เพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม....
ผู้หญิงหลายคนตรงเข้าไปเกาะที่แขนสีแทน ใบหน้าคมส่งยิ้มให้เป็นปกติ ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเดินห่างออกไปจากตรงที่เขายืนอยู่เรื่อยๆ...เรื่อยๆ....จนในที่สุดก็ลับสายตา.....ยังคงมีเพียงเขาที่ยืนอยู่ที่เดิม....และก็ยังคงมีเพียงเขาที่เฝ้ามองเพียงข้างเดียวอยู่เหมือนเดิม.....
นายไม่รู้ด้วยซ้ำ....ว่าฉันมีตัวตนอยู่ตรงนี้.....
รู้ทั้งรู้.....ว่ามันคงจะกลายเป็นรักข้างเดียวที่ไม่มีวันสมหวัง....
ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังดันทุรังที่จะรักมันต่อไป.....
วันนี้ที่สนามนั้นเงียบเหงา เพราะไม่มีทั้งซ้อมและแข่ง
เขาเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องสมุดมาในเวลาเดิมๆ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในสนามแห่งนี้ แต่แค่ได้มอง ก็ทำให้ใจรู้สึกสงบได้อย่างน่าประหลาด
กระดาษแผ่นหนึ่งทำท่าจะหลุดออกมาจากหนังสือ ทำให้สองมือที่ไม่มีที่ว่างพยายามโอบกองหนังสือแล้วจับกระดาษอย่างลำบากลำบน จนไม่ได้มองว่าข้างหน้านั้นมีอะไรอยู่...เสียงทุ้มของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แว่วมาให้ได้ยินแต่ไม่คิดว่ามันกำลังจะพุ่งมายังที่ที่เขายืนอยู่ จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่ามันอยู่ใกล้แค่นิดเดียว
สองตาปิดลงแน่น
เอี๊ยดดด!!!!!
เสียงเบรกดังลั่น ก่อนที่ร่างกายจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทก
หนังสือที่อยู่ในอ้อมแขนหล่นกระจัดกระจายพร้อมๆกับร่างของเขาที่ล้มลง ความเจ็บแปลบไหลมาจากที่ข้อเท้าจนเผลอนิ่วหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตกใจเท่ากับคนที่กระโดดลงมาจากมอเตอร์ไซค์แล้วเข้ามาประคองที่ไหล่ของเขา
ใบหน้าคมของคนที่เฝ้ามองอยู่ทุกวันในระยะกระชั้นชิดทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง....ยามาโมโตะ ทาเคชิ.....
“ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกำลังพูดอยู่กับเขา นัยน์ตาสีเปลือกไม้ดูจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ มะ...ไม่เป็นไร....” เขาตอบออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา ก้มหน้าลงมาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาหน้าแดง พยายามหันไปเก็บหนังสือ เพราะไม่อยากอยู่ใกล้มากเกินไปเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าหัวใจเขาเต้นแรงแค่ไหน
มือใหญ่ที่จับไม้เบสบอลอยู่ทุกวันช่วยเก็บหนังสือมาให้ ก่อนที่มือคู่นั้นจะช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น ความเจ็บจากที่ข้อเท้าทำเอาเขาทรงตัวไม่อยู่
“ ข้อเท้านายเจ็บนี่....ไปหาหมอเถอะ” แล้วร่างสูงก็หยิบหนังสือของเขาไปถือเอาไว้ก่อนที่จะจัดการให้เขานั่งซ้อนอยู่ที่ท้ายมอเตอร์ไซค์คันใหญ่
แผ่นหลังกว้างที่แสนอบอุ่นนี่...ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสมัน....
หมอตรวจดูแล้วบอกว่าข้อเท้าแค่เคล็ดแต่ไม่ได้มีกระดูกแตกหรืออะไรที่อันตรายกว่านั้น จึงปล่อยให้เขากลับบ้านได้
ร่างสูงอาสาที่จะมาส่ง....วันนี้จึงราวกับว่าอยู่ในฝัน.....
แต่มันก็กำลังจะจบลง...
ห้องพักของเขามองเห็นอยู่ตรงหน้า ร่างสูงพยุงร่างของเขามาจนถึงที่หน้าห้องในที่สุด....ถ้าเขาเปิดประตูนี้....เราก็จะกลับไปเป็นคนที่ไม่รู้จักกันเหมือนเดิม
ยามาโมโตะจะกลับไป....และวันพรุ่งนี้....ร่างสูงก็คงจะมองไม่เห็นเขาเหมือนที่เป็นมาตลอด....
มือที่กำลังจะยกขึ้นเปิดประตูนั้นกำแน่น
ฉันอยากมีตัวตนในสายตาของนาย...
ฉันอยากผูกมัดนายเอาไว้ด้วยร่างกายของฉัน....
เขาหันกลับไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่สองมือจะกระชากคอเสื้อของร่างสูงลงมาแล้วประทับริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากหนา นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างแต่ไม่นานยามาโมโตะก็กลับเป็นฝ่ายลุกล้ำเข้ามาในปากของเขาแทน....ราวกับว่า....เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับร่างสูงจนชาชิน....จนสามารถจูบกับใครก็ได้ถ้าอีกฝ่ายเชิญชวน
ความช่ำชองนั้นทำเอาเขาซึ่งไร้เดียงสาถึงกับหอบหายใจหนักหน่วงเมื่อถูกละออกมา ....ใช่....มันคือจูบแรกของเขา....ที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน....แต่ไร้ซึ่งความรัก
ถึงจะรู้ทั้งรู้....แต่ก็อยากที่จะลอง....ถึงแม้สิ่งที่เสียไปอาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มา...แต่ถึงอย่างนั้น....ก็อยากลองผูกมัดคนตรงหน้าเอาไว้
“ นอนด้วยกันไหม....” สิ่งที่พูดออกไปทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างอีกครั้ง ใบหน้าคมส่งยิ้มเย็นๆมาให้แต่ก็ไม่ปฏิเสธ มือของเขาเปิดประตูโดยมีร่างสูงเดินตามเข้ามา
“ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน” เขาวางกุญแจห้องลงที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนที่จะแยกมาอยู่คนเดียวในห้องน้ำ จ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อย้ำถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำ....ถ้าถอยตอนนี้...ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม.....แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่า...ต่อให้เดินหน้าต่อไป....แล้วมันจะมีสิ่งที่เรียกว่าความผูกพันเกิดขึ้นได้จริงๆหรือเปล่า...
เซ็กซ์ระดับเด็กอนุบาลแบบเขา....จะผูกมัดร่างสูงไว้ได้หรือไม่....เขาไม่รู้เลย....
เสียงน้ำไหลซ่าอยู่ในห้องน้ำแว่วมาให้ได้ยิน....ส่วนตัวเขายืนอยู่ที่หน้าเตียงของตัวเองพรางถอนหายใจในการกระทำที่ออกจะบ้าบิ่นและดันทุรังนี้อยู่เล็กๆ....เสียงในห้องน้ำเงียบลง...ก่อนที่สัมผัสของผิวเนื้อจะแนบลงมาที่แผ่นหลัง อ้อมแขนแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง ใบหน้าคมซุกไซร้มาที่ลำคอให้รู้สึกวูบไหว
ขาที่เคยวิ่งมาไม่รู้กี่พันกิโลเกี่ยวขาของเขาให้ร่างล้มลงไปที่เตียง มือใหญ่ค่อยๆปลดชุดคลุมอาบน้ำของเขาแล้วลากผ่านแผ่นหลังไปอย่างเชื่องช้า เขานอนคว่ำหน้าซุกลงกับหมอนนิ่ม สองแขนกอดมันเอาไว้แน่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆมาจากคนที่คร่อมอยู่ด้านหลัง สัมผัสนิ่มๆจากริมฝีปากแนบลงมาที่แผ่นหลังของเขา ความร้อนจากฝ่ามือที่เริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายทำให้รู้สึกหายใจติดขัด
มือใหญ่ยกสะโพกเขาขึ้นก่อนที่มืออีกข้างจะลากจากบั้นท้ายมาลูบไล้ที่หน้าท้องแบนเรียบละเรื่อยลงไปยังส่วนที่ไวต่อสัมผัส ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักเรียกเสียงครางออกไปจากปากอย่างที่ไม่ทันรู้ตัว จึงรีบซุกหน้าลงกับหมอนมากยิ่งขึ้น
“ ฉันอยากได้ยินเสียงนาย” เสียงกระซิบที่ใบหูทำให้ใบหน้าร้อนแผ่ว เพื่อให้ร่างสูงพอใจเขาจำต้องปล่อยให้เสียงน่าอายแบบนั้นหลุดรอดออกไป มือใหญ่กอบกุมแกนกายของเขาก่อนที่จะรูดมันขึ้นลงอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกเสียวซ่านระคนสุขสมทำให้เขาครางออกไปได้ไม่ยาก
นิ้วยาวค่อยๆสอดเข้ามายังช่องทางคับแคบที่ด้านหลัง ความฝืดทำให้ร่างกายกระตุกเกร็ง จนแม้แต่ความสุขสมจากทางด้านหน้าก็มิอาจเบี่ยงเบนความเจ็บแสบได้
รู้สึกได้ว่าร่างกายเริ่มจะสั่นสะท้าน
นิ้วเรียวยังคงดึงดันที่จะเข้ามาแล้วขยับวนจนความอึดอัดเริ่มจะผ่อนคลาย
“ แยกขาออกอีกหน่อยสิ...แล้วก็อย่าเกร็ง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร นั่นทำให้คิ้วขมวดแน่น....ถ้าเป็นผู้หญิงพวกนั้น...นายคงไม่ลำบากขนาดนี้ใช่ไหม
“ อ๊ะ” เรียวนิ้วที่เคยคาอยู่นิ่งเริ่มขยับเข้าออกพร้อมกับมือที่กอบกุมข้างหน้าของเขา รู้สึกได้ถึงนิ้วที่เพิ่มเข้ามา ความอึดอัดคับแน่นทำให้เริ่มที่จะหายใจติดขัด แต่มือใหญ่ทั้งคู่ก็ยังคงขยับตามแต่ใจ
“ ไหวไหม?” คำถามเบาๆนั้นทำให้ยิ่งรู้สึกแย่....ฉันมันคงเทียบไม่ได้กับคนที่นายเคยนอนด้วยเลยสินะ....
“ ขะ....เข้ามา.....” แต่มันคือสิ่งที่เขาไม่อยากยอมแพ้....ร่างสูงทำตามที่เขาบอก เรียวนิ้วถูกถอนออกไปแต่สิ่งที่พยายามจะแทรกเข้ามานั้นใหญ่กว่ามาก ความคับแน่นทำเอาน้ำตาเริ่มจะไหลออกมา...........เจ็บ......
ขาทั้งสองข้างที่ยันท่อนล่างเอาไว้สั่นสะท้านจนแทบจะพยุงตัวไม่อยู่
“ เฮ้....ไหวหรือเปล่าเนี่ย....ถ้าไม่ไหวฉันจะได้หยุด” สองมือนั้นกำแน่น ใบหน้าซุกลงกับหมอนเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านหลังเห็นน้ำตาของเขา
“ ไหว....ทำไปเหอะน่า....” แต่แท้ที่จริงแล้วเจ็บแทบขาดใจ ช่องทางข้างหลังราวกับจะขาดออกจากกัน
“ งั้นไม่เกรงใจละนะ...” สัมผัสจากริมฝีปากกดจูบหนักๆลงมาที่แผ่นหลัง ก่อนที่ร่างสูงจะขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า แรงเสียดสีที่ภายในรับรู้ได้เป็นอย่างดี มันทั้งอึดอัด ทั้งแน่น ทั้งเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว....แต่เขาก็จะไม่มีวันร้องขอให้อีกฝ่ายหยุด...ให้ตัวเองดูน่าสมเพชมากไปกว่านี้
“ อื้อ....” มือใหญ่รูดแกนกายของเขาตามจังหวะที่ร่างสูงโถมเข้าใส่ทางด้านหลัง ท่ามกลางความเจ็บแสบกลับมีความรู้สึกที่ตรงข้ามกันผสมปนเปเข้ามา
“ อ้า....” แรงขยับหนักหน่วงและจังหวะที่เร่งมากขึ้นทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนไปหมด ของเหลวเหนียวหนืดกลิ่นเหมือนเหล็กทำให้การสอดใส่เป็นไปได้ง่ายขึ้น ถึงแม้จะยังเจ็บแต่ความเสียวซ่านสุขสมกลับมีมากกว่า เสียงครางครือผสมผสานไปกับเสียงหายใจหนักๆของร่างที่ด้านหลัง ไอความร้อนแผ่ออกมาจากร่างของเราทั้งคู่จนรู้สึกได้ ร่างสูงยังคงแนบริมฝีปากมาที่ซอกคอและแผ่นหลังไม่ได้ขาดราวกับพยายามปลอบโยน ถึงแม้ว่าช่วงล่างจะขยับตามแต่ใจแค่ไหนก็ตาม
“ อะ....อ้า.....” เสียงที่เปล่งออกไปนั้นขึ้นสูงตามความรู้สึกที่จุดสูงสุดก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลน น้ำสีขาวขุ่นไหลทะลักออกมาที่ด้านหน้า ร่างสูงขยับหนักหน่วงอีกหลายครั้งก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำรักออกมาให้ช่องทางที่ด้านหลังรู้สึกอุ่นวาบ เสียงหอบหายใจประสานกันไปจนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งลง ร่างของเขานอนลงกับเตียงนุ่มอย่างหมดเรี่ยวแรง ความรู้สึกอุ่นๆจากแผ่นอกของคนที่ล้มตัวแนบลงมานั้นยังคงอยู่ ใบหน้าคมพรมจูบมาที่ข้างแก้มก่อนจะกอดกระชับตัวของเขาเข้าไปในอ้อมแขนแข็งแกร่ง.....แบบนี้....มันอาจจะดีแล้วก็ได้.....
ตรูด......ตรูด.......ตรูด...........
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น.....
ความอบอุ่นจากแผ่นอกกลับแทนที่ด้วยผ้าห่มเย็นเฉียบ ร่างสูงละออกไปจากร่างของเขาแล้วเสียงรับโทรศัพท์ก็ดังขึ้น....เขายังคงนอนคว่ำหน้า สองแขนกอดหมอนเอาไว้แน่น.....ในใจกำลังคาดหวัง....ว่าร่างสูงจะยังคงอยู่กับเขา.....
“ เอ๋....ที่ไหนล่ะ....อ่า....จะรีบไป.....” แต่ถ้อยคำที่ได้ยินนั้นราวกับคมมีดที่กรีดลงมาที่กลางหัวใจ......
มันเป็นไปไม่ได้จริงๆสินะ......ความผูกพันที่ฉันต้องการ....
เพราะยังไงสำหรับนายแล้ว....ฉันก็คงเป็นได้แค่คู่นอนเพียงข้ามคืน....เป็นได้แค่คนที่นายนอนด้วยโดยไม่รู้แม้แต่ชื่อ....
สองมือกำที่หมอนพยายามให้ร่างกายไม่สั่นไหว ทั้งๆที่ตอนนี้น้ำตากำลังไหลลงมาเต็มหน้า เขาซุกซ่อนมันเอาไว้กับหมอน....
“ นี่....นายไม่เป็นไรใช่ไหม” มือใหญ่ลูบลงมาที่หัวของเขา......เป็นสิ.....ฉันเจ็บ...ฉันร้องไห้....แต่นายคงไม่มีวันเห็น....เพราะฉันมันคือคนที่ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาของนาย
“ จะไปไหนก็ไป ฉันจะนอนแล้ว!” แล้วร่างสูงก็ไป......และไม่กลับมาอีกเลยในคืนนั้น.......
ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก....เพราะว่าฉันมันบ้าไปเอง........
บ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า.....ปีกว่าแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่เลย.....
“ คุณหนู!!!” เสียงแม่นมที่เป็นเหมือนกับแม่อีกคนของเขาดังขึ้นเรียกสติที่เหม่อลอยของเขาให้กลับคืนมา รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนของหญิงวัยกลางคนตรงหน้ายังคงมีให้เขาเหมือนเดิม ร่างท้วมวิ่งเข้ามาลูบเนื้อลูบตัวเขาเหมือนทุกครั้งที่เขากลับมา ขาก้าวเข้าไปใน “บ้าน” อย่างอ่อนแรง
ทุกครั้งที่หมดพลังจะต่อสู้....ที่นี่คือที่พักพิงสุดท้ายที่เขาจะกลับมา..... “บ้านของเขา”
ขาก้าวเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย....ก่อนที่จะนั่งลงทับส้นแล้วเอาสองมือเท้าไว้ที่ด้านหน้าตามด้วยก้มหัวลงไปจรดพื้น “กลับมาแล้วครับ ท่านพ่อ” ชายวัยกลางคนซึ่งยังดูแข็งแรงและดุดันเงยหน้าขึ้นมามองเขา รอยยิ้มต้อนรับกลับบ้านจากพ่อยังคงอ่อนโยนเสมอ....ใช่.....สำหรับเขา...พ่อเป็นพ่อที่ใจดีและอ่อนโยน....แต่สำหรับคนอื่น....พ่อคือบุคคลที่น่าเกรงขามและน่ากลัว...เพราะพ่อคือเจ้าบ้านคนปัจจุบันของบ้านหลังนี้ที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกาะชิโกกุแห่งนี้
อีกที่ที่เขาเดินตรงไปหลังจากทักทายท่านพ่อเสร็จแล้ว ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออกช้าๆ แสงจากภายนอกส่องเข้าไปในห้องที่มืดสนิท เขาเปิดประตูค้างเอาไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไป นั่งลงแล้วคาราวะต่อหน้าหิ้งที่วางดาบอยู่สองเล่ม.....เล่มหนึ่งเป็นดาบยาวสีดำสนิทส่วนอีกเล่มเป็นดาบขนาดกลางสีขาว ทั้งลวดลายและเชือกที่พันอยู่ที่ปลอกดาบทำให้รู้ได้โดยไม่ยากว่ามันถูกสร้างเอาไว้คู่กัน…..
ชื่อของเขานั้นถูกตั้งตามบรรพบุรุษผู้ครอบครองดาบสีขาว.....โกคุเดระ ฮายาโตะ....
ครึ่งเดือนมาแล้วที่เขากลับมาอยู่ที่บ้าน...
สภาพจิตใจดูเหมือนจะได้รับการเยียวยาขึ้นมาเล็กน้อย...ร่างในชุดยูคาตะสีขาวของเขานั่งเอนซบผนังที่เจาะรูเป็นรูปวงกลม แขนยกขึ้นวางเอาไว้กับขอบด้านล่าง คางวางเกยลงไปบนแขนเหม่อมองสวนสีเขียวที่อยู่ด้านนอกอย่างล่องลอย เขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไร....
คงต้องตัดใจ.....
แต่มันเจ็บปวดและยากเย็นเหลือเกิน....
กับการที่จะลืมหน้าของผู้ชายคนนั้น ลืม....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนนั้น....
“ คุณหนู....จะไม่กลับไปเรียนที่โตเกียวแล้วหรือคะ” แม่นมวางถาดใส่ผลไม้สดดูน่ากินลงที่ตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา
“ ว่าจะเรียนอยู่ใกล้ๆนี่แหละ...ท่านพ่อก็อายุมากแล้ว ไม่อยากไปไกล” แต่เหตุผลใหญ่คือไม่อยากกลับไปเห็นหน้าชายคนนั้นอีก ไม่อยากกลับไปอยู่ในที่ที่ทุกความทรงจำจะย้อนกลับมาทำให้เจ็บปวด....พอแล้ว.......ฉันไม่อยากร้องไห้อีก....มันน่าสมเพช
“ คุณหนู...มีอะไรไม่สบายใจบอกฉันได้นะ ดูสิ...หน้าตาดูไม่สดใสเอาเสียเลย ใครทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวฉันไปจัดการมันให้” มือที่เริ่มจะเหี่ยวย่นลูบมาที่ใบหน้าอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นนี้ทำให้ยิ้มออกมา “ถ้าบอก...เดี๋ยวนมกับท่านพ่อไปฆ่าล้างตระกูลเขา ฉันก็แย่สิ” เสียงหัวเราะของตัวเองที่ไม่ได้ยินมานานดังประสานไปกับเสียงของหญิงวัยกลางคน.....บางที....เขาคงจะทำถูกแล้วที่ยอมตัดใจแล้วกลับมาอยู่ที่นี่
เขากลับมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออีกครั้ง
เพราะเมื่อได้เข้าไปอยู่ในโลกของหนังสือ....มันจะทำให้ลืมได้ทุกอย่าง....ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวเท่านั้นก็ตาม.....
“ คุณหนูคะ.....มีคนมาหาค่ะ” เสียงประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับแม่นมที่เข้ามารายงานเรื่องราว
“ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณหนู มาจากที่โตเกียว” เขามองไปที่ทางหน้าบ้านอย่างสงสัย....หึ....อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย....เขาเคยมีเพื่อนซะที่ไหน...ใครกันมาแอบอ้างแบบนี้
มือปิดหน้าหนังสือก่อนที่จะลุกออกไปดู
คนที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านเอาให้นัยน์ตาเบิกกว้าง.....
ยามาโมโตะ ทาเคชิ......
“ ไง....สบายดีหรือเปล่า” เสียงทักสบายๆที่ไม่อยากได้ยินทำเอาร่างทั้งร่างนิ่งค้างจนเหมือนจะทำอะไรต่อไปไม่ถูก
“ จะไม่ชวนเข้าบ้านหน่อยหรอ?” รอยยิ้มเรียบๆที่ส่งมาให้ เขาไม่รู้จะโต้ตอบยังไง สายตาจึงหลุบต่ำลงแล้วบอกคนตรงหน้าเบาๆ “เข้ามาสิ”
นายจะมาที่นี่ทำไม....ในเมื่อฉันกำลังพยายามแทบเป็นแทบตายที่จะลืมนายให้ได้.....หรือแค่อยากมาดูความพ่ายแพ้ของฉันอย่างนั้นหรือ
“ เพื่อนคุณหนูจริงๆหรือคะ....ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้วางใจแถมดูอายุมากกว่าคุณหนูตั้งเยอะ ถ้ายังไงให้ฉันไล่ให้ไหม” แม่นมกระซิบกระซาบบอกขณะที่เอาน้ำชามาให้แขก เขาเลือกที่จะมานั่งอยู่ที่สวนหลังบ้าน...อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ไกลจากห้องของท่านพ่อ.....เขาลืมคิดไป....ว่าถ้าท่านพ่อรู้เรื่องนี้เข้าจะเป็นยังไง
“ ไม่เป็นไร...นมไปทำงานต่อเถอะ” เมื่อหญิงวัยกลางคนเดินจากไปแล้ว เขาจึงหันกลับมาหาคนตรงหน้า
“ นายมาที่นี่ทำไม” รีบๆพูด จะได้รีบๆจบกันไป....ยิ่งอยู่นานก็มีแต่เขานี่แหละที่จะทรมาน
“ ฉันเป็นห่วงนาย....ตั้งแต่วันนั้น.....ก็ไม่เห็นนายที่หน้าต่างห้องสมุดอีก เลยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า” คำพูดที่ได้ยินมีแต่จะทำให้เขามึนงง
“ นายเห็น........” เขาพูดออกไปราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าจะรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเขานั่งมองอยู่
“ ใช่....ฉันเห็นนายนั่งอยู่ที่นั่นทุกวัน....ใบหน้าของนายตอนอ่านหนังสือมันดูมีความสุขมากจนฉันชักอิจฉาหนังสือพวกนั้นขึ้นมาเลยละ.....ฉันเห็นนายเดินหอบหนังสือเล่มใหญ่พวกนั้นกลับบ้านทุกวัน...ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอย่างอื่น ฉันเลยไม่กล้าทัก.....” เขาไม่เคยรู้เลย...ว่าคนคนนี้ก็มองเขาอยู่
“ จนคืนนั้น....ที่นายชวนฉัน......ฉันดีใจมากเลยนะ....ตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองแทบจะไม่อยู่....ยังคิดอยู่เลยว่า...บางที....พรุ่งนี้ฉันอาจจะมีความกล้าที่จะขอนาย.....” แต่คืนนั้นนายก็ไม่กลับมาอีก...เขาคงจะแสดงสีหน้าเจ็บปวดและไม่เข้าใจออกไป ใบหน้าคมนั่นจึงมองมาด้วยแววตาขอโทษ
“ ฉันไม่ได้อยากจะทิ้งนายไว้แบบนั้นหรอกนะ...แต่ว่าลูกทีมของฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นกัปตันจึงต้องไปคอยทำเรื่องจนถึงเช้า....ฉันกลับไปที่ห้องแต่นายออกไปแล้ว...รอนายอยู่ที่หน้าห้องสมุดจนดึกนายก็ไม่มา....กลับไปที่ห้องนายอีกนายก็ไม่อยู่.....ฉันไม่รู้ว่านายไปอยู่ที่ไหนจึงได้แต่รออยู่ที่สนามเบสบอล รอว่าสักวันจะเห็นนายกลับมาที่ห้องสมุด”
“ แต่แล้ว....นายก็หายตัวไป....เป็นอาทิตย์....จนฉันทนรอไม่ไหว....เลยไปที่โรงเรียนของนาย ถามแผนกทะเบียนจนได้ที่อยู่ที่นี่มา”
สิ่งที่ได้ยินคือสิ่งที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน....มันทำให้ภายในใจนั้นเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกที่ดูเหมือนจะถูกเติมเต็มขึ้นมาภายในชั่วพริบตา
ฉันมีตัวตน....ในสายตา...ในความรู้สึกของนาย....
จู่ๆก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา น้ำตาคลอนัยน์ตาจนพร่าไปหมด
“ ฮึก.....” แล้วมันก็ร่วงลงมา เขายกมือขึ้นก่อนที่จะปาดมันอย่างลวกๆ คนตรงหน้าดูท่าทางจะตกใจที่เห็นเขาร้องไห้
“ ก็นายทำเหมือนกับว่าไม่สนใจฉัน.....มีอะไรกับฉันทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลยสักนิด....ฮึก.....ฉันกำลังจะตัดใจอยู่แล้วแท้ๆ....แต่นายกลับ....นาย....ฮึก” คำพูดที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในใจถูกเผยออกมาทั้งหมด คนตรงหน้ายิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
“ ฉันชอบ...ที่จะได้เห็นใบหน้าและการกระทำทุกๆอย่างของนาย....แต่ว่าฉันยังไม่เคยรู้จักนายแล้วจะรักนายได้ยังไง.....ขอเวลาให้ฉันได้รู้จักนายได้ไหม....คบกับฉันนะ....โกคุเดระ”
คำพูดนั้นทำเอานัยน์ตาเบิกกว้าง มันคือคำที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดและไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินมันจริงๆรวมไปถึงชื่อของเขาที่ร่างสูงรู้จัก.......ใบหน้าที่ร้อนผ่าวพยักหน้าลงน้อยๆ ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ รอยยิ้มที่ส่งให้มาทำให้เขาตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ ดีใจจัง....” คนที่พูดคำนั้นกลับเป็นร่างสูง.....เพราะตอนนี้เขาเองพูดอะไรไม่ออก ภายในใจมันยินดีจนแทบจนล้นทะลักออกมาข้างนอกอยู่แล้ว
“ ในที่สุดนายก็ยิ้มให้ฉัน....ฉันอิจฉาหนังสือพวกนั้นจนอยากจะเผามันทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดเลยแน่ะ ฮะ ฮะ”
“ บ้า....” มือใหญ่จับมือของเขาไว้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีให้กันทั้งสองฝ่ายมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราสองคน.....
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.....ไม่ว่าจะต้องอธิษฐานอีกสักกี่ครั้ง....เขาก็ยังวอนขอ....ให้เราได้พบกันแบบนั้นอยู่เช่นเดิม.....
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่ดูเหมือนเขาจะลืมอะไรไปบางอย่าง....
“ นายท่าน...เจ้าหมอนั่นไง...ฉันว่าเจ้าหมอนั่นแหละที่ทำให้คุณหนูนอนร้องไห้ทุกคืนตั้งแต่กลับมาที่บ้าน!”
“ ไปเอาดาบมา ฉันจะเชือดคอมันเอง!”
ยามาโมโตะ ทาเคชิ......
อย่าคิดว่านายจะได้ฉันไปง่ายๆล่ะ!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพียงพบ.....
จบบริบูรณ์........
ยังเหลืออีกหนึ่ง.....เลื่อนลงไปโล้ด.........
อร๊ายที่จริง กว่าจะมาแสดงความคิดเห็น ได้ ก็ อ่านไปสามรอบแล้วหละค่า
ตอบลบท่านพ่อใจเย็นนนนน
ตอบลบ