KHR S.Fic [8059] สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ
: KHR Fanfiction
: 8059
: Romance
: PG
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ตูมมมมม!!!
เสียงระเบิดครั้งสุดท้ายนั้นรุนแรงและแผ่วงกว้างยิ่งกว่าครั้งใด ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีล้วนกระจายหายไปเป็นผงภายในพริบตา
รวมไปถึง....หัวใจ...ของเขา......
“ โกคุเดระ!!!!”
“ หน่วยค้นหาตรวจสอบจนละเอียดแล้วครับ...แต่ไม่พบ....ท่านโกคุเดระเลย” เสียงรายงานของชายในสูทดำทำให้จิตใจของนภาแห่งวองโกเล่แทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ สิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดมากที่สุด มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว....ไม่มีเสียงใดๆหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของผู้พิทักษ์ทุกคนที่ยืนอยู่รายรอบ
“ แล้วยามาโมโตะล่ะ” เสียงที่หลุดออกไปจากปากของนภานั้นเบาหวิว เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะสูญเสียไปตลอดกาล ไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาเพราะจิตใจยังคงรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ ยังคงค้นหาท่านโกคุเดระอยู่ครับ....คงจะอยู่ในซากตึกที่ถล่มลงมานั่น”
“ ถ้างั้นก็ปล่อยไว้อย่างนั้นเถอะ...” นภารู้ดีว่าคนที่ทำใจให้ยอมรับไม่ได้มากที่สุดก็คงจะเป็นผู้พิทักษ์แห่งพิรุณของตนเอง....ถึงจะเจ็บปวด แต่การปล่อยให้ยามาโมโตะเผชิญกับความเป็นจริงและค่อยๆยอมรับไปทีละเล็กละน้อยคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด....
“ คุณฮิบาริ...ช่วยจัดการที่เหลือด้วยนะครับ” นภาและผู้พิทักษ์คนอื่นๆเดินจากไปท่ามกลางความเงียบงัน คำสั่งที่พูดออกมาดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ผู้พิทักษ์ที่โหดเหี้ยมที่สุดก็แสยะยิ้มรับ...ก็นานๆทีเจ้าสัตว์กินพืชนั่นจะสั่งให้ “ฆ่าให้หมด” นี่นะ
ทุกๆคนกลับไปหมดแล้ว....กลับไปพร้อมกับความสิ้นหวัง....แต่เขาก็ยังคงอยู่ ยังคงค้นหา...หัวใจของเขาต่อไป
.....โกคุเดระ นายฉลาดกว่าฉันเยอะ...เพราะงั้นช่วยตอบฉันที.....
.....ถ้าร่างกายไม่มีหัวใจ....แล้วมันจะอยู่ได้ยังไง....
ทุกๆที่ในซากตึกแห่งนี้ ถูกเครื่องมือค้นหาที่ทันสมัยของวองโกเล่สแกนหาจนครบทุกซอกทุกมุมแล้วก็จริง....แต่เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่า ผู้พิทักษ์แห่งวายุที่คุ้นเคยกับระเบิดยิ่งกว่าใคร จะโดนระเบิดเล่นงานซะเองจนไม่เหลือแม้แต่ศพให้พบเจอ
เขายังคงค้นหาไปเรื่อยๆ ภายนอกเริ่มมืดสนิท ลูกน้องคนสุดท้ายขอตัวกลับไปก่อนนานแล้ว ในมือมีเพียงแสงสลัวๆจากไฟฉายที่ถ่านใกล้จะหมด มันริบหรี่เต็มที
เหมือนกับความหวังของเขา....
“ โกคุเดระ!!!!”
“ นายอยู่ที่ไหน! ตอบฉันสิ โกคุเดระ!!!”
สิ้นสุดแห่งความอดทน ทุกๆสิ่งมันถาโถมเข้ามาจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ทั้งความกลัวว่าจะสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป ทั้งความเป็นจริงที่ยังหาร่างระหงนั่นไม่พบ ทั้งเวลาแห่งความเป็นความตายที่มันค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ
“ โกคุเดระ!”
จากคนที่ใจเย็นดั่งสายฝน กลับกำลังตะโกนคลุ้มคลั่ง ร่างสูงใหญ่ทรุดลงคุกเข่าอยู่กับพื้นตึกที่แหลกเละ น้ำตาที่ไม่เคยรินไหลหยดลงบนหลังมือใหญ่....ทนไม่ไหว.....ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว.....
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักที่สุด สิ่งที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเจ็บมากมายขนาดนี้ เจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่....เจ็บจนทนไม่ไหว....
“ โกคุเดระ!!!”
.
.
.
.
.
แคร่ก....แครก.......
.
.
.
.
.
เสียงก้อนหินก้อนหนึ่งร่วงหล่นลงมาตามซากผนังตึกที่ถล่มท่ามกลางความเงียบงัน....นัยน์ตาสีเปลือกไม้เงยขึ้นไปมอง สิ่งที่โผล่พ้นซากผนังนั่นออกมาทำเอาดวงตาเบิกกว้าง
.....มือสีขาวเรียวบางข้างหนึ่ง ที่นิ้วกลางมีแหวนวองโกเล่แห่งวายุสวมอยู่....
“ โกคุเดระ!”
นภาแห่งวองโกเล่กวาดสายตาไปรอบๆห้องประชุม ยังเหลือเพียงเก้าอี้ข้างกายเพียงสองตัวซ้ายขวาเท่านั้นที่ยังว่างอยู่ ทางขวามือนั้นคงจะไม่มีใครมานั่งอีกแล้ว ส่วนทางซ้ายก็ยังคงไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน
“ เริ่มการประชุมของวันนี้ได้....” นภาแห่งวองโกเล่ไม่ใช่เด็กอมมือเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว ไม่ใช่เด็กที่จะมาร้องไห้ฟูมฟายถึงแม้ในใจจะปวดร้าวเพียงใด ไม่ใช่เด็กที่จะมัวแต่หวาดผวาและโทษนั่นนี่ แต่เขาโตพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปในยามที่ทุกๆคนกำลังขาดขวัญและกำลังใจนั้นคืออะไร สิ่งที่ต้องทำเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของคนที่ไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว...
.....แต่บางทีเขาก็นึกสงสัย....ว่าเป็นเพราะเขาเข้มแข็ง...หรือเป็นเพราะลางสังหรณ์ที่ยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจของผู้พิทักษ์แห่งวายุของเขากันแน่....
อีกฟากหนึ่งของอิตาลี....ไม่ไกลจากซากตึกถล่มจากแรงระเบิดเมื่อวานมากนัก ตึกแถวเก่าแก่เรียงเป็นแถวอยู่ท่ามกลางความแออัดของเมือง ณ. ห้องเล็กๆห้องหนึ่งบนชั้นสองของตึกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น เสียงติ๊ดๆ ของเครื่องช่วยหายใจยังคงดังสม่ำเสมอ ทำให้รู้ว่าร่างโปร่งบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวบริสุทธิ์นั่นยังคงมีชีวิตอยู่
“ รอดมาได้หวุดหวิดเลยแหะ สงสัยว่าโล่วายุคงช่วยเอาไว้ได้ทันพอดี” เสียงของหมอนักฆ่าดังขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย มือยังคงสาละวนกับการทำแผลตามที่ต่างๆบนร่างกายโปร่งบางที่ยังคงไม่ได้สติ แค่คำพูดเพียงเท่านั้นมันก็ทำให้คนที่อุ้มร่างบางนั่นมาที่นี่ซ้ำยังอยู่เฝ้าดูการผ่าตัดทั้งคืนอย่างยามาโมโตะรู้สึกว่าหัวใจเบาโหวง...
“ ถ้างั้นผมขอตัวกลับไปรายงานให้สึนะฟังก่อนแล้วกันนะครับ ป่านนี้คงเป็นห่วงกันแย่แล้ว” ในขณะที่ร่างสูงใหญ่กำลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง มือที่กำลังเช็ดแผลกลับยกขึ้นมาห้าม
“ ฟังที่ฉันจะบอกก่อน....แล้วนายค่อยตัดสินใจเอาเองว่าจะทำยังไงต่อไป” สายตาจริงจังของชามาลทำให้บรรยากาศแห่งความโล่งใจเมื่อครู่ดูจะตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ ถึงแม้ว่าฮายาโตะจะยังไม่ตาย และร่างกายก็สามารถรักษาได้เกือบทุกส่วน....”
“ ................”
“ แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถรักษาได้....”
“ .................”
“ อวัยวะสำคัญที่จะทำให้ ฮายาโตะ.....”
“ ..........................”
“ มองสิ่งใดไม่เห็นอีกต่อไป”
“ !!!!”
คำพูดเรียบๆบอกเล่าเรื่องราวแห่งความเป็นจริง แต่มันกลับเป็นคำพูดประโยคเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต
ร่างสูงใหญ่เดินไปตามทางเดินกว้างที่เงียบเหงาและวังเวงของคฤหาสน์วองโกเล่ เสียงฝีเท้าสะท้อนก้องไปมาแต่มันกลับไม่ได้เข้ามายังโสตประสาทของผู้พิทักษ์แห่งพิรุณเลย เพราะสิ่งที่ลอยกลับไปกลับมาอยู่ในสมองยังคงเป็นคำพูดคำนั้นของหมอแห่งโลกมืด
.......โกคุเดระจะตาบอด.......
.......ผู้พิทักษ์ที่มองอะไรไม่เห็น ถึงจะยังไม่ตาย แต่ก็จะตกเป็นเป้าหมายของศัตรู จนในที่สุดก็จะถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น......
.......จะทำยังไง.........
........เขาจะต้องทำยังไงถึงจะปกป้องโกคุเดระได้........
มือใหญ่เปิดประตูไม้หนาหนักเข้าไป สายตาทุกคู่ที่อยู่ภายในห้องต่างจับจ้องมาที่เขา
“ ยามาโมโตะ.....” สึนะมองมาด้วยสายตาห่วงใยดังเดิม เขารู้ดี...รู้ดีว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น.....ไม่มีใครอยากสูญเสียสายลมแห่งวองโกเล่ไป....ไม่มี.....
“ ไม่พบ....สินะ....” สายตาและน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาอย่างมีความหวังของสึนะทำให้เขาเจ็บลึกในหัวใจกับสิ่งที่ตัดสินใจจะทำลงไป.....
มันอาจจะเป็นการหักหลังความเชื่อใจและหวังดีของพวกนาย....
มันอาจจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของโกคุเดระเมื่อยามที่ฟื้นขึ้นมา....
แต่ฉันก็จะขอเลือก....เส้นทางที่เห็นแก่ตัว.....
ฉันจะขอมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก....
“....โกคุเดระ....ตายไปแล้ว....”
ถ้อยคำที่ออกไปจากปากของเขา ทำให้ทุกความหวังจบสิ้นลง....
จะไม่มีผู้พิทักษ์แห่งวายุที่อารมณ์ร้อนคนนั้นอีกแล้ว.....
และจะไม่มีผู้พิทักษ์แห่งพิรุณที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและใจดีคนนั้นอีก.....เช่นกัน
แฮ่ก....แฮ่ก.............
เสียงหอบหายใจของคนที่กำลังวิ่งหนีดังก้องไปทั่วถนนยามราตรี แสงไฟจากร้านรวงต่างๆดับมืดไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงแสงไฟสลัวๆจากไฟข้างถนนที่ส่องให้เห็นมัจจุราชร่างสูงใหญ่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าเข้าไปหาชายในสูทสีดำที่นั่งร้องขอชีวิตอยู่กับพื้น
หมอนี่คือคนสุดท้ายของแฟมิลี่ที่ทรยศหักหลังจนทำให้วองโกเล่ต้องสูญเสียผู้พิทักษ์แห่งวายุไป
จะไม่มีการให้อภัยใดๆทั้งสิ้น และยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้พิทักษ์แห่งพิรุณคนนี้ด้วยแล้ว มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะยอมยกให้ได้
ประกายของคมดาบแวววาวสะท้อนแสงไฟในขณะที่มันค่อยๆยกขึ้นช้าๆ สายตาของคนทรยศจับจ้องไปที่คมดาบด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แสงไฟที่สาดส่องมาทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของมัจจุราช แต่การกระทำที่เชื่องช้าทว่าเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเหยียบนั่นก็ทำให้รู้ซึ้งถึงความโหดเหี้ยมและน่ากลัวที่สุดของชายตรงหน้า คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์ที่เย็นฉ่ำดั่งสายฝน คนที่คุยด้วยง่ายที่สุดในวองโกเล่....
กว่าจะรู้...ว่าพวกตนคิดผิดมหันต์ที่เล่นงานวายุแห่งวองโกเล่....
ก็เมื่อดาบสุดท้ายถูกตวัดลงมาอย่างไร้ความปราณี....
ฉั๊วะ!!!!
ปึกเอกสารถูกโยนโครมลงมาบนโต๊ะตรงหน้า นภาแห่งวองโกเล่เหลือบมองผู้พิทักษ์แห่งเมฆาด้วยดวงตาหวาดกลัวเล็กๆ ก่อนที่มือจะเปิดแฟ้มดูคร่าวๆ.....รายงานเรื่องการกำจัดและทำลายศพของพวกนั้น.......ไฟดับเครื่องชนเผาไหม้จนแฟ้มเอกสารสลายหายไป.....จบสิ้นกันซักที
“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นคนทำ” ใบหน้านิ่งที่ดูจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อโดนแย่งเหยื่อเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ทั้งหมดยี่สิบห้าศพภายในคืนเดียว.....ถึงจะน่าตกใจสำหรับคนที่ใช้แต่สันดาบฟาดฟันศัตรูอยู่เสมอ แต่ก็พอจะเข้าใจว่าเพราะอะไรยามาโมโตะถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้...
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้มองดูรายงานอีกเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะ....
“ ถึงแม้ว่าจะไม่มีศพ แต่เราก็ควรจะจัดพิธีให้คุณโกคุเดระอย่างสมเกียรตินะครับ อย่างน้อยๆก็น่าจะมีหลุมศพ.....” เสียงของแรมโบ้ในที่ประชุมเมื่อวานยังก้องอยู่ในหู
“ ถ้าอย่างนั้น....ช่วยสร้างบ้านหลังเล็กๆอยู่ข้างๆหลุมศพนั่นให้ฉันด้วยได้ไหมสึนะ....” และอีกประโยคที่ทำให้คนทั้งห้องหันไปมองผู้พิทักษ์แห่งพิรุณที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาดั่งคนไร้ชีวิต
......ยามาโมโตะ.....
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมภายในเวลาแค่สองอาทิตย์ ที่ดินของวองโกเล่ซึ่งอยู่ในป่าร่มรื่นและถูกตัดขาดจากการรบกวนของผู้คนภายนอกโดยสิ้นเชิงถูกเลือกให้เป็นหลุมฝังศพของผู้พิทักษ์แห่งวายุ แผ่นหินสีขาวถูกสลักชื่ออย่างงดงามด้วยนามของคนที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบนี้ตลอดไป
มือเรียวเล็กของผู้นำแห่งวองโกเล่วางช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ลงไปที่หน้าหลุมศพ เป็นอันจบพิธีการไว้อาลัยให้กับร่างโปร่งบางผมสีเงิน คำอำลาแผ่วเบาถูกเอ่ยออกมาจากปากของนภา ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จะมองไปที่หลุมศพเป็นครั้งสุดท้าย....
“ ลาก่อน....โกคุเดระคุง....หวังว่าต่อไปนายจะได้พบกับความสุข”
ทุกๆคนต่างทยอยกลับไปกันหมดแล้ว มีเพียงผู้พิทักษ์แห่งพิรุณและนภาแห่งวองโกเล่ที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าหลุมศพ
“ นายย้ายของมาอยู่ที่นี่หมดแล้วหรอ” สึนะโยชิพูดออกมาลอยๆทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ป้ายหลุมศพ
“ อื้อ....” บ้านชั้นเดียวสีขาวขนาดกลางถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่สำหรับวองโกเล่ นี่คือเรื่องที่ทำได้สบายมาก
“ ถ้างั้นก็....ฝากดูแลโกคุเดระคุงด้วยนะ” มือเล็กเอื้อมมาบีบไหล่ของคนที่สูงกว่ามากแล้วเดินจากไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างเพราะไม่รู้ว่าความหมายของคำพูดของเพื่อนรักคนนั้นคืออะไรกันแน่.....ให้ดูแลโกคุเดระ.....หมายถึงหลุมศพกำมะลอนี่หรือว่า..................
คืนนั้น.......
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเคลื่อนย้ายจากมุมหนึ่งของอิตาลีมาอยู่ ณ. บ้านหลังน้อยแห่งนี้ รอบเตียงซึ่งเมื่อวันก่อนยังเต็มไปด้วยสายระโยงรยางค์ของเครื่องมือแพทย์ แต่บัดนี้มีเพียงสายน้ำเกลือเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
“ พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้น....ฉันฉีดยาให้ฮายาโตะหลับจนกว่าที่นี่จะเตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์” ยาเข็มสุดท้ายถูกฉีดเข้าไปที่ข้อแขน ชามาลมองลูกศิษย์ของตนอย่างอ่อนโยน บางทีทางเลือกนี้เขาเองก็อยากจะให้เจ้าหนูยามาโมโตะเลือกที่สุด....เพราะการที่จะได้เห็นเด็กที่ตนเฝ้าดูแลมาตั้งแต่เกิดได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็คงจะเป็นทางที่อาจารย์อย่างเขาปรารถนาที่จะได้เห็น
“ ฝากดูแลเจ้าฮายาโตะด้วย....เด็กคนนี้มันดื้อ....คงลำบากหน่อยละ” ไหล่อีกข้างของยามาโมโตะถูกบีบโดยหมอแห่งโลกมืดก่อนที่จะเดินหายไปกับความมืดมิดของราตรี
ร่างสูงเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มือใหญ่ลูบไปที่ผ้าที่พันรอบดวงตาของร่างบางที่หลับใหลอยู่บนเตียงสีขาว แสงจันทร์สาดส่องดวงตาสีเปลือกไม้ที่จับจ้องร่างนั้นอย่างอ่อนโยน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้โกคุเดระจะยินดีกับชีวิตใหม่นี้หรือไม่ แต่เขาจะปกป้องโอกาสในการเริ่มต้นครั้งนี้เอาไว้ด้วยชีวิต.....
เสียงนกร้องแว่วเข้ามาในหู สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านใบหน้าทำให้ร่างกายเริ่มตื่นจากการหลับใหล มือบางเริ่มขยับเหมือนไม่ใช่มือของตัวเอง มันรู้สึกเบาโหวงและบังคับได้ติดๆขัดๆ ความเจ็บปวดจางๆเกิดตามร่างกายแทบจะทุกส่วน.....หลังจากตัดสินใจนอนทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ สติที่ขาดหายไปนานจึงกลับมาครบสมบูรณ์.....
ใช่.....เขาโดนแฟมิลี่คู่ค้าหักหลังและโดนลอบทำร้ายในขณะที่กำลังจะไปประชุมร่วมกัน พวกมันล้อมเขาเอาไว้ทุกด้าน แต่ก่อนที่จะโดนยิงทิ้ง เขาตัดสินใจจุดระเบิดที่มีอยู่ในตัวทั้งหมด.....แล้วนี่......
เขารอดมาได้ หรือว่าตายแล้วกันแน่.....
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือความมืดที่รายล้อมตัว ไม่ว่าจะพยายามลืมตาแค่ไหนแต่มันก็ยังคงมืดมิด
“ โกคุเดระ......” เสียงๆหนึ่งและแรงบีบจากมือใหญ่ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยๆเขาก็ยังไม่ตาย....ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมือมาทำให้รู้ว่าเขายังมีชีวิต
“ แก.....ยามาโมโตะ?” ถึงจะมองอะไรไม่เห็นแต่น้ำเสียงทุ้มที่เรียกเขาอย่างห่วงใย เรียกเขามาเป็นสิบปีนี้ก็จำได้อย่างขึ้นใจว่ามันเป็นของใคร
“ นายฟื้นแล้ว โกคุเดระ...” รู้สึกถึงน้ำหนักตัวและกลิ่นที่คุ้นเคยโอบกอดมาที่ลำตัวของเขา แรงบีบรัดที่ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะหายไปนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนคนนี้เป็นห่วงเขาแค่ไหน
“ เออ....อย่างฉันไม่ตายง่ายๆให้แกมาแย่งตำแหน่งมือขวาหรอกน่า....” แต่ดูเหมือนคำพูดเมื่อครู่จะทำให้ยามาโมโตะชะงักไป
“ แล้วนี่....รุ่นที่สิบล่ะ อ้อ...แกจัดการกับพวกนั้นหรือยัง มันตั้งใจจะทรยศต่อรุ่นที่สิบนะ”
“ โกคุเดระ” จู่ๆคนที่เขามองไม่เห็นก็เรียกชื่อเขาทำให้คำพูดที่จะเอ่ยออกไปหยุดลง
“ ขอโทษนะ.....” คำขอโทษนั่นยิ่งทำให้งงหนักกว่าเดิม เจ้านี่มันจะมาขอโทษเขาทำไม ในเมื่อมันไม่ได้ทำอะไรผิด รู้สึกถึงมือใหญ่ลูบมาที่ใบหน้า มืออีกข้างของยามาโมโตะจับมือเขาแล้วยกขึ้นไปให้สัมผัสกับใบหน้าของเขาอีกฝาก ถึงได้เพิ่งรับรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เขามองอะไรไม่เห็น สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันมืดมิดอยู่แบบนี้คือผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบดวงตานี่เอง
“ โกคุเดระ....นายจะไม่ได้กลับไปที่วองโกเล่อีกแล้ว.....” ประโยคที่ฟังดูแปลกๆนั่นทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว มันจะมาล้อเล่นอะไรอีกเนี่ย
“ โกคุเดระ....สำหรับวองโกเล่....นายคือคนที่ตายไปแล้ว....” ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางหัวใจ หมายความว่ายังไง....เขาตายแล้ว....หมายถึงอะไร ทำไม
“ เป็นบ้าอะไรของแก อย่ามาล้อเล่นนะ ชั้นเป็นมือขวาต่อให้แขนขาดขาขาดหรือตาบอดยังไงก็ต้องกลับไปวองโกเล่!”
อึก.....
ห้องทั้งห้องเงียบลงไปทันที....
มือใหญ่คู่นั้นยังคงจับมือเขาวางอยู่บนผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบดวงตา.....
หรือว่า.........
หรือว่า.................
“ มะ....ไม่จริงใช่ไหม.........”
“ มันคือเรื่องจริงโกคุเดระ.......”
“ มันอาจจะโหดร้ายที่ฉันจะต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่นายวันนี้ แต่จะให้ฉันปกปิดนาย โกหกนาย....ฉันทำไม่ได้.....”
“ เพราะฉันรู้....ว่าสักวันนายก็ต้องรู้ความจริง แล้วเมื่อถึงวันนั้น มันคงจะเจ็บปวดกว่าการได้รับรู้ภายในวันนี้หลายเท่านัก....”
“ ชามาลบอกว่า....มีอวัยวะสำคัญส่วนหนึ่งที่เสียหายหนักจนไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว...และมันคืออวัยวะสำคัญที่จะทำให้นาย....มองไม่เห็นอีกต่อไป” สิ่งที่ได้ฟังนั้นทำให้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตลอดยี่สิบห้าปีเขาบาดเจ็บมานับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน....โลกที่มืดมิด....
“ และในเมื่อทุกๆคนในวองโกเล่ต่างหาตัวนายไม่พบ จึงคิดว่านายตายไปแล้ว.....”
“ แกก็เลยปล่อยไว้แบบนั้นงั้นสิ! ปล่อยให้ฉันตายไปจากวองโกเล่อย่างงั้นใช่ไหม!” ด้วยความตึงเครียดกับสิ่งที่รับรู้จึงเผลอระบายอารมณ์ใส่คนที่อยู่ใกล้ๆ ....ใช่....เขาจะตาบอด...จะมองอะไรไม่เห็น....จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ กลายเป็นตัวถ่วงของแฟมิลี่ บางทีอาจกลายเป็นจุดบอดให้โดนเล่นงานได้ เรื่องนั้นเขารู้ดี ถ้ารุ่นที่สิบรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ท่านผู้นั้นคงจะปกป้องเขาถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม....
สองมือกำผ้าปูที่นอนแน่.....
ถ้าแบบนั้นก็ปล่อยให้เขาตายไปซะยังดีกว่า ดีกว่าการที่ต้องมีชีวิตอยู่โดยไร้ตัวตนแบบนี้!
ชีวิตที่ผ่านมานั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของวองโกเล่ ถ้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวองโกเล่แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม
“ ทำไมแกไม่ปล่อยให้ฉันตาย.....แบบนี้.....แกจะให้ฉันมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร!”
“ เพื่อฉัน” น้ำเสียงทุ้มนั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งลง ความคับแค้นใจความกังวลใจ ความไร้จุดหมายของการมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังวิตกและหวาดหวั่นถูกถ้อยคำสั้นๆนั้นหยุดลง
“ ได้ไหมโกคุเดระ....มีชีวิตอยู่เพื่อฉัน” ที่หน้าผากรับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนของริมฝีปาก สองมือคลายจากผ้าปูที่นอนแล้วยกขึ้นโอบไหล่ของคนด้านบน
“ เพื่อฉัน...นะ.....ฮายาโตะ....” ถึงจะมองไม่เห็นแต่ความเย็นของน้ำตาที่ไหลไปที่สองแก้มก็รับรู้ได้ ชีวิตที่อย่างน้อยก็เป็นที่ต้องการของใครสักคน....แค่นั้นมันก็คงมีค่าเพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่.....
ความอบอุ่นจากอ้อมกอด ปลดปล่อยความหวาดหลัวภายในจิตใจ ความอ่อนแอของคนที่ถูกทิ้งให้เดินไปตามลำพังท่ามกลางความมืดมิดนั้นถูกฉุดรั้งขึ้นมาด้วยสองมือที่กำลังโอบกอดเขาอยู่....มันจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาจะร้องไห้ จะยอมปล่อยเสียงสะอื้นและความอ่อนแอให้ใครสักคนได้เห็น....ใครสักคนที่ต้องการเขา....
มีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคน.......
มีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องคนที่รัก........
“ กลับมาแล้วโกคุเดระ....” เสียงเปิดประตูดังแว่วเข้ามา ทำให้เขาหันหน้าไปหาต้นเสียง หลายวันแล้วที่ต้องตกอยู่ในโลกที่มืดมิด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ทำใจให้ชินชายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เสียที ทุกครั้งที่ก้าวเดินยังคงสะดุดล้มหรือชนนู่นชนนี่ ยังคงรู้สึกหวาดหลัวและหวาดระแวงว่าอาจจะมีใครสักคนซ่อนอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนจะเข้ามาลอบทำร้ายโดยที่เขามองไม่เห็น บางครั้งก็หงุดหงิดและรำคาญในความไร้ประโยชน์ของตัวเอง กับแค่การทำเรื่องง่ายๆอย่างเช่นอาบน้ำแต่งตัวยังแทบจะทำไม่ได้
บางที....ความท้อแท้กับสิ่งที่ได้รับมันก็ยังเกิดขึ้น จนอยากจะหายไปจากโลกใบนี้ให้รู้แล้วรู้รอด.....
แต่แล้ว....เสียงๆหนึ่งก็มักจะฉุดรั้งเขาเอาไว้ทุกที....”กลับมาแล้วโกคุเดระ”.....ไม่รู้ว่ามันจะรู้ตัวหรือเปล่า ว่าคำๆนี้คือคำที่เขารอคอยอยู่ทั้งวัน....คนอย่างเขา....อดีตมือขวาและผู้พิทักษ์แห่งวายุที่หยิ่งทระนงคนนั้นจะกลายเป็นคนอ่อนแอได้ขนาดนี้เชียวหรือ.....
“ กลิ่นเลือดหึ่งมาเชียวนะแก ปกติแกไม่เคยรับงานที่ต้องฆ่าคนนี่ เจ้าฮิบาริไปเลี้ยงนกอยู่ไหนล่ะ” ปกติแล้วยามาโมโตะจะมีกลิ่นที่อ่อนโยน...แต่นับจากวันที่เขาสูญเสียดวงตาไป กลิ่นของคนข้างกายคนนี้ก็แปรเปลี่ยนไปด้วย ตัวเขาที่ถูกซ่อนอยู่ที่นี่ จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าวันหนึ่งๆ ยามาโมโตะต้องรับงานอะไรบ้างแล้วความเคลื่อนไหวของวองโกเล่เป็นอย่างไร
“ ฮะ ฮะ...ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกน่า....ก็แค่แบ่งๆกัน...ยังไงๆ ฮิบาริก็เป็นถึงกรรมการคุมกฎมาก่อน ย่อมทำงานเอกสารได้ดีกว่าฉันอยู่แล้วละ”
“ งานเอกสาร....ที่เป็นงานของฉันสินะ....” ถึงเขาจะเป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อะไรที่จะลืมหรือตัดขาดกันง่ายๆเลย ทุกวันนี้เขายังคอยเฝ้ากังวลว่ารุ่นที่สิบจะมีคนช่วยงานหรือไม่ จะมีใครทำหน้าที่เป็นมือขวาที่สมบูรณ์แทนเขาหรือเปล่า
“ โกคุเดระ....” มือใหญ่ยกมาลูบหัวเขา หมอนี่เข้าใจเขาดีทุกอย่าง ยามาโมโตะไม่เคยห้าม ไม่เคยบอกให้เขาเลิกนึกถึงวองโกเล่ คนตรงหน้ายังคงเล่าเรื่องราวของโลกภายนอกให้เขาฟังเท่าที่เขาอยากรู้ ไม่ได้คิดที่จะซุกซ่อนกักขังเขาเอาไว้ให้อยู่ในโลกที่โดดเดี่ยวแต่เพียงลำพัง แต่จะมีเพียงงานที่มันต้องออกไปทำในแต่ละวันเท่านั้นที่มันจะบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมบอกมาตรงๆว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนหรือเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายยังไง
แต่แค่กลิ่นที่โชยออกมาจากร่างสูงใหญ่....เขาก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่ยามาโมโตะทำอยู่ทุกวันคืออะไร....และบางที....นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับที่นี่...ที่ที่เป็นดั่งสาเหตุของการเปลี่ยนไปของมัน....
คนอื่นคงจะเข้าใจว่ายามาโมโตะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นเป็นเพราะว่าเขาตายไปแล้ว....แต่สำหรับตัวเขาเองที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในที่ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้คงคิดได้แต่เพียงว่า....ที่ยามาโมโตะกลายเป็นคนโหดร้ายเลือดเย็นเป็นเพราะต้องการที่จะทำให้คนอื่นๆกลัวเกรงไม่กล้าเข้ามายุ่งด้วย ทุกๆอย่างทำไปเพื่อปกป้องเขา
“ มีแผลที่ไหนหรือเปล่า....” ถ้าเป็นเมื่อก่อนคำถามพวกนี้คงไม่มีออกไปจากปากเขาแน่
“ ไม่มีหรอก....นายไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางเป็นอะไรง่ายๆอยู่แล้วละ ยังไงซะทุกๆวัน ฉันก็จะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน” น้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าคงกำลังยิ้มอยู่ ถ้อยคำยืนยันที่ทำให้เบาใจและคลายกังวล
“ ไอ้บ้า....ใครจะไปห่วงคนอย่างแกกัน!” รีบสะบัดใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปอีกทาง ถึงยังไงๆเขาก็เคยเป็นถึงอดีตมือขวานะ จะให้ยอมรับง่ายๆได้ยังไง
“ ฮะ ฮะ ฮะ...” เสียงหัวเราะยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เขาไม่รู้หรอกว่าอยู่ในโลกภายนอกหมอนี่จะเป็นยังไง เขารู้แต่ว่าตราบใดมันที่อยู่ที่นี่...หมอนี่ยังคงเป็น ยามาโมโตะ ทาเคชิ คนเดิม....ยังคงเป็นคนที่สดใสร่าเริงและเจิดจ้าราวกับดอกทานตะวัน ยังคงมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้แก่เขาทุกวัน ยังเป็นคนที่มีแต่ความอ่อนโยนและอบอุ่น....ยังคงเป็นคนที่รักและเป็นห่วงเขาที่สุด....คนเดิม
“ โกคุเดระ.....” ร่างสูงใหญ่ในผ้ากันเปื้อนสีขาวเดินออกมาจากห้องครัว ก่อนที่จะมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงสีขาว ซึ่งมีร่างที่ขาวราวกับจะกลืนกินเป็นสีเดียวกันนอนหลับสนิทอยู่ ถ้อยคำที่กำลังจะเอ่ยเรียกอีกฝ่ายไปกินข้าวเช้าหยุดชะงักจากการโดนภาพตรงหน้าสะกดสายตาเอาไว้
มันช่างเป็นภาพที่งดงามจนไม่อาจละสายตาไปได้
แต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของสีขาวสะอาดตานั้นกลับมีตำหนิที่แขนและขามากมาย......มือใหญ่ลูบลงไปที่รอยแผลที่ลำแขนบาง ร่องรอยเขียวช้ำจากการเดินชนนู่นชนนี่ที่เกิดขึ้นทั่วตัวทำเอาหัวใจเจ็บแปลบ.....จะต้องทำยังไงถึงจะไม่ให้แผลพวกนี้มันเกิดขึ้นบนร่างกายของนาย
“ อะ.....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน หลังจากนั้นไม่นานนัยน์ตาสีมรกตก็ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ
“ เจ็บหรอ...ขอโทษนะ” มือใหญ่ละออกจากรอยแผลก่อนที่จะเดินไปหยิบกล่องพยาบาลแล้วกลับมานั่งลงที่ข้างเตียง
“ แกคิดว่าอย่างฉันจะตายด้วยแผลแค่นี้รึไง งี่เง่าน่าไอ้บ้าเบสบอล” ร่างโปร่งบางลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวแดงระเรื่อ ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยอมยื่นแขนให้เขาทำแผลให้แต่โดยดี
“ ไปกินข้าวกันเถอะ” เมื่อทุกๆรอยแผลถูกทายาเรียบร้อย กล่องพยาบาลถูกวางลงที่โต๊ะข้างเตียง ร่างทั้งสองค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ สองมือใหญ่พยายามจะเข้าไปประคองแต่ทว่ามือบางก็ปัดทุกความช่วยเหลือทิ้งไป
“ ฉันจะเดินไปเอง....ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นภาระของแกนะ” ยามาโมโตะได้แต่ยืนมองแผ่นหลังบอบบางเดินคลำผนังไปอย่างเชื่องช้า
ถ้านายรักษาสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อฉัน ฉันก็จะขอสาบานว่าฉันจะรักษาชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้กลับมาประคับประคองปกป้องนาย...ฮายาโตะ
ฤดูกาลหมุนผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง จากโลกที่มืดมิดหนาวเย็นกลับค่อยๆอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่เปิดบานประตูไม้สีขาวเข้าไป ผ้าม่านสีขาวโปร่งบางพลิ้วไสวไปกับสายลมบางเบาที่พัดเข้ามา ร่างบอบบางที่เป็นดั่งหัวใจของเขานอนหลับท่าทางสบายอยู่บนเตียงสีขาวที่เดิม....ใช่....สิ่งของทุกๆอย่างในบ้านหลังนี้จะวางอยู่ที่เดิมเสมอ....
บัดนี้ร่างกายสีขาวที่เคยมีแต่รอยแผลฟกช้ำกลับขาวเนียนไร้รอยแผล โกคุเดระเริ่มเคยชินกับการใช้ชีวิตที่ไร้แสงสว่าง แต่ก่อนหน้านั้นเขารู้ดีว่าร่างบอบบางนี้ต้องอดทนและพยายามมากแค่ไหน ต้องล้มแล้วลุกขึ้นสู้มานับครั้งไม่ถ้วน....ได้แต่หวังว่าความสงบสุขของวันเวลาต่อจากนี้ไปคงเป็นของขวัญให้แก่ความพยายามมากมายนั้น
ประสาทการรับรู้ที่เข้ามาแทนที่การมองไม่เห็นคือการรับกลิ่นและเสียงที่ดีมาก ยิ่งบวกกับความฉลาดของโกคุเดระ บางที...การมองไม่เห็นอาจจะไม่เป็นปัญหากับร่างบอบบางนี้อีกต่อไป
“ ยามาโมโตะ....” เสียงกระซิบแผ่วเบาเอ่ยออกมาจากปากของร่างที่นอนอยู่บนเตียง สองแขนบางค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ
“ บอกแล้วไง ว่าให้เรียกยังไง.....”
“....ทะ...ทาเค...ชิ...” ใบหน้าสวยก้มลงน้อยๆ แก้มใสแดงระเรื่อ
“ ฮะ ฮะ...” ร่างสูงใหญ่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบอบบาง มองใบหน้าสวยที่ยังคงอยู่ในใบหน้าแบบเดิม
“ ว่าไง...” มือใหญ่ลูบเส้นผมสีเงินเป็นประกาย ก่อนที่จะสางเบาๆแล้วลองรวบเข้าหากันที่ปลายผมประบ่า
“ ว่าแต่ผมนายยาวมากแล้วนะ อยากตัดรึเปล่า เดี๋ยวฉันตัดให้” รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงส่งไปให้ทั้งๆที่คนตรงหน้าไม่อาจมองเห็น
“ ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ ใครจะกล้าให้ไอ้บ้าเบสบอลอย่างแกตัดให้กัน ฮึ!” โกคุเดระกอดอกแล้วหันหน้าไปอีกทาง
“ อีกอย่าง...ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เลยไม่ค่อยรู้สึกรำคาญเท่าไหร่” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แต่ในสายตาเขา....ภาพตรงหน้ากลับสวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้....เส้นผมนุ่มในมือค่อยๆหลุดออกจากง่ามนิ้วช้าๆตามความเงางามนุ่มลื่นและมีน้ำหนัก
สวย.....
สายลมบางเบาที่พัดผ่านผ้าม่านสีขาวโปร่งบาง ต้องเส้นไหมสีเงินพลิ้วไหวน้อยๆ ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเตียงนุ่มสีขาวสะอาดนั้นดึงดูดให้เขาค่อยๆทิ้งตัวลงไปนั่งเคียงข้าง ก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากสีระเรื่อราวกับต้องมนต์ สัมผัสที่แผ่วเบาแต่อ่อนโยนนั้นทำให้รู้สึกราวกับว่าอยู่บนสรวงสวรรค์
“ ทาเคชิ....” เสียงนุ่มเอ่ยเบาๆหลังจากที่ริมฝีปากละออกจากกัน
“ สุขสันต์วันเกิด....ทาเคชิ...”
ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำเอาดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่รู้จริงๆว่าเขายิ้มออกไปมากมายและเนิ่นนานแค่ไหน....
“ ขอบใจนะ ฮายาโตะ...”
สองมือบางจับอยู่ที่ต้นคอเขา ก่อนที่หน้าผากของเราทั้งคู่จะสัมผัสกัน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขดังลอดออกมาจากปากของเราทั้งคู่
เขาอยากจะโอบกอดและปกป้องความสุขเดียวในชีวิตนี้เอาไว้ให้นานที่สุด....ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาพรากนายไปจากฉัน....ไม่ว่าจะต้องทำอะไรฉันก็ยอม...
“ นี่...ฉันมีของขวัญให้แกด้วยนะ”
“ นอนลงสิ....”
หากท่านกำลังคิดอกุศลอะไรอยู่ จงเลื่อนไปที่หัวกระทู้ ว่านี่มัน PG เว้ยเฮ้ย!
“ เมื่อเจ้าชายร่างเล็กปราบปีศาจสับปะรดจนสิ้นซาก...เจ้าชายก็กลับแคว้นไปครองปราสาทวองโกเล่อย่างสงบสุข.....จบแล้ว....”
มือบางลูบเส้นผมสั้นสีดำของคนที่นอนหนุนตักอย่างเบามือ ใบหน้าสวยก้มลงมาหาถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้ว่าเจ้ายามาโมโตะต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ
“ ฮะฮะ ฉันว่าปีศาจสับปะรดมันตายง่ายไปหน่อยนะ ฉันว่าอย่างเจ้านั่นต้องเกณฑ์ทหารสับปะรดในไร่ออกมาช่วยด้วยแหงๆเลยละ” ใช่...เขากำลังยิ้มอยู่....ยิ้มให้กับความน่ารักของโกคุเดระ ยิ้มให้กับของขวัญวันเกิดที่ไม่คาดคิดว่าจะได้จากคนคนนี้และยิ่งไม่คาดคิดว่าโกคุเดระจะมอบ....นิทาน....ให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่เขา
เจ้าผู้พิทักษ์แห่งวายุที่เกลียดเด็กและใจร้อนคนนั้น.....
กำลังเล่านิทาน.....
“ ไม่ละ ต่อให้มันขนมาทั้งไร่โกคุโย มันก็สู้เจ้าชายร่างเล็กไม่ได้หรอกน่า...ยังไงเจ้าชายก็ต้องปราบปิศาจสำเร็จแล้วกลับไปครองปราสาทอยู่คนเดียวห้ามใครมายุ่ง อยู่วันยังค่ำแหละน่า...”
“ ฮ่าๆๆๆ นิทานของนายนี่มันแปลกๆนะ เจ้าชายก็ต้องกลับมาครองปราสาทกับเจ้าหญิงสิ มีอย่างที่ไหน กลับมาอยู่ปราสาทคนเดียว...”
“ เหอะน่า....ฉันเป็นคนแต่งนะ แกห้ามเถียง.....ถึงแม้ว่าแกจะเป็นเจ้าของนิทานเรื่องนี้ก็ตาม”
แก้มใสแดงระเรื่อชวนมอง สองมือใหญ่ยกขึ้นไปลูบใบหน้านั้นโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อยๆดึงให้ใบหน้าสวยโน้มลงมาจนริมฝีปากสัมผัสกัน
“ ขอบใจนะ...ฮายาโตะ...”
“ ฉัน....ทำให้แกได้แค่นี้....”
“ แค่นายยอมมีชีวิตอยู่...เพื่อฉัน...แค่นั้นฉันก็ไม่รู้จะดีใจได้ยังไงอีกแล้ว”
“ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ฮายาโตะ”
“ อืม....”
…..เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป…..
……ในวันเกิดของฉัน ในวันเกิดของนาย ในปีนี้ ในปีหน้า หรือว่าปีไหนๆ……
…..เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป…….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
FIN
สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ Talk...
ก็....ด้วยความที่ชอบคาเรกเตอร์ของ 8059 ในเรื่อง "ของขวัญ" แล้วก็รู้สึกเสียดาย ถ้ามันจะต้องจบลงที่ตอนเดียว เพราะงั้นเลยตัดสินใจว่า...ฉันจะลงเรื่องนี้อีกครั้งในวันเกิดยามะ! .....ใช่ค่ะ...สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ....คือบทขยายของ....ของขวัญ...นั่นเอง....จำได้ว่าไปปั่นจักรยานแบบชิลๆอยู่ที่สวนรถไฟ แล้วพอได้ลงมากลิ้งเล่นบนหญ้านิ่มๆเพราะอยากรับรู้ความรู้สึกของยามะก๊ก เวลาที่ตัวเองแต่งฟิกว่า....ร่างสูงล้มตัวลงนอนหนุนตักนิ่มบนผืนหญ้าหนานุ่ม....เอ๊ะ...ยามะมันจะรู้สึกไงนะ...ก็เลยนอนลงไปบนผืนหญ้าหนานุ่มบ้าง....ปรากฏว่า....คันชิบ...ไม่ใช่..เออ ก็โรแมนติกดีน้า....หลังจากกลิ้งไปกลิ้งมา(พร้อมกระโดดหลบสิ่งมีชีวิตบางอย่าง(?)) ก็เกิดเป็นฟิกเรื่องนี้ขึ้นมานี่แหละค่ะ แต่กว่าจะจบนะ...ลากยาวไปอีกหลายวันทีเดียวแหละ แต่ช่วงก่อนวันเกิดยามะนี่ก็เป็นอะไรที่นรกแตกทีเดียวค่ะ (ก็ใครใช้ให้เอ็งปั่น 4 เรื่องรวดฟะ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น