KHR Au S.Fic [8059] -- PiERROT --
: KHR Fanfiction Au
: 8059
: Romance Angst Fantasy
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ความเลื่อมล้ำทางสังคมและความเชื่องมงายจากการหาทางออกไม่ได้ของชนชั้นล่าง ประกอบกับสิ่งที่เรียกว่า “วิทยาศาสตร์” นั้นยังไม่เคยมีในบัญญัติ ทำให้สิ่งเหนือธรรมชาติยังคงมีให้พบเห็นอยู่โดยทั่วไปไม่ว่าจะที่เมืองหรือประเทศไหนๆ
........สิ่งใดที่มีลักษณะเช่นตัวเอง....คือมนุษย์......
........สิ่งใดที่มีรูปลักษณ์ผิดแปลกไป....คือสิ่งลี้ลับพิสดาร....
........ถ้ามันถูกตัดสินว่างดงาม จะกลายเป็นของมีค่าและหายาก......
........แต่ถ้ามันถูกตัดสินว่าน่าเกลียดอัปลักษณ์ ชีวิตนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนดินที่ถูกเหยียบย่ำให้ไร้ค่า.....
........เชื่ออย่างไร ก็ยังคงเชื่ออยู่อย่างนั้น.....
เสียงกุบกับจากกีบเท้าม้าจำนวนมากซึ่งลากรถบรรจุของมากมายดังกึกก้อง ฝุ่นควันตลบอบอวลลอยคละคลุ้งบ่งบอกให้รู้ว่ากองคาราวานที่กำลังเคลื่อนตัวนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน ใบปลิวเชิญชวนปลิวว่อนไปตลอดสองข้างทางที่กองคาราวานนั้นวิ่งผ่าน.....
[ พบกับโชว์สุดพิสดารจากสัตว์หายากหลากหลายและพลาดไม่ได้กับโชว์พิเศษสุดที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนกับ....ระบำเงือกน้อยแสนสวย.....เต็มอิ่มทั้งสัปดาห์ที่เนินสโคนฮ็อก กับคณะละครสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง เพ็ตพีช! ]
กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ต่างแบกของเดินกันให้วุ่น ได้ยินเสียงตอกตะปูและเสียงตะโกนโหวกเหวก ผ้าใบหลังคาเต้นท์โบกสะบัดก่อนที่มันจะถูกกางออก
“ อย่ามาเกะกะแถวนี้ ไอ้สัตว์ประหลาด!” ชายร่างยักษ์ที่แบกไม้ดูท่าทางหนักเอ่ยปากไล่ร่างของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งแอบดูอยู่ที่ล้อใหญ่ของรถไม้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มีแววหม่นเศร้า เมื่อสายตามองตามชายคนนั้นไป....มนุษย์.....ที่แตกต่างจาก.....สัตว์ประหลาดอย่างเขา....
เด็กชายหันหลังกลับแล้วพยายามเดินหลบหลีกไม่ให้ไปขวางทางพวกคนของคณะละครสัตว์ให้โดนดุได้อีก แสงแดดยามเย็นส่องกระทบผมสั้นสีดำสนิท เงาร่างที่ตกกระทบลงบนพื้นดินนั้นไม่ยาวมากนัก นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองไปที่แขนข้างหนึ่งของตนที่มีถุงมือคู่ใหญ่สวมอยู่ตั้งแต่หัวไหล่ ร่างของเด็กชายเดินไปนั่งหลบมุมกอดเข่าอยู่ที่หลังเต้นท์ๆหนึ่ง
........ยามาโมโตะ......ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปชื่อของเจ้าคือ.....ยามาโมโตะ......
ความทรงจำก่อนหน้านั้นไม่มีเหลืออยู่เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่คณะละครสัตว์แห่งนี้ได้ยังไง
“ หัวหน้าครับๆ! เงือกทะเลถูกส่งมาถึงแล้วครับ!” แว่วเสียงใครสักคนร้องเรียกเจ้าของคณะละครสัตว์ มีข่าวลือมาหลายวันแล้วว่ากำลังจะมีครึ่งมนุษย์หายากตัวใหม่มาจากดินแดนอันไกลโพ้น ซึ่งน่าจะก้าวเข้ามาเป็นดาวดวงใหม่ของคณะละครสัตว์แห่งนี้ เพราะหัวหน้าทุ่มเทเงินทองมากมายในการหาซื้อมันมา สิ่งหายากและสวยงาม...ต่างจากสัตว์ประหลาดอย่างเขา....
ลังไม้ใบใหญ่มีผ้าคลุมอยู่อย่างมิดชิดถูกขนย้ายผ่านหน้าเด็กชายไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กชายจึงแอบตามเข้าไปดูภายในเต้นท์ด้านหลังสุด ร่างผอมสูงแอบซ่อนอยู่หลังลังไม้ที่เคยบรรจุสัตว์พิสดารอีกมากมายที่บัดนี้ได้ถูกย้ายไปใส่ไว้ในกรงของเต้นท์สำหรับแสดงสัตว์ นัยน์ตาสีเปลือกไม้อยากรู้อยากเห็นจับจ้องอยู่ที่ลังไม้ที่มีผ้าคลุมอยู่ ไม่นานหัวหน้าคณะก็ตรงดิ่งเข้าไปเปิดผ้าคลุมออก....
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นต่างจากที่จินตนาการไว้ เพราะภายในกรงไม้กลับเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ ดูๆไปแล้วน่าจะเด็กกว่าตนเองนิดหน่อย ลำตัวเล็กๆมีเพียงผ้าผืนหนึ่งคลุมอยู่ ที่ข้อเท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนเส้นใหญ่ผูกมัดเอาไว้ ผิวสีขาวละเอียดที่โผล่พ้นผ้าออกมานั่นขับรับกับเส้นผมสีเงินเป็นประกาย
“ ไหนจ๊ะเงือกน้อย...ช่วยเปลี่ยนร่างเป็นเงือกให้เราดูหน่อยซิ” มืออวบอูมของหัวหน้าคณะเอื้อมมือลอดเข้าไปในกรงไม้หมายจะจับตัวของเด็กเงือกคนนั้น แต่จู่ๆดวงตาสีเขียวมรกตที่ปิดมาตลอดกลับลืมตาโพรง มือเล็กข่วนมือที่หมายจะจับต้องตนด้วยความดุดันจนหัวหน้าคณะดึงมือกลับมาแทบไม่ทัน
“ หนอย....ดื้อนักใช่ไหมแก! เอาถังน้ำมา แล้วเอาตัวมันออกมาจากกรง!” ร่างอวบอ้วนของหัวหน้าคณะหันมาสั่งลูกน้องร่างยักษ์กร้าว ไม่นานถังน้ำที่ทำด้วยกระจกใสขนาดใหญ่ก็ถูกนำมาวางที่ข้างๆกรง มือหยาบหนาของชายร่างใหญ่สองคนช่วยกันฉุดรั้งเด็กเงือกที่ต่อสู้จนถึงที่สุดออกมาจากรง ร่างเล็กๆถูกดึงผ้าที่คลุมอยู่ออกทุกสายตาจึงเพิ่งรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้ชาย
ตูม.....
เสียงน้ำแตกแหวกกระจายเมื่อร่างของเด็กคนนั้นถูกโยนลงไปในถังน้ำ ท่ามกลางสายตาจากรอบข้างที่จ้องมองอย่างมีความหวัง
เส้นผมสีเงินที่เคยสั้นแค่ติ่งหูกลับค่อยๆยาวออกมาเรื่อยๆคลอเคลียกับใบหน้าใสที่น่ารักมากกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปเสียอีก นัยน์ตาสีเขียวมรกตดูมีประกายสดใสและสวยงามราวอัญมณีเมื่ออยู่ในน้ำแต่กระนั้นก็ยังมีแววดื้อดึง ใบหูแบบมนุษย์ค่อยๆแหลมยาวเหมือนดั่งที่หูเงือกควรจะเป็น แค่ภาพท่อนบนก็งดงามจนสามารถสะกดสายตาทุกคู่ที่จ้องมองไม่เว้นแม้แต่เด็กชายผมดำที่ยังคงแอบดูอยู่ใกล้ๆ
แต่ท่อนล่าง....ขาทั้งคู่ยังคงไม่ยอมเปลี่ยนเป็นหางปลาแบบเงือก.....
“ เปลี่ยนขาเป็นหางเงือกสิ!” สองมืออวบอูมของหัวหน้าคณะเข้าไปเกาะอยู่ที่ถังน้ำกระจกพร้อมออกเสียงสั่งเด็กเงือกดังลั่น แต่ไม่ว่าจะสั่งยังไง ทั้งดุด่าทั้งขอร้อง เด็กเงือกคนนั้นก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนขาให้เป็นหางเงือกอยู่ดี....
“ ดื้อนักใช่ไหม....”
เพี๊ยะ!!
เสียงไม้ฟาดลงไปที่แขนเล็กภายในถังน้ำ แต่ดวงตาสีมรกตแข็งกร้าวนั้นก็ไม่มีแววเกรงกลัวเช่นเดิม
“ บอกให้เปลี่ยนขา!” เสียงตวาดพร้อมไม้ที่จะฟาดลงไปอีกครั้งทำเอาเด็กชายผมดำที่แอบดูอยู่อยากจะวิ่งเข้าไปห้าม แต่ร่างกายที่ยังจำรสของไม้เรียวนั้นได้ดีก็ไม่ยอมขยับออกไป ที่แขนและขาทั้งสองข้างยังมีรอยไม้นั้นอยู่เลย
“ หัวหน้าครับ...ท่านเศรษฐีเหมืองแร่มาขอพบครับ” แต่เสียงหนึ่งก็ดังออกมาก่อนที่ไม้จะฟาดลงไปอีกครั้ง ทำให้หัวหน้าคณะยอมทิ้งไม้เรียวแล้วเดินออกไปจากเต้นท์อย่างหัวเสีย
“ เอามันไปขังไว้ในกรง ไว้ฉันเสร็จธุระแล้วจะกลับมาจัดการมันอีกที เด็กดื้อต้องโดนทำโทษ”
ดูเหมือนทุกๆคนจะออกไปจากที่นี่กันหมดแล้ว เพราะเสียงทุกอย่างต่างเงียบงัน เด็กชายผมดำค่อยๆเดินออกจากที่ซ่อนก่อนจะนั่งลงข้างๆกรงขังเด็กเงือกคนนั้น ร่างเล็กๆยังคงนอนคุดคู้อยู่ภายใต้กองผ้าที่ถูกโยนมาให้ มือข้างที่ไม่ได้สวมถุงมือค่อยๆเอื้อมเข้าไปในกรงอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะค่อยๆเปิดผ้าที่คลุมแขนเล็กออก รอยแผลที่โดนตีเมื่อกี้มีเลือดไหลซิบๆ นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองรอยแผลนั้นอย่างนึกเวทนาในโชคชะตาของพวกเขาทั้งคู่
“ ใครน่ะ!” เสียงดุแต่ก็อ่อนระโหยโรยแรงเอ่ยออกมาจากร่างที่ดูเหมือนจะนอนอยู่ ทำให้มือที่ใหญ่กว่าเผลอปล่อยแขนเล็กลงจนร่างที่นอนอยู่นั้นลุกขึ้นนั่งพร้อมถอยตัวไปยังอีกฟากของกรง
“ อ่ะ....เอ่อ....ไม่ต้องกลัวนะ....ฉันเองก็....” นัยน์ตาสีมรกตมองเด็กชายอีกคนด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ มือเล็กกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
“ จริงสิ....นายเป็นแผลนี่ มานี่สิ ฉันจะทำแผลให้” น้ำเสียงอ่อนโยนและท่าทางที่ดูจะแตกต่างจากทุกๆคนที่พยายามบังคับคุกคามตน นั้นทำให้นัยน์ตาสีมรกตมองมาที่มือข้างหนึ่งที่ยื่นมาหาอย่างชั่งใจ ความเจ็บแสบของบาดแผลที่แขนของตนทำให้เผลอเหลียวลงไปมอง
เมื่อไม่มีทีท่าว่าคนที่ถูกขังอยู่ในกรงจะยอมขยับมาหา เด็กชายผมดำจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ.....เขาเองเข้าใจดี....ความรู้สึกหวาดระแวงต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ความไม่ไว้ใจใครของคนที่เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ ....คณะละครสัตว์ที่มอบความสุขให้แก่คนอื่นแต่คนในนี้กลับทุกข์ทรมาน.....เขาเองเคยผ่านมันมาหมดแล้ว
ร่างผอมสูงของเด็กชายทรุดลงใกล้กับร่างเล็กบางที่นั่งกอดเข่าอยู่ในกรง มือที่ใหญ่กว่ายื่นเข้าไปในกรงก่อนจะค่อยๆจับแขนเล็กที่โดนทำร้ายออกมาช้าๆ นัยน์ตาสีมรกตเพียงแต่มองตามมาแต่ไม่ได้ต่อต้านเหมือนที่เคย
“ หัวหน้าคณะบอกว่าฉันเป็นพวกเด็กเผ่ามังกร เพราะงั้นน้ำลายของฉันรักษาแผลได้” ใบหน้าคมของเด็กชายผมดำยิ้มให้อีกคนที่ยังจ้องมองมาด้วยแววตาหวาดระแวง ก่อนที่จะก้มลงเลียแผลให้กับร่างเล็กบาง นัยน์ตาสีมรกตปิดลงข้างหนึ่งเมื่อรู้สึกแสบที่แผล แต่หลังจากนั้นดูเหมือนความเจ็บปวดจะค่อยๆจางหายไป
“ เวลาฉันโดนตี ก็ทำแบบนี้ให้ตัวเองเหมือนกัน ถึงมันจะไม่หายทันทีแต่ก็เบาเจ็บใช่ไหมล่ะ” รอยยิ้มที่รับรู้ได้ถึงความแตกต่างจากที่ได้จากคนอื่นๆทำให้นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองทุกการกระทำของเด็กชายผมดำด้วยความรู้สึกที่แปลกไป....รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะถูกส่งมาจากข้างใน....
“ ฉันชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ นายล่ะชื่ออะไร” ใบหน้าน่ารักก้มลงมองรอยแผลบนแขนของตน ยังเหลือเพียงแค่รอยแดงๆแต่ความเจ็บปวดนั้นหายไปเกือบหมด เหลือบมองคนที่นั่งยิ้มอยู่นอกกรง แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“ เฮ้ย! ไอ้เด็กสัตว์ประหลาดนั่น เข้ามาได้ยังไงเนี่ย” เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งทำให้เด็กชายผมดำสะดุ้งเฮือก
“ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” ร่างผอมสูงโดนมือหยาบหนาลากออกไป ท่ามกลางสายตาที่มองมาราวกับจะบอกว่า...อย่าไปนะ....ของร่างเล็กที่นั่งอยู่ในกรง
“ วุ่นวายนักใช่ไหมแก ถ้าว่างมากนักก็ไปนั่งทบทวนดูซิว่า อย่างแกจะทำตัวให้มีประโยชน์ได้ยังไง!” เพิงเก็บของที่ทำด้วยไม้แข็งแรงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันถูกเปิดออกก่อนที่ร่างของเด็กชายจะโดนเหวี่ยงเข้าไป แสงสว่างที่ลอดมาจากประตูถูกปิดลงทันที พร้อมกับเสียงล็อกกุญแจจากด้านนอก ความมืดมิดรายล้อมอยู่รอบกาย อีกครั้ง...และอีกครั้ง....ที่โดนขังเอาไว้แบบนี้....มือถลกขากางเกงขึ้นก่อนที่จะค่อยๆเลียแผลที่ถูกตีจนเป็นทางยาว.....รอยแผลที่เกิดจากการคิดที่จะหนีไปจากที่นี่
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงปลดล็อกกุญแจ ไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน เมื่อมือเปิดประตูออกช้าๆภายนอกนั้นก็มืดสนิท เหลือบมองไปรอบๆก็ไม่เห็นใครสักคน เสียงทุกเสียงเงียบลงไปหมดแล้วดูท่าทางว่าเต้นท์จะถูกตั้งขึ้นมาจนเสร็จและช่วงเวลานี้ก็คงจะดึกแล้ว ร่างผอมสูงค่อยๆขยับออกจากเพิงเก็บของช้าๆแล้วซ่อนเร้นไปกับความมืดมิดก่อนที่จะผลุบหายเข้าไปในเต้นท์ที่เด็กเงือกคนนั้นถูกขังอยู่
สายตาของเขานั้นมองเห็นในที่มืดได้ดีจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ ร่างกายจึงเดินเข้าไปใกล้กรงขังช้าๆ
แต่ภาพตรงหน้านั้นทำเอาหัวใจเจ็บแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้....
ร่างกายเล็กบางที่ขาวผ่อง บัดนี้มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด บางแผลยังมีเลือดไหลซึมออกมา ร่างเล็กๆนั้นนอนคุดคู้อยู่ที่เดิม
เด็กชายเดินเข้าไปหาด้วยดวงตาเหม่อลอย กรงขังไม่ได้ล็อคเพียงแต่โซ่ตรวนที่ข้อเท้านั้นก็ทำให้ไม่สามารถจะหนีไปไหนได้
“ ใคร....น่ะ.....” น้ำเสียงที่อ่อนแรงนั้นทำให้รู้สึกเศร้าสร้อย
“ ฉันเอง....” ไม่รู้ว่าตัวเองเปล่งเสียงแบบไหนออกไป เพราะตอนนี้ในใจนั้นคับแค้นจนสุดแสน ถ้าเพียงแต่เขาจะมีกำลังมากกว่านี้....มีกำลังพอที่จะช่วยทั้งตัวเองและร่างเล็กๆนี้ให้หลุดพ้นจากชะตากรรมที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม
เด็กชายผมดำก้าวเข้าไปในกรงแล้วนั่งลงข้างๆร่างเล็กที่ยังคงไม่ลุกขึ้นถอยหนีเหมือนเคย ดูจากสภาพร่างกายก็พอจะรู้แล้วว่าคงจะโดนตีจนหนีไม่ไหว มือหยิบผ้าที่ถูกโยนไว้อยู่ไกลๆมาคลุมให้ร่างเล็ก จับแขนเล็กที่มีรอยแผลมากมายขึ้นมาเลียให้ทีละแผลอย่างช้าๆ.....
ท่ามกลางความมืดมิดของทั้งราตรีและจิตใจ...ไร้เสียงพูดคุยและปลอบโยน แต่ความอบอุ่นกลับถูกถ่ายทอดให้แก่กันท่ามกลางความเงียบงัน
คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่ร่างเล็กซึ่งนอนอยู่ข้างกายมาอยู่ที่คณะละครสัตว์แห่งนี้ วันนี้ทั้งวันภายนอกเต้นท์ยังคงวุ่นวายกับการเตรียมงาน หัวหน้าคณะเพียงแต่เดินมาดูร่างเล็กบางที่ยังคงนอนหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากด่าทอจนพอใจแล้วก็เดินจากไป ตัวเขาเองก็ยังคงหลบๆซ่อนๆแอบดูอยู่ห่างๆ คงให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นคงไม่พ้นโดนลากออกไปขังอีกตามเคย
“ ลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยสิ ฉันไปแอบเอามาจากโรงครัวแน่ะ เอ...หรือว่าปลาอย่างนายจะกินแต่สาหร่าย ที่นี่ไม่มีแหะ” มือเล็กๆข่วนเข้าให้ที่แขน นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองมาอย่างเคืองๆ แต่ถึงอย่างนั้นลำตัวเล็กบางก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ ยังเจ็บตรงไหนอยู่อีกไหม” แทบจะเป็นเด็กชายผมดำที่พูดอยู่คนเดียว เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ มีเพียงท่าทางและแววตาเท่านั้นที่แสดงออกอย่างเต็มที่ว่าดื้อดึง มือเล็กหยิบขนมปังแข็งๆมากัดทีละน้อย
“ นายคงจะมาจากแม่น้ำกว้างๆที่ไหนซักแห่งใช่ไหมล่ะ” เด็กชายผมดำพูดในขณะที่เหม่อมองออกไปไกล ตัวเขาเองไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมาจากที่แบบไหน
“ โกคุเดระ ฮายาโตะ” เสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินเอ่ยออกมาจนใบหน้าคมของเด็กชายต้องหันไปมองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ ชื่อของฉัน แล้วก็มาจากทะเล ไม่ใช่แม่น้ำ”
“ งั้นหรอ” รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองแล้วหลุบตาลงมาจับจ้องขนมปังอีกครั้ง คนตรงหน้าให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นจนเขากล้าที่จะบอกชื่อของตัวเองออกไป...ชื่อ....ที่ไม่มีใครเรียกอีกหลังจากวันนั้น....วันที่ถูกจับตัวมา วันที่ต้องพลัดพรากจากท้องทะเลและเพื่อนพ้อง
“ นายน่ะ....สวยมากเลยนะ....ฉันแอบดูอยู่ตรงนั้นตลอดเลย”
“ .........” สวย....คำๆนี้ได้ยินจากใครต่อใครมาหลายคน แต่ทำไมพอได้ฟังจากปากของเด็กชายข้างๆใบหน้ากลับรู้สึกร้อนผ่าว ใบหน้าน่ารักยิ่งก้มลงไปหาขนมปังมากขึ้นกว่าเดิม
“ ชักอยากจะเห็นนายตอนอยู่ในทะเลซะแล้วสินะ ฮะ ฮะ” นัยน์ตาสีมรกตวูบไหวไปเล็กน้อย ใบหน้าใสแดงระเรื่อ มือเล็กอีกข้างเผลอกำเสื้อของอีกฝ่าย
“ อ๊ะ....” แต่แทนที่มือเล็กจะสัมผัสถึงความนิ่มของผิวมนุษย์ ภายใต้แขนเสื้อและถุงมือข้างนั้นกลับแข็งกระด้าง
“ อย่าดูเลย....นายอาจจะตกใจเมื่อเห็นมัน....” น้ำเสียงสดใสเมื่อครู่หม่นหมองลง สองมือเล็กวางขนมปังลงก่อนที่จะจับไปที่แขนข้างนั้นของเด็กชาย นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นเหม่อมองไปไกลราวกับกำลังมองผ่านความปวดร้าวที่อยู่ภายในจิตใจของตนเอง
“ เป็นเพราะแขนข้างนี้แหละ...ฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่....ฉันเองก็เคยโดนตีโดนทรมานเพราะคนพวกนั้นคิดว่าฉันจะเปลี่ยนร่างได้อย่างที่นายโดน....แต่ฉันก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้...เพราะแม้แต่ความทรงจำว่าตัวเองเคยเป็นอะไรกันแน่ยังไม่มีเลย....”
“..............” สองมือเล็กค่อยๆถอดถุงมือออกช้าๆ
ตั้งแต่โคนแขนแทนที่จะเป็นผิวมนุษย์ มันกลับปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็งกระด้างสีน้ำตาลเข้มไล่ลงมาเรื่อยๆจนสุดปลายแขน มือข้างนั้นก็ไม่ได้มีฝ่ามือนิ่มแต่กลับกลายเป็นอุ้งมือและกรงเล็บคมกริบ.....ราวกับมังกร......
ใบหน้าใสน่ารักแนบหน้าลงไปที่ลำแขนที่ดูน่ากลัวข้างนั้น นัยน์ตาสีมรกตปิดลงก่อนที่จะเปิดขึ้นอีกครั้งแล้วมองมาที่ใบหน้าคม
“ โกคุเดระ....” สิ่งที่แฝงมากับแววตาคู่นั้นมันกำลังปลอบโยนจิตใจที่อ่อนล้าให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
“ คอยดูนะ....” ร่างเล็กบางพูดออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ถังน้ำกระจกขนาดใหญ่ ปีนขึ้นไปแล้วหย่อนร่างกายลงยังผืนน้ำ
ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาเบิกกว้าง.....
ผมสั้นสีเงินยืดออกจนยาวสยายไปกับผืนน้ำ ผมด้านหน้าคลอเคลียกับใบหน้าน่ารักที่รู้สึกว่ามันสวยขึ้นจากความละมุนละไมที่เปลี่ยนไป นัยน์ตาสีมรกตสุกสกาวราวอัญมณีล้ำค่ามองมาที่เขา รอยยิ้มน้อยๆเผยออกมาจากริมฝีปากสีชมพู ใบหูแหลมมีครีบโปร่งใสซ้อนขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ผิวขาวเนียนละเอียดดูราวกับจะเปล่งแสงได้ถึงจะมีรอยแผลแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงดงามนั้นลดลงเลย ขาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นหางของนางเงือก เกล็ดสีเงินทอแสงสวยงามยามเมื่อต้องแสงจันทร์ ร่างเล็กบางแหวกว่ายพลิกกายไปมาอยู่ในน้ำ ทุกท่วงท่านั้นตราตรึงเข้าไปในจิตใจ.....งดงาม......
จากวันนั้นผ่านมาห้าปีแล้ว
ร่างกายที่เป็นแค่เด็กของเราทั้งคู่ต่างเติบโตขึ้น ถึงแม้ว่าโกคุเดระจะยอมกลายร่างเป็นเงือกให้ใครต่อใครดู แต่ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นความงดงามสมบูรณ์แบบ แบบที่เขาเคยได้เห็น ทุกๆครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ใจหนึ่งก็รู้สึกยินดีแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าตนเองนั้นช่างไร้ประโยชน์ ทั้งๆที่โกคุเดระไม่เคยเต็มใจที่จะต้องกลายร่างเป็นเงือกแหวกว่ายไปมาอยู่ในตู้ดั่งเป็นของโชว์ แต่ทำไมเด็กคนนั้นถึงยังยอมทำเรื่องแบบนั้นอยู่อีก...ถ้าไม่ใช่เพราะเขา....ภาพเหตุการณ์ของเมื่อคืนวันที่ห้าหลังจากที่โกคุเดระมาอยู่ที่คณะละครแห่งนี้ย้อนกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง
วันนั้นเขายังคงแอบเข้าไปหาเด็กเงือกแสนสวยตามปกติ ร่างเล็กบางไม่มีทีท่าว่าจะอาการดีขึ้นเลย ถึงแม้ว่าเขาจะเฝ้าเลียแผลให้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พอรุ่งเช้า หัวหน้าคณะและเหล่าชายร่างใหญ่ผู้ติดตามก็จะเข้ามาบังคับให้โกคุเดระกลายร่างเป็นเงือก เมื่อร่างเล็กนี้ยังคงดื้อรั้น ไม้เรียวในมืออวบอูมนั่นก็ยังคงฟาดลงไปไม่ได้ยั้ง แผลเก่าที่ควรจะหายสนิทกลับมีแผลใหม่มาเพิ่มเรื่อยๆ แล้วมีหรือที่ร่างกายของเด็กคนหนึ่งจะทนไหว...นั่นยังไม่รวมถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่พอกัน....
แต่เขาก็ยังคงช่วยอะไรไม่ได้เลย....
“ ลุกขึ้นกินขนมปังเถอะ วันนี้ฉันเอาแบบที่ยังร้อนๆมาให้เลยนะ” มือทั้งสองข้างค่อยๆประคองร่างเล็กบางขึ้นนั่ง หัวเล็กที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีเงินเอนซบมาที่ไหล่ของเขาเพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวอยู่
“..........” แขนผอมบางทั้งสองข้างโอบกอดแขนแข็งกระด้างที่อยู่ภายใต้ถุงมือของเขาเอาไว้ ใบหน้าน่ารักซบลงไป ถึงจะมองไม่เห็นแต่ความเย็นของหยดน้ำก็ทำให้รับรู้ได้ว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นกำลังหลั่งน้ำตาออกมา
“ สักวัน....ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่....” ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง แต่นั่นคือความตั้งใจอย่างแน่วแน่เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะมีได้
“ เพราะงั้น...ช่วยอยู่รอหน่อยนะ” ร่างเล็กๆที่กำลังสั่นสะท้านนิ่งไป เหมือนกับจะเข้าใจความหมายของถ้อยคำเมื่อครู่ มือเล็กเอื้อมไปหยิบขนมปังเข้าปากโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
“ อีกไม่กี่วันก็จะแสดงอยู่แล้วเชียว ยังไงๆคืนนี้ก็ต้องทำให้มันกลายเป็นเงือกให้ได้” แว่วเสียงดังจากทางเข้าเต้นท์ก่อนที่ผ้าคลุมเต้นท์จะถูกเปิดออกโดยที่เขายังไม่ทันที่จะได้หลบไปไหนด้วยซ้ำ
“ อ้าวเฮ้ย! ยามาโมโตะ แกมาอยู่ในนี้ได้ไง!” เสียงหัวหน้าคณะโวยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ข้างๆโกคุเดระ
“ อ๋อ....เพราะแกเองใช่ไหมที่คอยช่วยมัน มันถึงได้ยังดื้อด้านอยู่แบบนี้น่ะ เฮ้ย! ลากตัวมันออกมาสิ” สิ้นเสียงสั่ง สองมือหยาบหนาของชายร่างยักษ์ก็ลากเขาออกไปจากกรงทันที แขนเล็กที่พยายามรั้งเขาเอาไว้ได้แต่ยื้อยุดแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ แกเองมันก็เป็นแค่ไอ้สัตว์ประหลาดไร้ประโยชน์ แล้วแกก็กำลังพยายามเสี้ยมสอนให้สัตว์ตัวใหม่ของชั้นไร้ประโยชน์เหมือนแกด้วยใช่ไหม!” ความเจ็บแสบแล่นมาตามผิวเนื้อที่แขนเมื่อไม้เรียวในมืออวบอูมนั้นฟาดลงมา
“ อย่างแกมันเลี้ยงต่อไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ!” ทั้งดุด่า ทั้งเฆี่ยนตี สองแขนพยายามยกขึ้นกันใบหน้า สายตาเหลือบมองไปเห็นร่างเล็กบางของโกคุเดระที่พยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่และกรงขัง
“ จะตีให้ตายก็เสียแรงเปล่า เพราะตีเท่าไหร่แกก็ไม่เคยจำ!” แต่มือก็ยังคงกระหน่ำฟาดลงมา
“ ดีละ! ดี! ฉันจะเอาแกไปขาย ถึงจะถูกๆแต่อย่างน้อยมันก็ยังได้เงิน!”
“ อย่านะ!”
เสียงของโกคุเดระทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งลง ทุกสายตาต่างหันไปมองที่เด็กผมเงินคนนั้นเป็นตาเดียว
“ จะ....จะยอมกลายเป็นเงือกก็ได้...แต่ว่าห้ามขาย...ห้ามขายยามาโมโตะนะ!”
แล้วจากวันนั้นมา....โกคุเดระก็ยอมเป็นสินค้าหาเงินเข้าคณะละครสัตว์แห่งนี้ สิ่งมีชีวิตที่หายากและงดงามเช่นเงือกนั้นไม่ว่าใครต่างก็อยากเห็น....
แต่ทั้งๆที่เป็นดาวเด่นของที่นี่ ทั้งๆที่มีคนพร้อมจะห้อมล้อมและดูแล แต่โกคุเดระกลับไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจใคร มีเพียงแขนที่แข็งกระด้างเหมือนสัตว์ประหลาดข้างนี้เท่านั้นที่โกคุเดระกอดเอาไว้
มือของมนุษย์อีกข้างหนึ่งของเขายกขึ้นเกลี่ยปอยผมสีเงินที่ปลกละใบหน้าสวยที่ซบอยู่ที่หัวไหล่ เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ขยับเล็กน้อย ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ
“ ได้เวลาแล้วหรอ” เสียงนิ่มเอ่ยออกมาอย่างงัวเงีย
“ อืม....วันนี้ดูท่าทางว่าแขกที่มาชมจะเป็นแขกพิเศษนะ เห็นหัวหน้าคณะขนเก้าอี้นวมออกน่ะ”
“...............”
“ โกคุเดระ.....ฉัน.......”
“ ไปเตรียมตัวเถอะ แกควรจะไปตรวจดูเชือกพวกนั้นบ้างนะ”
“ อะ....อื้ม” ร่างที่เคยเล็กบางกลับสูงขึ้นแลดูสะโอดสะองกว่าเดิมมากของโกคุเดระลุกขึ้นตัดบทแล้วเดินจากไป เพราะโกคุเดระรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร
ดูท่าทางว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่พิเศษ เพราะทางคณะงดที่จะขายบัตรให้แก่บุคคลทั่วไป ในเต้นท์สำหรับการแสดงนั้นมีเพียงเก้าอี้ไม่กี่ตัว และคนที่มีฐานะร่ำรวยพอที่จะมาเหมาการแสดงทั้งคืนแบบนี้ก็คงมีไม่มากนัก
“ ท่านนายพลของรัฐบาลจะมาดูแหละวันนี้...ต้องแสดงให้เต็มที่นะเผื่อว่าจะเข้าตาแล้วท่านจะเก็บไปเลี้ยง แบบนั้นมีหวังสบายไปทั้งชาติ” เสียงของนักแสดงหญิงคนหนึ่งแว่วเข้ามาในหูในขณะที่เขากำลังตรวจดูเชือกเส้นใหญ่กับราวโหน....เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องแสดงผาดโผน โหนเชือกที่อยู่สูงจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของเต้นท์
ไม่นานรถเหล็กที่หาดูได้ยากก็ขับเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าเต้นท์ ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เดินลงมาจากรถด้วยลำตัวตรง แค่มองจากตรงนี้ก็รู้ได้ว่าชายคนนี้คงมียศถาบรรดาศักดิ์และยืนอยู่เหนือผู้คนมากมาย
การแสดงเริ่มต้นเมื่อชายคนนั้นนั่งลงที่เก้าอี้ ทุกอย่างดูราบรื่นดี เขาเองก็เตรียมขึ้นไปยังจุดที่จะโหนตัว จากตรงนี้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเต้นท์ ตู้กระจกขนาดยักษ์ถูกเลื่อนขึ้นมาจากพื้น โกคุเดระในร่างของเงือกลอยนิ่งอยู่ในน้ำใส ความงดงามนั้นสะกดทุกสายตาของคนที่เข้าชม ไม่เว้นแม้แต่ชายคนนั้นที่จ้องมองโกคุเดระตาไม่กระพริบ....
ทั้งๆที่เขาเองก็เห็นภาพแบบนี้ทุกครั้งที่แสดง แต่ทำไมวันนี้มันถึงได้รู้สึกไม่ดีอย่างแปลกประหลาด....สายตาที่นายพลคนนั้นจ้องมองโกคุเดระ....มันไม่น่าไว้วางใจเสียเลย
มองเห็นนายพลหันไปกระซิบกระซาบอะไรกับคนที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่หัวหน้าคณะของเขาจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้ด้วยสีหน้าลำบากใจ ยังไม่ทันที่เขาจะได้คาดเดาสิ่งใด ร่างสูงใหญ่นั่นก็เดินเข้าไปใกล้ตู้กระจก โกคุเดระที่มีท่าทางตกใจเริ่มขยับถอยหนี แต่ก็ไม่ทันแขนคู่แข็งแรงที่ซ้อนตัวเงือกแสนสวยขึ้นจากน้ำอย่างถือวิสาสะ
ร่างกายของเขามันขยับไปเอง.....
มือข้างที่เป็นมนุษย์จับราวโหนมั่นก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปสุดปลายเชือก ได้ยินเสียงหวีดร้องของบรรดานักแสดงหญิงเมื่อมันยังไม่ถึงคิวที่เขาจะต้องก้าวออกไป...โดยไม่ทันที่จะรู้ตัว แขนแปลกประหลาดข้างนั้นก็คว้าเอาตัวเงือกสีเงินเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่แรงเหวี่ยงของเชือกจะเหวี่ยงร่างของเราทั้งคู่ขึ้นสู่แท่นอีกด้านหนึ่งของเต้นท์
“ ยามาโมโตะ!” โกคุเดระเรียกเขาพร้อมกับกอดแขนข้างนั้นแน่น ถึงมันจะแข็งกระด้างแต่ก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของร่างบางที่กอดมันอยู่
“ ไม่ต้องกลัวนะโกคุเดระ” มืออีกข้างลูบเส้นไหมสีเงินยาวที่ยังเปียกชุ่ม เหลือบมองไปที่ด้านล่างดูโกลาหลเล็กน้อย ภาพต่อไปจะเป็นยังไงเขาเองก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้สองแขนกำลังยกร่างบางขึ้นก่อนที่จะวิ่งหนีหายออกมายังด้านนอก
นมอุ่นๆถูกยื่นให้แก่ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนพื้น ร่างกายถูกพันหุ้มไว้ด้วยผ้าห่มผืนเก่า หางของเงือกกลายมาเป็นขาตามปกติ แต่ผมสีเงินที่ยาวถึงกลางหลังนั้นตราบใดที่ยังไม่แห้งมันก็จะยังไม่หดสั้นลง
เสียงจากภายนอกสงบลงแล้ว ได้ยินเสียงรถเหล็กแล่นออกไปไกล ไม่นานก็ได้ยินเสียงกลุ่มนักแสดงเดินผ่านที่ด้านนอกเต้นท์ มีทั้งเสียงพูดคุยตามปกติ และ.....
“ น่าอิจฉาชะมัด”
“ ก็หล่อนอยากไม่สวยเหมือนเด็กนั่นนี่ ใครเค้าจะเอา”
“ ย่ะ! หัวหน้าคณะก็เถอะ ขายเด็กนั่นไปแล้วคิดจะทำยังไงกับที่นี่เนี่ย ใครเค้าจะเข้ามาดูสัตว์พิการๆตัวอื่นๆ ถ้าไม่มีเด็กนั่น”
“ แหม...ไม่ได้ยินราคาที่ท่านนายพลเสนอมารึยังไง...นั่นน่ะ ซื้อได้แทบจะทั้งคณะแล้ว!”
“ ยังไงก็น่าอิจฉาน่ะ...”
เสียงจางหายไปเมื่อกลุ่มคนพวกนั้นเดินจากไปไกล....
เขากับโกคุเดระมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว ถึงจะไม่อยากคิด แต่คนที่อยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่......
“ ฉัน....กำลังจะถูกขาย......” ใบหน้าสวยเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ทั้งๆที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่สินค้าที่ถูกซื้อมาและขายไป แต่จะมีใครบ้างที่จะสามารถยอมรับมันได้โดยดุษฎี
“ ...................” คำพูดที่อยากจะเอ่ยออกไปนั้นจุกอยู่ที่ลำคอ ที่ที่โกคุเดระจะถูกขายต่อไปนั้นไม่ใช่คณะละคร แต่เป็นขายให้กับผู้ชายคนนั้น แค่เห็นการกระทำในวันนี้ เขาก็รู้แล้วว่าต่อไป โกคุเดระจะเจอกับอะไรบ้าง....มือได้แต่กำหมัดแน่น.....
“ ไม่อยากไป....อยากอยู่กับนาย...ที่นี่....หรือที่ไหนก็ได้........ไม่อยากไป.....” เสียงแผ่วเบาหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากสีชมพู สองแขนบอบบางกอดแขนข้างประหลาดของเขาแน่น
“ โกคุเดระ....” นัยน์ตาที่มืดมนและสิ้นหวังของเราทั้งคู่จ้องมองกันและกัน ใบหน้าเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ
ริมฝีปากแนบสัมผัสแผ่วเบาลงไปที่ริมฝีปากนิ่ม ทุกความรู้สึกดูเหมือนจะถูกถ่ายทอดให้แก่กันและกัน
“ ฉันจะทำตามที่สัญญา....ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่” ถึงแม้จะไม่มีพละกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเลย แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะหนีอีกครั้ง เขาทนไม่ได้กับอนาคตที่โกคุเดระจะต้องไปเจอ ทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นนัยน์ตาสีมรกตที่เศร้าสร้อยคู่นั้น
ค่ำคืนที่มืดมิดคืนหนึ่งหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน คือวันที่เราเลือกที่จะหนี ชายป่าที่ติดกับลานกว้างที่ตั้งเต้นท์ของคณะละครสัตว์คือช่องทางที่เราเลือกที่จะไป
เขาไม่รู้เลย...ว่าจะหนีไปทางไหน และจะหนีรอดได้อย่างไร เพราะตั้งแต่วันนั้นโกคุเดระก็ถูกคุมตัวแจราวกับว่ากลัวของมีค่าที่สุดจะหายไป คงอีกไม่นานที่พวกคณะละครสัตว์จะรู้ตัวและระดมคนออกมาตามหาพวกเขา แต่ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่ ขอเพียงแค่มีแสงสว่างเพียงนิดเขาก็พร้อมที่จะเสี่ยงวิ่งไปหามัน
นัยน์ตาของเขามองเห็นได้เป็นอย่างดีในที่มืด.....
มือข้างที่เป็นมนุษย์กำมือบางของโกคุเดระแน่น ขาก้าวผ่านกิ่งไม้มากมายที่ขวางกั้นอยู่
“ พวกนั้นรู้แล้ว...ว่าฉันกับนายหายตัวไป” หูของโกคุเดระดีมากกว่าคนปกติหลายเท่า จึงไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายในคณะละครสัตว์ที่อยู่ไกลออกไป
“ ไม่ต้องกลัว....ไม่ต้องกลัว...เราจะหนีรอด” คำกระซิบนั้นราวกับจะเน้นย้ำให้ตัวเองฟังด้วย มือกระชับมือบางยิ่งขึ้น ขาทั้งสองคู่ก้าวเดินเร็วกว่าเดิม ความกดดันที่ไล่ตามมานั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
เสียงเห่าขู่กรรโชกของสุนัขล่าเนื้อดังแว่วมากับสายลม นั่นยิ่งทำให้ขาที่ก้าวเดินเปลี่ยนเป็นออกวิ่ง กิ่งไม้น้อยใหญ่เกี่ยวจนร่างกายได้แผล แต่ขาทั้งสองคู่ก็ยังไม่หยุดวิ่ง
“ อ๊ะ!” แล้วก็เป็นขาเรียวเล็กที่สะดุดกับรากไม้ใหญ่ล้มลง
“ เป็นไงบ้างโกคุเดระ” แขนแข็งแรงประคองร่างที่นั่งอยู่กับพื้น มือค่อยๆจับข้อเท้าที่ยังติดอยู่ที่รากไม้
“ อุ....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แต่ร่างบอบบางก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้น ท่าทางการก้าวเดินแบบนั้นดูก็รู้ว่าคงจะเจ็บมาก เขาตัดสินใจแบกร่างของโกคุเดระขึ้นหลังทันที
“ ยามาโมโตะ....” สองแขนเล็กกอดไปที่รอบคอ
“ ไม่เป็นไร....แบบนี้จะเร็วกว่า” ถึงหูของเขาจะไม่ดีเท่า แต่ตอนนี้เสียงฝูงสุนัขก็ดังไล่มาไม่ไกล....ข้างหน้า....อีกไม่ไกลก็จะพ้นชายป่า.....คงจะมีทางหนีอื่นๆได้อีกบ้าง
สองขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ แขนที่เกาะอยู่รอบลำคอเขาสั่นเกร็งอย่างรู้สึกได้
อีกนิด....อีกนิดเดียวก็จะพ้นชายป่า......
แต่เมื่อขาก้าวพ้นแนวป่าออกมา ไฟสว่างจ้าจากตะเกียงมากมายก็สาดส่องมายังใบหน้าของคนทั้งคู่
“ เจอตัวจนได้นะ.....” เสียงที่คุ้นเคยของหัวหน้าคณะทำเอาหัวใจหล่นวูบ จะก้าวถอยหลังก็ไม่ได้ด้วยฝูงสุนัขล่าเนื้อนั้นขู่กรรโชกรออยู่
“ เอาตัวเด็กนั่นมา!” สิ้นเสียงสั่งร่างของโกคุเดระก็ถูกแย่งไปโดยชายฉกรรจ์ร่างยักษ์
“ ยามาโมโตะ!!!” สองแขนเล็กถูกล็อคไว้ด้วยชายร่างยักษ์สองคน โกคุเดระพยายามดิ้นจากการจับกุม นัยน์ตาสีมรกตมองอย่างแน่วแน่มาที่เขา
“ แกที่คิดจะพาสินค้าชั้นดีของชั้นหนีไป....สงสัยจะเลี้ยงเอาไว้ไม่ได้แล้วละ ยามาโมโตะ.....” น้ำเสียงเย็นเชียบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนของหัวหน้าคณะทำเอาขนลุกเกรียว
“ แต่คราวนี้ชั้นจะไม่ตีแกอีกแล้ว....เพราะสัตว์ประหลาดอย่างแก ตีไปมันก็ไม่เคยจำ!” ดวงตาโหดเหี้ยมสบประสานกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่จ้องตอบกลับไปของเขา
“ พวกแก จัดการมันซิ ฆ่ามันให้ตายต่อหน้าคนที่มันรักนี่แหละ!”
“ อย่านะ!!!” เสียงของโกคุเดระตะโกนออกมาพร้อมกับกลุ่มชายร่างยักษ์ที่ย่างสามขุมเข้ามาช้าๆ ดวงตาที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือดจ้องมองเขาราวกับเจอเหยื่ออันโอชะ
“ แกจะได้รู้ ว่าสัตว์ประหลาดอย่างแกต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันคว้าของล้ำค่ามาครอบครองได้หรอก”
ทุกถ้อยคำล้วนเชือดเฉือนและตอกย้ำลงไปในจิตใจถึงความเป็นจริงที่ปรากฏ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายาม....พยายามด้วยชีวิตทั้งชีวิตของเขา!
ร่างกายและประสาทการรับรู้ทุกส่วนตื่นตัวและพร้อมที่จะต่อสู้ ทั้งหลบหลีกร่างใหญ่ยักษ์ที่พุ่งเข้ามา ทั้งปล่อยหมัดและเท้าออกไปหวังที่จะล้มคนพวกนั้นได้บ้าง เขาจะสู้...สู้จนถึงที่สุด ด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี
แฮ่ก....แฮ่ก......
แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นแทบจะไม่เกิดผล นักกายกรรมผาดโผนที่เป็นเพียงแค่สัตว์ประหลาดอย่างเขาหรือจะสู้ชายร่างยักษ์ที่ผ่านการต่อสู้มานักต่อนักพวกนี้ได้ ร่างกายที่เหนื่อยล้าจนแทบจะยืนไม่อยู่ถูกฝ่ามือกระแทกลงไปที่แผ่นหลังจนทรุดลงกับพื้น ได้ยินเสียงร้องห้ามของโกคุเดระอยู่ตลอดเวลา แต่ดวงตาที่มองเห็นได้ดีในที่มืดกลับเริ่มพร่ามัว ความรู้สึกเจ็บแล่นปลาบมาตามแขนข้างประหลาด เมื่อแผ่นหลังถูกกดยันเอาไว้ด้วยเท้าใหญ่แต่แขนข้างนั้นยังถูกดึงเอาไว้อยู่
“ อ๊ากกกกกกกกกกก!” เจ็บ...ราวกับแขนจะหลุดออกไป ได้ยินเสียงกระดูกลั่น ก่อนที่ความรู้สึกจากแขนข้างนั้นจะส่งผ่านมาไม่ถึงร่างกายอีกต่อไป
“ ยามาโมโตะ!!!” แลเห็นแค่นัยน์ตาสีมรกตเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงไปกองกับพื้น
“ อุก...” ขาของใครบางคนกระแทกเข้าที่สีข้างจนตัวกลิ้งไปอีกทาง เลือดคาวไหลออกมาจากริมฝีปาก
รู้สึกถึงแรงกระแทกลงมาที่แผ่นหลังอีกนับครั้งไม่ถ้วน เจ็บจนกลับกลายเป็นความด้านชา
“ หยุดนะ!!!” นัยน์ตาที่พร่ามัวมองเห็นแผ่นหลังบอบบางของโกคุเดระอยู่ใกล้แค่เอื้อม สองแขนเล็กกางกั้นไม่ให้คนพวกนั้นเข้ามาทำร้ายเขา
“ แกเองก็ต้องโดนทำโทษ!” ได้ยินเสียงไม้เรียวตะหวัดผ่านอากาศ ก่อนที่ร่างของโกคุเดระจะเอนซบลงมาที่ข้างกายเขา เลือดสีแดงสดไหลลงมาตามแขนเล็ก
“ โกคุ....เด...ระ.....” แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางที่สั่นเทาก็ยังคงหันกลับไปกางแขนปกป้องเขา
ความจุกแน่นแล่นลิ่วขึ้นมาทุกส่วนของร่างกาย....
กลิ่นเลือดของโกคุเดระ....
น้ำตาของโกคุเดระ....
ร่างกายที่สั่นสะท้านของโกคุเดระ....
ทั้งๆที่ฉันเป็นแค่สัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจในสายตาของใครต่อใคร แต่นายก็ยังมอบรอยยิ้ม มอบความรักมาให้แก่ฉัน....
จะมีทางไหนบ้างไหมที่จะหยุดเลือดและน้ำตาที่กำลังไหลลงมาของนาย.....
จะมีพระเจ้าองค์ไหนยอมแลกมันกับชีวิตที่ไร้ประโยชน์นี้บ้างหรือเปล่า.....
ฉันจะยอมยกให้.......ชีวิตของฉัน
“ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
ทั่วร่างร้อนดั่งไฟ เสียงครืดคราดเสียดสีของเกล็ดแข็งสีน้ำตาลเข้มดังระงม แขนทั้งสองข้างกลายร่างดั่งอุ้งเล็บมังกร เท้าทั้งสองข้างก็ไม่ได้ต่างกันเพียงแต่อุ้งเท้านั้นใหญ่กว่าอุ้งมือ เล็บครูดไปกับเกล็ดแข็งที่แขนเมื่อแผ่นหลังนั้นปวดแสบปวดร้อน กระดูกกำลังเคลื่อนที่ ร่างกายงองุ้มเมื่ออะไรบางอย่างค่อยๆทะลุแผ่นหลังออกมาช้าๆ ก่อนที่มันจะสะบัดกางออกเป็นปีกมังกรขนาดใหญ่ นัยน์ตาสีเปลือกไม้ค่อยเรียวเล็กเป็นขีดเส้นตรงตั้งอยู่ตรงกลางราวกับนัยน์ตาสัตว์ สติที่มีอยู่กำลังจะหายไป
ความร้อนพุ่งทะลวงออกจากร่างผ่านริมฝีปากเป็นเปลวไฟที่เผ่าทุกอย่างให้มอดไหม้ เสียงกรีดร้องโหยหวนลอยเข้ามาในโสตประสาทที่แข็งเกร็ง
“ ยามาโมโตะ!” เสียงเสียงหนึ่งกับอ้อมแขนที่กอดแขนข้างนั้นแน่นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลง
สติที่ขาดหายไปค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้ง.....
“ โกคุเดระ....” เขาก้มลงไปมองใบหน้าสวยที่มองมาด้วยแววตาหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย มืออีกข้างหมายจะป้ายหยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม แต่แล้วก็ต้องผงะไปเมื่อมองเห็นมือของตัวเองชัดๆ แขนทั้งสองข้าง....กลายเป็นแขนของสัตว์ประหลาดไปแล้วทั้งคู่
สายตากวาดมองไปรอบกาย.....ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนวอดวายด้วยเพลิงที่โหมกระหน่ำ แผ่วงกว้างไปจนถึงเต้นท์ของคณะละครสัตว์ กลิ่นเนื้อไหม้โชยออกมาจากร่างไร้วิญญาณของใครสักคนที่อยู่ตรงหน้า
เสียงพรึ่บพับของปีกที่ขยับอยู่ข้างหลัง....
เขา....กลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว...และเขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง......
“ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก” สองมือจับขยุ้มกุมมาที่หัว เล็บที่แหลมคมสร้างบาดแผลให้แก่ตัวเองจนเลือดไหลย้อย
“ ยามาโมโตะ!” อ้อมแขนเล็กโอบกอดมาที่รอบกายเขา
“ ไม่เป็นไร.....ไม่เป็นไร.....” ความอบอุ่นที่ส่งผ่านอ้อมกอดมาทำให้เขาหยุดคลุ้มคลั่ง นิ้วเล็กๆป้ายน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
“ ฉันไม่กลัวนายหรอก...เพราะนายไม่ใช่สัตว์ประหลาด....”
“ แต่นายคือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ของฉัน”
“ โกคุเดระ....”
สองแขนแปลกประหลาดกอดกระชับรอบลำตัวบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าซบลงที่ไหล่บอบบาง
“ มันจบลงแล้วยามาโมโตะ....ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นอิสระ....เราจะไปอยู่ด้วยกันสองคน...ที่ไหนก็ได้ที่มีนายกับฉัน”
เขาพยักหน้ารับกับคำพูดและรอยยิ้มน้อยๆที่ส่งมาให้ พยุงร่างบอบบางให้ลุกขึ้นช้าๆ
นัยน์ตาของเราทั้งคู่หันไปมองกลุ่มควันและความสับสนอลหม่านของเต้นท์คณะละครสัตว์....
จบสิ้นกันเสียที....กับความสิ้นหวัง ความเจ็บปวด ความทรมานอันยาวนานของพวกเรา.....
สองแขนกระชับร่างบอบบางก่อนที่ปีกใหญ่จะโบกสะบัด พัดกระพือให้ร่างของเราทั้งคู่โผบินออกไปยังอิสระที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิต....
ในโลกกว้างแห่งนี้....จะต้องมีสักที่.....ที่เป็นที่ของเรา
.........ที่ของเรา.......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
FIN
-- Epilogue --
“ โกคุเดระ! ขึ้นมากินข้าวได้แล้ว...” เสียงตะโกนก้องลงมาจากหน้าผาสูงชัน บ้านหลังน้อยที่สร้างจากไม้ง่ายๆตั้งอยู่บนหน้าผาอันโดดเดี่ยว ไร้เส้นทางการเชื่อมต่อไปยังที่ใดเพราะคนที่อาศัยอยู่ไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกับใคร
“ ลงมารับหน่อย” เสียงตะโกนขึ้นมาจากท้องทะเลกว้าง ร่างขาวผ่องร่างหนึ่งผุดขึ้นมาเหนือน้ำ เส้นผมสีเงินยาวสยายเป็นประกาย ไม่ต่างไปจากนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่สดใสสวยงามราวกับอัญมณี
“ ฮะ ฮะ ลงมาเองได้ แต่ทำไมขึ้นมาเองไม่ได้ล่ะ” ใบหน้าหล่อคมยิ้มแย้มมาให้ รอยยิ้มที่มาจากความสุขใจไร้ความกังวลและเศร้าหมองดังเช่นวันวาน ปีกใหญ่ค่อยๆโผล่ออกมาจากกลางหลังก่อนที่จะแผ่ขยายออกประคองให้ร่างกายที่สูงใหญ่ตามวัยลอยลงมาจากหน้าผาอย่างสง่างาม
“ ก็ฉันไม่มีปีกเหมือนนายนี่นา” สองแขนแข็งแรงที่มีผิวหนังแบบมนุษย์โอบรัดไปที่ร่างเงือกสีเงินก่อนที่จะยกขึ้นจากน้ำ สองแขนบางโอบกอดไปรอบลำคอแกร่ง.....ยามาโมโตะสามารถควบคุมร่างกายที่มีเชื้อสายของเผ่ามังกรได้อย่างชำนาญแล้ว จึงสามารถเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้ตามที่ใจต้องการ
“ เห๋....ถ้านายมีปีกคงสวยน่าดู...” ร่างสองร่างค่อยๆลอยขึ้นไปยังฟากฟ้า
“ ฉันเคยอยู่แต่ในทะเล แต่พอมาอยู่บนฟ้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ ฉันน่ะ อยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีโกคุเดระ!”
“ หึหึ...งั้นวันหลังนายก็ลงทะเลกับฉันบ้างดีมั๊ย”
“ ฮ่าๆๆ...นั่นสิน้า....”
PiERROT Talk...
เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นฟิกที่ติดอันดับท็อปทรีของเรื่องที่ชอบในบรรดาเรื่องที่แต่งเองทั้งหมดเลยค่ะ แต่งเสร็จแล้วหลอนอยู่หลายวันมากกก มันเป็นอะไรที่ไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปจากหัวได้ มีพลังทำลายล้างทั้งอิมเมจของตัวละครอย่างก๊กและยามะ ทั้งเรื่องที่ดูเศร้าซึ้งรันทดโหยหา แต่งไปก็พรากๆไปตั้งแต่ต้นจนเกือบจะจบเรื่องน่ะ ส่วนแรงบันดาลใจของเรื่องนี้ก็อย่างที่เคยบอกในบอร์ดนั่นแหละค่ะ ....ฉากบางฉากและตัวละครบางตัวจากเรื่อง LETTER BEE..ที่ได้ดูตอนช่วงวันหยุดยาว...นะ...ปกติก็เป็นคนที่มีอะไรฝังใจกับคณะละครสัตว์อยู่แล้ว พอได้ดูเรื่องนั้นเลยยิ่งโฮกเข้าไปใหญ่ ชอบอะไรที่มันพีเรียดๆ แล้วยุคที่ชอบที่สุดก็ต้องยุคกลางนี่แหละค่ะ โกธิคสุดยอดดด สวยด้วยโครงสร้าง....อะ...กลับมาที่ฟิกๆ....แล้วยิ่งพอได้ฟังเพลงจบที่2 ของผึ้งจดหมาย ยิ่งพีคหนักเข้าไปใหญ่ เพลง Hikari no Kioku ของวง Angelo ชอบเพลงนี้มากกก เปิดวนไปวนมาในขณะที่แต่งเรื่องนี้เลยค่ะ เพราะทั้งเวอร์ชั่นปกติและเวอร์ชั่นบรรเลง ฟังแล้วเพ้อ 555 อยากจะเล่าเกี่ยวกับความหลอนตอนตั้งชื่อเรื่องอยู่หรอกนะคะ แต่กลัวจะยาว ฮ่าๆ เพราะงั้นปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไปดีกว่า...แต่แม่งหลอนมากเลยค่ะ...คิดแล้วยังขนลุก...ว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ว่านะ...ความบังเอิญไม่มีในโลก จะมีก็แต่พรหมลิขิต (ยืมคำพูดเจ๊ยูโกะจาก โฮลิคมาใช้ซะเลย 55) อร๊าย
PiERROT Illus by Cray
บอกได้คำเดียวว่าเริ่ดอ่ะ- -
ตอบลบอยากลงไปแหวกว่ายในน้ำบ้างจัง
เผื่อว่าจะมีหนุ่มมังกรมาอุ้มขึ้นจากน้ำบ้าง
(มังกรจับพะยูน555+)