KHR S.Fic [8059] ของขวัญ
: KHR Fanfiction
: 8059
: Romance
: PG
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งในอิตาลี ซากศพนับสิบมิอาจขวางกั้นมัจจุราชเลือดเย็นที่กำลังเดินตรงเข้ามา เลือดสีแดงสดไหลย้อยลงไปตามคมดาบหยดลงสู่พื้นหิน นัยน์ตาคมกล้าที่มองมานั้นช่างเย็นชาและน่ากลัวที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะกลัวได้...นัยน์ตาของคนที่มีเพียงแค่ร่างกายแต่ไร้วิญญาณ...
“ ดะ ได้โปรด...โปรดไว้ชีวิตผมด้วย...แล้วอยากได้อะไร ผมจะให้...ให้ทุกอย่างเลย” เสียงที่เปล่งออกไปนั้นสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถึงต้องก้มหัวละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีหรือแม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีก็ยอม เพื่อรักษาชีวิตนี้เอาไว้
“ งั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกให้ ว่าสิ่งที่ฉันอยากได้คืออะไร” ดาบยาวคมกริบสะบัดเลือดสาดกระเด็นไปติดที่ผนังอาคารสีหลุดล่อนเป็นทางยาว แต่ในเมื่อชายตรงหน้าผู้ซึ่งเป็นถึงผู้พิทักษ์แห่งพิรุณของวองโกเล่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและเย็นชาคนนี้ ยอมที่จะฟัง ยอมที่จะละเว้นชีวิตให้ ก็ไม่มีอะไรที่จะน่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้ว
หัวที่เคยตั้งตรงสง่างามเสมอยอมที่จะก้มลงไปให้แก่ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า...
“ สิ่งที่ฉันอยากได้ คือหัวของนาย” ยังไม่ทันที่จะเงยหน้าตะลึงงันกับคำพูดที่เยียบเย็นของอีกคน ความรู้สึกเย็นวาบก็พาดผ่านมาที่ลำคอ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำสนิท.....
นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งหลงคิดไปว่า...ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่....
แต่มันไม่ใช่....มนุษย์ที่มีเพียงแค่ร่างกายนั้นไม่เรียกว่ามนุษย์...
มันเป็นเพียงแค่เครื่องจักรสังหาร ที่จะฆ่าคนได้อย่างไร้ความปราณี...
“ ท่านยามาโมโตะ กลับมาแล้วหรือครับ” ลูกน้องคนสนิทส่งเสียงทักทายเจ้านายของตน เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้พิทักษ์แห่งพิรุณเดินเข้ามาในตึกพิรุณด้วยใบหน้านิ่งสนิท
“ อื้อ” มีเพียงเสียงตอบรับเพียงเล็กน้อย กับรอยยิ้มเสแสร้งส่งมาให้ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินผ่านหน้าไป เขาอยู่ที่นี่มานาน...นานพอที่จะเคยได้เห็นรอยยิ้มสดใสกับดวงตาจริงใจของผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งมันหายไปพร้อมๆกับการจากไปของใครบางคน...
“ ท่านรุ่นที่สิบฝากบอกไว้ครับว่า ถ้าท่านยามาโมโตะกลับมาให้เข้าไปพบด้วย” เขาเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไป...แผ่นหลังกว้างที่ดูโดดเดี่ยว...
“ อื้อ” เสียงที่ตอบกลับมายังคงสั้นๆเช่นเดิม...แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแสนนานแล้ว ไร้ซึ่งคำพูดไร้ซึ่งเสียงหัวเราะ ทุกสิ่งทุกอย่างของชายคนนี้ได้หายไปตั้งแต่วันนั้น วันที่วองโกเล่สูญเสียคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งไป....
“ ท่านยามาโมโตะไม่ได้รับบาดเจ็บนะครับ” ถามไปตามหน้าที่ เพราะรู้ดีว่าเครื่องจักรสังหารอย่างชายคนนี้ไม่มีวันที่จะได้รับบาดเจ็บ...มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่า กลิ่นเลือดของท่านยามาโมโตะเป็นแบบไหนกัน เพราะกลิ่นที่โชยออกมาจากร่างกายสูงใหญ่นี้มีเพียงกลิ่นเลือดแบบเดิมๆที่ไม่ว่าจะล้างอย่างไรก็คงล้างไม่ออก
“ อื้อ” มือใหญ่เปิดประตูห้องทำงานเข้าไป เดินตรงไปยังชั้นข้างโต๊ะทำงานก่อนเป็นที่แรก...ภาพที่เขามักจะเห็นทุกครั้งที่ร่างสูงของเจ้านายกลับมา....จากการฆ่าคน
“ ฉันกลับมาแล้วนะ ฮายาโตะ...” มือที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าสวยของคนที่เป็นดั่งหัวใจ...คนที่เป็นดั่งทุกสิ่งทุกอย่าง...คนที่เอาวิญญาณของชายคนนั้นไป...คนที่อยู่ในกรอบรูปบนชั้นหนังสือนั่น.....ผู้พิทักษ์แห่งวายุของวองโกเล่.....ท่านโกคุเดระ ฮายาโตะ
“ ฉันจะไปหาสึนะ” ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายหันหน้ากลับมา บอกเพียงสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง แผ่นหลังที่เดียวดายค่อยๆหายไปจากสายตา เขาหันหน้าไปมองยังกรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นอีกครั้งก่อนที่จะก้มหัวให้ด้วยความเคารพ
ท่านโกคุเดระ...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้นักจัดอันดับแรงกิ้งฟูตะกับรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่หยุดเรื่องราวที่กำลังพูดค้างกันอยู่แล้วหันไปสนใจคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาในห้องแทน
“ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันต่อนะ” บอสร่างเล็กของวองโกเล่หันมาบอกเขา ก่อนที่เราทั้งคู่จะหันไปพบกับผู้พิทักษ์แห่งพิรุณที่ค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง ร่างกายสูงใหญ่นั่นเขาเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก วันเวลาที่ผันผ่านทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไป คนตรงหน้าเขาเองก็เช่นกัน....เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม....ไม่ใช่ที่ร่างกายแต่เป็นที่วิญญาณ....
“ มีอะไรหรอสึนะ” รอยยิ้มเสแสร้งที่แสนเย็นชาปรากฏออกมาจากใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยยิ้มได้อย่างจริงใจที่สุด
“ วันนี้วันวาเลนไทน์ ฝากนี่ให้โกคุเดระคุงด้วยนะ” มือเล็กของผู้เป็นทั้งพี่ชายและบอสยกช่อลิลลี่สีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานสีดำสนิทยื่นให้แก่ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณ มองเห็นนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่เคยมีแต่ความเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่ไม่ได้เห็นมานานอยู่ครู่หนึ่ง
“ ขอบใจนะสึนะ...โกคุเดระต้องดีใจแน่ๆ” รอยยิ้มเฉยชาปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา เขายังจำได้ดีถึงรอยยิ้มสดใสของพี่ชายใจดีคนนี้ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันเมื่อครั้งยังเด็ก...บัดนี้มันได้หายไปจากคนคนนี้แล้ว...หายไปอย่างไม่มีวันจะหวนกลับ...หายไปพร้อมกับพี่ชายอีกคนที่จะไม่มีวันหวนคืนมาหาเขาอีกแล้วเช่นกัน
“ งั้น...ลาละสึนะ ฟูตะด้วย” ร่างกายสูงใหญ่เดินหายไปจากห้องพร้อมกับกลิ่นของดอกลิลลี่ที่ค่อยๆจางหายไป
“ พี่ยามาโมโตะ ยังอยู่ที่บ้านหลังนั้นหรอฮะ” บ้านที่ปลูกอยู่ข้างๆหลุมศพของ....โกคุเดระ ฮายาโตะ ….
“ ใช่...ฉันถึงได้ฝากดอกไม้ไปให้โกคุเดระคุงไงล่ะ...ถึงใครๆจะมองว่ายามาโมโตะน่ากลัว...ทั้งโหดเหี้ยมและฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น...แต่เขาก็ยังคงเป็นเพื่อนรักของฉัน...ยังคงเป็นยามาโมโตะคนเดิม ที่ยังคงรักโกคุเดระคุงเพื่อนของฉันอีกคนเหมือนเดิม” นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้แลดูอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวของเพื่อนรักทั้งคู่ ที่คนหนึ่งไม่อยู่แล้วและอีกคนหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
“ แต่พี่ยามาโมโตะเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ...”
“ ไม่หรอก...ฉันเชื่อ...ว่าเขายังเหมือนเดิม...” นัยน์ตาคู่นั้นยังคงเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ราวกับว่าสุดยอดลางสังหรณ์แห่งวองโกเล่นั้นรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ที่ไม่มีวันสั่นคลอนความเชื่อมั่นในสายสัมพันธ์ของเพื่อนไปได้
ดวงตาสองคู่ได้แต่มองตามไปยังทางที่หลงเหลือกลิ่นดอกลิลลี่ที่ผสมผสานไปกับกลิ่นคาวของเลือด...ทำได้แต่เฝ้ามอง...แต่ไม่อาจยื่นมือเข้าไปปลอบโยนชายผู้นั้นได้...
รถสปอร์ตสีดำสนิทที่พุ่งตรงออกไปจากคฤหาสน์วองโกเล่ นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นของใคร....
ที่เบาะข้างๆมีดอกลิลลี่ช่อใหญ่ที่ถูกผูกไว้ด้วยโบว์สีขาวปลิวไสวไปกับสายลม...
ไม่ว่าใครที่พบเจอต่างหลบเลี่ยงรถคันนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัว...ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง ไม่มีใครกล้าทำอะไร...
ใครจะอยากตกเป็นเป้าสายตาของมัจจุราชกันเล่า....
แล้วทุกลูกของพายุฝนที่ดำทะมึนก็ต้องมาหยุดลงที่หน้าบ้านหลังเล็กๆสีขาวหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่เข้าถึงได้ยากและไม่มีใครอยากจะเฉียดเข้าไปใกล้ เพราะหนึ่งคือที่ดินของวองโกเล่ สองคือหลุมฝังศพของคนสำคัญ สามคือที่อยู่ของมัจจุราชที่ไร้หัวใจ...
ขายาวก้าวลงมาจากรถ มือข้างหนึ่งหอบช่อลิลลี่ช่อใหญ่ เดินตรงไปยังตัวบ้าน...
สวนและสนามหญ้าเล็กๆสีเขียวชอุ่มปรากฏแก่สายตา ริมสุดด้านในเป็นหลุมฝังศพที่มีแผ่นหินสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ แต่ร่างสูงก็ไม่ได้คิดที่จะแวะเวียนเข้าไปแต่อย่างใด ขายาวทำเพียงแค่ก้าวเดินผ่านไป ดอกลิลลี่ช่อใหญ่ยังคงอยู่ในมือ...แทนที่จะไปวางเอาไว้ที่หน้าหลุมศพ...
ใบหน้าหล่อคมยิ้มแย้มออกมาเมื่อหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน รอยยิ้มที่เก็บซ่อนจากทุกคนและทุกสิ่งในโลก...รอยยิ้มที่จะมีเพียงเพื่อสถานที่นี้ ณ. ที่เดียวเท่านั้น
แอดดดด....
เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับที่คนที่อยู่ด้านในที่หันมามอง...
“ ฉันกลับมาแล้ว ฮายาโตะ”
น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเอ่ยบอกคนที่อยู่ด้านใน ประตูบ้านปิดลงช้าๆก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้าไปยังม้าโยกที่ร่างบอบบางในชุดสีขาวสะอาดตานั่งอยู่ ดอกลิลลี่ช่อใหญ่ถูกวางเอาไว้บนตัก ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงตรงหน้าคนที่เป็นดั่งหัวใจ คนที่เขายอมทำให้ได้ซึ่งทุกสิ่ง แม้แต่การลวงหลอกคนทั้งโลกก็ตาม...
“ ลิลลี่?” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยออกมา เมื่อได้กลิ่นของดอกไม้ที่คุ้นเคย มือบางลูบไล้ไปตามกลีบดอกอย่างอ่อนโยน
“ ใช่ สึนะฝากมาให้...วันนี้วันวาเลนไทน์” ใบหน้าคมยิ้มกว้างส่งให้ ถึงแม้ว่านัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นจะไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้อีกแล้วก็ตาม...
นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่เขาหลงใหล...
นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประกายสดใส....
แต่บัดนี้มันไม่เหลือซึ่งความแวววาวอีกต่อไปแล้ว...แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงหลงรักมันอยู่ร่ำไป
“ รุ่นที่สิบ...ขอบคุณครับ...” น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาซึ่งไม่อาจรับรู้ภาพใดๆได้อีก มือใหญ่ของเขายกขึ้นลูบหัวที่มีเส้นไหมสีเงินยาวประบ่าอย่างปลอบโยน
“ นั่นน่ะ ของสึนะ...แต่ของฉันน่ะยังมีอีกนะ” รอยยิ้มจริงใจและน้ำเสียงสดใสเอ่ยบอกร่างบอบบางตรงหน้า ร่างกายสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะอุ้มร่างในชุดสีขาวออกไปจากตัวบ้าน
“ ปล่อยฉันลงนะ ไอ้บ้าเบสบอล ฉันไม่ได้เป็นง่อยนะถึงต้องให้แกแบกไปแบกมา!” ถึงจะมีเสียงโวยวายตามประสาแต่แขนเล็กทั้งคู่ก็คล้องมาที่ลำคอของเขา ลมหายใจอุ่นๆของโกคุเดระคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้าและลำคอของเขา
ขายาวหยุดลงอีกครั้ง แสงแดดอุ่นๆและสายลมอ่อนโยนทำให้ร่างบางรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่นอกบ้าน กลิ่นดอกลิลลี่ที่ได้จากรุ่นที่สิบเมื่อครู่เทียบไม่ได้เลยกับกลิ่นดอกลิลลี่ที่ลอยอบอวลอยู่รอบๆตัวในขณะนี้...
“ ลิลลี่?” เท้าขาวเปลือยเปล่าสัมผัสกับผืนหญ้าหนานุ่มเมื่อร่างสูงค่อยๆปล่อยให้ร่างบอบบางยืนด้วยตัวเอง ขาเรียวค่อยๆก้าวออกไปก่อนที่จะหันไปรอบๆกาย...ไม่ว่าจะทางทิศไหนๆก็ได้กลิ่นของดอกลิลลี่...
“ ฉันปลูกเอาไว้ให้นาย ตอนนี้รอบๆตัวนายมีแต่ดอกลิลลี่ละฮายาโตะ”
ภาพตรงหน้านั้นช่างงดงามราวกับอยู่ในฝัน ร่างกายบอบบางในชุดยาวสีขาวสะอาดตาที่ขยับไหวไปตามสายลม เช่นเดียวกับเส้นผมสีเงินเป็นประกายที่ยาวประบ่า เส้นผมด้านหน้าคลอเคลียไปกับแก้มใสและริมฝีปากแดงระเรื่อ ถึงแม้ว่านัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นจะไม่มีประกายสดใสดังเช่นวันวาน แต่มันก็ยังคงงดงามไม่ต่างไปจากอัญมณีชั้นดีเช่นเดิม
ใบหน้าสวยหันมายิ้มน้อยๆให้...
“ ขอบใจ ไอ้บ้าเบสบอล...” คำพูดที่เอ่ยออกมาสั้นๆก่อนที่ใบหน้าสวยนั้นจะหันกลับไปพร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ
ถึงสายตาของนายจะไม่รับรู้ภาพใดๆ แต่จิตใจของนายยังรับรู้ได้ถึงความรักที่ฉันมีให้....
ฉันจะปกป้องนายเอง...ปกป้องนายจากทุกสิ่งทุกอย่าง...
ขอเพียงภาพที่งดงามนี้ยังคงปรากฏอยู่ในสายตาฉัน....
ฉันก็พร้อมที่จะทำได้ทุกอย่าง....เป็นได้ทั้งมัจจุราชเลือดเย็นในโลกที่แสนโสมม เป็นได้ทั้งเครื่องจักรสังหารที่ใครๆต่างก็เกรงกลัว...
เพื่อที่ใครๆจะไม่กล้าข้ามเขตเข้ามายุ่งกับที่นี่ ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับนาย....
“ นี่แก...มานี่ซิ” น้ำเสียงยังคงห้าวหาญสมกับที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงมือขวาของวองโกเล่
“ มีอะไรหรอ?” ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาร่างกายบอบบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางดอกลิลลี่ มือบางปลดผ้าพันคอสีเงินที่อยู่ที่คอของตนออก ก่อนที่จะพันมาให้ที่คอของเขา มือบางลูบไปที่รอยแผลเป็นที่คางอย่างแผ่วเบาก่อนที่ใบหน้าเนียนใสจะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วริมฝีปากสีแดงระเรื่อก็บรรจงจูบลงไปที่รอยแผลนั่น ระเรื่อยมาจนถึงริมฝีปากของเขาอย่างเชื่องช้า ทุกสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักที่รับรู้ได้...
“ ฉันให้แก...ที่ฉันทำได้ก็มีแค่นี้แหละ” ใบหน้าสวยละออกมาแล้วส่งรอยยิ้มน้อยๆมาให้ ผ้าพันคอผืนนี้เขาเห็นมันมานานแล้ว ตั้งแต่มันยังเป็นเพียงแค่เส้นไหมที่ร่างบอบบางตรงหน้าค่อยๆถักมันขึ้นมาอย่างตั้งใจ....สองแขนรวบร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที
“ ขอบใจนะฮายาโตะ...”
“ สุขสันต์วันวาเลนไทน์....ไอ้บ้าเบสบอล” ได้ยินเสียงแว่วออกมาจากใบหน้าที่ซุกอยู่ที่แผ่นอกของตน เรียกรอยยิ้มสดใสของเขาให้ปรากฏขึ้น....
“ อื้อ!”
เสียงหัวเราะสดใสของร่างสองร่าง และความอบอุ่นของคนสองคนอบอวลไปทั่วบ้านหลังเล็กและทุ่งดอกลิลลี่...
ถึงแม้ว่าเปลือกนอกที่เคลือบอยู่จะเป็นความอำมหิตเลือดเย็นของสายฝนหนาวเหน็บก็ตาม...
......ฉันจะปกป้องนายจากทุกสิ่งทุกอย่าง.....
......เพราะนายคือของขวัญที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้คนอย่างฉัน.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
FIN
ของขวัญ Talk...
เป็นฟิกที่เขียนลงบอร์ดเมื่อวันวาเลนไทน์ปี2010 เสร็จแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถ้ายังจำกันได้ มันลงพร้อมกับฟิกรั่วๆอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องนั้นยาวนรกมาก และข้าพเจ้าก็ใช้เวลาอยู่กับเรื่องนั้นทั้งวัน หลังจากรั่วจนหมดก๊อก เวลาก็ใกล้จะหมดเข้าไปทุกทีๆ แต่ว่ามันยังมีอีกเรื่องนึงที่ยังคาอยู่ในหัว อยากแต่งดาร์กยามะที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องก๊ก....ดอกลิลลี่สีขาว....กับร่างบอบบางที่ถูกซุกซ่อนไว้....อ๊ากกกก...แล้วตรูจะเอาไอ้ที่ลอยอยู่ในหัวพวกนี้มายำรวมกันว่ายังไงดี! พล็อตตอนแรกน่ะมั่วซั่วมากกกก แต่พอเริ่มลงมือเขียนโดยใช้มุมมองของเรื่องที่ไม่ถนัด เพราะมองจากสายตาของคนนอก....แล้วมันก็ไหลไปจนจบแบบรวดเดียว....เป็นเรื่องที่เขียนแล้วสนุกมากกกกเลยค่ะ สงสัยว่าจะชอบยามะดาร์ก ฮ่าๆๆ แต่พอพิมพ์คำว่า FIN เสร็จแล้วกลับรู้สึกว่า....ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ หลงรักยามะเรื่องนี้ซะแล้วสิ ทำไงดี...แถมหนูก๊กก็สวยโฮกขนาดนั้น ยังไม่ได้กดเลยอ่ะ (ประโยคไหนเสื่อมๆก็ข้ามๆมันไปได้นะ) เพราะงั้น......คึหึหึ.....
ซึ้งมากค่ะ T.,Td
ตอบลบ